PANTIP.COM : Q6756515 Review >> ครั้งแรกกับการทำ DETOX ครับ << ล้างสารพิษเพื่อความสวยความหล่อ กันเถอะ [ความงาม]

ความคิดเห็นที่ 2

ความรู้สึกหลังทำเสร็จ
รู้สึกโล่งๆๆอย่างบอกไม่ถูก เพระตอนแรกก่อนที่จะทำนั้นปวดท้องแบบ กดๆด้วยอ่ะครับ เลยทดสอบว่า ถ้าดีทอกซ์แล้วจะเป็นยังไงนะ ปรากฎว่าหายปวดท้องเลยครับ โล่งสะบายท้องมากๆ ครับ
มันไม่น่ากลัวเหมือนที่คิดไว้ตอนแรกเลยนะครับ แต่คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับลำไส้ไม่ควรทำนะครับ ลองดูขากข้อมูลข้างล่างนะครับ

ข้อมูลข้างล่างนี้เนข้อมูลที่นำมาจากเวป บางกอกเฮลท์นะครับ

ขออนุญาตให้ข้อมูลเกี่ยวกับดีทอกซ์ โดยแบ่งตามความคิดเห็น ดังนี้ค่ะ
1. ตามความหมายที่มีคนทำกันโดยทั่วไปโดยคร่าวๆ
ดีท็อกซ์ ย่อมาจาก Detoxification หมายถึงการกำจัดพิษออกจากร่างกาย การเอาพิษออกมีหลายวิธี เช่นการออกกำลังกาย การอบความร้อน แต่ในที่นี้เราหมายถึงการสวนทวาร เพราะอาหารที่เรากินเข้าไป จะระบายเป็นของเสียคือ อุจจาระ ปัสสาวะ เหงื่อ และลมหายใจ ตรงไหนสกปรกมากที่สุด ก็คืออุจจาระ ขณะที่เหงื่อที่ระบายออกมาทางผิวหนัง เราก็ทำความสะอาดโดยการอาบน้ำวันละสองครั้ง ทั้งที่สกปรกน้อยกว่าอุจจาระ การที่เราถ่ายทุกวัน เราไม่ได้ถ่ายหมด บางคนไขมันติดเป็นคราบเป็นก้อนอยู่กับลำไส้ เป็นเวลาหลายสิบปี อาหารที่มีเส้นใยก็ไม่กิน ข้าวกล้องก็ไม่กิน ของเสียติดกันเป็นพืด เป็นพิษเข้าไปร่างกาย แต่การทำดีทอกซ์มันช่วยทำให้ลำไส้สะอาด เมื่อลำไส้เราสะอาด แล็กโตบาซิลลัสซึ่งเป็นแบคทีเรียชนิดดีจะเจริญเติบโตได้รวดเร็ว การดูดซึมสามารถทำได้เต็มที่ แต่ถ้าอุจจาระมีกลิ่นเหม็น เกิดสารพิษขึ้นตั้ง ๙ อย่าง สารพวกนี้นอกจากก่อมะเร็งลำไส้แล้ว ยังสามารถดูดซึมเข้าไปในกระแสเลือด ทำให้ตับทำงานหนัก การทำดีทอกซ์ เป็นการช่วยตับด้วยให้รับภาระนี้น้อยลง กาแฟยังไปช่วยตับให้ผลิตน้ำดีเพิ่มขึ้นเพื่อไปลดโคเลสเตอรอล และเอาของเสียที่ตับกำจัดออกมา น้ำดีเหมือนรถบรรทุก เอาของเสียมาทิ้งกับน้ำดี น้ำดีก็จะพาออกมากับอาหารของเรา นอกจากมันช่วยย่อยอาหารแล้วยังช่วยเอาของเสียออกมาจากตับด้วย สามารถทำได้ด้วยตนเองควรทำประมาณ 2 ครั้ง / วัน

2. ทางการแพทย์
ในทางการแพทย์นั้นการสวนล้าง จะใช้ SSE ซึ่งเป็นน้ำสบู่ที่ปลอดภัยและสะอาด การสวนล้างลำไส้เป็นวิธีการที่แพทย์ใช้ในการรักษาอาการท้องผูก อุจจาระแข็ง ขับถ่ายยาก หรือทำเพื่อเตรียมตัวก่อนการเอ็กซเรย์ หรือก่อนการผ่าตัด แต่จากข้อมูลที่มีอยู่นั้นไม่แนะนำให้ทำบ่อยๆ ปีหนึ่งๆไม่ควรเกิน 2 ครั้ง ซึ่งต้องพิจารณาเป็นกรณีไป และควรปรึกษาแพทย์โดยตรงค่ะ ในคนไข้บางรายมีภาวะของความดัน โรคไต โรคหัวใจ ทำให้การทำการสวนดังกล่าวอาจมีผลต่อคนไข้ได้ แพทย์จะเป็นผู้พิจารณาว่าคนไข้จะทำได้หรือไม่

วิธีการทำจะสวนโดยใช้หลอดสวนเข้าทางทวารหนัก หากไม่เกร็ง ไม่ต้านจะไม่รู้สึกเจ็บ และเปิด SSE สวนเข้าไปช้าๆ หากรู้สึกอยากถ่ายก็จะให้ถ่ายออกจนหมดแล้วจึงสวนเข้าไปใหม่ แล้วถ่าย จนกว่าน้ำที่เตียมไว้หมด เมื่อน้าหมดก็ถอดสายสวนออกค่ะ

เนื่องจากในทางการแพทย์แผนปัจจุบันไม่มีให้บริการเกี่ยวกับการทำดีทอกซ์ ซึ่งการกระทำด้วยตัวเองต้องระวังการทะลุของลำไส้รวมถึงอาจเกิดภาวะติดเชื้อจากสิ่งแปลกปลอมที่เข้าไปในร่างกายด้วยค่ะ

3. ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับเรื่องการทำ DETOX ควรใช้วิจารณญาณก่อนเลือกปฏิบัติค่ะ ข้อมูลด้านล่างนี้เป็นข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อการตัดสินใจค่ะ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ : สธ.เตือนอย่าสวนทวารหนักล้างพิษ
ที่มา : หนังสือพิมพ์ผู้จัดดาร
วันที่ : 8 กันยายน 2546

สธ.เตือนอย่าสวนทวารหนักด้วยน้ำเกลือ กาแฟ หวังล้างพิษออกจากร่างกาย สธ.ชี้ทำให้ลำไส้ติ่งอักเสบ ลำไส้อุดตัน มะเร็งลำไส้ โรคไต การสวนทวารหนักควรอยู่ภายใต้ความดูแลของแพทย์เท่านั้น ไม่ควรสวนเองหรือคิดว่าใครสวนให้ก็ได้ แนะกินอาหารที่กากใยสูง ผัก ผลไม้ ดื่มน้ำสะอาด ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ช่วยให้ระบบขับถ่ายปกติ

นางนิตยา จันทร์เรือง มหาผล โฆษก กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ขณะนี้มีคนนิยมสวนทวารหนักโดยใช้น้ำ น้ำเกลือ น้ำกาแฟ หวังผลเพื่อรักษาโรคและล้างพิษออกจากร่างกาย ซึ่งการกระทำดังกล่าวมีข้อควรระวัง โดยเฉพาะคนที่เป็นไส้ติ่งอักเสบ ลำไส้อักเสบ หากใส่น้ำหรือของเหลวที่มีความดันเข้าไปทางทวารหนักจะเกิดความระคายเคืองผิวลำไส้ที่บางอยู่แล้ว อาจโป่งพองถึงขึ้นแตกได้
สำหรับผู้ที่เป็นโรคไต กรณีใช้น้ำเกลือ กาแฟสวนทวาร การรับน้ำหรือเกลือมากเกินไปมีผลต่ออวัยวะ ผิวสัมผัสของลำไส้ใหญ่ ทั้งนี้ลำไส้ใหญ่มีหน้าที่ดูดซึมน้ำเข้าสู่ร่างกาย เมื่อสวนน้ำเกลือ กาเฟอีน และผ่านการดูดซึมของลำไส้ใหญ่บางคนที่ไวต่อเกลือ และกาแฟอีนอาจเป็นอันตรายได้

ตามหลักทางการแพทย์การสวนทวารหนักก่อนอื่นแพทย์ต้องการตรวจลำไส้ว่า มีความผิดปกติหรือไม่ แพทย์จึงสวนทวารหนักเพื่อขับถ่ายสิ่งที่อยู่ในลำไส้ใหญ่ออก หลังจากนั้นจึงใส่สารแบเรียมซึมเป็นสารทึบแสง ดูว่าลำไส้มีความผิดปกติส่วนใด นอกจากนั้นยังใช้การสวนทวารหนักเพื่อรักษาภาวะลำไส้กลืนกันหรือซ้อนทับสวมกัน ค่อย ๆ ดึงลำไส้ให้อยู่ในตำแหน่งปกติ รวมทั้งการสวนทวารหนักในกรณีที่ท้องผูก

"จำเป็นต้องสวนทวารหนักหรือไม่ ที่สำคัญคนที่สวนต้องมีความรู้ความชำนาญ ไม่ใช้ใครก็สวนได้ เพราะลำไส้เหมือนลูกโป่ง หากเป่าลมเข้าไปมากลูกโป่งอาจแตกได้ เพราะน้ำมีแรงดัน หากน้ำที่ไหลเข้ามีแรงดันสูงก็เป็นอันตรายได้ ยกตัวอย่างมีผู้สวนทวารหนักด้วยกาแฟ เผชิญน้ำร้อนเกินไปทำให้ลำไส้พองอักเสบ จนต้องเข้ารับการรักษาโดยด่วน

สำหรับคนที่เป็นไส้ติ่ง ลำไส้อักเสบ ลำไส้อุดตัน พังผืดรัดลำไส้ มะเร็งลำไส้ ไม่ควรสวนทวารหนัก เพราะทำให้ลำไส้ระบบจากอุณหภูมิของน้ำที่ร้อนหรือเย็นเกินไป ลำไส้ระคายเนื่องจากน้ำยาหรือสารเคมีที่ใช้สวน ไม่รู้ความเข้มข้น ไม่รู้ว่าจะสวนถี่แค่ไหน ลำไส้ระเบิดจากแรงดันน้ำมากจนทำให้ลำไส้ขยายตัว สิ่งเหล่านี้เป็นข้อควรระวังก่อนจะสวนทวารหนัก สวนล้างลำไส้
นางนิตยา กล่าวทิ้งท้ายว่า ถ้าหากต้องการให้ร่างกายแข็งแร ไม่จำเป็นต้องสวนทวารหนักล้างพิษ ควรรับประทานอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผัก ผลไม้ งดอาหารไขมันสูง พร้อมกับหมั่นออกกำลังกาย ดื่มน้ำสะอาด เท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ร่างกายแข็งแรง

จากทั้ง 3 หัวข้อที่กล่าวมาแล้ว เป็นเพียงข้อมูลคร่าวๆ แนะนำให้คุณใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจค่ะ หรือจะให้ดี ในกรณีที่คุณมีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร เช่น ท้องผูก ท้องเสีย หรือท้องอือแน่นท้อง แนะนำให้พบแพทย์ทางด้านอายุรกรรมทางเดินอาหารโดยตรงค่ะ

จากคุณ : หล่อดูดีมีระดับ - [ 1 ก.ค. 51 11:28:00 ]