วาเลนไทน์นี้ไม่มีแฟน ไม่มีดอกไม้ มีแต่ชอกโกแลตที่ซื้อมาจาก7 แล้วก็มานั่งตั้งกระทู้ให้รกเล่นๆ แงๆ
นึกเปรียบเทียบตัวเองจากในอดีตถึงปัจจุบัน
ตอนม.ปลาย เราใช้เครื่องสำอางค่อนข้างแพง
ลิปสติก อายแชโดว์ แป้งตลับ โลชั่น มาสคาร่า บลัชออน
มีครบ
ซื้อๆๆๆทุกอย่างที่อยากได้ ประกอบกับแม่เราค่อนข้างตามใจ ลูกอยากได้อะไรก็ให้
เราไม่รู้เลยว่าเงินที่พ่อแม่เราให้ใช้นี่มันลำบากแค่ไหนกว่าจะได้มาเพื่อให้เราซื้อเครื่องสำอาง
ตอนเราเข้ามหาลัย
เราเริ่มทำงานพิเศษ ตอนแรกก็กะเก็บเงินไว้ซื้อของ+เที่ยว
ทำๆไป เริ่มคิดแล้ว ทำไมมันเหนื่อยจังวะ
เราเฝ้าร้านการ์ตูน วันละ4ชม.
ดูแล้วเหมือนเป็นงานง่ายๆ
แต่ทำจริงๆ นี่มันไม่ง่ายเลย
ต้องห่อปกหนังสือ เช็คหนังสือ กวาด ถู ร้าน
สำหรับคนที่สบายมาตลอดชีวิต ต้องทำสิ่งที่ไม่เคยทำ
เข้างานตรงเวลา กว่าจะเลิก ปิดร้านก็เที่ยงคืน
เพื่อนไปเที่ยวก็ไม่ได้ไปเพราะต้องอยู่เวร
เมื่อก่อนเป็นคนค่อนข้างปิด มนุษย์สัมพันธ์ยอดแย่
ต้องยิ้ม พูดหวานๆ แม้จะมีคนมากวนTeen
ก็ต้องยิ้มเพราะมันคือลูกค้า-*-
ทำเพื่อแลกกับค่าจ้างต่อชม.ที่น้อยนิด
ปกติเราใช้เงินเก่งมาก ตอนนี้กลายเป็นว่าจะซื้ออะไรที
ก็นั่งนึก ของชิ้นนี้กว่าจะซื้อได้นี่ เราต้องเฝ้าร้านเป็น10ชม.เลยนะ เท่านั้นแหละก็วางเลย
จากเมื่อก่อน บ้าเครื่องสำอางแบรนด์นอก
ตอนนี้ อย่าหวังจะได้เงินชั้น
ซื้อแต่เท่าที่จำเป็น ของถูก
พอแต่งๆไป ส่องกระจกมันก็ไม่ต่างกันเลย
วิญญาณคุณนายประหยัดเข้าสิงตลอดเวลา
เราเริ่มคิดว่าที่ผ่านมาเราเสียเงินกับเครื่องสำอางราคาแพงไปเท่าไหร่ ทั้งที่บางอย่างก็ไม่ได้ดีเลิศ แค่มันดูหรู แพกเก็จน่ารัก ใช้แล้วดูดี สะกดจิตตัวเองจนคิดว่าจำเป็นต้องซื้อ บางอย่างไม่ได้ใช้ ซื้อมาใช้อยู่นิดเดียวก็ต้องทิ้ง
นึกๆดูก็ตลกที่เราเป็นไปได้ถึงขนาดนั้น
ปัจจุบัน แม้เราจะไม่ได้ใช้เครื่องสำอางแพงๆ แต่ก็รู้สึกว่า ตัวเรามีคุณค่ามากกว่าเมื่อก่อน
เรารู้สึกขอบคุณงานพิเศษที่เราทำ ถึงแม้ค่าจ้างจะโคตระ ต่ำ แต่มันก็ทำให้นิสัยเราโตขึ้นจากเมื่อก่อน
มีความอดทนมากขึ้น รู้จักยิ้มให้คนแปลกหน้า ไม่ประสาท แ-ด-ก เกลียดคนทั้งโลกนอกจากตัวเอง เราดีใจที่ในที่สุดเราก็เป็นผู้ใหญ่สักที
**กระทู้งี่เง่าไปหน่อย ขอโทษนะคะสำหรับคนที่เสียเวลามาอ่าน**
จากคุณ :
นางเอกหนังไทย
- [
วันวาเลนไทน์ 23:09:31
]