ความคิดเห็นที่ 1 ขอยกตัวอย่างที่ปูเป้รู้สึกว่าเห็นได้ชัดก่อนนะขอรับ เพราะว่า "เคยใช้มาทั้งคู่" แล้ว หมายเลข 1 "Olay Regenerist Eye Lifting Serum" อายเซรั่มราคาถู๊ก~ถูก คุณป้า "เสงี่ยม" แม่ค้าขายยำไข่มดหน้าตลาดสดบ้านโคกอีแร้ง พบเซรั่มตัวนี้ถูกวางสุมกองเบียดเสียดในชั้นวางของ คุณป้าเกิดเล็งเห็นแววจึงส่งเข้าประกวด เซรั่มเนื้อเนียนละเอียดด้วยซิลิโคนตัวนี้ให้ความชุ่มชื้นดีในระดับหนึ่ง อุดมไปด้วยคุณค่าของ Niacinamide ที่พิสูจน์แล้วว่าช่วยปรับสภาพผิวโดยรวมทำให้ผิวแข็งแรงมีสุขภาพดี Vitamin B5 ช่วยเร่งกระบวนการซ่อมแซมผิว นอกจากนี้ยังมี Palmitoyl Pentapeptide-3 ซึ่งเป็นสาร Anti-Aging น้องใหม่มาแรงในตอนนี้ ทั้งยังอุดมไปด้วยสารแอนติออกซิแดนท์อย่าง Vitamin E และชาเขียว และมี Allantoin เป็นสารลดการระคายเคือง แถมด้วย Mica, Titanium Dioxide และ Iron Oxides ให้ผลทางคอสเมติคช่วยกระจายแสงให้ผิวรอบดวงตาดูสว่างขึ้นในทันที บรรจุในแพคเกจขวดปั้มพลาสติคทึบแสง และไม่มีน้ำหอมและไม่มีน้ำหอมให้ผิวรอบดวงตาระคายเคืองได้ง่ายแต่อย่างใด ขอให้ผู้เข้าประกวดอวดส่วนผสมโดยละเอียดเพื่อให้กรรมการได้ลงคะแนนด้วยนะขอรับ Ingredients: Cyclopentasiloxane, Water, Glycerin, Polymethylsilsesquioxane, Dimethicone, Niacinamide, Dimethicone Crosspolymer, Stearyl Dimethicone, Butylene Glycol, Panthenol, Propylene Glycol, Palmitoyl Pentapeptide-3, Tocopheryl Acetate, Camellia Sinensis Leaf Extract, Cucumis Sativus (Cucumber) Fruit Extract, Allantoin, Petrolatum, Cetyl Ricinoleate, Peg-10 Dimethicone Crosspolymer, Sucrose Polycottonseedate, Bis-Peg/Ppg-14/14 Dimethicone, Benzyl Alcohol, Peg-10 Dimethicone, Peg-100 Stearate, Ethylparaben, Methylparaben, Propylparaben, Disodium Edta, Triethoxycaprylylsilane, Mica, Titanium Dioxide, Iron Oxides หมายเลข 2 Sisley Sisleya Eye and Lip Contour Cream อายครีมกระปุกน้อยหอยสังข์สุดหรูหราราคามหาโหด ประทับตรา S ตัวเขื่องยืนยันความเป็นแบรนด์ดัง คุณผู้หญิง "ทรัพย์มีบารมีเจิด" เซเลบไฮโซคนดัง ไปเห็นอายครีมตัวนี้ตั้งโชว์เด่นเป็นสง่าบนเคาเตอร์หรูมีไฟส่องดูเหมือนเป็นดาราฮอลลีวู้ด คุณนายไม่รอช้าติดต่อเอเจนซี่เพื่อเป็นแม่ยกดันเข้าประกวดทันที อายครีมเนื้อข้นคลั่กตัวนี้มี Shea butter เป็นตัวเด่นชูโรงเดินนำบรรดาสาร Thickening Agent และ Oil จำนวนมาก ที่ตามติดเป็นขบวนพาเหรด สารสกัดธรรมชาติอย่าง chamomile และ Licorice ช่วยต้านอาการระคายเคือง มีวิตามิน B5 ที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพในการเยียวยาผิว สารแอนติออกซิแดนท์หลักคือ Vitamin E และสารสกัดสาหร่าย ส่วน Vitamin F เป็นเพียงแค่ Fatty Acid ที่ช่วยเป็นมอยซ์เจอไรเซอร์เท่านั้น ทั้งหมดนี้ถูกบรรจุลงในกระปุกสวยใสแต่ไร้ประสิทธิภาพในการรักษาสารบำรุง ส่วนน้ำหอมในรูปของน้ำลอยดอกส้มและดอกกุหลาบที่อาจก่อการระคายเคืองได้ก็ถูกกลบไปด้วยความเข้มข้นของเนื้อครีมจึงไม่น่ามีผลเสียอะไร ขอให้ผู้เข้าประกวดอวดส่วนผสมโดยละเอียดเพื่อให้กรรมการได้ลงคะแนนด้วยนะขอรับ Ingredients: Water, Shea Butter Oil, Glycerin, Orange Flower Water, Rosa Centifolia Flower Water, Glyceryl Stearate, Isopropyl Palmitate, Sorbitol, Algae Extract-Paraffin, Propylene Glycol, Dicaprylate/Dicaprate, Oleyl Alcohol, Cetyl Phosphate, Propylene Glycol, Licorice Extract, Wheat Germ Extract, Triethanolamine, Stearyl Alcohol, Sesame Seed Oil, Tocopheryl Acetate, Carrot Root Extract, Matricaria Extract, Cetearyl Alcohol, Panthenol, Polyacrylamide, Carbomer, Phenoxyethanol, Ceteareth-33, C13-14 Isoparaffin, Sodium Methylparaben, Sorbic Acid, Tetrasodium Edta, Octoxynol-13, Peg-40 Hydrogenated Castor Oil, Laureth-7, Methylparaben, Butylparaben, Ethylparaben, Propylparaben จากการที่ทุกท่านได้เห็นส่วนผสมโดยละเอียดแล้ว ก็อยู่ที่ทุกท่านเลือกและสรุปกันเอาเองว่าจะเลือกว่าจะเสียเงินอย่างคุ้มค่าจาก "ส่วนผสม" หรือซื้อสินค้าด้วยความรู้สึกที่ "แบรนด์" ให้คุณ เครื่องสำอางแบรนด์แพง ๆ ที่บางทีปูเป้ก็คิดว่ามันตั้งราคาได้ไร้ศีลธรรมน่าดู หลายตัวทีเดียวที่มีส่วนผสมธรรมดา ๆ พื้น ๆ บางตัวส่วนผสมสู้เครื่องสำอางราคาถูกไม่ได้เสียด้วยซ้ำ แต่ที่มันยังคงขายดิบขายดีมีคนแซ่ซ้องสรรเสริญก็เพราะมันเป็น แฟชั่น!!! มันเลิศ!!! มันหรู!!! ใช้แล้วไฮโซ!!! ดูมีรสนิยม!!! คงต้องยอมรับความจริง สังคมปัจจุบันเป็นสังคมของทุนนิยม ที่ตัดสินคุณค่าสิ่งของจากตัวเงิน เรื่องของแบรนด์มันเป็นเพียงแค่การตลาดเท่านั้นแหล่ะขอรับ ไม่ได้เป็นคุณค่าที่แท้จริงของสิ่ง ๆ นั้นแต่อย่างใด มือถือยี่ห้อ Vertu เครื่องละเป็นแสน มันก็ไม่ได้ดีไปกว่า Nokia ราคาหมื่นนิด ๆ เท่าไหร่ในแง่ของการใช้งาน ต่างกันแค่แบรนด์ไหนให้คุณค่าทางใจกันคุณได้มากกว่าเท่านั้น ตัวปูเป้เองนั้น...ขอเลือกใช้ Olay ดีกว่าขอรับ... เพราะไม่รู้เสียเงินแพงกว่าไปเพื่ออะไร แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 51 16:55:48 แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 51 14:31:17 แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 51 14:29:52 จากคุณ : PuPe_so_Sweet - [ 23 พ.ค. 51 14:11:59 ]

ความคิดเห็นที่ 2 การจะอธิบายเรื่อง "Anti-Aging" ที่ถูกวงการเครื่องสำอางสร้างความปั่นป่วนสับสนวุ่นวายจากคำโฆษณาเกินจริง คำอวดอ้างสวยหรู และการตลาดอันเข้มข้น จำเป็นต้องอธิบายเรื่องที่พื้นฐานที่สุดเสียก่อนขอรับ นั่นคือ "ปัจจัยการที่ก่อให้เกิดความเสื่อมชราและริ้วรอยเหี่ยวย่น" ปัจจัยที่ทำให้เกิดความเสื่อชราและริ้วรอยมาจาก 2 ปัจจัยหลัก ๆ นั่นคือ "ปัจจัยภายใน" และ "ปัจจัยภายนอก" ปัจจัยภายใน (Intrinsic Factors) ปัจจัยนี้เกิดขึ้นจากกระบวนการเสื่อมถอยตามธรรมชาติของร่างกาย (genetically induced) ทำให้เกิดเป็นริ้วรอยลึก ความหย่อนคล้อย ซึ่งกระผมเคยเกริ่นไว้บ้างแล้วในบทความก่อน ๆ แต่ก็จะขออธิบายซ้ำเผื่อท่านอื่น ๆ ที่ยังไม่ได้ดูนะขอรับ รวมถึงจะอธิบายเพิ่มด้วย โดยที่ยกมานี้เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนนะขอรับ จริง ๆ มันมีมากกว่านี้อีก - การลดลงของเซลล์ไขมันใต้ผิวหนัง (Fat deplettion) จุดที่จะสังเกตุเห็นผลกระทบจากปัจจัยนี้ได้อย่างชัดเจนคือ บริเวณ แก้ม แนวกราม และคาง เมื่ออายุมากขึ้นเซลล์ไขมันที่เคยอุดมสมบูรณ์ทำให้ผิวหนังเต่งตึงก็จะหดหายไป ทำให้ผิวเหี่ยว หย่อนยานเหมือนกฏระเบียบบ้านเมืองเรา ซึ่งวิธีการเยียวยาแก้ไขนั้นมีเพียงการฉีดสารเพื่อเข้าไปเติมเต็มส่วนที่ลดลง อาธิเช่นการการเติมด้วยไขมันของตนเอง (LipoFil) หรือการฉีดด้วยสารเติมแต่งอื่น ๆ ที่รับรองแล้วว่าปลอดภัย (Derma Filler) ผู้ใดที่ยั่งหมายมั่นปั้นใจว่าถ้าใช้พวกลิฟท์ติ้งครีมยกกระชับผิวแล้วจะสามารถดึงหนังที่เดิมเคยอยู่บนแก้มทว่าบัดนี้ตกไปอยู่ตรงกรามให้กลับมาเต่งตึงดึ๋งดั๋งได้ดั่งเดิม คงฝันสลายตั้งแต่ยังไม่ได้เข้านอนด้วยซ้ำนะขอรับ - กรรมพันธุ์ (Genetic) มนุษย์เรามีโครงสร้างทางพันธุกรรมที่ต่างกัน ดังนั้นการที่คนนึงจะมะดูแก่เร็วกว่าอีกคนหนึ่ง ก็เป็นเรื่องกรรมพันธ์ ที่แก้ไขอะไรไม่ได้นะขอรับ ต้องยอมรับและทำใจ - อนุมูลอิสระ ( Free Radical ) ปูเป้ยกมาแบบนี้หลาย ๆ ท่านคงสงสัยว่าครีมสมัยนี้มีสารต้านอนุมูลอิสระตั้งมากมาย มันใช้ไม่ได้ผลหรืออย่างไรกัน? ครีมเหล่านั้นสามารถช่วยได้ครับ แต่เฉพาะอนุมูลอิสระที่มาจากปัจจัยภายนอกเท่านั้น ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้ไปล้มลุกคลุกฝุ่น ตากแดดหรือไปอบมลพิษในเมือง ร่างกายของเราก็มีการสร้างอนุมูลอิสระนี้ขึ้นมาอยู่แล้วนะขอรับ ภายในเซลล์ของเราจะมีแหล่งพลังงานที่เหมือนเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่เรียกว่า ไมโทคอนเดรียล (Mitochondrial) ซึ่งใช้สารอาหารและออกซิเจนในการผลิตพลังงานให้กับเซลล์ ของเสียที่ออกมาจากกระบวนการนี้ก็คืออนุมูลอิสระนั่นเอง นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และมีสารต้านอนุมูลอิสระก็จำเป็นไม่แพ้การทาภายนอกเลย (จริงๆ มันสำคัญกว่าด้วยนะขอรับ แต่การทำควบคู่กันไปย่อมได้ผลดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย) - การเสื่อมของเซล์ (Cell Sentence) เมื่ออายุเรามากขึ้น เซลล์จะเสื่อมประสิทธิภาพในการสร้างและแบ่งตัวลงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งไม่สามารถแบ่งตัวเพื่อสร้างเซลล์ใหม่ได้ กระบวนการนี้เรียกว่า "Hayflick pheonomenon" ตั้งชื่อตาม Dr. Leonard Hayflick ผู้สามารถระบุกระบวนการนี้ได้เป็นคนแรกเมื่อปี คศ. 1956 กระผมเคยดูสารคดีทางช่อง NGC เขาอธิบายให้เห็นภาพไว้ง่าย ๆ ว่า กระบวนการนี้ก็เหมือนเขื่อนพลังน้ำที่ผลิตไฟฟ้าอยู่ตลอดเวลา แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็เกิดรูรั่วขึ้นทำให้แรงน้ำที่จะมาผลิตกระแสไฟฟ้ามันลดลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งน้ำก็รั่วไปตรงจุดอื่นหมดเขื่อนก็ไม่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้อีก ถ้าสามารถหาวิธีอุดรูรั่วนี้ได้ เซลล์ก็จะไม่มีวันเสื่อม คนเราจะไม่มีวันแก่และก็ไม่มีวันตาย มะเร็งที่ว่าร้ายก็รักษาง่ายเหมือนกดสิว แขนขาดขาขาดไปก็ทำให้งอกขึ้นมาใหม่ได้เหมือนจิ้งจกตุ๊กแกยังไงอย่างงั้นเลย จากคุณ : PuPe_so_Sweet - [ 23 พ.ค. 51 14:12:37 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ปัจจัยภายนอก (Extrinsic Factors) ปัจจัยภายนอกนี่ปูเป้ว่าหลาย ๆ ท่านน่าจะรู้กันดีนะขอรับแต่ก็จะขออธิบายคร่าว ๆ เอาไว้เผื่อท่านที่เป็นมือใหม่หัดสวย หัดหล่อ ได้รู้ไว้สักเล็กน้อย - ความเสียหายจากแสงแดด (Sun Damage) รังสี UV ในแสงอาทิตย์เป็นต้นเหตุของความเสื่อมชราอันดับหนึ่งของผิว ปัยหาผิวที่พบได้ส่วนใหญ่มาจากรังสี UV ทั้งนั้น ไม่ว่าความเสียหายจากอนุมูลอิสระ ความเสียหายที่ลึกถึงในระดับเซลล์ผิว สีผิวไม่สม่ำเสมอ กระ ฝ้า จุดด่างดำ ผิวลอก ไหม้ แสบ แดง และร้ายแรงสุดก็มะเร็งผิวหนัง - มลภาวะ / สารพิษ (Polution / Toxic) การสัมผัสสิ่งเหล่านี้ทุกวันทำให้เกิดอนุมูลอิสระ และไปรบกวนการทำงานของผิว ทำให้ผิวอ่อนแอ เรื่องพวกนี้เป็นเบสิคพื้นฐานที่กระผมมั่นใจว่าใครๆ ก็รู้นะขอรับ เลยไม่ขออธิบายมากมาย จะเยิ่นเย้อเสียเปล่า ๆ (Sources: Gendler EC. Analysis and treatment of the aging face. Dermatol Clinic 1997;5:561-567.;Hantke B, Lahmann C, Venzke K, Fischer T, Kocourek A, Windsor LJ, et al. Influence of flavonoids and vitamins on the MMP- and TIMPexpression of human dermal fibroblasts after UVA irradiation. Photochem Photobiol Sci 2002;1:826-833.; Current Molecular Medicine, March 2005, pages 171-177; Cutis, February 2005, Supplemental, pages 5-8; Rejuvenation Research, Fall 2004, pages 175-185; Journal of Dermatology, August 2004, pages 603-609.; http://www.encyclopedia.com.; http://www.wikipedia.com.) จากข้อมูลที่กระผมสรุปมาให้ทุกท่านได้ทราบกัน หลายท่านคงน่าจะเริ่มระลึกความเป็นจริงที่มักถูกมองข้าม(ถูกชี้นำให้มองข้าม)นี้ได้ไม่มากก็น้อยนะขอรับ ว่าความเป็นจริงแล้ว เครื่องสำอางที่อ้างว่าสามารถให้ผลได้เหมือนการทำทรีตเม้นท์โดยแพทย์ผิวหนังหรือทดแทนการศัลย์กรรมโดยไม่ต้องพึ่งมีดหมอ มัน... ไม่มีหรอกขอรับ... อย่างน้อยก็ในตอนนี้ถ้ามองโลกในแง่ดี (แบบดีมั่กม๊ากกก) แต่ใช่ว่าทั้งหมดนั้นจะเป็นข่าวร้ายเสียทีเดียว วงการเครื่องสำอางก็เปรียบเสมือน "กล่องแพนดอร่า" ขอรับ ที่แม้จะมีสิ่งเลวร้าย หลอกลวงมากมาย แต่สิ่งสุดท้ายที่ยังเหลือตกค้างในก้นกล่องคือ "ความหวัง" ที่เปล่งประกายเรืองรอง ความหวังที่ว่านี้คือ เครื่องสำอางสามารถให้ผลเป็น Anti-Aging ที่มีประสิทธิภาพแก่ทุกท่านได้ขอรับ ตราบใดที่ไม่คาดหวังผลลัพธ์จากมันซะโอเว่อร์เกินไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตีความหมายของคำว่า Anti-Aging ถ้าหากจะแปลว่า "ต่อต้านริ้วรอย" "ลบริ้วรอย" แบบว่าใช้แล้วจะสวยคงกระพันเป็นพันปีอันนี้คงจะไม่ไหว ปูเป้คิดว่าความหมายที่ดีที่สุดของมันคือ "ชะลอริ้วรอย" นะขอรับ เพราะกระผมว่าการที่เราบำรุงผิวกันอย่างหนักหน่วงทุกวันนี้ ก็เพื่อยืดเวลาให้ความเต่งตึงมันอยู่คู่กับเราให้นานที่สุด และชะลอให้ร้ิวรอยให้เกิดขึ้นช้าที่สุด วันนี้ปูเป้จะมาสับแหลกสาร Anti-Aging ที่บรรดาบริษัทเครื่องสำอางเอามากล่าวอ้างว่าให้ผลโคตรวิเศษให้ทุกท่านได้รู้กันว่า จริง ๆ แล้วมันเป็นอย่างไร อันไหนใช่้ได้จริง อันไหนเป็นแค่ราคาคุย จากคุณ : PuPe_so_Sweet - [ 23 พ.ค. 51 14:12:53 ]

ความคิดเห็นที่ 4 Moisturizers อย่าพึ่งสับสนหรือแปลกใจไป มอยซ์เจอไรเซอร์ธรรมดาที่ไม่มีสารบำรุงนี่แหล่ะขอรับ ที่ช่วยลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ ได้ เพราะว่าความชุ่มชื้นนั้นจำเป็นอย่างยิ่งต่อสภาพผิวโดยรวมของเรา เมื่อผิวสูญเสียความชุ่มชื้นก็จะเกิดเป็นริ้วรอยเล็ก ๆ สีผิวไม่สม่ำเสมอ หยาบกร้าน ในผิวหนังของเรามีส่วนประกอบของมอยซ์เจอไรเซอร์หลัก ๆ อยู่สองส่วน คือส่วนที่เป็น Lipid membrance เปรียบเสมอเกราะคุ้มกันไม่ให้ผิวสูญเสียน้ำ (Transepidermal water loss) อีกส่วนหนึ่งคือโมเลกุลที่ละลายน้ำได้ (Water-Solube) ที่เรียกว่า "Natural Moisturizing Factors" สารพวกนี้ทำหน้าที่ในการดึงและโอบอุ้มความชุ่มชื้นเอาไว้ในผิว การทำงานร่วมกันของสารทั้งสองประเภทนี้ทำให้ผิวของเราอ่อนนุ่ม อิ่มเอิบ และยืดหยุ่น ผลิตภัณฑ์มอยซ์เจอไรเซอร์ที่เราใช้กันอยู่ทั่วไปนั้นมีส่วนประกอบที่ทำหน้าที่หลัก ๆ ต่างกัน 3 ส่วนคือ Occlusives, Humectants, Emolients - Occlusives หรือสารเคลือบผิว สารพวกนี้ทำหน้าที่เคลือบผิวเพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำ ตัวอย่างเช่น petroleum,lanolin, mineral oil, vegetable oil และ waxes รูปแบบต่าง ๆ - Humectants หรือสารที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว สาร Natural Moisturizing Factors เช่น amino acids, ceramides, hyaluronic acid, cholesterol, fatty acids, triglycerides, phospholipids, glycosphingolipids, urea, linoleic acid, glycosaminoglycans, glycerin, mucopolysaccharide, sodium PCA ที่เป็น Humectants ตามธรรมชาติ สารอื่น ๆ ที่มีคุณสมบัติเป็น Humectants และเห็นได้บ่อยในส่วนผสมเครื่องสำอาง เช่น propylene glycol เป็นต้น - Emolients หรือสารทำให้ลื่นผิว สารพวกนี้ไม่มีคุณสมบัติในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวแต่จะไปเติมเต็มร่องหลุมบนผิวเพื่อให้พื้นผิวของเราเนียนเรียบขึ้น สารพวกนี้ก็ได้แก่พวกโพลิเมอร์และซิลิโคนทั้งหลาย นอกจากนี้สารหลาย ๆ ตัวก็มีคุณสมบัติเป็นทั้ง Occlusives และ Emolients ได้ในตัวเช่นกัน จากที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ มอยซ์เจอไรเซอร์เนื้อเข้มข้นที่ให้ความชุ่มชื้นสูงธรรมดา ๆ ราคาย่อมเยาก็สามารถช่วยให้ริ้วรอยจากความแห้งกร้านจางลงได้ขอรับ ไม่จำเป็นต้องไปทุปกระปุกหรือฮุบเงินกงสีเพื่อซื้อครีมสาหร่ายนาซ่าราคาแพงกระเป๋าฉีกมาใช้แต่อย่างใด (Source : Loden M. Role of topical emollients and moisturizers in the treatment of dry skin barrier disorders. Am J Clin Dermatol 2003;4:771-788.97. Kraft JN, Lynde CW. Moisturizers: what they are and a practical approach to product selection. Skin Therapy Lett 2005;10:1-8.; Glaser DA. Anti-aging products and cosmeceuticals. Facial Plat Surg Clin N Am 2003;11:219-227.99. Madison K.C. Barrier function of the skin: “la raison d’etre” of the epidermis. J Invest Dermatol 2003;121:231-241.; Glaser DA. Anti-aging products and cosmeceuticals. Facial Plast Surg Clin N Am 2004;12:363-372.; Loden M. The increase in skin hydration after application of emollients with different amounts of lipids. Acta Derm Venereol 1992;72:327-331.; http://www.cosmeticscop.com.; en.wikipedia.org/wiki/Humectant) แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 51 14:37:03 จากคุณ : PuPe_so_Sweet - [ 23 พ.ค. 51 14:19:35 ]

ความคิดเห็นที่ 5 Retinoid / Vitamin A Retinoid เป็นชื่อเรียกรวม ๆ ของสารกลุ่มวิตามินเอ รูปแบบที่มีประสิทธิภาพที่สุดของวิตามินเอ คือ retinoic acid หรือ tretinoin (Retin-A, Renova) ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันแล้วว่ามีประสิทธิภาพในการฟื้นฟูเซลล์ผิว ทำให้ริ้วรอยตื้น ๆ จางลง ลดเลือนสีผิวไม่สม่ำเสมอและจุดด่างดำ ทั้งมีช่วยปรับสภาพของรูขุมขนให้ทำงานได้เป็นปกติช่วยลดการเป็นสิวและอุดตันได้ ข้อเสียคือ ไม่ใช่ทุกคนสามารถใช้หรือทนกับตัวยานี้ได้ เพราะสามารถระคายเคืองได้ง่ายและมีผลข้างเคียงเยอะพอสมควร ปัจจุบันมีการนำ tretinoin มาพัฒนาเพื่อและลดผลข้างเคียงให้น้อยลง เช่น tazarotene (Tazorac) และ adapalene (Differin) เนื่องจากกรดวิตามินเอที่กล่าวมาทั้งหมดลงทะเบียนในรูปแบบของยา จึงไม่สามารถนำมาใส่ในเครื่องสำอางได้ ทางเลือกที่เหลือคือการเอาวิตามินเอที่อยู่ในรูปที่มีประสิทธิภาพน้อยกว่าและสามารถใส่ลงในเครื่องสำอางได้ นั่นคือ Retinol, Retinaldehyde และ Retinyl palmitate ซึ่งทางทฤษฏีแล้วจะเปลี่ยนไปเป็น retinoic acid เมื่อทาและซึมลงไปในผิว และปัจจุบันก็มีผลการวิจัยสนับสนุนในเรื่องนี้พอสมควร การทดลองทา Retinol 1% บนผิวของกลุ่มทดสอบอายุ 80 ปี เป็นเวลา 7 วัน ผลพบว่า retinol สามารถช่วยเสริมประสิทธิภาพ fibroblast ในการเร่งกระบวนการสร้าง collagen ได้ เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มทดลองที่ไม่ได้ทาด้วย retinol (Reference : Varani J, Warner RL, Gharaee-Kermani M, Phan SH, Kang S, Chung JH, et al. Vitamin A antagonizes decreased cell growth and elevated collagen-degrading matrix metalloproteinase and stimulates collagen accumulation in naturally aged human skin. J Invest Dermatol 2000;114:480-486.) อีกการทดสอบหนึ่งใช้ Retinaldehyde 0.5% กับกลุ่มอาสาสมัครเป็นเวลา 18 สัปดาห์ และตรวจสอบด้วยวิธีการ Optical Profilometry พบว่ามีประสิทธิภาพในการลดเรือนริ้วรอยและความหยาบกร้านบริเวณตีนกา (Reference : Creidi P, Vienne MP, Ochonisky S, Lauze C, Turlier V, Lagarde JM, et al. Profilometric evaluation of photodamage after topical retinaldehyde and retinoic acid treatment. J Am Acad Dermatol 1998;39:960-965.) สำหรับ Retinyl palmitate ยังไม่มีการทดสอบมากพอที่จะสามารถสรุปหรือยืนยันเรื่องประสิทธิภาพได้เทียบเท่าอนุพันธ์ของวิตามินเอตัวอื่น แต่โดยรวมแล้วมีแนวโน้มไปในทางที่ดี สรุปคือ วิตามินเอที่ใส่ลงไปในเครื่องสำอางนั้นสามารถยืนยันและพิสูจน์ได้แล้วว่า มีคุณสมบัติเป็นทั้ง Antioxidant ที่ต่อต้านอนุมูลอิสระ เป็นทั้ง Cell Singaling Substance ที่ช่วยส่งสัญญาญให้เซลล์ทำงานได้ดีขึ้น และยังสามารถช่วยลดเลือนริ้วตื้น ๆ ได้อีกด้วย (Sources: Archives of Dermatology, May 2007, pages 606-612; Cosmetic Dermatology, supplement, Revisiting Retinol, January 2005, pages 1-20; Dermatologic Surgery, July 2005, pages 799-804; Plastic and Reconstructive Surgery, April 2005, pages 1156-1162; Mechanisms of Ageing Development, July 2004, pages 465-473; and Journal of Dermatology , November 2001, pages 595-598.) จากคุณ : PuPe_so_Sweet - [ 23 พ.ค. 51 14:19:49 ]

ความคิดเห็นที่ 6 Vitamin B รูปแบบหนึ่งของวิตามินบีที่เป็นที่ใช้กันอย่างแพร่หลายคือ Vitamin B3 หรือ Niacinamide เป็นสารที่ช่วยให้เซลล์ทำงานทำงานได้เป็นอย่างเป็นปกติ (Cell Singnaling Substance) โดยช่วยกระตุ้นกระบวนการเมตาบอลิซึมของเซลล์ เสริมการสร้าง lipid ในชั้น stratum corneum และเพิ่มระดับ ceramide ในชั้นผิว epidermis ซึ่งช่วยลดการสูญเสียน้ำในเซลล์และเสริมชั้นเกราะป้องกันของผิว ดังนั้น Vitamin B3 จึงมีส่วนช่วยลดเลือนริ้วรอยจากความแห้งกร้านได้เช่นกัน ปัจจุบันมีการคิดค้นวิตามินบีในรูปแบบใหม่ที่มีชื่อว่า 2-dimethylaminoethanol (DMAE) ขึ้นมาใหม่ และการวิจัยล่าสุดเมื่อปี 2005 ทดสอบโดยใช้ 2-dimethylaminoethanol 3% ใน Gel base กับกลุ่มทดสอบเป็นเวลา 16 สัปดาห์ ผลทดสอบพบว่าสามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยที่เห็นชัด (coarse wrinkles) รอยหมองคล้ำใต้ดวงตา และความหย่อยคล้อย อย่างไรก็ดี ยังต้องใช้การทดลองอีกมากเพื่อจะสามารถยืนยันประสิทธิภาพของ 2-dimethylaminoethanol ในการลดเลือนริ้วรอย (Reference : Grossman R. The role of dimethylaminoethanol in cosmetic dermatology. Am J Clin Dermatol 2005;6:39-47.) สรุปคือ Niacinamide สามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยจากความแห้งกร้านได้ และเสริมประสิทธิภาพของผิวโดยรวม เมื่อใช้ในความเข้มข้น 2 - 5 % ขึ้นไป (Sources: British Journal of Dermatology, October 2003, page 681, and September 2000, pages 524-531; Journal of Cosmetic Dermatology, April 2004, page 88; Dermatologic Surgery, July 2005, pages 860-865; Experimental Dermatology, July 2005, pages 498-508; Journal of Radiation Research, December 2004, pages 491-495; and Journal of Dermatological Science , volume 31, 2003, pages 193-201.) แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 51 21:41:23 จากคุณ : PuPe_so_Sweet - [ 23 พ.ค. 51 14:20:12 ]

ความคิดเห็นที่ 7 มาสูบความรู้ :P จากคุณ : น้องตัวยุ่ง - [ 23 พ.ค. 51 14:21:00 ]

ความคิดเห็นที่ 8 Vitamin C วิตามินซี เป็นวิตามินที่ได้รับการวิจัยและทดสอบมากที่สุดชนิดนึง รูปแบบมาตรฐานของวิตามินซี คือ ascorbic acid ซึ่งไม่เสียรเอาเสียเลย จึงมีการพัฒนารูปแบบของวิตามินซีขึ้นให้เสถียรขึ้น ได้แก่ magnesium ascorbyl phosphate, L-ascorbic acid, tetrahexyldecyl ascorbate, ascorbyl palmitate, ascorbyl glucosamine, ascorbyl tetraisopalmitate โดย magnesium ascorbyl phosphate เป็นรูปที่เสถียรที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด นอกจากประสิทธิภาพในการเป็นสาร Antioxidants ทรงประสิทธิภาพแล้ว การวิจัยมากมายยังสามารถยืนยันประสิทธิภาพของวิตามินซีในการเสริมประสิทธิภาพในการสังเคราะห์คอลาเจน (collagen I และ collagen III) เมื่อใช้ในความเข้มข้น 2 - 10% นอกจากนี้ยังช่วยเสริมประสิทธิภาพของเกราะปกป้องผิว ลดการอักเสบของผิว และมีคุณสมบัติเป็นไวท์เทนนิ่งอีกด้วย (ทดสอบด้วย magnesium ascorbyl phosphate 10 %) สรุปคือ เครื่องสำอางที่มีปริมาณวิตามินซีเข้มข้นเพียงพอ สามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ ได้ ปรับสภาพผิวโดยรวมและทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น (Source : Fitzpatrick RE, Rostan EF. Double-blind, half-face study comparing topical Vitamin C and vehicle for rejuvenation of photodamage. Dermatol Surg 2002;28:231-236; Nusgens BV, Humbert P, Rougier A, Colige AC, Haftek M, Lambert CA, et al. Topically applied vitamin C enhances the mRNA level of collagens I and III, their processing enzymes and tissue inhibitor of matrix metalloproteinase I in the human dermis. J Invest Dermatol 2001;116:853-859.; Humbert PG, Haftek M, Creidi P, Lapiere C, Nusgens B, Richard A, et al. Topical ascorbic acid on photoaged skin. Clinical, topographical and ultrastructural evaluation: double-blind study vs placebo. Exp Dermatol 2003;12:237-244.) จากคุณ : PuPe_so_Sweet - [ 23 พ.ค. 51 14:21:28 ]

ความคิดเห็นที่ 9 Vitamin E วิตามินอีเป็นสารแอนติออกซิแดนท์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย และด้วยความที่มันเป็นวิตามินที่ละลายในน้ำมัน มันจึงมีประสิทธิภาพในการต่อต้านอนุมูลอิสระที่จะมาทำร้าย Lipid cell membrane ได้ ยังมีการทดสอบที่พิสูจน์แล้วด้วยว่าวิตามินซีจะเสริมประสิทธิภาพของวิตามินอี เมื่อใช้ควบคู่กัน นอกจากนี้วิตามินอียังเสริมประสิทธิภาพของสารกันแดดและป้ิองกันการสูญเสียน้ำของเซลล์อีกด้วย โดยรูปแบบที่มีประสิทธิภาพที่สุดของวิตามินอีคือ Alpha tocopherol สรุปคือ ถึงแม้วิตามินอีจะไม่มีประสิทธิภาพในการเป็น Anti-Aging โดยตรง แต่ก็มีประโยชน์โดยรวมในการทำให้ผิวแข็งแรงซึ่งเป็นพื้นฐานของการชะลอริ้วรอย (Sources: Dermatologic Therapy, September-October 2007, pages 314-321; International Journal of Immunopathology and Pharmacology, July-September 2005, pages 497-502; Experimental Dermatology, September 2005, pages 684-691; International Journal of Biological Macromolecules, July 2005, pages 116-119;) แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 51 14:40:33 จากคุณ : PuPe_so_Sweet - [ 23 พ.ค. 51 14:21:41 ]

ความคิดเห็นที่ 10 Alpha-Hydroxy Acids glycolic acids กับ lactic acids เป็นรูปแบบของ AHA ที่ใช้กันกว้างขวางที่สุด โดย glycolic acids นั้นมีประสิทธิภาพมากที่สุดเพราะมีโมเลกุลเล็กกว่า AHA แบบอื่น ๆ จึงซึมลงไปในผิวได้ดีกว่า AHA เป็นสารที่มีประโยชน์รอบด้าน คุณสมบัติที่เป็นที่รู้กันดีคือช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วออกไป AHA ยังมีสามารถกระตุ้นกระบวนการผลิตเซลล์ผิวใหม่ให้เร็วขึ้น นอกจากนี้ glycolic acids กับ lactic acids ยังมีคุณสมบัติเป็น เป็นสารอุ้มน้ำหรือ water-binding Agent อีกด้วย และมีการทดสอบยืนยันอีกด้วยว่า AHA ในปริมาณ 5% ขึ้นไปสามารถช่วยกระตุ้นการสร้างคอลาเจนได้ โดยผลการทดสอบเทียบกันระหว่าง 5% AHA เทียบกับ 12% AHA พบว่าทั้งคู่ให้มีประสิทธิภาพในการในการปรับปรุงผิวชั้นนอกได้เหมือนกัน แต่ในระดับผิวที่ลึกกว่านั้น 12% AHA สามารถเพิ่มความหนาแน่นของคอลาเจนในผิวได้ดีกว่า (Reference : Berardesca E, Distante F, Vignoli GP, Oresajo C, Green B. Alphahydroxyacids modulate stratum corneum barrier function. Br J Dermatol 1997;137:934-938.) FDA กำหนดให้เครื่องสำอางมี AHA ได้มากสุดถึง 15% สำหรับความเข้มข้นที่ 16 - 40 % นั้นให้กระทำได้โดยผู้เชี่ยวชาญตามสถาบันเสริมความงาม สำหรับความเข้มข้นที่มากกว่า 40% ขึ้นไปจะต้องกระทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยชาญเท่านั้น AHA นั้นจะมีประสิทธิภาพในการผลัดเซลล์ผิวในช่วงค่า pH 3 - 4.5 หากค่าต่ำกว่านี้ก็จะมีความเป็นกรดมากเกินไปจึงเพิ่มอันตราการระคายเคืองได้ หากค่ามากกว่านี้ ประสิทธิภาพในการผลัดเซลล์ผิวก็จะถูกจำกัดลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ จนเมื่อค่า pH เป็น 7 หรือเป็นกลาง ประสิทธิภาพของ AHA ก็จะหมดไป ดังนั้นครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของ AHA จึงควรมีค่า pH ที่เหมาะสมจึงจะมีประสิทธิภาพในการผลัดเซลล์ผิวได้ ซึ่งส่วนใหญ่มักมีค่า pH ไม่ถูกต้อง ทั้งสูงเกินไป หรือต่ำเกินไป สำหรับการตรวจสอบค่า pH ของผลิตภัณฑ์นั้นกระทำได้โดยการใช้ กระดาษทดสอบค่า pH หรือกระดาษลิตมัส (litmus paper) นะขอรับ สรุปแล้ว ผลิตภัณฑ์ AHA ที่มีค่า pH และความเข้มข้นที่เหมาะสม มีคุณสมบัติเป็น Anti-Aging ได้ขอรับ (Source : Van Scott E, Ditre CM, Yu RJ. Alpha-hydroxyacids in the treatment of signs of photoaging. Clin Dermatol 1996;14:217-226.; Plastic and Reconstructive Surgery, April 2005, pages 1156-1162; Skin Pharmacology and Applied Skin Physiology, May-June 1999, pages 111-119; Archives of Dermatologic Research, June 1997, pages 404-409; and Dermatologic Surgery, May 1998, pages 573-577) จากคุณ : PuPe_so_Sweet - [ 23 พ.ค. 51 14:21:59 ]

ความคิดเห็นที่ 11 Peptide เปปไทด์เป็นโพลีเมอร์ของกรดอมิโนที่ต่อรวมกันเป็นสาย มีทั้งขนาดเล็กและใหญ่ โดยทำหน้าที่ต่างกันในส่วนต่างภายในร่างกาย เปปไทด์นั้นจำเป็นใจการทำให้เรามีสุขภาพดี คำกล่าวอ้างที่ว่าการทาเปปไทด์ลงไปบนผิวเพื่อช่วยในการเยียวยารักษาบาดแผลหรือเสริมสร้างเกราะป้ิงกันผิวให้แข็งแรงนั้นยังเป็นที่กังขากันอยู่มาก เนื่องจากโดยธรรมชาติของเปปไทด์นั้นเป็นสาร hydrophilic หรือเป็นสารที่ "ชอบน้ำ" มันจึงไม่สามารถซึมลงในผิวซึ่งมีชั้นต่างๆ ที่เป็นน้ำมันได้ อย่างไรก็ดี ได้มีการดัดแปลงให้เปปไทด์มีความเป็น lipophilic เพื่อให้สามารถซึมลงไปบนผิวได้ด้วยการเชื่อมโมเลกุลของเปปไทด์เข้ากับ palmitic acid และได้มีการจดสิทธิบัตรในชื่อ Palmitoyl-lysine-threonine-threonine-lysine-serine หรือ Palmitoyl Pentapeptide-3 โดยสารตัวนี้เป็นที่สนใจอย่างมากในวงการเครื่องสำอาง Palmitoyl Pentapeptide-3 ถูกนำเสนอใน World Congress of Dermatology ครั้งที่ 20 เมื่อปี 2002 โดยระบุผลการทดสอบ 2 ชิ้น ผลการทดลองชิ้นที่ 1 ได้ทำการเปรียบเทียบประสิทธิภาพของครีมที่มีส่วนผสมของ Palmitoyl Pentapeptide-3, 100-ppm กับครีมที่มีส่วนผสมของครีมที่มี 5% Vitamin C ทดลองกับคน 10 คนเป็นเวลา 6 เดือน ผลออกมาว่า Palmitoyl Pentapeptide-3 มีประสิทธิภาพดีกว่าวิตามินซีในการลดเลือนริ้วรอย ผลการทดลองชิ้นที่ 2 ได้ทำการเปรียบเทียบประสิทธิภาพของครีมที่มีส่วนผสมของ Palmitoyl Pentapeptide-3, 100-ppm กับครีมที่มีส่วนผสมของครีมที่มี 0.07% Retinol โดยการเปรียบเทียบช่วงเดือนที่สองของการทดลอง Palmitoyl Pentapeptide-3 มีประสิทธิภาพมากกว่า ในการลดเลือนริ้วรอย แต่เมื่อตรวจสอบผลการทดลองของเดือนที่ 4 ปรากฏว่า Retinol มีประสิทธิภาพดีกว่าในทุก ๆ ด้าน (Reference :Lintner K. Cosmetic or dermopharmaceutical use of peptides for healing, hydrating and improving skin appearances during natural or induced ageing (heliodermia, pollution). US Patent 6620419, 2003.) อย่างไรก็ผลการทดสอบนี้ถูกเผยแพร่ในลักษณะของเอกสารประกอบการประชุม (Conference Paper) ซึ่งเทียบไม่ได้กับการการวิจัยเพื่อตีพิมพ์ลงในวารสารทางการแพทย์ (Medical journal) ซึ่งมีมาตรฐานและมีความน่าเชื่อถือมากกว่า สารอีกตัวนึงคือ acetyl hexapeptide-8 ที่ผลิตโดย Centerchem (www.centerchem.com) ที่มีจุดขายเป็นสารทดแทน Botox อีกเช่นกัน ทว่ามีผลการทดสอบมีเพียงเอกสารของบริษัทผู้ผลิตเท่านั้น จึงไม่สามารถเชื่อถือหรือยืนยันประสิทธิภาพได้แต่อย่างใด สรุปคือ Palmitoyl Pentapeptide-3 อาจจะมีคุณสมบัติเป็น Anti-Aging ได้ แต่คงจะต้องมีการทดสอบมากกว่านี้ในอนาคตเพื่อยืนยันประสิทธิภาพ สำหรับ acetyl hexapeptide-8 ที่อ้างว่าสามารถทดแทน Botox นั้นก็ไม่สามารถหาข้อมูลที่น่าเชื่อถือมาพิสูจน์ได้ ผู้ที่ใช้ครีมที่อวดอ้างว่าใช้แทน botox ได้เหล่านี้สุดท้ายก็ยังคงต้องให้หมอเอาเข็มจิ้มอยู่ดีแหล่ะขอรับ จากคุณ : PuPe_so_Sweet - [ 23 พ.ค. 51 14:22:16 ]

ความคิดเห็นที่ 12 Seaweed / Algae Extract สาหร่ายมีมากมายกว่า 20,000 ชนิด (เท่าที่คนค้นพบ) โดยส่วนใหญ่แล้วจะมีคุณสมบัติในการเป็น ตัวทำให้ส่วนผสมข้นขึ้น (thickening agents), เป็นตัวช่วยอุ้มน้ำ (water-binding agents) และเป็นสารแอนติออกซิแดนท์ สาหร่ายบางชนิดอย่างเช่นสาหร่ายสีน้ำเงินแกมเขียว ก็มีคุณสมบัติในการต้านอาการระคายเคืองเพิ่มขึ้นมา สารอาหารหลัก ๆ ที่สาหร่ายมีก็ประกอบไปด้วย คาราจีแนน โปรตีน วิตามิน น้ำตาล แป้ง เหล็ก เกลือ ฟอซฟอรัส แมกนีเซียม แคลเซียม และ สังกะสี ซึ่งทำหน้าที่เป็นสารแอนติออกซิแดนท์และมอยซเจอไรเซอร์ จากความพยายามค้นหาเอกสารการวิจัยเพื่อพิสูจน์ว่าสารสกัดจากสาหร่ายมีคุณสมบัติในการลดเลือนริ้วรอยหรือไม่นั้น ผลคือไม่มีเอกสารทางการแพทย์ที่สามารถยืนยันได้คำกล่าวอ้างนี้ได้แต่อย่างใด สรุปคือ ไม่มีผลการทดสอบใด ๆ ที่ยืนยันได้ว่าสารสกัดจากสาหร่ายมีคุณสมบัติเป็น Anti-Aging คุณสมบัติที่น่าพึ่งพอใจที่สุดคือเป็นสาร Antioxidant ที่ช่วยลดความเสียหายจากรังสี UV ได้ (Source: Bulteau AL, Moreau M, Saunois A, Nizard C, Friguet B. Algae extractmediated stimulation and protection of proteasome activity within human keratinocytes exposed to UVA and UVB irradiation. Antioxidant Redox Signaling 2006;8(1-2):136-143.; Lyons NM, O’Brien NM. Modulatory effects of an algal extract containing astaxanthin on UVA-irradiated cells in culture. J Dermatol Sci 2002;30:73-84.;Current Issues in Molecular Biology, January 2002, pages 1–11; Journal of Agricultural Food Chemistry, February 2002, pages 840–845) จากคุณ : PuPe_so_Sweet - [ 23 พ.ค. 51 14:23:15 ]

ความคิดเห็นที่ 13 Coenzyme Q10 / CoQ10 ชื่ออย่างเป็นทางการคือ ubiquinone เป็นสารตามธรรมชาติที่พบได้ในผิวของคนเรา มีลักษณะเป็น lipophilic คือละลายในน้ำมันได้ มีหน้าที่เป็นตัวช่วยในทำงานของเอ็มไซม์ในร่างกาย CoQ10 นั้นทำงานร่วมกับ ไมโทคอนเดรียล (Mitochondrial) ในการผลิตพลังงานให้กับเซลล์ นอกจากนี้ CoQ10 ยังเป็นสารแอนติออกซิแดนท์ตามธรรมชาติโดยการทำการสละอิเลคตรอนเพื่อทำลายอนุมูลอิสระ (donate electrons and neutralize the Reactive Oxygen Species) และเมื่อคนเราอายุมากขึ้นร่างกายจะสามารถสร้าง CoQ10 จะลดน้อยลงทำให้กระบวนการผลิตพลังงานของเซลล์ก็เสื่อมถอยตามลงไป ปัจจุบันจึงมีการนำ ubiquinone และ Idebenone ( Idebenone เป็นสารที่สังเคราะห์ขึ้นเพื่อมาเลียนแบบการทำงานของ CoQ10) มาใส่ลงไปในครีม Anti-Aging และอ้างว่าสามารถเพิ่มปริมาณ CoQ10 ในผิวได้ แต่ผลจากการทดสอบพบว่า การทา ubiquinone และ Idebenoneไม่สามารถเพิ่มปริมาณ Coenzyme Q10 ในร่างกายได้แต่อย่างใด และสำหรับการทา ubiquinone และ Idebenone เพื่อลดริ้วรอยก็ไม่มีการทดสอบกับมนุษย์อีกด้วย มีเพียงการทดลองที่ใช้ 1% ubiquinone และ 1% Idebenone ทาลงบนผิวของสุกรเป็นเวลา 4 วัน และไม่พบความเปลี่ยนแปลง สรุปคือ การทา Coenzyme Q10 บนผิวไม่สามารถเพิ่มปริมาณ Coenzyme Q10 ในร่างกายได้ คำกล่าวอ้างว่าสามารถช่วยให้ผิวกลับมาเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังในการต่อต้านริ้วรอยนั้นจึงแค่คำโฆษณาเท่านั้น อย่างไรก็ดี Coenzyme Q10 เมื่อทาลงบนผิวอาจจะมีคุณสมบัติเป็นสาร Antioxidant ได้บ้างขอรับ (Sources: Tournas JA, Lin FH, Burch JA, Selim MA, Monteiro-Riviere NA, Zielinski JE, et al. Ubiquinone, idebenone, and kinetin provide ineffective photoprotection to skin when compared to a topical antioxidant combination of Vitamins C and E with ferulic acid. J Invest Dermatol 2006;126:1185-1187.; Biofactors, September 1999, pages 371–378; Zeitschrift für Gerontologie und Geriatrie, April 1999, pages 83–88) จากคุณ : PuPe_so_Sweet - [ 23 พ.ค. 51 14:23:34 ]

ความคิดเห็นที่ 14 Kinetin Kinetin เป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวของกับการเจริญเติบโตของพีช มีชื่อทางเทคนิคว่า N6-furfuryladenine ผลการทดสอบในหลอดแก้ว ( In vitro) พบว่า เมื่อใส่ N6-furfuryladenine ลงไป เซลล์จะเสื่อมช้าลง นอกจากนั้นก็เป็นการทดสอบกับ สุกร และกับ สุนัขไร้ขน (hairless dog) ซึ่งให้ผลไม่เป็นที่ชัดเจน ยังไม่มีใครเข้าใจว่าในทางปฏิบัติแล้วว่า Kinetin ถูกเซลล์นำไปใช้งานได้อย่างไร และยังไม่มีผลการทดสอบใด ๆ กับมนุษย์เพื่อรับรองประสิทธิภาพ สรุปคือ Kinetin ยังไม่มีความน่าเชื่อถือในการเป็นสาร Anti-Aging และคุณสมบัติอื่น ๆ ในการทาลงบนผิวโดยตรงก็ยังไม่มีทำการพิสูจน์ได้ คงต้องรอให้มีการทดสอบยืนยันมากกว่านี้ในอนาคต (Source: Dermatologic Clinics, October 2000, pages 609-615.; Kimura T, Doi K. Depigmentation and rejuvenation effects of kinetin on the aged skin of hairless descendants of Mexican hairless dogs. Rejuvenation Res 2004;7:32-39.) แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 51 21:54:21 จากคุณ : PuPe_so_Sweet - [ 23 พ.ค. 51 14:24:00 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ปัจจัยสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือเรื่องของ บรรจุภัณฑ์ (Package) เพราะว่าวิตามิน สารแอนติออกซิแดนท์ และสารสกัดหลาย ๆ ตัว นั้นสามารถเสื่อมคุณภาพได้ง่ายเมื่อสัมผัสแสงและอากาศ การที่เราจะได้ประสิทธิผลสูงสุดจากครีมบำรุงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยส่วนผสมเหล่านี้ เราต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่บรรจุในแพคเกจที่เหมาะสม เช่นหลอดบีบ (Opaque Tube) ขวดปั้มทึบแสง ดีที่สุดคือหลอดอลูมิเนียมหรือขวดปั้มสูญญากาศ ลืมแบบกระปุกไปได้เลยขอรับเพราะทุกครั้งที่เราเปิดขวดมาใช้ก็เท่ากับเราทำลายสารบำรุงเหล่านี้ให้เสื่อมสภาพลงไปเรื่อย ๆ บางท่านที่ใช้ครีมแบบกระปุกอยู่ ปูเป้แนะนำให้แบ่งครีมจากกระปุกใหญ่มาใส่กระปุกขนาดเล็กเอาไว้ใช้ก็ช่วยได้บ้างขอรับ และสิ่งสำคัญมาก ๆที่อยากจะบอกคือ "การใช้ครีมที่มีส่วนผสมดีเลิศมากมายก็คงเสียเปล่าถ้าคุณไม่ได้ปกป้องผิวจากแสงแดด" เพราะการป้ิองกันและชะลอริ้วรอยที่ดีที่สุดคือการปกป้องผิวจากแสงแดดขอรับ ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 15 ขึ้นไป ที่สามารถกันได้ทั้ง UVA/UVB จึงเป็นครีม Anti-Aging ที่ทรงประสิทธิภาพที่สุด และของถูกก็ให้ผลได้ไม่ต่างกับของแพงนะขอรับ สรุปคือ ที่เครื่องสำอาง Anti-Aging ยังคงขายได้แม้ว่าราคามันจะแพงมหาศาลรวมไปถึงการโฆษณาเกินจริง ที่ใช้ทั้งสารพัดยุทธวิธีทางการตลาดและภาพลักษณ์เข้าล่อลวงโดยใช้ความปรารถนาและความหวังของผู้คนที่เชื่อมั่นเป็นเหยื่ออันโอชะ ให้ผู้บริโภคคล้อยตาม การที่จะได้ผลลัพธ์ที่ดีและคุ้มค่าที่สุดจากผลิตภัณฑ์เหล่านี้ คงต้องดูจากแก่นของมันแล้ววิเคราะห์จากความเป็นจริง มากกว่าจะมองเพียงผิวภายนอกและคำโฆษณา... ขอทิ้งท้ายด้วยความคิดเห็นส่วนบุคคลนะขอรับ ปูเป้คิดอยู่เสมอว่า การที่บริษัทเครื่องสำอางหลายบริษัทยังออกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมธรรมดา ๆ และขายในราคาที่แพงมหาศาลได้อยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะว่าถึงมันจะเป็นอย่างนั้น ยอดซื้อก็ยังคงถล่มทลาย เพราะผู้บริโภคส่วนใหญ่มักถูกล่อลวงด้วยคำโฆษณาสวยหรู มีนิตยสารแฟชั่นคอยเป่าหู และมีผู้ให้ข้อมูลผิด ๆ สร้างความสับสนมากมาย สิ่งเหล่านี้กระผมเห็นว่ามันทำให้วงการเครื่องสำอางมันไม่ค่อยพัฒนาไปมากเท่าไหร่ หากผู้บริโภคได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง และไม่เป็นหลงเป็นเหยื่อของการตลาดกันอย่างที่เป็นอยู่กันทุกวันนี้ บริษัทเครื่องสำอางคงไม่สามารถนำสินค้าห่วย ๆ มาขายได้อย่างแน่นอน และผลคือเครื่องสำอางจะต้องถูกยกเครื่องส่วนผสมและปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพดีจริง ๆ เสียที แต่ก็ได้แค่คิดนะขอรับ ตัวกระผมว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอก... เพราะมันมีเรื่องของ "แฟชั่น" เข้ามาเกี่ยวด้วยเสียแล้วสิ... ปล. ปูเป้คงเข็ดกับการแปลวารสารทางการแพทย์ไปอีกนานเลยขอรับ เข้าใจย๊ากยาก แถม Link ไปดูข้อมูลตัวอื่น ๆ นะขอรับ เผื่อจะเป็นประโยชน์ รู้ไว้ใช่ว่า จะได้ไม่โดนโฆษณาและ BA ตามเคาเตอร์หลอกเอา http://www.pantip.com/cafe/woman/topic/Q6597871/Q6597871.html เคล็ด(ไม่ลับ) ในการเลือกซื้อเครื่องสำอาง สไตล์ PuPe http://www.pantip.com/cafe/woman/topic/Q6600251/Q6600251.html Dermatologist Tested นั้นท่านได้แต่ใดมา ??? http://www.pantip.com/cafe/woman/topic/Q6603606/Q6603606.html "ขาวใสแบบไม่ไร้สมอง" สับแหลกเบื้องหลังผลิตภัณฑ์ Whitening http://www.pantip.com/cafe/woman/topic/Q6624335/Q6624335.html แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 51 14:51:03 จากคุณ : PuPe_so_Sweet - [ 23 พ.ค. 51 14:24:18 ]

ความคิดเห็นที่ 17 มาเชียร์ ความรู้แน่นเอียดตามเคย เห็นด้วยค่ะว่า สวยได้ไม่จำเป็นต้องใช้ของแพง ทุกวันนี้ก็เลือกจากส่วนผสมเหมือนกัน หลังจากหน้าแหกไปเพราะ...se เนี่ย จากคุณ : storm_lunasea - [ 23 พ.ค. 51 14:35:16 ]

ความคิดเห็นที่ 18 มาเก็บเกี่ยวความรู้ เกาะติด คุณ : PuPe_so_Sweet แหะ  แหะ เกาะติด....และ ขอบคุณความรู้ดีดีค่ะ จากคุณ : dogdogshop - [ 23 พ.ค. 51 14:36:28 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ได้ความรู้มากมายค่า จากคุณ : Rikan - [ 23 พ.ค. 51 14:37:09 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ขอถามคุณปูเป้อีกนิดเกี่ยวกับ CoQ10 ถ้าอยู่ในรูปของการกินล่ะคะ อย่างที่เราๆๆ เห็นขายกันเป็นขวดๆๆ จะสามารถเพิ่มปริมาณ Coenzyme Q10 ในร่างกายได้หรือไม่ ถ้าได้ จะส่งผลต่อริ้วรอยต่างๆๆ ให้ลดลงได้หรือไม่ หรือมันก็แค่คำโฆษณาหวานหูเท่านั้น? จากคุณ : gissty - [ 23 พ.ค. 51 14:44:03 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เป็นกระทู้ที่น่ารักที่สุด โหวตๆ.. จากคุณ : ชมพูพันทิพย์ - [ 23 พ.ค. 51 14:47:35 ]

ความคิดเห็นที่ 22 โหวตค่ะ  สาวห้องแป้งอยากสวยต้องมีสมองด้วย จากคุณ : DKW - [ 23 พ.ค. 51 14:48:07 ]

ความคิดเห็นที่ 23 โหวต คะ โหวต .............. ไม่โหวต ไม่ได้แล้ววววว จากคุณ : mayumi (mayumijung) - [ 23 พ.ค. 51 14:48:10 ]

ความคิดเห็นที่ 24 โอ้โห ขอบคุณสำหรับความรู้ และความพยายามของคุณปูเป้มากเลยนะคะ เจ๋ง จริง อ่ะ  สุดยอดดดดดด แล้วอย่างงี้  บางอย่างที่ ทา แล้วไม่ได้ผล ถ้ากินแล้ว ได้ผล มั้ยน้า อย่างเช่น อาหารเสริม ต่าง ๆ บำรุงจากภายใน งืม ๆ ๆ  ต้องลุ้นกันต่อไป ขอบคุณอีกครั้งสำหรับข้อมูลดี๊ดี นะคะ ^^ จากคุณ : wooby - [ 23 พ.ค. 51 14:51:26 ]

ความคิดเห็นที่ 25 โหวตให้ครับ แต่จะบอกว่า ยังไง รบกวน เก็บบทความต่างๆเหล่านี้  ไว้ในบล๊อคด้วยนะครับ  จะได้มีที่เก็บไว้ดีๆ ครับ จากคุณ : BIZZARE - [ 23 พ.ค. 51 14:57:15 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ตามาอ่านเก็บความรู้ดีๆจ้า ขอบคุณนะคะ น้องปูเป้ จากคุณ : ป้าเอียด - [ 23 พ.ค. 51 14:59:03 ]

ความคิดเห็นที่ 27 อาหารเสริมพวก คอลลาเจนน่ะ เราหงุดหงิดทุกครั้งที่เห็นสาวๆห้องแป้งหลายคนชอบแนะให้ซื้อมากินกัน เพราะคอลลาเจนมีขนาดโมเลกุลใหญ่เกินกว่าจะดูดซึมได้ในทางเดินอาหาร กินเข้าไปก็ถูกย่อยเป็นกรดอะมิโนหมด ซึ่งกินอาหารโปรตีน  หมู เนื้อ ไก่ ปลา ก็จะถูกย่อยเป็นกรดอะมิโนเหมือนกัน ทำไมต้องเสียเงินซื้อคอลลาเจนมากินด้วย ฟระ ใครมีข้อหักล้างความจริง fact เรื่องนี้บ้าง ถ้ามีแสดงว่าหลังจากเราจบปริญญาโท  ด้าน biotech มีการคิดค้นอะไรใหม่กว่าที่เราเรียนมา  ขอข้อมูลด้วย ถ้าไม่มี  ขอร้องอย่าแนะนำให้กินกันเลย  เสียเงินเปล่าๆ จากคุณ : DKW - [ 23 พ.ค. 51 15:02:48 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ^ ^ เราก็คิดแบบคุณค่ะ คุณ : DKW มีคนที่เชื่อว่าอมวิตามินซีผิวจะสวย (แบบอมนะ - -) กินขนมคอลาเจนผิวจะดี (คงอ้วนก่อน) ย่อยไปมันก็แปรสภาพเป็นอย่างอื่นหมดแล้ววว แถมยังไม่รู้ว่าร่างกายจัดสรรไปส่วนไหนบ้าง (มันก็มีส่วนอื่นต้องซ่อมแซมเหมือนกัน) จากคุณ : storm_lunasea - [ 23 พ.ค. 51 15:06:36 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เห็นกระทู้คุณปูเป้ ไม่เคยไม่คลิก...^^ จากคุณ : TatFadoodler - [ 23 พ.ค. 51 15:07:09 ]

ความคิดเห็นที่ 30 แปลยากมากค่ะๆวารสารทางแพทย์ ศัพท์จำเพาะก้อเยอะ คุณปูเป้แปลและเรียบเรียงได้เยอะขนาดนี้ เก่งมากเลยค่ะ จากคุณ : shermie - [ 23 พ.ค. 51 15:07:18 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ที่กระผมหาข้อมูลเจอหาเจอมันมีบอกแค่ว่า Coenzyme Q10 ในปริมาณ 300mg ต่อวันไม่มีผลเสียต่อร่างกายนะขอรับ  อันนี้ไม่ได้บอกว่ามันมีประโยชน์ยังไง อีกอันเป็นการทดสอบให้ Coenzyme Q10 กับหนูทดลอง  พบว่าหนูทดลองที่ได้รับ Coenzyme Q10 เสริม มีอายุเฉลี่ยมากกว่าหนูที่ไม่ได้รับ ถึง 11.7% ส่วนผลการทาน Coenzyme Q10 ในมนุษย์ยังไม่มีอะไรมารับรองขอรับ กระผมก็ไม่รู้ว่าการที่มันช่วยให้หนูอายุยืนขึ้นได้นี่เป็นเพราะอะไร มันไปช่วยเพิ่ม Coenzyme Q10 ในตัวหนูรึเปล่า? แล้วกับคนจะให้ผลเป็นยังไง? อันนี้ก็ต้องวิเคราะห์กันเองเองนะขอรับ (Source : http://www.propax.com/Research/Reader/9_Lipid_Replacement.pdf .; Coenzyme Q supplementation protects from age-related DNA double-strand breaks and increases lifespan in rats fed on a PUFA-rich diet. José L. Quiles, , Julio J. Ochoa, Jesús R. Huertas and José Mataix.  3 September 2003) จากคุณ : PuPe_so_Sweet - [ 23 พ.ค. 51 15:08:21 ]

ความคิดเห็นที่ 32 กดโหวตให้เป็นค่าเหนื่อย ยาวและเนื้อหาเยอะมากๆมีประโยชน์ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : โครโมโซม X - [ 23 พ.ค. 51 15:16:03 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ตามมาอ่านค่า... จากคุณ : catchy - [ 23 พ.ค. 51 15:41:30 ]

ความคิดเห็นที่ 34 สุดยอดเลย เนี่ยช่วยดับกิเลสเราได้มากเลยนะเนี่ย จากคุณ : nijatarae - [ 23 พ.ค. 51 15:46:25 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ชอบใจ โหวต จากคุณ : นักคุ้ยกระบะ - [ 23 พ.ค. 51 16:11:39 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ขอบคุณค่า   ต่อไปซื้ออะรัยจะพยายามดูส่วนผสมก่อน เอาเท่าที่จำได้อ่ะ อย่างน้อยก็จะพยายามหลีกเลี่ยง น้อง Lกฮ แต่น้ำโสมนี่ตัดใจไม่ได้จิงๆ เว้นไว้สักตัวละกัน.. จากคุณ : รักนะ..พ่อพยูนน้อย - [ 23 พ.ค. 51 16:25:32 ]

ความคิดเห็นที่ 37 แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 51 19:26:33 จากคุณ : ซานฟราน - [ 23 พ.ค. 51 16:29:27 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เจ๋งมากค่ะ เราอ่านแต่ตรงสรุปเพราะนอกนั้นมึน แต่แค่อ่านสรุปก็มีประโยชน์มากมากแล้วค่ะ ตัวเราไม่ค่อยเชื่อในการ correct แต่เชื่อในการ maintain&prevent มากกว่า อ่านแล้วก็สบายใจค่ะที่ไม่เคยไปซื้ออะไรที่แพงไม่สมราคา คุณปูเป้ลองไปอ่านบ็อกคุณฟีบี้สิคะ ทำความรู้ไว้คล้าย ๆ กันเลยค่ะ น่าจะคอเดียวกัน จากคุณ : Galilee - [ 23 พ.ค. 51 16:30:29 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ชอบๆๆๆ ประโยคนี้ จากที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ มอยซ์เจอไรเซอร์เนื้อเข้มข้นที่ให้ความชุ่มชื้นสูงธรรมดา ๆ ราคาย่อมเยาก็สามารถช่วยให้ริ้วรอยจากความแห้งกร้านจางลงได้ขอรับ ไม่จำเป็นต้องไปทุปกระปุกหรือฮุบเงินกงสีเพื่อซื้อครีมสาหร่ายนาซ่าราคาแพงกระเป๋าฉีกมาใช้แต่อย่างใด เราก็เป็นผู้หนึ่งที่ทุบกระปุกซื้อครีมสาหร่ายนาซ่านะ อิอิ เสียดายตัง แพงจัด แต่ความชอบนี่มันแก้ยากจริงๆ ยังไงก็ขอบคุณมากมายค่ะ โหวตๆ ให้นะ จากคุณ : KhongMing - [ 23 พ.ค. 51 16:38:04 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ชอบเหมือนเดิม มาเรื่อยๆๆนะคะ จากคุณ : IN VOGUE - [ 23 พ.ค. 51 16:45:21 ]

ความคิดเห็นที่ 41 จากคุณ : ZeYaah! - [ 23 พ.ค. 51 16:59:57 ]

ความคิดเห็นที่ 42 โหวตค่ะโหวต สาระดีมากๆๆๆ ติดตามต่อค่ะ จากคุณ : บาบา (บันทึกความจำ) - [ 23 พ.ค. 51 17:24:49 ]

ความคิดเห็นที่ 43 อยากถามว่าเห็นพวกเครื่องสำอางชองมีพวก PEG-5 PEG-100 PEG-3 สารพวกนี้มีไว้ทามม่ายเหรอค่ะ เหนรายตัวที่ใช้มีพวกนี้ผสมอยู่เกือบทุกตัวเลยค่ะ จากคุณ : บันทึกความจำ - [ 23 พ.ค. 51 17:28:33 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ขอบคุณค่ะ รบกวนสาว ๆ ที่เข้ามาอ่านช่วยกันคลิกโหวตและเก็บเข้าคลังกระทู้ด้วยนะคะ เพราะกระทู้ดี ๆ แบบนี้ถ้าปล่อยให้หายไป เสียดายแย่เลย จากคุณ : เล่าปี่ - [ 23 พ.ค. 51 17:28:34 ]

ความคิดเห็นที่ 45 PEG เป็นตัวย่อของ "polyethylene glycol" ขอรับ มีหน้าที่หลัก ๆ ในการทำให้ส่วนผสมของเครื่องสำอางเข้ากันดี  นอกจากนี้มันยังซึมผ่านผิวหนังได้ดี มันจึงเป็นตัวช่วยนำพาสารอื่น ๆ ให้ซึมลงผิวได้ด้วยขอรับ  รวม ๆ ก็คล้าย ๆกับ glycerin ขอรับ ส่วน PEG - ที่ตามมาด้วยตัวเลขต่าง ๆ นั้นมีคุณสมบัติต่างกัน  บางอันก็เป็นตัวช่วยอุ้มน้ำ บางตัวก็เป็นสารทำความสะอาด บางตัวก็เป็นสารทำให้ข้นขึ้น หรือสารทำให้ลื่นผิว ลองเอาพวก PEG-5 PEG-100 PEG-3 ไปหาใน Google ก็ได้นะขอรับ  บางทีก็จะเจอเวปที่ให้ข้อมูลว่ามันใช้ทำอะไรในส่วนผสม จากคุณ : PuPe_so_Sweet - [ 23 พ.ค. 51 17:40:53 ]

ความคิดเห็นที่ 46 เริดมากกระทู้นี้ แต่คอนเฟริม์ตัว regenerist eye จริงๆ แอบใช้ดีมากๆ สำหรับผม มันเริดกว่าลาแมร์อีก จากคุณ : coombe lane's guy - [ 23 พ.ค. 51 18:07:30 ]

ความคิดเห็นที่ 47 โหวตๆๆๆ  โดนใจค่ะ... ดีใจจังที่เราคิดถูก ( ถึงแม้บางครั้งก็ยังเผลอใจไปกะโฆษณา ) เดี๋ยวนี้เลยเน้นมันแต่โบก  กลบ  ลบ  แต่งแต้มเอาเท่านั๊น...พวกบำรุงนี่เอาแค่เบาะๆ พอ ไปเลเซอร์โน่นเลย  ชัวร์ ( รึเปล่า !!! ) จากคุณ : ยุ่งจัง - [ 23 พ.ค. 51 18:27:55 ]

ความคิดเห็นที่ 48 vote ka จากคุณ : FizZY SWeeT - [ 23 พ.ค. 51 18:33:44 ]

ความคิดเห็นที่ 49 มีสาระดีๆๆแบบนี้ โหวดให้ด้วยค่ะ จากคุณ : เหล้าปั่น - [ 23 พ.ค. 51 18:45:15 ]

ความคิดเห็นที่ 50 เข้ามาให้กำลังใจ คุณปูเป้มีน้ำใจมากๆ ที่เอาความรู้มาแบ่งปันกัน รอกระทู้ต่อไปของคุณปูเป้อีนะคะ จากคุณ : น้องพอใจไม่พอใจ - [ 23 พ.ค. 51 18:49:48 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีดี นะคะ คุณปูเป้ โหวตค่ะ จากคุณ : ราตรีสีชมพู - [ 23 พ.ค. 51 18:50:35 ]

ความคิดเห็นที่ 52 "ครีมสาหร่ายนาซ่า" ชอบคำนี้มากมาย  5555 เราก็เป็นอีกคนที่ใช้  ก็แค่ให้ความชุ่มชื้นจริงๆนั้นแหละค่ะ เฮ้อ... หมดกระปุกนี้จะคืนสู่สามัญแระ ตะว่า...  เราก็ยังใช้ Kinetin ด้วยล่ะ แต่ว่าไอ้เจ้า N6-furfuryladenine ของ Kinerase เนี่ย อเมสซิ่งกว่าสาหร่ายนาซ่าเยอะเลย ผิวโดยรวมดีขึ้นภายในสองอาทิตย์นะ แต่พออ่านการทดลองที่เอาให้ดูแล้ว - -" ไม่มีทดสอบกับคน แป่ว! แต่ไม่จริงหรอกนะ มีคนทดสอบสารตัวนี้มาแล้วตั้งหลายปี ก็ตั้งแต่มันออกวางขายนั่นแหละ อิๆ ส่วนใหญ่คนที่ใช้ก็ชอบกันนะ อันนี้ดูได้จากรีวืวต่างๆ รวมทั้งเราด้วย จากคุณ : sunsy - [ 23 พ.ค. 51 18:55:59 ]

ความคิดเห็นที่ 53 อ่า .. ขอบคุณมากค่า ที่เอามาฝาก .. โหวตให้เลย เราว่าส่วนหนึ่งที่คสอ. ผลิตภัณฑ์ราคาแพงยังขายได้ คือความเชื่อมั่นในแบรนด์นั้นๆอ่ะค่ะ  ... เมื่อวานอ่านโบรชัวร์ของผลิตภัณฑ์บำรุงยี่ห้อนึง เค้าทำการทดลองให้ placebo กะ กลุ่มทดลอง ผลลัพธ์บอกว่า 20 กว่าเอปร์เซนของ ผู้ทดลอง เห็นผลว่า ดีขึ้นด้วย .. อิอิ จากคุณ : PAPA BUENO - [ 23 พ.ค. 51 18:56:12 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ดังนั้นถ้ากระเป๋ายังไม่แฟบ ก้อซื้อกันไป .. ช่วยๆกันกระตุ้นระบบเศรษฐกิจ ฮี่ๆๆๆ จากคุณ : PAPA BUENO - [ 23 พ.ค. 51 18:57:00 ]

ความคิดเห็นที่ 55 มาเก็บความรู้ค่ะ ^____^ จากคุณ : kisekimeru - [ 23 พ.ค. 51 19:11:37 ]

ความคิดเห็นที่ 56 กลับมาโหวตให้นะค่ะ ลีมๆ จากคุณ : รักนะ..พ่อพยูนน้อย - [ 23 พ.ค. 51 19:25:15 ]

ความคิดเห็นที่ 57 โหวต จากคุณ : apple_meppo - [ 23 พ.ค. 51 19:58:27 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ปาดก่อน.... แล้วไปอ่านต่อ ขึ้นไปอ่านแล้ว...มันเป็นกระทู้ที่ทำให้เราลดอาการอยากได้ไปเยอะเลยล่ะครับ "แต่ยังอยากได้อยู่ดี แม้กะตังจะไม่เอื้ออำนวยซักเท่าไร" (- -") แก้*อ่านเส็ดแล้วมาเติมอันล่างอ่ะครับ แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 51 21:34:04 จากคุณ : AloHaBoyZ - [ 23 พ.ค. 51 21:00:01 ]

ความคิดเห็นที่ 59 แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 51 19:27:37 จากคุณ : ซานฟราน - [ 23 พ.ค. 51 21:01:51 ]

ความคิดเห็นที่ 60 -และเพิ่มระดับ ceramide ในชั้นผิว atopic dermatitis- อ่านละเอียดหมดเลย แต่ว่ามาติดตรงนี้น่ะค่ะ atopic dermatitis มันไม่ใช่ชั้นของผิวหนังนี่คะ แต่มันคือผิวหนังอักเสบ ?? จากคุณ : blueschizont - [ 23 พ.ค. 51 21:08:59 ]

ความคิดเห็นที่ 61 อ๊ะ  ขอบคุณนะขอรับที่ช่วยตรวจให้ พิมพ์เยอะมากจนเบลอ   atopic dermatiti คือโรคผิวหนังอักเสบขอรับ จริงจะใส่คำว่า epidermis (ชั้นหนังกำพร้า) ลงไป จะไปแก้ไขนะขอรับ แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 51 21:41:05 จากคุณ : PuPe_so_Sweet - [ 23 พ.ค. 51 21:35:48 ]

ความคิดเห็นที่ 62 อย่างงี้จะซื้อของแพงทั้งที ต้องไปยืนอ่านส่วนผสมก่อนสินะ ฮ่าๆๆ จากคุณ : Fuya - [ 23 พ.ค. 51 21:37:24 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ตามมาอ่านค่า สุดยอดเลยค่ะ คุณปูเป้ จากคุณ : ช็อกโกแลตรสนม - [ 23 พ.ค. 51 21:43:56 ]

ความคิดเห็นที่ 64 น้องปูเป้ของ่ายๆเลยนะคะ ช่วยแนะนำของดีที่คุ้มราคาใว้ในบลอคได้มั้ยค่ะ อ่าน chemical names เยอะๆแล้วพี่มึน เลือกเองไม่ถูกอ่ะค่ะ ขอบคุณล่วงหน้าจ้า จากคุณ : kutearmy - [ 23 พ.ค. 51 22:39:51 ]

ความคิดเห็นที่ 65 โหวตด้วยคนค่ะ จากคุณ : ทำไงก็ไม่สวยซะที - [ 23 พ.ค. 51 22:40:01 ]

ความคิดเห็นที่ 66 เข้ามาขอบคุณก่อนเลย เดี๋ยวตามอ่านอิอิ จากคุณ : noo_ting - [ 23 พ.ค. 51 22:54:18 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ไปยืนอ่านส่วนผสมก่อนซื้อ จะโดน BA โหดๆ ตื้บเอาป่ะเนี่ย - -* นู๋กลัวว จากคุณ : เจ้าหญิงหิมะสีชมพู - [ 24 พ.ค. 51 01:01:14 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ยังงัยเสียกระทู้ดีๆมีประโยชน์ ย่อมต้องได้รับการโหวด สาระที่ในกระทู้นี้เป็นสิ่งๆดีๆมากค่ะ แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 51 01:09:31 จากคุณ : shermie - [ 24 พ.ค. 51 01:06:47 ]

ความคิดเห็นที่ 69 โดนมากค่ะกระทู้นี้ ขอยคุณค่ะ ทุกวันนี้ที่โฆษณากันเราเชื่อมากเลยว่าเกินจริงมากๆๆค่ะ จากคุณ : ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ - [ 24 พ.ค. 51 02:12:29 ]

ความคิดเห็นที่ 70 เห็นด้วยกับกระทู้นี้ของคุณปูเป้ที่สุดเลยค่ะ เราเลิกใช้ครีมพวกเคา?เตอร์เบรนด์ มานานแล้ว  เพราะไม่เห็นเคยได้ผลเลย โม้ทั้งนั้น เราเน้นหาหมอ ทำทรีตเมนท์ และก็ใช้ครีมถูกๆ ของคุณหมอแทน (ซึ่งก็ใช้เท่าที่จำเป็น เช่น moisturizer และเจลล้างน้า) เท่านั้นเอง ทำเลเซอร์ ทำทรีตเมนท์คุ้มกว่าเยอะ ได้ผลชัวร์กว่าด้วย เบื่อพวกผลิตภัณฑ์เร่ขายฝัน กะโฆษณาหลอกลวงมากกกกกกก จากคุณ : Love Actually is.. - [ 24 พ.ค. 51 08:07:11 ]

ความคิดเห็นที่ 71 -ขอมองในมุมตัวเองบ้างนะคะ สิ่งที่ จขกท พูดมาทั้งหมด น่าเชื่อถือมากค่ะ แต่มีอยู่อย่างนึงที่ขัดกับความเป็นจริง เล็กๆ เรื่องส่วนผสมของครีม ยืนยันว่า ถึงส่วนผสมจะเหมือนกันแต่ ผลที่ได้จากสินค้าแต่ละเจ้านั้น ไม่เหมือนกันแน่นอนค่ะ เป็นคนนึงที่ใช้ครีมตั้งแต่ถูกจนแพง  la mer ขวดละหมื่นห้าก็หน้าโง่ซื้อ แต่ผิวหน้า,คนรอบข้าง เป็นตัวตัดสินค่ะ ไม่ใช่ กระเป๋าตังอย่างเดียว เอาง่ายๆ  ทุกคนน่าจะเคยทานส้มตำนะคะ เจ้าที่เราว่าอร่อย  ถามว่าส่วนผสมเหมือนเจ้าที่ไม่อร่อยมั๊ย   ถ้าเหมือนกัน ทำไม่ ความอร่อยถึงต่างกัน อาจเป้นเพราะ วัถถุดิบ อย่างดี  ถึงทำให้อร่อย แต่เคยมั๊ยค่ะ ใช้ของเหมือนกันทำก็ไม่อร่อนเท่าเค้า มณีจึงคิดว่า ไม่ใช่แค่ส่วนผสมอย่างเดียวที่ทำให้มัน อร่อยเหมือนกันได้ แต่อยู่ที่เคล็ดลับ  การปรุง  การเติม ระยะเวลาการใส่เครื่องปรุ่ง ครีมก็เหมือนกัน  มันอยู่ที่การปรุงส่วนผสมด้วยค่ะ จากคุณ : มณีจันทร์ (ยุคลาศัย) - [ 24 พ.ค. 51 08:25:12 ]

ความคิดเห็นที่ 72 กระทู้ดีมีประโยชน์ ต้องโหวตค่า จากคุณ : กอหญ้าพาฝัน - [ 24 พ.ค. 51 10:03:31 ]

ความคิดเห็นที่ 73 คุณปูเป้ เข้ามา review ครีมพวก La mer กับ La prrairie บ้างสิคับ อยากรู้ว่า ที่มันแพงมากมายมหาศาลอ่ะ มันคุ้มค่ากับจำนวนเงินที่ต้องเสียไปหรือเปล่า แบบอยากรู้จริงๆ ว่าครีมพวกนี้มันขายความจริงหรือว่าขายฝัน ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ ที่มีมาให้บ่อยๆ น่ะคับ กำลังจะไปถอยตัวคลาเวียร์พอดี หุหุ จากคุณ : Jeramie - [ 24 พ.ค. 51 11:57:39 ]

ความคิดเห็นที่ 74 . จากคุณ : ป้าจะอิ๊บ (jipnaja) - [ 24 พ.ค. 51 11:59:07 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ตัวที่ช่วยลดริ้วรอยได้จริงๆ นั้น ที่ได้ผลมีแต่กรดวิตะมินเอเท่านั้นอ่ะ พวกเรตินอล สลายตัวได้ง่ายๆ เพียงแค่เปิดหลอดไม่กี่เดือน ถ้าอยากได้แฟตตี้เอซิคมากๆ ก็เอาโรสฮิบออย นวดมันเข้าไป อิอิ จากคุณ : แอน (แอ่นแอ๊น) - [ 24 พ.ค. 51 12:53:55 ]

ความคิดเห็นที่ 76 โหวตค่า โหวต ขอบคุณมากๆนะคะ เขียนได้น่ารักมาก ได้ความรู้ด้วย จากคุณ : 2fast2farious - [ 24 พ.ค. 51 13:07:57 ]

ความคิดเห็นที่ 77 โหวตให้แล้ว ขอบคุณคุณปูเป้ที่เอาความรู้มาฝากค่ะ จากคุณ : +JoeJang+ - [ 24 พ.ค. 51 13:30:30 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ไม่โหวตไม่ได้แล้วคะ จากคุณ : PiNK CuTe - [ 24 พ.ค. 51 13:32:06 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ปรบมือดังๆให้ จขกท เลยค่า ^^ จากคุณ : -->+:+โชยุ&วาซาบิจัง+:+<-- - [ 24 พ.ค. 51 15:10:07 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ขอโหวตด้วยคนนะคะ.. จากคุณ : cholie moi - [ 24 พ.ค. 51 17:38:15 ]

ความคิดเห็นที่ 81 มาปรบมือให้ค่า เก่งมากๆ เลยค่ะ จากคุณ : Hype - [ 24 พ.ค. 51 18:26:09 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ขอบคุณมากๆค่ะ ที่นี่อยากทราบว่าครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพดีกันได้ทั้ง uva uvb นั้น มีอันไหนที่ส่งเข้าประกวดได้บ้างคะ ส่วนตัวเคยใช้ skinceutical ที่เป็น physical sunscreen spf30 และตอนนี้ก็กำลังใช้ตัวนี้อยู่ค่ะ เข้ามีคำโปรยว่ากันได้ครบทั้ง uva uvb visible anti-aging, antioxidant ถ้าคุณปูเป้มีเวลารบกวนช่วยดูส่วนผสมและวิจารณ์ให้ด้วยนะคะ แต่ไม่ขอเอ่ยชื่อยี่ห้อนะคะ active ingredients : Benzophenone-3, Ethyhexyl Methoxycinnamate, Ethylhexyl Salicylate, Homosalate, Titanium Dioxide, Zinc Oxide inactive ingredients : Water, Cyclomethicone, Aloe Barbadensis leaf juice, Dimethicone, Glyceryl Stearate, Caprylic/Capric Triglycerides, Helianthus Annuus (Sunflower) Seed oil, Stearyl Alcohol, Symphytum Officianle extract, Butyrospermum Parkii (Shea Butter), Squalane,....etc ขอบคุณมากมากยค่ะ จากคุณ : Elysium - [ 24 พ.ค. 51 18:59:18 ]

ความคิดเห็นที่ 83 กันแดดต้อง คุณรำเพย เลยขอรับ ท่านนั้นนี่สุดยอดที่สุดแล้วเรื่องกันแดดในความรู้สึกของปูเป้นะขอรับ ก็จะส่ง Link ให้ลองไปอ่านดูดีกว่า http://topicstock.pantip.com/woman/topicstock/2007/11/Q6055237/Q6055237.html ถ้าให้ปูเป้ดูตัวนี้ก็กันได้ทั้ง UVA-UVB นะขอรับ   นอกนั้นก็เป็นพวกสารคเลือบผิวกับสารทำให้ข้นแล้วก็สารช่วยอุ้มนเ  นับว่าเป็นมอยซ์เจอไรเซอร์เนื้อเข้มข้นทีเดียว  ส่วนสารแอนติออกซิแดนท์ยังหาไม่เจอนะขอรับ  เพราะว่าให้ส่วนผสมมาไม่หมด  แล้วก็ Comfrey  (Symphytum Officianle) extract มีคุณสมบัติช่วยต้านอาการระคายเคืองนะขอรับ  แต่ว่าไม่แนะนำให้ใช้ติดต่อกันนาน ๆ เพราะมีรายงานว่าสารตัวนี้เข้าไปสะสมเป็นสารพิษในร่างกายได้เหมือนกัน เรื่อง Anti-Aging นี่คงช่วยแค่ลบริ้วรอยจากความแห้งกร้านขอรับ  แล้วก็ป้องกันความเสียหายจากแสงแดด แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 51 22:41:36 แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 51 22:37:56 จากคุณ : PuPe_so_Sweet - [ 24 พ.ค. 51 21:51:32 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ใจดีจังคุณปูเป้ ขอบคุณมากๆๆๆๆๆค่ะ ที่ว่าไม่ให้ใช้ติดต่อกันนานๆนั้น หมายความว่ากี่เดือนหรือกี่วันค่ะ เพราะหนึ่งหลอดที่ซื้อมามันใหญ่ยักษ์มาก ขนาด 150ml แน่ะค่ะ ส่วนส่วนผสมที่เหลือแหะๆๆ ไม่ใช่ว่าขี้เกียจพิมพ์นะคะแต่ว่าคิดว่ามันไม่ค่อยสำคัญเท่าไหร่ เพราะมันอยู่ประมาณตัวท้ายๆ Calendula Officinalis Flower Extract, Cetyl Dimethicone, Ceteareth-20, Camellia Sinensis Leaf Extract, Prunus Amygdalus Dulcis (Sweet Almond) Oil, Simmondsia Chinensis (Jojoba) Seed oil, Aleurites Moluccana Seed Oil, Zea Mays (Corn) oil, Panthenol, Carbomer, Citric Acid, Beta-Carotene, Allantoin, Methylparaben, Propylparaben, Triethanolamine, Phenoxyethanol จากคุณ : Elysium - [ 25 พ.ค. 51 11:55:47 ]

ความคิดเห็นที่ 85 ได้ประโยชน็ค่า จากคุณ : ส้มเปรี้ยว... เกี๊ยวซ่าส์ - [ 25 พ.ค. 51 12:32:34 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ชอบตรงขอรับนี่แหละ... 55555+ ขอบคุณเจ้าของกระทู้นะขอรับ จากคุณ : Typhoon No.29 - [ 25 พ.ค. 51 21:06:46 ]

ความคิดเห็นที่ 87 คือมันมีโอกาสสะสมได้ แต่ก็นานเป็นปี ๆ อยู่เหมือนกันนะขอรับก็ไม่น่าจะมีอะไรต้องห่วง  ส่วนผสมที่เหลือก็มีแอนติออกซิแดนท์ กับน้ำมันน่ะขอรับ  ปริมาณเล็กน้อยขนาดนี้ไม่น่าจะช่วยอะไรได้มาก  มีสารต้านอาการระคายเคืองอยู่ด้วยอีกนิด  (แบบว่านิดเดียวจริง)  ที่เหลือคือสารกันเสียแล้วล่ะขอรับ ถ้าใช้แล้วไม่แพ้หรือไม่อุดตัน  ก็โอเคนะขอรับ  เพียงแต่จะคาดหวังอะไรมากกว่าการเป็นครีมกันแดดกับช่วยเคลือบเก็บความชุ่มชื้นผิวนั้น...คงจะไม่ได้นะขอรับ จากคุณ : PuPe_so_Sweet - [ 25 พ.ค. 51 21:54:18 ]

ความคิดเห็นที่ 88 เอาครีมที่แพงๆ ที่โฆษณาว่าใช้ ไข่ปลาคาเวียร์  กับทองคำมาให้ดูมั่งสิคะ เห็นมีหลายราคาตั้งแต่หลักร้อย ถึงหลักหมื่น อยากรู้เหมือนกันว่ามันต่างกันยังไง ...แก้คำผิด แก้ไขเมื่อ 25 พ.ค. 51 23:24:04 จากคุณ : ยัยใบเตย - [ 25 พ.ค. 51 23:22:11 ]

ความคิดเห็นที่ 89 ตามอ่านด้วยคน ชอบๆๆ กระทู้ดี มีสาระ แอบหวังด้วยว่า คุณปูเป้ จะเป็นคนเปิดศักราชใหม่ให้ผู้บริโภค เลิกโดนเครื่องสำอางค์หลายๆ ยี่ห้อหลอกลวงเอา แล้วหันมาใช้ของดีราคาสมเหตุสมผลแทน จากคุณ : ปฏิจจสมุปบาท (ปฏิจจสมุปบาท) - [ 26 พ.ค. 51 02:30:45 ]

ความคิดเห็นที่ 90 ขอบคุณจ้ะ จากคุณ : krisy - [ 26 พ.ค. 51 11:09:28 ]

ความคิดเห็นที่ 91 i love you ka, khun PuPe_so_Sweet จากคุณ : venom (venomenigma) - [ 26 พ.ค. 51 13:56:59 ]

ความคิดเห็นที่ 92 vote ค่ะ จากคุณ : riko (gloyriko) - [ 26 พ.ค. 51 16:36:58 ]

ความคิดเห็นที่ 93 มีคำถามค่ะ - อย่างนี้ถ้าเวลาเป็นสิวอักเสบ ก็สามารถทา Vit C ได้ซิคะ เพราะบอกว่ามันช่วยลดการอักเสบของผิวหนังได้ - ถ้าจะใช้ Vit C กับ Vit E  คู่กัน จะต้องทาตัวไหนก่อนค่ะ ประสิทธิภาพถึงจะเทพ รบกวนด้วยค่ะ จุ๊บ ๆๆ จากคุณ : Calypso Thailand - [ 26 พ.ค. 51 17:10:12 ]

ความคิดเห็นที่ 94 ส่งแรงเชียร์อีกครั้งค่ะ ปล....กระทู้ดีได้ใจ จากคุณ : พิศตะวัน - [ 26 พ.ค. 51 20:37:44 ]

ความคิดเห็นที่ 95 จริง ๆ กระผมว่าน่าจะให้สิวหายก่อนก็ดีนะขอรับ พอหายค่อยใช้วิตามิน C เพื่อช่วยเยียวยาผิว  เพราะแพทย์ผิวหนังเข่าจะแนะนำให้รักษาสิวจนหายก่อนแล้วค่อยบำรุงผิวน่ะขอรับ ปูเป้ว่าทาวิตามิน C ก่อนดีกว่าแล้วค่อยทา E นะขอรับ เพราะวิตามิน E มันช่วยเสริมประสิทธิภาพของครีมกันแดดได้ จากคุณ : PuPe_so_Sweet - [ 26 พ.ค. 51 22:32:58 ]

ความคิดเห็นที่ 96 เท่าที่จำไม่ผิด โค คิว10 จะช่วยเรื่องบำรุงหัวใจด้วยอ่ะค่ะ หนูอาจจะอายุยืนขึ้นเพราะแบบนี้รึป่าว ถ้าผิดขอขออภัยด้วยค่ะ เคยเรียนมานานแล้วค่ะ จากคุณ : PaNDoRa-ParsellE - [ 27 พ.ค. 51 03:40:34 ]

ความคิดเห็นที่ 97 ส่งโหวตเป็นกำลังใจ ขอบคุณมากๆค่ะที่ออกมานำเสนอเรื่องนี้ กระเเสวัตถุนิยมที่เกินตัวกำลังพุ่งสูงเกินไปเเล้วในสังคมไทยที่ควรจะยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง มีกำลังเท่าไหร่ก็ใช้เท่านั้นดีกว่า เห็นของสวยๆงามๆก็ดูพอให้ใจชุ่มฉ่ำ จะได้ไม่เกิดกิเลสอยากได้เหมือนคนอื่นถ้าตัวเองไม่ไหวจริงๆ ของดีราคาไม่เเพงยังมีให้เลือกใช้ตั้งมากมายก่ายกอง ^^ จากคุณ : iamjetski - [ 28 พ.ค. 51 11:47:28 ]

ความคิดเห็นที่ 98 ขอโหวตให้กับความทุ่มเทของคุณค่ะ จากคุณ : Chababerry (Chababerry) - [ 28 พ.ค. 51 15:49:54 ]

ความคิดเห็นที่ 99 เจ้าของกระทู้ ช่วยทำให้ใครหลายคนตาสว่าง แต่ละคน สภาพผิวไม่เหมือนกัน ที่สำคัญควรเลือกครีมให้เหมาะกับสภาพผิวของตัวเองด้วยค่ะ จากคุณ : โดดเดี่ยวผู้น่ารัก - [ 29 พ.ค. 51 15:50:34 ]

ความคิดเห็นที่ 100 Rep ที่ 100 อีกแล้ว โอ้เย เลขสวยขอรับ  อิอิ PS. กลับไปนอนซมเพราะไข้ต่อ จากคุณ : PuPe_so_Sweet - [ 30 พ.ค. 51 02:02:28 ]

ความคิดเห็นที่ 101 งั้นขอที่ 101 นะ พร้อมกับกดโหวต 1 ที จากคุณ : MARON CREAM - [ 30 พ.ค. 51 10:01:57 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ขอให้หายป่วยเร็ว ๆ นะค๊า... จากคุณ : Homme-Mali - [ 30 พ.ค. 51 10:56:56 ]

ความคิดเห็นที่ 103 เข้ามาขอบคุณอีกครั้ง ขอให้หายไข้ไวๆนะคะ จากคุณ : Elysium - [ 30 พ.ค. 51 14:22:14 ]

ความคิดเห็นที่ 104 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 30 พ.ค. 51 15:28:35 ]

ความคิดเห็นที่ 105 เข้ามาอ่านเอาความรู้ค่ะ จากคุณ : bombik - [ 30 พ.ค. 51 16:16:38 ]

ความคิดเห็นที่ 106 เราตามมาโหวตและอ่านเป็นประจำนะค๊า ^^ จากคุณ : ชุติกาญจน์ - [ 31 พ.ค. 51 22:53:38 ]

ความคิดเห็นที่ 107 ขอบคุณสำหรับควา่มรู้ดี ๆ แบบนี้ค่ะ ลดกิเลสได้เยอะทีเดียว จากคุณ : นางฟ้าหน้าย่น - [ 1 มิ.ย. 51 13:54:59 ]

ความคิดเห็นที่ 108 ได้ความรู้มากเลยกระทู้นี้..  Q10  ช่วยเรื่องความแข็งแรงของหัวใจ กับ ป้องกันมะเร็งอ่ะครับ  คนปกติต้องการวันละ 30-60 มิลลิกรัม  ดูดซึมเข้าเลือดแล้วกระจายไปที่อวัยวะต่างๆทั่วร่างกาย โดยจะเพิ่มปริมาณสูงสุดที่ตับซึ่งตับเป็นอวัยวะที่ทำงานหนักในการกำจัดสารพิษดังนั้นตับจึงต้องเผชิญกับสารอนุมูลอิสระมาก  คิวเทนเป็นตัวช่วยไมโตครอนเดรียในการผลิตพลังงานทั่วร่างกาย กับช่วยต้านอนุมูลอิสระในเซลล์ ส่วนปริมาณ 100-300 มิลลิกรัมขึ้นไป จะใช้ร่วมกับยาเพื่อรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจกับมะเร็งเพราะคนเหล่านี้ต้องการมากกว่าปกติ งานวิจัยของ Dr.Hoppe นักวิจัยชาวเยอรมัน ปี 2000 พบว่าช่วยลดรอยเหี่ยวย่นได้เมือ่ใช้ 0.3% คิวเทนทาภายนอก แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 51 17:38:43 แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 51 12:04:00 จากคุณ : เอกkobe - [ 2 มิ.ย. 51 11:17:50 ]

ความคิดเห็นที่ 109 เหมือนรถอ่ะครับ บางคนซื้อเบนซ์ บางคนใช้โตโยต้า บางคนขับฮุนได ทั้งๆที่มีล้อ พวงมาลัย เบรค และพาเราไปที่ต่างๆได้เหมือนกัน สิ่งที่ต่างกันคืออะไร...... สิ่งที่เราควรพิจารณาด้วยอีกเรื่องหนึ่งก็คือ ผลกระทบที่ตามมาหลังการใช้ในระยะยาว ผมว่า Lab ของเครื่องสำอางแพงๆเขาก็คงรู้แหละว่าอะไรขาวเร็วแต่มีผลเสียในระยะยาว เขาก็ไม่ใช่ไง อย่าง BHA ที่เครื่องสำอางทั่วไปที่ช่วยให้ขาว ที่รู้มาหลายยี่ห้อเขาใช้กรดแลคติกที่ได้จากนม เพราะมันถูก ใช้แรกๆก็ขาวดี เพราะ่มันกัดลึกกว่ากรดผลไม้ ่พอใช้นานเข้า ก็จะกลายเป็นฝ้าถาวร สารเคมีที่เอามาทำเครื่องสำอางก็มีหลายเกรด และการควบคุมคุณภาพก็ไม่เหมือนกัน ลองคิดง่ายๆ วิตามินซีกระป๋องเท่าขา ราคา 100 คุณกล้าซื้อกินมั้ยครับ จากคุณ : มังกรสยาม - [ 3 มิ.ย. 51 17:18:33 ]

ความคิดเห็นที่ 110 เจอแบบนี้ต้องโหวตตตต จากคุณ : Ar_Muay_Aey - [ 4 มิ.ย. 51 08:13:02 ]

ความคิดเห็นที่ 111 ดีๆๆ รู้สึกห้องนี้จะเป็นสังคมอุดมปัญญาขึ้นไปทุกที เพราะมี  discussion กันแบบนี้  เราชอบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ผู้บริโภคจะได้ "คิด" ก่อนซื้อ มากขึ้นๆๆๆ จากคุณ : tasteless water - [ 4 มิ.ย. 51 11:01:53 ]

ความคิดเห็นที่ 112 โหวตให้คุณปู้เป้แล้วน่ะค่ะ จากคุณ : china_j (china_j) - [ 6 มิ.ย. 51 14:21:22 ]