ความคิดเห็นที่ 1 ช่วยอ่านความรู้กันเยอะๆนะคับ   อ่านก่อนแล้วจะบอกคับ   http://www.pantip.com/cafe/woman/topic/Q7215210/Q7215210.html จากคุณ : พร่างพราว - [ 17 พ.ย. 51 21:42:04 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ยังไม่มีรายได้เลย ว่าแต่ มีข้อแม้อะไรอ่า จากคุณ : เจ้าหญิงเวิ่นเว้อ - [ 17 พ.ย. 51 21:42:19 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อ่านกระทู้นี้ก่อนนะคับ http://www.pantip.com/cafe/woman/topic/Q7215210/Q7215210.html จากคุณ : พร่างพราว - [ 17 พ.ย. 51 21:44:54 ]

ความคิดเห็นที่ 4 อ่านแล้ว อิอิ จากคุณ : เจ้าหญิงเวิ่นเว้อ - [ 17 พ.ย. 51 21:46:21 ]

ความคิดเห็นที่ 5 สิ่งที่ทําให้หน้า ขาว ใสผิวฟู คือตัวนี้คะ  L-ascorbic  acid จากคุณ : พร่างพราว - [ 17 พ.ย. 51 21:48:22 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ไม่ใช่ ผงขาว นะคะแต่เป็น จากคุณ : พร่างพราว - [ 17 พ.ย. 51 21:49:37 ]

ความคิดเห็นที่ 7 จะมาให้สูตรนะคะ แล้วจะบอกว่าหาได้ที่ไหน จากคุณ : พร่างพราว - [ 17 พ.ย. 51 21:50:51 ]

ความคิดเห็นที่ 8 L-ascorbic acid   30กรัม 1.05  ออนซ์  สัดส่วน ปริมาณที่แนะนํา 10-15% 20% ก็ได้ถ้าผิวทนได้นะคะ 1. สูตรแรก ใช้ L-ascorbic acid  แบบผง ผสมน้ำ ละลายนะคะ เช่น     ถ้าเราต้องการความเข้มข้น 10 % เติม วิตามินซี ลงไป 3.0 มล.     ถ้าเราต้องการความเข้มข้น 12 % เติม วิตามินซี ลงไป 3.6 มล.     ถ้าเราต้องการความเข้มข้น  15% เติม วิตามินซี ลงไป 4.5 มล.          หมายเหตุ 1 ช้อนชา เท่ากับ 5 มล.  วิธีใช้ ละลาย วิตามินซี 1 ช้อนชา ลงในน้ำแร่ หรือสะน้ำอาด จากนั้น ใช้สําลีชุบลงในน้ำบีบน้ำออก เล็กน้อย นํามาแปะไว้ทั่วหน้า ทิ้งไว้สัก15-20นาที หรือตามสภาพผิว แล้วทาครีมที่มีส่วนผสมของ เอเอชเอ หรือครีมกันแดดทับ  โดยส่วนตัว ดิฉันใช้  ครีมพอนด์ที่มีเม็ด เรตินอลทาทับค่ะ แก้ไขเมื่อ 17 พ.ย. 51 23:22:11 จากคุณ : พร่างพราว - [ 17 พ.ย. 51 21:51:10 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ผลลัพธ์ ที่ได้ หลังจากใช้ 1 วัน อุ๊แม่เจ้า  ทําไมหน้ามันเต่งเด้งดึ๋งอย่างนี้ มันตึงๆเหมือนผิวเต็มไปด้วยน้ำ หล่อเลี้ยง ยังกะฉีดโบทอกซ์อย่างนั้น   แต่มันยังไม่ขาวไว นะคะ เพราะใช้แค่วันเดียว แต่หน้ามันเต่งสุดๆรูขุมขนกระชับขึ้นเหมือน มีมาสก์ บางๆ ที่มองไม่เห็นมาเคลือบหน้าเอาไว้.... จากคุณ : พร่างพราว - [ 17 พ.ย. 51 21:52:04 ]

ความคิดเห็นที่ 10 นี่คือ ประโยชน์อีกครั้ง วิตามินซีที่มีประโยชน์กับผิวมากที่สุดคือวิตามินซีที่อยู่ในรูปของ L-Ascorbic Acid แต่ไม่เสถียรที่สุด หมายถึงว่า เมื่อถูกอากาศ หรือน้ำ ก็จะทำให้เสื่อนสภาพ(กลายเป็นสีเหลือง ปกติเป็นสีขาว) - หน้าที่หลักของ L-Ascorbic Acid คือ ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ไฟโบรบาสท์ให้สร้างคอลลาเจน และต่อต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ริ้วรอยบนใบหน้าจากลง - สามารถยับยั้งการผลิตเมลานิน ทำให้ผิวหน้าขาวใส - วิตามินซีไม่ได้ทำให้หน้าบางลง โดนแดดไม่ได้ แต่ต่างประเทศกลับใส่ L-Ascorbic Acid ลงไปในสินค้าครีมกันแดดในบางผลิตภัณฑ์เพราะมีฤทธิ์ปกป้องผิวจาก การถูกแสงแดดทำลายซะอีก http://www.skincaredictionary.com/L-Ascorbic_Acid.html - วิตามินแบบทาได้ประโยชน์กับผิวมากกว่าแบบกิน เพราะเมื่อเรากินวิตามินลงไป ร่างกายจะนำไปเลี้ยงทุกส่วนไม่ได้เฉพาะผิวอย่างเดียว ส่วนการทาไปที่ผิวโดยตรง จะซึมลงไปถึงเซลล์ที่ผลิตคอลลาเจนที่อยู่ที่ชั้นผิวได้เร็วและเต็มที่ จากคุณ : พร่างพราว - [ 17 พ.ย. 51 21:53:44 ]

ความคิดเห็นที่ 11 อ่านแล้วค่า^^ รอคำเฉลยนะคะ... จากคุณ : maydaysayHi - [ 17 พ.ย. 51 21:54:13 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ประโยชน์ อีกมากมายนะคะ วิตามินซี ถูกค้นพบมาหลายสิบปีแล้ว เป็นวิตามินที่ละลายน้ำได้ดี ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ ต้องรับประทานเข้าไปเท่านั้น สมัยก่อนใช้เพียงรักษาโรคลักปิดลักเปิดหรือเลือดออกตามไรฟัน ต่อมามีการศึกษาโดย ดร.ไลนัส พอลลิง ว่าการรับประทานวิตามินซีวันละ 1 กรัมยังสามารถป้องกันไข้หวัดได้ถึง 45% หากรับประทานวันละ 4-10 กรัม จะช่วยย่นระยะเวลาการเป็นหวัด ได้ถึง 60% นอกจากประโยชน์ด้านสุขภาพ ยังพบว่าวิตามินซีช่วยให้ผิวดูสดใสขึ้นได้อีกด้วยจึงมีการผสมวิตามินซีในเครื่องสำอางหลายชนิด ไม่ว่าจะในครีมกันแดด โฟมล้างหน้า บ้างก็อยู่ในรูปเซรั่ม หรือครีมบำรุงผิว ให้ดูมีคุณค่า แต่จะได้ประโยชน์กับผิวพรรณอย่างไรมากน้อยแค่ไหน หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมต้องทาวิตามินซีด้วย แค่รับประทานไม่พอหรือคำตอบก็คือ การรับประทานถึงแม้ว่าร่างกายจะได้รับวิตามินซีก็จริง แต่ผ่านเข้าผิวได้ระดับหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถรับได้เต็ม 100% วิตามินซีชนิดทาที่ใช้กันมีความเข้มข้นตั้งแต่ 5-20% พบว่าในสภาพกรดอ่อนๆ pH 2-3.5 ที่ความเข้มข้น 20% เซลล์ผิวได้รับวิตามินซีสูงสุดคือ 20 เท่า ของเซลล์ปกติซึ่งไม่สามารถได้จากการรับประทาน วิตามินซีซึ่งออกฤทธิ์กับผิวโดยตรงต้องอยู่ในรูปของกรด แอล-แอสคอร์บิก (L-Ascorbic Acid) หากผิวได้รับอย่างเพียงพอ จะทำให้ผิวขาวและใสขึ้นได้ ทั้งยังช่วยยับยั้งการทำลายอีลาสติน (Anti-Elastase) และคอลลาเจน (Anti-Collagenase) ในชั้นหนังแท้และยังกระตุ้นให้มีการสร้างคอลลาเจนเพิ่มขึ้นไปพร้อมๆกัน ริ้วรอยจึงจางลง ผิวยืดหยุ่นขึ้น สุดท้ายยังช่วยให้วิตามินอี บริเวณผิวถูกทำลายช้าลง มีการหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ได้อีกจึงช่วยเร่งการหายของแผลได้อีกทางหนึ่ง ในท้องตลาดมีจำหน่ายหลายรูปแบบ ทั้งชนิดครีม เซรั่ม หรือเป็นผงเขย่าขวดก่อนใช้  ชนิดผงมักเป็นผงของกรดแอล-แอสคอร์บิก ก่อนใช้ต้องเขย่าใช้กับตัวทำละลายที่มีสภาพเป็นกรดอ่อนๆ หลังทาผิวจะได้รับวิตามินซีเต็มที่ แต่อาจแสบและระคายผิวได้บ้างแต่ก็ดีกว่าชนิดครีมหรือเซรั่ม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอนุพันธ์ของวิตามินซี ไม่สามารถออกฤทธิ์ได้โดยตรงต้องเปลี่ยนเป็นกรดแอล-แอสคอร์บิกบริเวณผิวอีกต่อหนึ่ง ทั้งยังดูดซึมเข้าสู่ผิวได้น้อย พบบ่อย เช่น Magnesium Ascorbyl-2-Phosphate ,Ascorbyl Glucosamine ,Ascorbic Acid-2-Glucoside และอีกหลายชนิด ข้อดีของครีมหรือเซรั่มผสมวิตามินซีคือมีความคงตัว เก็บได้นานกว่าชนิดผง เพราะชนิดผงหลังผสมควรใช้ให้หมดภายใน 1 เดือนเนื่องจากวิตามินซีจะค่อยเสื่อมสภาพไป สังเกตได้จากการเปลี่ยนสีจากใสแล้วค่อยๆกลายเป็นสีน้ำตาลในที่สุด สรุปว่าหากต้องการได้รับวิตามินซีอย่างเต็มที่ น่าเลือกใช้ชนิดผงมากกว่าเซรั่มหรือครีมยกเว้นเสียแต่กรณีผิวแห้งและระคายเคืองได้ง่าย การใช้ครีมจะละมุนละไมมากกว่าบางแบรนด์อาจผสมทั้งกรดแอล-แอสคอร์บิก กับอนุพันธ์ของวิตามินซีเข้าด้วยกัน ชนิดที่ว่าเมื่อชนิดที่หนึ่งเสื่อมไปอีกชนิดซึ่งมีความคงตัวมากกว่าก็สามารถออกฤทธิ์ต่อได้ทันที วิตามินซีในครีมกันแดด วิตามินซีซึ่งผสมอยู่ในครีมกันแดด จะช่วยเสริมฤทธิ์สารกันแดดให้การปกป้องผิวจากรังสียูวีในแสงแดดได้ดีขึ้น เนื่องจากวิตามินซีมีคุณสมบัติดูดซับรังสียูวีที่มีความยาวคลื่นต่ำกว่า 300 นาโนเมตร ซึ่งเป็นช่วงความยาวคลื่นของรังสียูวีบี (280-320 นาโนเมตร) ทำให้ปกป้องจากรังสียูวีบี ซึ่งก่อให้เกิดอาการไหม้ แสบ แดง บริเวณผิวและยังป้องกันการเปลี่ยนแปลงระดับดีเอ็นเอ (DNA) ภายในเซลล์ ซึ่งเป็นสาเหตุของมะเร็งผิวหนังจากรังสียูวีได้อีกด้วย ดังนั้นการเลือกครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของวิตามินซีจึงเสมือนการได้กำไรสองต่อ วิตามินซี ชนิดรับประทาน การรับประทานวิตามินซี นอกจากช่วยเรื่องสุขภาพ เช่นป้องกันไข้หวัด เสริมสร้างภูมิต้านทาน เร่งการเผาผลาญไขมันและคอเลสเตอรอลไม่ให้เกาะอยู่ตามผนังหลอดเลือดแล้ว สำหรับผิวก็มีคุณประโยชน์หลายอย่างที่น่าสนใจ เช่น เร่งการสร้างคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ ผลงานวิจัยยังพบว่า วิตามินซี มีคุณสมบัติปกป้องแสงแดด จากภายในเรียกว่า เป็น Systemic Sunscreen เมื่อรับประทานในขนาด 1 กรัม จะทำให้ผิวทนแดดได้ดีขึ้น เสมือนกับการทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF ต่ำๆประมาณ 4 และหากรับประทานขนาด 2 กรัมจะเหมือนการทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF ใกล้เคียง 15 เลยทีเดียว อีกอย่างที่น่าสนใจ คือ การชะลอวัย ที่คุ้นหูกันดีว่าวิตามินซีมีคุณสมบัติเป็นตัวต้านอนุมูลอิสระ ร่างายของคนเรามีอนุมูลอิสระเกิดขึ้นตลอดเวลา ทำให้เซลล์ต่างๆ รวมทั้งเซลล์ผิวเสื่อมสภาพลงเรื่อยๆ แต่หากมีตัวต้านอนุมูลอิสระก็จะคอยกำจัด ทำให้เซลล์ต่างๆเสื่อมสภาพช้าลง สารที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระมีหลายชนิด เช่น วิตามินซี วิตามินอี โคเอนไซม์Q10 ไลโคปีน (Lycopene) จากมะเขือเทศ สารสกัดจากเมล็ดองุ่น กรดอัลฟา-ไลโปอิก (Alpha-Lipoic Acid) ซึ่งสารเหล่านี้อาจปกป้องเซลล์จากอนุมูลอิสระได้เฉพาะส่วนที่เป็นน้ำ (ภายในเซลล์) หรือเฉพาะส่วนที่เป็นไขมัน (บริเวณเยื่อบุเซลล์) เช่น วิตามินซี สารสกัดจากเมล็ดองุ่น ปกป้องส่วนที่เป็นน้ำ ขณะที่วิตามินอี ไลโคปีน ปกป้องส่วนที่เป็นไขมัน ส่วนกรดอัลฟา-ไลโปอิก ซึ่งจัดว่าเป้นสารกระชากวัยที่แรง มีคุณสมบัติปกป้องส่วนที่เป็นน้ำและไขมัน ขนาดรับประทานวิตามินซี เพื่อชะลอวัยคือ 1-2 กรัมต่อวัน ซึ่งร่างกายไม่สามารถได้รับจากผักหรือผลไม้เพียงอย่างเดียวในแต่ละวัน เพราะต้องรับประทานผลไม้รสเปรี้ยวกันเป็นกิโลๆ เลยทีเดียว การรับประทานวิตามินเสริมในรูปแบบเม็ดน่าจะสะดวกกว่า จากคุณ : พร่างพราว - [ 17 พ.ย. 51 21:54:37 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เพื่อนๆ จะได้ความรู้ และไม่ต้อง ไปหลงกลเสียเงิน ให้กับของราคาแพงค่ะ วิตามินซี (Ascorbic Acid) ทำหน้าที่กำจัดอนุมูลอิสระและเป็นองค์ประกอบร่วมของเอนไซม์ต่าง ๆ ที่ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน เช่น เอนไซม์เฟอร์ริกและคิวปริกเมทัลเลี่ยนส์ (Ferric/Cupric Metalions Enzymes) ในขณะเดียวกันวิตามินซียังสามารถทำปฏิกิริยากับอนุมูลอิสระได้หลายชนิด มีความเป็นพิษต่ำ และเป็นตัวดึงวิตามินอีมาจากโตโกฟิรอลแรดิคัลได้ แต่ข้อด้อยของวิตามินซี คือ ถูกทำลายได้อย่างรวดเร็วเมื่อถูกแสง ความชื้น ออกซิเจน ความร้อน และด่าง ร่างกายต้องการวิตามินซีประมาณวันละ 60 มก. ส่วนผู้หญิงมีครรภ์และผู้สูบบุหรี่ต้องการมากขึ้นเป็นประมาณวันละ 140 มก. อาหารที่มีวิตามินซีสูง ได้แก่ ผลไม้รสเปรี้ยวและผักใบเขียว การรับประทานวิตามินซีค่อนข้างปลอดภัย เนื่องจากวิตามินซีละลายในน้ำได้ วิตามินซีที่รับประทานเข้าไปจะไปอยู่ในผิวชั้นนอกมากกว่าผิวชั้นในถึง 5 เท่า และมีผลในการช่วยลดปริมาณอนุมูลอิสระในผิว ช่วยสมานแผล ชะลอการร่วงโรยของผิว และป้องกันการเกิดมะเร็งผิวหนัง วิตามินซีส่วนใหญ่อยู่ในรูปของกรดแอล-แอสคอร์บิก (L-Ascorbic Acid) ได้แก่ แอสคอร์บิลพาลมิเทต และแอสคอร์บิลฟอสเฟต ซึ่งแอสคอร์บิลฟอสเฟตเป็นวิตามินซีที่ละลายน้ำได้ดีและคงตัวอยู่ได้นานถึง 6 เดือน จึงมีผู้นำมาใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์หลายชนิด ส่วนแอสคอร์บิลพาลมิเทตนั้นละลายได้ทั้งในน้ำและไขมัน จึงใช้เป็นส่วนผสมในครีม โลชั่น และน้ำมัน ข้อดีของสารตัวนี้คือมีค่า pH หรือค่าความเป็นกรด-ด่าง ที่เป็นกลางจึงไม่ระคายเคืองต่อผิว จากการทดสอบพบว่า การทาวิตามินซีบนผิวสามารถลดอาการบวมแดงหรืออาการไหม้จากแสงแดดได้ โดยหากผสมวิตามินอี ลงไปด้วยก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ได้ผลใกล้เคียงกับครีมกันแดดที่มีออกซิเบนโซนเป็นส่วนประกอบ และหากใช้วิตามินซี วิตามินอี และออกซิเบนโซน ร่วมกันก็จะสามารถป้องกันภาวะพิษจากแสงแดดได้เกือบ 100% อย่างไรก็ตาม วิตามินซีไม่สามารถป้องกันการหย่อนยานของผิวได้ รวมทั้งยังไม่มีผลการศึกษาและทดสอบกับคนจำนวนมาก เพื่อยืนยันว่าวิตามินซีมีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใดในเรื่องดังกล่าว แก้ไขเมื่อ 17 พ.ย. 51 21:56:12 จากคุณ : พร่างพราว - [ 17 พ.ย. 51 21:55:37 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เอามาให้ อ่านเพื่อ วิเคระห์กันเยอะๆนะคะ วิตามินซี (L-ascorbic acid) มีความสำคัญในการเป็นปัจจัยร่วมของขบวนการทางชีวภาพในร่างกายและเป็นสารต้านออกซิเดชั่น ทำให้วิตามินซีเป็นที่น่าสนใจและคาดว่าจะมีผลในการชะลอความแก่ที่เกิดจากแสงแดดได้ อย่างไรก็ตาม งานวิจัยเกี่ยวกับการใช้วิตามินซีในเครื่องสำอางยังมีน้อยจึงยังไม่มีการยืนยันผลในเรื่องนี้ แต่พบว่าวิตามินซีมีประสิทธิภาพในการป้องกันผิวหนังจากการถูกทำลายโดยแสงอัลตราไวโอเลตและสามารถเพิ่มการสังเคราะห์คอลลาเจน โดยวิตามินซีเป็นปัจจัยร่วมสำหรับ hydroxylating enzyme หลายชนิดในร่างกายที่จำเป็นต่อการสังเคราะห์และเปลี่ยนแปลงโปรคอลลาเจน (procollagen) ให้เป็นคอลลาเจน วิตามินซี มีบทบาทต่อสุขภาพมาก เพราะนอกจากจะช่วยในการสมานแผล สร้างความแข็งแรงให้แก่หลอดเลือด เพิ่มภูมิต้านทานให้กับร่างกายแล้ว ยังช่วยลดอนุมูลอิสระที่ก่อให้เกิดความเสื่อมโทรมของเซลล์และการทำงานของร่างกายด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังจำเป็นต่อการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งเป็นโครงสร้างอันเต่งตึงของผิวหนัง และป้องกันผิวจากการถูกแสงแดดทำลาย ป้องกันมะเร็งหลอดอาหารและมะเร็งในกระเพาะอาหาร โดยยับยั้งปฏิกิริยา ของสารก่อมะเร็งจากไนโตรซามีน ซึ่งมาจากเนื้อสัตว์รมควัน หรือเนื้อสัตว์ที่ใส่สารกันบูด หรือดินประสิว เช่น แฮม เบคอน ไส้กรอก กุ้งแห้ง เนื้อสวรรค์ เป็นต้น มีผลการศึกษาที่ลงพิมพ์ในวารสาร The Journal of Applied Cosmetology ฉบับเดือนตุลาคม 1999 ระบุว่า วิตามินซี มีผลดีต่อผิวโดยทำหน้าที่เหมือน สารแอนตี้ออกซิแดนท์ ที่ช่วยปกป้องผิวจากรังสีของแสงแดด รวมทั้งมลภาวะต่าง ๆ ที่อาจทำให้เกิด กระ จุดด่างดำบนผิวหน้า รวมทั้งอาจทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้ แต่อย่างไรก็ตาม การจะได้ผลิตภัณท์ที่มีส่วนผสมของวิตามินซี ให้ได้ผลนั้น ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ควรมีวิตามินซีผสมอยู่ในปริมาณ 10 % หรือสูงกว่า และควรใช้ทุกวันก่อนออกจากบ้าน เหมือนกับการใช้ครีมป้องกันแดด น้องๆขาค่อยๆอ่านนะคะ จะได้รู้ว่าพี่มีของดีมาแบ่งปัน แก้ไขเมื่อ 17 พ.ย. 51 22:15:54 จากคุณ : พร่างพราว - [ 17 พ.ย. 51 21:57:28 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เอามาให้ความรู้อีกรอบนะคะ วิตามินซีนอกจากจะมีฤทธิ์ยับยั้งกระบวนการผลิตเมลานิน ยังทำหน้าที่เหมือนฟิล์มกรองแสงให้กับผิว ทำให้ผิวไม่อักเสบแดงหลังจากถูกแดด แถมยังเป็นสารแอนติออกซิแดนท์ ช่วยต้านอนุมูลอิสระอีกด้วยจะให้ออกฤทธิ์กับผิวได้ดีที่สุด วิตามินซีควรอยู่ในรูปของวิตามินซีบริสุทธิ์ หรือ L-ascorbic Acid แต่วิตามินซีเป็นสารใจเสาะ เจอความร้อนเข้าหน่อยก็สลายตัวไปดื้อๆ ดังนั้นวิธีการที่จะถนอมสรรพคุณให้คงกระพันจึงต้องผลิตวิตามินซีให้อยู่ในรูปผง เมื่อจะใช้ค่อยผสมกับของเหลวให้เป็นเซรั่มน้ำใสๆ ทาแล้วรู้สึกแสบเล็กน้อย แต่หลังจากผสมแล้วต้องเก็บให้อยู่ในที่เย็นและใช้ให้หมดภายในหนึ่งเดือน ไม่เช่นนั้นน้ำใสๆจะค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล หมดคุณค่า ทาแล้วแสบผิวฟรี   อ่านความรู้ก่อน เดี๋ยวบอกๆๆ จากคุณ : พร่างพราว - [ 17 พ.ย. 51 21:58:54 ]

ความคิดเห็นที่ 16 สูตรที่2 2. สูตรที่ 2 -ของ คนมีตังค์หน่อย L-ascorbic acid  แบบผง ผสมน้ำ เอสเซนต์  ของ sk2 อันลือชื่อ ดิฉัน เอา L-ascorbic acid  กับ sk 2 มากวนในถ้วยแก้ว เล็กๆเข้าด้วย กัน ไม่มีสูตรตายตัว เพราะ sk 2 มันแพงค่ะ คิดว่าจะใช้ ขวดแรกพอ  เราไปซื้อที่ เจ๊เล้ง  ราคาขนาด ปลอดภาษีกัดใจ เอ้ยกัดฟันยอมซื้อ  เราก็กวนๆ เอามือกวน ผสมกัน เอามือ แปะๆ ที่หน้า อย่างระวังสุดฤทธิ์ เพราะมันแพง      ผลลัพธิ์ ที่ได้ ยุบยิบที่หน้า ทีละยิบสองยิบ มันกระตุ้นกันนะคะประมาณ 2-3 นาทีได้ อิอิ ก็ใช้เยอะ เห็นมันถูกดีนี่นา  พอดูกระจกหน้าก็ใสดี  แต่ไม่ค่อย ประทับใจ เพราะความแพงของ sk 2 นี่แหละค่ะ จากคุณ : พร่างพราว - [ 17 พ.ย. 51 22:00:48 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ข้อควรระวัง ในการใช้ 1. ต้องมั่นใจ ว่าสําลีผ่านการฆ่าเชื้อแล้ว และ สะอาดจริงๆนะคะปิดถุงสําลีให้แน่นนะคะ ป้องกันฝุ่นเข้าไปเกาะค่ะ 2. หลังใช้ L-ascorbic acid เเล้ว ควรทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านทุกครั้งค่ะ 3. ใช้แล้ว ควรใช้โลชั่นทามือทุกครั้ง กันผิวแห้งค่ะ  เพราะ มันมีค่า ph.น้อย เป็นกรด สูง 4.  น้ำที่ใช้ ผสม ควรเป็นน้ำต้ม หรือน้ำ เเร่ เพราในน้ำ ประปามีคลอรีนมากค่ะ จากคุณ : พร่างพราว - [ 17 พ.ย. 51 22:02:41 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เพื่อนๆ ไม่ต้องไปซื้อ ของ philosophy  มันแพงค่าโปรโมท  ตัวเดียวกันเลย  ยิ่งถ้าเราไม่มีเงินเดือน  สงสารพ่อแม่ กว่าท่านจะหามาได้แต่ละบาท มันเหนื่อยขนาดไหน  เท่าที่ถามก็เป็นเกรด เอบริสุทธิ์ 99.99 % แล้วค่ะ จากคุณ : พร่างพราว - [ 17 พ.ย. 51 22:05:20 ]

ความคิดเห็นที่ 19 สาร พวกนี้จะมีฤทิ์เป็นกรด  วิธีทดสอบว่า แพ้หรือไม่แพ้ ให้ทดลองที่ต้นแขนด้านใน เหนือข้อศอกไปค่ะ ทาทิ้งไว้ 24 ชม. ถ้า มีผื่นคัน  แดง ปวดแสบปวดร้อนบวม แสดง ว่าแพ้  ใช้ไม่ได้ค่ะ จากคุณ : พร่างพราว - [ 17 พ.ย. 51 22:06:08 ]

ความคิดเห็นที่ 20 อีกสูตร   โทนเนอร์  วิตามินซี ทําโทนเนอร์วิตามินซีใช้เองค่ะ นําขวดโทนเนอร์เปล่า 100 มล. ใส่นําเปล่าให้เกือบเต็ม เติม ผงวิตามินซีลงไป 10 กรัม แล้วเขย่า ใช้ได้แล้วไว้ในตู้เย็นนะคะ จากคุณ : พร่างพราว - [ 17 พ.ย. 51 22:07:33 ]

ความคิดเห็นที่ 21 สูตรต่อมา  สําหรับ ผิวกายขาวใส  ในราคาประหยัดค่ะ  นําวิตามินซีผง  ผสมนํา สะอาด ละลายให้เข้ากัน มาชุบสําลี เช็ดผิวกาย เช่น แขนขา ขัดๆเช็ดๆใช้มือถูๆ ทุกๆวันจะขาวขึ้นอย่างเหลือเชื่อเลยค่ะ  ข้อควรระวัง อย่าเช็ดในบริเวณผิวที่อ่อนบาง นะคะเช่น รอบดวงตา  ปาก  ควรหลีกเลี่ยง  ก็ตรงนั้นไง เช็ดเเขนขา จะดีมากค่ะ  พอเช็ดเสร็จแล้ว เอามาขามเปียก ขยําๆ ผสม นมจืด ให้พอข้น ขัดผิวเบาๆทั่วเรือนร่างอีกที    แล้วอาบนํา  ทาออยล์ทีนี้ละค่ะ  อ่อร่า ออก โดยไม่ต้องฉีดสารอะไรเลย แก้ไขเมื่อ 17 พ.ย. 51 23:21:47 แก้ไขเมื่อ 17 พ.ย. 51 23:17:45 แก้ไขเมื่อ 17 พ.ย. 51 22:15:23 จากคุณ : พร่างพราว - [ 17 พ.ย. 51 22:10:05 ]

ความคิดเห็นที่ 22 พูดถึงข้อดี ทุกอย่างต้องมีข้อเสียในตัวมันเองใช่ไหมคะ  ข้อเสีย ของ วิตามินซีผงก็คือ 1. อาจกระตุ้นให้เกิดสิวได้ ถ้าใช้เข้มข้นเกินไปค่ะ หรือ ใช้บ่อยมากเกินไป  ลองกับตัวเอง ใช้บ่อยมากค่ะ  อิอิ เพราะมันถูกดี  อีกอย่างผสมเอง วันโน้น สิวขึ้น 1 เม็ด 1 เม็ดจริงๆ ที่มุมปากค่ะ แต่ หน้า ขาวเด้งๆ ดึ๋งๆเลยละ  ยอมๆ หยวนๆ  นะคะ แต่อย่าใช้ตอนเป็นสิวนะคะ ให้หายก่อนค่ะ   2.  สูตรที่บอก ไม่มีนําหอมผสม อาจได้กลิ่นธรรมชาติของสารนี้ คือกลิ่น ออกเหล็กนะค่ะ ไม่ต้องตกใจ  ไม่มีนําหอมฉุน  ไม่เหนอะหนะ ด้วยค่ะ จากคุณ : พร่างพราว - [ 17 พ.ย. 51 22:10:56 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ว่าแต่ว่า.. หาซื้อได้ที่ไหนอ่ะคะ จากคุณ : FeLiNY - [ 17 พ.ย. 51 22:15:07 ]

ความคิดเห็นที่ 24 และเจ้าตัวผงน้อยนี้ หาซื้อได้ที่............... ไม่ใช่ในห้างที่ขายเครื่องสําอาง ราคาแพง แต่มีที่วิทยาศรมชั้น 3 นะคะ แต่ถ้าไปหาที่นั่น เภสัชกร หรือผู้ขาย จะถามเราว่าเอาไปทําอะไร  เราก็บอกเอาไปละลายนํากิน ผสมนําหวานก็ได้ค่ะ หรือ บอกว่า เอาไป ใช้ละลายนําเช็ดหน้าก็ได้ค่ะ  พี่ เขาจะถามไว้ค่ะ  เพื่อที่จะจ่ายยาถูก  แต่พี่เขาก็บอกว่า ใช้กับหน้า ต้องระวังความเข้มข้น นะคะ เพราะ สารตัวนี้มีฤทธิ์เป็นกรดค่ะ จากคุณ : พร่างพราว - [ 17 พ.ย. 51 22:20:11 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ราคาเท่าไหร่อ่ะคะ รูจักมานานแต่ม่าเคยลองซักที จากคุณ : ฮะเก๋าตัวกลม - [ 17 พ.ย. 51 22:23:21 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ราคาก็ ไม่อยากบอกถูกกกกกกกกกกกกกกกกมากกกกกกกคุ้มมากกกกก      10  กรัม   20   บาท  ขึ้นมาจากปีที่แล้ว5 บาทค่ะ หรือ 225 กรัม (ครึ่งปอนด์)  300  บาท   เป็นไงคะถูกและดีใช่ไหม  อย่าไปซื้อพวกแพงๆเลยค่ะ  เอาใช้สดๆ ผสมใหม่ๆดีกว่ากันเยอะ  ไม่มีค่าโฆษณา ด้วย คงมีค่ารถที่เพิ่มค่ะ จากคุณ : พร่างพราว - [ 17 พ.ย. 51 22:24:03 ]

ความคิดเห็นที่ 27 แล้ว วิทยาศรมชั้น 3  มันอยู่ส่วนไหนของประเทศอ่ะคะ(แอบโง่) ถามเยอะไปหน่อยนะคะ ขอบคุณคะ จากคุณ : ฮะเก๋าตัวกลม - [ 17 พ.ย. 51 22:25:52 ]

ความคิดเห็นที่ 28 อยู่แถวกองสลากค่ะ แถวสี่แยกคอกวัว  ถ้าไปรร. สตรีวิทย์1 หรือ ศึกษาภัณท์ถูก  ก็ไม่น่ามีปัญหาค่ะ จากคุณ : พร่างพราว - [ 17 พ.ย. 51 22:31:20 ]

ความคิดเห็นที่ 29 หรือถ้าอย่างดีที่ใช้ในห้องแล็ปเคมี   500  กรัม         2000   สองพันบาท ค่ะ   แต่น้องๆ ไม่ต้องใช้ของแพงหรอกค่ะ เหมือนกัน  เขาไว้ใช้ในแล็ปทดลองอ่ะ พวก เครื่องสําอาง ต่างๆ  ก็ใช้ L-Ascorbic  ไปเป็นส่วนผสม  แล้ว ประโคมโฆษณา  จ้างนางแบบ ราคาแพงๆอีก  เราใช้แค่  10 กรัม  20 บาท ก็พอแล้วค่ะ ผลเหมือนกัน รู้สึกได้ทันทีหลังใช้ หน้านุ่ม เด้ง ฟูขึ้น ค่ะ  ทดลองมากับตัวแล้วววววว จากคุณ : พร่างพราว - [ 17 พ.ย. 51 22:35:49 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ที่หาดใหญ่ มีขายมั้ยคะ ถ้ามีขายที่ บางกอกที่เดียว   มันจะโหดร้ายเกินไปรึป่าวคะ ตามอ่านทั้งสองกระทู้แล้วค่ะ  เกิดกิเลสมาก น่าจะมาบอกกันตั้งนานแล้วนะตัวเอง ถูกใจมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : แม่ดอกฟ้าดาริน - [ 17 พ.ย. 51 22:36:50 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ขอบคุณมากนะคะ จากคุณ : Nogkrajib - [ 17 พ.ย. 51 22:39:45 ]

ความคิดเห็นที่ 32 คุณคะคุณจขกท.  แยกคอกวัวอยู่ใกล้ม.พอดีเดี๋ยวจะไปเดินด้อมๆมองๆ ขอให้ขาวๆสวยๆนะคะ จ๊วฟๆ จากคุณ : ฮะเก๋าตัวกลม - [ 17 พ.ย. 51 22:41:35 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ลอง ติดต่อ  บริษัท  วิทยาศรม จำกัด  43 อาคาร 8 ถ.ราชดำเนิน กรุงเทพฯ   เบอร์นะคะ           02-2800320-1           02-2828940-3 จากคุณ : พร่างพราว - [ 17 พ.ย. 51 22:44:21 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ฮืออออ บ้านไกลจัด ชายแดน ฝากซื้อได้ป่าวคุณฮะเก๋าตัวกลมมมม จากคุณ : Nogkrajib - [ 17 พ.ย. 51 22:44:47 ]

ความคิดเห็นที่ 35 อยากลองทำดูอะ จากคุณ : Ves Boom La - [ 17 พ.ย. 51 22:47:05 ]

ความคิดเห็นที่ 36 คุณเคยเขียนเรื่องพวกนี้ในกระทู้หลายรอบแล้วนี่ เอาเรื่องเก่ามาเล่าใหม่เหรอ จากคุณ : tormay - [ 17 พ.ย. 51 22:48:19 ]

ความคิดเห็นที่ 37 มีหลายสาขาที่ต่างจังหวัดนะคะ  อย่าเพิ่งท้อสิ  อ่านความรู้ให้มากๆๆ ก่อนแล้วค่อยใช้นะคะ จากคุณ : พร่างพราว - [ 17 พ.ย. 51 22:49:54 ]

ความคิดเห็นที่ 38 คุณเคยเขียนเรื่องพวกนี้ในกระทู้หลายรอบแล้วนี่ เอาเรื่องเก่ามาเล่าใหม่เหรอ tormay ******************************************************************************************************** บางคนยังไม่รู้นี่คะ ละครยังมีทําใหม่เลย ความรู้นี่ไม่ใหม่นะคะ มันตามหลักวิทยาศาสตร์ค่ะ แก้ไขเมื่อ 17 พ.ย. 51 23:18:41 แก้ไขเมื่อ 17 พ.ย. 51 22:53:31 จากคุณ : พร่างพราว - [ 17 พ.ย. 51 22:51:26 ]

ความคิดเห็นที่ 39  เพื่อนๆๆใช้แล้วผลเป็นอย่างไรบอกกล่าวกันด้วยค่ะ แก้ไขเมื่อ 17 พ.ย. 51 23:19:35 จากคุณ : พร่างพราว - [ 17 พ.ย. 51 22:57:04 ]

ความคิดเห็นที่ 40  แล้วติดตามตอนต่อไปนะคะ แก้ไขเมื่อ 17 พ.ย. 51 23:20:10 จากคุณ : พร่างพราว - [ 17 พ.ย. 51 23:01:29 ]

ความคิดเห็นที่ 41 - -'' จากคุณ : o_oishi - [ 17 พ.ย. 51 23:15:08 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ตามไปดูกระทู้เก่ากัน http://topicstock.pantip.com/woman/topicstock/2008/01/Q6192443/Q6192443.html จากคุณ : น้องหน้ากลม - [ 17 พ.ย. 51 23:33:39 ]

ความคิดเห็นที่ 44 =..=  ?? จากคุณ : hyba69 - [ 18 พ.ย. 51 00:17:55 ]

ความคิดเห็นที่ 45 เดจาวู O_O จากคุณ : Makeuplism - [ 18 พ.ย. 51 00:19:51 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ตอนซื้อ philo มันบรรจุใส่ชขวดแก้วมา เพราะมันจะทำให้ ไม่เสีย ง่ายใช่ไหมคะ แล้วถ้าซื้อที่ วิทยาศรม  เขาจะใส่บรรจุ แบบไหนมาให้เหรอคะ? แล้วมันจะไม่เสีย ง่ายเหรอ?  อยากทราบค่ะ จากคุณ : ความรักจับมือเขียน - [ 18 พ.ย. 51 00:22:50 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ขอบคุณค่ะ ที่นำความรู้มาแบ่งปันกัน เราตามไปอ่านกระทู้เก่าแล้วค่ะ และไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ถ้าคุณแบ่งปันความรู้ที่ให้เพื่อนห้องแป้งด้วยความบริสุทธิ์ใจ เราก็ซาบซึ้งและขอบคุณค่ะ แล้วจะเอาไปลองใช้บ้างนะค่ะ จากคุณ : The smiling moon - [ 18 พ.ย. 51 02:10:53 ]

ความคิดเห็นที่ 48 คุณ tormay อย่าไปว่าเค้าเลยค่ะ เดี๋ยว จขกท. เค้าหลังบ้านมาหาแล้วจะผวานะคะ เหอเหอ จากคุณ : Crotte - [ 18 พ.ย. 51 02:23:24 ]

ความคิดเห็นที่ 49 แบว เหมือนรู้สึกว่า จขกท ลงเรื่องนี้หลายรอบแล้ว ยังไงก็ขอบใจที่แบ่งปันความรู้นะค่า แก้ไขเมื่อ 18 พ.ย. 51 02:33:37 แก้ไขเมื่อ 18 พ.ย. 51 02:32:11 จากคุณ : อชิรวัฑร์ - [ 18 พ.ย. 51 02:25:36 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ช่วยเพิ่ม number of comments ให้ค่ะ จากคุณ : Crotte - [ 18 พ.ย. 51 02:25:37 ]

ความคิดเห็นที่ 51 คุณ อชิรวัฑร์ อย่าไปจับผิดเค้าเลยค่ะ น่าสงสารออก อุตส่าห์พิมพ์มาซะยาวขนาดนี้ จะ what for จะพร่างพราว ก็... เหมือนกัน คราวที่แล้วเค้าบอกว่าเป็นพี่น้องกันค่ะ ส่วนตัวเราก็ว่ามันไม่ clear นะ เพราะ blog เราก็คือ blog ของเราเท่านั้น พี่สาวอ่านได้แต่ห้ามยุ่ง ปล. คุณ จขกท. ไม่ต้องส่งข้อความาหาเราแล้วนะคะ เราเข้าใจเจตนาดีของคุณทุกประการค่ะ (กลัวแล้วจ้า) จากคุณ : Crotte - [ 18 พ.ย. 51 02:30:52 ]

ความคิดเห็นที่ 52 อยากลอง อยากลอง อยากลอง ถูกๆนี่ชอบ ทำให้อยากลองดีแท้ ขอบคุณที่มาช่วยไขความลับนะคะ จากคุณ : Bannorker - [ 18 พ.ย. 51 04:20:15 ]

ความคิดเห็นที่ 53 อยากใช้ แต่ไกลบ้านมากๆ จากคุณ : Toon16 - [ 18 พ.ย. 51 09:00:04 ]

ความคิดเห็นที่ 54 แล้วถ้าใช้ vit c 1000 มก ที่เราทาน ของเซนทรัม หละคะ บดแล้วลองพอกหน้าได้ไหมเอ่ย? จากคุณ : LUNATIC SPACE - [ 18 พ.ย. 51 09:11:37 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ไม่เห็นจะเป็นไรนี่คะ อย่างน้อยคนไม่รู้ก็มี (เช่นเราเป็นต้น) ขอบคุณ จขกท ด้วยค่ะ จากคุณ : iSIs_OsiRis - [ 18 พ.ย. 51 09:31:16 ]

ความคิดเห็นที่ 56 เข้ามาเพิ่มเติมว่า... ให้ระวังความเข้มข้นของวิตามินซีที่ใช้ (กรัม ต่อปริมาณน้ำหรือโทนเนอร์ 100 กรัม) ที่บอกไว้ ใน คห 8 ไม่ได้บอกว่าเติมลงในน้ำเท่าไร  บอกแต่ปริมาณวิตามินซีที่ใส่ลงไปเท่านั้น ^^ จากคุณ : After Sunset_Before Sunrise - [ 18 พ.ย. 51 09:55:04 ]

ความคิดเห็นที่ 57 เคยโพส หรือไม่เคย ผมว่าก็ไม่เป็นไรหรอกครับ คงมีเพื่อนๆอีกหลายคนที่อยากรู้ ผมเองก็เพิ่งได้อ่าน ถึงแม้คนที่เคยอ่านแล้ว อาจจะสนใจขึ้นมาบ้าง เพราะมันราคาประหยัด   ผมว่าหาซื้อตามร้านขายส่งยา คงจะมีนะครับ ขอบคุณ จขกท มากๆครับ ผมกำลังสนใจวิตซีอยู่พอดี หวังว่าจะหน้าใสอมชมพูกะเค้ามั้งละ จากคุณ : Mr.Collagen - [ 18 พ.ย. 51 10:00:37 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ไม่ได้อ่านกระทู้เดิม จะนำมารีกี่ครั้งก็ยังเป็นประโยชน์อยู่ดี ก็ความรู้นี่คะ ย้ำๆ ไว้จะได้จำนานๆ นำมาใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ ใครทราบแล้วก็ไม่ต้องอ่านค่า ขอบคุณพร่างพราว รักคุณจริงๆ เลย จากคุณ : need-dee1 - [ 18 พ.ย. 51 10:47:02 ]

ความคิดเห็นที่ 59 เคยไปถามที่ยาหนึ่ง บางปะกอก เค้าบอกไม่มี อ่านมาแล้วครั้งแล้วค่ะ จะลองไปทำตาม แต่จะต้องหาซื้อไอ้ผงนี้ให้ได้ก่อน แต่จนปัญญา ไปวิทยาศรม ยังไงก็ขอบคุณค่ะ จากคุณ : คนสวยเมืองนนท์ - [ 18 พ.ย. 51 14:25:11 ]

ความคิดเห็นที่ 60 เหนด้วยกะ ค.57 ค่ะ หลายคนที่ไม่รู้ก็มีค่ะ คนที่พึ่งเข้าห้องแป้งก็มี การที่จะเข้าไปค้นกระทู้เก่ามาอ่านบางครั้งมันก็ไม่สะดวก การที่เอามาย้ำๆ เราว่าก็ดีนะคะ อิอิ จากคุณ : หมาน้อยของหมูอ้วน - [ 18 พ.ย. 51 14:34:30 ]

ความคิดเห็นที่ 61 น่าสนใจแต่ไม่กล้าลอง กลัวหน้าพัง.... จากคุณ : ส้มกลมกลิ้ง - [ 18 พ.ย. 51 14:44:01 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ถ้าไปซื้อที่นั่น เขาจะใส่ซองยาให้เรา  วิธีเก็บเมื่อนํากลับมาบ้าน  หาขวด กระทิงเเดง  เอ็มร้อย  หรือ อื่นๆ ที่เป็นสีชา ล้าง ลวกนําเดือด ผึ่งให้แห้ง เก็บผงวิตามินซีไว้ ปิดฝาให้แน่นๆ เก็บให้พ้นแสง ไว้ในที่เย็นค่ะ แก้ไขเมื่อ 18 พ.ย. 51 14:45:37 จากคุณ : พร่างพราว - [ 18 พ.ย. 51 14:45:15 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ต้องขอบคุณผู้ให้ความรู้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ  ก็ได้แรงบันดาลใจจากที่นี่  ขอให้เพื่อนๆ เข้าไปอ่านหาความรู้กันมากๆนะคะ  ขอบคุณคุณ ฟีบี้ด้วยค่ะ ก็อ่าน เจ้าวิตามินซีผงจากในนี้แหละ แต่ซื้อ ที่วิทยาศรม อย่างอื่นก็อ่านประดับความรู้หลายๆรอบค่ะ   http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=phoebe&month=09-2007&date=03&group=8&gblog=55 จากคุณ : พร่างพราว - [ 18 พ.ย. 51 15:02:00 ]

ความคิดเห็นที่ 64 เมื่อกลางวันแวะไปร้านยาขายส่ง ไม่มีขายแหละ เฮ้อ ทำงัยดีเนี่ย ต้องไปที่วิทยาศรมจริงๆหรอเนี่ย จากคุณ : Mr.Collagen - [ 18 พ.ย. 51 15:57:20 ]

ความคิดเห็นที่ 65 พึ่งจะเคยได้อ่านเหมือนกันค่ะ ^O^ ตอนแรกตกใจอ่ะ อ่านหัวข้อนึกว่า มาขายสินค้า ขอบคุณมากๆนะคะ จากคุณ : bee_kks - [ 18 พ.ย. 51 16:04:55 ]

ความคิดเห็นที่ 66 เป็นอีกคนที่ไม่เคยอ่านกระทู้เก่า ยังไงขอบคุณ จขกท มากนะคับ จากคุณ : da-men (da-men) - [ 18 พ.ย. 51 16:08:46 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ไม่เคยอ่านกระทู้เก่าเหมือนกันค่ะ ขอบคุณนะคะ จากคุณ : better in time - [ 18 พ.ย. 51 16:22:45 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ขอบคุณคะ อยากลองทำดู แต่กลัวผสมผิดสูตรจัง จากคุณ : หมีน้อยตาดำ - [ 18 พ.ย. 51 17:12:21 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ขอบคุณนะคะ คุณพร่างพราว  ให้ ทั้งความรู้และทำให้เพื่อนๆสวยขึ้นอย่างนี้ดีที่สุดในโลกเลยคะ ใครจะมาว่าก็ช่างเค้านะคะ ถ้าไม่หวังดีก็อย่ามาว่ากันดีกว่าเนอะ แล้วมีอะไรก็มาบอกเคล็ดลับความงามกันบ่อยๆนะคะ จากคุณ : Manee_Jung - [ 18 พ.ย. 51 17:58:01 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ขอดูผิว จขกท. ว่างามแค่ไหน ก่อนถึงจะกล้าลอง ต้องเห็นผลก่อน จากคุณ : Guga - [ 18 พ.ย. 51 20:38:11 ]

ความคิดเห็นที่ 71 อะไรที่เธอแนะนำ มันต้องดี เลิศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศส อลังงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง.. ไร้ที่ติ.. คนอื่นห้ามแอ่ะค่ะ เดี๋ยวได้หลังไมสยองโลกแล้วจะหนาว.. . มีคนเค้าว่างั้นนะคะ จากคุณ : ว่านน้ำ - [ 18 พ.ย. 51 21:25:08 ]

ความคิดเห็นที่ 72 จำได้ว่าเคยมีคนกล้าขวางทางปืน ออกมาเตือนสติ บอกถึงข้อเสียของ Vit. C แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ซึมซาบเข้าไปในความรู้(สึก)ของใครบางคนเลย ก็ยังหัวชนฝาว่า วิตซีนี่ดีเลิศประเสริฐศรีที่สุดในโลก.. นั่นสิ.. แล้วทำไมเราต้องขวางทางปืนอีกราย ตายเปล่าๆปลี้ๆ . หน้าใครก็หน้าใครค่ะ ดีก้อดีไป เยินไปว่านก็.. ไม่ได้เยินตามไปด้วย ฮาๆ พึงมีสติ คิด-พิจารณากันเองนะคะ สาวๆ แก้ไขเมื่อ 18 พ.ย. 51 21:28:51 จากคุณ : ว่านน้ำ - [ 18 พ.ย. 51 21:27:53 ]

ความคิดเห็นที่ 73 กลัวหน้าพัง จากคุณ : =p o o k p u i= - [ 18 พ.ย. 51 21:38:25 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ........... พี่ไม่ทําอย่างนั้นหรอกค่ะ แค่ไม่อิจฉาใคร และดีใจสุขใจที่เห็นคนอื่นได้ดีค่ะ จากคุณ : พร่างพราว - [ 18 พ.ย. 51 22:02:55 ]

ความคิดเห็นที่ 75 อยู่ไกล หาซื้อไม่ได้ ถ้าหาซื้อได้ ผมนี้แหละจะลองให้ดู จะได้รู้ว่าดีจริงหรือไม่จริงยังไง ปล.ใครไปซื้อก็บอกด้วย จะฝากซื้อหน่อย แ้ล้วจะลองให้ดูครับ ว่าดีสมที่ว่าหรือเปล่า จากคุณ : รูปหล่อ_พ่อคนดี - [ 18 พ.ย. 51 22:21:06 ]

ความคิดเห็นที่ 76 เคยใช้นานละ ใช้แล้วสิวขึ้นหงะ เลยไม่กล้าใช้อีกเลย จากคุณ : Gimme More - [ 18 พ.ย. 51 22:36:59 ]

ความคิดเห็นที่ 77 สิวขึ้นก็เป็นเหมือนกันค่ะ เเต่ ระยะหนึ่งเท่านั้น หลังจากนั้น หน้า ฟูเต่ง ขึ้นค่ะ ลองกลับไปทบทวนความรู้หลายๆๆๆรอบนะคะเพราะอะไร จากคุณ : พร่างพราว - [ 18 พ.ย. 51 22:39:16 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ส่วนผสมสำคัญในครีมบำรุงผิวและต่อต้านการเกิดริ้วรอย วิตามินซี (Ascorbic Acid) ทำหน้าที่กำจัดอนุมูลอิสระและเป็นองค์ประกอบร่วมของเอนไซม์ต่าง ๆ ที่ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน เช่น เอนไซม์เฟอร์ริกและคิวปริกเมทัลเลี่ยนส์ (Ferric/Cupric Metalions Enzymes) ในขณะเดียวกันวิตามินซียังสามารถทำปฏิกิริยากับอนุมูลอิสระได้หลายชนิด มีความเป็นพิษต่ำ และเป็นตัวดึงวิตามินอีมาจากโตโกฟิรอลแรดิคัลได้ แต่ข้อด้อยของวิตามินซี คือ ถูกทำลายได้อย่างรวดเร็วเมื่อถูกแสง ความชื้น ออกซิเจน ความร้อน และด่าง ร่างกายต้องการวิตามินซีประมาณวันละ 60 มก. ส่วนผู้หญิงมีครรภ์และผู้สูบบุหรี่ต้องการมากขึ้นเป็นประมาณวันละ 140 มก. อาหารที่มีวิตามินซีสูง ได้แก่ ผลไม้รสเปรี้ยวและผักใบเขียว การรับประทานวิตามินซีค่อนข้างปลอดภัย เนื่องจากวิตามินซีละลายในน้ำได้ วิตามินซีที่รับประทานเข้าไปจะไปอยู่ในผิวชั้นนอกมากกว่าผิวชั้นในถึง 5 เท่า และมีผลในการช่วยลดปริมาณอนุมูลอิสระในผิว ช่วยสมานแผล ชะลอการร่วงโรยของผิว และป้องกันการเกิดมะเร็งผิวหนัง วิตามินซีส่วนใหญ่อยู่ในรูปของกรดแอล-แอสคอร์บิก (L-Ascorbic Acid) ได้แก่ แอสคอร์บิลพาลมิเทต และแอสคอร์บิลฟอสเฟต ซึ่งแอสคอร์บิลฟอสเฟตเป็นวิตามินซีที่ละลายน้ำได้ดีและคงตัวอยู่ได้นานถึง 6 เดือน จึงมีผู้นำมาใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์หลายชนิด ส่วนแอสคอร์บิลพาลมิเทตนั้นละลายได้ทั้งในน้ำและไขมัน จึงใช้เป็นส่วนผสมในครีม โลชั่น และน้ำมัน ข้อดีของสารตัวนี้คือมีค่า pH หรือค่าความเป็นกรด-ด่าง ที่เป็นกลางจึงไม่ระคายเคืองต่อผิว จากการทดสอบพบว่า การทาวิตามินซีบนผิวสามารถลดอาการบวมแดงหรืออาการไหม้จากแสงแดดได้ โดยหากผสมวิตามินอี ลงไปด้วยก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ได้ผลใกล้เคียงกับครีมกันแดดที่มีออกซิเบนโซนเป็นส่วนประกอบ และหากใช้วิตามินซี วิตามินอี และออกซิเบนโซน ร่วมกันก็จะสามารถป้องกันภาวะพิษจากแสงแดดได้เกือบ 100% อย่างไรก็ตาม วิตามินซีไม่สามารถป้องกันการหย่อนยานของผิวได้ รวมทั้งยังไม่มีผลการศึกษาและทดสอบกับคนจำนวนมาก เพื่อยืนยันว่าวิตามินซีมีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใดในเรื่องดังกล่าว วิตามินซีที่มีประโยชน์กับผิวมากที่สุดคือวิตามินซีที่อยู่ในรูปของ L-Ascorbic Acid แต่ไม่เสถียรที่สุด หมายถึงว่า เมื่อถูกอากาศ หรือน้ำ ก็จะทำให้เสื่อนสภาพ(กลายเป็นสีเหลือง ปกติเป็นสีขาว) - หน้าที่หลักของ L-Ascorbic Acid คือ ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ไฟโบรบาสท์ให้สร้างคอลลาเจน และต่อต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ริ้วรอยบนใบหน้าจางลง - สามารถยับยั้งการผลิตเมลานิน ทำให้ผิวหน้าขาวใส - วิตามินซีไม่ได้ทำให้หน้าบางลง โดนแดดไม่ได้ แต่ต่างประเทศกลับใส่ L-Ascorbic Acid ลงไปในสินค้าครีมกันแดดในบางผลิตภัณฑ์เพราะมีฤทธิ์ปกป้องผิวจาก การถูกแสงแดดทำลายซะอีก http://www.skincaredictionary.com/L-Ascorbic_Acid.html - วิตามินแบบทาได้ประโยชน์กับผิวมากกว่าแบบกิน เพราะเมื่อเรากินวิตามินลงไป ร่างกายจะนำไปเลี้ยงทุกส่วนไม่ได้เฉพาะผิวอย่างเดียว ส่วนการทาไปที่ผิวโดยตรง จะซึมลงไปถึงเซลล์ที่ผลิตคอลลาเจนที่อยู่ที่ชั้นผิวได้เร็วและเต็มที่ หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมต้องทาวิตามินซีด้วย แค่รับประทานไม่พอหรือคำตอบก็คือ การรับประทานถึงแม้ว่าร่างกายจะได้รับวิตามินซีก็จริง แต่ผ่านเข้าผิวได้ระดับหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถรับได้เต็ม 100% วิตามินซีชนิดทาที่ใช้กันมีความเข้มข้นตั้งแต่ 5-20% พบว่าในสภาพกรดอ่อนๆ pH 2-3.5 ที่ความเข้มข้น 20% เซลล์ผิวได้รับวิตามินซีสูงสุดคือ 20 เท่า ของเซลล์ปกติซึ่งไม่สามารถได้จากการรับประทาน วิตามินซีซึ่งออกฤทธิ์กับผิวโดยตรงต้องอยู่ในรูปของกรด แอล-แอสคอร์บิก (L-Ascorbic Acid) หากผิวได้รับอย่างเพียงพอ จะทำให้ผิวขาวและใสขึ้นได้ ทั้งยังช่วยยับยั้งการทำลายอีลาสติน (Anti-Elastase) และคอลลาเจน (Anti-Collagenase) ในชั้นหนังแท้และยังกระตุ้นให้มีการสร้างคอลลาเจนเพิ่มขึ้นไปพร้อมๆกัน ริ้วรอยจึงจางลง ผิวยืดหยุ่นขึ้น สุดท้ายยังช่วยให้วิตามินอี บริเวณผิวถูกทำลายช้าลง มีการหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ได้อีกจึงช่วยเร่งการหายของแผลได้อีกทางหนึ่ง ในท้องตลาดมีจำหน่ายหลายรูปแบบ ทั้งชนิดครีม เซรั่ม หรือเป็นผงเขย่าขวดก่อนใช้  ชนิดผงมักเป็นผงของกรดแอล-แอสคอร์บิก ก่อนใช้ต้องเขย่าใช้กับตัวทำละลายที่มีสภาพเป็นกรดอ่อนๆ หลังทาผิวจะได้รับวิตามินซีเต็มที่ แต่อาจแสบและระคายผิวได้บ้างแต่ก็ดีกว่าชนิดครีมหรือเซรั่ม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอนุพันธ์ของวิตามินซี ไม่สามารถออกฤทธิ์ได้โดยตรงต้องเปลี่ยนเป็นกรดแอล-แอสคอร์บิกบริเวณผิวอีกต่อหนึ่ง ทั้งยังดูดซึมเข้าสู่ผิวได้น้อย พบบ่อย เช่น Magnesium Ascorbyl-2-Phosphate ,Ascorbyl Glucosamine ,Ascorbic Acid-2-Glucoside และอีกหลายชนิด ข้อดีของครีมหรือเซรั่มผสมวิตามินซีคือมีความคงตัว เก็บได้นานกว่าชนิดผง เพราะชนิดผงหลังผสมควรใช้ให้หมดภายใน 1 เดือนเนื่องจากวิตามินซีจะค่อยเสื่อมสภาพไป สังเกตได้จากการเปลี่ยนสีจากใสแล้วค่อยๆกลายเป็นสีน้ำตาลในที่สุด สรุปว่าหากต้องการได้รับวิตามินซีอย่างเต็มที่ น่าเลือกใช้ชนิดผงมากกว่าเซรั่มหรือครีมยกเว้นเสียแต่กรณีผิวแห้งและระคายเคืองได้ง่าย การใช้ครีมจะละมุนละไมมากกว่าบางแบรนด์อาจผสมทั้งกรดแอล-แอสคอร์บิก กับอนุพันธ์ของวิตามินซีเข้าด้วยกัน ชนิดที่ว่าเมื่อชนิดที่หนึ่งเสื่อมไปอีกชนิดซึ่งมีความคงตัวมากกว่าก็สามารถออกฤทธิ์ต่อได้ทันที   ช่วยอ่านหลายๆรอบให้เข้าใจนะคะ  ขอบคุณค่ะ แก้ไขเมื่อ 18 พ.ย. 51 22:42:15 จากคุณ : พร่างพราว - [ 18 พ.ย. 51 22:41:42 ]

ความคิดเห็นที่ 79 วิตามินซีที่มีประโยชน์กับผิวมากที่สุดคือวิตามินซีที่อยู่ในรูปของ L-Ascorbic Acid แต่ไม่เสถียรที่สุด หมายถึงว่า เมื่อถูกอากาศ หรือน้ำ ก็จะทำให้เสื่อนสภาพ(กลายเป็นสีเหลือง ปกติเป็นสีขาว)  เน้นๆๆหน่อย จากคุณ : พร่างพราว - [ 18 พ.ย. 51 22:43:07 ]

ความคิดเห็นที่ 80 http://www.pantip.com/cafe/woman/topic/Q7215210/Q7215210.html   ช่วยอ่านกระทู้นี้ให้เข้าใจ หลายๆรอบด้วยค่ะ ถ้ายังสงสัยกันอยู่ จากคุณ : พร่างพราว - [ 18 พ.ย. 51 22:45:16 ]

ความคิดเห็นที่ 81 หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมต้องทาวิตามินซีด้วย แค่รับประทานไม่พอหรือคำตอบก็คือ การรับประทานถึงแม้ว่าร่างกายจะได้รับวิตามินซีก็จริง แต่ผ่านเข้าผิวได้ระดับหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถรับได้เต็ม 100% วิตามินซีชนิดทาที่ใช้กันมีความเข้มข้นตั้งแต่ 5-20% พบว่าในสภาพกรดอ่อนๆ pH 2-3.5 ที่ความเข้มข้น 20% เซลล์ผิวได้รับวิตามินซีสูงสุดคือ 20 เท่า ของเซลล์ปกติซึ่งไม่สามารถได้จากการรับประทาน จากคุณ : พร่างพราว - [ 18 พ.ย. 51 22:46:25 ]

ความคิดเห็นที่ 82 สรุปว่าหากต้องการได้รับวิตามินซีอย่างเต็มที่ น่าเลือกใช้ชนิดผงมากกว่าเซรั่มหรือครีมยกเว้นเสียแต่กรณีผิวแห้งและระคายเคืองได้ง่าย การใช้ครีมจะละมุนละไมมากกว่าบางแบรนด์อาจผสมทั้งกรดแอล-แอสคอร์บิก กับอนุพันธ์ของวิตามินซีเข้าด้วยกัน ชนิดที่ว่าเมื่อชนิดที่หนึ่งเสื่อมไปอีกชนิดซึ่งมีความคงตัวมากกว่าก็สามารถออกฤทธิ์ต่อได้ทันที  ช่วยอ่านหลายๆรอบให้เข้าใจนะคะ  ขอบคุณค่ะ จากคุณ : พร่างพราว - [ 18 พ.ย. 51 22:47:26 ]

ความคิดเห็นที่ 83 L-Ascorbic Acid Definition: L-Ascorbic Acid is the Chirally Correct form of Vitamin C and the most effective for the skin. Stimulates collagen production. Topical vitamin C must be in the form of L-ascorbic acid to be useful to the body and skin. L-ascobic acid is unstable and tends to break down rapidly, that's why it is so difficult to produce for cosmetic preparations. Once it is in the skin, studies show that L-ascorbic acid stimulates collagen synthesis, provides photoprotection, stays in the skin or up to 72 hours, and prevents UV immunosuppression, a reaction that occurs in more than 90% of skin cancer patients. Vitamin C and Sun Protection: Topical vitamin C protects skin against harm caused by exposure to sunlight. It does this by neutralizing reactive oxygen species (free radicals), the highly reactive molecules produced by the interaction of sunlight, cell membranes, and other components of skin tissue. It does not absorb light, and hence, is not a sunscreen, so it should not be used in replacement of sunscreen, but rather is a good companion to sunscreen products. Plus, once vitamin C gets into the skin, it cannot be washed, rubbed, or perspired off. Vitamin C is what is known as an antioxidant. Antioxidants protect skin by neutralizing free radicals, which would otherwise destroy skin and its components. These free radicals are stimulated by ultraviolet light and also occur naturally in the oxygen atmosphere. Vitamin C and Collagen: Vitamin C is the only antioxidant that has been proven to increase collagen synthesis. Collagen synthesis is essential to maintain healthy skin. Studies show that collagen decreases with aging and that photoaging accelerates the decrease. L-ascorbic acid serves as a signal, relaying a critical message to collagen genes to synthesize collagen, as well as being a cofactor for two enzymes important in collagen synthesis. Ineffective Vitamin C Preparations: Wanting to offer vitamin C products, many companies have used derivatives of vitamin C, such as ascorbyl palmitate and magnesium ascorbyl phosphate. Derivatives are easier to stabilize, but they are not L-ascorbic acid, which is the only form of vitamin C the body can use. Recent studies indicate that vitamin C derivatives do not perform the same way as topical L-ascorbic acid. These studies show that derivatives are either not absorbed or not converted to L-ascorbic acid in high enough concentrations to have an effect.   อ้างอิง http://www.skincaredictionary.com/L-Ascorbic_Acid.html จากคุณ : พร่างพราว - [ 18 พ.ย. 51 22:51:08 ]

ความคิดเห็นที่ 84 แล้วถ้าใช้ vit c 1000 มก ที่เราทาน ของเซนทรัม หละคะ บดแล้วลองพอกหน้าได้ไหมเอ่ย? จากคุณ : LUNATIC SPACE*******************************************************************************************  ไม่แนะนําตัวที่คุณบอกไว้ทานดีกว่าค่ะ  ผิวจะดีขึ้นด้วยนะคะ จากคุณ : พร่างพราว - [ 18 พ.ย. 51 22:56:19 ]

ความคิดเห็นที่ 85 อ้าว เพิ่งเห็น คห ล่างๆว่าเป็นกระทู้ Dejavu ความจริง ถ้าจะซื้อผงวิตซีแบบนี้ ต้องไปหาร้านขายสารเคมีสำหรับห้องแล็บหรือสำหรับเภสัช  ไม่ใช่ร้านขายยา   ไม่จำเป็นต้องเป็นวิทยาศรมก็ได้นะ  แต่วิทยาศรมเก่าแก่ และอยู่ในทำเลที่หาง่ายหน่อยเท่านั้นเอง  สมัยเรียนก็ชอบมาซื้อสารเคมี  เครื่องแก้ว อุปกรณ์ฯลฯที่นี่เหมือนกันทั้งๆที่ไม่แน่ใจว่าแพงกว่าเจ้าอื่นหรือเปล่า  ซื้อเพราะใกล้บ้านเท่านั้นเอง อ่านกระทู้แล้วก็อืม  ถิ่นเก่าเรานี่หว่า  แต่ว่า  อย่าเลย  กลัวหน้าพัง แค่ทาวิตซีของ bodyshop ก็แสบแทบจะดิ้นแล้ว จากคุณ : DKW - [ 19 พ.ย. 51 02:58:52 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ภาพประกอบ??? จากคุณ : Guga - [ 19 พ.ย. 51 10:47:52 ]

ความคิดเห็นที่ 87 ได้ความรู้  แต่เบื่อพวกจิตใจคับแคบจริงๆ จากคุณ : ชูโอมารุ - [ 20 พ.ย. 51 14:47:00 ]