ความคิดเห็นที่ 1 เห็นด้วยๆ ba ก็ดีแต่พูดอ่ะ ไม่แพ้ๆๆๆๆ ฯลฯ พอซื้อมาแล้วแพ้ทีมันรับผิดชอบอะไรได้อ่ะ ดีแต่ขายของ เซ้ง จากคุณ : GermanShapherd - [ 2 พ.ค. 51 22:27:17 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ชูจั๊กกุแร้หนับหนุนด้วยคนค่า โหวตๆๆๆๆ จากคุณ : alekay - [ 2 พ.ค. 51 22:51:12 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ โหวตตตตด่วน จากคุณ : โมเน่ต์ - [ 2 พ.ค. 51 22:53:35 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ โดยส่วนตัวแล้วไม่เคยแพ้ แต่อ่านของเพื่อนๆแล้วน่ากลัวจัง  ไม่รู้จะเกิดกับเราเมื่อไหร่ จากคุณ : phatsorn_t - [ 2 พ.ค. 51 22:55:18 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เห็นด้วยเหมือนกันค่ะ ... จากคุณ : Spiculeja - [ 2 พ.ค. 51 22:57:56 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เป็นเสียงความเห็นที่ดีมากๆเลยค่ะ เพียงแต่ว่าการทำ PT นั้นมันต้องใช้เวลามากกว่าสิบสองชม.ขึ้นไป ถึงจะเห็นผล คาดว่าจะกระทบในแง่ของจุดการขาย (ที่ว่าถ้าไม่ใช่ immediate sale จะนับยอดเป็นศูนย์ อะไรทำนองนี้) แล้วก็เชื่อว่าบริษัทคสอ.ส่วนใหญ่เองก็ไม่อยากเสี่ยงด้วยค่ะ เพราะอย่างคสอ.ที่ผลิตในอังกฤษ  ก็เป็นแบบ Pro-Test (เนื่องจากกฎหมายที่ออกมาตั้งแต่ปี 98 ว่าห้ามใช้ทดลองกับสัตว์ หรือใน EU ที่จะออกมาตอนปี 09 อีกเช่นกันค่ะ) อีกนึงก็คือการทำ PT เองนั้น ถ้าให้ได้ผล อ่านออกมาแล้วไม่ผิดพลาด BA ที่เค้าท์เตอร์ก็จะต้องมีมารตฐานการ apply คสอ.แต่ละชนิด ลงไปใน  test strip ด้วยค่ะ เพราะถ้าดึงมาอ่านก่อนถึงเวลากำหนด ค่าที่ได้ก็จะไม่ตรงเลยค่ะ ( allergens บางอย่างมันจะดีเลย์ผลการทำงานได้น่ะค่ะ) หรือบางอย่างให้แปะทิ้งไว้ แล้วโดนแดดค่าที่ได้ออกมาก็ไม่เที่ยงตรงอีกค่ะ และถ้าลูกค้าซื้อไปแล้วแพ้ และสามารถพิสูจน์ได้ว่าแพ้คสอ. ที่ผ่าน P.T กับผิวตัวเองแล้ว สามารถฟ้องร้องกับบริษัทคสอ.ได้ค่ะ ในแง่กฎหมายบริษัทคสอ. จะดิ้นออกจากเคสแบบนี้ยาก ดังนั้นบริษัทคสอ.ทั้งหลาย จึงตัดปัญหานี้แต่ต้นลม ด้วยการไม่เสนอให้มี P.T ใดๆ พร้อมทั้งเขียนข้างขวด ว่าไม่มีการทดสอบมาก่อน เป็นการป้องกันตัวเองในขั้นแรกน่ะค่ะ ส่วนผู้บริโภคอย่างเราๆ ก็เป็นหนูทดลองชั้นดีต่อไปน่ะค่ะ จากคุณ : เทรี่กัดปลายดินสอเขียน - [ 2 พ.ค. 51 23:06:11 ]

ความคิดเห็นที่ 7 โหวตค่ะ จากคุณ : beautystone - [ 2 พ.ค. 51 23:38:55 ]

ความคิดเห็นที่ 8 อ่าน Topic แล้วเก๊าะกดโหวตค่า เด๋วค่อยมาอ่านเนื้อความอีกที ~ แต่ เห็นด้วย 100 เปอร์เซ็นค่ะ จากคุณ : ฝ้าย (kanOmz) - [ 2 พ.ค. 51 23:51:49 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เห็นด้วยเป็นที่สุดค่ะ   คนเราจะแพ้ไม่แพ้ไม่ใช่แป๊บเดียวจะรู้สักหน่อย  อีกอย่างเจอพนักงาน มารยาทแย่ด้วยค่ะ  แบบไม่พอใจ ถ้าเราไปลองแล้วไม่ซื้อ จากคุณ : swankie - [ 3 พ.ค. 51 00:05:08 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เห็นด้วยค่ะ เมื่อก่อนสารพัดจะใช้เครื่องสำอางค์เคาร์เตอร์นะ ใช้แล้วแพ้หน้านี้เยินเลย  ราคาก็แพงเป็นหมื่น เสียดายเงินซื้อมาแล้วก็ใช้ไม่ได้ ตอนนี้เลยต้องไปรักษากับหมอ หน้าดีขื้นมากๆเลย จากคุณ : ป้าแจม - [ 3 พ.ค. 51 10:53:21 ]

ความคิดเห็นที่ 11 โหวตให้เลย พนักงานขายส่วนใหญ่ จะบอกว่าไม่แพ้แน่นอน เท่าที่มีคนใช้มาไม่เคยมีปัญหา ขาดจรรยาบรรณมุ่งจะขายอย่างเดียว พอไปขอ Tester ก็ไม่ค่อยอยากจะให้ ทั้ง ๆ ที่ความเสี่ยงมันตกอยู่กับผู้บริโภคทั้งนั้น จากคุณ : ข้าวโพดซัง - [ 3 พ.ค. 51 12:55:04 ]

ความคิดเห็นที่ 12 โหวต ๆ ๆ เพราะ ซื้อมาแพ้ หน้าพัง ก็ลำบาก แถม เก็บไว้ก็ไม่ได้ใช้อีก จากคุณ : Jujube in Syrup - [ 3 พ.ค. 51 14:18:43 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เราก็ผู้หญิงคนหนึ่งเหมือนคุณและเข้าใจกับปัญหาเหล่านี้ดีและเคยประสบกับตัวเองมาแล้วรวมทั้งคนรอบข้างที่ประสบปัญหานี้... แต่เราขอพูดแบบเป็นกลางนะคะของแบบนี้มันพูดอย่างคะเพราะเค้าก็เขียนเตือนแล้วว่า"หากมีอาการแพ้ให้หยุดใช้" มันคือการเตือนในระดับหนึ่งแล้วอ่ะนะคะ... แล้วอีกอย่างผิวคนเราก็ไม่เหมือนกันทางผู้ผลิตก้ผลิตออกมาอย่างดีที่สุดในแบบของเค้า<โดยเฉพาะเครื่องสำอางค์แพงๆ> เค้าจะมานั่งรับประกันเป็นรายคนคงลำบากอยู่นะแล้วเค้าก็มิได้บังคับให้คุณซื้อแต่อย่างใด... คุณเดินเข้าไปหาเค้าเองถูกไหมส่วน PA เค้าก็ทำงานกินเงินเดือนเค้าก็ทำทุกอย่างตามหน้าที่ ที่ได้รับฝึกและอบรมมาก่อนมายืนหน้าเคาเตอร์ถูกไหมเพราะฉะนั้นสำหรับเครื่องสำอางค์แล้วผู้ฆยิงอย่างเราๆ ก็ต้องดูแลตัวเองในระดับหนึ่งล่ะคะ... จากคุณ : ดานา - [ 3 พ.ค. 51 14:20:06 ]

ความคิดเห็นที่ 14 โหวตค่ะ จากคุณ : dogdogshop - [ 3 พ.ค. 51 14:37:27 ]

ความคิดเห็นที่ 15 โหวตเต็มที่...สองมือชูแบบสุดๆๆ..ถ้ามีให้ลองก่อนก็ดีค่ะ แต่ก็เข้าใจพวกพี่บีเอเหมือนกันเพราะว่ามันก็อาชีพเค้าอ่ะเนอะ..อีกอย่างเราก็ไม่รู้ว่าเราแพ้สารอะไรบ้างในเนื้อครีมนั้นค่ะ แต่สนับสนุนค่ะ..ถ้ามีให้ลองก่อน จากคุณ : iamyayhee - [ 3 พ.ค. 51 15:25:43 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ถึงขั้นทำ PT เลยคงลำบากค่ะ อีกอย่าง สารบางตัวก็ต้องใช้เวลา กว่าจะรู้ว่าแพ้หรือไม่ แต่เราขอเสนอทางเลือกนะคะ ให้มีการแจก  “tester”  ให้ลูกค้าที่สนใจได้ลอง เราเคยเขียนกระทู้เมื่อนานมาแล้ว เกี่ยวกับเรื่องของ Tester ที่เคาท์เตอร์ต่าๆง เอาเปรียบผู้บริโภคมากๆ คือเมืองไทยนี่ Tester กลายเป็นของแถมไป ซื้อไม่ครบ 4000 ไม่ให้ Tester อย่างงี้ มันใช่เรื่องเหรอ? ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่ามันคือ “Tester” หรือชุดผลิตภัณฑ์สำหรับทดลอง ยังจะมีหน้ามาเอาบุญเอาคุณ ทำเป็นแถมให้เวลาซื้อเยอะๆ ขอทีเถอะคุณ มันต้อง “ให้ก่อนซื้อ” ไม่งั้นเขาจะเรียกว่า Tester ทำไม?? ก็ในเมื่อต้องซื้อขนาดเต็มก่อน แล้วถ้าฉันแพ้ จะว่ายังไง? เอาเปรียบกันมากๆ เราเรียกร้องเรื่องการเอาเปรียบอย่างนี้มาหลายที บางคนอาจจะว่าเราซีเรียสมากไป แต่จริงๆ เราเห็นว่าผู้บริโภคเมืองไทย ถูกเอาเปรียบอยู่มากในหลายๆ อย่าง บางคนก็ยอมให้เขาเอาเปรียบเอาด้วยความไม่อยากมีเรื่องมาก ขี้เกรงใจ ฯลฯ ซึ่งผลก็ออกมาเป็นอย่างนี้ล่ะค่ะ “หากมีอาการแพ้ให้หยุดใช้” คำนี้คือเตือนก็เหมือนไม่เตือนล่ะค่ะ เพราะถ้าลงว่าแพ้ขึ้นมา แล้ว 1. เงินที่ซื้อเครื่องสำอางไปก็ยากที่จะได้คืน 2. ค่าเสียหายจากการแพ้ ค่าหมอ ค่ายา ค่าเดินทาง บางคนต้องหยุดงานเพราะแพ้มาก หรือค่าเสียโอกาสอื่นๆ ลองคิดดู เช่นคุณกำลังจะเป็นพริ๊ตตี้งานๆ หนึ่ง รายได้หลายพันต่อวัน เกิดแพ้เครื่องสำอาง คุณต้องเสียรายได้ของวันนั้น  ฯลฯ  ตรงนี้ผู้บริโภคก็ต้องรับผิดชอบเอง ถูกต้องค่ะ ที่บอกว่าผู้ผลิตเขาก็ทำมาอย่างดีแล้ว ไม่ได้เจตนาจะให้ห่วยเลย แต่เมื่อเป็นอย่างนั้นก็ต้อง “กล้า” ที่จะให้ “ลองก่อนซื้อ” สิคะ “ลอง” ในที่นี้ ไม่ใช่แค่เอามาป้ายๆที่แขนตอนอยู่ตรงเคาท์เตอร์นะคะ แขนกับหน้ามันต่างกัน อีกอย่าง ทาแค่นั้นกลับบ้านอาบน้ำก็หมดแล้ว แต่ถ้าแจก Tester  ได้ลองใช้จริง แพ้ไม่แพ้ ก็รู้กันไป ลดความเสี่ยงให้บริษัทด้วย หากลูกค้าแพ้ Tester ก็ไม่สามารถมาเอาเงินคืนจากคุณได้ด้วย  ลดความเสี่ยงของทั้งสองฝ่าย มันควรจะเป็นกฎหมายด้วยซ้ำ ไอ้การที่ต้องให้ผู้บริโภคมีสิทธิ์ได้รับ Tester ก่อนใช้สินค้าจริง อยากจะรณรงค์ด้วยซ้ำค่ะ ให้คุณ ๆ ขอ Tester มาทดลองใช้ก่อน ถ้าเคาท์เตอร์ไหนไม่ให้ มองเหยียดๆ หรือสร้างเงื่อนไขว่า “ต้องซื้อครบ $$$$ บาท ก่อนจึงจะแจกค่ะ” ก็ให้ร้องเรียนกับบริษัทเลย เพราะปัจจุบัน Tester ไม่ได้ถูกใช้เป็น Tester แต่เป็นของแถมบ้าง บางคนบอกว่าพวก BA เอาออกมาขายพวกร้านที่รับซื้อด้วยซ้ำ เอาเปรียบกันเกินไป แย่ค่ะ หลายๆ คนเจอกรณีแพ้เครื่องสำอาง พอกลับไปเคาท์เตอร์ ก็ได้คำตอบว่า “ผิวของคุณ ไม่เหมาะกับผลิตภัณฑ์ของเราค่ะ” เกินไปป่ะ? จริงๆ แล้วทำไมไม่คิดแบบ “ผลิตภัณฑ์ของเรา ไม่เหมาะกับผิวคุณ” มั่งล่ะ? ผลักความผิดให้ผู้บริโภคได้อีก รับผิดชอบกันบ้างได้แล้ว ขายไม่ใช่ถูกๆ และขอบอกนะคะ คุณๆ จากบริษัทเครื่องสำอาง หรือบริษัทต่างชาติ ที่กำลังจะขยับมือเขียนตอบเรา โดยอ้าง (อย่างที่เราเคยอ่านๆ มาแล้ว) เช่นว่า ไม่มีกฎหมายคุ้มครอง ไม่ต้องทำ ไม่ใช่ความรับผิดชอบบริษัท เป็นเรื่องของผู้บริโภคเอง ใครจะไปรู้ว่าคุณจะแพ้ (อ้าววว งั้นก็ให้ Tester ก่อนสิว้อยยยยย) ทำตัวยุ่งยาก เดี๋ยวไม่มีใครมาค้าขายกับไทย ฯลฯ เราบอกตรงนี้เลยนะคะ 1. กรุณา Keep in mind ไว้ด้วยว่า ในชีวิตจริง คุณๆ เราๆ ท่านๆ เป็นผู้บริโภค เราจะเป็น “ผู้ค้า” หรือ “พนักงานบริษัท” กันเพียงเสี้ยวหนึ่งของเวลาชีวิต เมื่อคุณกลับบ้าน ก่อนคุณไปทำงาน คุณก็คือผู้บริโภค ไม่ว่าจะซื้อผงซักฟอก อาหาร นมผงให้ลูก เติมน้ำมัน ซื้อรถยนต์ ซื้อบ้าน คุณก็คือผู้บริโภค ถ้าคุณเอาเปรียบพวกเรา คุณก็เปิดช่องให้คนอื่นเอาเปรียบคุณเช่นกัน คุณอย่าคิดว่าคุณปกป้องผลประโยชน์ของบริษัทที่ให้เงินเดือนคุณได้แล้ว ดีแล้ว วันนึง ถ้านมผงที่ลูกคุณทาน ทำให้ลูกคุณหายใจติดขัด ถ้ารถยนต์ที่สามีคุณขับเบรคขัดข้อง ถ้าอาหารที่คุณซื้อทำให้คุณท้องร่วงอย่างแรง นาทีนั้น คุณจะเข้าใจ หากบริษัทผู้ผลิตบอกกับคุณว่า เสียใจด้วย คุณไม่เหมาะกับผลิตภัณฑ์ของเราเอง 2. ให้มันรู้ไปสิคะว่าจะไม่มีใครค้าขายกับไทย เพราะในประเทศของเขาเอง กฎหมายแรงมากๆ เขายังค้าขายได้ร่ำรวย จนมาขยายกิจการโพ้นทะเลถึงไทยได้ แล้วทำไมจะดูแลผู้บริโภคไทย เหมือนผู้บริโภคของเขาเองไม่ได้?? คนเหมือนกันหรือเปล่า?? แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 51 19:24:43 จากคุณ : Love Actually is.. - [ 3 พ.ค. 51 15:50:10 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เห็นด้วยค่ะ โหวตโลด จากคุณ : ซาวาจิกะ เอริ - [ 3 พ.ค. 51 17:05:54 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เห็นด้วยมั่ก ๆ พวกครีมแพง ๆ เราไม่ซื้อเลย ถ้าแพ้ก็ซวยสิเงินตั้งเยอะ จากคุณ : Galilee - [ 3 พ.ค. 51 17:06:36 ]

ความคิดเห็นที่ 19 โหวตด้วย จากคุณ : wawah12 - [ 3 พ.ค. 51 17:27:54 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เห็นด้วยค่ะ อยากให้มีการทดสอบแบบนี้นานแล้วเหมือนกัน เพราะไปซื้อทีไร BA ก้อบอกว่าไม่(น่าจะ)แพ้ ทุกทีเลย T_T จากคุณ : Partenza - [ 3 พ.ค. 51 17:31:31 ]

ความคิดเห็นที่ 21 โหวตค่ะ จากคุณ : คะน้า (KaNa-IRC) - [ 3 พ.ค. 51 17:44:53 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เห็นด้วยค่ะ โหวตค่า แต่บีเอบางคนก็ดีค่ะ หรืออาจจะเป้นเพราะคุณแม่ซื้อบ่อยก็ไม่รู้ คือแบบถ้ามีผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมา เค้าจะให้ tester แม่มาลองใช้ก่อนอ่ะค่ะ แต่ส่วนใหญ่ ไม่ค่อยเจอบีเอแบบนั้นเลย ยิ่งพวก skincare แพ้ที่จะยุ่งมากๆ จากคุณ : สาวนิสต้า (caez_nista) - [ 3 พ.ค. 51 18:05:01 ]

ความคิดเห็นที่ 23 โหวตด้วยค่ะ ปล. เทสเตอร์มีไว้ขาย อยากได้เทสเตอร์ต้องซื้อเอา อย่างนั้นเลย จากคุณ : ค่ะนิวววว* (idyzlesla) - [ 3 พ.ค. 51 18:05:58 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เห็นด้วยมากๆค่ะ เราผิวแพ้ง่ายมาก ก่อนจะซื้ออะไรต้องขอมาลองก่อน ถ้าไม่มี sample มาให้ก็ต้องขอให้บีบ tester ที่ให้ลองนั่นแหละใส่ตลับ ถ้าไม่มีก็ไม่ซื้ออะค่ะ เพราะเคยเจอบอกว่าไม่มีค่ะๆแต่เค้าบอกว่าถ้าแพ้เอาไปคืนได้ แล้วก็เลยซื้อมาใช้แพ้กระจุยต้องเอาไปคืน แต่ที่ไหนได้ไม่คืนตังให้เป็น voucher มาแทน -''- จากคุณ : kisekimeru - [ 3 พ.ค. 51 19:42:26 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เทสเตอร์ที่มีมาแจกก็ควรก็จะให้  ไม่ใช่มีแต่ซื้อแล้วต้องขอ  ถึงจะได้มาเป็นของแถม จากคุณ : serafina - [ 3 พ.ค. 51 20:56:49 ]

ความคิดเห็นที่ 26 โหวตค่ะ โหวตๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : น้องหมามินมิน - [ 3 พ.ค. 51 21:05:06 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เห็นด้วยที่สุด....... จากคุณ : ชิสุถีบสามล้อหนีปลาทอง - [ 3 พ.ค. 51 21:47:15 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เราว่าเป็นไปได้ยาก ถ้าจะทำ PT เห็นด้วยกับคุณ love actually is นะคะ ว่าน่าจะแจก Tester ให้กับคนที่สนใจ เพราะว่าคนเหล่านี้แหละจะเป็นลูกค้าในอนาคต ยิ่งเครื่องสำอางราคาแพง ขอ tester ทีนึงทำเหมือนไปขอเงินเดือนทั้งเดือนของคนขาย คนซื้อก็เซ็งนะคะ ไม่ใช่ไม่มีตังค์จะซื้อใช้ แต่ก่อนจะซื้อ ก็อยากแน่ใจว่าของที่ได้มันคุ้มกับเงินที่เสียไป ใช้แล้วไม่แพ้แน่ๆ อีกอย่าง เราว่า Tester ที่ไม่ค่อยแจกกัน เป็นเพราะ BA เก็บรวมๆ แล้วไปขายต่อรึเปล่า ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็จะน่าจะมีระบบสต็อค tester ด้วย ถ้าเราไปขอ tester ก็ให้เราให้รายละเอียดเกี่ยวกับตัวเรา เราเต็มใจให้นะตรงนี้ แลกกับการได้ทดลองสินค้าก่อนใช้ แล้วบริษัทก็จะได้ข้อมูลจากตรงนี้ด้วย ว่ามีคนที่ขอ tester กี่คน แล้กลับไปซื้อสินค้ากี่คน จริงๆ แล้วการให้สินค้าทดลองใช้มันมีอยู่แล้วแหละ เพียงแต่ในแวดวงเครื่องสำอางซึ่งมันราคาแพง ทำให้บีเอหัวใสเอาไปใช้ประโยชน์กับตัวเอง จากคุณ : KhongMing - [ 3 พ.ค. 51 22:18:14 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เห็นด้วยอ่ะ ว่าคนที่สนใจซื้อควรมีสิทธิ์ขอ tester นะ ส่วนตัวก่อนซื้อเครื่องสำอางตัวไหน เราขอลองที่เคาท์เตอร์ที่ท้องแขนก่อนค่ะ แต่ก็ไม่ค่อยช่วย เพราะตอนลองไม่เห็นเป็นไร พอใช้จริง ๆ ดันแพ้ซะนี่ หรือถ้าไม่แพ้มันก็ไม่ค่อยจะถูกใจ ถ้ามี tester ก่อนก็น่าจะดีค่ะ จากคุณ : แบ๊น แบน - [ 3 พ.ค. 51 22:21:52 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เราว่าคงได้แค่ฝันค่ะ เรื่องจะไปบอกให้แบรนด์ว่า "ต้อง" แจก tester ตราบใดที่สังคมยังไม่มีความพอดี ต้องยอมรับว่าบ้านเรามีคนกลุ่มหนึ่งที่ "ถ้าขอฟรีได้ เรื่องอะไรจะเสียเงินซื้อ" บางคนใช้หรือเปล่าไม่รู้ แต่ขอมาไว้ก่อน ได้ฟรี ไม่เอาก็โง่ ใช้ไม่ใช้ค่อยว่ากัน คนกลุ่มนี้แหละที่จะทำให้ผู้บริโภคที่แท้จริงเสียหาย ถ้าจะแจก คงต้องคิดให้ได้ก่อนว่าจะป้องกันกลุ่มคนที่พฤติกรรมแบบนี้อย่างไร ถ้าถามเรา อาจจะต้องทำระบบไอทีขึ้นมา แบบเอาบัตรประชาชนไปรับทุกครั้งก็บันทึกไปเลยว่ารับเทสเตอร์ตัวไหนไปวันที่เท่าไหร่ จะได้มาแอบอ้างรับอีกไม่ได้ แต่ถ้าจะทำจริงเราว่ามันก็เรื่องใหญ่นะ เงินทั้งนั้นที่จะเอามาลงทุน รวมถึงการแจกเทสเตอร์ให้ทุกคนแบบไม่จำกัด ก็คงต้องใช้เงินสูงมากอีกเช่นกัน มีอีกหลายอย่างที่เมืองนอกทำได้ แต่ไม่เหมาะกับบ้านเรา การแจกตัวอย่างของฟรี ก็เป็นหนึ่งในนั้น จากคุณ : สักวันหนึ่ง - [ 3 พ.ค. 51 23:03:40 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เห็นด้วยกับความคิดปกป้องสิทธิ์ของเราของ จขกท. แต่จ้อยว่ามันยากมากๆที่ บ.จะยอมให้ลูกค้าทำ PT คะ อย่างที่คุณเทรี่กัดปลายดินสอเขียนว่าไว้เลย บ.ก็ต้องป้องกันตัวเองจากการถูกฟ้องร้องคะ ที่คุณLove Actually is.. ว่ามาก็เห็นด้วย แต่..ในเมืองไทย Tester ไม่ได้มีเอาไว้แจกแต่มีไว้แถมคะ อีกอย่างหนึ่งก็ต้องยอมรับบ้านเรานิยมของฟรีคะ ถ้ามีการแจก Tester ฟรีกับทุกคนที่ขอ จ้อยว่าจะมีคนใจกล้าหน้าเป็นแบบไหนไม่รู้ ส่งเพื่อน คนรู้จักไปขอไม่รู้จักจบจักสิ้น อีกอย่าง บ.คงควบคุมคชจ.ด้วยคะ เพราะมันยากที่จะเช็คว่า บีเอ แจกจริงหรือแฮบเทสเตอร์ไปขาย !! จ้อยอยู่ ตจว.  คสอ.มีไม่มากมายหลากหลาย ก็เลยได้ Tester จากเคาเตอร์ คสอ.อยู่บ่อยเหมือนกัน แต่ปกติก็เลือกรับคะ ไม่รับไปซะทั้งหมด รับเฉพาะที่เราสนใจ  ถ้าใช้แล้วโอเคก็จะมาขออีก ขอเอาไปใช้ให้แน่ใจว่าไม่แพ้ค่อยซื้อไซส์จริง มันคงอยู่ที่ศิลปะการรับและขอรึปล่าวไม่รู้ ก็เลยได้รับ tester จากบีเอเคาเตอร์ต่างๆอยู่เนืองๆ ว่าแล้วจะไปซื้อลิปรุ่นใหม่ คอเฟดอร์ของคาเนโบ้วันนี้ดีกว่า .. 555(ตัวอย่างจะๆจากการได้ tester ) ขอเล่าประสบการ์การ(รับ)แจก tester สมัยจ้อยเรียนมหาลัยเมื่อนานนมกาเล เค้ามาแจกเทสเตอร์ผ้าอนามัยหน้ามหาลัย ผู้ที่ได้เชื่อว่าปัญญาชนนี่แล เวียนเทียนเดินเข้าออกได้ผ้าอนามัยมาเป็นกอบเป็นกำ เห็นปริมาณที่เค้าไปเอามากะว่า(ทุกคน)ใช้ได้หลายเดือนเลยคะ(ทำเป็นหมู่คณะ!!) อันนี้เห็นมากะตาจะๆมาแล้วคะ คนที่มาแจกไม่ใช่ว่าเค้าไม่รู้นะคะ เค้าก็พอจำได้  แต่เค้าก็ให้ไปคะ   ส่วนในใจเค้าจะคิดยังไง  ก็อยากรู้เหมือนกันคะ ดังนั้นเรื่องทำ PT  ขอ Tester สำหรับเมืองไทย..คงยากคะ ก็คงต้องช่วยตัวเองด้วยการดูที่ส่วนผสมกันเอาเอง หากขอ tester ได้ก็โชคดีไป หากขอไม่ได้ก็สุดแท้แต่วาสนาที่สั่งสมมาหล่ะคะ อย่าแพ้หน้าแหกเป็นใช้ได้ ส่วนใช้แล้วได้ผลดีแค่ไหนอันนั้นเป็นกำไรคะ งื้อๆ.. จากคุณ : จ้อย..ยย - [ 4 พ.ค. 51 08:00:27 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ชอบ คห  ของ จขกท   ขอบคุณที่ตั้งขึ้นมานะคับ คุณ เทรี่กัดปลายดินสอเขียน     คุณ : Love Actually is..     คุณ : สักวันหนึ่ง ชอบมากเลยคับ   อ่านของจขกทแรกๆ   ดูมีหวังมากเลย   แต่พออ่านหลังๆ  เริ่มรู้สึกว่า   ความเป็นไปได้มันเลือนลางมากๆเลยอ่ะคับ    แต่ก้อเห็นด้วยจริงๆ โหวตคับ  เพื่อ ปฏิหารย์ จากคุณ : LoveToBeLoved - [ 4 พ.ค. 51 08:09:55 ]

ความคิดเห็นที่ 33 เห็นด้วยกับคุณสักวันหนึ่งค่ะ ว่าการแจกเทสเตอร์แกทุกคนที่สนใจ ยากเพราะไม่เหมาะกับนิสัยคนไทยจริง ๆ เครื่องสำอางเคาเตอร์ มักจะมีเทสเตอร์อยู่แล้ว คุณก็ไปเทสต์ได้ เป็นสิทธิของคุณอยู่แล้วค่ะ ปัญหาคือบางคนอาย บางคนกลัวBAไม่กล้าขอทดลอง อันนั้นก็ช่วยไม่ได้แล้วค่ะ แต่สำหรับเครื่องสำอางที่วางขายตามซุปเปอร์คงเป็นไปได้ยากที่จะมีเทสเตอร์ทุกชิ้นค่ะ หรือถ้าคุณต้องการให้มีจริง ๆ เค้าก็ตอบคุณว่าได้ แต่ต้นทุนเพิ่ม เค้าต้องขึ้นราคาสินค้า คุณจะว่าอย่างไรคะ ยอมรับได้ไหมกับราคาที่ต้องเพิ่มขึ้น? สำหรับคนที่แพ้ง่าย วิธีที่ดีที่สุดคือสังเกตเอาค่ะ เอาเครื่องสำอางที่เราแพ้ ๆ มานั่งดูส่วนผสมว่ามีอะไรบ้าง ส่วนผสมตัวไหนซ้ำกัน ก็พอจะกะได้ว่าเรา "น่าจะ" แพ้สารตัวนี้ ๆ นะ ต่อไปซื้อเครื่องสำอาง ก็ดูว่าอย่าให้มีสารตัวนี้เป็นตัวประกอบ แม้ว่าจะไม่ได้ผลทั้งหมดเพราะสารที่นำมาทำเครื่องสำอางมันมากมาย แถมพวกสารสกัดจากธรรมชาติอีก(พวกนี้ก็ตัวดี) แต่ก็พอจะเป็น guideline ได้นะคะ จากคุณ : nan_nan - [ 4 พ.ค. 51 08:14:44 ]

ความคิดเห็นที่ 34 กลายเป็นภาระของผู้บริโภคที่ต้องลองเองว่าแพ้ไม่แพ้ แพ้ก็ไม่ต้องซื้อ รักษาเอง/** เหอๆ จากคุณ : Mi Lady & Mi Lord - [ 4 พ.ค. 51 10:57:43 ]

ความคิดเห็นที่ 35 เรื่องนิสัย "นิยมของฟรี" น่ะ มันทั่วโลกค่ะ ไม่ใช่แค่คนไทยอ่ะค่ะ คือคนที่มีนิสัยถาวรขนิด "เอาแต่ได้" เนี่ย ไม่ว่าจะเชื้อชาติ ศาสนา วัฒนธรรมอะไร รวย หรือจน ก็จะหาข้ออ้างมาประกอบการกระทำตัวเองได้เสมอ เช่น "เขาแจกฟรี ก็เอาสิ ไม่เอาก็โง่ ไปเอาของฟรีกันเหอะ เอาแล้วเอาอีกก็ได้ ไม่ต้องไปซื้อมันหรอก" ประมาณนั้น เช่นเดียวกับฝ่ายผู้ขายก็อ้างได้อีก  "กฎหมายเขาไม่ได้บอกให้ทำ ไม่ต้องไปทำมันหรอก ช่างหัวมัน นี่เมืองไทย ไม่ใช่เมืองนอก นี่คนไทย ไม่ใช่คนฝรั่ง (แล้วมันคนรึเปล่าล่ะ?)" ยกตัวอย่างนะคะ เมืองนอก ก็จะมีพวกฝรั่ง ที่พอจะไปเดท หรือไปออกงาน ก็ไปซื้อชุดแพงๆ มา รองเท้าหรูๆ พอใช้ออกงาน หรือเดทสำคุญผ่านไป ก็เอาไปคืนร้าน refund เอาเงินคืน บ้างก็บอกว่าซื้อให้น้องสาว แต่น้องไม่ชอบ ฯลฯ เพราะเมืองนอก กฎหมายเขาให้คืนได้ มีจริงค่ะ แต่เป็นส่วนน้อย (น้อยที่ว่าคือเทียบกับคนในสังคมทั้งหมดนะคะ) แต่กฎหมายเขาก็ยังคงคุ้มครองให้สามารถเปลี่ยน/คืนเงินได้อยู่ดี เพราะอะไรคะ? เพราะคนส่วนใหญ่จะได้รับการคุ้มครองไงคะ แต่ถ้าให้บอกจริงๆ นะ ทั้งชีวิตเราเนี่ย คนเห็นแก่ตัวประเภทที่ว่า มันน้อยกว่าคนอื่นๆ ในสังคม ซึ่ง 100 คน จะมีสัก 20 คนที่เห็นแก่ตัวได้อย่างนั้นดังนั้น จะเหมารวมเอาพวกนี้ มาให้กระทบกับผู้บริโภคส่วนใหญ่ ก็คงต้องเป็นอย่างนี้ต่อไปตลอด เพราะไม่มีวันไหน หรือประเทศไหน ที่ไม่มีคน "เห็นแก่ได้" เลยจริงๆ แต่สิ่งที่เราเสนอ มันเพื่อ "คนส่วนใหญ่" อ่ะค่ะ คือถ้าไม่ทำ คนส่วนใหญ่เค๊าก็เดือดร้อน ถ้าทำ ก็อาจจะมีผลเสียบ้าง มันธรรมดา ไม่มีอะไรดี 100 หรือแย่ 100 มันมีแต่ "ดีกว่า" เท่านั้น ที่เราเลือกที่จะปรับปรุงมันได้ งั้นเราเสนอทางเลือกใหม่ Tester ไม่แจกก็ได้ แต่ถ้าผู้บริโภคแพ้สินค้า คุณผู้ขายต้องรับผิดชอบ เอาไหมล่ะ?? ต้องคืนเงินด้วย ก็ไม่ยอมอีก ก็อ้างได้อีกว่า "สินค้าทำมาอย่างดี ไม่ได้ทำห่วยๆ คุณดันแพ้เอง" ตกลง จะบอกว่าผู้บริโภคไทยเนี่ย ต้องยอมรับสภาพ "เสี่ยงซวย" อย่างนี้ไปตลอดใช่ไหมคะ? ขอมาลองใช้ ก็ไม่ให้ พอซื้อมาแล้วแพ้ ก็ไม่รับผิดชอบ เงินก็ไม่คืน .... แก้ไขเมื่อ 04 พ.ค. 51 17:15:01 จากคุณ : Love Actually is.. - [ 4 พ.ค. 51 13:31:51 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เห็นด้วยกับคุณ love actually is มากๆๆ เมื่อ 2-3 วันก่อนเรากำลังเล็ง biotherm aquasource อยู่ หลังจากลองป้ายๆ ที่มือแล้ว ก็เลยเอ่ยปากถามพนักงานว่ามีเทสเตอร์ให้กลับไปลองมั้ย คุณเธอรีบตอบทันใดว่า มีค่ะ พลางชี้ไปที่ชุดกระเป๋า gwp ที่วางอยู่ บอกว่าซื้อครบ 4,000 ค่ะ เท่านั้นแหละ เราก็เลยเลิกสนใจ กลัวค่าหมอแพงกว่าค่าครีม T T จากคุณ : cutiebear - [ 4 พ.ค. 51 15:54:00 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ู^o^ กลับมาดูอีกที เป็นกระทู้แนะนำแล้ว... แสดงว่าพวกเราล้วนใส่ใจกับเรื่องนี้ น่าดีใจจริงๆค่ะ แต่ละคห.น่าคิดทั้งนั้นเลย ขอบคุณที่แชร์ความคิดเห็นกันค่ะ อันที่จริง tester ที่มีวางไว้ตรงเคาน์เตอร์ ก็น่าจะใช้ได้นะคะ เพราะเราก็ไม่จำเป็นจะต้องซื้อสินค้าเดี๋ยวนั้นเลยนี่นะ(แต่หลายคนเกรงใจ BA) -*- ไหนๆเรามักจะหยิบตัว tester มาดูๆดมๆ บีบออกมาแต้มตรงหลังมือกันอยู่แล้ว ก็น่าจะเอามาทาบริเวณที่เหมาะจะทำPTได้นะคะ เช่นข้อพับแขน ท้องแขน ฯลฯ แล้วก็กลับบ้านไปโดยระวังตอนอาบน้ำ อย่าไปล้างออก ทิ้งไว้สัก 12 ชม. เท่านี้ก็เป็นการทำ PT อย่างง่ายๆแล้วล่ะค่ะ วิธีนี้คือ Open Patch Test ซึ่งพวกเราคนทั่วไปสามารถทำเองได้ เพียงแต่มองข้ามที่จะทำ และไม่มีใครให้ความสำคัญ อีกวิธี Close Patch Test นี่ต้องทำในแล็บ หรือโรงพยาบาล มีผู้เชี่ยวชาญตามเก็บผล ดูเป็นวิชาการกว่า และเหมาะสำหรับการทดลองเพื่อดูอาการแพ้จริงๆ เรามองว่า ไม่มีการให้ความรู้ ความเข้าใจในการทำ PT แก่ประชาชนมากกว่า ...เห็นด้วยกับหลายๆคห.เลยค่ะ ว่ามีหลายกรณีที่ทำได้ยากในบ้านเรา โดยเฉพาะการขอTester คสอ.คงไม่ค่อยอยากให้ แต่สมมตินะคะ ถ้าขอ tester มาได้หรือได้แจกฟรีก็ตาม จะมีสักกี่คน ที่คิดและทำ PT กับตัว tester นั้น... ส่วนใหญ่ เชื่อว่า ดีใจได้ของฟรี เดี๋ยวใช้เลยดีกว่า ว่าแล้วก็ละเลงลงบนหน้าเลย... นี่แหละค่ะ...ปัญหาที่แท้จริง --' แทนที่จะจัดการทำ PT ก่อน อุตส่าห์ได้ tester มาแล้ว ตรงนี้แหละค่ะ ที่เราว่ามันควรจะรณรงค์ให้เป็นเรื่องเป็นราว (ออกเป็นกฎหมายคงยิ่งเป็นไปได้ยากสำหรับบ้านเรา) เพราะผู้บริโภคไม่เข้าใจสิทธิ์ของตัวเอง และไม่รู้วิธีทำ PT ที่เหมาะสมกับคสอ.นั้นๆ อยากให้มีการให้ความรู้เรื่องความสำคัญและวิธีทำPT แก่คนทั่วไป อย่างเราเองเนี่ย สารภาพเลยว่า รู้แค่...ทาครีมตรงข้อพับ ทิ้งไว้12ชม. แค่นั้น แต่ที่จริง PT เนี่ย มันแล้วแต่ชนิดของคสอ.ด้วย บางตัวต้องทาที่หลัง บางตัวที่ข้อมือก็ได้ บางตัวทาใต้คาง ฯลฯ(ขออภัยที่ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับ PT ของคสอ.แต่ละประเภทนะคะ ) คสอ.มันหมายรวมทั้ง ครีม โลชั่น แป้ง โรลออน และอีกมากมาย ไม่ว่า สาวออฟฟิศ แม่บ้าน นักศึกษา เจ๊ขายข้าวแกง ฯลฯ ก็ล้วนเป็นผู้หญิง เป็นผู้บริโภค พวกเราต่างก็ใช้คสอ.กันอยู่ทุกวัน (คุณผู้ชายด้วยนะคะ ^^) ดังนั้นก็ควรมีสิทธิ์ที่จะป้องกันตัวเองจากอันตรายที่มาจากคสอ. การรณรงค์ให้รู้จักทำ Open PT ด้วยตัวเอง น่าจะทำได้นะ หรือจะให้ดีคสอ.เองก็น่ามีส่วนช่วยด้วย เพียงแค่ช่วยแนะนำลูกค้าให้ทำ และอธิบายวิธีทำที่ถูกต้อง ไม่น่าจะเสียหายอะไร เพราะที่จริงลูกค้ายังไม่ต้องซื้อเดี๋ยวนั้นก็ได้ น่าจะเข้าใจ(รึเปล่าหว่า) ส่วนเรื่องคสอ.กลัวการถูกฟ้อง ในความเห็นเรา การให้ลูกค้าทำ PT ยิ่งจะปลอดภัยกับทั้ง2ฝ่ายมากกว่านะ เพราะการทำPT จุดประสงค์ก็เพื่อความปลอดภัยของลูกค้าเอง และเป็นไปโดยสมัครใจของลูกค้า ถ้าไม่สนใจทำก็แล้วไป เกิดแพ้ขึ้นมา จะมาเอาเรื่องไม่ได้นะ ซึ่งในระหว่างทำ PT (ผิวส่วนที่ทำ เป็นจุดที่ห่างไกลจากใบหน้าอยู่แล้ว) ถ้ารู้สึกระคายเคือง แสบร้อน (คงใช้เวลานานหน่อยค่ะ ไม่เกิดขึ้นทันที PT ใช้เวลาอย่างน้อย12ชม.) อันนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะไปฟ้องคสอ.นะคะ เพราะมันเป็นเพียงการทดสอบอาการแพ้ ยังไม่ใช่เป็นการแอพพลายจริง เผอิญผิวเรารับไม่ได้ ไม่ใช่ความผิดเขา คนที่รับได้ก็มี...จะไปต่อว่า ว่าของเขาไม่ดีก็ไม่ถูกนะ ว่ามั้ย ยกเว้น มีคนใช้แล้วแพ้เป็นจำนวนมาก จนต้องตรวจสอบส่วนผสม (และคงทำ Close Patch Testด้วย) ถ้ามีสารที่เป็นอันตราย สารต้องห้าม อันนี้ฟ้องแหลกได้เลย ...อีกอย่างที่เราเซ็งจิต ก็คือ เวลาคสอ.ชอบอ้างผลการทดสอบเป็นเปอร์เซนต์ ...90% ของผู้หญิง ใช้แล้วไม่แพ้ งู้นงี้... มาอ่านตรงดอกจันตัวหนังสือเล็กๆ "ทดลองกับอาสาสมัคร 30 คน"... ...จะบ้าเหรอ ประชากรโลกมีเป็นพันล้าน นี่ทดลองกับคนแค่ 30 คน! เทียบสัดส่วนประชากร เอาแค่ในไทย จะมีคนที่เสี่ยงแพ้ขนาดไหนเนี่ย -*- ผิวแต่ละคนไม่เหมือนกัน ขนาด DNA เรายังต่างกันเลย มันมีรายละเอียดเยอะแยะ สารพัดปัญหาผิว ทางที่ดี ต้องทดสอบด้วยตัวเองดีที่สุดค่ะ อย่างไรก็ดี เรายังแอบหวังว่ามันจะไม่ใช่เป็นแค่ฝัน และรู้สึกขอบคุณทุกความเห็นมากๆเลยค่ะ อย่างน้อยก็ได้รู้ว่ามีคนที่คิดเหมือนกันมากมาย ขอให้ความสวยและปลอดภัย อยู่กับพวกเรานานๆนะคะ ^^ จากคุณ : จขกท. ^^ (Beau VIBE) - [ 4 พ.ค. 51 17:16:48 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เห็นด้วยค่ะ แล้วถ้าเกิดไม่แจกเทสเตอร์ แต่จำหน่ายเทสเตอร์ในราคาซัก 10-20 บาท คนที่สนใจจริงๆน่าจะซื้อไปลองนะคะ ว่าแพ้หรือเปล่า จะได้ไม่มีคนอยากได้ของฟรีวนไปเอาหลายรอบด้วย ไม่รู้อ่ะ คิดเล่นๆ เหอๆ จากคุณ : หนิง (New_JFC) - [ 4 พ.ค. 51 17:19:29 ]

ความคิดเห็นที่ 39 i agree with the #37 จากคุณ : Miss J (Judy M.) - [ 4 พ.ค. 51 19:52:41 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เพื่อนเรานั่งอ่านแล้วฝากบอกว่า ที่อเมริกาจะตามเคาน์เตอร์จะมีกระปุก มีขวดไว้ให้ใส่กลับมาลองบ้านด้วยค่ะ อยากให้บ้านเรามีจัง แค่ทุกวันนี้ ไปเดินดมๆ ทาๆ บีเอก็ค้อนตาคว่ำแล้ว จากคุณ : หมวยแก้มป่อง - [ 4 พ.ค. 51 22:39:42 ]

ความคิดเห็นที่ 41 เห็นด้วยเลย แต่คนส่วนมากอาจจะคิดว่าปกติตัวเองไม่ใช่คนแพ้อะไรง่ายๆ ก็เลยไม่เทสต์ ส่วนตัวเราก็เทสต์เฉพาะเครื่องสำอางค์ที่ดูแล้วน่าจะเสี่ยงต่อการแพ้เช่น ครีม โลชั่น ฯลฯ จากคุณ : mistress - [ วันฉัตรมงคล 00:50:24 ]

ความคิดเห็นที่ 42 แนะนำจากประสบการณ์ ค่ะ ก่อนซื้อก็ควรดูและสังเกตตูผิวตัวเองก่อน ศืกษาและทดลองทันทีก่อนชื้อ อย่าเขื่อโฆษณาหรือตามเพื่อนมากเกินไป เดี่ยวนี้มีผลิตภัณฑ์กลับ ไปใช๋พวกธรรมชาติก็เยอะ ก็ดูว่าพืชอะไร มีประโยซน์อะไร เหมาะกับเราไหม ผิวเรามืปัญหาอะไร อย่ากังวลมากเกินไป ปัญหาเกิดจากอะไร ภายในหรือภายนอก บางครั้งผิวแพ้ อาจจะชั่วคราว ถ้าทาแล้วรู้สืกไม่ดี แสบคัน แดง ก็ให้รีบหยุด ตัวเราเองบอกได้ที่สุด ค่ะ จากคุณ : soonie - [ วันฉัตรมงคล 01:39:49 ]

ความคิดเห็นที่ 43 เท่าที่ดูเครื่องสำอางที่ขายอยู่ทั่วไป มีแค่ไม่กี่ยี่ห้อเท่านั้นเองที่กล้าเขียนแปะแพคเกจว่าทดสอบแล้วว่าไม่แพ้ แต่ทุกแบรนด์กลับไม่มีใครบอกเลยว่าให้ทดสอบก่อนว่าแพ้รึเปล่า ไม่มีความรับผิดชอบเลย จากคุณ : ไออุ่นที่คุ้นเคย - [ วันฉัตรมงคล 15:53:15 ]

ความคิดเห็นที่ 44 เห็นด้วยค่ะ ไม่แจกฟรี ขายเป็นซองๆ ก็ได้ ไม่ได้แพ้แบบรวดเร็ว บางที ใช้ไป 2-3 วัน ถึงจะรุ้ตัวก็เคย จากคุณ : BebeG - [ 6 พ.ค. 51 10:09:13 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ใช่ค่ะ คือ บางตัวก้ไม่ได้แพ้ในครั้งเดียวที่ใช้ เราก้เคยคุยกับคุณหมอผิวหนัง ท่านก้บอกว่า ของบางอย่างร่างกายเราได้รับเพียงครั้งเดียว เหมือนมันยังไม่รู้จักกันอ่ะค่ะ ก้เลยไม่เกิดอะไร พอครั้งที่2 ก้เริ่ม เอ๊ะๆ แล้ว พอครั้งที่3 ร่างกายเราก้เริ่มมั่นใจ อ่าวววอีนี้ใช่เลย แบบไม่ถูกกัน กำจัดมันๆๆๆๆๆๆ แล้วหน้าเราก้เห่อกันค่ะ .. มันเปนฉะนี้นี่เอง.. *แต่ยังไงก้ของคุณ จขกท เสียงเล็กๆที่ยิ่งใหญ่ด้วยน๊า* จากคุณ : TatFadoodler - [ 6 พ.ค. 51 11:26:06 ]

ความคิดเห็นที่ 46 มาหนับหนุนด้วยค่ะ เมื่อก่อนคิดว่าตัวเองไม่เคยแพ้อะไร แต่เร็วๆ นี้ก้อแพ้ ซีรั่ม (ของยี่ห้อที่หลายคนเกลียดเนื้อหาโฆษณา) หลังจากที่ใช้ได้วันที่ 7 แล้วแน่ะ ต้องไปหาหมอ ทั้งเสียค่ารถ ค่ายา  แล้วเป็นอาการแพ้จริงๆ แบบผื่นขึ้นหน้า น้ำมูกไหล ตาบวม ปากบวม  กลัวมาก  เข็ดมากเลย ทุกวันนี้ยังภาวนา ไม่ให้แพ้ตัวอื่นอีก จากคุณ : คุณคนที่ใส่เสื้อสีชมพูนั่นน่ะ - [ 6 พ.ค. 51 13:25:12 ]

ความคิดเห็นที่ 47 เห็นด้วpค่ะ เป็นอีกคนหนึ่งที่แพ้ง่ายมากๆ ใช้อะไรได้ก็ต้องใช้อย่างนั้น ทั้งๆที่ใจจริงอยากลองแบบอื่น แต่ก็ไม่มั่นใจค่ะ กลัวเสียเงินแล้วก็หน้าเสียด้วย T_T จากคุณ : loog_kade - [ 6 พ.ค. 51 17:01:22 ]

ความคิดเห็นที่ 48 เห็นด้วยมากๆเลยค่ะ โดยส่วนตัวแล้ว เป็นคนแพ้หลายอย่างเลย พอสนใจของอะไรใหม่ๆก็ไม่กล้าไปซื้อเหมือนคนอื่นๆค่ะ เพราะกลัวแพ้ แต่ก็ต้องลองใช้โน่นนี่ไป เพื่อจะค้นพบว่า ผิวตัวเองไม่แพ้อะไร แล้วสุดท้ายของที่แพ้ก็ต้องยกให้คนอื่นไม่งั้นก็ต้องปล่อยไว้เฉยๆ ขนาดบางยี่ห้อไม่แพง .. ยังรู้สึกเสียดายเลยอะ เห็นด้วยกับหลายๆความเห็น และจขกท.ด้วยค่ะ มี PT , Tester แจกในขนาดเล็กมากๆก็ได้ หรือว่า ขาย ขนาดทดลองใช้ก่อน ถ้าแพ้ก็เอาไปคืนได้ เปลี่ยนเป็นอย่างอื่น ที่อเมริกา ซื้อลิปสติกมา กลับบ้าน ใช้ทาปาก แล้ว ยังเอาไปเปลี่ยนได้เลย เพราะว่า แฟนไม่ชอบ หรือว่า พ่อไม่ชอบ อยากให้เมืองไทยมีกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคที่ดีกว่านี้ค่ะ แต่อาจจะหวังมากไปก็ได้นะเนี่ย ขนาดของบางอย่าง ใช้แล้วหน้าพังกันมากมาย ... อย. ก็ออกให้ โดยไม่ตรวจอะไรเลย มาตรฐานอยู่ที่ไหนกันล่ะเนี่ย จากคุณ : devilyee - [ 7 พ.ค. 51 09:16:28 ]

ความคิดเห็นที่ 49 เมื่อเดือนที่แล้วเราไปบูทkoseที่เดอะมอลล์บางแคมา เราสนใจชุดนวดหน้าของเค้าอะนะ แต่เราก็กลัวแพ้ เราก็บอกนะว่าหน้าเราแพ้ง่าย นี่ก็หาหมออยู่แต่หมดให้ยาเยอะมาก เราเบื่อจะทายาหมอ และมันเหมือนกับว่ามันไม่ดีขึ้นไปกว่านี้แล้ว มันดีในระดับนึงแต่ไม่เป็นที่พอใจของเรา ก็บ่นๆถามๆคุยเรื่องราคาด้วย BAเห็นว่าเราสนใจอยากได้จริงๆ แต่กลัวแพ้ ก็เลยทดลองให้เรานวดหน้าครั้งนึงก่อนตัดสินใจซื้อ เราก็บอกไปตรงๆนะว่า ยังไม่ซื้อวันนี้นะคะ เพราะว่าต้องรอให้แฟนมาจ่ายให้ เราไม่มีเงินติดตัวเป็นหมื่น ไม่มีบัตรเครดิตด้วย BAก็บอกว่าไม่เป็นไรค่ะ ทดลองก่อนก็แล้วกัน แต่เค้าก็บอกว่าเราไม่แพ้หรอก เราก็ลองนวดหน้ากะเค้าไปครั้งนึง ตอนแรกไม่มีอะไร แต่ตอนนั่งรถแท็กซี่กลับบ้านโดนแดดก็แสบๆหน่อย กลับถึงบ้านส่องกระจกหน้าแดงเลยค่ะ แต่ไม่ถึงกะเป็นผื่น ล้างหน้าก็แสบหน้ามาก เราสันนิษฐานไว้ก่อน ว่ามันไม่ถูกกะหน้าเรา ไม่แพ้สิวเห่อ แต่แรงเกินไปจนแสบไปหมด จนมาเมื่อต้นเดือน BA โทรมาถาม เพราะนัดจะไปซื้อวันแรงงาน เราก็บอกไปตรงๆว่า วันนั้นที่ทดลองนวดให้ เรากลับมา เราแสบหน้ามากเลย แล้วหน้าก็แดงๆ คิดว่าคงจะแพ้น่ะค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ คือเราก็ไม่รู้จะพูดอะไรอะ การปฏิเสธมันแสนยากเย็น แต่BAคนนั้นก็บอกว่าไม่เป็นไรค่ะ แล้วก็วางไป ไม่มีบ่นหรือด่าอะไรมา แต่อาจจะแอบด่าหลังจากวางโทรศัพท์ไปแล้วก็ได้ อยากใช้อะ แต่กลัว โหวตให้1ทีค่ะ จากคุณ : น้องตัวยุ่ง - [ 7 พ.ค. 51 20:20:50 ]

ความคิดเห็นที่ 50 เห็นด้วยค่า โหวตๆ จากคุณ : Eukari - [ 8 พ.ค. 51 10:38:27 ]

ความคิดเห็นที่ 51 เห็นด้วยคห.44 ขายเป็นซองๆไปเลย ได้กำไรกันทุกฝ่าย ถ้ากลัวคนจะซื้อแต่ซองก็จำกัดการซื้อก็ได้เป็น1คนต่อ2ซองประมาณเนี้ย จากคุณ : gloomy_girl - [ 8 พ.ค. 51 12:05:06 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ในเมื่อการคุ้มครองผู้บริโภคยังมีช่องโหว่อย่างใหญ่มากในบ้านเรา ณรงค์อ่าน ส่วนประกอบของเครื่องสำอางค์นั้นๆ ด้วย  ก่อนซื้อกันดีๆด้วยนะคะ 1. อ่านให้ถ่อง วันหมดอายุ สารสำคัญอะไร สารไหนมีคุณสมบัติอะไร พี่ๆในนี้ เคยรีวิวเรื่องนี้ไว้ละเอียดยิบ สมัยก่อน อิชั้นเอากระทู้พวกนั้นพกพาเลยรู้ไหม 2. ให้ BA มีความรู้เรื่อง สารเคมีที่เป็นองค์ประกอบในสินค้าของตัวเอง ถามเหมือนหมอถาม เคยแพ้เครื่องสำอางค์ตัวไหนหรือสารอะไรหรือไม่คะ......แล้วก็ประมวลในสมองฉึบฉับว่า มีสารอะไรทำให้แพ้ สินค้าของตัวมีไม่มีก็ แนะนำไป ไม่ใช่ตะบี้ตะบันบอกคุณลูกค้าว่า ไม่ค่ะ ไม่มีการแพ้ ผ่านทดสอบแล้ว (กับหน้าหนาๆของหนู) ได้ยินบ่อยจนเบื่อหู  คุณน้องงงงง ผิวคนเรามันต่างกันนิ๊ 2.แต่..คุณลูกค้าก็น่าจะมีความรู้ในสารที่ตัวเคยแพ้ มี Alergant list ของตัวเองสิคะ เช่นอิชั้นแพ้โปรตีนในถั่ว  ลิปมันอันไหนที่มีน้ำมันถั่วก็ไม่ต้องซื้อ อิชั้นแพ้แอลกอฮอล์ พลิกข้างขวดหาเลย อะไรลงท้าย -ol ก็ชะลอไว้ก่อน หรือแพ้สารกันบูดสารกันรา อะไรคล้ายๆ paraben ก็ไม่ต้องไปจ่ายตังค์ให้ลุ้นกับการแพ้ หน้าใครหน้ามันช่วยหน้าตัวเองก่อน ก็แล้วกันถ้าจะหวังพึ่งใคร แก้ไขเมื่อ 09 พ.ค. 51 16:12:47 จากคุณ : m&n - [ 9 พ.ค. 51 16:09:52 ]

ความคิดเห็นที่ 53 จะมีหน่วยงานไหนออกมารับผิดชอบ จัดระบบเรื่องนี้ให้ผู้บริโภคได้มั้ยเนี่ย รอต่อไป หมายเหตุ BA เนี่ย ดีนักเชียว  อยากแต่จะขาย  ถ้ามีระบบอะไรรองรับ  คาดว่า BA คงกลัวบ้าง จากคุณ : Mavachi (Mavachi) - [ 9 พ.ค. 51 21:01:31 ]

ความคิดเห็นที่ 54 เป็นกระทู้ที่เยี่ยมมากค่ะ โหวตให้อีก1เสียง สำหรับความคิดเห็นเรานะคะ ถ้าอยากรู้ว่าเครื่องสำอางไหน แพ้ยากที่สุด ลองอดนอนดูนะคะ แล้วทาครีมตัวนั้นที่ท้องแขนหรือหลังใบหูดูซะเลย เพราะตอนที่อดนอนภาวะภูมิคุ้มกันของคุณจะลดลงไปมาก งานนี้จะได้รู้กันไป  ว่าภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอ ทนครีมตัวนี้ได้หรือเปล่า จากคุณ : ชุติกาญจน์ - [ 10 พ.ค. 51 14:25:46 ]

ความคิดเห็นที่ 55 เห็นด้วยคะ กระทู้ดีจริงๆ จากคุณ : Labellavita - [ 11 พ.ค. 51 14:59:06 ]

ความคิดเห็นที่ 56 เห็นด้วยครับผม จากคุณ : alwaysfluke - [ 13 พ.ค. 51 03:46:52 ]

ความคิดเห็นที่ 57 เห็นด้วยอย่างแรงนะขอรับ   เป็นกระทู้ที่ดีครับ  ขอสนับสนุน จากคุณ : PuPe_so_Sweet - [ 13 พ.ค. 51 12:58:27 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ถูกกกกกมั่กกกกกค่า  เสียเงินตั้งแพงแล้วยัง ต้องเสียค่าหมอรักษาหน้าตอนมันเยินอีก แล้วหมอก็จะด่าว่า คสอ ไม่ควรใช้ ใช้ยาหมอดีก่า   เฮ้อ เซ้ง  แล้วใครจะช่วยเราได้จิงๆละเนี๋ย เห็นด้วยอย่างแรง และขอโหวตให้ คห 44 ค่ะ จากคุณ : เมื่อรู้ก็เกือบสายเสียแล้ว (Ice Gin) - [ 13 พ.ค. 51 13:37:29 ]

ความคิดเห็นที่ 59 โหวตให้อ่ะค่ะ อยากให้มีนะคะ แล้วก็อยากให้มีเพิ่มขึ้นอีกอย่างด้วยค่ะ คือกล่องรับความเห็นหน้าเคาน์เตอร์ คสอ. เลย ไว้โหวตบีเอห่วยๆออก 55+ จากคุณ : RaNang - [ 14 พ.ค. 51 11:48:23 ]

ความคิดเห็นที่ 61 เห็นด้วยมากๆเลยค่ะ ซื้อla merมา ไม่ถึงขนาดแพ้นะคะ แต่ระคายเคือง แบบมีผื่นคันๆแถมด้วยสิวหัวช้าง1เม็ด เป็นของแถมที่แค้นมากๆเลยค่ะ แต่แฟนใช้ไม่เป็นอะไรเลยค่ะ โอเคทุกอย่างเลย จากคุณ : daon - [ 15 พ.ค. 51 22:24:09 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ต่อไปนี้จะพยายามไม่ซื้อเครื่องสำอางค์ที่ไม่มี Tester สกินแคร์ด้วย จริงใจกันหน่อยผู้ผลิต ถ้าดีจริงเราควักตังค์กันอยู่แล้ว ใครไม่อยากใช้ของดี ซื้อมาแพงแล้วแพ้ด้วยนี่ มันสะเทือนใจสุด ๆ ต้องยอมรับเงินที่เสียไป และยังต้องมาดูแลหน้าที่แพ้อีก เข้าใจกันบ้าง ที่แน่ ๆ ต่อไปนี้อิชั้นจะพกกระปุกเปล่าเล็ก ๆ ใส่กระเป๋าถือไปด้วย ถ้าสนใจสกินแคร์ตัวไหน แล้ว ไม่มี Tester เป็นซองแจก มีแต่เป็นขวดเป็นหลอดให้ลองทาตรงนั้น จะขอ BA บีบใส่กระปุกมาลองเลย BA ไหนไม่ให้ก็อย่าหวังว่าจะได้เงินอิชั้น ถึงใช้สายตาจิกอิชั้นก็ไม่สน BA แย่ ๆ ก็แค่อากาศธาตุสำหรับอิชั้น ชริ... จากคุณ : sampim - [ 18 พ.ค. 51 00:42:33 ]