Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    @@@ กระทู้นี้ยาวมาก ว่าด้วยน้ำมันหอมระเหย @@@

    เฉพาะแบบ pure เท่านั้นค่ะที่นำมาใช้ประโยชน์ได้จริง
    (หมายถึงมากกว่าแค่จุดเตาเผา) แต่สามารถใช้รักษาโรค,ผสมโลชั่นบำรุงผิว,หยดในอ่างน้ำอาบ,สูดดมบำบัดจิตใจได้จริง ๆ ก็คือแบบบริสุทธิ์ 100 เปอร์เซนต์ซึ่งราคาก็จะสูงตามไปด้วย

    องค์ประกอบทางเคมีของน้ำมันหอมระเหย มีอะไรบ้าง

    องค์ประกอบทางเคมีของน้ำมันหอมระเหยมีอยู่มากมายหลายร้อยชนิด แต่สามารถแยกเป็นลกุ่มของสารได้ 7 กลุ่ม ดังนี้ กลุ่มแอลกอฮอล์ กลุ่มอัลดีไฮด์ กลุ่มเอสเทอร์ กลุ่มคโทน กลุ่มออกไซด์ กลุ่มฟีนอล และกลุ่มเทอร์ปีน โดยปรกติน้ำหอมระเหยแต่ละชนิดจะมีสารองค์ประกอบทางเคมีตั้งแต่ 50-500 ชนิด องค์ประกอบทางเคมีแต่ละชนิดก็จะมีคุณสมบัติแตกต่างกันออกไป แต่เมื่อมาผสมผสานกันอยู่ก็จะทำให้เกิดคณสมบัติที่เป็นเอลักษณะของน้ำมันหอมระเหยจากพืชแต่ละชนิดที่มีจุดเด่นความเหมือนและความแตกต่างในการบำบัดต่างกันออกไป

    พืชอะไรบ้างที่มีน้ำมันหอมระเหย

    พืชที่ให้น้ำมันหอมระเหยมีกรจายอยู่ในวงศ์พืชต่างๆ ไม่เกิน 60 วงศ์ที่สำคัญได้แก่ Labiatae ( มิ้นต์ ) Rutaceae ( ส้ม ) Zingiberaceae ( ขิง ) Gramineae ( ตะไคร้ )

    พืชที่ให้น้ำมันหอมระเหยที่ปลูกเป็นการค้ามีอยู่ไม่เกิน 100 ชนิด ที่สำคัญเช่นสะระแหน่ ตะไคร้ ตะไคร้หอม กระดังงา เบอร์มามอต โหระพา

    อันที่จริงน้ำมันหอมระเหยไม่ได้มากจาพืชเท่านั้นแต่ได้มากจากสัตว์ด้วย แต่ที่พบมีที่ได้จากสัตว์แค่ 4 ชนิดเท่านั้น คือ กลิ่นอำพัน มาจากปลาฬหัวทุน กลิ่นชะมด มาจากตัวชะมด กลิ่น castoreum จากตัวบีเวอร์ และกลิ่นจากกวาง สาระเหยที่ได้จากสัตว์จะมีราคาแพงและหายาก เพราะต้องฆ่าสัตว์เหล่านั้นมาจึงจะได้กลิ่นหอม


    น้ำมันหอมระเหยมีวิธการสกัดมาได้อย่างไร

    ในสมัยโบราณจะนิยมนำอกไม้หอมมาแช่น้ำทิ้งไว้ และนำน้ำที่มีกลิ่นหอมนั้นมาดมหรืออาบ ต่อมากได้มีการพัฒนาวิธีการสกัดกลิ่นหอม เพื่อให้ได้กลิ่นหอมหรือน้ำมันหอมระเหยที่มีคุณภาพ และมีปริมาณสูงสุด ซึ่งวิธีการสกัดมีหลายวิธี การที่จะเลือกใช้วิธีใดนั้นต้องพิจารณาลักษณะของพืชที่จะนำมาสกัดด้วย

    วิธีการสกัดน้ำมันหอมระเหยสามารถแบ่งออกได้ดังนี้

    การกลั่นโดยใช้น้ำและไอ้น้ำ

    วิธีนี้ใช้อุปกรณ์สำหรับกลั่นประกอบด้วย หม้อกลั่น เครื่องควบแน่น และภาชนะรองรับน้ำมัน หลักการของวิธีนี้คือให้ไอน้ำเป็นตัวพาน้ำมันหอมระเหยที่อยู่ในเนื้อเยื่อพืชออกมาพร้อมกัน เมื่อผ่านเครื่องควบแน่ ไอน้ำและไอของน้ำมันหอมระเหยจะควบแน่นเป็นของเหลว ได้น้ำมันหอมระเหย และน้ำแยกชั้นกัน หลังจากนั้นจึงแยกน้ำมันหอมระเหยออกจากน้ำ วิธีการนี้ทำได้หลายแบ คือ อาจต้มพืชที่จะสกัดน้ำมันหอมระเหยกับน้ำเลย พอน้ำเดือนก็จะพาน้ำมันหอมระเหยออกมาด้วย หรืออาจจะต้มน้ำอีกภาชนะหนึ่งแล้วผ่านไอน้ำมายังภาชนะที่บรรจุพืชไว้ ไอน้ำก็จะพาน้ำมันหอมระเหยออกมา ซึ่งสองวิธีการนี้วิธีการหลังพืชไม่สัมผัสกับความร้อนโดยตรง ทำให้น้ำมันหอมระเหยมีคุณภาพดีกว่าวิธีการแรก

    การสกัดโดยใช้ตัวทำละลาย

    การสกัดน้ำมันหอมระเหยที่ไม่สามารถใช้วิธีการกลั่นโดยใช้ไอน้ำได้เนื่องจากองค์ประกอบของสารหอมระเหยในดอกไม้จะสลายตัวเมื่อถูกความร้อนสูง ดังนั้นจึงใช้ตัวทำละลาย เช่น เฮเซน สกัดน้ำมันหอมระเหยออก หลังจากนั้นระเหยไล่ตัวทำละลายออกที่อุณหภูมิและความกดดันต่ำ ก็จะได้น้ำมันหอมระเหยออกมา

    การสกัดโดยใช้ไขมัน

    การสกัดโดยวิธีนี้เป็นวิธีการสกัดแบบดั้งเดิม มักใช้กับอกไม้กลีบบาง เช่น มะลิ ซ่อนกลิ่น โดยใช้ไขมันประเภทน้ำมันหมูเกลี่ยลงบนถาดไม้ แล้วนำดอกไม้มาเกลี่ยทับเป็นชั้นบาง ๆจนเต็มถาด ตั้งทิ้งไว้ 24 ชม.แล้วเปลี่ยนดอกไม้ชุดใหม่ ทำซ้ำประมาณ 7-10 ครั้ง ไขมันก็จะดูดซับสารหอมไว้ หลังจากนั้นละลายสารหอมออกจากไขมันโดยใช้เอทานอล แล้วนำไประเหยเอทานออก ก็จะได้น้ำมันหอมระเหยออกมา

    วิธีการบีบ

    วิธีนี้มักใช้กับเปลือกผลไม้ตระกูลส้ม เช่น ส้ม มะนาว มะกรูด น้ำมันหอมระเหยที่ได้จะมีคุณภาพดี และราคาแพง

     
     

    จากคุณ : ชิฟฟอนคาปูชิโน่ - [ 31 ก.ค. 51 12:48:22 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom