PANTIP.COM : Q6306922 ใครใช้ LCA Stemcell แล้วแพ้ สิวขึ้น หน้าดำ ฯลฯ เชิญเข้ามาเล่าสู่กันฟังทางนี้ค่ะ [ความงาม]

ความคิดเห็นที่ 7

+++++++ด้วยความสงสัยค่ะไป search ดูแล้ว+++++++++++++++++
แพทย์เตือน!สาวรักสวย+ยันเครื่องสำอางรกเด็กแค่กรดอะมิโนชี้สเต็มเซลล์ไม่มีสรรพคุณหน้าเด้ง

แพทย์ยันเครื่องสำอางสเต็มเซลล์ไม่มีสรรพคุณ ตามที่บริษัทผู้ผลิตอวดอ้าง ระบุสารตกค้างที่ได้จากรกเด็ก คือ กรดอมิโน แนะผู้บริโภคควรตรวจสอบส่วนประกอบก่อนซื้อใช้ ขณะที่อย.เตรียมประชุมออกประกาศควบคุมปลายเดือนก.ย.นี้ เผยยี่ห้อฮิต ลาคาลา,ดรีมทีม และสตาร์ลักส์ คนวงในชี้สกินแคร์จากรกแกะก็มีปัญหาเรื่องติดเชื้อโรคเช่นกัน ด้าน เจ๊เล้ง คุยจ้อยอดขายสกินแคร์ที่ผสมรกแกะต่อเดือนฟัน 4-5 ล้านบาท
รศ.ดร.นพ.กำพล ศรีวัฒนกุล เลขาธิการชมรมวิทยาการเซลล์บำบัด แห่งประเทศไทย ผู้ผู้เชี่ยวชาญศึกษาและวิจัยเทคโนโลยีสเต็มเซลล์ (เซลล์ต้นกำเนิด) เปิดเผย ฐานเศรษฐกิจ ว่า สเต็มเซลล์ ไม่สามารถอยู่ได้ในภาวะปกติ ซึ่งในกรณีของเครื่องสำอาจที่ระบุว่า ผลิตจากสเต็มเซลล์รกเด็ก หรือจากรกของสัตว์นั้น ความจริงเป็นเพียงชีวโมเลกุลที่ตกค้างอยู่เท่านั้น เช่น กรดอมิโน หรือ ไซโตคลาย ซึ่งอาจมีผลในการชักนำให้เซลล์ผิวหนังแบ่งตัวดีขึ้นบ้าง แต่ยืนยันว่าไม่ใช่สเต็มเซลล์

เพราะ สเต็มเซลล์ ต้องเป็นเซลล์ที่แบ่งตัวได้ เพิ่มจำนวนได้ และสามารถพัฒนาแปรสภาพเป็นเนื้อเยื่อต่างๆได้ตามความเหมาะสม แต่ถ้านำส่วนประกอบของเซลล์มาใช้แล้วเรียกว่าสเต็มเซลล์คงไม่ได้ นอกจากนี้สเต็มเซลล์ยังไม่สามารถซึมผ่านผิวหนังได้

อย่างไรก็ตามในหลักการของเครื่องสำอางที่นำมาใช้กับมนุษย์นั้น ประเด็นที่ต้องพิจารณาคือเรื่องของการแพ้ และการละคายเคือง โดยต้องมีการทดสอบผลิตภัณฑ์ก่อนนำออกจำหน่าย ส่วนเรื่องที่อาจมีเชื้อโรคหรือเชื้อจุลรินทรีย์ โดยเฉพาะในกรณีที่มาจากรกของมนุษย์ คือเชื้อ เอชไอวี นั้น ในการตรวจสอบสามารถทำได้ แต่โอกาสที่จะติดเชื้อเป็นไปได้น้อยมาก อย่างไรก็ตามในส่วนของผู้บริโภค ก่อนที่จะใช้เครื่องสำอางใด ควรมีการตรวจสอบกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ก่อน ว่ามีการขึ้นทะเบียนถูกต้องหรือไม่ โดยเครื่องสำอางที่นำเข้ามาจำหน่ายต้องขออนุญาตจากอย.ทุกราย แต่ถ้าผลิตภายในประเทศก็ต้องไม่มีวัตถุควบคุมหรือสารต้องห้าม

ความจริงเครื่องสำอางที่อ้างว่าผลิตมาจากรกเด็กหรือรกของสัตว์นั้น จริงๆไม่ใช่สเต็มเซลล์แต่เป็นส่วนประกอบของเซลล์เท่านั้น เพราะเซลล์จริงๆไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ในครีมธรรมดา การจัดเก็บสเต็มเซลล์ต้องอยู่ภายใต้อุณหภูมิควบคุม แต่หากนำเซลล์มาอยู่ในอุณหภูมิปกติ จะอยู่ได้แค่ 1-2 วันหรือไม่เกิน 7 วันก็ตายแล้ว ฉะนั้นถ้าบอกว่าเป็นเซลล์ก็คงไม่ใช่ เพียงแต่ว่า เวลาเซลล์แตกออกมาก็จะมี กรดอมิโน หรือเนื้อเยื่อต่างๆที่ไปเก็บมา ซึ่งอันนี้จะขึ้นอยู่กับส่วนผสมว่า จะมีอะไรบ้าง เช่น จากรก ส่วนใหญ่ก็จะมีกรด อมิโน และไซโตคลาย หรืออาจมีสารตั้งต้นของฮอร์โมนบ้างชนิดอยู่ ฉะนั้นไม่เกี่ยวกับสเต็มเซลล์

ขณะที่แหล่งข่าวจากบริษัทเอกชนผู้เชี่ยวชาญด้านสเต็มเซลล์ เผยว่า การจัดเก็บสเต็มเซลล์ ที่ใช้ในการฉีดเพื่อความงาม จะต้องจัดเก็บที่อุณหภูมิ " 80 องศาเซียลเซียส ขึ้นไป ซึ่งการนำสเต็มเซลล์เข้าสู่ผิวหนังจะต้องให้วิธีฉีด ส่วนในเครื่องสำอางที่ต้องบำรุงผ่านทางผิวหนังนั้น ค่อนข้างที่จะเป็นไปไม่ได้ โดยเฉพาะกับเครื่องสำอางที่โฆษณา และได้รับความนิยมในขณะนี้ ซึ่งส่วนใหญ่จะจำหน่ายผ่านระบบขายตรง

อย่างไรก็ตามกรณีการติดเชื้อนั้น จะขึ้นอยู่กับมาตรฐานของการผลิต ซึ่งแต่ละแหล่งผลิตจะมีมาตรฐานที่ต่างกัน เช่น มาตรฐานจากยุโรป และมาตรฐานจากจีน ที่ส่วนใหญ่จะมีปัญหาเรื่องสิ่งปลอดปน รวมทั้งสินค้าปลอม

ภก.วัฒนา อัครเอกฒาลิน ผู้อำนวยการสำนักควบคุมเครื่องสำอางและวัตถุอันตราย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า อย.อยู่ระหว่างการพิจารณาปรับปรุงการห้ามใช้สารต้องห้ามในเครื่องสำอาง โดยจะมีการพิจารณาบัญชีสารต้องห้ามใหม่ โดยเฉพาะในเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของรกเด็ก หรือสเต็มเซลล์ โดยจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาในคณะกรรมการเครื่องสำอางชุดใหญ่ในวันที่ 27 ก.ย.นี้ เพื่อผลักดันออกเป็นประกาศกระทรวงต่อไป

นางปิยะมาศ โมนยะกุล ประธานกรรมการ บริษัท รีเทิร์น จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องสำอางภายใต้แบรนด์รีเทิร์น กล่าวว่า ขณะนี้เริ่มมีสินค้าประเภทครีมบำรุงผิวผสมรกเด็กเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นหลายราย เนื่องจากใช้แล้วเห็นผลที่ชัดเจน ต่างจากครีมบำรุงผิวที่อยู่ในท้องตลาด แต่ในขณะเดียวกันก็เกิดผลข้างเคียงสูง โดยรูปแบบการจำหน่ายนั้นมีทั้งช่องทางปกติและช่องทางขายตรง ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่ที่ก่อให้เกิดปัญหานั้น จะไม่ได้มีการขึ้นทะเบียนเพื่อขออนุญาตกับทางอย. แต่ใช้วิธีการลักลอบนำเข้า และจำหน่ายเอง ดังนั้นผู้บริโภคจะต้องระมัดระวังในการเลือกซื้อและใช้สินค้าเหล่านี้ ต้องดูส่วนผสม และดูว่าผ่านอย.ด้วย เพื่อความปลอดภัย

ทั้งนี้ไม่เพียงแต่เครื่องสำอางที่ผสมรกเด็กที่มีปัญหาเท่านั้น แม้แต่เครื่องสำอางที่มีส่วน

ผสมรกแกะก็มีปัญหาเช่นกัน โดยในเรื่องนี้ นายสมชาย หัชลีฬหา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เจริญโอสถ อินเตอร์เนชั่นแนล เน็ทเวิร์ค จำกัด กล่าวว่า ในช่วงปี 2549 ที่ผ่านมาทางบริษัทได้มีการรับฝากขายผลิตภัณฑ์สกินแคร์รกแกะผ่านร้าน Join Mart ที่เป็นร้านสะดวกซื้อที่บริษัทตั้งขึ้นเพื่อเปิดขายสินค้าของบริษัทและรับฝากสินค้าของซัพพลายเออร์ แต่ได้ยกเลิกไปเมื่อราว 3 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากผู้บริโภคใช้แล้วมีปัญหา และขณะนี้ผู้นำเข้าได้นำไปจำหน่ายเองในช่องทางขายตรง

อย่างไรก็ตาม ตลาดสินค้าสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของรกต่างๆ นั้น กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกระแสของเรื่องสเต็มเซลส์ ทำให้มีสินค้าเข้ามาจำหน่ายในท้องตลาดจำนวนมาก คิดเป็นมูลค่าตลาดรวมเฉพาะเครื่องสำอางผสมรกแกะมีสูงถึง 100 ล้านบาท ซึ่งช่องทางที่จำหน่ายนั้นมีทั้งขายตรง และช่องทางทั่วไป

สินค้าที่วางจำหน่ายในท้องตลาดขณะนี้ มีทั้งที่ขึ้นทะเบียนกับทางอย. และแบบลักลอบจำหน่าย ซึ่งบางครั้งสินค้าที่ผ่านอย.เอง ก็มีปัญหาเช่นกัน แต่การเกิดปัญหานั้นบางทีเกิดจากผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า ที่แจ้งส่วนผสมอีกแบบหนึ่งเพื่อขอขึ้นทะเบียน ขณะที่การผลิตกลับใช้ส่วนผสมอีกแบบที่ไม่ตรงกับที่ขออนุญาตไว้ ดังนั้นทางอย.เอง ต้องมีการตรวจสอบสินค้าที่วางจำหน่ายด้วยว่ารายละเอียดของส่วนผสมของสินค้า ตรงกับที่ขอขึ้นทะเบียนหรือไม่ เพื่อประโยชน์ของ

ผู้บริโภค นายสมชายกล่าว

ด้านนางสาวอารยา อภิสิทธิ์อมรกลุ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ แอนด์ เจ บิวตี้ โปรดักส์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจร้านสินค้าเพื่อความงาม เจ๊เล้ง กล่าวว่า ทางร้านได้จำหน่ายผลิตภัณฑ์สกินแคร์ผสมรกแกะภายในแบรนด์ BRLLE ซึ่งนำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย มีทั้งผลิตภัณฑ์เดย์ครีม ไนท์ครีม เจลล้างหน้า ระดับราคาตั้งแต่ 220-1,250 บาท มาแล้วประมาณ 5 ปี โดยมียอดจำหน่ายราว 4-5 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งสินค้าที่จำหน่ายนั้นมีผลการวิจัยรับรองจากต่างประเทศ และผ่านอย.เรียบร้อยแล้ว

สำหรับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางรกแกะที่จำหน่ายในท้องตลาด ส่วนใหญ่การสร้างแบรนด์สินค้าจะผ่านช่องทางขายตรงเป็นหลัก อาทิ ลาคาลา,ดรีมทีม,สตาร์ลักส์ ซึ่งแนวโน้มจะมีแบรนด์ใหม่เกิดขึ้นในท้องตลาดอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีอัตราการเติบโตที่สูง เนื่องจากคนกำลังให้ความสนใจในเรื่องสเต็มเซลส์ที่ใช้แล้วเห็นผลชัดเจน.
++++++++++++++++++
ข่าวจากฐานเศรษฐกิจค่ะ
http://www.thannews.th.com/detialnews.php?id=M1722541&issue=2254
แก้ไขเมื่อ 07 ก.พ. 51 09:10:35

จากคุณ : markaiew (markaiew) - [ 7 ก.พ. 51 09:06:02 ]