ความคิดเห็นที่ 1 เคยใช้0.025%ค่ะ หน้าลอกเป็นขุยๆไม่ค่อยชอบ เลย ยาประเภทนี่เค้าไม่ควรใช้ติดต่อกันนานๆไม่ใช่ เหรอค่ะ จากคุณ : sandpandy - [ 9 ก.พ. 51 05:58:45 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ใช้แล้วมันจะลอกๆ ค่ะ ต้องแต้มบางมากๆ จริงๆ... แนะนำว่าถ้าอยากจะใช้ตัวนี้ หลอดสีฟ้าโอเคกว่าหลอดสีชมพูค่ะ(สีฟ้ามันอ่อนกว่า ^^ สีชมพูมันแรงไปนิดนึงค่ะ) จากคุณ : +~%Chocolate Republic%~+ - [ 9 ก.พ. 51 08:07:34 ]

ความคิดเห็นที่ 3 0.1 แรงไปนะคะ เสต็ปที่สูงกว่า 0.025  คือ  0.05 ค่ะ ผิวผู้ชาย  ใช้ 0.025 ก็อาจอ่อนไป  เปลี่ยนไปใช้ 0.05 ก็ได้ค่ะ  แต่ควรเริ่มจากทาน้อยๆก่อน จากคุณ : คุณหนูจอย - [ 9 ก.พ. 51 08:59:58 ]

ความคิดเห็นที่ 4 0.005ดีกว่าครับ แรงไปสิวอักเสบอาจเกิดง่ายจากการที่หน้าอ่อนไหวลง จากคุณ : LAST VODKA - [ 9 ก.พ. 51 11:57:58 ]

ความคิดเห็นที่ 5 อยากแนะนำ effaclar k ของ la roche-posay อ่ะค่ะ เราใช้ไม่นานพวกอุดตันๆ หายเกลี้ยงเลยค่ะ มันมีส่วนผสมคือ BHA ค่ะ ช่วยเรื่องการผลัดหลุดลอกของผิว ในขณะที่พวกกรดวิตามินเอให้ผลเรื่องการจัดเรียงตัวของเซลล์ผิวหนังชั้นนอกสุด คิดว่ายากลุ่มกรดวิตามินเอคงไม่ค่อยได้ผลกับผิวคุณจขกท.แล้วล่ะค่ะ เพราะว่าควรจะเริ่มเห็นผลตั้งแต่ประมาณหกเดือนที่เริ่มใช้แล้วค่ะ แล้วก็ความเชื่อที่ว่าไม่ควรใช้ยาพวก retin-a นานๆ เป็นความเข้าใจผิดนะคะ เพราะยาตัวนี้ 'ต้องใช้เป็นเวลานาน' ถึงจะเห็นผลค่ะ จากคุณ : everlasting dream - [ 9 ก.พ. 51 12:07:25 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ขออนุญาตตอบตามที่ตัวเองรู้นะคะ...... จริง ๆ แล้วพวกสิวอักเสบ ต่าง ๆ แล้วจะเริ่มรักษาด้วย 1. BP gel (Benzoyl peroxide) ซึ่งมีหลายความเข้มข้น ตั้งแต่ 2.5% 5% และ 10% หากจะใช้แนะนำให้เพียง 2.5% เพราะมีประสิทธิภาพเท่ากับ 5% แต่มีผลข้างเคียงเรื่องของผิวแห้งแสบ แดง อักเสบน้อยกว่า 5% อย่างมีนัยทางสถิติค่ะ ซึ่งกลไกการออกฤทธิ์ของยาคือ ไปเติม oxygen free radical ให้กับผิว และยังมีกลไกการออกฤทธิ์อีกหลายอย่าง โดยรวมคือออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนัง โดยมี target หลักอยู่ที่ P. acnebacterium ซึ่งเชื่อว่าเป็นต้นเหตุของการเกิดสิว 2. clindamycin gel, lotion มีหลายรูปแบบ ความเข้มข้นที่พบเห็นได้ทั่วไปคือ 1% ออกฤทธิ์โดยการฆ่าเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนังค่ะ 3. erythromycin cream, gel, lotion และอีกหลายรูปแบบ ออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนังเช่นกันค่ะ จากคุณ : popochan - [ 9 ก.พ. 51 20:55:33 ]

ความคิดเห็นที่ 7 first line แรกของการรักษาสิวจะเป็นการรักษาด้วย BP gel หรือ Benzoyl peroxide 2.5% หากจขกท. สามารถทาทั่วหน้าได้จะดีมาก ๆ ค่ะ (โดยที่ไม่มีอาการแสบ หรือคันหน้านะคะ) ควรเว้นบริเวณรอบตา, ปาก และ จมูกไว้ค่ะ เพราะเป็นผิวหนังที่อ่อนโยน แต่หากคุณ จขกท. ได้รับผลข้างเคียงค่อนข้างมาก เช่น แสบมาก หรือผิวลอกมาก แนะนำให้ทาเฉพาบริเวณที่เป็นสิว อาจใช้แม้พันสำลีช่วยแต้มให้โดนเฉพาะจุดที่เป็นสิวจริง ๆ เพื่อที่ผิวปกติจะได้โดนยาน้อยที่สุด จะช่วยลดผลข้างเคียงของยาได้ค่ะ โดยอาจทาก่อนล้างหน้า หากไม่แสบ ทิ้งไว้ซัก ครึ่งชั่วโมงจะดีมาก ๆ เลยค่ะ จากคุณ : popochan - [ 9 ก.พ. 51 20:58:31 ]

ความคิดเห็นที่ 8 จากนั้นหลังจากที่สิวอักเสบ สิวอุดตันต่าง ๆ เริ่มดีขึ้นแล้ว อาจจะใช้เวลานานหน่อยประมาณ 3-4 อาทิตย์ ขึ้นกับ severity ของสิวของจขกท. นะคะ หลังจากนั้นจึงแนะนำให้ใช้ยาในกลุ่ม isotretinoin แบบทา ที่เห็นตามท้องตลาดจะมีได้แก่ retin-A (topical tretinoin) ความเห็นส่วนตัวคิดว่าค่อนข้างเหม็น, stieva-A (topical isotretinoin) ตัวนี้ไม่ค่อยมีกลิ่นรบกวนจิตใจ, isotrex (topical tretinoin) อันนี้ไม่เคยดมมาก่อน ความเข้มข้นโดยทั่วไป คือ 0.025%, 0.05% และ 0.1% และยังไม่มีรายงานที่แน่นอนถึงผลกระทบของยาทาเหล่านี้กับหญิงตั้งครรภ์ ดังนั้นคุณแม่ที่อุ้มท้องน้องอยู่ก็ขอให้หลีกเลี่ยงยาทากลุ่มนี้ก่อนนะคะ จากคุณ : popochan - [ 9 ก.พ. 51 21:01:31 ]

ความคิดเห็นที่ 9 โดยมาแล้วจะเริ่มจากความเข้มข้นน้อยที่สุดก่อนคือ 0.025% หากคนไข้ หรือจขกท. ไม่ได้รับผลข้างเคียงอันได้แก่ ผิวแห้ง ผิวลอก แดง อักเสบ แพ้แสงมาก สามารถเพิ่มเป็น 0.05% ได้ เคล็ดลับในการใ้ช้ยาตัวนี้ที่อาจจะไม่ทราบกันคือ "ต้องให้หน้าแห้งสนิทจริง ๆ ก่อนทายาตัวนี้"  เพราะหากทายาตัวนี้ขณะหน้ายังเปียกจะทำให้มีอาการแสบ แห้ง แดง มากขึ้นค่ะ และ "ควรปิดไฟนอนภายใน 15 นาที หลังจากใช้ยาทากลุ่มนี้"  เพราะยากลุ่มนี้ทำให้ผิวเราไวต่อแสงมาก ถึงมากที่สุด และแนะนำให้ทากันแดดในตอนเช้า และพยายามหลบเลี่ยงแสงแดดด้วยค่ะ จากคุณ : popochan - [ 9 ก.พ. 51 21:03:39 ]

ความคิดเห็นที่ 10 นอกจากนี้ยังมียาในกลุ่ม vitamin A derivatives ตัวใหม่ ๆ ที่เห็นกันทั่วไปคือ differin (adapalene) ความเข้นข้นที่เห็นกันได้ทั่วไปคือ 0.5% และ 1% (ถ้าจำไม่ผิดนะคะ) แนะนำการใช้ยาตัวนี้เช่นเดียวกับ isotrex, retin-A, Stieva-A นะคะ ยาตัวนี้ได้รับการพัฒนามาจาก ยา 3 ตัวดังกล่าว มีผลข้างเคียงน้อยกว่ายา 3 ตัวดังกล่าว แต่ก้อยังมีอยู่นะคะ ________________________________ หลังจากพิมพ์มายืดยาว แนะนำให้จขกท. ไปพบแพทย์ผิวหนังที่ "รพ.รัฐบาล" ดูก่อนนะคะ อาจจะต้องเปลี่ยนวิธีการรักษาสิวของจขกท. เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่จขกท.นะคะ จากคุณ : popochan - [ 9 ก.พ. 51 21:08:06 ]