ความคิดเห็นที่ 1 สมมติ เธอชื่อ น้องดาวค่ะ    ตอนนี้เธออายุประมาณ 28  ปี จากเมื่อสองสามปีก่อน  ที่ดิฉันรู้จักเธอครั้งแรก   ในตอนนั้นเธอยังเป็นเพียงเด็กผู้หญิงหน้าตาเรียบๆ   ที่ดูน่ารักแบบเด็กสาวๆทั่วไป เธอนั่งรถเมล์มาทำงาน   เสื้อผ้าที่ใส่   ก็จะเป็นเสื้อผ้าที่ซื้อจากตลาดนัด  ราคาไม่เกิน 199 บาท จนวันนึง ที่เธอหยิบตลับแป้งขึ้นมาเติมระหว่างวัน เป็นแป้งยี่ห้อ MTI ค่ะ  ซึ่งตอนนั้น เธอบอกว่า   นี่คือเป็นแป้งตลับที่แพงที่สุดในชีวิตของเธอแล้ว เธออวดสรรพคุณให้ดิฉันฟังอย่างภาคภูมิใจว่า ''  ทาแล้วหน้าเนี๊ยน เนียน  ตลับนี้หนูกัดฟันซื้อเลยนะพี่ '' จากคุณ : สูญเสียทุกอย่าง เมื่อสร่างเมา - [ 12 มิ.ย. 51 01:48:02 ]

ความคิดเห็นที่ 2 รอฟังค่ะ จากคุณ : จักรยานสีขาว - [ 12 มิ.ย. 51 01:48:48 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ดิฉันแอบสังเกตว่า   น้องดาวจะเป็นคนที่รักสวยรักงามมาก เงินเดือน แทบจะหมดไปกับค่าเครื่องสำอาง ส่วนอาหาร  เธอแทบจะกินมาม่าทั้งสามมื้อ แต่ก็ยังนับว่าเป็นคนที่มีความกตัญญู   เพราะเธอส่งเงินไปให้พ่อแม่ที่ต่างจังหวัดทุกเดือน ซึ่งอันนี้  ดิฉันต้องขอชื่นชมเธอค่ะ จากคุณ : สูญเสียทุกอย่าง เมื่อสร่างเมา - [ 12 มิ.ย. 51 01:48:49 ]

ความคิดเห็นที่ 4 จากแป้ง MTI เธอเริ่มพัฒนาความสวย โดยการซื้อเมคอัพชนิดอื่นๆ  ของPIAS บ้าง Covermark บ้าง ซึ่งจะมีพี่ที่ทำงานคนนึง  นำเครื่องสำอางมาขายให้พนักงานแบบผ่อนชำระ และดาว   ก็เป็นหนึ่งในลูกค้า  ขาประจำ เงินที่เคยส่งให้พ่อแม่    ก็ค่อยๆลดน้อยลงทุกที จนเมื่อปีก่อน  ดาวเริ่มเล่นอินเตอร์เน็ท เวลาที่อ่านเจอว่า เครืองสำอางยี่ห้อไหนดี     เธอจะพยายามเก็บหอมรอมริบ  เพื่อที่จะได้เป็นเจ้าของความสวยนั้น แต่  เครืองสำอางบางอย่าง  มันก็เหมาะกับบางคนเท่านั้น หลายครั้ง  จึงดูเหมือนดาวกระเสือกกระสน เพื่อที่จะเป็นเจ้าของสิ่งที่ไม่ได้เหมาะกับตัวเธอเลยแม้แต่น้อย ครีมรองพื้นที่ใครว่าดีนักดีหนา  พอเธอใช้แล้ว  หน้าเป็นผื่น บรัชออน   สีที่โดนใจใครหลายๆคน   เธอปัดแล้วหน้าหมอง  ไม่สวยอย่างที่เธอหวังไว้ แป้ง  ที่ใครๆว่าดี   เธอใช้แล้ว  หน้ามันเยิ้ม  9ล9. จากคุณ : สูญเสียทุกอย่าง เมื่อสร่างเมา - [ 12 มิ.ย. 51 01:50:20 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ตัวดิฉันนั้นคิดเสมอว่า  อะไรก็ตามที่เราจำเป็นต้องจ่าย   แพงแค่ไหน เราก็ต้องยอมจ่าย แต่อะไรที่เราไม่ควรจ่าย   บาทนึง สลึงนึง ก็แพงเกินไปสำหรับดิฉันค่ะ หลายๆครั้ง  ที่ดิฉันแอบคิดว่า  เหมือนดาวเอาเงินไปโยนทิ้ง จนดิฉันเคยแอบคิดในใจ  ( เวลาที่เธอมาเล่าให้ฟัง ) '' ดาวเอาเงินไปซื้อขยะมาเพื่ออะไร '' ดิฉันไม่ได้หมายความว่าเครื่องสำอางเหล่านั้นไม่ดีนะคะ แต่อะไรก็ตามที่เราซื้อมา   แล้วต้องเอามาทิ้ง   มันก็คือขยะ ไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมเราต้องยอมเสียเงินมากมาย   เพื่อไปแลกกับขยะด้วยล่ะ จากคุณ : สูญเสียทุกอย่าง เมื่อสร่างเมา - [ 12 มิ.ย. 51 01:51:31 ]

ความคิดเห็นที่ 6 วันนึง พี่ฝ่ายการเงินบอกว่า สิ้นปี ทุกคนจะได้โบนัสคนละ สองหมื่นบาท  (จำนวนสมมตินะคะ ) ในฐานะที่ดิฉันเป็นรุ่นพี่   ดาวมาปรึกษาและขอความช่วยเหลือจากดิฉัน เธอบอกว่า เธอตั้งใจไว้ตั้งนานแล้วว่า ออยากทำจมูก  เพราะเธอคิดว่า ทุกอย่างบนใบหน้าเธอดีอยู่แล้ว มีแต่จมูกนี่แหละ ที่มันดูแย่ไปนิด เธอบอกอย่างมั่นใจว่า   ถ้าเธอมีจมูกที่โด่งสวยกว่านี้    ใบหน้าเธอจะต้องดูดี ซึ่งดิฉันก็ได้ให้คำแนะนำเธอไปว่า '' พี่ว่า  ดาวก็สวยในแบบของดาวอยู่แล้ว  อย่าทำเลย เก็บเงินเก็บทองไว้ดีกว่า '' ดิฉันพูดตามความรู้สึกในตอนนั้น '' น่าพี่  นะ นะ นะ  หนูไหว้ละพี่  หนูอยากทำจริงๆ  โบนัสออกหนูคืน ''   เธอพูดย้ำๆ  จนดิฉันใจอ่อน  ยอมให้เธอยืมเงินไปทำจมูก ปรากฏว่า เกิดความผิดพลาด    เพราะปีนั้น ดาวไม่ได้โบนัส ถึงเธอจะเป็นคนบ้าเครื่องสำอาง  บ้าความสวยความงาม แต่เธอก็เป็นเด็กที่นิสัยใจคอโดยทั่วไปถือว่าเป็นเด็กดีคนนึงค่ะ เธอขอโทษขอโพยดิฉันอย่างมาก ดิฉัน ก็ไม่ได้ตำหนิอะไรเธอหรอกนะคะ   เพราะคิดว่าเธอเองก็คงรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่แล้ว เงินเก็บก็ไม่มี  ไหนจะต้องมาแบกภาระ ค่าทำจมูก ที่ยืมดิฉันไปอีก แต่ก็ยอมรับค่ะ ว่าเพราะจมูกนั่นแหละ ที่ทำให้เธอดูสวยขึ้นมาก หน้าเธอหวาน คมขึ้น แบบชัดเจนเลยค่ะ   ถ้าจะพูดถึงประโยชน์จากเครื่องสำอางที่เธอขวนขวายมาบำรุงตัวเอง ดิฉันยอมรับค่ะ ว่าเธอดูสวยขึ้นกว่าเมื่อสองสามปีก่อนที่ดิฉันรู้จัก ผิวพรรณดูละเอียด   เรียบเนียน   เธออาจจะคิดว่ามันเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ก็ได้กระมัง เพราะแน่นอนว่า ผู้ชายชอบผู้หญิงสวย   และผู้หญิงทุกคนต้องสวย   จึงจะดึงดูดเพศตรงข้ามได้ (รึเปล่านะ) จากคุณ : สูญเสียทุกอย่าง เมื่อสร่างเมา - [ 12 มิ.ย. 51 01:54:09 ]

ความคิดเห็นที่ 7 หลังจากนั้น เธอเริ่มทำบัตรเครดิต ดิฉันยังจำได้  วันแรกที่เธอได้รับบัตรเครดิต เธอชวนดิฉันไปที่เคาน์เตอร์ Este'e  Lauder เธอซื้อทุกอย่าง ทั้งเมคอัพ  ครีมบำรุง  เต็มวงเงินในบัตรค่ะ   ใช่ค่ะพวกคุณฟังไม่ผิดค่ะ   เต็มวงเงินในบัตรที่เคาน์เตอร์ เอสเต้ เธอบอกว่า  มีความสุขทุกครั้ง ที่ได้เห็นหน้าสวยๆของตัวเองในกระจก และพอถึงเวลาที่ต้องชำระค่าบัตรเครดิต  เธอก็ใช้วิธีจ่ายขั้นต่ำ แต่พอเธอจ่ายขั้นต่ำไปสองพัน สามสี่วันต่อมา  เธอก็ไปรูดบัตรเครดิต  เพื่อซื้อเครื่องสำอางอีก จนตอนนี้  กลายเป็นปัญหาดินพอกหางหมูไปแล้ว จากคุณ : สูญเสียทุกอย่าง เมื่อสร่างเมา - [ 12 มิ.ย. 51 01:55:14 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ต่อมา เธอทำบัตรเครดิตเพิ่มอีกหนึ่งใบ และเธอก็ทำแบบเดิม  คือ ซื้อทุกอย่างที่เธออยากได้ และก็เหมือนเดิม   วงเงินในบัตรเต็ม ภายในวันเดียว และการใช้หนี้แบงค์ก็เหมือนเดิม  แบ่งชำระขั้นต่ำ จากคุณ : สูญเสียทุกอย่าง เมื่อสร่างเมา - [ 12 มิ.ย. 51 01:55:52 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ในช่วงหลัง  เธอได้คบกับผู้ชายคนนึง ซึ่งเรื่องนี้ เธอไม่ได้เล่ารายละเอียดให้ดิฉันฟังเท่าไหร่ และเรื่องส่วนตัวแบบนี้  ดิฉันจะไม่เอ่ยปากถามอยู่แล้ว   เพราะคิดว่า  ถ้าเขาอยากเล่า  เขาก็เล่าออกมาเอง แต่ถ้าเขาไม่เล่า  แปลว่า เขาไม่อยากให้เรารู้ ฉะนั้น อย่าเสือกไปถามเชียว   555 ช่วงนี้  เธอมีเงินฝากประมาณสองแสนบาท (ดิฉันไม่ทราบที่มาของเงินค่ะ) ดิฉันอยากถาม เธอนะคะ   ว่าทำไม ไม่เอาเงินจำนวนนี้ไปปิดบัตรเครดิต เพราะบวกลบคูณหาร ค่าดอกเบี้ย  เดือนๆนึง มันน่าจะหลายเงินอยู่ แต่เหมือนเธอก็จะล่วงรู้ความคิดดิฉันนะคะ เธอบอกว่า  หนูไม่เคยมีเงินเก็บ หนูอยากมีเงินเก็บในธนาคารมั่งอ่ะพี่ เอาน่า  ค่อยๆผ่อนหนี้บัตรเครดิตไปก็ได้ ไม่ซื้อของเพิ่ม เดี๋ยวก็หมดหนี้เองละเนอะ   ดิฉันแอบคิดในใจแทนเธอ จากคุณ : สูญเสียทุกอย่าง เมื่อสร่างเมา - [ 12 มิ.ย. 51 01:57:03 ]

ความคิดเห็นที่ 10 รอฟังค่ะ จากคุณ : มะฮู้ - [ 12 มิ.ย. 51 01:58:11 ]

ความคิดเห็นที่ 11 แต่ดาว ก็ยัง คงเป็นดาว ค่ะ เงินในบัญชีของเธอ ค่อยๆถูกถอนออกมาทีละนิดๆ จนตอนนี้เบ็ดเสร็จ  เธอถอนเงินในบัญชี มาเรื่อยๆ หนึ่งแสนบาทแล้วค่ะ เธอไม่ได้นำเงินไปซื้อแหวนเพชร  หรอกค่ะ ไม่ได้ซื้อ นาฬิกาโรเล็กซ์  ด้วยค่ะ   ไม่ได้ดาวน์รถยนต์  อีกนั่นแหละ  เพราะเธอยังนั่งรถเมล์มาทำงาน เงินหนึ่งแสนนั้น หายไปไหน   ???   หายไปกับบรัชออน  เฉดเดิมๆ  ที่เธอบ้าซื้อจนครบเกือบทุกยี่ห้อ หายไปกับ ครีมรองพื้น  แป้งฝุ่น อายชาวโดว์  มาสคาร่า น้ำหอม  9ล9. ทุกวันนี้ ดิฉันไม่ทราบหรอกค่ะ   ว่าเธอยังมีความสุขกับชีวิตดีไหม เธอยังมีความสุข กับใบหน้าสวยๆของเธอ  เวลาส่องกระจกอยู่อีกไหม ?? ดิฉันเข้าใจค่ะ ว่าใครๆก็อยากสวย  อยากดูดี แต่อย่าถึงกับยอมเป็นทาสความสวยแบบนี้เลยได้ไหม เพราะไม่ว่าคุณจะใช้ลิปสติคสีอะไร     หน้าจะสวยเด้งมาก ขนาดไหน   คุณก็ยังเป็นคุณคนเดิม  ที่มีคุณค่าในตัวเองเหมือนเดิม คุณค่าในตัวคุณ มันไม่ได้เปลี่ยนไป   เพราะลิปสติคเพียงแท่งเดียวหรอกค่ะ จากคุณ : สูญเสียทุกอย่าง เมื่อสร่างเมา - [ 12 มิ.ย. 51 01:59:15 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณ  คุณมะฮู้ ค่ะ แต่ที่พิมพ์ๆ มาเนี่ยะ  ดิฉันก็น้ำตาจะไหลนะคะ มันเศร้าๆ ไงไม่รู้อ่ะค่ะ จากคุณ : สูญเสียทุกอย่าง เมื่อสร่างเมา - [ 12 มิ.ย. 51 02:00:17 ]

ความคิดเห็นที่ 13 คุณจักรยานสีขาวด้วยค่ะ ขอบคุณ ที่อยู่เป็นเพื่อนค่ะ จากคุณ : สูญเสียทุกอย่าง เมื่อสร่างเมา - [ 12 มิ.ย. 51 02:01:09 ]

ความคิดเห็นที่ 14 บางท่านอาจจะคิดว่า ไม่จริ๊ง ไม่จริง  จขกท.พูดเกินไป๊ เครื่องสำอางบ้าบออะไร  จะเป็นแสน ??? ลองบวกลบคูณหารดูสิคะ   ถึงค่ะ   ดิฉันกล้ายืนยันว่าถึงแน่ๆค่ะ ถ้าซื้อแล้วทิ้ง     ทิ้งแล้วซื้อ ใหม่   ถึงแสนจริงๆค่ะ --------------------------------------- ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะคะ ดิฉันขอเข้ามาพิมพ์ข้อความเพิ่มเติมค่ะ(วันที่ 12 มิย. 51) ----------------------------------------------- เธอซื้อ ซื้อ และซื้อ  ซื้อคสอ.แบบเอาจริงเอาจังมากๆค่ะ ดูเหมือคำชมของบีเอ จะเป็นเหมือนแรงกระตุ้นเธอได้อย่างดีเลยค่ะ '' คุณคะ  ผิวคุณสวยมากๆเลยค่ะ   ลองใช้ตัวนี้เพิ่มอีกตัวสิคะ    '' '' อุ๊ย ไม่แพงหรอกค่ะคุณ  หน้าเรามีหน้าเดียวนะคะ  คนสวยไปไหนมาไหนใครๆก็อยากมองค่ะ '' เธอเคยแวะมาหาดิฉันที่ห้องพัก พอวางถุงเครื่องสำอางลงที่พื้น เธอโผเข้ากอดดิฉัน แล้วร้องไห้โฮเลยค่ะ ดิฉันถามว่า '' ดาวเป็นอะไร'' เธอบอกว่า   วันนี้ เธอหมดเงินกับเครือ่งสำอางไปเยอะอีกแล้ว เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนซื้อ  อะไรมันเข้าสิง ไม่ว่าคนขายพูดอะไร  เธอก็คล้อยตามไปหมด แต่พอเดินออกจากเคาน์เตอร์   เธอรู้สึกเสียดายเงิน คิดถึงพ่อแม่ขึ้นมาทันทีเลย   ( จะว่าไป    เพราะเธอก็มาจากครอบครัวที่ค่อนข้างลำบากนะคะ) เธอบอกว่า  ไม่รู้เหมือนกันว่า ป่านนี้ พ่อแม่จะกินอะไร เงินสามพันสี่พัน  ที่เธอเสียไปกับคสอ.นั่น พ่อแม่ซื้ออาหารได้เกือบทั้งเดือน (คุณพ่อคุณแม่ อยู่ต่างจังหวัดค่ะ) ดิฉัน จึงแนะนำไปว่า ''ซื้อแต่ของที่จำเป็นเถอะนะ   อะไรที่มี หรือไม่มีก็ได้  ก็อย่าเสียเงินไปกับมันเลย   เวลาจะซื้ออะไร ก็ให้นึกถึงมือหยาบกร้านของพ่อแม่ไว้  ดาวทำได้มั้ย'' ดูเหมอืนเธอจะเชือ่ฟัง  รับปากดิฉันอย่างดิบดี ---------------------------------------------------------------------- ขอไปทานข้าวนะคะ .... เด๊่ยวมาต่อค่ะ แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 51 12:46:24 จากคุณ : สูญเสียทุกอย่าง เมื่อสร่างเมา - [ 12 มิ.ย. 51 02:01:54 ]

ความคิดเห็นที่ 15 อ่านแล้วอึ้ง..... หันกลับไปมอง ของเต็มโต๊ะเลย.... ต้องหันมาดูตัวเองซะแล้วล่ะ...... จากคุณ : จักรยานสีขาว - [ 12 มิ.ย. 51 02:03:03 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ไม่เกินไปหรอกค่ะ ถ้าซื้อทีละหลาย ๆ พัน แป๊บเดียวก็หมื่น แป๊บเดียวก็แสนค่ะ  ไม่เชื่อลองหยิบเครื่องคิดเลขมาบวกของที่บ้านดูสิคะ นึกแล้วก็สยองนะ เสียดายเงินเหมือนกันนะ จากคุณ : จักรยานสีขาว - [ 12 มิ.ย. 51 02:04:38 ]

ความคิดเห็นที่ 17 และที่น่าเศร้าที่สุด  คือตอนนี้ ดาวแทบไม่ได้ให้เงินพ่อแม่เลยค่ะ แต่ก็ยังคงให้บ้างละค่ะ    เดือนละ ห้าร้อยบ้าง    หนึ่งพันบ้าง ดาวจ๋า  ถ้าหนูมาอ่านเจอ     พี่ขอพูดในฐานะพี่สาวคนนึง  ว่า รองพื้น  กระปุกที่ดาวเหวี่ยงลงถังขยะ   มันยังมีค่า มีราคามากกว่าค่าน้ำนม ที่แม่เลี้ยงดาวมาเลยรึจ้ะ อยากให้ดาวกลับไปเป็นดาวคนเดิม   ที่เราเคยรู้จักกันเมื่อสามปีก่อนโน้นจังเลย อย่าเป็นทาสความสวยแบบนี้เลย พี่ไม่รู้หรอกนะ ว่าดาวจะกลับไปเป็นดาวคนเดิมได้รึเปล่า แตเอาเป็นว่า พี่จะรอก็แล้วกัน อย่าไปทุ่มเทกับสิ่งปลอมๆแบบนี้เลย ชีวิตคนเรามันไม่แน่ไม่นอนหรอก เผลอแป๊บเดียว  เราอาจไม่เหลืออะไรเลยก็ได้น๊า ถ้าใช้ชีวิตแบบประมาทอ่ะ จากคุณ : สูญเสียทุกอย่าง เมื่อสร่างเมา - [ 12 มิ.ย. 51 02:04:42 ]

ความคิดเห็นที่ 18 บอกคุณดาวสิคะ ว่าอย่าทิ้งเลย เอาไปขายหรือยกให้คนที่เค้าไม่มี ยังจะดีกว่า...!!! เอ...หรือว่ามันหมดอายุ คุณดาวเลยโยนทิ้งขยะ ล้อเล่นนะคะ...ขำ ขำ แต่ก็เป็นเรื่องน่าเศร้านะคะ คสอ. บางอย่าง กระปุกนิด ๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีราคาสูงลิบซะจน........ คนบางคนรู้ราคาคงจะตกใจ แล้วตอนนี้คุณดาวเป็นไงบ้างคะ จากคุณ : จักรยานสีขาว - [ 12 มิ.ย. 51 02:09:00 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เป็นธรรมดาที่ผู้หญิงก็ต้องอยากสวยอยากงาม แต่ว่าถ้าเราทำให้พอดีกับตัวเราก็คงจะดีกว่านะคะ จากคุณ : จักรยานสีขาว - [ 12 มิ.ย. 51 02:10:26 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ตอนนี้  เงินเดือน ก็หมดไปกับการผ่อนขั้นต่ำบัตรเครดิต นั่นละค่ะ แต่ก็เหมือนเดิมแหละ พอผ่อน หกพัน ( จำนวนสมมตินะคะ) สามสี่วัน  ก็ไปซื้อของใหม่อีก จนตอนนี้ดิฉันมองว่าการซื้อ คสอ.  มันก็เหมือนการเสพติดละมังคะ ขอบคุณ คุณจักรยานฯ นะคะ (นอนดึกจังแฮะ) ดิฉันต้องขอตัวไปนอนก่อนละค่ะ ไม่ไหวแหล่วววว จากคุณ : สูญเสียทุกอย่าง เมื่อสร่างเมา - [ 12 มิ.ย. 51 02:13:25 ]

ความคิดเห็นที่ 21 อีกนิดค่ะ   สวยได้ค่ะ  แต่อย่าเป็นหนี้ค่ะ  มันไม่ดีเลยยยยยยย ฝากถึงเพื่อนๆ น้องๆบางคนน่ะค่ะ เวลาจะซื้ออะไร ที่ไม่เหมาะกับฐานะตัวเรา อยากให้นึกถึงพ่อแม่ด้วยนะค๊า   ว่าระหว่างเราสวย   กับเอาความสวยนั้น ไปแลกกับความสุขของพ่อแม่  จะดีกว่ามั้ย แฮ่ๆๆ  ไม่ได้ริอ่านจะตักเตอืนใครหรอกค่ะ คือดิฉันเป็นคนรักพ่อแม่น่ะค่ะ เห็นมาเยอะแล้วค่ะ  ที่บางคนจะคิดถึงแต่ตัวเอง ไม่คิดถึงพ่อแม่น่ะค่ะ แต่ตัวดิฉันเอง ก็เป็นนะคะ  ชอบซื้อบรัชออนสีซ้ำๆมั่ง ลิปสติคสีซ้ำๆมั่ง แต่ดิฉัน ก็อยู่บนพื้นฐานของฐานะตัวเองน่ะค่ะ ไม่มากไป  ไม่น้อยไป  กำลังดีค่ะ ( แอบเข้าข้างตัวเอง ) จากคุณ : สูญเสียทุกอย่าง เมื่อสร่างเมา - [ 12 มิ.ย. 51 02:18:49 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ปัญาคือคุณดาว ใช้เงินเกินตัว มือเติบด้วยค่ะ ถ้าเป็นทาสความสวย แต่ไม่มือเติบ ยังไงมันก็ยังไม่เป็นปัญหา เราว่าปัญหามันอยู่ที่วิธีการคิด กับวิธีการบริหารเงิน เหมือนผู้ชายบ้าแต่งรถ บัตรเครดิต2 ใบหมุนรูดไป รูดมา หนี้หัวโตก็เหมือนๆกันอ่ะค่ะ เครื่องสำอางค์ เป็นของคู่กับผู้หญิง รถก็ของผู้ชาย เห็นเจ๊งๆกันเพราะอย่างนี้หลายคนแระ หวังว่าเธอจะคิดได้ไวไวน่ะคะ สวยได้ แต่อย่าเป็นหนี้ เห็นด้วยกับ คำนี้ของ จขกท.มากๆ จากคุณ : ~ M @ Y ~ Girl In Heaven - [ 12 มิ.ย. 51 02:23:21 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เราก็พยายามที่จะไม่ซื้ออะไรเกินตัวค่ะ ของที่เค้าฮิต ๆ กันในนี้เราก็อยากได้นะ แต่พยายามซื้อเฉพาะของที่เราคิดว่าจำเป็น และได้ใช้เป็นประจำ ส่วนของที่เราคิดว่าอาจจะได้ใช้เราจะไม่ซื้อเด็ดขาด ตอนนี้เรากำลังอยู่ในสังคมทุนนิยม คนที่มีอะไรแพง ๆ มักจะถูกมองในแง่ดีเสมอ แต่เราว่าตอนนี้สังคมเรากำลังเดินผิดทางแล้วนะคะ การที่เราใช้ของแพง ๆ ไม่ได้หมายความว่าเราดีกว่าคนอื่นหรอกค่ะ แค่เรามีเงิน(หรือหนี้)เยอะกว่าเค้าก็เท่านั้น มีเท่าไหร่ก็ใช้เท่านั้นดีกว่าค่ะ การไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐแล้วค่ะ เราเป็นใคร มาจากไหน ทำอะไร เราย่อมรู้ดีแก่ใจ เราไม่ได้ดีเด่นขึ้นเพียงเพราะใช้ของแพง ๆ ที่เค้าโฆษณากันหรอกค่ะ "มันอยู่ที่ใจ" ขอบคุณจขกท.นะคะที่เอามาเล่าให้ฟัง เป็นอุทาหรณ์ให้เพื่อน ๆ ที่อาจกำลังเป็นอย่างน้องดาวก็ได้ค่ะ ปล.ไม่ได้จะว่าคนที่ใช้ของแพง ๆ นะคะ เข้าใจค่ะว่าคนมีเงินเยอะก็ย่อมใช้เงินเยอะได้เป็นธรรมดา จากคุณ : มะฮู้ - [ 12 มิ.ย. 51 02:23:24 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุณเจ้าของกระทู้มากๆ ๆ นะคะ  อ่านแล้วได้ข้อคิดมากมายคะ   เพราะว่าดิฉันเองก็ชอบซื้อเครืองสำอางค์เหมือนกัน แต่ไม่ถึงขนาดคุณดาวนะคะ   จนตอนนี้เมคอัพทั้งหลายที่ซื้อมา  ใช้ไม่ทันคะ  และก็ใช้ไม่ครบด้วย พยายามทาวันละสี  แต่ก็ชอบทาสีที่ตัวเองชอบเป็นประจำ ทำให้ลืมสีอื่นๆ  ไป  จะว่าไปก็เหมือนเราเอาเงินไปทิ้งจริง ๆ ๆคะ  เพราะว่าเครื่องสำอางค์มีวันหมดอายุได้   ถึงเวลาก็ทิ้ง   จากบทความนี้ทำให้ฉันต้องวางแผนการซื้อของใหม่แล้วคะ  จะได้มีเงินออมไว้เยอะ  ๆ  เพระวาไม่รู้ว่าวันหน้าเศรษฐกิจของเราจะเป็นยังไง   ขอบคุณด้วยความจริงใจคะ จากคุณ : panasony - [ 12 มิ.ย. 51 02:24:56 ]

ความคิดเห็นที่ 25 โซก็นานๆทีซื้อทีเลยไม่ค่อยจะได้คิด ส่วนใหญ่จะหมดกับเสื้อผ้ามากกว่า แหะๆ อ่านแล้วแอบอนาถตัวเองนิดๆ = ="" พอดีโซโชคดีได้อานิสงฆ์เครื่องสำอางค์ฟรีจากคุงป้า ไม่งั้นคงแย่กว่านี่ค่า... _ _" จริงๆโซก็อยากเตือนอ่ะ คือโซมีเพื่อนอยู๋คนนึง โซเข้าใจนะว่ารวย มีปัญญาซื้อ แต่โซเห็นแล้วก็ไม่ชอบใจอ่ะ คือเราก็ยังเป็นนักศึกษากันอยู่ เวลาโซใช้เงินโซยอมรับว่าหลายๆที่ไม่ได้คิด แต่โซถือว่ามันเป็นเงินจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเองเลยไม่ซีเรียส แต่กรณีเพื่อนโซ นักศึกษา มหาลับเอกชนที่แพงที่สุด คงรู้ใช่มั้ยคะว่าที่ไหน ใช่ค่ะ เอแบค ค่าเทอมๆนึงตั้งเท่าไหร่เข้าไปแล้ว ไหนจะค่าน้ำมันรถที่ขับไปมหาลัยอีก โซไม่พอใจเรื่องรถของเพื่อนนี่อย่างแรง เนื่องจากวันนั้นนัดกันออกไปข้างนอก เพื่อนโซเป็นคนนัดโซเอง แต่ตัวเองไม่ออกมา เหตุผลคือ "ไม่มีรถ" เพราะเอาไปซ่อมอยู่ โซปรี๊ด เลยค่ะ เนื่องจากบ้านคุณเธอน่ะมีรถสองแถวออกมาจากซอย ต่อรถแมล์ รถไฟฟ้า แป๊บเดียวก็ถึงแล้ว มันทำให้ข้ออ้างว่า "ไม่มีรถ" ช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย สุดท้าย เจ้าหล่อนไม่โผล่หน้ามาให้โซเห็น โทรไปไม่รับสาย จนตอนนี้เหือบครึ่งเดือนเข้าไปแล้ว แม้แต่คำขอโทษซักคำก็ยังไม่ได้ยิน อีกเรื่องคือ เรื่องเครื่องสำอางค์ อย่างที่บอกค่ะ รู้ ว่ามีปัญญาซื้อ แต่บางทีโซเห็นแล้วก็อดคิดไม่ได้ ว่าคุณเธอใช้เงินเป็นเบี้ยเกินไปหรือเปล่า สังเกตจากการเดินซื้อของด้วยหลายทีแล้วค่ะ เครื่องสำอางค์ต้องเป็น "แบรนด์เนม" เท่านั้น ทั้งๆที่เมื่อก่อนโซเห็นใช้มิสทีนของไทยถูกๆ แต่คุณภาพก็ถือว่าดีไม่ได้ย่ำแย่ ใช้ได้ แต่ทำไมตอนนี้ไม่ได้ล่ะ? เสื้อผ้า อยากได้ก็ซื้อ ทั้งๆที่เคยปรามๆเอาไว้ว่า "เฮ้ เสื้อผ้าที่สยามน่ะ แพงมากเลยนะ สู้เธอไปเดินแพล็ตตินั่มยังดีซะกว่า ราคา 1 ตัวที่สยาม เท่ากัย 3 ตัวที่แพล็ตตินั่มเลยนะ" แต่โซก็รู้สึกว่า คุณเธอไม่เคยฟังกันหรอกค่ะ คือถึงโซจะรู้ว่าพ่อแม่เค้ามีปัญญาหาเงินมาให้ถลุงใช้ แต่โซทำงานหาเงินมาถลุงเองแล้วไง เลยรู้ว่าไม่ใช่ง่ายๆเลยกว่าจะได้เงินค่าเครื่องสำอางค์ซักชิ้น โซเลยอยากให้เค้าคิดซะบ้าง เวลาจะซื้ออะไรทีนึง แล้วยิ่งยังเป็นแค่นักศึกษาแบบนี้ ก็เอาแค่ระดับนักศึกษาพอเถอะค่ะ อย่าถึงขนาดกระเป๋ษแยรนด์เนม 5-6 ใบเลย (คูณเข้าไปซิคะว่าเท่าไหร่เข้าไปแล้ว) เครื่องสำอางค์ชิ้นละเป็นพันหรือหลายพัน เสื้อที่ราคาส่วนต่างมากจนน่าเสียดาย เอาทั้งหมดมาบวกกัน เผื่อว่าจะคิดได้บ้าง นะคะ เห็นแล้วเสียดายแทน อีกอย่าง มันเป็นเงินของพ่อแม่อ่ะนะคะ ตัวเองยังไม่ได้ทำงานมีรายได้ขนาดนั้น ยังไงก็อยากให้คิดจริงๆค่ะว่าเงินทองน่ะมีค่า ยิ่งยุคข้าวของแพงอย่างนี้ด้วยแล้ว คิดถึงคนที่เค้าไม่มีบ้าง เอาเงินที่มาถลุงใช้ไปทำบุญซะ ยังจะดีซะกว่า อย่างน้อยก็ได้ช่วยคนที่เค้าไม่มี แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 51 02:31:41 จากคุณ : SouSo (azuma304) - [ 12 มิ.ย. 51 02:28:23 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณ  คุณ  ~ M @ Y ~ Girl In Heaven ขอบคุณ  คุณ  panasony   ที่มาอยู่เป็นเพื่อนกันนะคะ ดิฉัน  คงต้องขอตัวไปนอนแล้วละค่ะ ขอบคุณทุกๆท่านล่วงหน้าด้วยนะคะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ จากคุณ : สูญเสียทุกอย่าง เมื่อสร่างเมา - [ 12 มิ.ย. 51 02:28:32 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เหมือนกระจกเงาสะท้อนหลายๆ คนนะคะ... เราอ่านจบก็ลองหันกลับมามองดูตัวเองเหมือนกัน เทคนิคส่วนตัว..ที่ใช้เวลาไป shopping คือ พยายามจดรายการ คสอ. และข้าวของต่างๆ ที่ตั้งใจไปซื้อ ทำเป็นรายการเลยค่ะ  ถ้าอะไรที่มันมากมายเกินไปกว่าที่ตั้งใจไว้ ก็จะตัดใจไม่ซื้อกลับมาค่ะ ...เอาไว้เรียกสติตัวเองเวลาที่ไปอยู่หน้าเคาน์เตอร์ คสอ. ค่ะ จากคุณ : จอมยุทธกระบี่หัก - [ 12 มิ.ย. 51 02:34:33 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ยอมรับว่าเป็นคนที่มีเครื่องสำอางเยอะมาก เยอะมากจนใช้ไม่ทัน บรัชออนยี่ห้อเดียว มีตั้งเป็นสิบตลับ สีนั้นสีนี้ออกใหม่ก็ต้องไปซื้อ ต้องเก็บให้ครบ เพื่อนก็แซวบ่อยๆว่า จะซื้อไปทำไมหลายอัน เพราะไม่ว่าจะปัดอันไหนๆ ก็สีออกมาเหมือนกันหมด(แป่ว) แต่ก็ยังรู้จักพอค่ะ อย่างน้อยที่สุด ถึงเราจะซื้อเยอะ แต่เราก็ประมาณตัวเองได้ ว่าเราซื้อแค่นี้ถึงจะพอ ไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน หรือถึงกับต้องไปกู้หนี้ยืมสิน หรือเป็นหนี้บัตรเครดิตมากมายเพื่อใช้จ่ายกับของพวกนี้   แต่บางที เอากรุสมบัติมาเปิดดู แล้วมานั่งคิดคำนวนเป็นเงินดูก็มากมายพอสมควร บางทีก็แอบคิดว่าถ้าเราซื้อแค่พอดี ไม่เยอะเกินไปแบบนี้ก็คงมีเงินเก็บมากขึ้นอีกโข ตอนนี้ก็เลยซื้อน้อยลงเยอะแล้วค่ะ ยิ่งช่วงนี้ เศรษฐกิจไม่ดี ข้าวของแพง น้ำมันแพงขนาดนี้(ขอบ่นหน่อย ... วันนี้เติมโซฮอลล์95 เต็มถังตั้ง 2000 แน่ะ แง๊) ตอนนี้ก็เลยไม่ซื้อเพิ่ม ใช้ของเก่าให้หมดๆไป (คงจะอีกนานอ่ะ เยอะจัด) แล้วเอาเงินมาเก็บ หรือทำอย่างอื่นดีว่าเนอะ ผู้หญิงอย่าหยุดสวย แต่ก็ต้องรู้จักสวยให้พอดีนะคะ ^^ จากคุณ : :+:+: ลู ก แ ม่ บ๊ ว ย :+:+: - [ 12 มิ.ย. 51 02:51:33 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เรื่องนี้น่าจะสะกิดใจใครหลายคนได้บ้าง สำหรับเราๆจะซื้อคสอ.ที่คิดว่าใช้แล้วคุ้ม คือ คุณภาพดีใช้แล้วทำให้เราสวยขึ้นจริงๆ ก่อนซื้อเราก้อจะหาข้อมูลก่อนแล้วไปดูสีจริงๆ จะถูกจะแพงไม่ว่าขอให้คิดว่าไม่ทิ้งเปล่า แต่ก้อมีที่ไม่เหมาะกับเราหรือว่าแพ้ก้อจะเอาไปให้เพื่อนๆใช้ แบ่งๆกันไป เราจะไม่ซื้อเพราะมันเซลแล้วเอามาตุนๆไว้ หมดแล้วค่อยไปซื้อเพราะเค้าก้อจะมีโปรโมชั่นอยู่เรื่อยๆอยู่แล้ว อีกอย่างเด๋วมันก้อจะมีตัวใหม่ๆออกมาเรื่อยๆ ที่ตุนไว้ก้อกลายเปนของตกรุ่นไปทิ้งๆไว้ก้อจะหมดอายุซะเปล่า เวลาอ่านรีวิวคสอ.ที่เพื่อนๆเขียนกัน บางทีเราก้ออยากได้มากๆๆๆเลย แต่ตัวเก่าที่ใช้ยังไม่หมด ก้อต้องระงับความอยากกันหน่อย ตัวที่ใช้อยู่ก้อดีอยู่แล้ว หน้าก้อมีอยู่หน้าเดียว ซื้อมาเยอะๆจะทายังไงหมด ดดยเฉพาะน้องๆที่ยังเปนนศ.อยู่ ก่อนซื้ออะไรคิดกันก่อนนิดนึง เงินพ่อแม่เค้าตั้งใจให้เราใช้ก้อจริง เพราะเค้ารักเรา แต่เค้าก้อต้องแลกกับความลำบากนะ ไม่มีใครได้เงินมาง่ายๆสบายๆหรอกจ้ะ จากคุณ : just a little thing - [ 12 มิ.ย. 51 03:36:15 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เราเป็นโรคบ้าซื้อเสื้อผ้าเครื่องประดับค่ะ  แต่กับคสอ.เราแทบจะไม่ได้ซื้อเลย นานๆที บางครั้งเรา็ก็คิดนะว่าเราซื้อเสื้อผ้าเยอะไป  น่าจะเก็บตังค์ให้มากกว่านี้ เพราะถ้าไม่ซื้อเยอะขนาดนี้ เราก็สามารถเก็บตังค์ได้นี่นา(เเต่เราไม่มีหนี้ค่ะ มีบัตรเครดิตแต่ใช้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น มีเงินเก็บประมาณ10-20% ของเงินเดือน มาตั้งแต่สมัยเรียน ทำงาน และก็กลับมาเรียนอีก...พอปลายปีเราจะเอาเงินส่วนนึงของเงินก้อนนี้มีให้รางวัลกับตัวเองค่ะ  ชื่นใจกว่าซื้อเล็กๆน้อยๆทุกเดือนเยอะ) ความชอบคนเราไม่เหมือนกันค่ะ  จะชอบจะรักสิ่งใดก็ขออย่าให้มากกว่าชีวิตของตนเอง ถ้าคุณดาวมาอ่าน เราขอให้คุณลองจัดลำดับความสำคัญดูนะคะ  ว่าอะไรสำคัญกว่ากัน บัตรเครดิต ถ้าคุณจ่ายขั้นต่ำตลอดอย่างนี้ ต่อไปมันจะกลายเป็นดินพอกหางหมู หนี้สินจะใช้ไม่หมด  ถึงตอนนั้นคุณจะทำอย่างไรคะ  หวังน้ำบ่อหน้าไม่ดีนะ คุณก็มีบทเรียนเรื่องโบนัสมาแล้ว ลองวิธีของเราดูไหมคะ ถ้าอยากมีเงินเก็บ  ให้เก็บด้วยการฝากประจำ  เป็นการฝึกวินัยในตัว ให้ธนาคารตัดจากบัญชีเงินเดือนเข้าบัญชีฝากประจำแบบอัตโนมัติเลยนั่นแหละค่ะ จะฝากเดือนละเท่าไหร่ก็ว่าไป ส่วนเงินหนึ่งแสนที่เหลือ ก็เอาไปโปะหนี้บัตรเครดิตซะ เราเห็นมาหลายคนเเล้ว  ใช้บัตรเครดิตพอปลายเดือนไม่มีตังค์จ่ายเนี่ย  พยายามอย่าใช้เลยค่ะ ถ้าคุณรู้ว่าห้ามใจตนเองไม่ได้อ่ะนะ มันคือการหวังน้ำบ่อหน้า เช่นกัน สรุปปลายเดือนจับต้นไม่ชนปลาย มีปัญหาอีก ใช้เงินสดๆเนี่ยแหละ  เวลาคุณจ่ายไป  เห็นเงินที่เหลือในกระเป๋า ในบัญชีของคุณจะได้รู้สึกใจหายบ้าง เครื่องสำอางค์ ถ้าคุรดาวเข้าห้องนี้น่าจะทราบว่า คสอ.ดีๆที่ไม่เเพงก็มี  ใยต้องไปซื้อของเเพงด้วยล่ะคะ  ใช้ของตามอัตภาพ ถ้าอยากใช้ของแพงอยากมีเยอะๆ ก็ต้องรีบทำงานเก็บหอมรอมริบ  อนาคตคุรก็น่าจะได้ใช้  ดีกว่าสวยวันนี้ เป็นหนี้หัวบาน คิดจนหน้าเหี่ยว ผมหงอก เครียดตีนกาขึ้น เอาไหม ไม่มีเงินกินข้าว สุขภาพย่ำแย่ทั้งกายและใจ  ถึงตอนนั้นคสอ.วิเศษแค่ไหนก็เอาไม่อยู่นะคะ  ลองคิดดูนะคะ แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 51 04:01:42 แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 51 04:00:32 จากคุณ : Sorokin - [ 12 มิ.ย. 51 03:58:41 ]

ความคิดเห็นที่ 31 Totally agree ka khun สูญเสียทุกอย่าง เมื่อสร่างเมา. I have to admit that I am another one in this web board who is easily induced to buy beauty stuffs. Lately, I had a thought... looked back to my pile of skin care and cosmetics and I felt very very disappointed. Yeah... disappointed of myself. There is no way I can use up the pile I have T_T. I could have got 2 luxurious handbags if I didn't spend money on cosmetics. I started to sell and swap them. I, at least, got some money back before they expired. To be continued... แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 51 04:13:58 จากคุณ : Crotte - [ 12 มิ.ย. 51 04:10:09 ]

ความคิดเห็นที่ 32 โอ้นู๋อ่านแล้ววววววได้ข้อคิดมากกก ที่อยากได้นู้นได้นี่อยากซื้อนู้นนี่ แพงๆ อยากทาครีมแพงๆเผื่อจะดี แต่ไม่จำเป็นเลยเนอะ ของถูกดีๆมีถมไป เลือกใช้ให้เหมาะสม ล้มเลิกเลยยยยยยยย จิงๆ ของแพงๆ อะไรที่มันใช้ได้ก็ใช้ไป ให้เหมาะกับสภาพการเงิน อะไรที่มันไม่จำเป้นแต่อยากได๊อยากได้ ก็งดไปเลยย คิดแล้วววว ยังดีนะที่นู๋เป็นคนชั่งใจเหลือเกิน(งก) เลยยากที่จะซื้ออะไรแพงๆ อาจจะเพราะหาเงินได้ด้วยจังเองยังไม่มาก ก็เลยยย ไม่ค่อยใช้ จะใช้ส่วนที่เราหาได้(เพราะยังเรียนอยู่) จอบคุณเจ้าของกระทุ้นะคะ ขอไหว้งามๆจ้า เพราะตอนนี้อยากได้นู้นนี่มากมายยย แต่อ่านปุ๊บบบ เลิกเป็นทาสแฟชั่นและความงามเกินตัวเลยย จากคุณ : poowpiw - [ 12 มิ.ย. 51 04:10:57 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ขอบคุณคุณเจ้าของกระทู้ค่ะ สำหรับลิเซิ่ล  อยู่ห้องนี้มานานซะจน หายอยากแล้วค่ะ จากคุณ : ลิเซิ่ล - [ 12 มิ.ย. 51 06:11:41 ]

ความคิดเห็นที่ 34 สวยแบบพอเพียงค๊า... มีตังค์เท่าไหร่...มีกำลังเท่าไหร่....ก็ซื้อเท่าที่เราพอซื้อได้ เจ๊ของเราเคยบอกว่า "ซื้อทำไมแพงๆอ่ะแก ใช้แล้วก็ต้องล้างออก ของถูกๆดี มีถมไป" เออ...จริงของเจ๊เขาแหะ ^^" จากคุณ : historygirl_อยากสวย (HistoryGirl) - [ 12 มิ.ย. 51 06:45:18 ]

ความคิดเห็นที่ 35 โอ๊ะโอ๋....อ่านแล้วให้ข้อคิดที่ดีจริงๆค่ะ ว่าแล้วสาวๆจ๋าเรามาซื้อแต่ของใช้ที่จำเป็นจริงกัน ดีไหมคะ งี๊ดิฉันต้องแอบเข้ามาอ่านบ่อยๆเพราะเวลาไปเดินช้อป มันก็ลืมทุกทีแฮ่ บางทีไปเดิน เดินตั้งใจจะไปซื้อของอย่างนึง แต่พอกลับบ้านของที่ตั้งใจจะซื้อหน่ะไม่ได้ซื้อ แต่ดันได้อะไรมาก็ไม่รู้สีเดิมๆอีกแรย เฮ้ยยยยยยไม่เอาอีกแรยค่ะ ขอบคุณเจ้าของกะทู้มากค่ะ ที่ทำให้ได้ข้อคิดและเตือนสติมากมาย(ต่อไปนี้ดิฉันจะพยายามค่ะถึงแม้ว่าจะมีหนี้หรือไม่ก็ตาม) จากคุณ : rangsri - [ 12 มิ.ย. 51 07:14:43 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ของนก แต่ก่อนก็ซื้อเยอะเหมือนกัน แต่ตั้งแต่แพ้ จนสิวขึ้นเต็มแก้ม เคล็ด ไปเลย ใช้ทีละอย่างพอ เหอๆๆ แต่เอาเงินไปถลุงกับคอมแทน ^^ จากคุณ : akikosang - [ 12 มิ.ย. 51 07:35:41 ]

ความคิดเห็นที่ 37 อืม อ่านกระทู้นี้แล้ว ระงับใจได้เลยค่ะ จากตอนแรกโบนัสออกจะช็อปเครื่องสำอางค์ซะหน่อย แต่พออ่านแล้วกลับมามองดูตัวเอง มองโต๊ะเครื่องแป้งตัวเอง เห็นว่าไอ้ของที่มีอยู่ก็พอใช้ได้เป็นปีแล้ว ขอบคุณนะคะที่เอากระทู้นี้มาลง เตือนใจได้มากโขเลยค่ะ จริงๆแล้วเราว่า เครื่องสำอางค์ไม่ใช่สิ่งเสพติดหรอกค่ะ แต่การช็อปปิ้งต่างหากที่เป็นสิ่งเสพติด ดูอย่างเราดิ เวลาอารมณ์เสีย หงุดหงิด กังวล ขอแค่ได้ขับรถออกไปเดินห้าง ดูของ ซื้อของ เท่านั้นล่ะคะ อารมณ์ดีขึ้นมาทันที จากคุณ : แม่น้องดนย์ (fidget_n) - [ 12 มิ.ย. 51 08:15:04 ]

ความคิดเห็นที่ 38 นะ เขาเรียกว่า "เห็นช้างขี้ ขี้ตามช้าง" ไม่รู้จักประมาณตน ใช้เงินฟุ่มเฟือยเกินตัว นี่มันไม่ใช่แค่อยากสวยแล้วค่ะ มันเป็นตัณหา ความโลภ อยากได้อยากมีเหมือนคนอื่นมากกว่า ก็หวังว่าน้องเขาจะได้สติเร็ว ๆ ค่ะ จากคุณ : Galilee - [ 12 มิ.ย. 51 08:24:58 ]

ความคิดเห็นที่ 39 อยากให้คุณดาวมารีวิวมั่งจัง..อิ อิ เรียกว่าบ้าสวยไปหน่อย..เอ้ย เยอะเลย จากคุณ : จุ๊กกุ๊กจัง - [ 12 มิ.ย. 51 08:39:31 ]

ความคิดเห็นที่ 40 อ่า เข้าใจเลยค่ะว่ากิเลสเกิิดขึ้นได้ง่ายมากๆ เพราะเราก็เป็นบ้าง แต่ของบางชิ้นเค้าว่าดีจริง แต่แพงเกินมือสมัครเล่นอย่างเรา เราก็ต้องทำใจอะค่ะ ถึงอยากก็ต้องไม่อยาก เอ๊ะ งงไหม :P แล้วเรายังดีมีคนเบรคไว้ - -; เค้าบอกให้เราทำบัญชีของโบ๊ะหน้าและเสื้อผ้าที่ซื้อค่ะ ทำง่ายๆเลยใน Excel ตั้งงบประมาณไว้ว่าปีนี้จะใช้เท่าไหร่ พอซื้ออะไรก็มาใส่เพิ่ม แล้วให้ Excel มันรวมยอดให้ตั้งแต่ต้นปี แล้วจะทำให้หยุดซื้อได้โดยทันที 55 เพราะเห็นแล้วหนาว แล้วเราก็อยากเก็บโควต้าไปไว้ซื้อปลายๆปีด้วย มันจะมีลด ใช้ตอนนี้ เดี๋ยวเกินงบ :D ถ้าเราซื้ออย่างมีสติ คือถามตัวเองว่า จำเป็นไหม จำเป็นไหม ถ้าซื้อมาแล้วจะใช้อาทิตย์ละกี่วัน มีแบบนี้อยู่แล้วนะ ใช้ให้หมดก่อนแล้วค่อยลองอย่างอื่น (ดีซะด้วยที่ไม่ต้องลองของใหม่เอง ให้คนอื่นลองก่อนแล้วคอยอ่านรีวิวว่ามันดีจริงหรือเปล่า ฮ่าๆ) บอกตัวเองบ่อยๆ แล้วความอยากมันก็จะหายไปเองอะค่ะ จากคุณ : ลูกลิง กลิ้งไปกลิ้งมา - [ 12 มิ.ย. 51 08:43:21 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ซื้อเพราะ คสอ. หมด ซื้อตามความเหมาะสม ซื้อตามกำลังทรัพย์โดยไม่เดือดร้อน แบบนี้น่าจะดีต่อสุขภาพการเงินของเราในอนาคตนะคะ ขอให้สาวๆห้องแป้ง และน้องคนนั้นมีสติทุกครั้งที่ต้องจ่ายด้วยนะคะ จากคุณ : maipleanjai - [ 12 มิ.ย. 51 09:00:36 ]

ความคิดเห็นที่ 42 คุณดาวเนี่ย  เธอตั้งคิดได้ด้วยตัวเองนะคะ  อายุก็เริ่มมากขึ้น เมื่อก่อนเราก็เป็นค่ะ   แต่เดี๋ยวนี้คิดได้แล้ว แต่หันไปบ้าสกินแคร์แทน   555 ต้องยึดหลัก  ใช้อย่างพอเพียง  จะดีที่สุดนะ จากคุณ : ไม้ร่ม - [ 12 มิ.ย. 51 09:03:18 ]

ความคิดเห็นที่ 43 โชคดีที่เราใจแข็ง และอยู่อย่างพอเพียง... แต่อย่าว่าไป...แค่นี้ แฟนเราก็บ่นเราจะแย่แล้ว.. (อะไรฟระ ซื้อเครื่องสำอางเนี่ย ก็แค่ ครีมบำรุงเช้าเย็น กันแดด ลิปมัน ส่วนพวกเมคอัพก็แค่ที่จำเป็นใช้ไม่หมดก็ไม่ซื้อใหม่ รองพื้นยังไม่ซื้อใช้เลยคิดดู แค่นนี้ทำมาบ่น เดี๋ยวปั๊ด) จากคุณ : elin - [ 12 มิ.ย. 51 09:05:03 ]

ความคิดเห็นที่ 44 เราเป็นคนนึงที่เป็นทาสความสวยนะ แต่ถึงทุกวันนี้ไม่เคยมีปัญหาการเงิน ไม่ใช่เพราะเราร่ำรวย เป็นไฮโซมาจากไหน แต่เพราะการรู้จักยับยั้งชั่งใจ และรู้จักบริหารการเงินในกระเป๋าต่างหาก ถ้าคุณดาวได้อ่านจริงๆ อยากบอกว่าต่อให้ข้างนอกคุณจะถูกปรุงโฉมจนสวยซะขนาดไหน แต่ถ้าจิตใจภายในของคุณยังเหมือนเดิม มันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรอกค่ะ ยังไงเราก็คือคนเดิมวันยังค่ำ อยากแนะนำคุณดาวถ้าชอบความสวยงามมาก ลองเปลี่ยนเป็นไปเรียนเลยดีมั้ยคะ แล้วจะได้ไปประกอบอาชีพไปเลย คุณจะได้อยู่กับความสวยงามแน่ๆ ที่สำคัญคุณยังสามารถสร้างรายได้จากสิ่งที่คุณชอบได้ด้วย เพราะเราก็ทำอย่างนั้นเหมือนกัน จากคุณ : หัวใจสีชมพู - [ 12 มิ.ย. 51 09:12:19 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ขอบคุณ  ...คุณ จขกท. ที่มาเตือนสตินะคะ อ่านปุ๊บ สลดใจปั้บเลยค่ะ เราเป็นเหมือนดาวเลยค่ะ เหมือนในที่นี้คือเหมือนทุกอย่างทุกข้อความ ยกเว้น ทำจมูก ( เพราะเราอยากทำคางมากกว่า ) และทำบัตรเครดิต (เพราะ เพิ่งเปลี่ยนที่ทำงาน ) นอกนั้นเหมือนหมดเลยแอบคิดไปว่าถ้าอยู่ต่อๆ ไปจากเป้นแบบดาวไหม  เข้ามาทำงานในเมืองกรุง ส่งเงินให้พ่อแม่ที่ ตจว. มาทำงานที่นี่เพิ่งมีรุ่นพี่ที่ทำงานพาเข้าเวป ห้องแป้งนี่แหละค่ะ เริ่มอยากซื้อนั่นนี่ อยากสวยๆ งามๆ เหมือนคนอื่นๆ อยยากซื้อเสื้อผ้าเครื่องสำอาง  มา review ดูบ้างทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยคิดใช้แต่พวกที่โฆษณาตามทีวี แต่ตอนนี้เริ่มอยากใช้ของนอกหาซื้อตามแพลตตินัมบ้างล่ะ อยากไปเค้าเตอร์เครื่องสำอางบ้างแหละ ( แอบมาบอกว่าเกิดมาในชีวิตไม่เคยซื้อเครื่องสำอางที่เค้าเตอร์เลยอย่าว่าแต่ไปซื้อเลยค่ะ เดินไปเฉียดดูยังไม่กล้าเลย บ้านนอกมากๆ ) แต่ตอนนี้เริ่มใช้เกือบทุกอย่างที่ดัง ๆในห้องแป้งนี้แล้วค่ะ **ดีนะคะเนี่ยที่มาอ่านเจอกระทู้เตือนใจแบบนี้ก่อน *****ก่อนที่จะสายค่ะ ปล. ถึงจะยังไงเงินที่เคยส่งให้พ่อแม่ปัจจุบันก็ยังคงส่งเท่าเดิมอยู่ทุกเดือนค่ะ ต้องไม่ขาดตกบกพร่อง ....เอ รึเราจะเป็นน้องดาวเนี่ย แหะๆๆ อินจัด จากคุณ : ยัยตัวเล็กมุบมิบ - [ 12 มิ.ย. 51 09:12:25 ]

ความคิดเห็นที่ 46 อ่านแล้วคิดถึงเพื่อนตัวเอง เธอเพิ่งจะชวนผมไปซื้อของเป็นเพื่อน ไม่ใช่อะไรครับ เครื่องสำอาง  จริง ๆ เธอก็เป็นคนไม่ได้ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยอะไร แต่ซื้อที ก็หมดไปเยอะ ก่อนปีใหม่ไปซื้อเสื้อผ้า กับเครื่องสำอาง วันนั้นเป็นหมื่นครับ  ล่าสุด เดือนที่แล้ว  ที่ทำให้ผม บอกตัวเองว่า ถ้าเธอชวนผมไปซื้อของ ผมไม่ไปด้วยแล้ว  หมดไม่เยอะหรอกครับ  แต่ผมไม่เข้าใจว่าจะซื้อทำไมอ่ะ  ของเก่าที่มีก็ใช้ว่าจะหมด (เพราะผมเดาว่า ลิปเอ๋ย  แป้งเอ๋ย รองพื้นเอ๋ย คงไม่หมดภายใน 3-4 เดือน)เพราะเธอแต่งไม่มาก  แต่เครื่องสำอางเนี้ยเต็มไปหมด  แล้วทีสำคัญใช้ไม่หมด  เนี้ยมีสิทธิ์หมดอายุอีก ซื้อแต่ละอัน ยี่ห้อทั้งนั้น  อีกอย่างคือ ตั้งใจซื้อตัวหนึ่ง  คนขายเชียร์อีกตัวให้ก็เอา  แถมไม่ถามราคมอีกต่างหาก  ผมถามว่าไหมถามราคาก่อนซื้อหรือไง  เพื่อนบอกว่า  ก็ตัดสินใจซื้อแล้ว เลยไม่อยากถาม   พระเจ้าเชื่อแล้ว ผู้หญิงเข้าใจยาก... จากคุณ : 007 (panaratb) - [ 12 มิ.ย. 51 09:17:26 ]

ความคิดเห็นที่ 47 โห อ่านแล้วแอบสะกิตใจตัวเอง บางทีหันไปมองของใช้ที่เต็มห้องแล้วก็คิดว่า "จะใช้ทันไหมเนี่ย" แต่พอเห็นโปรโมชั่นเครื่องสำอางทีไร โอ่ว อยากได้มากมาย (ทั้งๆที่มีอยู่ก็ถมห้องได้แล้วอ่ะ) ... ว่าไปแล้ว ยังคิดจะไปสอย OP อีกเรา - -" ต้องระงับใจแล้วเพราะเดือนนี้เงินเดือนเรา เกินกว่า 50% หมดไปกับค่าเครื่องสำอางทั้งนั้นเลยอ่ะ - -" จากคุณ : แป้งหมูปิ้ง (Jackster) - [ 12 มิ.ย. 51 09:23:43 ]

ความคิดเห็นที่ 48 เข้ามาอ่านเพราะ........สะดุดชื่อล็อกอิน จขดท. มั่กๆ 555 เรื่องราวก็น่าจะสะดิดใจใครหลายๆคน หลายๆ คนที่สถิตอยู่ในห้องความงามนานๆ คงจะคุ้นกับคนจำพวกนี้บ่อยๆ ซื้อเครื่องสำอางค์ทีละกระบุง ทั้งๆ ที่เมื่อคราวก่อนพึ่งมารีวิวเอาไว้ ซักประเดี๋ยวซื้อใหม่มารีวิวอีกแล้ว... มันเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีเอาซะเลย สำหรับคนอ่านก็ควรใช้วิจารณญานในการรับข่าวสารพวกนี้บ้าง เราจึงลดการเข้ามาอัพเดทข่าวสารในนี้น้อยลง เพราะเราเจอของที่เราถูกใจแล้ว จากคุณ : AOMOA - [ 12 มิ.ย. 51 09:28:14 ]

ความคิดเห็นที่ 49 อ่านกระทู้นี้แล้วแทงใจดำนิดๆ แต่ต่างกันตรงที่ใชตังคนละเรื่อง -*- ขอบคุณที่นำมาเป็นอุทาหรณ์จ้าาาา ^^ จากคุณ : Narciso - [ 12 มิ.ย. 51 09:36:59 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ได้ข้อคิดมากๆค่ะ ขอบคุณที่เอามาเล่าให้ฟังนะค้า จากคุณ : pongampy - [ 12 มิ.ย. 51 09:40:44 ]

ความคิดเห็นที่ 51 อ่านแล้วเศร้าจังค่ะ และขอบคุณ จขกท. ที่มาเตือนสติเรา บางอย่างที่เรารู้อยู่แล้วแต่ก็ไม่ได้คิด ต้องมีคนมาเตือนบ่อยๆ แต่สำหรับเรา เราซื้อแล้วเราใช้จนหมดทุกอย่างเลย ไม่เคยทิ้งก่อนหมดเลยค่ะ แต่ จขกท. เตือนสติให้เราได้คิดว่า บางที บลัชออนที่เราซื้อมาทาลงไปที่แก้มแล้ว สีมันก็เหมือนๆกัน ผู้หญิงที่สนใจเครืองสำอางจะแยกออก แต่ผู้ชายทั่วๆไปหรือผู้หญิงที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องแบบนี้ ก็เห็นว่าแก้มเราก็สีเดียวกันทุกวัน จากคุณ : lilo&stitch - [ 12 มิ.ย. 51 09:42:23 ]

ความคิดเห็นที่ 52 แต่ก่อนหนมปังก็บ้าเครื่องสำอางค่ะ พวกเมคอัพ จะชอบซื้อมากกกก (เงินเก็บตัวเองทั้งหมดเน้อ) แต่พอซื้อไปซักระยะ มันเหมือนจะมากเกินไปค่ะ ก็เลยเลิกซื้อ ใช้ของเก่าให้หมดก่อน แบบว่า บลัช 4-5 ตลับก็มากมายแล้วอ่ะค่ะ ชาตินี้ไม่รู้จะหมดมั๊ย ถ้าถามว่ายังอยากได้อยู่มั๊ย ก็ตอบว่าอยากได้อยู่ แต่ว่าต้องรู้จักยับยั้งช่างใจนิดนึง เพราะเสียดายเงินค่ะ เศรษฐกิจไม่ดี เก็บเงินไว้ดีกว่า แถมเดี๋ยวนี้หนมปังขี้ตืดมาก เสื้อผ้าเกิน 300 นี่เริ่มแพงไปแล้วล่ะ เริ่มไม่ซื้อ แต่ก่อนซื้อห้างตลอด ตัวนึงไม่ต่ำกว่า 500 เดี๋ยวนี้เดินแพลตตินั่มแทน 55 ใส่ได้เหมือนกันค่ะ สวยได้อย่าเป็นหนี้จริงๆนะ นี่ถ้าทำงานแล้วหนมปังว่าจะไม่ทำบัตรเครดิตเด็ดขาดค่ะ ใช้เงินสดนี่แหละ จะได้ไม่ต้องเป็นหนี้ใคร มีเงินก็ซื้อ ไม่มีก็ไม่ต้องซื้อ ง่ายดีค่ะ จากคุณ : หนมปังช็อกโก้ - [ 12 มิ.ย. 51 10:03:56 ]

ความคิดเห็นที่ 53 สำหรับเราคสอ.ต่างๆที่ซื้อมาได้ใช้ และไม่เคยเสียเปล่าค่ะ บางอย่างก็คิดเหมือนกันว่าราคาค่อนข้างแพง แต่ก็คุ้มค่า และก็มีของถูกๆด้วยรวมๆกันไป ไม่ใช่ว่าใช้แต่ของแพงอย่างเดียว หรือของถูกอย่างเดียว ที่สำคัญเราควบคุมเรื่องการใช้จ่ายได้ดี คือเราทำบัญชีรายรับจ่ายเสมอน่ะค่ะ ปัญหาคุณดาว ไม่ใช่เรื่องอยากสวยหรอก มันเป็นเรื่องอยากได้ใคร่มีเหมือนคนอื่น ทั้งๆที่ตัวเองไม่สามารถทำได้ เลยกลายเป็นเดือดร้อน ต้องรู้ตัวก่อนค่ะ ถึงจะเลิกได้ อาการนี้เป็นได้กับทุกเพศทุกวัยค่ะ เพียงแต่เปลี่ยนจากคสอ. เป็น รถ / เครื่องเสียง / คอมพิวเตอร์ / มือถือ ก็จะเจออีกมากมายหลายคน หันไปมองโต๊ะเครื่องแป้งตัวเอง มูลค่าของบนนั้นคงคิดกันไม่หวาดไม่ไหว แต่ไม่มีอะไรเลยซักอันที่วางไว้เฉยๆโดยไม่ได้ใช้ เรียกว่าคุ้มค่าเงินกันทุกชิ้น หมดแล้วถึงซื้อ ไม่ชอปปิ้งเรื่อยเปื่อย ซื้อของทีต้องมีกำหนดการค่ะ มีบ้างที่พ่ายแพ้ต่อกิเลส แต่ก็ไม่บ่อยนักและรู้ตัวเสมอ ขนาดต้องกินมาม่าเพื่อซื้อเครื่องสำอางนี่ไม่เคยค่ะ ขอกินดีอยู่ดีไว้ก่อน จากคุณ : vilandra - [ 12 มิ.ย. 51 10:06:53 ]

ความคิดเห็นที่ 54 อ่านแล้วสะอึกค่ะ เพราะเคยเป็นแบบดาว แต่เราแย่ว่าดาวตรงที่ เรายังไม่มีเงินเดือน ยังเป็นนิสิตปี 1 ยังขอตังค์ที่บ้านใช้ โชคดีที่เราคิดได้  เรามองออกว่าคนบางคนถึงแม้จะใช้เครื่องสำอางค์แพง แค่ไหน  ก็ไม่ได้ทำให้สวยขึ้นเลย ผิดกับบางคน รู้จักเลือกใช้ สิ่งที่เหมาะสมกับตัวเอง ราคาไม่ต้องแพงมาก ก็สวย ก็ดูดีได้ค่ะ อีกอย่าง เราไม่นิยมเป็นทาสพ่อค้าแม่ค้าที่ชอบโก่งกำไรเกินควรหรอกค่ะ มันเสียเส้น จากคุณ : ImMuNoLoGy - [ 12 มิ.ย. 51 10:19:54 ]

ความคิดเห็นที่ 55 เเค่อ่านชื่อจขกท.ก็สะอึกเพราะเหมือนถูกสะกิดให้คิดเเล้วค่ะ ^_^ เราดีใจที่มีกระทู้เจ๋งๆอย่างนี้ค่ะ อย่างน้อยก็สะกิดใจไม่ให้คนตกเป็นทาสวัตถุนิยมมากไปกว่านี้ โดยเฉพาะคนที่มีกำลังไม่พอ เเต่อยากมี อยากได้ อยากเป็นเหมือนคนอื่นๆ เเม้จะอยู่ท่ามกลางกระเเสวัตถุนิยม เเต่ถ้ายึดหลักความพอเพียงเเละทางสายกลางได้อย่างเหนียวเเน่นก็คงมีความสุขได้ค่ะ เราเองก็บ้าคลั่งไปพักใหญ่เมื่อเข้ามาสิงสถิตย์อยู่เเถวๆโต๊ะเครื่องเเป้ง ยอมรับว่าติดงอมเเงม   เเต่พยายามกรองเอาเเต่สิ่งที่ดีมาปรับปรุงให้ตัวเองดีขึ้นค่ะ อะไรที่มันเกินความสามารถจะซื้อได้ก็ตัดใจ อย่างเเบรนด์เนมทั้งหลาย เพราะเเป๊บๆเดี๋ยวก็มีของใหม่มาล่อตาล่อใจอีก เงินทุกบากทุกเซ็นต์หามาด้วยตัวเอง (เเละยึดของสามีมา) หลังๆพอคิดได้ว่าไม่ควรเอามาบำเรอความงามของตัวเองคนเดียว ยังไงๆก็สวยได้เท่านี้เเล ขนาดไม่ได้ซื้อมากมายเเต่รวมๆเเล้วก็ปาเข้าหลักหมื่น บทเรียนน้องดาวเป็นบทเรียนที่ดีนะคะ ควรอยู่ประดับห้องเลย ^_^ จากคุณ : iamjetski - [ 12 มิ.ย. 51 10:19:57 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ขอบคุณ จขกท. มากๆ ค่ะ (*J*) จากคุณ : Untalkative - [ 12 มิ.ย. 51 10:20:47 ]

ความคิดเห็นที่ 57 เออ...การซื้อของมันเป็นความสุขจริงๆนะคะ จากคุณ : None of it - [ 12 มิ.ย. 51 10:45:35 ]

ความคิดเห็นที่ 58 โดนใจ เพราะคนใกล้ตัวเป็น หนี้บัตรเครดิตประเภทจ่ายขั้นต่ำเนี่ย เหมือนดาบสองคมจริงๆ พี่ที่ทำงานเป็นทาสความสวยเหมือนกันแล้วก็ใช้วิธีนี้เหมือนกัน ตอนนี้เป็นหนี้หลายแสนบาทค่ะ อยากจะบอกกับเพื่อนๆทุกคนในที่นี้นะคะ ว่า เข้าใจว่าผู้หญิงอยากสวยทุกคน แต่ต้องดูความสามารถของเราด้วย ดิฉันเองก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบเรื่องเครื่องสำอางมาแต่ไหนแต่ไร อยู่ห้องโภชมาก่อนเป็นห้องแป้งมานานแล้ว หลายครั้งที่ก็ตามกระแสบ้างแต่ก็ไม่ทั้งหมด ส่วนใหญ่แล้วลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง จนเจอของที่ใช่จริงๆ แต่ก็จะมองดูเงินในกระเป๋าของเราด้วยไม่งั้นก็อาจจะผันไปเป็นขยะอย่างที่ จขกท. ว่าจริงๆ เคยมีอยู่ช่วงนึงที่บ้าซื้อมาก ซื้อมันทุกคอลเลคชั่น ซื้อจนกระทั่งวันนึงเอามากอง เต็มกะละมังซักผ้าใบใหญ่ๆ คิดดูว่ามันเยอะขนาดไหน รอวันหมดอายุ ทั้งๆที่บางอันไม่ได้ใช้ด้วยซ้ำ ไม่ไหวๆ หลังจากนั้นก็เลยเปลี่ยนความคิด แจกจ่ายให้พี่น้อง เพื่อนฝูงไปบ้าง แล้วซื้อเฉพาะอันที่คิดว่าชอบ พยายามไม่ซื้อสีที่ซ้ำๆ สกินแคร์ก็เลือกแล้วเลือกอีก ใช้ให้หมดเป็นอันๆ แล้วซื้อใหม่ แต่ก่อนจะซื้อมาตุนๆไว้ พยายามเลือกเทสเตอร์มาลองก่อนว่าแพ้มั้ย ถ้าไม่แพ้ค่อยตัดสินใจ หวังว่าคงเอาไปประกอบเพื่อการตัดสินใจนะคะ จากคุณ : มนเกรซ - [ 12 มิ.ย. 51 10:50:00 ]

ความคิดเห็นที่ 59 โหวตค่ะ จากคุณ : bloodmoney - [ 12 มิ.ย. 51 11:07:38 ]

ความคิดเห็นที่ 60 โดนค่ะ....ขอโหวต..... ตัวเองก็เป็นค่ะ.... แต่ไม่ขนาดดาว.... ตอนนี้เวลามีโปรโมชั่นก็พยายามไม่เฉียดไปแถวเคาน์เตอร์เครื่องสำอางค่ะ.... จากคุณ : CuTe PaTTy - [ 12 มิ.ย. 51 11:12:37 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ก่อนอื่นต้องขอบคุณ จขกท ที่นำเรื่องของน้องดาวมาเป็นอุธาหรณ์ค่ะ เราเองก็เป็นพวกบ้าอะไรแล้วจะเทตัวเองไปทางนั้นอยู่เหมือนกัน (ช่วงก่อนบ้างานฝีมือก็นั่งเย็บมันอยู่ได้ทุกคืน ตอนนี้บ้าแต่งหน้าก็อยากได้เครื่องสำอางค์เยอะแยะ) รู้ตัวเหมือนกันว่าช่วงนี้ช็อปปิ้งเยอะ ต้องลดละเลิกบ้างแล้ว แต่เราจะกันเงินของตัวเองด้วยการโอนเงินเดือน 10 เปอร์เซนต์ เข้าบัญชีเงินฝากตั้งแต่ต้นเดือนค่ะ แล้วที่เหลือไว้ใช้จ่าย เครื่องสำอางค์เราก็ไม่ซื้อแบรนเนมแพงๆ (ยกเว้นบางชิ้นที่อยากลงทุน) แต่เลือกแบรนด์กลางๆ ที่ราคารับได้ (อย่างมากไม่เกิน 500-700 บาท) ต่างคนต่างก็มีสไตล์ต่างกัน อย่างเรา เรารู้ว่าเราเป็นคนเบื่อง่าย ชอบใช้ของหลายๆ สี หลายๆ อย่าง เพราะฉะนั้น แบรนด์เอเชียราคากลางๆ เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ขณะที่น้องอีกคนที่ออฟฟิศเขาชอบใช้ของน้อยชิ้น ใช้ให้หมดไปทีละอย่าง เขาเลยซื้อ LM หรือ Bobby Brown แล้วคุ้ม ความจริงอินเตอร์เนตหรือสังคมออนไลน์อย่างโต๊ะเครื่องแป้งก็เป็นแหล่งข้อมูลที่ดี กว่าเราจะซื้ออะไรแต่ละชิ้น เราจะหาข้อมูล ค้นริวิว จนคิดว่า ของชิ้นนั้นดีแน่ๆ น่าจะเหมาะกับเรา ราคาก็เหมาะสม เราถึงจะซื้อค่ะ จากคุณ : นะโอ - [ 12 มิ.ย. 51 11:16:21 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ตอนเข้าห้องแป้งแรกๆก็เป้นค่ะ ตัวไหนฮิตโพสกันบ่อยๆไม่ได้เป็นต้องซื้อ ตอนนี้กลับมาเชื่อตัวเองค่ะว่า... ยี่ห้อไหนที่ว่าดีแต่เราใช้แล้วไม่ดี อย่าตกหลุมพลางความคิดอีก เพราะมันไม่เหมาะกับเราเลย ผิวหน้าคนเราไม่เหมือนกัน อย่างตอนนี้ ตัว C ของ OP ก็ฮิตเหลือเกิน เราคนหนึ่งที่เป็นสมาชิกของยี่ห้อนี้มา 4 ปีใช้เกือบทุกตัวแล้ว และก็ยกให้ญาติหมดเลย เฮ้อ..... ตอนนี้ซื้อเครื่องสำอางค์แบบว่า เอามาลองชิ้นหนึ่งก่อนใช้ไม่ดี ให้ลูกพี่ลูกน้องจนนี่ก็เพิ่งโละไป1เซตพี่เค้าบอกว่า.. ทำไมแกเอาของมาให้ฉันเยอะจัง 555 T_T เฮ้อเป็นอุทาหรณ์ที่ดีนะคะ คนเราสวยได้แต่ต้องสวยอย่างมีสมองและพอเพียง จากคุณ : CerenA - [ 12 มิ.ย. 51 11:17:30 ]

ความคิดเห็นที่ 63 โหวตดัวยคนค่ะ เรา็ก็มี เครื่องสำอางค์เยอะ แต่บางทีเป็นของที่บ้านยกใ้ห้ ถ้าซื้อเอง นานๆทีจะเป็นของแพง สามสี่ร้อยบาทต่อชิ้นโดยเฉลี่ย แต่เราก็เอาของที่มีอย่างเสื้อผ้าไปขายมือสองมั่ง หนังสือ แมกาซีนมั่ง ประมาณว่า ดีกว่าทิ้งมันไปเปล่าๆ แล้วก็เอาตังค์ตรงนั้นล่ะค่ะมาซื้อของที่มันหมดแล้ว อย่างของที่ใช้แล้วถูกกับหน้า็ก็จะซื้อซ้ำๆ ของที่เรากล้าทิ้ง เปลี่ยนเรื่อยๆ มักเป็นพวกแต่งหน้าสีๆ ราคาถูกๆ ที่ขายในวัตสัน แต่กับสกินแคร์เราจะยอมซื้อของแพง เพราะมันถูกกับหน้า ไม่อยากเอาไปเสี่ยงอะค่ะ  (ในรีวิวเรา อันไหนแพง บ่นตลอด - -)  แต่เรายังไม่มีปัญหาเรื่องเงินแบบดาวนะคะ จากคุณ : YuRaGi - [ 12 มิ.ย. 51 11:34:01 ]

ความคิดเห็นที่ 64 โดนใจมากๆค่ะ จากคุณ : irin7477 - [ 12 มิ.ย. 51 11:39:08 ]

ความคิดเห็นที่ 65 กำลังเป็นอยู่เลยค่ะ อ่านแล้วสะเทือนใจมาก แต่ก็ทำให้ตาสว่างขึ้นมาบ้างแล้วค่ะ โชคยังดีที่ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน เราจะเก็บกระทู้นี้ไว้เปิดอ่านบ่อยๆ คอยเตือนใจตัวเองค่ะ ขอบคุณจขกท.มากค่ะ จากคุณ : แป้งเปียกรสแซ่บ - [ 12 มิ.ย. 51 11:41:10 ]

ความคิดเห็นที่ 66 โดนค่ะ....ขอโหวต จากคุณ : woBBow - [ 12 มิ.ย. 51 12:04:07 ]

ความคิดเห็นที่ 67 โหวตค่ะ จากคุณ : dogdogshop - [ 12 มิ.ย. 51 12:07:07 ]

ความคิดเห็นที่ 68 โดนเต็มๆ จากคุณ : ความรักจับมือเขียน - [ 12 มิ.ย. 51 12:18:33 ]

ความคิดเห็นที่ 69 เคยเป็นเหมือนกันค่ะ แต่ก็แค่ทำให้ไม่มีเงินเก็บ ไม่ถึงกับเป็นหนี้ขนาดนี้ โชคดีที่คุณพ่อบอกให้ซื้อรถเป็นของตัวเองโดยช่วยออกเงินดาวน์ให้ครึ่งนึง พอเริ่มผ่อนรถ ก็เริ่มมีภาระ ต้องคิดให้เยอะ ๆ ก่อนที่จะจับจ่ายซื้อของฟุ่มเฟือยพวกนี้ เวลาซื้อของที่เคาน์เตอร์ ก็มักจะเกินงบ เพราะหลงคารมบีเอ แต่ตอนนี้ไม่เป็นแบบนั้นแล้ว เจอของที่ถูกใจ คุณภาพคุ้มค่ากับเงินที่เสียไป ไม่ต้องมีบีเอคอยเชียร์ ซื้อเท่าที่จำเป็นต้องใช้ คิดได้แล้วว่าเราไม่น่าเป็นเหยื่อของแบรนด์ และการโฆษณาเลย นั่นแหละที่ทำให้ราคาแพงขึ้นมาก ของดีราคาถูกกว่าก็มี ใช้แล้วก็เหมือน ๆ กัน บางอย่างไม่น่าเชื่อว่าดีกว่าของแพงที่เคยใช้ด้วยซ้ำ เราจะซื้อใช้เป็นอย่าง ๆ ไป ไม่ซื้อของประเภทเดียวกันมาซ้ำ ๆ อย่างเครื่องสำอางที่มีก็มิกซ์ไปมิกซ์มาก็ได้ ไม่ต้องซื้อมากมาย จากคุณ : Amazing Love - [ 12 มิ.ย. 51 12:21:41 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ถูกใจมากค่ะ สาวๆ บางคนอาจจะเข้าข่ายนี้ แต่พยายามตั้งสตินะคะ จากคุณ : แม่หมูลูกสอง - [ 12 มิ.ย. 51 12:43:14 ]

ความคิดเห็นที่ 71 โหวตค่ะ โดนเต็มๆๆเลย เสียเงินทุกอาทิคย์เหมือนกันค่ะ เคยคิดเหมือนกันว่า ถ้าไม่รับรู้โลกภายนอกก็ดีนะ ไม่เปลืองดี^^ ขอบคุณ จขกท. มากๆนะคะ ได้แง่คิดดีๆๆกะการอ่านรีวิวของคนอื่นดีค่ะ จากคุณ : vintage - [ 12 มิ.ย. 51 12:43:52 ]

ความคิดเห็นที่ 72 อ่านแล้ว อึ้ง.....แต่ก็เป็นอุทาหรณ์ ได้ดีมาก ๆเลยคะ....อยากให้ทุกท่านที่เข้ามาในพันทิพ ได้อ่านจังเลยคะ ขอบคุณ จขกท. ที่นำเรื่อง ดี ๆแบบนี้มาให้อ่าน เพื่อเตือนใจคะ จากคุณ : สาวสวนมะนาว (สาวสวนมะนาว) - [ 12 มิ.ย. 51 12:53:31 ]

ความคิดเห็นที่ 73 เราว่าขนาดเรางกๆแล้วนะ ของไม่ลดนี่ไม่ซื้อ สกินแคร์ก็ใช้ของพื้นบ้านเอา แต่เราลองมาคิดราคา คสอ. ตั้งแต่เราเริ่มแต่งหน้ามาอ่ะ 8 เดือนเราใช้หมดไปประมาณ 6000 ก่าๆ ถึงมันไม่เยอะมากนะ แต่มันก็เสียดายนิดๆ 6000ก่าๆนี่เนดๆเลยนะ ยังไม่มีเสื้อผ้า เครื่องประดับเลยอ่ะ เราว่าเราก็จะลดๆลงแล้วแหล่ะ บางอย่างที่มันดี แต่ว่าแพงไปก็ไม่เอาอ่ะ จากคุณ : -:GhosT_Princezz:- - [ 12 มิ.ย. 51 13:03:41 ]

ความคิดเห็นที่ 74 โดนใจมากๆๆเลย โหวตค่ะ มีหลายครั้งที่เรานั่งดู preview แล้วเกิดอยากได้มาเป็นของตัวเอง หรือบางทีไปเดินห้างกะว่าจะไปเดินเล่นๆๆก็เวะไปเคาน์เตอร์ก็โดนบีเอชวนแต่งหน้าแล้วบรรยายสรรพคุณต่างๆๆ ทำให้เราเกิด อยากได้ ก็เสียตังค์อีก และเสียสติไปชั่วขณะ เราจะเป็นแบบนี้บ่อยๆๆ อ่านแล้วโดนจิงๆๆค่ะ จากคุณ : ดอกไม้กับความเหงา - [ 12 มิ.ย. 51 13:06:58 ]

ความคิดเห็นที่ 75 เคยเป็นเหมือนกันค่ะ แต่อาการไม่หนักเท่าคุณดาว ตอนนี้ก็เพลาๆ ลงไปเยอะค่ะ โดยเฉพาะ make up ใช้ไม่ทันจริงๆ ขนาดมีไม่เยอะเท่าสาวๆ ในห้องนี้นะ  (แต่แอบไปสติแตกวันชิเซโด เซลล์ นิดนึง อิอิ) ยังไงก็ลองแนะนำให้คุณดาวขาย คสอ. ชิ้นที่ไม่เหมาะกับตัวเองทางอินเตอร์เนตดูสิคะ ถึงจะขาดทุนไปบ้าง แต่ก็ยังดีกว่าสูญเงินไปเปล่าๆ ขอให้น้องดาวของ จขกท. มีสติกลับคืนมาไวๆ นะคะ จากคุณ : sneer - [ 12 มิ.ย. 51 13:21:26 ]

ความคิดเห็นที่ 76 โหวตให้เลยค่ะ สะท้อนใจจริงๆ สวยได้แต่ต้องรู้จักพอเนาะ ^^ จากคุณ : jibjib (jibziez) - [ 12 มิ.ย. 51 13:32:15 ]

ความคิดเห็นที่ 77 สังขานเป็นสิ่งไม่เที่ยง เด้อ ปลงๆๆๆ ไปบวชชีกันป่ะ แต่ไงก็ขอบคุณ จขกท ที่มาบอกเล่าเรื่องดีๆๆแบบนี้นะคะ จากคุณ : AoRaEa - [ 12 มิ.ย. 51 13:57:35 ]

ความคิดเห็นที่ 78 อยากเป็นเพื่อนคุณดาวจังเลย อ๊ะๆ ล้อเล่นค้า ตูนน์ก็เป็นคนนึงที่ซื้อเครื่องสำอางค์อย่างเมามันเหมือนกัน แต่โชคดีที่เป็นคนที่ ไม่ชอบแต่งตัว ไม่ได้อยู่ในเมือง เลยมีค่าใช้จ่ายอย่างอื่นที่ไม่สูง อยากจะแนะนำ น้องๆ เพื่อนๆ ที่กำลังตกอยู่ในวิกฤตนี้ ให้ลองแบ่งส่วนการใช้เงินดูนะคะ สมมติว่ามีเงิน 5ส่วน แต่ดันใช้ซื้อ เครื่องสำอางค์ไป(โดยไม่ได้คิด)ถึง 3 ส่วน เพราะฉะนั้น ทั้งเดือนนั้นก็ต้องใช้2ส่วนที่เหลือให้เหมาะสม ถ้าเราแบ่งระบบการใช้เงินให้ดี ถึงจะซื้อของที่เราชอบ มันก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาค่ะ ปล. สงสารคุณดาวนามสมมติ จากคุณ : tuniez83 - [ 12 มิ.ย. 51 14:11:05 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ~* จขกท. เขียนได้น่าอ่านจังเลยค่ะ      เห็นด้วยกับความเห็นของคุณทุกอย่างเลยค่ะ  ผู้หญิงอย่าหยุดสวย ก็จริง แต่ก็ต้อง "สวยอย่างมีสติ" นะคะ PS. แอบชอบชื่อ login จขกท.มั๊กๆ ค่ะ อิอิ จากคุณ : หัวเราะร่า-น้ำตาริน (Red_JazZY) - [ 12 มิ.ย. 51 14:18:52 ]

ความคิดเห็นที่ 80 เรื่องนี้มีข้อคิดดีจริงๆค่ะ ตัวเราเวลาซื้อ เราจะกำหนดวงเงินมาเลยว่าจะซื้อเท่าไหร่  และซื้ออะไรบ้าง ดังนั้นแม้ BA จะพูดโน้มน้าวเชิญชวน บวกของแถมให้มากแค่ไหน ก็เซย์โนอย่างเดียวค่ะ  เรารอใช้จนหมดแล้วค่อยซื้อเซ็ทใหม่  ไม่งั้นเงินไปจมที่ คสอ.หมด จากคุณ : ส่งเสียน้องออส - [ 12 มิ.ย. 51 14:19:10 ]

ความคิดเห็นที่ 81 สวยน่ะสวยได้แต่ต้องสวยพอเพียงและฉลาดเลือก ของดีราคาถูกก็มีคะ จากคุณ : ยัยใบเตย - [ 12 มิ.ย. 51 14:24:11 ]

ความคิดเห็นที่ 82 เหมือนลิเซิ่ล อยู่ห้องนี้มานาน จนความอยากหมดไปแล้ว ตอนนี้รอให้ตัวหนึ่งหมด ค่อยซื้ออีก ไม่รู้ซิคะ มันแบบมีเยอะมากจนมันเบื่อ คสอ. เอง ตอนนี้สนใจเรื่องอื่นมากกว่าด้วย ถ้าให้แนะนำจากประสบการณ์ ถ้าคุณดาวมาอ่าน ขอให้ลองหางานอดิเรกใหม่ที่ไม่ต้องใช้เงินค่ะ ไปเป็นอาสาสมัคร ฯลฯ ที่แบบห่างไกลเรื่องพวกนี้ค่ะ พอไม่ยุ่งกับมันนานๆ มันจะไม่มีความอยากเกิดมาง่ายๆ เองค่ะ เราเป็นแบบนี้นะ ไม่รู้ว่าคนอื่นเป็นไงเหมือนกัน จากคุณ : นู๋ ม. - [ 12 มิ.ย. 51 14:24:53 ]

ความคิดเห็นที่ 83 สวยแบบมีสตินะคะ จากคุณ : อีกหนึ่งมุมมอง - [ 12 มิ.ย. 51 14:26:38 ]

ความคิดเห็นที่ 84 สำหรับเราอ่านกระทู้ต่างๆบ่อยๆ บวกกับได้ยินคุณพ่อพูดบ่อยๆ เลยจะเป็นโรคกลัวบัตรเครดิตเอามากๆเลยค่ะ ประมาณว่าอยากตัดไฟซะแต่ต้นลม ถ้าไม่ทำบัตรเครดิตซะก็ไม่มีหนี้ เงินสดมีเท่าไหร่ก็ใช้แค่เท่านั้น แต่มันก็มีเหตุจำเป็นให้ต้องทำบัตรเครดิตจนได้ เพราะเวลาลงทะเบียนไปงานประชุมวิชาการต่างประเทศมันต้องจ่ายด้วยบัตรเครดิตทั้งนั้น ครั้นจะขอให้อาจารย์จ่ายให้ก่อนทุกครั้งก็เกรงใจ เลยมีบัตรเครดิตของตัวเองจนได้ ตอนได้บัตรมาใหม่ เก็บเงียบไม่กล้าใช้ไปเป็นเดือนๆเลยล่ะค่ะ จริงๆมันก็มีประโยชน์นะคะ วันไหนกดเงินไม่ทันก็ซื้อด้วยบัตรเครดิตไปก่อน แต่วันรุ่งขึ้นเราจะรีบไปถอนเงินสดมาจ่ายคืนที่รูดไปทันทีเลยค่ะ ไม่รอให้บิลมาเก็บเลย เหตุก็เพราะกลัวว่าถ้ารูดเอาๆ รอบิลรวมมาปลายเดือนจะลมจับเอานี่ล่ะค่ะ หลักการใช้บัตรเครดิตของเรา เราจะดูจำนวนเงินสดจริงๆที่เรามีก่อนค่ะ ประมาณว่าถ้าเดินไปกดก็มีเงินสดจ่ายส่วนนี้อยู่แล้ว แต่ถ้าไปกดตอนนี้เสียค่าธรรมเนียมซึ่งไม่จำเป็น ก็เลยจ่ายบัตรเครดิตไปก่อนแล้วค่อยเอามาคืนตามจำนวน  คือบัตรเครดิตใช้เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้นค่ะ เราไม่เคยคิดเลยว่าบัตรเครดิตทำให้เราใช้เงินมากขึ้น รูดไปเท่าไหร่ก็ต้องจ่ายคืนไปเท่าเดิมอยู่ดี สำหรับการใช้เงินเราคิดว่า แต่ละคนก็ประหยัดบางส่วนเพื่อมาทุ่มกับบางส่วนแทน อย่างเราชอบซื้อเสื้อผ้าสวยๆ เครื่องสำอาง ก็พยายามกินให้ประหยัดขึ้นแทน ซื้อมาทำกินเอง งดไปกินนอกบ้านอะไรพวกนี้ ก็ช่วยชดเชยกันได้บ้าง (แต่ยังไม่ถึงกับกินมาม่าค่ะ) อย่างกรณีคุณดาว เรามองว่าถึงเธอจะกินแต่มาม่าทุกวัน มันก็ยังปกติค่ะ เพราะตัวของเธอเองนี่คะ เธอเลือกที่จะประหยัดส่วนนี้เพื่อสิ่งที่อื่นแทนก็แล้วแต่เธอ แต่ที่ถึงขนาดว่าต้องเป็นหนี้บัตรเครดิตแถมดูท่าว่าจะใช้คืนไม่ได้นี่ มันดูจะเกินตัวไปแล้วล่ะค่ะ เพราะมันไม่ลำบากแค่ตัวเองแล้ว แต่มันลำบากถึงคนอื่นๆด้วยน่ะค่ะ แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 51 14:40:41 จากคุณ : White Amulet - [ 12 มิ.ย. 51 14:29:15 ]

ความคิดเห็นที่ 85 เมื่อเวลาผ่านไปแล้ว ก็คิดได้เอง นั่นเรียกปัญญา เรามองอีกด้านค่ะ บางคนไม่ได้เรียนสูงๆ เขียนอ่านไม่ออก ยังรู้ว่าควรจับจ่ายอะไร อะไรเหมาะไม่เหมาะ แต่บางคนเรียนมาจนจบป.ตรี อ่านออกเขียนได้ ทำงานเป็นหลักเป็นแหล่ง จนบัตรต่างๆ มันเปิดให้กู้ เพราะคิดว่า ใช้คืนได้ กลับไม่มีความคิดความอ่านยับยั้งชั่งใจตัวเอง ชื่อของฟุ่มเฟื่อย หลอกตัวเองไปวันๆ อืม.. แปลกดี คิดได้ พูดได้ อ่านได้ แต่ถ้าทำไม่ได้ มันก็เปล่าประโยชน์นะ จากคุณ : หวานใจนายโหด - [ 12 มิ.ย. 51 14:30:39 ]

ความคิดเห็นที่ 86 "อย่าเป็นทาสความสวย" เป็นคำที่กระแทกใจมากๆค่ะ โหวดค่ะ.. เพราะเคยมีช่วงเวลานึงของชีวิตที่เราต้องติดลบ เพราะความอยากได้เครื่องสำอางค์ พอได้มา กลับแพ้ ต้องไปจ่ายค่าหมอสิวอีกเป็นหมื่น.. เรียกว่า เป็นวัฎจักร ที่น่าเศร้าจริงๆ.. สวยอย่างพอเพียงและมีสติ.. เห็นด้วยหมดใจค่ะ จากคุณ : sweetstrawberryzz - [ 12 มิ.ย. 51 14:34:33 ]

ความคิดเห็นที่ 87 โดนใจอย่างแรง ดีนะที่เราเป็นคนใจแข็ง ไม่งั้นเราต้องเสียเงินมากมายเพื่อเครื่องสำอางค์อย่างแน่นอน พูดถึงเรื่องเครื่องสำอางค์ ขนาดเราแต่งหน้าบ่อยมาก แป่งบางตลับเรายังใช้ตั้งสี่เดือน เพราะฉะนั้นหมดแล้วค่อยซื้อเนอะ จากคุณ : น้องเต้าหู้กับปาท่องโก๋ - [ 12 มิ.ย. 51 14:36:35 ]

ความคิดเห็นที่ 88 โหวตค่ะ บางชิ้นเห็นๆมารีวิวกัน สวยมากกก แต่พอเราไปดูราคากับของจริง คิดแล้วคิดอีก โอยๆแพงเนอะ ปกติเราเองก็ใช้เงินเปลืองอยู่แล้ว ทั้งกิน เที่ยว แล้วถ้าเจอ make upไปอีกคงเยอะ ตอนนี้มีแค่ อายพาเลทเดียว บลัชออนสีเดียวใช้มาเกือบหมดอายุ มันยังไม่หมดเลย กับลิป2สี มาสคาร่า อายไลเนอร์ ส่วนมากพวกสกินแครจะเยอะกว่า แต่ก็พยายามใช้ให้หมด โลชั่นทาตัว ครีมทาหน้า โฟมล้างหน้า คลีนเซอร์นี่ 2 ยี่ห้อ ++ อีกตั้งหาก จนเพื่อนมันถามว่า มีหน้าเดียวใช้เยอะจังวะ ก็เลยไม่ค่อยซื้อเพิ่มพยายามใช้จนหมดๆ แล้วก็ถ้าอันไหนไม่ดีก็ยกให้แฟนให้เพื่อนไปซะมากกว่า บางทีเห็นนุ้นนี่ก็อยากซื้อ แต่มานึกถึงสถานะตัวเอง ยังขอเงินพ่อแม่อยู่เลยมาเปลืองกับไร้สาระทำไม บางทีเห็นขอทานหรือเด็กพิการก็จะมานึกถึงตรงนี้ ว่าเงินไม่กี่บาทของเราเป็นเงินมากมายของเค้า ก็ทำให้คิดว่า เอามาบริจาคดีกว่า เราเองก้ไม่ได้ไปงาน ขายความสวยงามเท่าไหร่แต่พอไปวัดไปวา ก็พอแล้ว แต่ก็คิดไว้ว่าถ้าอนาคตหาเงินเองได้ก็คงซื้อบ้างเป็นรางวัลชีวิต ความสุขเล็กๆน้อยๆ ก็คนมันชอบเนอะ แต่คงไม่ให้ลำบากตัวเองแน่นอน จากคุณ : blooperz - [ 12 มิ.ย. 51 14:43:24 ]

ความคิดเห็นที่ 89 โด๊นนนนน...!!! 1 vOte ค่ะ จากคุณ : mOnapOrn - [ 12 มิ.ย. 51 14:50:39 ]

ความคิดเห็นที่ 90 กลับมาอีกทีค่ะ ต้องขอบอกตามตรงค่ะ ว่าที่มาโพสต์ ดิฉันไม่ได้มีเจตนาที่จะบอกเพื่อนๆว่า อย่าซื้อของแพง  หรืออย่าซื้อเครื่องสำอางนะคะ เพราะเจตนาที่แท้จริง คือ อยากเล่าเรื่องของคนใกล้ตัวให้ฟังเท่านั้นค่ะ เพราะตัวดิฉันเอง  ดิฉันก็เป็นคนชอบความสวย ความงามค่ะ บางทีเวลาทำงานหนักๆ  หรือเครียด   ก็ชอบแวะเคาน์เตอร์เครือ่งสำอางเหมือนผู้หญิงทั่วๆไปค่ะ แล้วบอกตัวเอง  (หรือหลอกตัวเองก็ไม่รู้) ว่าเป็นรางวัลให้ตัวเองที่ทำงานหนัก   เป็นความสุขของชีวิต  ประมาณนั้น แต่พอหลังจากที่ได้อ่านหนังสือเล่มนึง เขาบอกว่า คนที่คิดแบบนี้ คือคนที่จริงๆแล้วๆไม่มีความสุขในชีวิตค่ะ เพราะคนที่มีความสุขที่แท้จริงแล้ว เขาจะไม่ขวนขวาย ไม่โหยหา สิ่งนอกกายเหล่านี้หรอกค่ะ ดิฉันก็พยายาม  ระงับสติอารมณ์ ระงับกิเลสตัณหา ก็ทำได้พอสมควรเลยค่ะ ก็ขอเล่าอีกนิดค่ะ  ... .. น้องดาว   เธอก็เคยคุยกับดิฉันเรื่องการใช้จ่าย     '' พี่คนโน้นนนน ...  ก็ซื้อเครือ่งสำอางทีละเป็นพัน บางครั้งก็ป็นหมื่นเหมือนกันนะพี่  '' ดิฉันก็ต้องอธิบายให้เธอฟังค่ะ   ว่าหลายพันของคนๆนั้น  กับหลายพันของดาวต่างกันค่ะ   เพราะพี่คนนั้นเค้ามีรายได้สูง   จะเอามาเทียบกันไม่ได้   หมื่นนึงของพี่คนนั้น อาจจะแค่10% ของรายรับเขา   แต่หมื่นนึงของดาว   อาจจะเท่ากับ 90% ของเงินเดือน   ดาวต้องคิดแบบนี้  จะทำตามคนอื่นหมดได้ไง '' จากคุณ : สูญเสียทุกอย่าง เมื่อสร่างเมา - [ 12 มิ.ย. 51 15:03:55 ]

ความคิดเห็นที่ 91 โหวตค่ะ คนเราบางคน ชอบเอาอย่างคนมีตังค์ค่ะ เค้าเรียก "รายได้ต่ำ รสนิยมสูง" คิดว่าเครื่องสำอางค์แพงๆพวกนั้นช่วยให้สวยขึ้นมาได้ โดยไม่ได้ดูฐานะตัวเอง  เราเองก็เคยมีเพื่อนแบบนี้ค่ะ แถมไม่ได้ทำงานด้วยนะคะ ใช้เงินสามี อยู่ๆมาวันนึงบอกจะมายืมตังเรา บอกว่าเป็นหนี้บัตรเดรดิต 2 ใบ และหนี้นอกระบบอีก รวมๆแล้ว 2 แสนบาท โดยสามียังไม่รู้เรื่อง และเพื่อนเราคนนี้ก็เป็นคนนึงที่ชอบซื้อเครื่องสำอางค์แบรนด์เนม มาใช้ แล้วชอบเอามาอวด มือถือก็ต้องยี่ห้อดีๆ ค่ะ เสื้อผ้าก็ต้องแบรนด์นะคะ แต่สามีขับรถตู้ค่ะ  _ _"  หลังจากเราไม่ให้ยืม อีกไม่นานหลังจากนั้นเธอต้องเลิกกับสามีค่ะ เพราะเค้ารู้ความจริงเค้ารับไม่ได้เรื่องหนี้สิน หวังว่าน้องดาว ที่ จขกท เล่าเรื่องราวให้ฟัง หวังนะคะว่า เธอคงไม่ใช้ทางออกด้วยวิธีที่ใช้ ความสวย ของเธอ หาเงินมาใช้หนี้นะคะ จากคุณ : ข้าวยำหมูตุ๋น - [ 12 มิ.ย. 51 15:11:50 ]

ความคิดเห็นที่ 92 คาดว่ากระทู้นี้คงโดนใจสาวๆ หลายคนแน่ๆ สำหรับมิถุนา ซื้ออะไร ใช้จ่ายอะไร ต้องรู้จักประมาณตนเองค่ะ ว่าตัวเองมีเงินพอจับจ่ายเท่าไหร่ อย่าใช้เงินเกินตัว และควรจะมีเงินออมด้วย เท่านี้ก็ดีแล้วค่ะ อย่างคุณดาว เป็นโรคเสพติดการชอปปิง (เครื่องสำอาง) หรือเปล่าคะ น่าจะลองปรึกษาจิตแพทย์ดูอ่ะค่ะ เผื่อจะช่วยอะไรได้ แต่ที่แน่ๆ ถ้าจะให้ดี หวังว่าเธอจะมีสติยั้งคิดยั้งทำไวๆ ค่ะ ขอบคุณจขกท.สำหรับกระทู้นี้ค่ะ จากคุณ : มิถุนายน - [ 12 มิ.ย. 51 15:27:07 ]

ความคิดเห็นที่ 93 ขอบคุณค่ะที่มาเล่าให้ฟัง หนูก็ยังเป็นนักศึกษาอยู่ ก็พยายามใช้เ่่่ท่าที่จำเป็น สงสารแม่อะค่ะ เวลาใช้เงินก็จะนึกถึงตอนที่แม่เหนื่อย แล้วมันก็จะไม่ลง อิอิ จากคุณ : คุณหนูจ๋า - [ 12 มิ.ย. 51 15:34:24 ]

ความคิดเห็นที่ 94 เราก็เป็นคนนึงที่ยอมเป็นทาสความสวยค่ะ หมดไปกับเครื่องสำอางค์ และการรักษาสิวไปไม่รู้เท่าไหร่ เจ็บตัวเท่าไหร่ก็ยอม  เพราะคิดว่าทุกสิ่งต้องแลกไม่มีอะไรได้มาฟรี ๆ กะว่าสวยเมื่อไหร่ จะเลิกเป็นทาส และเป็นไทแก่ตัวเองค่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า จากคุณ : เจ้าหญิงอารมณ์ร้าย - [ 12 มิ.ย. 51 15:59:37 ]

ความคิดเห็นที่ 95 เราก็เป็นคนที่ไม่ซื้ออะไรเกินตัวค่ะ ตอนนี้อยากเปลี่ยนครีมใหม่ อ่านในห้องนี้ว่าอะไรดี เห็นบางคนแนะว่าพวก dior clarin อะไรงี้ดีมากๆใช้ได้ผล แต่สำหรับเรา ได้ผลยังไงก็ขอบายอะ ซื้อไม่ไหวจริงๆอะ เก็บเงินไว้ไปทำอย่างอื่นดีกว่า  ดั้งก็ไม่มี แต่เราคิดว่าเราก็สามารถดูดีได้ด้วยการไม่มีดั้ง(มั้ง) แล้วเราก็ไม่ชอบแต่งหน้าด้วยค่ะ ชอบโชว์หน้าเพียวๆนี่แหละ จะได้เห็นกันจะจะว่าหนังหน้าจริงๆเป็นยังไง จากคุณ : อะจึ๋ยเคี้ยก - [ 12 มิ.ย. 51 16:11:58 ]

ความคิดเห็นที่ 96 อ่านแล้วทนไม่ได้ ต้องล็อกอินเข้ามาโพสต์ค่ะ เราว่าผู้หญิงทุกคนก็รักสวยรักงามนะคะ แต่แสดงออกมากน้อยแค่ไหน ก็ขึ้นกับปัจจัยหลายๆ อย่าง ทั้งโอกาส,ฐานะ สารพัด แต่ต้องรู้  "ความเหมาะสม"ค่ะ เราเองทำงานเงินเดือนมากพอควรนะคะ  เงินที่ให้พ่อแม่ต่อเดือน....มากโขเลยล่ะค่ะ แต่เราไม่ได้เสียดายเลย สักนิดเดียว จริงๆ เราให้ด้วยความเต็มใจ ถือเป็นรายจ่ายแรกของเราก่อนเงินเก็บด้วยซ้ำ     ทั้งๆ ที่ครอบครัวเราไม่ได้ลำบาก พ่อแม่ไม่ได้อยากได้เงินเราด้วยซ้ำ แต่เราเต็มใจให้ บอกพ่อแม่ว่ารับไปเถอะ เราไม่ได้ลำบาก (ถึงลำบากเราก็ให้ค่ะ แต่คงให้ในสัดส่วนที่น้อยกว่านี้) เราปันสัดส่วนเงินเดือนอยู่แล้ว ว่าให้พ่อแม่ ใช้ เก็บ ไม่ปะปนกัน  เราอยากให้พ่อแม่เราชื่นใจ ที่ลูกกตัญญูรู้คุณ ดูแลพ่อแม่ไม่ทอดทิ้ง บุญคุณพ่อแม่ท่วมหัวค่ะ  ไม่เคยลืมสักขณะจิตที่ต้องทดแทน อ่านว่าให้เงินพ่อแม่เดือนละห้าร้อย เดือนละพัน แต่ซื้อของเคาน์เตอร์มาทิ้ง ๆ ขว้างๆ แล้วจี๊ด  จริงเลยนะคะ ว่าเงินสามสี่พันน่ะ  ตจว.เค้ากินได้เป็นเดือนจริงๆ วันละร้อยนี่กินได้สามมื้อนะคะ ได้หมู ได้ไก่ด้วยซ้ำ เพราะผักก็ข้างรั้ว ไม่ก็กำละห้าบาท ไข่มีไก่ที่เลี้ยงเองอยู่แล้ว ปลาจับเอา ข้าวก็ปลูกเอง แล้วตอนทิ้งรองพื้นสองพันลงถังเนี่ย เป็นค่าอาหารพ่อแม่ครึ่งเดือน ..... ทำได้ยังไง (กรณีนี้เห็นจขกท.ยกว่าคุณดาวเค้ามาจากครอบครัวที่ค่อนข้างลำบากที่ตจว.ด้วย) เราเองเข้าห้องนี้ใหม่ๆ ก็มีเป๋บ้าง เพราะเป็นช่วงเริ่มทำงานพอดี ก็ต้องซื้อคสอ.ใหม่เกือบหมด เพราะตอนเรียนทาแต่แป้งเด็กกับลิปกลอส  ก็เป็นโอกาสที่จะได้ซื้อ ก็ซื้อๆๆ จนสี่ห้าเดือนผ่านไป มีของที่ต้องการครบแล้ว ก็เลิกซื้อมาก ตอนนี้เหลือแค่เดือนละ 1-2 ชิ้น(เคาน์เตอร์) แต่ไม่ได้ซื้อมาสามสี่เดือนแล้วค่ะ ไม่ได้ซื้อเลยด้วย เพราะ....เวลาเราใช้เงินเกิน( ไม่ใช่คสอ.นะ แต่เพราะซื้ออุปกรณ์ทำงาน)  ใช้วิธีเป็นหนี้ตัวเองค่ะ  ไม่ยอมเสียดอกบัตรเครดิต ก็ยืมเงินตัวเองมาก่อน มาปิดบัตร แล้วเอาเงินส่วนที่ปันไว้ช้อปเดือนถัดมา ค่อยๆ ผ่อนตัวเองไป อีกสองเดือนก็หมด ค่อยเริ่มใช้เงินซื้อของอะไรๆ ตามปกติ แค่ไม่ช้อปของแพง ไม่เห็นยากเลยค่ะ เดินเล่นตลาดนัด ยังซื้อของจุ๊กจิ๊กเล็กน้อยได้อยู่ ไม่เกินร้อยสองร้อยต่อหน คสอ.มีพอใช้อยู่แล้ว ถ้าอยากได้เพิ่ม ก็รอตอนผ่อนตัวเองหมด ก็ค่อยไปซื้อ เพราะไม่ว่าต้องการใช้เงินเอกซตร้ายังไง เงินเก็บเราจะไม่เอามาใช้ และไม่ยอมเลิกเก็บ เก็บเข้าเป้าเท่าเดิม ให้พ่อแม่เท่าเดิม เพราะสำคัญสุด ส่วนเงินที่ใช้ ในเมื่อใช้เพิ่ม ก็ใช้วิธีเป็นหนี้ตัวเองเอา  เราทำแบบนี้ล่ะค่ะ ส่วนเรื่องเคาน์เตอร์ ไม่เดินเฉียดเลยค่ะ เข้าแล้วใจอ่อน เกรงใจบีเอ ถ้าไม่ซื้อ ก็ใช้วิธีเดินๆ ดูในวัตสัน ในboot ที่เค้ามีเป็นเคาน์เตอร์เปิดให้ลอง เท่าที่เราเจอเค้าไม่ค่อยมายุ่งกะเรา ปล่อยให้จับ ๆ พลิกๆ ลองเทสเตอร์ตามสบาย ตามใดที่ไม่ได้ทำของเค้าเสียหาย แล้วก็ไม่เซ้าซี้ด้วย ก็ไปเดินดูสีสันใหม่ๆ ของใหม่ๆ ลองนิดๆ หน่อยๆ พอใจดีแล้วก็ไปดูหนัง กินข้าวตามปกติ สบายใจดีตามประสาผู้หญิง แต่ตังค์อยู่ครบค่ะ ขอให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ให้ผู้หญิงทุกคนนะคะ (รวมทั้งตัวเราเองด้วย) ไม่ว่ายังไง  บุญคุณพ่อแม่ล้นเหลือ หนึ่งหยดน้ำนม ที่ทำให้เราโตมาจนวันนี้ คงไม่เคยมีใครดีเลิศชนิดไม่เถียง ไม่ดื้อ ไม่เคยทะเลาะกะแม่เลยตั้งแต่เกิด มันก็มีบ้าง ตามวัย แต่โตมาขนาดทำงานแล้ว เป้าหมายของเรา คือทำให้พ่อแม่ชื่นใจ ภูมิใจกับเรามากที่สุดค่ะ ขออนุญาตแนะนำคุณดาว (ถ้าบังเอิญอ่านเจอ) หรือคนที่สถานการณ์คล้ายๆ คุณดาวนะคะ 1. รีบปิดบัตรด้วยเงินในแบงค์ที่มีค่ะ ทุกบาททุกสตางค์ เราจะมีเงินฝากแต่เป็นหนี้บัตรเครดิตเนี่ยนะคะ มันหลอกตัวเองมากๆ เลยค่ะ  ไม่มีดอกอะไรงอกงามเท่าดอกเบี้ยเงินฝากค่ะ 2.ทำบัญชีรับจ่าย ด่วนค่ะ  จะตาสว่างขึ้นมาก 3.เงินเดือนออกปุ๊บ กดเข้าบัญชีบัตรเครดิต กับโอนให้พ่อแม่เลย ....นี่เป็นรายจ่ายจำเป็นของชีวิตค่ะ ไม่มีผัดผ่อน ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ทำ ตราบใดที่เรายังรักพ่อแม่เราอยู่......เหลือไว้เฉพาะค่าใช้จ่ายจำเป็น  ค่ากิน-ค่ารถเมล์-ค่าน้ำไฟ-ค่าเช่าห้อง เผื่อไว้อีกสักพัน เผื่อขาดเหลือ เหลือเป๊ะเท่านี้ในบัญชีเลยค่ะ 4.หารเป็นสี่ส่วน กดเอทีเอ็มทุกวันจันทร์ ใช้ให้พอเจ็ดวัน 5.เอาบัตรเครดิต ใส่เก๊ะ ล็อกกุญแจ แล้วเอากุญแจไปโยนทิ้งน้ำ(พูดเล่นค่ะ) หรือเอาไปฝากคนที่คุณไว้ใจ (คุณจขกท.ก็ได้ค่ะ) 6.เลิกเข้าเคาน์เตอร์เด็ดขาดค่ะ เราเคยอยู่ได้โดยไม่มีมัน เราจะอยู่ต่อไปโดยไม่มีมัน ทำไมจะไม่ได้คะ  เวลาไปเดินห้าง ท่องไว้ๆ เดินดูอย่างเดียว เรายังมีหนี้ ถ้าอยากช็อปจัด ซื้อกิ๊ปสวยๆ สักตัว ยี่สิบสามสิบ หรือตุ้มหูสวยๆ สักคู่ ไม่เกินร้อย ก็พอแล้วค่ะ พอให้ชื่นใจ 7.หาการหย่อนใจที่ไม่เปลืองเงิน ไม่รบกวนใคร(ไม่ใช่ไปกินข้าวกับเพื่อนแต่เนียนไม่จ่าย อะไรยังงี้ไม่เอานะคะ) เช่น เช่านิยายอ่าน(5-10 บาทต่อวัน) เช่าหนังแผ่นมาดู (20-30 บาทต่อวัน) พยายามติดละครทีวีเอาไว้ จะได้สองทุ่มครึ่งอยู่หน้าจอ ไม่ไปไหน  โทรศัพท์คุยกับพ่อแม่บ่อยๆ (ใช้โปรโมชั่น) ท่านจะได้ชื่นใจ ไม่เปลืองเงินช้อปปิ้งด้วย หรือเป็นอาสาสมัครต่างๆ ยามเย็น อ่านหนังสือให้เด็กตาบอด ช่วยเลี้ยงเด็กกำพร้า หรือจะยิ่งเจ๋ง ถ้าทำงานอีกจ็อบตอนเย้น อะไรก็ได้ ไม่มากมายก็ได้ แต่อย่างน้อยทำให้ไม่ว่างไปใช้เงิน 7. ทำซ้ำ 1-6 ไปเรื่อยๆ ค่ะ จนหนี้หมด เอาใจช่วยนะคะ จากคุณ : PDF - [ 12 มิ.ย. 51 16:18:41 ]

ความคิดเห็นที่ 97 แม่เราเคยสอนมา เงินค่าความสวยงาม แบ่งไว้ 10% ของเงินเดือน อยากได้มากกว่านี้ก็รอซื้อเดือนหน้า จบค่ะ เงินเดือนหมื่นนึง สวยพันนึง เงินเดือน 5 หมื่น สวย 5พัน ไม่พอเหรอ รอเดือนหน้าสิ (แต่เราก็ไม่ค่อยเชื่อแม่หรอกนะ ><) ครีม เคริมอะไร ค่อยๆถอยมาทีละชิ้นก็ได้นี่ เดี๋ยวมันก็ครบเซตเอง ไม่ต้องเสี่ยงด้วย ได้ลองก่อนด้วย เสียเป็นหมื่นถอยมาครบเซตแล้วพอใช้จริงๆดันแพ้ เศร้ากว่า เอ้อ..เครื่องสำอางน้องดาว ทำไมเธอโยนทิ้งเฉยๆเลยอะคะ จริงๆเอามาขายต่อเพื่อนๆกันก็น่าจะได้นะ ขายถูกๆแบบบอกไปเลยว่า ซื้อมาลองแล้วไม่ดี ใช้ไปนิดเดียว อย่างน้อยน่าจะได้เงินคืนบ้างนะ เรื่องนี้ จขกท. เขียนดีมากเลยค่ะ ขอบคุณค่ะ จะโหวตละนะ ^^ จากคุณ : godspuppy - [ 12 มิ.ย. 51 16:27:53 ]

ความคิดเห็นที่ 98 โหวตให้อีก 1 จ้า จากคุณ : kelojung - [ 12 มิ.ย. 51 16:28:45 ]

ความคิดเห็นที่ 99 1 โหวตให้กับคำว่า "ทาสความสวย" ค่ะ จากคุณ : ปลากัดสีทอง - [ 12 มิ.ย. 51 16:46:47 ]

ความคิดเห็นที่ 100 อ่านแล้วเศร้าอ่ะ เรื่องนี้ต้องโหวตเลยค่ะ เห็นที่ office หลายคนก็เป็น ดีนะที่เราไม่ได้เป็นคนชอบแต่งหน้า มีอะไรก็ใช้อันนั้นแหละ อันไหนใช้แล้วเราว่าโอ ก็ซื้อมันอยู่นั่นแหละ(บางทีก็จิ๊กเค้ามา อิอิ) แต่ถ้าพวกครีมบำรุงอะ ก็เอาเหมือนกัน หุหุ ชอบลอง แต่ไอ้ที่จะหมดจริงๆ ก็เรื่องน้ำหอมนี่แหละค่ะ พอดมแล้วก็ชอบไปหมด งิงิ ยิ่งขวดสวยๆ ยิ่งนี๊ดดดดด   โรคจิตมากๆ จริตไปว่า เวลาตัวหอมแล้วมีความสุข หุหุ ต่อไปต้องเบรคๆ มั่งแล้วอ่ะ ยุให้พี่ซื้อแทน 5 5 5 5+ จากคุณ : mApLe:online: - [ 12 มิ.ย. 51 16:48:59 ]

ความคิดเห็นที่ 101 โหวต............ด้วยคนค่ะ จากคุณ : แคลินน์ - [ 12 มิ.ย. 51 16:49:45 ]

ความคิดเห็นที่ 102 โหวตด้วยคนค่ะ นอกจากจะเห็นด้วยว่า"อย่าเป็นทาสความสวย"แล้ว ต้องขอเพิ่มอีกอย่างนึงว่า "อย่าเป็นทาสบัตรเครดิต" บอกตามตรง เรามีคนรู้จักหลายคนที่ก่อหนี้บัตรเครดิตเอาไว้เพราะคิดว่า เดี๋ยวมีค่อยมาจ่าย ...แล้วก็มีบางคนที่คำว่า "เดี๋ยว" ยังมาไม่ถึงซะที เลยต้องเป็นหนี้ดินพอกหางหมูอย่างที่น้องดาวเป็น สำหรับใครที่อยากทำบัตรเครดิตนะ ... อย่างนึงที่เราอยากให้ประเมินตัวเองก่อนทำบัตร คือ ต้องดูว่าเราบริหารเงินเป็นหรือเปล่า ถ้าบริหารเงินไม่เป็น เก็บเงินไม่ได้ อย่าไปทำเลยนะคะ บัตรเครดิตอ่ะ สุดท้ายมันจะกลายเป็นหนี้ก้อนโตไปเปล่าๆ เราว่าจุดประสงค์ของบัตรเครดิตเมื่อก่อน น่าจะสำหรับคนที่ต้องการใช้เงินฉุกเฉิน   หรือพวกที่จำเป็นต้องใช้เงินเยอะ แต่ไม่ต้องการพกเงินสด  แต่เดี๋ยวนี้ บัตรเครดิตกลายเป็่นช่องทางก่อหนี้สำหรับการชอปปิ้งยังไงไม่รู้แฮะ เห็นด้วยกับหลายความเห็นข้างบนที่บอกให้จัดสรรปันส่วนเงินตัวเองดีๆค่ะ ...เก็บก่อนใช้ ยังไงๆก็ดีกว่า ใช้เหลือแล้วค่อยเก็บนะคะ (^^) จากคุณ : เด็กข้างหน้าต่าง - [ 12 มิ.ย. 51 17:15:11 ]

ความคิดเห็นที่ 103 อ่านกระทู้นี้แล้วโดนมากๆๆ (บ้าช็อปเหมือนกัน) แต่โชคดีหน่อยเพราะรู้ว่าตัวเองเป็นพวกเบรกแตกห้ามใจตัวเองไม่ได้  เลยไม่ยอมมีบัตรเครดิตเวลาซื้อของใช้เป็นเงินสดอย่างเดียว   วิธีแก้ปัญหาของคุณดาวนี่คงต้องเอาเงินเก็บที่เหลืออยู่ไปจัดการหนี้บัตรเครดิตทันทีจะดีกว่า เพราะดอกเบี้ยเงินฝากเนี่ยยังไงก็น้อยกว่าดอกเบี้ยบัตรเครดิต ขืนปล่อยให้ดอกเบี้ยเครดิตมันทบตกจำนวนเงินที่จะต้องจ่ายมันจะยิ่งเพิ่มขึ้น  แล้วถ้าหมดหนี้แล้วยกเลิกบัตรเครดิตสักใบจะดีกว่า เก็บไว้ใช้เฉพาะที่จำเป็นจะดีกว่า จากคุณ : jukkajik (J u K ka J i K) - [ 12 มิ.ย. 51 17:34:43 ]

ความคิดเห็นที่ 104 กระทู้นี้เยี่ยมเลยค่ะ ได้ข้อคิดขึ้นมาอะไรหลายอย่าง .. ผู้หญิงจะสวยที่สุด จะงามที่สุด คือจิตใจค่ะ เอาไปเลย 1 โหวต จากคุณ : เจ้าหญิงทาโร่ - [ 12 มิ.ย. 51 17:36:07 ]

ความคิดเห็นที่ 105 เป็นพวกชอบซื้อเหมือนกันค่ะ แต่จะชอบซื้อรองเท้า บ้ารองเท้ามากๆ ซื้อแล้วซื้ออีก แต่ก็ทยอยใส่ทุกคู่นะ ดีที่รองเท้าเนี่ยมันไม่มีวันหมดอายุเหมือนพวกคสอ. ก็เลยได้ทยอยๆใส่จนพังไปเป็นคู่ๆเหมือนกัน เลยดูเหมือนไม่ค่อยเปลืองเท่าไหร่ (เข้าข้างตัวเองซะงั้น ซื้อทีไรโดนแม่ด่าทุกที) 555+ เป็นทาสความสวยอีกประเภทนึง เห็นร้านรองเท้าไม่ได้เลยค่ะ ต้องรีบปรี่เข้าไปทันที พวก คสอ ไม่ค่อยได้ซื้อ เพราะส่วนตัวทำงานก็ไม่จำเป็นต้องแต่งหน้าจัด แต่งพอไม่ให้เป็นศพก็พอแล้ว บลัชออนยังมีแค่สองสามสีเลย อายแชโดวถ้าซื้อเป็นพาเลตก็ใช้ได้นานมากด้วย มีหลายสี สลับๆไปเรื่อยๆ เลยไม่ค่อยได้เปลืองตรงจุดนี้ ส่วนตัวจะไปที่จะเสียเงินหลายบาทกับพวกครีมบำรุงผิวเสียมากกว่า บางครั้งใช้ยังไม่หมดก็ลองซื้อตัวใหม่มาใช้ แต่หลังๆคิดได้ก็เลยพยายามเลิกนิสัย "ใช้ยังไม่หมดแต่ซื้อใหม่" ไปซะ ช่วงปลายปีก่อนไปช้อปกับเพื่อนกันสองคน ปาไปเป็นหมื่น คนละห้าพัน มานึกย้อนทีหลังก็ตกใจตัวเอง ทำไปได้ยังไง ดีที่ว่า ห้าพันที่เสียไปได้ของมาใช้หลายอย่างและใช้ได้นานด้วย กว่าจะซื้ออีกทีก็หลายเดือน บวกลบคูณหารแล้วยังพอรับได้อยู่ แต่ก็แอบด่าตัวเองอยู่ว่าใช้เงินยังกะเบี้ยเลยนะเรา ที่ซื้อไปน่ะให้เงินเดือนแม่เลยนะนั่น (ให้เงินเดือนคุณแม่ด้วย) ดีอีกอย่างคือพี่บีเอที่เราไปซื้อของด้วย ไม่ค่อยจะเชียร์ให้ซื้อนู่นนี่นั่น แถมยังดุเราด้วยว่า พอแล้วหลายบาทแล้ว ยังไม่หมดก็ไม่ต้องซื้อ น่ารักมาก แวะไปทักทายคุยกันเฉยๆ ก็ไม่เคยหว่านล้อมให้ซื้อของเลย ถึงจะแวะไปดูโปรโมชั่น ลองนู่นนี่นั่น แต่ก็ไม่เชียร์ให้ซื้อ เพราะพี่เค้ารู้ว่าเราหมดไปแล้วกี่บาท ซื้ออะไรไปบ้างและน่าจะใช้ได้นานเท่าไหร่ เค้าจะเชียร์ขายสินค้า ก็ต่อเมื่อเราบอกว่าครีมตัวนี้หมดแล้ว จะซื้ออันใหม่เท่านั้น เราก็เลยไม่ค่อยได้ซื้อฟุ่มเฟือย เพราะเค้าช่วยเราประหยัดด้วยอ่ะ > < เลยชอบซื้อของร้านนี้ไปโดยปริยาย ปีนึงซื้อกันสองสามครั้งเท่านั้นเอง แต่บริการน่ารักเหมือนเดิม เราเองเป็นคนใช้เงินเกินตัวเหมือนกัน ใช้บัตรเครดิตด้วย แต่ก็พยายามจ่ายหมดทุกครั้ง เคยจ่ายขั้นต่ำไปแค่ครั้งเดียวเท่านั้น เพราะรู้สึกว่า ยิ่งเราจ่ายไม่หมดแล้วใช้เพิ่มไปอีก ก็มีแต่จะกลายเป็นดินพอกหางหมูเปล่าๆ สุดท้ายจะกลายเป็นว่า เงินเดือนได้มา จ่ายค่าบัตรหมดซะนี่ แต่ถึงจะใช้บัตรเยอะแค่ไหน สิ่งที่จะจ่ายขาดไม่ได้ก็คือเงินเดือนคุณแม่ เพราะถึงเราจะนิสัยใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย ก็ต้องจ่ายคุณแม่ครบห้ามขาด (ไม่งั้นคงโดนด่า 555+) ลำบากตัวเองไม่เท่าไหร่ บุพการีต้องมาลำบากด้วยคงแย่ ยังไงก็เป็นกำลังใจให้คุณดาวเธอเลิกเสพติด คสอ ให้ได้นะคะ เธอน่าจะดีใจที่คุณ จขกท เป็นห่วงเธอขนาดนี้ อยากให้เธอได้มาอ่านจังเลยเน๊อะ จากคุณ : Felasia - [ 12 มิ.ย. 51 18:07:04 ]

ความคิดเห็นที่ 106 เมื่อกลางวันอ่านไม่จบเข้ามาอ่านต่อค่ะ คุณค่าในตัวเองไม่ได้แต่งเติมได้ด้วยเครื่องสำอางค์ คุณค่าทางจิตใจน่าจะสำคัญกว่า แต่สิ่งที่พบเห็นในปัจจุบัน ความสวยงาม เป็นเรื่องที่ทุกคนอยากมีกันทั้งนั้น คนส่วนใหญ่ จะสะดุดตาความสวยก่อนเป็นอันดับแรก ไม่แปลกที่ใครๆ ก็ตกเป็นทาสความสวย แต่ควรจะมีความพอดีไว้เป็นดีที่สุด จากคุณ : bombik - [ 12 มิ.ย. 51 18:12:33 ]

ความคิดเห็นที่ 107 เห็นด้วยอย่างแรง โหวตด้วยคน ตอนนี้กลับไปใช้ Baby Cream เหมือนเดิม แล้ว ของแพงใช่ว่าจะดีเสมอไป จากคุณ : มาเฟียหัวใจง้องแง้ง - [ 12 มิ.ย. 51 18:20:46 ]

ความคิดเห็นที่ 108 อ่านกระทู้ปุ๊บ เจ้าเอยเกิดอาการ เกือบเป็นเหมือน คุณดาว เจ้าเอยชอบคิดทำนู้นทำนี้   พวกศัลยกรรมทั้งหลายแหล่หละค่ะ ตัดปีกจมูก ทำคาร์บ๊อกซี่ ทำหน้าใส  สักคิ้ว 3 มิติ ฯลฯ ลืมมองจริงๆ ว่า ความเป็นตัวตนของเราชักจะหายไปแล้วจริงๆ กระทู้นี้ช่วยเจ้าเอยเกิดสติขึ้นมามากเลย ปกติเจ้าเอยไม่แต่งหน้า ไม่ค่อยแต่งตัว เครื่องสำอางค์ก็แค่มีพอ เท่าที่จำเป็น แต่ตั้งแต่โดนแฟนไปมีคนใหม่ ( ที่สวยกว่า เด็กกว่า ) เกิดอาการอยากสวยแข่ง  อยากดีกว่า และพิสูจน์ให้เห็นว่า ฉันเหนือกว่า ทุกอย่าง เพราะเขาเคยบอกคนดีอย่างเจ้าเอยหายาก แต่คนสวยหาง่าย เขาอยากอยู่กับคนดี แต่สุดท้ายเขาก็เลือกไปกับคนสวย แต่เจ้าเอยคงลืมไปว่า คนถ้าเขาไม่รักก็ป่วยการที่จะเสียเวลากับเรื่องเหล่านี้ ตอนนี้เลยเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่ โดยการนำเงินที่จะไปทำนู้นทำนี้ ซื้อนั้นซื้อนี้ เปลี่ยนเป็น เก็บตังผ่อนบ้าน เก็บตังเรียนภาษาเพิ่ม เก็บตังเรียนต่อดีกว่า ขอบคุณคะที่เล่าประสบการณ์ดีๆ  โหวตให้นะค่ะ จากคุณ : เด็กหญิงเจ้าเอย - [ 12 มิ.ย. 51 18:20:48 ]

ความคิดเห็นที่ 109 เข้ามาโหวต กระทู้ดีๆมีสาระอย่างนี้ อ่านแล้วน้ำตาซึมคิดถึงพ่อกับแม่เลย มีของอะไรๆมากมายที่เราอยากได้ แต่เราไม่ซื้อ เก็บเงินส่งให้พ่อก่อน เราส่งเงินให้ท่านใช้ทุกเดือน (แม่เราเสีย ตอนเรียนมหาลัย) เราเลยไม่มีโอกาสทดแทนบุญคุณท่าน คิดว่าพ่อเลี้ยงเรามาตั้งแต่เกิด อยากได้อะไรพ่อกับแม่ก็ให้ลูกได้ ไม่เคยปล่อยให้อดอยาก พอถึงเวลาเรามีกำลัง ทำงาน หาเงินได้ ก็ตอบแทนท่าน แม้จะไม่มากนัก แต่ก็ให้ท่านสม่ำเสมอ ตอนนี้พ่อเราก็เสียชีวิตไปแล้ว ก็เพิ่งจะมีโอกาสได้ซื้ออะไรๆที่เคยอยากได้มานาน แต่ก็ไม่ซื้อเกินกำลังความสามารถ หรือซื้ออะไรมากมายเกินตัว เก็บเงินไว้ใช้ยามเจ็บไข้ได้ป่วย เก็บเงินไว้ซื้อของกิน เก็บเงินไว้ใช้จ่ายในบ้าน เราไม่ค่อยแต่งหน้า ใช้แค่เครื่องสำอางไม่กี่ตัวก็พอ เวลาซื้อของ แม้มีบัตรเครดิต แต่เราชอบจ่ายเป็นเงินสดมากกว่า บัตรเครดิตมีไว้ใช้ยามจำเป็นจริงๆ หรือกรณีฉุกเฉินเท่านั้น สำหรับความคิดเรานะ เงินสดนี่คุมง่ายดี ใช้จ่ายอะไรไปเหลือเท่าไหร่ เปิดกระเป๋าสตางค์ดูก็รู้แล้ว ถือเงินน้อยๆ ไปจ่ายตลาด ไม่พกเงินมาก เพราะยิ่งทำให้ใช้เงินมือเติบ จากคุณ : กินอยู่พูวาย - [ 12 มิ.ย. 51 18:22:48 ]

ความคิดเห็นที่ 110 เพราะแบบนี้แหละค่ะ ไม่ว่ายังไงชาตินี้ก้อจะไม่ทำบัตรเครดิต มันทำให้ใช้จนลืมตัว วายังเรียนอยู่หาเงินเองไม่ได้ ก้อจะไม่ซื้อเกินความจำเป็น ซื้อเท่าที่ใช่ อันไหนมีแล้ว สีคล้ายๆกันก้อไม่ซื้อหรอกค่ะ ยกเว้นจะหมดจริงๆ(ขนาดหมดแล้วแต่ถ้าไม่จำเป็นก้อม่ายซื้อ) แต่ก้อยอมรับว่าเป็ฯคนใช้เงินเปลืองเหมือนกันค่ะ แต่กินเปลืองนะคะเคลยตกลงแล้วไม่รู้ว่าจะประหยัดยังไงดี เพราะเป็นคนตามใจปาก คนเราทำอะไรก้อต้องพอดีๆค่ะ รู้จักประมาณตน ของแพงๆวาก้ออยากได้เหมือนกัน แต่ก้อไม่ซื้อ เพราะใช้แล้วปีกไม่งอก(เป็นคำที่พูดกับเพื่อนเวลาอยากได้ของแพงๆ จะได้ไม่อยากซื้อ) จากคุณ : vekalover - [ 12 มิ.ย. 51 18:48:59 ]

ความคิดเห็นที่ 111 ขอบคุณคุณเจ้าของกระทู้ค่ะ สิ่งที่เราอ่าน สะท้อนบางอย่าง ที่มากกว่าการเป็น "ทาสความสวย" มันคือการเป็นทาส "กิเลส" ค่ะ ซึ่งถือเป็นกับดักของชีวิต เป็นหนทางสู่หายนะ ที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตระหนักถึง และทรงรู้เท่าทันอันตรายของกิเลส ที่สามารถทำลายชีวิต จิตวิญญาณได้อย่างหายนะ  และพระพุทธองค์จึงได้เพียรค้นจนพบทางออกเพื่อชนะกิเลสนั้น (ขึ้นมาอย่างกับคำพระ แต่เรื่องจริงค่ะ) ไม่ว่าจะการเป็นทาสความสวย ความฟุ้งเฟ้อ หรือความอยากได้อยากมีใดๆ หากไม่มีการระงับ ไม่รู้จักพอ ไม่รู้จัก "ทางสายกลาง" เมื่อนั้น ภัยย่อมมาถึงตัวค่ะ ที่เขาเรียก "แพ้ภัยตัวเอง" ค่ะ บางคน ถึงกับยอมขายเนื้อขายตัวเป็นเมียน้อยในคราบนักศึกษา เพียงเพื่อให้ได้มาซึ่งกระเป๋าหรูๆ รถแพงๆ บางคน ยอมเสียอนาคต เพื่อแย่งชิงผู้ชายเพียงคนเดียว ยิงกันตายก็มี บางคนยอมติดคุก เพื่อขโมยทรัพย์สินผู้อื่นเอาไปเล่นพนัน ฯลฯ นี่คือภัยของกิเลสทั้งสิ้น หากเราจะเลิก "ทาส" ขอให้เลิกที่จิตใจเรา อย่าโทษปัจจัยภายนอก บางคนโทษว่านี่ล่ะ เพราะกระแสสังคมมันพาไป แบรนด์เนมบ้าง อะไรบ้าง ทั้งๆ ที่ลึกๆ แล้ว จุดเริ่ม และหยุด ล้วนอยู่ที่ "ใจ" ของเราเองทั้งสิ้น! เราปูพรมให้ผืนโลกทั้งใบไม่ได้....สิ่งที่เราทำได้คือ "ใส่รองเท้า" ซะ (หมายความว่าถ้าโลกมันอยู่ยาก อยู่ลำบาก แล้วเราจะไปแก้ไขโลกให้เป็นอย่างใจเราหรือ? เราเปลี่ยนใจตัวเอง ให้อยู่ในโลกได้ดีขึ้น ไม่ดีกว่าหรือ?) คำว่า "พอดี" นั้น ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แตกต่างกันไป แต่การตกเป็น "ทาสกิเลส" ........คือหนทางสู่หายนะค่ะ จากคุณ : Love Actually is.. - [ 12 มิ.ย. 51 18:49:47 ]

ความคิดเห็นที่ 112 อยู่มานานจนหายอยาก 555 อีกอย่างเมื่อก่อน เราเคยทำงานในบ.เครื่องสำอางเลยเฉย ๆ เพราะเห็นสัจธรรมข้อที่ว่า เครื่องสำอางเป็นสินค้าขายความฝันให้ผู้หญิง  จะสวยได้ถ้าคุณมีศรัทธา ตอนนี้ก็ชอบน้ำหอมอย่างเดียวล่ะ แต่พักหลังก็ชักเบื่อ ๆ อยาก ๆ ซะแล้ว จากคุณ : ชิฟฟอนคาปูชิโน่ - [ 12 มิ.ย. 51 18:57:43 ]

ความคิดเห็นที่ 113 โหวตอีก 1 เสียงนะคะ จากคุณ : ราตรีสีชมพู - [ 12 มิ.ย. 51 18:58:29 ]

ความคิดเห็นที่ 114 ขอเพิ่มเติมอีกสักหน่อยค่ะ เราขอบคุณเจ้าของกระทู้มากๆ ค่ะ อ่านแล้วเราละอายบางสิ่งที่เราทำลงไป 1. บางครั้ง เรานึกถึงตัวเองมากกว่าความสุขของพ่อแม่จริงๆ ขอบคุณที่เตือนสติค่ะ 2. เรารู้สึกบาป ....กับบางสิ่งที่เราทำ ดังนี้ค่ะ เรามีลูกน้องที่ทำงานคนหนึ่ง เป็นคนรักสวยรักงาม หากพูดถึงอุปนิสัย น้องเขาเป็นคนจิตใจดี มีน้ำใจมากทีเดียว น้องคนนี้ชื่นชมเรามากๆ สนใจสิ่งที่เราสวมใส่ การแต่งหน้า ทำผม การบำรุงความสวยที่เราชอบทำ ซึ่งเราก็ยินดีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเสมอ รู้สึกสนุก ที่ได้แนะนำสิ่งต่างๆ และน้องก็สนใจฟัง เช่นอ๋อ...ที่ผิวพี่ดีขึ้นเพราะพี่ทานวิตามินนี่นะน้อง ที่ผมพี่ไม่เสียก็เพราะไปยืดผมร้านนั้น พี่ใช้ครีมนี้ค่ะ หน้าเลยไม่มีสิว ฯลฯ และน้องเขาก็เริ่มซื้ออย่างเรา และสนใจจะทำแบบเราคือดูแลตัวเอง บางครั้ง รุ่นพี่คนอื่นก็ปรามๆ น้องเขาให้เราได้ยิน เช่นอย่าไปเปลืองเงินเลย ฯลฯ เรากลับรู้สึกว่า "จะไปยุ่งอะไรกับเขาวะ? ก็คนเขาชอบดูแลตัวเอง เขาก็มาขอคำแนะนำ เขาไปเอาเงินใครมาใช้หรือ? แล้วดูสารรูปคนเตือนสิ ดูได้เหรอวะน่ะ? มาเตือนน้องแบบนี้นี่กะจะด่ากระทบฉันหรือไง คนเราสนใจไม่เหมือนกัน อย่ามายุ่งดีกว่าน่า" แต่สิ่งที่เรา "ลืม" หรือ "ละเลย" คือ....น้องเขาฐานะต่างกับเรา (ขอโทษนะคะที่พูดตรงๆ แต่มันคือเหตุที่ทำให้เราเสียใจ) น้องเขาไม่ได้มีมากพอที่จะมาใช้จ่ายขนาดนี้ พอเราอ่านกระทู้นี้ เราละอายแก่ใจมาก ความสนุกสนานของเรา กำลังสร้าง "กิเลส ความฟุ้งเฟ้อ ความไม่ประมาณตน" ให้แก่น้องเขา เรานำเขาไปสู่ทางที่ผิด ทั้งๆ ที่ในฐานะผู้ใหญ่กว่า เราควรแนะนำสิ่งดีๆ ให้แก่น้องเขา ไม่ใช่ทำอย่างนี้! ขอบคุณเจ้าของกระทู้มากๆ ค่ะ สารภาพบาปตรงนี้ และเราต้องหยุด ก่อนที่เรื่องจะเกินไปกว่านี้ จากคุณ : Love Actually is.. - [ 12 มิ.ย. 51 18:58:35 ]

ความคิดเห็นที่ 115 ตอนนี้ซื้อน้อยลงคับ เพราะรู้สึกว่า ทาไปก็งั้นแหละ เดี๋ยวนี้ยังไม่ค่อยแต่งหน้าเลย เห็นแล้วเสียดาย จากคุณ : ป้าจะอิ๊บ (jipnaja) - [ 12 มิ.ย. 51 19:00:10 ]

ความคิดเห็นที่ 116 โหวตแล้ว... ขอบคุณเจ้าของกระทู้ สำหรับกระทู้เตือนใจดี ๆ และคุณ PDF  ^ ^ ถ้าบริหารเงินไม่เป็นไม่ควรใช้บัตรเครดิตเด็ดขาดค่ะ เป็นหนี้ก้อนโตแน่ ๆ วิธีเรานะคะ เงินเดือนสมมุติ 10,000 บาท 1. หักเลยค่ะ 3000 บาท (โอนเข้า บ/ช ให้พ่อแม่เลยค่ะ เอาวันที่เงินออกเลย) 2. หักเงินฝากประจำส่วนหนึ่ง 1,000 บาท เข้าทุกเดือนค่ะ ถ้าเก็บได้แล้วค่อย ๆ เพิ่มเงินก้อนนี้ค่ะ อย่างน้อยให้ได้ 10% ของเงินเดือนนะคะ 3. คิดบัญชีรายจ่ายประจำต่อเดือนว่าเท่าไหร่ (ค่าเช่าห้อง + ค่ากิน + ช็อปปิ้ง ทุกอย่าง)  แยกอีกบ/ช นึงเลยค่ะ ว่าใช้ไม่ปะปนกันกับอันที่เงินเข้า สมมุติว่า 5000 บาท 4. เงินเดือน - 1 - 2 -3 เหลือเท่าไหร่เก็บต่อค่ะ สมมุตื เหลือ 1000 บาท เก็บไว้ยามฉุกเฉินหรือว่าเวลาซื้อของที่อยากได้จริง ๆ แนะนำ 5. ถ้าเป็นหนี้บัตรเครติด ใช้ให้หมดก่อนนะคะ เพราะดอกเบี้ยแพงมาก ๆ ค่ะ  หักบัตรทิ้งไปเลยค่ะ ตั้งใจว่าจะไม่รูดอีกแล้ว 6. ควรมีเงินเก็บอย่างน้อยพอใช้ 6 เดือนนะคะ เผื่อตกงานหรือเกิดอะไรไม่คาดฝัน เป็นเงินฉุกเฉินห้ามถอนเด็ดขาด ลองเอาค่าใช้จ่ายจากข้อ 3 คูณ  6 เดือนเป็นตัวเลข   7. ถ้ามีเงินเก็บแล้วก็ลองหาวิธีลงทุนให้เงินงอกเงยนะคะ พยายามกันนะคะ สาว ๆ  จะได้ทั้งสวยทั้งรวย ^ ^ ปล เราก็ทำตามด้านบนอ่ะค่ะ ถึงแม้จะมีตบะแตกไปลง course เลเซอร์บ้าง แต่ครั้งเดียวก็เข็ดแล้วค่ะ 5555     เครื่องสำอาง - เสื้อผ้า เราใช้ไม่แพงค่ะ แต่ skin care นี่ก็เอาเรื่องเหมือนกัน แหะ แหะ จากคุณ : คะน้า (KaNa-IRC) - [ 12 มิ.ย. 51 19:00:42 ]

ความคิดเห็นที่ 117 ไม่ขอพูดอะไร...แต่ขอโหวตค่ะ ^_^ จากคุณ : บานชื่นรื่นรมย์ (ZiNNiAz) - [ 12 มิ.ย. 51 19:01:50 ]

ความคิดเห็นที่ 118 VOTE!! เราว่า อยากสวยไม่แปลกนะ แต่เกินตัวเอง ไม่ไหวอ่ะ จากคุณ : ::hinase:: - [ 12 มิ.ย. 51 19:37:11 ]

ความคิดเห็นที่ 119 อ่านแล้วโดนใจอย่างแรงเลยค่ะ เพราะตัวจูนเองก็เป็นเหมือนกัน เวลาเห็นอะไรใหม่ๆ ก็ซื้อทั้งๆ ที่แทบไม่ค่อยได้ใช้ บางอันซื้อมาใช้แค่พักเดียวก็วางประดับโต๊ะเอาไว้เฉยๆ นึกๆก็น่าเสียดายเงินที่เสียไปจริงๆ ต้องขอบคุณ จขกท. มากๆ ค่ะ ที่นำเรื่องดีดี แบบนี้มาให้อ่าน อย่างน้อยมันก็เตือนสติทำให้เราคิดได้ ขอโหวตอีกแรงค่ะ จากคุณ : จูน (MaGaRiTa_Gal) - [ 12 มิ.ย. 51 19:43:57 ]

ความคิดเห็นที่ 120 บางทีคนเราต้องรู้จักพอดีบ้างอะครับ อ่านแล้วเศร้า โหวตครับผม จากคุณ : alwaysfluke - [ 12 มิ.ย. 51 20:03:20 ]

ความคิดเห็นที่ 121 ขอบคุณสำหรับอุทธาหรณ์ดี ๆ ครับ ตอนเข้ามาห้องนี้ใหม่ ๆ ก็ซื้อของตามกระแสมาเยอะเหมือนกัน ใช้แล้วก็แพ้ ต้องเสียเงินรักษาอีก ตอนนี้เลิกเห่อตามชาวบ้านแล้ว ใช้ของเก่า ๆ ที่ซื้อตุนไว้ (ยังไม่หมดเลย คิดดู) ไว้ว่าง ๆ จะมาเขียนแฉตัวเองมั่ง จากคุณ : supertarokung - [ 12 มิ.ย. 51 20:19:05 ]

ความคิดเห็นที่ 122 อ่านแล้วก็สะท้อนเข้าตัว แต่เราเวลาจะซื้อของอะไรต้องให้คุ้มที่สุด สีต้องไม่ซ้ำ ต้องมาศึกษาในห้องแป้งก่อนว่าอันไหนดี ไม่ดี แล้วก็ไม่หลงคารมบีเอค่ะ กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่ดีมากๆ ค่ะ จากคุณ : piganat - [ 12 มิ.ย. 51 20:20:09 ]

ความคิดเห็นที่ 123 เรื่องที่นำมาเล่าดีมากคะ ทำให้ฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอางราคาแพงแค่ไหน ก็ไม่ทำให้เราสวยได้ถาวรอย่างในอุดมคติ ล้างหน้าออกมา ก็เป็นหน้าที่เราเห็นตอนตื่นนอนทุกเช้า ความพอของเราอยู่ที่ไหน จะพยายามหาให้เจอคะ พอแม่เราคลอดลูก ท่านก็ไม่เคยดูแลตัวเองอีกเลย เอาเวลาทั้งชีวิตมาดูแลเรา เรื่องสวยๆงาม ท่านก็ไม่สนใจแล้ว ท่านสนใจว่าวันนี้ท่านจะเลี้ยงเรายังไงให้โตมาเป็นคนดี จากคุณ : Little_Happiness (Little_Happiness) - [ 12 มิ.ย. 51 20:26:04 ]

ความคิดเห็นที่ 124 ไม่เข้าใจว่าทำไมหลายๆคนถึงชอบซื้ออะไรซ้ำๆเล่น ลิปสติค ซื้อหลายๆแท่งทั้งที่สีก็ไม่ได้ต่างกันเลย  หรืออายชาโดว์หลายๆตลับทั้งๆที่สีก็ไม่ต่างกัน?? ถ้าเป็นเรา เราจะซื้ออย่างล่ะ 1 แต่เป็นยี่ห้อที่ดีมีคุณภาพไปเลย!! ป.ล.เข้าใจนะว่าเทรนด์การแต่งหน้ามันอาจจะเปลี่ยน แต่ลองๆหยิบเครื่องสำอางที่คุณมีมาพินิจดูเถิด จะเห็นว่าแต่ละแท่งแต่ละตลับแทบไม่มีความต่างกันเลยยยยย!!! จากคุณ : หนูน้อยบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ - [ 12 มิ.ย. 51 20:54:16 ]

ความคิดเห็นที่ 125 พูดไม่ออก เศร้า จากคุณ : สาวหลงผิด - [ 12 มิ.ย. 51 20:56:55 ]

ความคิดเห็นที่ 126 อ่านแล้วปลงกับตัวเอง ยังคิดโชคดีที่เป็นผู้ชาย ไม่ได้เป็นผู้หญิง เลยเสียแต่ค่า สกินแคร์อย่างเดียว เรื่องประมาณดาว ผมก็เคยเป็นตอนเข้าห้องโภชฯ ใหม่ๆ เค้า review อะไร ซื้อตามทุกตัว หมดกับค่าสกินแคร์ไปเยอะมาก ทั้งใช้ได้ ใช้ไม่ได้ ยกให้คนอื่นไปก็เยอะ ไม่ได้คิดเลยว่ารวมๆ เงินหมดไปเท่าไหร่ จนล่าสุดอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง รู้สึกชื่อรวยอ่ะ คับ รู้สึกเป็นหนังสือที่ดีมากอ่ะ ประมาณช้อปยังไง ให้ยังมีเงินเก็บ เลยลองมานั่งคำนวณสกิลแคร์ที่ซื้อใช้ปีๆ นึงหมดไปเท่าไหร่ ไม่น่าเชื่อ ค่าหมอ ค่าครีม ปีหนึ่งหมดเงินเป็นแสน แรกๆ ก็ไม่อยากเชื่อ แต่มานั่งคิดย้อนกลับไป ตอนไปฮ่องกง ซื้อสกิลแคร์อย่างเดียว เกือบแสนแล้ว เฮ้อ เซง ถ้านับรวมกับพระเครื่องที่เช่าๆ มา ไม่อยากคิด คงหลายแสน อย่าคิดมาก หาเงินก็ต้องใช้ ใช้แบบมีสติแล้วกันคับ มีเหลือเก็บออมบ้าง อนาคตจะได้สบาย หุหุ จากคุณ : Jeramie - [ 12 มิ.ย. 51 21:00:11 ]

ความคิดเห็นที่ 127 ขอบคุณมากค่ะ เป็นกระทู้ที่ดีจริงๆค่ะ จากคุณ : la-la-bell - [ 12 มิ.ย. 51 21:16:41 ]

ความคิดเห็นที่ 128 โหวตให้ค่ะ......... อ่านแล้วสอนใจมากค่ะ เป็นการกระตุ้นให้รู้จักความพอเพียง ไม่ค่อยมีเครื่องสำอางซ้ำๆค่ะ มีน้อยชิ้นเท่าที่ใช้และจำเป็นเท่านั้น หมดแล้วค่อยซื้อ จะคิดไว้แบบนี้เสมอค่ะ และชั่งใจก่อนซื้อนานมาก เศร้าใจแทนน้องดาวนะคะ จากคุณ : nadtha - [ 12 มิ.ย. 51 21:32:16 ]

ความคิดเห็นที่ 129 เราก็คงเป็นแบบนั้น มีแล้วยังซื้ออีก ไม่รุ้จักพอ 555555 แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 51 21:47:33 จากคุณ : ของขวัญผูกโบ - [ 12 มิ.ย. 51 21:46:11 ]

ความคิดเห็นที่ 130 เราใช้บัตรเหมือนกันค่ะ ยามฉุกเฉินเท่านั้น ปัญหาโดยมากเกิดจาก มันชอบหมดพร้อมๆ  กันนี่ล่ะค่ะทำให้จนลง เรามีของเยอะนะคะ แต่จะกระจายอ่ะ ที่ทำงานที่นึง บ้านชั้นบนที่นึง ชั้นล่างที่นึง   ซื้อเยอะ แต่เวียนใช้ไปเรื่อย ๆ อีกอย่าง เราเคยพอกหน้าจนหน้าดีมาก ๆ ก็เลยไม่วุ่นวายกับตัวครีมมากนัก เพราะน้ำผึ้งไทย ๆ เห็นผลจริง แต่ตอนนี้คอ่นข้างจะเครียดเรื่องครีม เพราะใกล้จะสามสิบแล้ว ลัวไม่สวยอ่ะ จากคุณ : น้องหนูสะดิ้งน้อย - [ 12 มิ.ย. 51 21:51:14 ]

ความคิดเห็นที่ 131 โหวตแล้วนะคะ ขอบคุณ จขกท มากๆค่ะที่มาตีแผ่เรื่องราวดีๆให้สาวๆหลายคนในนี้ (รวมทั้งเราด้วย) ชอบ คห 123 ด้วยค่ะ อ่านแล้วย้อนดูตัวเองได้จริงๆ เมื่อก่อนตอนเข้าห้องแป้งแรกๆ ตั้งแต่สมัยยังเป็นสวนลุม เราก็กระหน่ำซื้อ อยากรู้ อยากลองไปเสียทุกอย่างไม่ว่าอะไรที่ใครเขาว่าดี ทั้งที่ยังเรียนอยู่... อยู่ไปนานๆมันก็เริ่มอิ่มตัว พอเลิกบ้าเครื่องสำอางก็มีเงินเก็บไปทำอย่างอื่นที่น่าสนใจเยอะแยะ หลังๆเริ่มคิดว่า อายชาโดว์ต้องมี โทนสีละ 1 (ฟ้า ชมพู น้ำตาล etc.) แป้ง ก็เหลือแค่ตลับเดียว จากที่เมื่อก่อนต้องมีเผื่อเลือก ส่วนลิปกลอสกับบลัชออน ก็จำกัดไว้ที่โทนละ 1 เซ็ท ได้แก่ โทนส้ม โทนชมพู โทนชมพู-อมส้ม ผู้หญิงอย่าหยุดสวย ... นั่นก็ถูกค่ะ แต่ความสวยไม่จำเป็นต้องแลกมาด้วยเครื่องสำอางราคาเป็นแสนเป็นล้าน หาสไตล์ของตัวเองให้เจอ แล้วเลือกเฉพาะที่เข้ากับเราจริงๆดีกว่านะคะ จากคุณ : Fa Smithy - [ 12 มิ.ย. 51 22:04:44 ]

ความคิดเห็นที่ 132 เราก้อชอบซื้ออะค่ะ เมื่อก่อนซื้อคสอ เดือนละห้าหกพันถึงหมื่นๆ เดี๋ยวนี้ถึงจุดอิ่มตัวนะ รู้สึกว่าลิปสติกกับบลัชก็มีแค่สองเฉดก็พอ เลิกบ้าไปเยอะแล้วอะค่ะ ภูมิใจจัง จากคุณ : พีนัตบัทเตอร์ - [ 12 มิ.ย. 51 22:07:08 ]

ความคิดเห็นที่ 133 โหวตค่ะ...โดนใจ T__T แต่ก็...คงได้แค่ลด  ละ  แต่คงไม่เลิกง่ายๆ อ่ะค่ะ เพราะชอบเอาการช๊อปมาแก้เครียด  แล้วมันช่วยได้ระดับนึง... จากคุณ : ยุ่งจัง - [ 12 มิ.ย. 51 22:25:54 ]

ความคิดเห็นที่ 134 โหวตให้ค่า ขอบคุณ จขทก ที่ตั้งกระทู้ แบ่งปันประสบการณ์นะคะ ขอให้น้องดาว กลับมาเป็นเด็กสวยใส น่ารักเหมือนคนเดิมนะคะ (ถึงมันจะดูอยาก ในความคิดเรานะ) จากคุณ : Chubbyaommie - [ 12 มิ.ย. 51 22:32:36 ]

ความคิดเห็นที่ 135 สมควรโหวตให้กระทู้ดีๆอย่างนี้ค่ะ เป็นประโยชน์มากสำหรับสาวๆยุคนี้ค่ะ อยากให้ลูกสาวมาอ่านจังเลย ดิฉันมีรายได้เดือนละ 6 หลัก แต่ใช้เครื่องสำอางเดือนละ2-3 พันบาทเอง ส่วนลูก ไม่เคยคิดเลย ขออย่างเดียว บ้าตามเพื่อน ใช้ของถูกกลัวอายเพื่อน ลูกอายุ 18 เองค่ะ เครื่องสำอาง มากกว่าแม่ 10 เท่า แพงๆทั้งน้านนนน จากคุณ : นกน้อยไม่มีกรงนอน - [ 12 มิ.ย. 51 22:33:33 ]

ความคิดเห็นที่ 136 เพราะไม่ว่าคุณจะใช้ลิปสติคสีอะไร                       หน้าจะสวยเด้งมาก ขนาดไหน             คุณก็ยังเป็นคุณคนเดิม  ที่มีคุณค่าในตัวเองเหมือนเดิม                     คุณค่าในตัวคุณ มันไม่ได้เปลี่ยนไป             เพราะลิปสติคเพียงแท่งเดียวหรอกค่ะ ชอบประโยคนี้จังเลยค่ะ จากคุณ : เหล้าปั่น - [ 12 มิ.ย. 51 22:43:50 ]

ความคิดเห็นที่ 137 อ่านแล้วรู้สึกสงสารคุณดาวคะ เราเข้าห้องแป้งอ่าน review เพื่อนๆ บางทีก็อยากได้คะ แต่เราไม่ค่อยได้แต่งหน้า อย่างเก่งก็กรอส อายไลน์เนอร์ บรัชออน แล้วเราก็งกด้วยสิ ฮิฮิ (ตั้งใจเก็บเงินไปเที่ยวอียิปต์คะ) เลยอ่านเอาฮา เก็บไว้เป็นข้อมูล เวลาจะซื้อคสอ.แต่ละอย่าง ถึงจะแค่ร้อย สองร้อย ก็หาข้อมูลซะเวอร์ อยากให้มันถูกแต่ดี(เชื่อว่ามีอยู่จริงในโลก) ใช้คสอ. เราก็ให้มันหมดไปเป็นชิ้นๆ ไม่ก็ให้มันป่นปี้ หรือหายไปต่อหน้าต่อตาค่อยซื้อใหม่ monsoon ก็ไปแอบส่องตั้งหลายทีตามกระแส แต่ก็ไม่ได้ซื้อ เพราะคิดว่าปัดแก้มสีไรก็ออกมาเหมือนกันหมดอ่ะ มี dimon 4 u กับเค้าอยู่อันนึง แค่นั้นพอ แต่ตอนนี้เสือกแตก ล่อซะละเอียดเลย จำเป็นต้องซื้อใหม่ แต่ก็ยังทำใจไม่ได้ กรอสก็หมดอีก ดันมาหมดพร้อมกันซะนี้ - -' สรุปว่างกคะ ชอบ skincare มากกว่า แต่แพงสุดก็คงเป็น skinfood คะ ไม่ได้ซื้อใน shop ด้วย จะจ่ายแพงกว่าทำมัย ฮิฮิ ไม่รู้ว่าจะมาบ่นให้ใครฟัง แต่อยากเล่าบ้างอ่ะ จากคุณ : austin_edge - [ 12 มิ.ย. 51 22:50:42 ]

ความคิดเห็นที่ 138 ลงชื่อไว้ก่อนค่ะ ยังอ่านไม่จบ เดี๋ยวมาอ่านใหม่ค่ะ จากคุณ : ด.ญ คณิตกร - [ 12 มิ.ย. 51 22:53:21 ]

ความคิดเห็นที่ 139 ขอบคุณ จขกท มากๆค่ะ .. ขอให้คุณดาว ลด ละ เลิก อาการเสพติดนี้ได้เร็วๆนะคะ เมื่อก่อนเราก็เป็นค่ะ อะไรเค้าว่าดีก็ซื้อมาใช้บ้าง (ซึ่งแต่ละอย่างก็ไม่ใช่ถูกๆ) แต่ว่าซื้อมาก็ใช้จนหมดก่อนแล้วค่อยซื้อตัวใหม่ ในที่สุดก็รู้ว่าของแพงไม่ได้หมายความว่าจะดีสำหรับเราเสมอไป หลังๆเลยเน้นของถูกและดีมากกว่า ^^ มาสวยอย่างมีสติกันดีกว่าค่ะ จากคุณ : s.o.s - [ 12 มิ.ย. 51 22:56:18 ]

ความคิดเห็นที่ 140 อ่านแล้วได้สติค่ะ จขกท.ให้สติดีมาก ๆ เลย ******************************** ถึงเราจะไม่เคยซื้อเครื่องสำอางค์อย่างบ้าคลั่ง แต่ก็ต้องยอมรับว่า เวลาที่เห็นรีวิวทีไร ก็ทำท่าน้ำลายหกอยู่ร่ำไป (ไม่โทษคนรีวิวหรอกค่ะ) พอดูรีวิวเหล่านั้นเสร็จแล้ว ก็คิดว่ารอให้ของที่มีอยู่หมดเสียก่อน แล้วค่อยไปซื้อ พอถึงเวลาซื้อจริง ๆ ก็หมดความอยากได้ไปเสียแล้ว มันเป็น Impulse Demand ค่ะ เวลาเห็นของสวยงามก็ใจเต้นแรงอยากจะได้ แต่พอเวลาผ่านไปใจก็เต้นเบาลง ๆ จนหมดความอยากไปเอง ********************************************** โหวตให้อีกหนึ่งจึ๊กค่ะ เพราะอยากให้สาว ๆ สวยแบบเหมาะกับภาวะเศรษฐกิจทั้งของตนเองและประเทศชาติ จากคุณ : ข้าวโพดซัง - [ 12 มิ.ย. 51 23:18:30 ]

ความคิดเห็นที่ 141 อ่านแล้วนึกถึงตัวเองเมื่อก่อนค่ะ เราก็ซื้อเครื่องสำอางเยอะๆ ราคาแพงๆ ใช้แล้วก็แพ้บ้าง ไม่ชอบบ้าง ยกให้คนอื่นๆ ไปบ้าง และเป็นหนี้บัตรเครดิตจนต้องเอาสิ่งของที่มีอยู่ไปขาย เพื่อหาเงินกินข้าว แต่ปัจจุบันนี้เราคิดได้แล้วค่ะ ว่าจะไม่ปล่อยให้เหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นกับเราอีก ทุกวันนี้ เราก็ใช้ของเท่าที่จำเป็น ราคาไม่แพงมาก เน้นบำรุงจากภายในด้วยการทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายแทน ทุกวันนี้หนี้สินเบาบางลงแล้ว ชีวิตที่ต้องเครียดตลอดก็ดีขึ้นค่ะ ขอให้เพื่อนของคุณคิดได้นะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ จากคุณ : สาวน้อยตามตะวัน - [ 12 มิ.ย. 51 23:31:25 ]

ความคิดเห็นที่ 142 ถือเป็นสุดยอดกระทู้เตือนใจสาวๆ อย่างมากมาย โดนสุดๆ จากคนที่กำลังพยายามอยากจะสวยบ้าง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ใช้เวลาลุยๆๆๆ กับการท่องเที่ยวอย่างเดียว พอน้ำมันแพง เลยแวะมาห้องนี้ได้บ่อยๆ ส่วนใหญ่อ่าน อย่างเดียว ไม่ค่อยโพสต์ เพราะรู้สึกว่า ตัวเองทำไมไม่มีอะไร เยอะๆ เหมือนที่สาวๆ ห้องนี้มีกัน ยอมรับว่าอ่านมากก็ซื้อตามมากอยู่เหมือนกัน เพราะจุดหมายเดียวกันกับทุกคนแหละ รวมคุณดาวด้วย คือ "อยากสวย" แต่ตอนนี้ชักไม่อยากแระ กลัวใจตัวเองสุดๆ กลัวจะเป็นอย่างคุณดาวจัง ขอบคุณ จขกท ด้วยค่ะ ปล. ชื่อโลจิ้น จขกท. โดนมากๆ เห็นปุ๊บ กดมาดูก่อนเลย จากคุณ : ด.ญ คณิตกร - [ 13 มิ.ย. 51 00:11:53 ]

ความคิดเห็นที่ 143 อ่านเจอบทความนี้ และคิดว่าเข้ากับกระทู้นี้มากๆ เลยเอามาให้สาวๆอ่านกัน ... สาวน้อย 3 ใน 4 สารภาพคิดถึงการชอปปิ้งทุกนาที แต่ยังน้อยกว่าที่หนุ่มหมกมุ่นในเซ็กซ์ ผู้หญิงยังยอมรับว่าชอบจับจ่ายมากกว่าอยู่กับแฟน และมักเก็บงำจำนวนเงินที่ชอปกระจายไม่ให้แฟนรู้        การสำรวจของ cosmopolitan.co.uk ระบุว่า จากสมมติฐานที่ว่าคนเรานอนหลับวันละ 8 ชั่วโมง เท่ากับว่าการชอปปิ้งแวะเวียนเข้าสู่สมองของผู้หญิงอย่างเหลือเชื่อถึงวันละ 960 ครั้ง และสัปดาห์ละ 6,720 ครั้ง        ขณะเดียวกัน ผลศึกษาก่อนหน้านี้ระบุว่า ชายหนุ่มมีเรื่องเดียวที่ครอบงำสมองคือ เซ็กซ์ โดยจะคิดเรื่องนี้ทุกๆ 52 วินาที ขณะที่ผู้หญิงนึกถึงเรื่องนี้แค่วันละครั้งเท่านั้น        การสำรวจล่าสุดของ cosmopolitan.co.uk ที่ออกมาวานนี้ (11) มาจากการสำรวจความคิดเห็นผู้หญิงอายุ 19-45 ปี จำนวน 778 คน ซึ่งพบว่า 74% คิดถึงการจับจ่ายซื้อของทุกนาที โดย 2 ใน 5 บอกว่าตัวเอง ‘ติด’ กระเป๋าและรองเท้า และกว่า 1 ใน 10 ฝักใฝ่อยู่กับเครื่องประดับและเครื่องสำอาง        แม้มีความท้าทายจากภาวะสินเชื่อตึงตัว แต่การชอปกระจายสามารถฝ่าฟันความกังวลนี้ไปได้แบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว โดย 62% บอกว่ายอมรูดบัตรกระเจิดกระเจิง และ 8% เตรียมนำเงินที่ออมไว้จ่ายค่าเช่าบ้านหรือค่าผ่อนบ้านมาซื้อของที่อยากได้        เกือบ 25% ไม่คิดมากหากต้องจ่ายเงิน 200 ปอนด์ (13,000 บาท) หรือมากกว่านั้นเพื่อของที่อยากได้มานาน และกว่า 1 ใน 3 จะซื้อของสิ่งนั้น 3 สีเป็นอย่างน้อย        เฉลี่ยแล้ว กลุ่มสำรวจหมดเงินอย่างน้อย 30% ของรายได้ประจำปีไปกับเสื้อผ้า และประเด็นที่อาจเป็นสิ่งที่คุณผู้ชายกังวลที่สุดก็คือ สาวๆ ชอบชอปปิ้งมากกว่าใช้เวลาอยู่กับแฟน และหลายคนสารภาพว่าเก็บเรื่องราวการชอปปิ้งไว้เป็นความลับ เพื่อไม่ให้แฟนหรือสามีรู้ว่าซื้อเพลินไปเท่าไหร่        ยิ่งไปกว่านั้น สาวเกือบครึ่งบอกว่าไม่ชอบใส่เสื้อผ้าซ้ำ และ 1 ใน 10 เบื่อชุดใหม่ทั้งที่ผ่านไปแค่สองสัปดาห์        เมื่อถึงเวลาจับจ่าย ผู้หญิงมากมายชอบไปคนเดียวมากกว่าไปกับสามีหรือแฟน นอกจากนั้น ผลสำรวจเมื่อต้นปียังระบุว่า ผู้หญิงไม่อยากเสียสมาธิกับท่าทีเบื่อหน่ายและการยกนาฬิกาขึ้นดูบ่อยๆ ของสามีหรือแฟน        ในบรรดากลุ่มตัวอย่าง 2,000 คู่ในการสำรวจของเชนเสื้อผ้าดีไซเนอร์ แมกอาร์เธอร์เกลน มีสาวถึง 89% บอกว่าการซื้อข้าวของตามลำพังหรือกระทั่งกับลูกยังสนุกกว่าไปกับสามีหรือแฟน 76% ของกลุ่มนี้อ้างว่าสาเหตุมาจาก ‘นิสัยแย่ๆ ของผู้ชาย’ เช่น ไม่ยอมแม้กระทั่งเข้าไปในร้านที่สาวอยากเข้า        ดร.เจน พรินซ์ จากมหาวิทยาลัยเกรเมอร์แกน เวลส์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า คนเรามักคิดถึงสิ่งที่ทำให้ตัวเองมีความสุข และความสุขนั้นมักอยู่ในขั้นตอนการเตรียมการและวางแผนในสมอง        “แต่การที่ผู้หญิงหลายคนแสดงถึงระดับที่เรียกได้ว่าหมกมุ่น ซึ่งหมายถึงการคิดถึงสิ่งใดสิ่งหนึ่งทุกนาที บ่งชี้ถึงพฤติกรรมเสพติดที่แพร่ระบาดของการชอปปิ้ง ซึ่งไม่เคยพบเห็นในผลงานทางวิชาการมาก่อน” อยากฝากให้ช่วยกันคิดอ่ะค่ะ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับสังคมปัจจุบันนี้กันแน่ สังคมทุนนิยมแบบที่ให้ทุกคนได้จับจ่ายใช้สอยกันอย่างเพลิดเพลิน, สังคมที่คิดแต่เรื่องทำมาหาเงินทองจนทำให้มนุษย์คลายเครียดด้วยการช๊อบปิ้งอย่างบ้าคลั่ง กับข้าวของที่ใช้อย่างไม่คุ้มค่า , ความสวยสำคัญมากขนาดไหน , อยากขาวทั้งๆที่เป็นคนไทย ที่เปอร์เซ็นต์คนส่วนใหญ่เป็นผิวสี หรือผิวเหลือง ฯลฯ  เฮ้อ...นึกแล้วหดหู่ค่ะ จากคุณ : เริ่มเป็นป้า (sambaparty) - [ 13 มิ.ย. 51 00:54:27 ]

ความคิดเห็นที่ 144 ยอมรับเลยค่ะว่าโดนความอยากสวยเข้าครอบงำ จากการเข้าห้องแป้งเหมือนกัน แต่เวลาจะตัดสินใจซื้อแต่ละอย่างตอนนี้ต้องคำนึงหลายอย่าง - เงินที่เรามีตอนนี้ - ความจำเป็น - ผลการใช้งานที่มีเพื่อนๆมารีวิวกัน แต่ถึงสุดท้าย เราต้องรู้สภาพผิวเราเองก่อน เพราะทุกอย่างไม่ได้ดีสำหรับทุกคน แต่บางครั้งก็หน้ามืดตามัวไปกับ BA เหมือนกัน แต่พอเห็นราคาก็สามารถตัดใจได้อย่างแน่วแน่เช่นกันค่ะ กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่ดี ที่มาเตือนสติก่อนที่จะสาย ขอโหวตค่ะ.... จากคุณ : แตงโมหน้าร้อน - [ 13 มิ.ย. 51 00:58:44 ]

ความคิดเห็นที่ 145 มีกท.ดีๆให้ข้อคิดอย่างนี้ ขอบคุณจขกท.นะค้า ตัวเองก็พยายามเข้าอ่านน้อยลง จะได้ไม่กระตุ้นความอยากค่ะ ^^ นิตรสารไม่ซื้อเด๋วอยากได้ของใหม่ palette, eyeshadow, blush-on, gloss ซื้อไปซื้อมาแต่สุดท้ายก็ไม่แต่งใช้มันอยู่อันเดียว และเปนคนชอบคิดด้วยว่าซื้อยีห้อไปเลย ดีกว่า ใช้ตั้งนาน ไม่แพงๆ เลยซื้อแต่ยี่ห้องับ กระเป๋า เสื้อผ้าไม่เท่าไหร่ แต่กระเป๋าเรื่องสำอางค์เปิดมามีแต่ยี่ห้อทั้งน้าน เทียบกับเพื่อนแล้วเค้าใช้ของไม่แพงแต่แต่งออกมาไม่แตกต่างเลยค่ะ  ตอนนี้เลยเลิกบ้าแล้ว (อิ่มตัว) ^_^ จากคุณ : เต่าทองน้อย - [ 13 มิ.ย. 51 01:16:02 ]

ความคิดเห็นที่ 146 เห็นอะไรที่คนในนี้บอกว่าดีเราก็อยากได้เหมือนกันนะ แต่งบมีจำกัด ยังรู้ขอบเขตของตัวเองก็เลยพอยับยั้งได้ อีกอย่างเวลาจะซื้ออะไร ก็จะนึกก่อนว่ามันจำเป็นมั้ย เรากำลังต้องการถึงขนาดนั้นเลยหรือเปล่า กระเป๋า คสอ เรามีแต่ของใช้อย่างละชิ้นเท่านั้นค่ะ อะไรที่เรามีแล้วเราก็จะไม่ซื้ออีก ใช้จนกว่าจะหมดถึงจะซื้อ แล้วก็มีแต่ของถูกง่ะ บางอย่างเป็นพันๆเราก็ว่ามันแพงไป ตอนนี้ก็เลยควานหาของถูกๆทนๆและดีๆอยู่อ่ะ อิอิ เรื่องแบบนี้อยู่ที่กำลังทรัพย์ส่วนบุคคลและวิธีการบริหารเงินนั้นๆด้วยมั้งคะ ก็หวังว่าคุณดาวจะใช้จ่ายอย่างมีสติขึ้นนะคะ จากคุณ : jolika - [ 13 มิ.ย. 51 01:20:16 ]

ความคิดเห็นที่ 147 ต้องสวยอย่างมีสติ ใช่มะคะ ชอบกระทู้นี้จังเลยค่ะ เขียนได้น่าอ่านมากเลย และก็ได้ข้อคิดดีๆ ด้วยค่ะ ตอนแรกที่มาห้องนี้เราก็ซื้อดะเลยคะ แต่ตอนนี้หยุดแระ อะไรที่แพงเกินตัว เราก็ดูรีวิวไปงั้น แต่ไม่เคยคิดจะซื้อตามเลย ซื้อที่ใช้จริงๆ ไม่ลองอะไรสะเปะสะปะ หรือเอาอะไรมาทิ้ง ใช้ให้หมด ใช้ดีจริงๆ ค่อยซื้อใหม่ ไม่อยากสวยแต่ต้องติดหนี้สินรุงรังค่ะ บางเดือนมีหนักหน่อย ใครๆ ก็พากันไปเมืองนอก ฝากซื้อไปหลายตังค์ ก็สมน้ำหน้าตัวเองเลยล่ะ จากคุณ : Cat Slave - [ 13 มิ.ย. 51 01:22:44 ]

ความคิดเห็นที่ 148 เห็นของสวยๆชอบเซฟไว้ดูเล่นค่ะ ดูมันทุกวันวันละหลายรอบก็เบื่อไปเอง สรุปก็ไม่เสียตังค์ เสร็จแล้วก็ลบรูปทิ้ง ชั่งใจเยอะมากค่ะจะซื้อของแต่ละที ไปเปิดตู้แล้วกลุ้มใจว่าทำไมของมันเยอะแยะจังฟะ ดูของแล้วไม่มีความสุขเลยค่ะ รู้สึกว่าเราใช้ตังค์เปลืองจัง ยิ่งเทียบกับแฟนยิ่งต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเพราะคุณแฟนไม่แต่งตัวเลย จากคุณ : เยี่ยมจริงๆเลยค่ะคุณนายแอนดรู - [ 13 มิ.ย. 51 01:48:36 ]

ความคิดเห็นที่ 149 เพิ่งได้เข้ามาอ่านครับ ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่มาแบ่งปันกันนะครับ จากคุณ : BIZZARE - [ 13 มิ.ย. 51 02:04:27 ]

ความคิดเห็นที่ 150 เข้ามาอ่านเพราะอยากรู้ว่าคนที่เป็นทาสความสวยนี่มันขนาดไหน บอกตามตรงเลยว่า "อึ้ง" เพราะไม่คิดว่าจะมีคนที่ขาดสติได้ถึงเพียงนี้ เราคงโชคดีมากๆ ที่ที่บ้านเลี้ยงมาให้รู้จักเห็นคุณค่าของเงิน  เรียกว่าอะไรที่ไม่คุ้มนี่ไม่มีวันซื้อเด็ดขาด เพราะฉะนั้นจึงบ้าของถูก คสอ.ก็ขอถูก ถึงขนาดว่าเพื่อนเห็นแล้วรับไม่ได้ บอกว่าคราวหน้าชั้นจะซื้อให้แกใช้นะ เพราะเราซื้อบรัชออนอันละ 19 บ.มาใช้ (19บ.แล้วทำไมหรอค่ะ? หน้าก็ไม่พังซะหน่อย) แต่หลังๆรู้สึกว่าแม้แต่ท่านแม่ก็รับไม่ได้เช่นกัน  ต้องมาบอกว่า หน้าคนนะลูก...ซื้อดีๆหน่อยมาใช้ก็ได้ -*- เวลาเห็น review แต่งหน้าเพื่อนๆในห้องแล้วก็ได้แต่คิดว่า โห...ใช้อะไรเยอะแยะขนาดนั้น เราไม่กล้าซื้อเลยหล่ะคะ เวลาซื้อผลิตภัณฑ์ซักตัวนี่คิดแล้วคิดอีก เปรียบเทียบคุณภาพ ราคา ดูผลรีวิวฯลฯ คิดจนไม่ได้ซื้อซะที =3= คสอ. แพงสุดในชีวิตที่เพิ่งซื้อไปคือ gel eye liner (KATE) 475 บาท  อยากลองว่าของแพงๆ มียี่ห้อมันจะดีกว่ายังไง (ไม่ยังไง เสียดายตัง) ปกติใช้ตามคลองถม 49 69 79 99 ไปเรื่อยถามว่าเงินมีซื้อของดีๆไหม? มีค่ะ...แต่มันเสียดายยยยยย  สุดๆ เรายังเป็นนศ.อยู่ค่ะ ค่าขนมเท่าไหร่เท่านั้น ไม่เคยขอเพิ่มเลย  ไม่เคยต้องไปกู้หนี้ยืมสิ้นเพื่อนมาใช้ เงินที่เราเสียไปโดยมาก หมดไปกับการกินค่ะ (รู้สึกคุ้มกว่าอ่ะ) หรือถ้าจะช็อปก็หมดไปกับเครื่องประดับมากกว่า เพราะรู้สึกว่ามันเก็บได้นาน ใช้ได้หลายโอกาส  ซื้อมาไม่เข้ากับเราก็ยังยกให้คนอื่นได้ ขอบคุณ จขกท.มากๆ ที่นำเรื่องราวดีๆมาเป็นอุทาหรณ์ให้สาวๆห้องแป้ง ได้มีวิจารณญาณในการซื้อคสอ. โดยเฉพาะสาวๆที่ไม่ได้ทำงานมีรายได้เป็นของตัวเอง ขอจบด้วยกลอนที่นั่งแต่งเองซะหน่อยนะคะ  (อารมณ์ไหนไม่ทราบ อิอิ) เปรียบประดั่ง สุภาษิต เขาว่าไว้                  พินิจไซร้ ไก่จะงาม เพราะตามขน อันตัวนาง นั้นจะงาม เพราะแต่งตน             เป็นพวงผล เสริมเสน่ห์ ทุกเวลา               อันภายนอก ดูว่าดี ใช่พร้อมสรรพ               ต้องประดับ ประกอบด้วย อีกหนึ่งหนา คนจะงาม งามที่ใจ ใช่หน้าตา                    อีกปัญญา คุมสติ พินิจตรอง ใครครบด้วย ดังที่กล่าว มาข้างต้น              มิขาดคน เฝ้าปอง หวังครองคู่ เป็นสตรี เพียบพร้อม น่าเชิดชู                   เสียงเล่าลือ ฟูเฟื่อง กระเดื่องนาม จากคุณ : zepsil_27 - [ 13 มิ.ย. 51 02:10:35 ]

ความคิดเห็นที่ 151 เข้ามาอ่านและโหวตค่ะ จากคุณ : catchy - [ 13 มิ.ย. 51 02:30:20 ]

ความคิดเห็นที่ 152 เราจะบ้าช๊อปเป็นช่วงๆน่ะค่ะ บางทีก้อไม่ซื้ออะไรเลยหลายๆเดือน แล้วพอมาอีกเดือนก้อซื้อแหลก เหมือนมันอัดอั้น ยิ่งตอนทำงาน ได้เงินเยอะๆ.......โอ้โห ใช้เกินเงินเดือนอ่ะ แล้วตอนนี้เราไม่มีเงินเดือนแล้ว เจ็บปวดทุกครั้งที่พ่อเอาเงินมาให้ใช้ตอนสิ้นเดือน เราว่าพ่อแม่เนี่ย จะทำให้เราสำนึกตัวเองได้เองค่ะ ว่าอะไรควรไม่ควร ตอนนี้ไม่ช๊อปเลย อ่านที่นี่ ก้อนึกอยากได้ แต่ซื้อไม่ลง นึกหน้าพ่อแล้วจะร้องไห้ จากคุณ : ## WoodStock ## - [ 13 มิ.ย. 51 03:00:21 ]

ความคิดเห็นที่ 153 เข้ามาอ่านขอรับ.. แล้วก็เจ็บจี๊ด.... เพราะมันแทงใจตัวเอง... กรณีคล้าย ๆ กันนี้กระผมก็เคยประสบกับตัวเองมาก่อน ถึงจะไม่ถึงขนาดมีหนี้ท่วมแต่ก็หมดไปเยอะเลยทีเดียว ปูเป้ก็ขอเป็นกำลังใจให้คุณดาวนะขอรับ  และคุณ จขกท ก็ทำได้ดีที่สุดแล้วแต่ผลจะออกมาเป็นยังไง คงขึ้นอยู่กับตัวคุณดาวเองแล้วล่ะขอรับ จากประสบการณ์ของปูเป้ ทางออกของปัญหามันมีอยู่ที่ตัวเองอยู่แล้ว และถึงจะมีคนบอกเฉลยกรอกข้างหูอยู่ตลอด แต่ถ้าไม่ได้คิดหาและเข้าใจด้วยตัวเองก็ไม่วันพบคำตอบหรอกขอรับ แต่ก็จะผ่านไปได้ง่ายขึ้นถ้ามีคนอยู่เคียงข้างคอยให้กำลังใจอยู่ข้าง  ๆ บางทีเราอาจจะ "สาป" ตัวเอง ให้ผูกติดกับ "ความสวย" ตามค่านิยม  จนหลงลืม "ความงาม" ของตัวเอง...  ถ้าเรายึดติดว่าความงามที่แท้จริงต้องเหมือนคนนั้นต้องแบบคนนี้ เราก็คงไม่มีวันได้พบความสุขและรู้สึกพอใจในตัวเอง... PS. ไม่ต้องรวยก็สวยได้  เพียงแต่มีเงินมากก็มีทางเลือกมาก มีเงินน้อยทางเลือกก็น้อยตาม  แต่ไม่ว่าทางเลือกไหน ๆ จะถูกหรือแพง ถ้าตั้งใจและพยายามก็สวยได้เหมือนกันทั้งนั้นขอรับ   PS อีกที...  โหวตขอรับ!!!!!!!!!!!!!!!! จากคุณ : PuPe_so_Sweet - [ 13 มิ.ย. 51 03:24:29 ]

ความคิดเห็นที่ 154 โหวตให้ค่ะ ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีๆค่ะ โดนใจอย่างแรง จากคุณ : มีหัวใจแต่ไร้ความรู้สึก - [ 13 มิ.ย. 51 04:35:22 ]

ความคิดเห็นที่ 155 T_T VOTE ka ! จากคุณ : ลูกกวาดสีแดง - [ 13 มิ.ย. 51 05:32:25 ]

ความคิดเห็นที่ 156 อืม อ่านความเห็นบนๆแล้วน่าสนใจดีค่ะ เหมือนที่เคยคุยกับจิตแพทย์บางท่านเลย เค้าบอกว่าเพราะเราขาด(อะไรก็ไม่รู้ ต้องไปหาเอาเอง) เราเลยคิดว่าของนอกกายจะเป็นสิ่งที่มาเติมชีวิตให้เต็มได้ แต่เพราะว่ามันเป็นของภายนอกอะค่ะ ไม่จีรัง เดี๋ยวแป๊บๆ ก็รู้สึกว่าไม่พอ ไม่รู้เท่าไหร่จะพอ ยังรู้สึกขาดอยู่ นั่นเพราะสิ่งที่เราโหยหาจริงๆ (อีกที - ซึ่งก็คืออะไรไม่รู้ ต้องไปหาเอาเอง) มันยังไม่ได้ถูกทดแทนอะค่ะ อาจจะเป็นความรู้สึกเหงา ไม่เข้าใจตัวเอง รู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า ไม่มั่นใจ กลัว กลัวการถูกปฎิเสธ อยากมีเพื่อน อยากได้ความรักจากคนอื่น อยากให้คนอื่นมาสนใจ หรืออื่นๆน่ะค่ะ อันนี้เราต้องหยุดแล้วมาอยู่กับตัวเองซักพัก หรือคุยกับใครซักคน เพื่อสำรวจตัวเองแล้วจะได้รู้ว่าจริงๆเราขาดหรือต้องการอะไร จะได้หามาเติมให้ถูก โลกทุกวันนี้หมุนเร็วจริงๆค่ะ เหนื่อยใจ บางทีอาจจะดีบ้างนะคะ ถ้าเราหยุดทำอะไรเร่งรีบแล้วลองมานั่งคุยกับตัวเองบ้าง บางทีถ้าเราเข้าใจตัวเองมากขึ้น เราอาจจะหยุดการเสพติดวัตถุภายนอกก็ได้นะคะ จากคุณ : ลูกลิง กลิ้งไปกลิ้งมา - [ 13 มิ.ย. 51 06:16:05 ]

ความคิดเห็นที่ 157 ปล. trick อีกอย่างที่เราชอบใช้ที่นี่ คือที่เมการ้านส่วนมากคือซื้อแล้วคืนได้ค่ะ ภายใน30-60 วันก็ว่าไป ได้เงินคืนเต็มจำนวน เราก็อยากได้ ซื้อมาลอง ไม่ได้ชอบจริงๆก็เอาไปคืน บางทียังไม่ได้ใช้เลยอะ ก็แบบ เอามาดูๆ ไม่อยากได้ละ - -; ซื้อแล้วหายอยาก เอาไปคืน 55 เริ่มโรคจิตนะเนี่ย แต่กลับไทยคงทำแบบนี้ไม่ได้ใช่เปล่าคะเนี่ย ปกติถ้าไม่ชอบเค้าให้คืนหรือเปล่าคะ ก็ต้องระวังมากขึ้น แต่อยู่ไทย ราคาเครื่องสำอางต่อเงินเดือนคงไม่น้อยแน่ๆ เราว่าลดกิเลสได้เยอะเลยนะคะนั่น เห็นแล้วคงซีัด จากคุณ : ลูกลิง กลิ้งไปกลิ้งมา - [ 13 มิ.ย. 51 06:27:47 ]

ความคิดเห็นที่ 158 ดิฉันขอเล่ารายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ที่ได้คุยกับน้องดาวมาเมื่อวาน นะคะ จากคุณ : สูญเสียทุกอย่าง เมื่อสร่างเมา - [ 13 มิ.ย. 51 08:03:38 ]

ความคิดเห็นที่ 159 อย่าว่าโง้นงี้เลยนะ ห้องโต๊ะเครื่องแป้งนี่แหละตัวดีเลย ที่ทำให้สาวๆหลายคนที่ไม่มีวิจารณญาน กลายเป็นน้องดาวของคุณเจ้าของกระทู้ จากคุณ : joeymydear - [ 13 มิ.ย. 51 08:18:35 ]

ความคิดเห็นที่ 160 สมัยสาวๆ เริ่มมีรายได้ ชิงผ่อนบ้านผ่อนรถก่อน โชคดีที่ชอบเล็งแต่ของใหญ่ๆ เลยเหลือเงินซื้อ คสอ. เท่าที่จำเป็นใช้ เคล็ดของเราคือใช้ให้หมด แล้วค่อยซื้อใหม่ ส่วนพวกสีๆ มีแค่ 2-3 โทน พอ อาการหนูดาวคล้ายเพื่อนข้าพเจ้าเลยอ่ะ แต่เป็นเสื้อผ้า ซื้อมากองๆ เป็นภูเขาหลายๆลูกในห้องนอนแทบไม่มีทางเดิน เลิกซื้อไม่ได้เธอบอกว่าเวลาเห็นแล้วเหมือนโดนผีเข้าสิง ตอนนี้แก้ปัญหาโดยเปิดร้านขายเองซะเลย จากคุณ : เมี๊ยวหง่าว - [ 13 มิ.ย. 51 09:42:55 ]

ความคิดเห็นที่ 161 โหวต!!! เป็นอุทาหรณ์ที่ดี เอาไว้เตือนสติในการใช้เงิน ขอบคุณค่ะ จากคุณ : แมวน้อยคอยปลาทู - [ 13 มิ.ย. 51 09:53:21 ]

ความคิดเห็นที่ 162 โหวตค่ะ เรื่องดีๆ ที่ต้องเอามาคิดทบทวนกับชีวิตประจำวันของอิชั้นเช่นกัน จากคุณ : ชฎาแหลม - [ 13 มิ.ย. 51 09:55:40 ]

ความคิดเห็นที่ 163 เราซื้อแป้งของ เมฯ ใช้ ที่ออกใหม่ตลับสีชมพู จำไม่ได้ว่าเท่าไหร่ น่าจะ 399 หรือเปล่า เรามีความรู้สึกว่าแพงมาก ๆ ซื้ออายแชร์โดว์ก็ลดราคา ของเมฯ เหมือนกัน ลดแล้วก็ยังเหมือนว่ามันแพงมาก (ลดเหลือ 259) เพิ่งจะมาเริ่มแต่งหน้า อยากได้เบสของเรดเอิดร์ใจจะขาดทุกวันนี้ยังไม่กล้าซื้อ เดินไปถามเค้าเตอร์เรดฯ ชุดซัมเมอร์ 1390 ได้ทั้ง ลิป อายแชโดว์ เรายังทำใจไม่ได้เลย อยากก็อยาก เงินก็มี ซื้อได้ยกเคาเตอร์ ยังไม่ซื้อ เสียดายอย่างรุนแรง เคยซื้อแพงที่สุด คืออายแชโดว์ม่วง จำไม่ได้ว่าของอะไร ที่ว่าแพงมากเพราะมีแค่สีเดียวเดี่ยว ๆ  490 (เมื่อ 5 ปีที่แล้ว) ยังเสียดายเงินอยู่ถึงทุกวันนี้ น้องดาวของคุณพี่นี่ท่าทางจะเป็นหนักนะคะ ยังไงบอกได้ก็ควรจะบอกคะ หน้าสวยได้มาด้วยหนี้มากมาย มันไม่คุ้มหรอกคะ ผู้ชายไม่ได้มองผู้หญิงแค่หน้า จริงอยู่ว่าเค้าจะต้องมองผู้หญิงสวย ๆ แต่คนที่จะมาเป็นแม่ของลูกจริง ๆ สวย แต่ไม่รู้จักเก็บเงิน บ้าซื้อทุกอย่าง บริหารเงินไม่เป็น เราว่าผุ้ชายทุกคนก้ต้องหนีคะ เพราะถ้าเป็นดิฉัน ก็ไม่เอาผู้หญิงแบบนี้เหมือนกัน จากคุณ : ดึ่งดึ้ง (ดึ่งดึ้ง) - [ 13 มิ.ย. 51 09:56:50 ]

ความคิดเห็นที่ 164 สำหรับเรา คสอ พันกว่าถือว่าแพงแล้ว จะไม่ซื้อบ่อย แต่จะภูมิใจมากที่ได้ของดี ราคาถูก จากคุณ : น้องพอใจไม่พอใจ - [ 13 มิ.ย. 51 10:23:18 ]

ความคิดเห็นที่ 165 โอ้ยยยย อ่านแล้วคิดถึงตัวเองเลยอ่า เมื่อก่อนของเกินพันนี่อย่าหวังได้แอ้มเงินเรา แต่เดี๋ยวนี้ ล่อเป็นหมื่น แต่เราก็มีเงินเก็บและไม่เป็นหนี้นะคะ เพียงแต่ว่าถ้าไปใช้ของราคาไม่แพงอย่างเมื่อก่อนคงมีเงินเก็บมากกว่าเท่านั้นเอง แต่เน้นไม่เป็นหนี้ค่ะ อิอิ จากคุณ : เผือกหางหงอก - [ 13 มิ.ย. 51 11:01:02 ]

ความคิดเห็นที่ 166 อ่านแล้วได้คิด ... จากคุณ : klint77 - [ 13 มิ.ย. 51 11:16:13 ]

ความคิดเห็นที่ 167 โหวตด้วยคนค่ะ อ่านแล้วมานับๆเครื่องสำอาง ครีมบำรุงต่างๆที่มีอยู่ ก็เกิดคิดได้ว่าต้องหยุดซื้อซะที 555 จากคุณ : brabus_rocket - [ 13 มิ.ย. 51 11:19:31 ]

ความคิดเห็นที่ 168 เราก็ชอบซื้อของค่ะ ตอนแต่งหน้าใหม่ ๆ อยากได้โน่นอยากได้นี่ แล้วหลัง ๆ ก็เริ่มมีความคิดที่ว่า ลิปสวยจริง แต่จะซื้อใหม่ทำไมของเก่าก็ยังใช้ไม่หมด ปากก็มีอยู่ปากเดียว สัญญากับตัวเองว่าจะไม่ซื้อลิป บลัชออนก็ซื้อสีหลัก ๆ จนครบหมดแล้วนะ อายแชโดวสีหลัก ๆ ที่ตัวเองทาสวยก็มีหมดแล้วเช่นกัน ถ้าอยากซื้อจริง ๆ เราจะขายของเก่าแล้วค่อยซื้อของใหม่ค่ะ มันจะได้มีไม่เยอะ แล้วก็ไม่ซ้ำกัน ป.ล. ในที่สุด ปูเป้ก็มาในค.ห.  153 นี่ก็เป็นตัวอย่างที่ดีเช่นกันค่ะ แต่ก่อนซื้อเยอะมากกกกกก พออ่านส่วนผสมเป็นถึงเพิ่งเห็นธรรม ว่าแบรนด์ดังแค่ไหนมันก็แค่นั้นถ้าส่วนผสมไม่ดี ฮ่า ๆ จากคุณ : storm_lunasea - [ 13 มิ.ย. 51 11:33:22 ]

ความคิดเห็นที่ 169 เห็นด้วยกับ #159 เหมือนกันค่ะ ห้องแป้งนี่แหละตัวดี บางทีคนมีเงินก็เอาเครื่องสำอางค์แพงๆมารีวิว เยอะแยะไปหมด  ดีอย่างนั้น ดีอย่างนี้ ใครดูแล้วไม่มีสติ ก็อยากได้กันทั้งนั้นเลย แต่มันเป็นบอร์ดสาธารณะไง "ต้องใช้วิจารณะญาณในการรับชม" จากคุณ : ข้าวยำหมูตุ๋น - [ 13 มิ.ย. 51 11:49:01 ]

ความคิดเห็นที่ 170 เราก็เคยเป็นค่ะ อย่างคุณดาวนี่แหละ แต่เราว่าเราหมดไปมากกว่าคุณดาวอีกนะ ครีมตัวไหนใครว่าดี แพงแค่ไหนก็ซื้อมาใช้ แต่พอใช้แล้วไม่ดี ก็ทิ้งบ้าง ให้เพื่อนบ้าง ทาขาทาเท้าทาตัวก็ว่าไปตามเรื่อง แต่โชคดีที่ไม่มีหนี้สิน แต่ตอนนี้เราเลิกแล้วนะ ใช้แต่ยี่ห้อเดิมๆหลังลองผิดลองถูกมานาน มีแค่ไม่กี่ตัวหรอกที่เหมาะกะเรา จากคุณ : <<Ayumi>> - [ 13 มิ.ย. 51 12:13:48 ]

ความคิดเห็นที่ 171 โหวตค่ะ อีกหน่อยเวลาใครมารีวิวอะไรคงต้องขึ้นป้าย "โปรดใช้วิจารณญานในการอ่าน และไตร่ตรองให้รอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อตาม จขกท" แหะ..แหะ...แหะ แต่ก็ไม่รู้จะรั้งอยู่รึเปล่า ตัวอิชั้นเอง มาได้สติตอนเสียสตังค์ไปแล้วทู๊กที ... เหมือนกัน ขอบคุณ จขกท นะคะ จากคุณ : ป้าเอียด - [ 13 มิ.ย. 51 12:39:23 ]

ความคิดเห็นที่ 172 เคยเป็นเหมือนคุณดาวค่ะ กว่าจะกลับใจได้ กว่าจะใช้หนี้หมดก็หลังอานเหมือนกัน ทุกวันนี้ยังใช้บัตรเครดิตอยู่แต่ใช้แบบมีสติมาก ส่วนเครื่องสำอางค์กะเสื้อผ้านั่นก็ซื้อเมื่อจำเป็น ขอให้คิดได้ไว ๆ นะคะ พอ"คิดได้เอง" ปัญญาก็จะเกิดค่ะ เอาใจช่วยสู้ ๆ จากคุณ : คาสเตฯ (castellano) - [ 13 มิ.ย. 51 12:56:18 ]

ความคิดเห็นที่ 173 คนแบบนี้ก็มีด้วย - - จากคุณ : น้องตัวยุ่ง - [ 13 มิ.ย. 51 12:59:51 ]

ความคิดเห็นที่ 174 โหวต และ แวะมาอ่านรอบสองค่ะ จากคุณ : i a m h u g (i a m h u g) - [ 13 มิ.ย. 51 13:12:45 ]

ความคิดเห็นที่ 175 รบกวนหน่อยนะ ใครพอจะเก็บหรือหาฝาเบียร์ไฮเนเก้นได้บ้าง ต้องการจำนวนมากๆๆๆๆ ขอซื้อก็ได้ สนใจติดต่อ papang_78@yahoo.com จากคุณ : papang_78@yahoo.com (nothing_bust) - [ 13 มิ.ย. 51 13:23:46 ]

ความคิดเห็นที่ 176 ขอบคุณที่ตั้งกระทู้ดีๆเช่นนี้ค่ะ เราก็เป็นคนนึงที่ตามกระแสห้องนี้เหมือนกัน ซื้อมาลองกับหน้า หมดเงินไปหลายทีเดียว ผลคือ หน้าแหก.....เลยเข็ดเรื่องเครื่องสำอางค์ ไม่เอาแล้ว ที่เค้าว่าดีๆ มันอาจไม่ดีกะเราน่ะ .....ได้ของแถมคือสิว...ตอนนี้ก็เลยหมดไปกะค่าหมอสิวเป็นหมื่นๆอีก (แล้วหน้าก็คงไม่ดีดังเดิม...สมน้ำหน้าตัวเอง...ชิ) แต่กิเลสหนอกิเลส.....จบเรื่องเครื่องสำอางค์ไป ก็ไปบ้าอย่างอื่นต่อ (เราเป็นประเภท มีเงินติดตัวไม่ได้ มันต้องใช้ กลัวมันจะเน่าเสียหรือไงไม่รู้) ตอนนี้ก็บ้าซื้อกระเป๋า(แบรนด์เนมซะด้วย) เพราะคิดว่ามันใช้ได้นาน ไม่ทำให้หน้าเราเน่าเหมือนเครื่องสำอางค์แน่ๆ ต่อไปเบื่อจะขายต่อก็ยังได้ราคา (เข้าข้างตัวเองอีกแนะ....) แต่อย่างไรก็ดี เราก็ไม่ใช้บัตรเครดิตเด็ดขาดค่ะ เพราะรู้ว่าตัวเองควบคุมการใช้เงินไม่ได้ (ไม่ไว้ใจตัวเองนั่นแหล่ะ...) ก็เลยตัดไฟแต่ต้นลมซะ ใช้เท่าที่มันมี ไม่มีก็ไม่ต้องใช้ เราก็ให้เงินที่บ้านเหมือนกันค่ะ พอเงินเดือนออกปุ๊บก็โอนให้ปั๊บเลย เหมือนเป็นสิ่งที่ต้องทำค่ะ เราว่าจะพยายามเก็บเงินส่วนตัวให้ได้ทุกเดือนเหมือนกัน แต่จนแล้วจนรอดก็ห้ามใจไม่ได้ มันต้องมีเหตุให้ใช้ทุกทีสิ... เราว่าต่อไปนี้เราจะไม่เข้าไปดูพวกเวปซื้อ-ขายต่างๆนาๆ ที่จะกระตุ้นกิเลสเราแล้ว เพราะมันอดซื้อไม่ได้ ยิ่งดูก็ยิ่งอยากได้ ถ้าไม่ไปดูมันก็ไม่เห็นจะอยากได้นิ....เราก็คนฐานะปานกลางคนนึงที่มันยังมีกิเลส อยากได้+อยากมี+อยากเป็น ต่อไปนี้จะพยายามเตือนสติตัวเองให้มากขึ้นค่ะ เราว่าคุณดาวยังโชคดีที่มีเพื่อนดีๆคอยช่วยเตือนสติอย่างคุณ จขกท นะคะ (เพราะส่วนมากเพื่อนเรานี่แหล่ะตัวดี ชวนกันเสียเงิน 555) ยังไงก็ตาม การไม่เป็นหนี้ ดีที่สุดค่ะ จากคุณ : มนลิลลี่ - [ 13 มิ.ย. 51 13:27:25 ]

ความคิดเห็นที่ 177 ขอบคุณที่แบ่งปันเรื่องดีดี..ที่ช่วยเตือนสติเราได้ดีทีเดียวค่ะ ทุกวันนี้ .. มีบ้างที่เผลอหลงคารมคนขาย จนซื้อครีมบำรุงเต็มบ้านเลยค่ะ แต่ก็เริ่มคิดได้แล้วอ่ะค่ะ ก่อนที่จะเป็นหนี้เยอะจนเกินเหตุ .. เรื่องนี้ เลยมาช่วยย้ำเตือนว่า.. "อย่าเป็นทาสความสวย" ยังไง ๆ สวยจากข้างในกันดีกว่าเนอะ ^^ จากคุณ : ฉันอยู่ตรงนี้ - [ 13 มิ.ย. 51 13:44:53 ]

ความคิดเห็นที่ 178 อ่านแล้วนึกถึงหนังสือ Confessions of a Shopaholic เพียงแต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะโชคดีเหมือนรีเบ็คกา บลูมวูด เสมอไป (ก็มันเป็นนิยายนี่นา) จริง ๆ ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่ที่ใจคนนั่นล่ะค่ะ ถ้าเราเดินสายกลาง ทำทุกอย่างแต่พอดีก็จะไม่มีเรื่องอะไร ทำให้เรานึกถึงเพลง Unpretty ของวง TLC ขึ้นมาเลยค่ะ ...You can buy your hair if it won't grow You can fix your nose if you said so You can buy all the make up That M.A.C. can make But if you can't look inside you Find out, who am I to Be in the position to make me feel So damn unpretty... เราชอบดูทั้งรีวิวและพรีวิว นั่นล่ะค่ะ ของสวย ๆ งาม ๆ ใครก็ชอบ แต่ถามว่าจะซื้อตามหรือเปล่า คำตอบก็คือ เฉพาะบางอย่างที่ราคาไม่แพง ค่อนไปทางถูกเลยก็ว่าได้ เพราะว่าเราไม่ได้แต่งหน้า จะเน้นบำรุงผิวมากกว่า ซื้อบ่อยหน่อยก็พวกครีม มาสก์ สครับ แต่ก็ใช้จนหมดทุกครั้ง พวกกระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้าแพง ๆ นี่เป็นอันว่าไม่ได้กินเงินเราแน่ อวยพรให้คุณดาวมีสติระลึกรู้ได้นะคะว่า เธอควรจะต้องมีวินัยในการใช้เงิน และควรจะต้องทำอย่างไรต่อ ดีกับพ่อแม่ผู้มีพระคุณเสียตั้งแต่ตอนที่ท่านยังอยู่เถอะค่ะ อย่ารอให้ท่านจากไปแล้วเพิ่งจะมาคร่ำครวญ แล้วก็ค่อยทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้เลย จากคุณ : ปลาทองอัลไซเมอร์ (zaida, film mania) - [ 13 มิ.ย. 51 14:16:10 ]