Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    "ผิวแพ้ง่ายมากค่ะ" <---- จริงหรอ?

    สวัสดีขอรับทุกท่าน  นับตั้งแต่วันแรกที่ปูเป้เริ่มทำบทความมานำเสนอ ตอนนี้ก็ผ่านล่วงไปเป็นเวลาประมาณสองเดือนแล้ว ซึ่งกระผมก็ดีใจเป็นอย่างยิ่งที่สามารถทำประโยชน์ให้กับผู้อื่นโดยการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นประโยชน์มากมาย และก็มีหลายท่านที่มีรัวคำถามและข้อข้องใจมาให้ปูเป้ช่วยออกความคิดเห็น ซึ่งกระผมก็ทำตามความสามารถเท่าที่ทำได้

    ช่วงเวลาสองเดือนที่ผ่านมา  จุดที่ปูเป้คิดว่าเป็นปัญหา และมีผู้เข้าใจผิดกันมากที่สุดคือ “ผิวแพ้ง่าย” โดยประมาณ 90% ของ reply กับ คำถาม หรือเข้ามาขอคำแนะนำจะมีคำว่า  “เป็นผิวแพ้ง่าย”  “แพ้ง่ายมากค่ะ” “บอบบ๊าง บอบบาง แพ้ไปหมดทุกอย่าง”  ปูเป้ก็สงสัยเหลือเกินว่าแต่ละคนเนี่ยมีผิวบอบบางแพ้ง่ายกันจริงหรอ? ก็เห็น skincare ที่แต่ละท่านใช้อยู่นั้นมีทั้งแอลกอฮอล์ น้ำหอม สี กับสารก่อการระคายเคืองอีกเยอะแยะ...  แต่ยังสามารถใช้ได้และบอกว่าใช้ดี๊ใช้ดี... แบบนี้เรียกว่าผิวแพ้ง่ายตรงไหนเนี่ย???  

    คำว่า “ผิวแพ้ง่าย” ในตอนนี้ปูเป้รู้ว่าสึกว่าถูกนำมาใช้กันอย่าง “พร่ำเพรื่อ” ซะเหลือเกิน จนเหมือนเป็นแฟชั่นไปเสียแล้ว ซึ่งมันก็คงขึ้นอยู่กับความเข้าใจที่แตกต่างกันไปในแต่ละคน (มั้ง)  ปูเป้ก็เลยจะมาอธิบายความหมายของคำว่า “ผิวแพ้ง่าย” ตามความเข้าใจของปูเป้นะขอรับ



    คำว่า “Sensitive Skin” นั้นแปลความหมายได้ประมาณว่า “ผิวที่ไวต่อสิ่งรบกวนเป็นพิเศษ” ไม่ได้แปลว่า “ผิวแพ้ง่าย” หรือ “Allergy-Prone Skin”  

    ใจจริงแล้วปูเป้อยากให้ทุกคนคิดว่าตัวเองเป็นคนที่มีผิว Sensitive เพื่อที่จะได้หลีกเลี่ยงสารก่อการระคายเคือง ไม่ใช่เพื่อทำให้รู้สึกว่าการมีผิว Sensitive นั้นจะทำให้คุณดูบอบบาง น่าทนุถนอมมากขึ้น

    ในความเป็นจริงที่ปูเป้เจอบ่อย ๆ นั้น คนส่วนมากที่บอกว่าตัวเองมีผิว Sensitive นั่นแหล่ะมักจะเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงและใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารก่อการระคายเคืองได้อยู่เสมอ ๆ  (แถมบอกว่ามันดีเลิศและเอาไปแนะนำกับคนอื่นที่มีผิว Sensitive ด้วยอีกต่างหาก) บางคนถึงขั้นหวาดระแวง กลัวแพ้ไปซะทุกอย่าง และคิดเอาเองว่าของถูกนั้นห่วยทำให้แพ้ได้ ต้องใช้ของแพงเท่านั้นถึงจะมีคุณภาพ...


    อาการข้างเคียงไม่พึงประสงค์จาก Skincare หรือ Makeup นั้นแบ่งได้ย่อย ๆ ก็คือ Allergy (การแพ้) กับ Sensitizing Reaction / Irritation  (การระคายเคือง)  และก็มีอาการอีกหลายแบบที่ทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นอาการแพ้ หรือระคายเคืองได้ ทั้ง ๆที่จริงๆ แล้วไม่เกี่ยวกันเลย


    Allergy หรือ “อาการแพ้” นั้นเป็นปัจจัยเฉพาะบุคคล  ผิวของแต่ละคนก็แพ้สารแตกต่างกันไป  การจะรู้ว่าตนนั้นแพ้สารเคมีตัวไหนโดยเฉพาะนั้นค่อนข้างยาก เพราะว่าในเครื่องสำอางมีส่วนผสมของสารเคมีจำนวนมาก ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญอย่างแพทย์ผิวหนังที่มากประสบการณ์เท่านั้นในการวินิจฉัย

    (Note : ทุกอย่างในโลกคือองค์ประกอบทางเคมี รวมทั้งสารสกัดจากธรรมชาติด้วย  อย่าไปเข้าใจผิดว่าสารสกัดจากธรรมชาติไม่ใช่สารเคมีไม่ทำให้แพ้ อย่างที่โฆษณาและพวกคนขายเครื่องสำอางมักพูดกัน )

    อาการแพ้ (Allergy) นั้นอาจมีอาการค่อนข้างรุนแรงถึงรุนแรงมาก ตั้งแต่อาการบวมแดง ผิวหนังอักเสบ แสบร้อน ล้างผลิตภัณฑ์ออกก็ยังไม่หาย ถ้าแพ้มาก ๆ ก็ถึงขั้นเสียโฉมกันเลยทีเดียว  การรักษาอาการแพ้นั้น... นอกจากการหยุดใช้สารก่ออาการแพ้แล้ว ยังต้องมียาทารักษาอาการแพ้ ลดการอักเสบ กับยารับประทานเพื่อบรรเทาอาการด้วย ส่วนมากต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด

    ดังนั้นปูเป้คิดว่าควรเลิกถามคำถามแบบว่า “ครีมตัวไหนใช้แล้วไม่แพ้บ้างคะ  แล้วครีมตัวนี้จะแพ้มั๊ยคะ” กันได้แล้ว เพราะไม่มีใครหน้าไหนหรือผลิตภัณฑ์ชิ้นใดในโลกนี้ ที่สามารถยืนยันการันตีได้ว่าคุณจะไม่มีทางแพ้กับผลิตภัณฑ์ตัวนั้นหรือตัวนี้ เพราะมันเป็นปัจจัยที่ต่างกันในแต่ละบุคคลและตัวคุณเองเท่านั้นที่ควรจะรู้ตัวดีที่สุดว่าคุณแพ้อะไร...  

    ทางที่ดีควรจะเปลี่ยนคำถามเป็นว่า “ครีมตัวนี้มีโอกาสระคายเคืองมากมั๊ยคะ” จะดีกว่านะขอรับ..


    Sensitizing Reaction / Irritation  หรือ “การระคายเคือง” อาการนี้จะเกิดขึ้นต่อเมื่อผิวสัมผัสกับสารหรือสภาวะที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองได้ อย่างเช่น สภาวะความเป็นกรดมากเกินไป เป็นด่างมากเกินไป  ร้อนเกินไปหรือเย็นเกินไป ใช้สารเคมีหรือเครื่องสำอางที่ทำให้ผิวแห้ง มีส่วนผสมสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองได้ง่ายเป็นปริมาณมากหรือใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน

    การหลีกเลี่ยงสารก่อระคายเคืองนั้นทำได้ง่ายกว่าสารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้มาก เพราะมันไม่ได้เฉพาะเจาะจงกับแต่ละบุคคลเหมือนกับอาการแพ้  โอกาสจะระคายเคืองมากหรือหรือน้อยขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล ผิวที่แข็งแรงมากมีโครงสร้างสมบูรณ์ดีก็จะทนกับปัจจัยที่ก่อการระคายเคืองได้ง่ายกว่าผิวที่อ่อนแอ  โดยปกติแล้วคนผิวแห้งจะถือว่าเป็นคนที่มีผิว Sensitive เพราะผิวชั้นนอกที่ไม่สมบูรณ์หรือขาดชั้นเคลือบปกป้องผิวนั้นจะทำให้สารก่อการระคายเคืองเข้ามาทำความเสียหายได้ง่ายกว่าผิวประเภทอื่น อาการที่บ่งชี้ว่าอาจเกิดจากการระคายเคืองก็มีตั้งแต่ รู้สึกคัน  แสบแดง แห้งลอก

    สารก่อระคายเคืองที่พบได้ง่ายที่สุดคือก็คือแฮลกอฮอล์น้ำหนักโมเลกุลต่ำ อย่าง ethanol, denatured alcohol, ethyl alcohol, methanol, benzyl alcohol, isopropyl alcohol, sd alcohol  สำหรับคนที่มีผิว Sensitive จริง ๆ นั้นก็ควรหลีกเลี่ยงส่วนผสมอย่าง น้ำหอม (รวมถึงน้ำมันหอมระเหย) และสีด้วย  นอกจากนี้สารสกัดจากธรรมชาติบางอย่าง สารกันเสียบางตัว ก็ทำให้ผิวระคายเคืองได้ง่าย

    จากการสังเกตุและความคิดเห็นส่วนตัวนั้น สารสกัดจากธรรมชาติ (Plant Extract) นั้นจะเป็นปัญหาให้หนักใจปูเป้เสมอ เพราะสารสกัดธรรมชาติหลายตัวนั้นมีทั้งผลดีและผลเสียในตัวมันเอง อย่าง Witch Hazel ซึ่งข้อดีสารสกัดตัวนี้มีคุณสมบัติเป็นแอนติออกซิแดนท์และต้านการระคายเคืองได้ แต่ด้วยความที่ตัว Witch Hazel มี Ethanol ซึ่งเป็นแอลกอฮอล์ชนิดหนึ่งประกอบอยู่ด้วย เครื่องสำอางที่ใส่สารสกัดตัวนี้มาในปริมาณเยอะ ก็ทำสามารถทำให้ผิวระคายเคืองได้ Lavender นั้นมีกลิ่นหอม เมื่อสูดดมทำให้ผ่อนคลาย ตัวสารสกัดหรือ Lavender Oil ก็มีคุณสมบัติเป็นแอนติออกซิแดนทืได้ แต่ในทางกลับกัน มันก็ทำให้ผิวระคายเคืองได้ ถ้าใส่มาในปริมาณสูงอาจทำให้ผิวระคายเคืองได้ง่าย ผิวไหม้ หรือทำให้เซลล์ผิวตายได้ และยังมีสารสกัดตัวอื่นอีกมากมายที่มีลักษณะเดียวกัน

    ซึ่งเป็นธรรมดาของบริษัทเครื่องสำอางที่จะบอกแต่สรรพคุณด้านที่ดี แต่ไม่บอกว่ามันอาจจะทำให้ผิวบางคนระคายเคืองได้ จึงตกเป็นภาระของผู้บริโภคที่ต้องมานั่งหาข้อมูลและหลีกเลี่ยงกันเอาเอง




    อาการไม่พึงประสงค์บางอย่างก็ทำให้หลาย ๆ ท่านเข้าใจผิดว่าตัวเองเกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองจากเครื่องสำอาง แต่จริง ๆ แล้วอาจจะไม่เกี่ยวข้องกันเลย  ซึ่งปูเป้ก็จะยกตัวอย่างที่พบได้บ่อย ๆ มาให้ได้ชมกันดังนี้

    1. ใช้แล้วเป็น“สิว”

    เปลี่ยนเครื่องสำอางแล้วสิวขึ้น สิวเห่อ ไมได้หมายความคุณ “แพ้” เสมอไปโปรดอย่าได้เข้าใจผิด เพราะส่วนใหญ่แล้วสิวที่เกิดขึ้นจากการใช้ Skincare หรือ Make-Up จะเกิดจากการอุดตันรูขุมขน ถ้าคุณแพ้จริง ๆ คุณคงไม่เจอแค่สิวจิ๊บจ๊อยแน่ ๆ ดีไม่ดีอาจจะไปนั่งร้องไห้ในคลีนิคแพทย์ผิวหนังเพราะหน้าเยินเสียโฉม

    ยกตัวอย่างยอดนิยมสุด ๆ ก็คงประมาณว่า

    “แพ้ Cleansing Oil  ค่ะ  ใช้แล้วสิวตูม”

    ส่วนใหญ่พอได้ไต่ถามปัญหา กลับกลายเป็นว่าใช้แต่ออยล์ล้างหน้าแล้วไม่ใช้ Secondary Cleanser ทำความสะอาดน้ำมันตกค้างตามอีกที  แบบนี้ก็ต้องอุดตันอยู่แล้วเป็นเรื่องธรรมดา ไมได้เป็นอาการแพ้ตรงไหน

    “แพ้ครีมบำรุง XXX  ครับ เห็นมีคนรีวิวว่าส่วนผสมดีเลิศ ปลอดภัย  แต่พอผมใช้แล้วแพ้กระจายสิวตูม”

    ปูเป้มั่นใจเลยว่า 90 % ของผู้ที่เปลี่ยน Skincare โดยเฉพาะมอยซ์เจอไรเซอร์แล้วสิวขึ้น ไม่ได้มาจากอาการ “แพ้”  แต่เกิดจากการ “อุดตัน” รูขุมขน หรือ Clog Pore เสียมากกว่า  ซึ่งมักจะเป็นในคนที่มีรูขุมขนกว้าง ผิวมัน ผิวผสมไปทางมัน เป็นสิวอุดตันได้ง่าย แต่ไปเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำมัน มีสารที่อุดตันผิวได้ง่ายหรือมีเนื้อเข้มข้นไม่เหมาะกับสภาพผิว  

    ปูเป้เป็นคนหนึ่งที่มีผิวผสมไปทางมันและเป็นสิวอุดตันได้ง่าย  มอยซ์เจอไรเซอร์หลายตัวที่ดูแล้วว่าส่วนผสมดีและมีโอกาสระคายเคืองต่ำ กระผมก็ต้องมาทดสอบก่อนว่ามันจะอุดตันผิวรึเปล่า  อย่าง Continuous Rescue Antioxidant Moisturizer ของ Clinqiue เป็นต้น ซึ่งผลคือมันก็ทำให้สิวขึ้นแก้มของปูเป้อย่างที่คาดเอาไว้ แต่ด้วยความที่ว่าส่วนผสมมันอ่อนโยนและปราศจากน้ำหอมกับสารก่อการระคายเคือง และปูเป้ก็ไม่ได้แพ้สารตัวไหนในครีมตัวนี้ ก็เลยเอาไปทารอบดวงตาที่ไม่มีต่อมน้ำมันแทน ก็ใช้ดิบใช้ดีไม่เห็นจะมีสิวขึ้นรอบดวงตาหรือระคายเคืองตรงไหน...

    มีครีมไม่กี่ตัวที่ปูเป้ยอมรับว่าแพ้จริง ๆ คือ  ทาหน้าก็สิวขึ้นหน้าแถบแสบ ๆ ยิบ ๆ  เอาไปทาคอก็สิวขึ้นคอแถมคันมาก เกาจนคอแดงแป๊ดเห็นมาแต่ไกล  เอาไปทามือนี่คันคะเยอเกากันสนุกสนาน... สุดท้ายก็เอาไปให้ปะป๊าลองปรากฏว่าปะป๊าใช้ได้หน้าใสปิ้ง...

    ถ้าวันหนึ่งคุณเปลี่ยน Skincare ตัวใหม่แล้วเป็นสิว แต่ไม่มีอาการคัน แสบบวมแดงหรืออื่นๆ ตามมาด้วย  คุณไม่ได้ “แพ้” ครับ เป็นไปได้ว่ามันแค่มีเนื้อหนักเกินไปและอุดตันผิว  ก็เปลี่ยนไปทาคอทามือแทนก็ได้  หรือถ้ามั่นใจว่าส่วนผสมอ่อนโยนและมีสารบำรุงเยอะ ๆ ก็เอาไปทารอบดวงตาได้เหมือนกัน



    2. ใช้แล้ว “ผิวรู้สึกร้อนผ่าว วูบ ๆ หรือยิบ ๆ”

    “วันนี้พึ่งซื้อมอยซ์เจอไรเซอร์ตัวใหม่มาค่ะ เพราะช่วงนี้รู้สึกว่าผิวแห้งมากเลย  แต่พอลองใช้ดูแล้วผิวรู้สึกร้อนวูบวาบ โดยเฉพาะบริเวณที่ลอก ๆ อย่างรอบมุมปากนี่จะยิบ ๆ  เลยค่ะ  แต่ผ่านไปกี่นาทีอาการก็หายไป  ผ่านไปหนึ่งวันหน้าก็ยังไม่แหกนะคะ  ก็เลยสงสัยว่าอาการร้อนผ่าวที่ว่านั้นเป็นอาการแพ้รึเปล่าคะ?  ควรจะใช้ต่อไปดีไหม?”


    นี่เป็นหนึ่งในอาการที่ถูกเข้าใจผิดกันมากที่สุดเลยนะขอรับ  หลายคนมากทีเดียวที่เจอผลิตภัณฑ์ที่ดีกับผิวแต่ดันไปคิดว่าอาการที่เกิดขึ้นนี้เป็นอาการแพ้และเลิกใช้ไป

    ไม่ว่าคุณจะมีผิวแบบไหน จะแห้งเป็นทะเลทราย หรือมันเยิ้มก็ตาม  อาการร้อนผ่าว วูบวาบ หรือยิบ ๆ ที่ผิวนั้นเป็นอาการปกติอยู่แล้วสำหรับที่ผิวขาดความชุ่มชื้นหรือมีอาการระคายเคือง (อย่างทายารักษาสิวทิ้งไว้นานเกินไป / ใช้ Scrub / AHA / BHA / กรดวิตามินเอ ที่เข้มข้นเกินไปหรือใช้บ่อยเกินไป)  มาเจอผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้นสูงหรือช่วยต้านการระคายเคืองได้ดี

    ถ้าเป็นอาการแพ้มันจะต่างไปโดยสิ้นเชิง คือจะเริ่มคันหรือแสบแดงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และต่อให้ล้างออกแล้วอาการก็จะยังคงมีอยู่ พยายามอย่าสับสนกับอาการแบบนี้ จำง่าย ๆ เลยคือ ถ้าคุณผิวขาดน้ำหรือมีการระคายเคือง มอยซ์เจอไรเซอร์ที่ทาไปแล้วไม่มีอาการอะไรมักจะแค่เคลือบผิวคุณเอาไว้ ส่วนมอยซ์เจอไรเซอร์ที่ทาแล้วผิวคุณรู้สึกยิบ ๆ หรือร้อนผ่าวบริเวณที่ขาดน้ำหรือลอกมากเป็นขุยนั้นจะช่วยเติมความชุ่มชื่นและต่อต้านการระคายเคืองให้ผิวคุณได้ เมื่อใช้ไปเรื่อยอาการเหล่านั้นจะหมดไปเมื่อผิวคุณแข็งแรงขึ้น


    3. “ความผิดปกติของผิว” หรือ Skin disorder

    ใบบางครั้ง  อาการ “หน้าแหก” ของคุณอาจจะไม่ได้เกี่ยวกับเครื่องสำอางที่คุณใช้เลย  เพราะปัจจัยอื่น ๆ อย่างมลภาวะ ความเครียด ฮอร์โมน โรคติดเชื้อที่ผิวหนัง โรคทางพันธุกรรม หรือแม้แต่การแพ้อาหารที่เรารับประทานเข้าไป ก็ทำให้ผิวเกิดความผิดปกติได้เหมือนกัน




    ยังมีต่อนะขอรับ ใน Rep ที่ 3

    แก้ไขเมื่อ 12 ก.ค. 51 21:08:37

    แก้ไขเมื่อ 12 ก.ค. 51 20:05:06

     
     

    จากคุณ : PuPe_so_Sweet - [ 12 ก.ค. 51 19:56:02 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom