Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    ศูนย์ผิวหนัง มศว ชี้ "กลูตาไธโอนไม่ใช่สารพิษ-ควรทำวิจัยจริงจัง

    ศูนย์ผิวหนัง มศว ชี้ "กลูตา" ไม่ใช่สารพิษ-ควรทำวิจัยจริงจัง  

    รายละเอียด :  

    ผู้อำนวยการศูนย์ผิวหนังมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

    ระบุสารกลูต้าไทโอนไม่ใช่สารพิษที่ประชาชนหลายคนเข้าใจตามกระแสข่าวที่เกิดขึ้นในระยะนี้

    ทั้งยังเป็นสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ทำให้ร่างกายเกิดความสมดุล

    และยังเป็นตัวขจัดข้อเสียหรือสารพิษที่เข้าสู่ร่างกาย ฝากถึงนักวิจัยที่ทำงานด้านยาหรือการรักษา

    หากต้องการใช้ยาประเภทกลูต้าไทโอน ควรจะได้ทำการวิจัยให้จริงจัง


    ศ.นพ.ปิติ พลังวชิรา ผู้อำนวยการศูนย์ผิวหนังมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) กล่าวถึงสารกลูตาไทโอน (glutathione) ว่า คนไทยจำนวนไม่น้อยที่รู้สึกไม่ดีกับสารตัวนี้ คนจำนวนมากเข้าใจพิษคิดว่าสารตัวนี้เป็นสารพิษ ซึ่งในความเป็นจริงสารกลูตาไทโอนสารแอนติออกซิเดนซ์ หรือสารที่ต้านอนุมูลอิสระ ร่างกายมนุษย์จะได้รับสารชนิดนี้จากการบริโภคอาหารประเภทโปรตีน ไข่และนม รวมถึงผลไม้ประเภท อะโวคาโด และจะถูกเก็บไว้ที่ตับ

    ทั้งนี้ สารกลูตาไทโอนนี้ เป็นสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายทำให้ร่างกายเกิดความสมดุล โดยเฉพาะเมื่อร่างกายต้องรับสารอนุมูลอิสระเข้าไป สารต้านอนุมูลอิสระก็จะช่วยปรับให้สภาพร่างกายเกิดความสมดุล และยังเป็นตัวขจัดข้อเสีย หรือสารพิษที่เข้าสู่ร่างกาย ตั้งแต่สารปรอท ยาฆ่าแมลง หรือยาบางชนิดที่เราต้องกินเข้าไป และเหลือตกค้าง ตับจะทำหน้าที่ขับสารพิษออกมาโดยสารกลูต้าไทโอนมีบทบาทสำคัญ

    ดังนั้น จึงอยากทำความเข้าใจว่า ยาที่มีส่วนส่วนประกอบของกลูตาไทโอนไม่ได้น่ากลัว ยาที่อยู่ในกลุ่มของยากินนั้นในต่างประเทศมีขายอยู่ตามร้านขายยาทั่วๆ ไป ในเมืองไทยสารกลูตาไทยโอนอยู่ในผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพ แต่ยาที่อยู่ในรูปของการฉีด เพื่อรักษาฝ้านั้นในเมืองไทยยังไม่มีการวิจัย จึงอยากฝากถึงนักวิจัยที่ทำงานด้านยาหรือการรักษา หากต้องการใช้ยาประเภทกลูต้าไทยโอน ควรจะได้ทำการวิจัยให้จริงจัง

    “ระดับกลูตาไทโอนของคนที่ป่วยด้วยโรคบางชนิด เช่น โรคทางสมอง อย่างพากินซัน โรคหัวใจบางชนิดหรือบางคนกินยาแก้ปวดอย่างพาราเซตามอลบ่อยๆ ความเครียด หรือคนที่ได้รับสารพิษบ่อยๆ ระดับกลูต้าไทโอนจะลดลง การกินยาที่มีสารประเภทกลูต้าไทโอนจะถูกซึมเข้าสู่ร่างกายได้น้อยกว่าการฉีด ซึ่งทำให้ผู้ที่ใช้ยาประเภทนี้นิยมฉีด

    และที่สำคัญ ต้องฉีดเข้าเส้นเลือด ซึ่งต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ที่มีความรู้ความชำนาญ นอกจากฉีดเข้าเส้นแล้วยังสามารถฉีดเข้ากล้ามเนื้อหรือใช้สูดดมได้อีกด้วยขึ้นอยู่กับโรคในแต่ละโรคว่าเหมาะกับการใช้ยาชนิดนี้ด้วยวิธีการไหน



    อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยากลูตาไทโอนที่ใช้ในการรักษาฝ้านั้น ยังถือว่าผิดกฎหมาย

    เพราะการนำเข้ายาประเภทนี้เข้ามายังไม่ได้ขึ้นทะเบียน อย.

    และหากจะใช้ยาชนิดนี้เพื่อรักษาฝ้าควรจะนำเข้ามาให้ถูกกฎหมายและขึ้นทะเบียนยาให้ถูกต้องด้วย

    ถ้าต้องนำมาใช้ในการรักษาฝ้าควรจะมีการค้นคว้าวิจัย

    ซึ่งคนที่เป็นฝ้าจำนวนมากพอใจกับการรักษาด้วยยา กลูต้าไทโอน

    เนื่องจากกลูต้าไทโอนจะไปเปลี่ยนยูเมลานินซึ่งเป็นสีผิวที่คล้ำ ให้กลายเป็นฟีโอเมลานิน ซึ่งจะทำให้สีผิวจางหรือขาวขึ้น



    โดย ผู้จัดการออนไลน์ 30 พฤศจิกายน 2550 15:06 น.

     
    http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?ewsID=9500000142375

    แล้วมันยังไงล่ะเนี้ยเราตัดสินใจไม่ถูกอ่ะว่าจะกินต่อดีไหมเห็นกระทู้ล่าสุดบอกอันตราย

    จากคุณ : mameaw_90 - [ 30 พ.ย. 51 19:25:58 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com