Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    เตือนภัยสาวๆ เพื่อนเราเจอแก็งค์ป้ายยา....เกือบไปแล้ว..

    เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ ที่ 17 นี่เองคะ เพื่อนโทรมาเล่าให้ฟัง เลยขอเอามาเล่าให้เพื่อนๆ ในห้องแป้งได้ระวังกันด้วยคะ  ( เราขอไปก็อปข้อความที่เพื่อนไปลงไว้ใน Hi 5 ส่วนตัวมาเลยแล้วกันนะคะ )

    สำหรับผู้หญิงที่ไปไหนมาไหนคนเดียวอาจเกิดเหตุการณ์เสี่ยงอันตรายแบบนี้ได้ แล้วมันเพิ่งเกิดสดๆร้อนๆเมื่อวานนี้เอง แต่นู๋ก็เอาตัวรอดกลับมาได้เลยมานั่งเล่าต่อไว้เตือนภัยละกัน



    เกริ่นก่อน ว่า ทุกเย็นวันจันทร์จะต้องออกไปซื้อของมาเตรียมไหว้เจ้าที่ในตอนเช้าวันอังคารเป็นประจำด้วยอยู่แล้ว ที่ไปซื้อของประจำก็เซ็นทรัลใกล้บ้าน ทุกเย็นวันจันทร์ก็เลยต้องไปที่นี่ จะได้ไปเร็วกลับเร็ว



    แล้วก็ดันติดเป็นนิสัย ทุกครั้งที่ไปเซ็นทรัล จะชอบเดินตามสเต็ปตัวเอง คือไปถึงกินข้าว เดินสเตรทเม้นท์ อัพบุค  จากนั้นค่อยทำธุระอื่นอย่างซื้อของต่อ


    ความเคยชินเหล่านี้เลยทำให้เกิดเหตุการณ์แบบเมื่อวานขึ้น


    ที่เซ็นทรัล คือพอทำทุกอย่างตามที่เล่ามาแล้ว สุดท้ายก็เข้าซูปเปอร์ฯ ตั้งใจแค่ซื้อเหล้ากับอาหารสดไปทำถวาย พอจะจ่ายตังค์ก็ไปยืนต่อคิวที่ล็อคช่องทางด่วนสินค้าไม่เกิน 8 ชิ้น กำลังต่อคิวเป็นคนที่ 3 อยู่ๆก็มีคนมาจิ้มไหล่เบาๆพร้อมกับเสียง “น้องคะ ขอโทษนะคะ ขอรบกวนถามอะไรหน่อยนึง”



    พอนู๋หันซ้ายไปตามเสียงก็มีผู้หญิงวัยประมาณ 45 ใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีดำ กางเกงสามส่วนสีดำ รองเท้าแตะ ไม่แต่งหน้า ผมยาวประบ่าแบบกระเซิงๆแล้วโคนผมก็ปล่อยหงอกยาวออกมาเป็นนิ้ว ถามนู๋ว่า



    “สีผมนี่สวยดีจัง ทำที่ไหน ทำเองเหรอ เค้าเรียกสีอะไร ยี่ห้ออะไร เป็นของญี่ปุ่นเหรอ หาซื้อได้ที่ไหน ราคาชุดละเท่าไหร่ ที่นี่มีขายมั๊ย ต้องซื้อที่นั่นเท่านั้นเหรอ สีสวยดี ติดดีใช่มั๊ย ของพี่เนี่ยทำไม่ติดเลย ฯลฯ”



    เค้าไม่ได้ถามเป็นชุดทั้งหมดรวดเดียวนะ แต่นี่คือบทสนทนาประมาณนี้ทั้งหมดที่เค้าชวนนู๋คุย แล้วนู๋ก็เอ๋อตอบเค้าไป คุยกันแบบคนรู้จักเมาท์กัน ขณะที่คุยๆไปก็มียื่นมือเข้ามาลูบผม จับปอยผมเบาๆไปด้วย 2-3 ครั้ง



    แรกสุดนู๋รู้สึกตกใจนิดๆตามเสียงขอโทษที่เรียกในตอนแรก แต่ทันทีที่หันไปสบตาแล้วถูกถามเรื่องสีผม รู้สึกว่าเหมือนไม่มีอะไร แต่พอเค้ายื่นมือมาแตะผม กลับรู้สึกตะหงิดๆ นึกถึงเรื่องเตือนภัยทั้งหลายที่เคยได้ยินได้อ่านมาทันที มือที่กำลังจับที่เข็นรถเข็นซุปเปอร์ฯอยู่ก็เลยแอบใช้เล็บจิกมือตัวเองให้เจ็บอยู่ตลอดเวลาที่คุย พยามมองหน้าสังเกตลักษณะโดยรวมของเค้าทั้งหมด แล้วก็หันไปพยามสบตากับแคชเชียร์ช่องที่กำลังต่อคิว กับแคชเชียร์ล็อคถัดไปอีกทั้ง 2 ล็อค



    พอจบการสนทนา เค้าก็เดินหันหลังเข็นรถเข็นซุปเปอร์ฯเดินออกไป ซึ่งตรงล็อคจ่ายเงินที่นู๋ยืนต่อคิวอยู่นั้นมันอยู่ล็อคริมสุด ถัดไปเป็นทางเข้าซุปเปอร์ฯ เป็นช่องๆที่มีราวเซ็นเซอร์ เค้าเดินออกไปทางนั้นไม่ผ่านช่องจ่ายเงิน เลยสังเกตเห็นได้ว่าในรถเข็นซุปเปอร์ฯเค้ามีกระเป๋าใบใหญ่เหมือนกระเป๋าเดินทางอยู่ในรถเข็น ไม่มีของที่ซื้อจากในซุปเปอร์ฯ นู๋ก็เลยมองตามไปจนเค้าออกไปนอกประตูห้างฯ



    พอเค้าเดินหายไปจากสายตา นู๋ก็หันมาสนใจคิวจ่ายเงินข้างหน้าต่อ แล้วอยู่ๆก็เริ่มรู้สึกร้อนขึ้นมาที่บริเวณใบหน้า เหงื่อเริ่มปุดตามไรผมและหน้าผาก เลยต้องยกมือขึ้นมาปาดอยู่ 2-3 ครั้ง หันไปมองคนรอบข้างว่ามีใครร้อนเหมือนเรามั๊ยก็ไม่มี ซักพักก็ร้อนวูบขึ้นมาตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นมาจนถึงหัว แล้วก็รู้สึกวูบที่หน้าอก หายใจขัดๆ เหมือนคนจะเป็นลม ในใจคิดว่าแย่แล้ว สงสัยต้องโดนอะไรแน่เลย ถ้าจะวูบจะบอกแคชเชียร์ พยามมองไปรอบๆตัว มีใครน่าสงสัยยืนรออะไรเรารึเปล่า แต่สายตาตอนนั้นมันเหมือนคนเหม่อๆ ล็อคโฟกัส ปวดหัวด้วย มองไปที่ร้านขายยาที่ต้องเดินผ่านก่อนจะไปถึงประตูทางออกห้างฯ กะว่าเดินออกจากล็อคจ่ายเงินแล้วถ้าอาการไม่ดี เดินไปไม่ถึงจุดขึ้นแท็กซี่จะเดินเข้าร้านขายยา เพราะเภสัชในร้านนั้นคุ้นหน้าคุ้นตากันดี



    แต่ว่าตั้งแต่คุยกับคนนั้นจนถึงตอนนี้ที่มีอาการเหล่านี้ นู๋ยังจิกมือตัวเองอยู่ตลอด แล้วก็ทำให้นึกถึงหนังสือ “ทางสายเอก” ที่เกี่ยวกับเรื่องการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานที่อ่านเมื่อเช้านี้ขึ้นมา ดันอ่านไปถึงตอนมิจฉาสมาธิพอดี คิดได้ปุ๊บเลยเรียกสติตัวเอง “รู้หนอ...รู้หนอ... ยืนหนอ... ยืนหนอ...” ยืนบริกรรมในใจโดยที่ตายังเหม่อๆแบบล็อคโฟกัสอยู่ด้วยนะ รู้สึกตัวเองตลอด บริกรรมได้ซักพัก อาการที่ว่าร้อนๆเหงื่อปุดๆวูบๆวาบๆก็หายไปแบบปลิดทิ้งทันที แล้วก็ดันถึงคิวจ่ายเงินพอดี



    เสร็จก็เดินจ้ำมาหน้าห้างฯ ทางเดียวกับที่คนเมื่อกี้เดินออกมา เลยประตูโฮมเวิร์คก็เป็นจุดจอดแท็กซี่ เลยขึ้นรถกลับบ้าน กำลังรู้สึกว่าตัวเองเริ่มร้อนๆหนาวๆเหมือนจะเป็นไข้อีกแล้ว ก็ดั๊นนนนนมาเจอแท็กซี่หัวเหม็นอีก (เวงกำกรู) พอขึ้นรถปุ๊บ กลิ่นหัวแบบคนไม่สระผมหลายวันก็หึ่งทั้งรถทันที อุ๊บ! กลั้นหายใจแทบไม่ทัน นั่งมึนจนถึงบ้าน (แป๊บเดียว จากเซ็นทรัลถึงบ้านแค่ 41 บาท)



    พอถึงบ้านเอาของมาวางกองที่โซฟา ก็รู้สึกแย่ทันที จะเป็นลม เหงื่อปุดๆ ร้อนอีกแล้ว เลยขึ้นห้องนอน เปิดแอร์ เปิดพัดลมพร้อมกัน


    ไม่รู้นอนไปนานแค่ไหน พอค่อยยังชั่ว เหมือนหายมึนๆงงๆ ก็ลุกขึ้นมาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สบายๆหลวมๆ แล้วลงไปออฟฟิศ โทรไปเล่าให้พี่ฟังก็บอกให้ไปแก้ของ ไปล้างหน้า อาบน้ำ สระผม ล้างตัว ล้างเท้า ไม่อย่างนั้นจะได้เจอกับมันอีก


    เลยออกมาหน้าออฟฟิศ ไหว้เจ้าที่ แล้วขึ้นไปห้องพระในบ้าน ไหว้เจ้าแม่กวนอิม สเด็จเตี่ย และหิ้งพระ บอกท่านว่า “วันนี้ลูกรู้สึกไม่สบายกายไม่สบายใจ ถ้ามีสิ่งใดไม่ดี จะเป็นอวิชชาหรืออะไรก็ตามที่ติดตัวลูกเข้าบ้านมา ขอให้ท่านช่วยปัดเป่าออกไปให้พ้นจากตัวลูก ให้พ้นจากครอบครัวของลูก ให้พ้นจากอาณาบริเวณบ้านของลูก และขอให้ท่านช่วยดูแลคุ้มครองไม่ให้สิ่งไม่ดี มิตรร้าย ภยันตรายทั้งหลายอย่ากล้ำกรายอย่ามาเบียดเบียนลูก ขอให้แคล้วคลาดต่อกัน อย่าเจอะอย่าเจอกันอีกเลย”



    แล้วก็โชคดี ที่มีน้ำมนต์ที่ได้มาจากตอนเบิกเนตรองค์พระประธานที่เอราวัณ เลยเอามาผสมน้ำในถังอาบ เริ่มจากราดหัว ล้างผม ล้างตัว ราดเท้า พอเสร็จก็ลงมานั่งคุยกับแม่ น้องสาว และน้องเขย ตอนนั้นเริ่มสังเกตเห็นรอยจ้ำเขียวเป็นรูปเล็บตัวเองจากการจิกมือตัวเองแล้ว



    น้องเขยว่าถ้าตามที่คาดการณ์ พอมันหายไปซักพักเราอาจเป็นลม แล้วมีคนทำเหมือนรู้จักมาพาออกไปนอกห้างฯแล้วขึ้นรถกลับบ้านก็ได้ อีกอย่างมันอาจจับตาดูนู๋มาตลอดตั้งแต่เข้าแบงค์นี้ ออกแบงค์โน้น มาจนซื้อของในซุปเปอร์ฯ แล้วก็เห็นว่ามาคนเดียว และก็คงเห็นหน้านู๋ที่นี่บ่อยๆ เดินก็เดินตามเส้นทางเดินตัวเองซ้ำๆอีกตะหาก น้องเขยมันว่าดีที่นู๋มีสติ หยิกตัวเองให้รู้สึกตัวอยู่ตลอด อีกอย่างมีของในตัวด้วยเลยไม่เป็นไรกลับมาถึงบ้านได้ (ตอนแรกนึกออกแต่ว่านู๋มีแต่ยันต์สายเมตตา เน้นทางการค้าขาย ไม่มียันต์ป้องกันตัวซักหน่อย พอน้องเขยทักเลยเพิ่งนึกได้ว่าสักน้ำมันครั้งแรกนู๋ได้ 5 แถวมาเต็มแผ่นหลังเลยนี่หว่า)



    เมื่อวานนู๋ใส่เสื้อขาวชายยาวกับกางเกงขาสั้น รองเท้าแตะ แล้วก็กระเป๋าสะพายใบใหญ่ ที่ใส่ทุกอย่างไว้ในนั้น หนักยังไงก็หนีบติดไหล่ตลอด ไม่วางไม่ปล่อยแม้เวลาเข็นรถเข็นซื้อของในซุปเปอร์ฯ (เพราะมันเคยมีเรื่องโดนคนแฮปกระเป๋าทั้งใบจากรถเข็นที่คาร์ฟูร์มาทีนึงแล้ว) พอตอนจะจ่ายเงินถึงค่อยหยิบกระเป๋าเงินออกมา คิดว่าเซฟตัวเองดีเรื่องสมับติแล้วนะ ส่วนเครื่องประดับทั้งตัวมีแค่แหวนทองกับแหวนเงินอย่างละวงเอง แต่ว่าเมื่อวานเป็นวันที่ถือเงินสดติดอยู่กับตัวค่อนข้างเยอะ ก็ลงไปซื้อของในซุปเปอร์ฯเลย



    ถ้าจะชมตัวเองก็ชมตัวเองที่เอาตัวรอดมาได้อีกแล้ว (ต้องใช้คำว่าอีกแล้ว เพราะก่อนหน้านี้ก็มีเหตุการณ์ให้เอาตัวรอดไปเป็นอุทาหรณ์สอนชาวบ้านเค้าเยอะดีเหลือเกิน อย่างคดีโดมินิค พูพาร์ต ที่เป็นข่าวเมื่อ 5-6 ปีที่แล้วที่นู๋เป็นเจ้าทุกข์ แต่ไม่เป็นฝ่ายเสียหาย เพราะดันแย่งของกลางกลับคืนมาได้แล้วยังได้กำไลข้อมือคนร้ายไปเป็นหลักฐานให้ตำรวจอีก เรียกแท็กซี่ขับตามรถคนร้าย โทรแจ้งตำรวจและรายงานรูปพรรณสันฐานของรถที่ใช้หลบหนี และก็ดันจำหน้าคนร้ายได้หมดเป็นคนบอกสเก็ตช์หน้าและชี้ภาพผู้ต้องหายกแก๊งค์ 55555 ไม่ดีๆ ดันใจร้อนแต่ฟลุคที่ปลอดภัย เมื่อ 1 สิงหาที่ผ่านมานู๋ก็เพิ่งไปขึ้นศาลเป็นพยานโจทย์ฟ้องมันแล้วชนะคดีมาด้วย หรืออีกเรื่อง ไปแอบดักจับนัง 18 มงกุฎถึงบ้านมัน แล้วลากคอขึ้นโรงพัก ทำให้รู้ว่าโจรในคราบผู้ดีนี่มันเป็นยังงี้นี่เอง หุหุ)



    สรุปดีกว่า เรื่องของเรื่อง ดีที่มีสติ ดีที่ตั้งใจฝึกวิปัสสนากรรมฐาน จนรู้ว่าต้องฝึกจิต ฝึกสติและปัญญาอย่างไร มันเอามาใช้ในชีวิตประจำวันได้จริงๆ ยิ่งตอนหน้าสิ่วหน้าขวาน ของดีไม่ช่วยเท่าสติตัวเราช่วยตัวเอง นู๋เชื่ออย่างนั้นนะ


    ขอบคุณเพื่อนเราด้วย ที่มาแบ่งปัน ให้ได้ระวังตัวกันด้วย คะ

    จากคุณ : Sugar_w - [ 20 พ.ย. 51 14:08:29 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com