ความคิดเห็นที่ 1 เราเห็นด้วยมากๆ ที่ว่า "อยู่อย่างพอเพียง" เลยไม่พัฒนา แต่ทั้งนี้การที่เราจะพัฒนาอะไรสักอย่าง มันไม่ใช่เรื่องง่าย ก่อนที่เราจะพัฒนาอะไรสักอย่างให้สำเร็จนั้น เราจะต้อง educate คนในองกร หรือ ประเทศ นั้นๆซะก่อน ให้ทุกคนมีความเข้าใจตรงกัน นอกจากเป้าหมายระยะยาวแล้ว เราควรตั้งเป้าหมายระยะสั้นร่วมกันด้วย เพื่อให้ทุกคนไปถึงเป้าหมายตามที่ตั้งไว้ด้วยกัน แบบนี้จะทำให้เราเดินไม่หลงทาง และไปถึงเป้าหมายได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ประเทศไทย ประชากรส่วนมากก็ยังล้าหลังอยู่ ครั้นจะเร่งพัฒนาเลยก็คงไม่ได้ การอยู่อย่างพอเพียง ในที่นี่หมายถึง การที่เราอยู่อย่างประหยัด ไม่ใช้ของต่างประเทศมากนักเพื่อลดการขาดดุล ไม่ได้รวมถึงหลักการพัฒนาเศรษฐกิจแต่อย่างใด ประชากรไทยอยู่อย่างพอเพียง และก่อให้เกิดการพัฒนาร่วมด้วยนั้น ประเทศไทยควรเร่งการส่งออก และลดการนำเข้า ช่วยกันหาเงินเข้าประเทศมากกว่าให้เงินออกไป ช่วยกันคนละไม้ละมือแบบนี้ ไม่กี่ปี เราจะมีเงินเข้าคลังมากขึ้น แต่ทั้งนี้มันก็ต้องขึ้นอยู่กับ รัฐบาล ของเราด้วยว่า พอมีเงินเข้าคลังแล้ว จะเอาเงินไปพัฒนาอย่างไรให้เกิดประโยชน์ ก็ลองดูเอาละกัน แต่ละคนที่เป็นนายก รัฐมนตรี เค้าทำตัวกันยังไง ไม่ได้ว่าใครนะ แต่มันอยู่ที่เค้าเหล่านั้นหล่ะ ว่าจะพาประเทศเราไปในทิศทางไหน จากคุณ : [7th Heaven] - [ 17 ม.ค. 51 06:09:45 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้าอ่านหนังสือหลายๆ ที่ รับข้อมูลหลายๆ แห่ง ก็คงพอรู้กันน่ะค่ะ ว่าอะไรคือ สาเหตุที่ทำให้ไทยไม่พัฒนาเท่าที่เป็น มันมีหลายสาเหตุค่ะ ขี้เกียจเขียน (เด๋วจะเป็นการเมืองซะก่อน ฮ่าๆๆ) ถ้าจะดูจากตัวอย่างประเทศที่น้องหนอนให้มา ประเทศที่ไม่มีอะไร ทำไมพัฒนาได้ นั่นคือ เพราะทรัพยากรมนุษย์ไงคะ ประเทศหลายเเห่งเน้นการพัฒนาการศึกษาและวิทยาศาสตร์ที่เป็นรากฐานของประเทศ ลองดูนะจ๊ะว่าเป็นไง น้องหนอนเห็นไหม ประเทศเล็กๆ ทรัพยากรธรรมชาติ เขาส่งเสริมด้านการวิจัย ด้านการศึกษา การพัฒนาวิทยาศาสตร์ขนาดไหม เนเธอเเลนด์ จะจมน้ำไม่จมแหล่ คนก็พัฒนาสร้างเทคโนโลยีให้ประเทศอยู่กันได้ การพัฒนาคน คือ การพัฒนาที่ยั่งยืนที่สุด เพราะคนที่มีคุณภาพ - สังคมจะมีคุณภาพ - คนจะสร้างครอบครัวคุณภาพ - เด็กที่เกิดมาก็มีคุณภาพ แต่การพัฒนาคนนี่มันนานและไม่ง่ายนา อย่าเศร้าไปเลยน้องหนอน พี่คิดว่า ข้อดีของคนไทยมีเยอะนะ และพี่ขอขัดนิดหน่อยนะคะ พี่ว่า ประเทศไทยไม่สบายค่ะ แต่ไม่ใช่ไม่ดีนะ อย่าตีความผิด คนที่สบายคือคนที่มีเงิน ลองไปดูตามต่างจังหวัด ชาวบ้านหาเช้ากินค่ำ นอนน้ำครำ คนแก่ขับสามล้อ กรรมกรป้าแก่ๆ มาเฟียท้องถิ่น ฯลฯ แต่เราไม่เห็น เพราะเราไม่อยากเห็นกัน ความจริงมันเจ็บค่ะ ไม่พูดมากกว่านี้ล่ะกัน จากคุณ : นู๋ ม. - [ 17 ม.ค. 51 06:35:44 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เห็นด้วยกับนู๋ ม. ทรัพยากรมนุษย์เป็นกลไกของการพัฒนาจริงๆ ประเทศอเมริกา แคนาดา ญี่ปุ่นและอีกหลายประเทศมีภัยธรรมชาติตลอดปี ไม่ว่าจะซึนามิ ภูเขาไฟ ทอร์เนโด พายุหิมะ และอีกมากมาย รัฐบาลและคนของประเทศนั้นๆ ทุ่มเงินมหาศาลกับการแก้ไข พัฒนาระบบเพื่อให้รู้ล่วงหน้า คาดการณ์อย่างแม่นยำ คนก็ใส่ใจในการพยายามแก้ไขปัญหา การที่เกิดภัยพิบัติ แน่นอนว่าจะต้องเกิดความแร้นแค้นด้านทรัพยากรอาหาร สัตว์และพืชจมน้ำตาย ทรัพยากรดิน ปุ๋ยและระบบนิเวศน์เสียสมดุล ความเสถียรของการเพาะปลูกไม่ยั่งยืน แต่เค้าก็สามารถสู้กับมันได้ การที่ประเทศไทยมีความอุดมสมบูรณ์ด้านทรัพยากรธรรทมชาติในบางพื้นที่ส่วนนึงเพราะคนในพื้นที่ใส่ใจ ในการพัฒนา แต่บางพื้นที่ที่แร้นแค้นก็มีความเป็นไปได้ว่า ดิน น้ำ อากาศ หรือแม้แต่คนในพื้นที่ขาดวัตถุปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นความรู้ด้านการพัฒนาพื้นที่เกษตร หรือ ขาดสิ่งจำเป็นง่ายๆอย่างน้ำหรือฝน ประเทศเราโชคดีอยู่มากที่มีพระมหากษัตริย์และข้อคิดที่เป็นตรรกะและยั่งยืน ความพอเพียง หลายๆครั้งที่สังเกตพฤติกรรมตัวเองนะคะ ความพอเพียงเป็นคอนเซ๊ปง่ายๆ แต่ทำยากเหลือเกิน เหมือนเราต้อง commit กับสิ่งๆนี้ ตัด ลด ละเลิก เหมือนคนเลิกเหล้าหรือบุหรี่ (ไม่เสพทั้งคู่ค่ะ) ทำได้ยากจริงๆ เห็นอะไรก็ยังอยากได้อยากมี แล้วขนาดตัวเรายังก้าวไปไม่พ้นเงาตัวเองเลย แล้วจะเราจะไปเปลี่ยนคนอื่นให้เป็นอย่างที่เราหวังได้ไงล่ะคะ ทุกอย่างคงต้องเปลี่ยนอย่างค่อยเป็นค่อยไปค่ะ จากคุณ : A Princess - [ 17 ม.ค. 51 07:08:59 ]

ความคิดเห็นที่ 4 มาอยู่เมืองไกลหลายที่ หันกลับไปบ้านเราก็เศร้าใจ เศร้า คงสายไปที่จะแก้แล้วล่ะ ขนาดแค่ขึ้นแทกซี่จากสนามบินเราก็ แทบแทรกแผ่นดินหนี พื้นฐานจิตใจ การศึกษา คุณธรรม ถอยลงคลอง จะให้ขยันขันแข็ง สู้ๆๆ แบบประเทศอื่นคิด ยากมากๆ มันต้องฝังกันมาแต่เด็กตัวเล็กๆ อธิบายไงดี เรา เคยคิดแบบนี้ สักพักเรารู้สึก hopeless ไปเอง จิตตก จากคุณ : คนไทยก็ทำได้ - [ 17 ม.ค. 51 08:12:21 ]

ความคิดเห็นที่ 5 พี่ว่าเรื่องพัฒนา ประเทศเรายังอีกยาวไกลเลยล่ะ ต้องเปลี่ยนทัศนะคติหลายเรื่อง ถ้าจะให้พูดนี่พูดกันยาว แถมตอนนี้ พี่ว่ายิ่งพัฒนาลงด้วยอ่ะ (คุณภาพคนนะ) ไม่รู้คิดมากไปเองหรือเปล่าก็ไม่รู้ แบบว่าหลายๆ อย่างที่เก่งสู้รุ่นพ่อแม่หรือปู่ย่าไม่ได้ แว๊ก ไม่พูดดีกว่า เริ่มจะร่ายยาวแล้ว จากคุณ : มิถุนายน - [ 17 ม.ค. 51 09:25:24 ]

ความคิดเห็นที่ 6 โหวตให้ จากคุณ : o_oishi - [ 17 ม.ค. 51 09:37:34 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เข้าใจผิดอะไรกับ "อยู่อย่างพอเพียง " หรือเปล่าคะ ส่วนตัวของเราเคยคิดเหมือนเจ้าของกระทู้เหมือนกันค่ะ ..เหมือนในแง่ที่ว่า ประเทศไทยอุดมสมบูรณ์เลยอยู่อย่างสบายๆเกินไปหรือเปล่า เราว่ามันก็เป็นส่วนหนึ่งค่ะ แต่เราว่าปัญหาหลักคือ อุปนิสัย attitude และการศึกษาของคนมากกว่า กลับมาเมืองไทยครั้งหลังๆนี่ เรารู้สึกมากขึ้นทุกที คนไทยให้ "ค่า" ของเงินมากกว่าที่มันเป็นหรือเปล่า หลายๆคนยังวัดระดับฐานะ กันที่ข้าวของเครื่องใช้ นั่นเป็นสิ่งผลักดันหลายๆคนเกิดการกระทำที่ให้ได้เงินหรือข้าวของเครื่องใช้นั้นมากกว่าได้คุณค่าอย่างอื่นๆ เรารู้สึกว่า เดี๋ยวนี้คนไทยฟุ้งเฟ้อกันมาก อย่าว่าแต่ใครเลย ตัวเราเองก็เหมือนกัน ยิ่งอยู่สูงยิ่งติดลมบนจมไม่ลง ปัจจัยที่สำคัญอีกอย่าง คือเราไม่มีผู้บริหารประเทศชาติที่ดี management เป็นสิ่งสำคัญที่สุด มีทรัพยากรแต่ไม่รู้จักจัดสรร ก็ไม่มีประโยชน์ เราว่าในหลวงท่านเก่งมากๆ ท่านได้คิดถึงปัญหานี้ สมัยนั้นที่เราอยากเป็นประเทศอุตสาหกรรมทั้งๆที่ลักษณะภูมิอากาศ ภูมิประเทศ และทรัพยากรของเราเหมาะกับการทำเกษตรกรรมมากกว่า แต่คนไทยก็บ้าเห่อตามชาวต่างชาติ(นี่อีกนิสัยที่ต้องแก้ของคนไทย) ตอนนั้นมีในหลวงคนเดียวที่พยายามพัฒนาการเกษตรเพราะท่านได้เล็งเห็นปัญหาอันนี้ อยู่อย่างพอเพียง หมายถึง การใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้มีประโยชน์คุ้มค่าที่สุดค่ะ มีน้อยใช้น้อย ไม่ต้องไปเห่อเหิมตามชาวบ้านเค้า เราอยู่อย่างพอเพียงแต่รู้จักพัฒนา เท่านั้นประเทศชาติเจริญขึ้นแน่นอน เราคนไทย ต้องช่วยๆกันค่ะ อย่าลืมว่า เม็ดกรวดเม็ดทรายหนึ่งเม็ดหล่อหลวมรวมกันก็กลายเป็นแผ่นดินได้เหมือนกัน จากคุณ : ลูกแม่ดอกบัว - [ 17 ม.ค. 51 10:05:24 ]

ความคิดเห็นที่ 8 มายกมือเห็นด้วยคุณกับคุณนู๋ม..ค่ะ ที่สำคัญคงจะเป็นการพัฒนาคนให้เป็นคนที่มีคุณภาพ ซึ่งในประเทศไทยน่าจะเป็นเรื่องที่ทำได้ยากเหลือเกิน เพราอะไรหล่ะค่ะ อันดับแรกคนไทยอีกจำนวนไม่น้อยประเทศยังขาดการศึกษา ประเทศเราเป็นประเทศกำลังพัฒนาก็จริงค่ะ แต่พัฒนาแค่บางส่วน ก่อนที่เราจะมาพัฒนาประเทศ น่าจะพัฒนาคนในประเทศก่อนดีกว่าค่ะ เริ่มที่การศึกษาและก็คุณธรรมเป็นอันดับแรกเลยน่าจะดีเพราะว่า คุณธรรมในสังคมไทยสมัยนี้หายากเหลือเกิน   ป.ล. เราเคยอ่าน FW:Mail อันเดียวกับ จขกท.ค่ะ จี๊ดมากๆ โดนดูถูกอย่างแรงค่ะ จากคุณ : ละมุดพุดดิ้ง - [ 17 ม.ค. 51 10:07:13 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เคยได้รับฟอเวิร์ดเมวมาเหมือนกัน เราว่ามันก็ถูกอย่างที่เค้าพูดอ่ะนะ เราว่ากว่าจะก้าวล้ำหน้าคนประเทศอื่นคงใช้เวลานานอ่ะค่ะ แต่หลายๆประเทศที่เทคโนโลยีก้าวหน้า ก็ไม่ได้ว่าจะดีเสมอไปนะคะ ทำไมไม่มองอีกมุมนึง มลภาวะ  มลพิษ สิ่งปฏิกูล   อย่างประเทศจีน ได้เคยดูข่าวว่าที่ปักกิ่งมลภาวะแย่มากกกก((ถ้าจำผิดขออภัยค่ะ)) เราว่าแต่ละประเทศก็มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง เรื่องแบบนี้มันขึ้นอยู่กับผู้นำส่วนนึง คนในชาติส่วนนึง  พิมพ์ไปเริ่มตื้ออ แห่ะๆๆ   ไว้รอฟังความเห็นต่อไปละกัน งิงิ จากคุณ : มิสพรหล้า - [ 17 ม.ค. 51 10:25:03 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เห็นด้วยกับคุณหนอนน้อยมาก ๆครับ อัดอั้น เหมือนกัน -*- "ล่าสุด ได้เมล์ต่อต้าน tesco lotus เห็นแล้วก็อนาถใจ จริงอยู่ นายทุนรังแกคนจน มันไม่ดีหรอกค่ะ ดูไม่มีคุณธรรมเอาซะเลย แต่มองอีกด้าน "Survival of the fittest" เราต้องหาทางสู้สิคะ ทางที่สู้กันได้จริงๆ ไม่ใช่แค่ประท้วง แล้วพอสำเร็จ ก็กลับไปทำธุรกิจหวานเย็นแบบเดิมๆ ไม่พัฒนา ใครเค้าจะอยากซื้อล่ะ" ประโยคนี้โดนใจอย่างมากกกกกกกก จากคุณ : TOSHy - [ 17 ม.ค. 51 11:03:48 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เราว่าปัญหามันอยู่ที่คน เหมือนกับที่ทุกๆคนคิดนั่นล่ะค่ะ เราเคยได้ยินอ.บอกว่า "เมื่อ20ปีก่อนนะ เวียดนามเอย เกาหลีเอย เค้ามาดูงานที่มหาวิทยาลัยเราทั้งนั้นล่ะ แล้วดูสิเนี่ย ตอนนี้เค้าพัฒนาไปถึงไหนละ เรากลับอยู่ที่เดิมและเป็นฝ่ายไปขอดูงานที่ประเทศเค้าแทน" จี๊ดมั้ยล่ะคะ ที่อ.ท่านกล่าวมามันหมายถึงประเทศเราหยุดพัฒนาไปแล้วชัดๆ เคยมั้ยคะที่จะได้ยินคนรุ่นพ่อแม่ หรือรุ่นพี่มากๆๆๆของเราพูดว่า "รุ่นนี้เนี่ย สู้รุ่นเราไม่ได้เลย" เมื่อก่อนเรายังแปลกใจว่าทำไมต้องพูดอย่างนั้น พอเรียนจบมาทำงานเจอรุ่นน้องๆที่จบใหม่ๆมา ก็ชักอยากเอาคำพูดนั้นกลับมาใช้บ้างเหมือนกัน สังคมทุกวันนี้ จะมีMoneyนำหน้ามาก่อนความคิดอย่างอื่นของคนเสมอๆ เคยได้เข้าไปฟังหัวหน้าสัมภาษณ์งาน น้องบางคนยังตอบคำถามที่ว่า "คุณคิดว่าจะทำประโยชน์อะไรให้กับบริษัท" ไม่ได้เลย แต่น้องกลับถามว่า "ที่บริษัทจะให้เงินเดือน XXXXXXผมได้มั้ย แล้วโบนัสจะการันตีกี่เท่า" เฮ้อ ฟังแล้วจะเป็นลม ยังไม่รู้เลยว่าจะทำประโยชน์อะไรให้เค้าได้บ้าง แต่อยากได้ค่าตอบแทนเยอะๆซะแล้ว พิมพ์ไปพิมพ์มาเริ่มบ่น เอาเป็นว่า รอฟังความเห็นอื่นอีกดีกว่า จากคุณ : ธิดามังกรน้อย - [ 17 ม.ค. 51 11:08:41 ]

ความคิดเห็นที่ 12 สำหรับเราคิด ว่าเป็นเพรานิสัยที่ปลูกฝังกันมาของคนไทยน่ะค่ะ ซึ่งนิสัยที่ว่า ก็ถือได้ว่าเป็นทั้งข้อดี และข้อเสียของคนไทยเลยทีเดียว โดยเฉพาะการหยวนนิดหยวนหน่อย นี่ล่ะค่ะ ก็เป็นข้อดีนะคะ นิดๆหน่อยๆยอมกันได้ก็ยอม ไม่ได้เรื่องคอขาดบาดตายอะไร มาอยู่ประเทศเถรตรงอย่างตอนนี้ บางทีก็ยังแอบคิดอยู่ว่า แค่นี้ก็หยวนให้ไม่ได้ จะซีเรียสเถรตรงกันไปถึงไหน มันไม่ได้มีอะไรเสียหายเลยสักหน่อย แต่ก็ไอ้การหยวนๆ นี่ล่ะค่ะ ที่เราก็มองว่าก็เป็นข้อเสียของคนไทย (รวมถึงตัวเราก็ด้วย) หากมองในอีกแง่หนึ่ง ขนาดเรื่องเล็กๆน้อยๆยังทำให้ถูกต้องไม่ได้ แถมคนหยวน ก็ปล่อยให้ผ่านมาได้อีก ไม่แก้ไขให้ถูกเพราะเห็นเป็นเรื่องเล็กน้อย แล้วกว่าเรื่องเล็กๆต่างๆ มารวมกันเป็นเรื่องใหญ่ๆสักเรื่อง มันก็คงยากที่จะได้ผลของสิ่งใหญ่ๆที่มีคุณภาพออกมาได้ ในเมื่อสิ่งที่ประกอบกันมามันถูกหยวนโน่นนี่จนผิดตรงโน้นตรงนี้มาตลอดทาง >      "ล่าสุด ได้เมล์ต่อต้าน tesco lotus เห็นแล้วก็อนาถใจ >      จริงอยู่ นายทุนรังแกคนจน มันไม่ดีหรอกค่ะ ดูไม่มีคุณธรรมเอาซะเลย >      แต่มองอีกด้าน "Survival of the fittest" เราต้องหาทางสู้สิคะ >  ทางที่สู้กันได้จริงๆ ไม่ใช่แค่ประท้วง แล้วพอสำเร็จ > ก็กลับไปทำธุรกิจหวานเย็นแบบเดิมๆ ไม่พัฒนา ใครเค้าจะอยากซื้อล่ะ" ขอมาเห็นด้วยกับประโยคนี้ด้วยคนค่ะ โลกมันพัฒนาทุกวัน ถ้าเราไม่ยอมก้าวไปข้างหน้า เราก็จะล้าหลังคนอื่น แต่ก็ไม่ใช่ว่ายื่นขาไปขัด คนที่เค้าก้าวไปข้างหน้า ให้หกล้มหัวคะมำซะงั้นนะคะ ไม่อยากถูกทิ้งไว้ข้างหลังก็ต้องพยายามไล่ตามสิคะ จากคุณ : White Amulet - [ 17 ม.ค. 51 13:25:59 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ไม่มีอะไรจะพูดนอกจากมาโดนนนนนนคะ จากคุณ : ~~@okiikokoi@~~ - [ 17 ม.ค. 51 14:06:57 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ตอนแรกว่าจะทำแบบคุณหนอนน้อยว่าเลย คืออ่านแล้วเห็นด้วย แต่ก็ปิดหน้าต่างทำอย่างอื่นต่อไป แต่สุดท้ายอดไม่ได้ที่จะแสดงความเห็นแนว ๆ วิชาการบ้างยาวหน่อย หรือทำให้ใครไม่พอใจก็ขอโทษด้วยนะคะ ออกตัวก่อนเลย เพราะคิดดีและไม่มีเจตนาร้ายต่อใครจริง ๆ ^^ . . . เมืองไทยสมัยโบราณระบบการศึกษาของสังคมไม่เกี่ยวข้องกับรัฐ รัฐไม่ได้เป็นผู้จัดการศึกษาสำหรับประชาชนทั่วไป และความรู้ที่สอนกันที่วัดก็ไม่เกี่ยวข้องใด ๆ กับกิจการด้านการเมือง การปกครอง และเศรษฐกิจของสังคม ถัดมาในยุคสมัยรัชกาลที่ 5 รัฐได้เริ่มควบคุมจัดการศึกษาเพราะต้องการเข้าไปสู่การเป็นอารยประเทศ การศึกษาจึงได้เป็นเครื่องมือของรัฐ และความรู้ที่สอนกันที่วัดนั้นไม่เพียงพอสำหรับสังคมไทยยุคใหม่ ดังนั้นรัฐจึงต้องนำวิทยาการจากโลกตะวันตกเข้ามาเพื่อพัฒนาประเทศ หลังสมัยสงครามโลกครั้งที่สองการต่อสู้ทางด้านอุดมการณ์ส่งผลกระทบต่อไทย และประเทศไทยต้องการให้เศรษฐกิจเจริญเติบโต จึงดำเนินแนวทางการศึกษาอย่างประเทศตะวันตก  การศึกษาจึงถูกจัดขึ้นโดยให้ความสำคัญกับความรู้ตามแบบอย่างประเทศตะวันตก ไม่ใช่ความรู้จากภูมิปัญญาดั้งเดิม คนในอดีตทำมาหากิน เพื่อกินเพื่ออยู่ เริ่มเปลี่ยนเป็นการขาย มีการลงทุน สมัยก่อนช่วยกันทำ เปลี่ยนเป็นต่างคนต่างทำ คนสมัยก่อนปลูกข้าวโดยพึ่งพาตัวเองได้ แต่สมัยนี้ไม่ได้ ต้องซื้อยาฆ่าแมลง ซื้อเครื่องจักรจากต่างประเทศ เพื่อให้ปลูกข้าวได้เยอะ ๆ แล้วก็นำไปขายในต่างประเทศ จะเห็นได้อย่างง่ายว่าเศรษฐกิจสังคมไทยต่างจากสมัยก่อน การศึกษาจึงมุ่งเน้นการผลิตกำลังคนเพื่อตอบสนองต่อระบบเศรษฐกิจ คำถามที่ว่า การศึกษาต่อสนองต่อระบบเศรษฐกิจแล้วมันจะทำไม? การศึกษาที่สนองต่อระบบเศรษฐกิจขาดการเชื่อมโยงกับชีวิตจริง ยกตัวอย่างง่าย ๆ ครอบครัวเกษตรกรขายควายส่งลูกชายเรียนมหาวิทยาลัย ลูกชายเรียนจบไปแล้วกับมาไม่สามารถนำความรู้ที่ได้มาช่วยพ่อแม่ปลูกข้าว มีความแตกต่างระหว่างความรู้ในแบบวิถีชีวิตกับความรู้ในแบบประเทศตะวันตก ลูกชายครอบครัวชาวนาที่มีการศึกษาระดับสูงจะไม่ประกอบอาชีพในถิ่นฐานเดิมส่วนใหญ่จะย้ายเข้ามาสู่สังคมเมือง คำถาม>>ถ้าหากการศึกษาในโรงเรียนที่ตอบสนองความต้องการของรัฐทำให้ต้องย้ายเข้าสู่สังคมเมือง เท่ากับว่าเป็นการละเลยความรู้ในแบบวิถีชีวิตใช่หรือไม่ การอยู่แบบพอเพียงของในหลวงเป็นหนทางที่ให้ความสำคัญกับวิถีชีวิตที่ไม่จำเป็นต้องเดินตามแบบอย่างประเทศตะวันตกมากเกินไป การตามกระแสตะวันตกเราไม่มีทางชนะได้ เพราะต้องวิ่งตามกติกาของต่างชาติที่มีแต่เขาเป็นผู้ชนะ ใครเป็นผู้กำหนดคำว่า ประเทศที่พัฒนาแล้ว กำลังพัฒนา และด้อยพัฒนา? ใช่ประเทศตะวันตกที่คิดว่าตัวเองเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วหรือเปล่า? ทำไมจะต้องทำตามแบบประเทศที่พัฒนาแล้ว เป็นชีวิต แบบอย่างที่พึงปรารถนาจริงหรือไม่ เปลี่ยนทัศนะในการมองความเป็นจริงว่ามีความหลากหลาย ดูอย่างระบบนิเวศน์ก็มีหลากหลาย ในป่าก็มีพืชหลายชนิดสัมพันธ์เกื้อกูลกัน เช่นกันกับโลก ทำไมจึงต้องเอาตะวันตกเป็นตัวตั้ง เพื่อมุ่งไปสู่การพัฒนาที่เป็นอย่างนั้น ในเมื่อบางประเทศที่คิดว่าตนเองพัฒนาแล้วก็จะอยู่ไม่ได้ถ้าหากไม่มีน้ำมัน ไม่มีประเทศด้อยพัฒนาหรือกำลังพัฒนาแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ปลูกข้าวขายให้กิน ไม่มีประเทศจีนคอยผลิตสินค้าราคาถูก กระทั่งการศึกษาเราก็ยังถูกกำหนดและมุ่งไปในทิศทางนั้น คือการตอบสนองความต้องการของชนชาติที่เรียกตัวเองว่าพัฒนาแล้ว คำว่าพอเพียงของในหลวงจึงมีความหมายโดยกว้างเช่นนี้ "พึ่งพาตนเอง ไม่ตามกระแสต่างชาติ" ถ้าหากว่าเราอยู่อย่างพอเพียง ข้าวปลา อาหารกินไม่มีวันหมด ประเทศเราไม่มีวันอดตายค่ะ แต่ถ้าหากพัฒนาตามอย่างเขามาก ๆ (ซึ่งประเทศมหาอำนาจก็ต้องการเช่นนั้น) ซื้อเทคโนโลยีเขามา เอาของเขามาใช้ด้วยราคาแพง เพื่อที่จะเพิ่มผลผลิตซึ่งขายคืนได้ในราคาถูก แถมด้วยการกลั่นแกล้งกีดกันทางการค้ามันเข้าไป ทำมาเป็นกวาดซื้อมันสำปะหลังในเมืองไทย คนไทยเห็นราคาดี หันมาปลูกมันสำปะหลังกันหมด ดินเสีย ดินจืด ปลูกอะไรไม่ได้ ก็สะใจต่างชาติเขาล่ะ ส่วนเรื่องการศึกษามันเป็นประวัติศาสตร์ยาวนานที่วางรากฐานมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 จะให้ปฏิรูปใหม่ หรือให้เปลี่ยนแปลงอะไร ให้ระเบิดประเทศไทยทิ้งยังอาจจะง่ายกว่า เราเดินตามเกมของเขามาตั้งแต่ต้นแล้ว พูดด้วยความจริงอย่างน่าเศร้าใจเช่นกันว่า หมากเกมนี้ ประเทศไทย...ไม่มีวันเป็นประเทศมหาอำนาจ แต่ประเทศไทยก็มีในหลวงที่ชาญฉลาดพอจะมองออกว่า ควรทำอย่างไรต่อไป "เศรษฐกิจพอเพียง คนไทยไม่มีวันอดตาย" ***แก้ไขคำผิด แก้ไขเมื่อ 17 ม.ค. 51 21:28:54 จากคุณ : storm_lunasea - [ 17 ม.ค. 51 15:48:28 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ตั้งใจมาเก็บซากตัวเองค่ะ เพราะออกสวนกระแส ผิดคาด 555 สรุปว่า เราต้องมาแก้กันที่ "คน" เนอะ สร้างค่านิยมใหม่ คนจะได้ขยันเรียน เป็นคนมีคุณภาพ เด็กรุ่นใหม่เดี๋ยวนี้ คิดอะไรกันไม่มีสาระเลยอ่ะค่ะ -_-" เห็นเวลาหลงเข้าไปบอร์ดเด็กๆแล้วอนาถใจ เป็นน้องเป็นนุ่งหน่อยไม่ได้ จะตีให้สำนึกเลย (เอ ออกแนวโหด) เห็นด้วยว่าตอนนี้มองกันเหมือน "เงิน" เป็นทุกสิ่งนะคะ ตอนทำงานแรกๆ ก็คิดอย่างนั้นค่ะ แต่พอทำไปซักพัก มีแต่เวลาหาเงิน ไม่ได้มีเวลาใช้เงิน -_-" ุ้ถ้ากลับไปทำงานอีกที เงินเดือนคงไม่ใช่สำคัญที่สุดแล้วค่ะ ในหลวงท่านอุตส่าห์ differentiate ให้เราแล้ว คิดต่อยอดกันอีกซักนิดน่าจะดีนะคะ ว่าจะทำไงต่อไปให้ประเทศไทยไปได้ และไปได้ดีด้วย ปล. ตอนทำงาน ก็สวนกระแสการทำยอด ออกแบบระบบคอมพิวเตอร์แบบพอเพียง (สามปีก็เปลี่ยนแล้วนี่นา จะเอาใหญ่ๆไปทำอิหยัง? ซื้อใหม่คุ้มกว่าเน้อ) ถึงจะทำงานกะบ.เมกัน แต่ก็ไม่อยากให้เค้าโขกสับเราน้า... จากคุณ : หนอนน้อย - [ 17 ม.ค. 51 19:01:47 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ฤานี่จะคือวิกฤตของประเทศไทย อ่านแล้วใช่ไปเสียหมด ไม่ขอ comment มาก เดี๋ยวจะยาววว หากยังทำอะไรตามสบายคือไทยแท้ หรือ ระบบพวกพ้อง ยังไม่หมดจากประเทศ คำว่าพัฒนาก็งคงจะริบหรี่ลงไปทุกที จากคุณ : Bravo to the Universe (Bravo to the Universe) - [ 17 ม.ค. 51 19:02:27 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เรื่องแบบนี้มันอยู่ที่ตัว"คน" คนไม่ดี องค์กรก็ไม่ดี องค์กรไม่ดี บริหารก็ไม่ดี บริหารไม่ดี ประเทศเลยเป็นเงี้ย ก่อนอื่นเราต้องทำให้ประเทศเราเข้มแข็งอ่ะ แบรนด์ไทยต้องพัมนาศักยภาพตัวเอง และคนไทยก็ต้องอุดหนุนคนไทยด้วยกัน ประเทศที่พัฒนาแล้วไม่ได้หมายความว่ามีอะไรทัดเทียมกับพวกฝรั่งนะ เราต้องมีอะไรเป็นของตัวเอง และพึ่งพาตัวเองได้ สำหรับเรานะ ทริกง่ายๆแบบเด็กๆ เพราะเราก็พึ่งปี 1 ยังไม่มีความรู้อะไรมากมาย คือ คนไทย ผลิตของเอง เป็นผู้ผลิต ส่วนคนไทยก็บริโภคของไทยด้วยกัน ผลิตมากก็ส่งออก พึ่งพาตัวเองให้มากที่สุด แล้วก็พึ่งพาต่างชาติให้น้อยที่สุด เวลาเศรษฐกิจโลกแย่ เราก็จะไม่เสียหายมาก เพราะส่วนใหญ่เราพึ่งพาตัวเองกันอยู่แล้ว แต่ทุกวันนี้คนไทยก็ไม่ใช้ของไทยด้วยกันเอง บริโภคนิยมกันสุดๆ เห็นโต๊ะเครื่องแป้งก็น่าจะรู้(ขอโทนะคะ แต่มันเป็นจริงๆ เราก็เป็น) เคยมีคนเล่าให้ฟังว่า คนเกาหลี คนญี่ปุ่น พวกเครื่องใช้ไฟฟ้า ของต่างๆเขาใช้แต่ของเขา ใครเอาของต่างชาติมาให้ใช้เขาไม่รับ เลยนึกว่าอยากให้ประเทศไทยเป็นอย่างนั้นบ้างจัง เพราะถ้าเราเอาเศรษฐกิจเราไปอิงกับประเทศอื่นมากเกินไป ถ้าเค้าแย่เราก็จะแย่ (ตอนนี้สหรัฐก็แย่) พระราชนิพนธ์ของร.6 เรื่องโคลนติดล้อเขียนไว้ว่า "เวลาเราทำตามฝรั่งได้ ฝั่งก็จะเอ็นดูเรา เหมือนที่คนเอ็นดูหมาเวลาที่หมามันเลียนแบบคน" เราจำคำพูดไม่ได้แม่นนะ แต่เนื้อหาประมาณนี้ ดังนั้น นอกจากพัฒนาคน ก็ต้องพัฒนาระบบด้วย เพราะ ถ้าคนเก่ง แต่ประเทศเป็นทาสต่างชาติ ทาสทุนนิยม พอเรียนจบก็ทำงานเป็นทาสให้พวกต่างชาติมันหมด "อยู่อย่างพอเพียง" เลยไม่พัฒนา ของ คห. 1 เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าคะ อยู่อย่างพอเพียงกับไม่ขวนขวาย ไม่พยายามมันคนละเรื่องเลย ไปทำความเข้าใจใหม่นะคะ "Survival of the fittest"--- บ้านเราก็ขายของ พอมีโลตัสบ้านเราก็แย่ แต่แม่เราไม่เคยประท้วง ร้านเราจะไปสุ้กับโลตัสไม่มีทางทำได้เลย เพราะว่าแม่เราก็รับของเค้ามาอีกที เป็นพวกยี่ปั้ว ซาปั้ว ของมาแพง ที่บ้านเราก็ต้องขายแพง ก็ต้องยอมให้ลูกค้าไปซื้อที่ห้าง เพราะมันสู้ไม่ได้จริงๆ เวลาลูกค้าประจำมาแม่เราไม่ขายนะ ให้ไปซื้อห้าง เพราะแม่บอกว่าคนรู้จักกัน ถ้าเขาไปรู้ว่าที่ห้างถูกกว่า เดี๋ยวจะเสียความรู้สึก แต่ลูกค้าจรมา แม่เราขายนะ อ้าว... งงมั๋ย!!!  ของกว่าจะถึงแม่เราก็หลายต่อ มันก็ต้องแพงเป็นธรรมดา โลตัสรับจากโรงงานโดยตรงก็ถูก ถามคุณจขกท.หน่อยจะให้แก้ยังไงคะ ไปเปิดบริษัทผลิตสินค้าเองเลยดีไหม คุณเป็นคนมีการศึกษา ที่ไม่รู้ระบบ ไม่เคยสัมผัสจริง ๆ ว่าค้าขายกันยังไงเลยพูดได้ตามทฤษฎี แต่ถ้าคุณคิดว่าคุณรู้จริงๆ ก็รบกวนหน่อยเถอะค่ะว่าต้องแก้ไขยังไง ศัพย์เฉพาะเยอะจัง อ่านแล้วแอบงง คนธรรมดาๆที่ไม่ได้เรียนอาจอ่านไม่รู้เรื่องเลยนะเนี่ย เราก็เรียนเศรษฐศาสตร์ค่ะ คิดว่าเจ้าของกระทู้ก้น่าจะเรียนเศรษฐศาสตร์เหมือนกัน ก็เลยแอบถามคำศัพย์พวกนี้อยู่ในหลักเศรษฐ์หรือเปล่า รุ่นพี่บอกว่าใช่ พวกเรื่องแบบนี้เรายังไม่รู้มากหรอกค่ะ เพราะตอนนี้พึ่งเรียนแค่หลัก 1 เนื้อหายังเป็นเศรษฐศาสตร์แบบเด็ก คิดว่าถ้าเรียนต่อไปมากกว่านี้ คงเข้าใจเจ้าของกระทู้ได้มากขึ้น เรียนจบจะได้ช่วยแม่"Survival of the fittest"ค่ะ **แก้คำผิดค่ะ ขอโทษที่พิมพ์ผิดเยอะค่ะ คีย์บอร์ดไม่ดี แก้ไขเมื่อ 17 ม.ค. 51 20:58:35 จากคุณ : ทุนนิยมไม่ดีอย่างที่คิดหรอก (มีนจันทร์) - [ 17 ม.ค. 51 20:35:20 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เห็นด้วยอย่างค.ห. 17เลยค่ะ ทุนนิยมไม่ได้ดีอย่างที่คิด อ่านค.ห. 14 ของเราแล้ว ก็จะเสริมกันได้ตามความหมายนั้นเลยค่ะ จากคุณ : storm_lunasea - [ 17 ม.ค. 51 21:23:12 ]

ความคิดเห็นที่ 19 มาตอบเรื่องเกี่ยวกับห้องเเป้งหน่อย อิอิ เรื่องบริโภคของที่ใช้กับผิวพรรณนี่ นู๋ ม. ยอมรับว่าเลือกอ่ะค่ะ อันนี้ต้องมาดูที่คุณภาพของผลิตภัณฑ์ด้วยค่ะ คิดว่าถ้ามีการปรับปรุงคุณภาพของให้ดีเท่าเมืองนอก ในราคาที่ reasonable and affordable น่าจะมีคนไทยหลายคนพร้อมสนับสนุนค่ะ ของไทยๆ อย่างสีผึ้ง ลิปมันเภสัช เกลืออาบน้ำ(ยี่ห้อไรหว่า หมดไปแล้ว) ขมิ้นขัดตัว นี่ให้แม่ส่งมาจากไทยเลย อ้อ  Aviance บางตัวด้วย ของถูกและดี เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม ของไทยดีหลายอย่างนะ ให้กลับไทยก่อน จะรีวิวช่วยชาติ (ฮา) เอ้ย รีวิวของไทยๆ ดีๆ ให้เป็นกระแสห้องนี้เลย อย่างต่ำของไทยที่คุณภาพดี ควรได้รับการสนับสนุนอย่างสุดใจ ของที่ไม่ดี ก็ต้องติไป เพื่อการพัฒนาคุณภาพให้ดีขึ้น ของไทยๆ ดีหลายอย่างนะคะ มาสคาร่า cutepress, แป้งมิสทิน ฯลฯ แต่เรื่องค่านิยมต้องแก้ค่ะ ยอมรับ อันนี้ก็กลับไปที่"คน" ที่ชอบใช้ของนอกและของแพงไว้ก่อน แต่เริ่มจากตัวเรา จากสังคมที่เราสังกัดนี่แหละ มารณรงค์กัน มาช่วยเหลือกัน ไทยทำ ไทยใช้ ไทยเจริญ และต้องเจริญด้วยคุณภาพ คือเมื่อก่อนของไทยๆ อ่ะ คุณภาพไม่ค่อยดี คนเลยหันไปหาของนอกกัน แต่ตอนนี้ของไทยๆ คุณภาพดีขึ้นแล้ว แต่คนยังติดค่านิยมที่โดนปลูกฝังกันมา ว่าของไทยคุณภาพสู้ของนอกไม่ได้ อันนี้ทำให้ของไทยโดนเมืนและได้รับการอุดหนุนน้อยอ้ะ ตอนนี้ไม่ว่างมาเมนต์ยาวๆ อ่ะ ไปทำงานต่อดีกว่า เเว้บบบบ จากคุณ : นู๋ ม. - [ 17 ม.ค. 51 22:59:36 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ตอบน้องมีนจันทร์นะคะ ดีใจที่เด็กสมัยนี้ยังคิดได้กันอยู่ค่า ขอโทษสำหรับศัพท์เทคนิค คือ... พี่แปลไม่ออก -__-" เรื่องการรับของมาแพง เลยต้องขายแพง อันนี้ทราบค่ะ เพราะเคยเป็น supplier ให้โลตัสเหมือนกัน รู้อยู่ว่าเค้าทำอะไรกับเรา ถึงเขียนไว้แต่แรกแล้วไงคะ ว่า คนไทย หรือร้านโชว์ห่วยทั่วไป น่าจะรวมตัวกัน ทำเป็นสหกรณ์ หรืออะไรก็ได้ เพื่อเพิ่มอำนาจการต่อรองกับ supplier หรือจะเพิ่มมูลค่าให้ตัวเองยังไง ที่ทำให้คนอยากมาซื้อกับเรา มากกว่าไปโลตัส อันนี้พี่ลองคิดเองในมุมที่พี่เป็นลูกค้านะ พี่อ่ะ บ้าขนมแปลกๆ ส่วนใหญ่พวกนี้ไม่มีในโลตัสอยู่แล้ว เพราะตลาดเค้าเองก็เล็ก เข้าไปขายใน lotus ไม่ได้ ค่า SKU แพงมากๆ พี่ก็จะไปซื้อตามร้านค้าเล็กๆจ้ะ อย่างร้านลุงใต้ตึกเศรษฐสมัยเรียน กล้วยเบรกแตกอร่อยสุดๆ >_< หรือร้านลุงสมบัติใกล้ๆคณะ ก็มีข้าวกุ้งกรอบสีชมพูที่พี่ชอบมากๆ (สีกินได้รึเปล่าไม่ได้สนใจ แป่ว) หรือบางที ของพวกนั้นมีขายในโลตัส แต่ขี้เกียจเดิน เลยซื้อมันในซอยที่บ้านอ่ะแหละ หรือบางที กลับจากคาร์ฟูร์หน้าบ้าน ก็ยังเดินเข้าร้านขนมแถวบ้านค่ะ เผื่อมีไรแปลกๆ ลองขายของที่หาที่อื่นไม่ได้ แต่ลูกค้าแถวนั้นมี demand สิคะ มันหายากหน่อยล่ะน้า แต่ถ้าไม่หยุดพัฒนา ก็สำเร็จได้ในซักวันแหละค่ะ มันเป็นสงครามการตอบสนองผู้บริโภคมากกว่า อย่างที่พี่มีนว่า ของไทยมีดีๆเยอะแยะ ค่าแรงเราก็ถูกกว่า วัตถุดิบก็ไม่ได้นำเข้าจากที่ไหน (ตอนนี้อยากใช้นวดทำเองใจจะขาด แต่ไม่มีส่วนผสมอ่า) มองกันแบบนี้เราน่าจะได้เปรียบนะคะ ฝรั่งตอนนี้ยิ่งคลั่งของ oriental อยู่ ถ้าเราผลิตกันแล้วควบคุมคุณภาพดีๆ สู้ได้แน่นอน ไม่ต้องผลิตเยอะแยะเพื่อให้ได้ต้นทุนต่อหน่วยต่ำๆ แต่เน้นคุณภาพไว้ แล้วเอาไปขายฝรั่งแพงๆ ฮา...(จะได้มั้ยหนอ) ให้เค้ากลับมาซื้ออีกเรื่อยๆค่ะ อีกอย่างก็ต้องแก้ค่านิยมคนไทย ที่ชอบแต่ของต่างชาติล่ะ อย่าบูชาฝรั่งกันเลยค่ะ (พี่เรียนกะฝรั่งก็จริง แต่ รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้งนะคะ) อย่าไปเชื่อเสียหมด พี่เองไม่ได้เชื่อหมดหรอกค่ะ เรียนแล้วก็เอามาคิดเรื่อยๆน่ะ จะรอพี่มีนรีวิวของไทยนะคะ >_< อยากกินก๋วยเตี๋ยว ส้มตำ ไก่ย่าง กรี๊ดดดด (เกี่ยวไรเนี่ย) ทุนนิยมไม่ได้ดีอย่างที่คิด เพราะมันตึงเกินไปไงคะ อย่างที่เขียนไว้แต่แรกแล้ว เราไม่ต้องไปเร่งยิกๆตามเค้า แต่ก็อย่าปล่อยจนเราถอยหลังค่ะ น้องมีนจันทร์อยู่ในวงการ retail อยู่แล้ว ลองคิดแล้ววิเคราะห์ดูสิคะว่าเราจะทำอะไรได้บ้าง เด็กๆเนี่ยดีนักเชียว ความคิดยังไม่โดนทฤษฎีตีกรอบ รอน้อง Think out of the box นะคะ จากคุณ : หนอนน้อย - [ 17 ม.ค. 51 23:29:20 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ออกตัวก่อน ไม่ได้เรียนพวกเศรษฐศาสตร์ ความรู้เป็นศูนย์นะ แคอยากแชร์ความเห็นด้วย ถ้าจะมองในแง่รวมตัวกันของร้านโชว์ห่วยอ่ะ เป็นไปได้ไหม ที่หนอนว่ามานี่ดีนะ สร้างคล้ายๆ เป็นสหกรณ์ ตอนนี้ร้านค้าต้องทำตามผู้บริโภคแล้ว เพราะผู้บริโภคมีทางเลือกเยอะกว่าเมื่อก่อน ไม่เหมือนสมัยก่อนที่พวกร้านขายของจะมีไม่กี่ร้าน ลูกค้าจำใจต้องซื้อ ฯลฯ เช่น ให้มีบัตรสะสมแต้มของร้านโชว์ห่วยในพื้นที่นั่นๆ ได้ไหม คล้ายๆ เป็นสหกรณ์ที่หนอนบอกมาอ่ะ แบบว่าซื้อครบเท่าไร สามารถเอาไปแลกนี้ๆ ได้ หรือพยายามจัดกิจกรรมอะไรให้คนเข้าร้านเยอะๆ เช่น อาทิตย์นี้ลดอันนี้ ต้องมาทุกอาทิตย์ มีลดสลับกันไปแล้วแต่ที่ ฯลฯ ยังคิดว่า โชว์ห่วยบ้านเรานี่ขายแบบต่างคนต่างขาย ซึ่งตอนนี้มันน่าจะมีการรวมตัวกัน ไม้ซีกเมื่อรวมตัวกัน ก็งัดไม้ซุงได้ แต่ก็คิดว่าทำได้ยาก เพราะเท่าที่ดูร้านโชว์ห่วยเหมือนจะค่อนข้างเป็นอิสระ และแข่งกันเองในท่าทีด้วย ถึงบอกว่านี่แค่เสนอไว้ แต่อย่างที่ว่า นู๋ ม. ก็ไม่เคยเปิดร้าน เรียนหนังสือคนละด้านด้วย ในความเป็นจริงก็ไม่รู้ แต่รู้อย่างเดียว ว่าเราต้องตามผู้บริโภค มันถึงเวลาแล้วที่ต้องเปลี่ยนเเปลง ไม่ใช่คิดว่า ฉันจะขายแบบนี้ ฉันก็ขาย ฉันไม่เปลี่ยนเเปลง ไม่ทำอะไรทั้งนั้นไม่ได้ สมัยนี้ต้องสู้ค่ะ ต้องแข่ง การค้าคือธุรกิจ มันต้องแข่งเพื่อแย่งเป้าหมาย (ลูกค้า) และอย่าไปคาดหวังอะไรกับรัฐบาล ตอนนี้ก็แบ่งเค้กกันอยู่ รวมตัวกัน เพื่อสู้ข้าศึกให้ได้ แยกกันเราตาย รวมหมู่อาจจะรอดค่ะ อีกเรื่องคือคุณภาพของร้านค้า ร้านโชว์ห่วยมีข้อดีตรงไหน ก็คือ อยู่ใกล้ สะดวกซื้อ ฯลฯ และการพูดคุยกับลูกค้าที่สร้างปฎิสัมพันธ์และความคุ้นเคยได้ดี (อันนี้มองในแง่มุมคนโง่ไม่รู้เรื่องพวกธุรกิจไรมากนะ) ใช้ตรงนี้ให้เป็นประโยชน์ สร้างลูกค้าประจำด้วยมิตรภาพและแถมของเล็กน้อยให้บ้างตอนไปซื้อ ประมาณนี้อ่ะ พี่คิดว่า ถึงแพงหน่อย แต่ถ้าใกล้บ้านและบริการดี เป็นมิตร พี่ก็ไปนะ ซื้อเวลาอ่ะ ยิ่งถ้ามีคล้ายๆ สะสมแต้ม มีลดราคาไรบ้าง ฯลฯ นี่พี่ซื้อของเล็กน้อย ก็ไปค่ะ เท่าที่เจอจากประสบการณ์นะ ร้านโชว์ห่วยนี่ขายแบบ...อืม เรียกว่า บางร้านไม่เอาใจลูกค้าเลยค่ะ ไปซื้อทีอาม่าก็ทำหน้ามุ่ยใส่บ้าง แบบว่าบรรยากาศไม่น่าไปซื้ออ่ะ รอไปซื้อห้างดีกว่า บรรยากาศอิสระ เลือกของได้อิสระ น่าซื้อกว่า อันนี้พูดจากที่เจอมานะคะ เป็นแค่ความเห็นเราคนเดียว ร้านโชว์ห่วยบางร้านนี่แบบชวนคุยดีๆ คุยกันแล้วถูกคอ เราก็กลับไปซื้อนะ แบบว่าจับจุดได้ว่าเราบ้ายอ (ฮา) คือ แบบคนไทยอ่ะ คุยถูกคอก็กลับไปซื้อเรื่อยๆ ก็แค่ คห. หนึ่งค่ะ จากคุณ : นู๋ ม. - [ 18 ม.ค. 51 00:16:50 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ช่ายเลยพี่มีน ปิ๊งมากๆ คิดเหมือนกันเป๊ะค่ะ รวมกันเราอยู่ แยกหมู่เราตาย ทางรอดร้านโชว์ห่วยไทยตอนนี้ คือต้องรวมตัวกัน เพื่อเพิ่มอำนาจการต่อรองอ่ะ ถ้าร้านไทยทำอย่างที่พี่มีนว่าจริงๆ เอิ๊กไม่ไปโลตัสเลยนะ คนอื่นๆเห็นด้วยมั้ย ไปที่ไหนแล้วสบายใจกว่า ถึงจะแพงกว่านิดหน่อย ก็เต็มใจจ่ายค่ะ แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 51 01:34:28 จากคุณ : หนอนน้อย - [ 18 ม.ค. 51 01:33:13 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เอาใกล้ตัวก่อนดีกว่า เลือกตั้งไปเป็นเดือนเเล้วสรุปใครเป็นนายกเหรอ? จากคุณ : D_Wade - [ 18 ม.ค. 51 16:20:04 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เ่อ่อ ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ คนทางเมืองไทยตอบที... (ไกลบ้าน ห่างเมือง ตกข่าวสุดๆ) จากคุณ : หนอนน้อย - [ 18 ม.ค. 51 17:03:44 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ก้อเราเป็นฐานการผลิตหลายๆอย่างให้ต่างชาติ ทำไมไม่ทำของเราเอง ในหลวงทรงทำเปนตัวอย่าง ทั้งสวนจิตรลา   การทำเศรษฐกิจพอเพียง อ่านดูดีดีแล้วจะรู้ว่าถ้าทำแบบนี้จะไม่มีวันจน..เพราะทุกคนยืนได้ด้วยตัวเอง ไม่เปนหนี้ชาตอื่น...รู้ไหม ในหลวงท่านทรงรักความเปนไทยมาก นาฬิกาก็ไม่มียีห้อ..เราเคยอ่านเจอ ท่านบอกว่าเปน ยี่ห้อใส้แล้วโก้... แต่คนส่วนมาก ขอโทษนะไม่ได้พาดพิง...มีหลายเรือน เรือนละหลายล้าน บ้านเมืองเราจะอยู่รอดได้ ก็ด้วยการช่วยเหลือกันนะ.... ถาทุกคนสามารถยืนได้ด้วยลำแข้ง และ มีการพัฒนาที่ถูกต้องตามสภาพ ภูมิประเทศของเราเอง..ซึ่งก็คือประเทศเกษตรกรรม...บ้านเราเปนประเทศ เกษตรกรรม....แต่ว่าคนส่วนมาก ซึ่งก็คือเกษตรกรก็ยังจน และ จน ความจริงเขาไมได้จนนะ..แต่นั่นคือวิถีชีวิตของเขา ในฐานะที่เราก็เปนลุกชาวนา ก็กล้าพุดได้เต็มปากนะ ว่าที่บ้านทำนา ทำไร่ ทำสวน....คนทำนาไมได้โง่หรือว่าเห่ย แต่ก็อย่างว่า เขาใช้ชีวิตอย่างพอ เพียง จริงๆนะ...แต่คนส่วนมาก ชอบมองแค่เปลือกนอก.... มันก้อเลยเปนแบบนี้.....แต่ถ้ามีความสามัคคีกัน ช่วยเหลือกันแบบไม่เอารัด เอาเปรียบกัน ประเทศชาติเราคงวัฒนาสถาพร แน่นอนค่ะ จากคุณ : ยายเก็บเห็ด (nongnok_nok) - [ 19 ม.ค. 51 02:07:25 ]