ความคิดเห็นที่ 1 การลดน้ำหนักโดนการลดปริมาณอาหารที่ทาน หรือเปลี่ยนชนิดอาหาร เพื่อควบคุมแคลลอรี่ที่ได้รับให้แต่ละวัน เป็นวิธีที่นิยมและน่าจะไม่เป็นอันตราย อย่างสูตร สามวันเจ็ดวันที่เห็นๆกันอยู่ มันก็เป็นวิธีที่ดีและถูกต้อง เช่น ปกติเราใช้พลังงานวันละ 800-1200 kcal ถ้าเราทานอาหารวันละ 400 kcal เราก็จะสามารถดึงเราของเก่าที่สะสมใน ร่างกายเราออกมาใช้ได้วันละ 400-600 kcal แต่..... เมื่อเราลดปริมาณอาหารลงอย่างรวดเร็วอย่างนี้ติดต่อกันสักสามวัน ร่างกายจะรับรู้ไปว่า ช้าน...กำลังจะอดตาย ช่วยด้วยยยยยยยย จะลดการเผา ผลาญพลังงานลง จากวันละ 800-1200 kcal เป็น 400-600 kcal เพื่อกักเก็บไอ้ที่เราสะสมไว้ให้มากที่สุด แหม...ก็กำลังจะอดตายนี่นา ช่าย...แล้ว น้ำหนักก็จะลดลงในระยะแรกเร็วมากๆๆๆ อาทิตย์แรก 3 กิโล อาทิตย์ที่สอง 3 กิโล อาทิตย์ที่สาม 2 กิโล อาทิตย์ที่สี่ 1 กิโล อาทิตย์ที่ 5 โอ้วววววว...ทำไมมันไม่ลงซักขีดฟร่ะ.... ฮ่วยยย เลิกๆๆๆๆๆ พอแระ 9 กิโลก็พอแระ กลับมากินอย่างเดิม อาหารแบบเดิม ยัดเข้าไปวันละ 1200 kcal เหมือนเดิม อ้าววว ก็พอดีไง ใช้วันละเท่านี้ก็กินเท่านี้ไง จริงมะ แต่........ ร่างกายที่กำลังจะอดตายของเรากลับยังเผาผลาญวันละ 400 kcal เท่านั้นเอง....หมายความว่าเราเหลือวันละ 800 kcal ที่เปลี่ยนเป็นไขมันไป กักเก็บตามส่วนต่างๆเหมือนเดิม จากที่ลดไป 9 กิโล ก็สามารถกลับมาเพิ่มอีก 15 กิโลได้อย่างง่ายดาย โอ้ววว...แม่เจ้า ชั้นอ้วนกว่าตอนก่อนลดน้ำหนักอีกเหรอเนี่ย...... Y_Y ยินดีต้อนรับเข้าสู่วังวนของ YOYO LAND ค่ะ ^_^ แก้ไขเมื่อ 10 ธ.ค. 51 00:06:16 แก้ไขเมื่อ 10 ธ.ค. 51 00:06:01 จากคุณ : bemynails - [ วันรัฐธรรมนูญ 00:04:43 ]

ความคิดเห็นที่ 2 วิธีการลดน้ำหนักที่ได้ผลระยะยาวคือการควบคุมอาหารอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับออกกำลังกายค่ะ เพื่อคงระดับการเมตาบอลิซึ่มให้พอดี กับอาหารที่ทาน และกิจกรรมที่ทำ อย่างสูตรต่างๆสามวันบ้าง เจ็ดวันบ้าง สิบห้าวันบ้าง เนี่ย.... ไม่ใช่ไม่ดีนะคะ ทำได้ค่ะ แถมลดเร็วด้วยเป้นกำลังใจให้คนลดความอ้วน อย่างมากเลยค่ะ แต่หลังจากสูตรนั้นแล้วก็ขอให้ยังคงควบคุมปริมาณ อาหารอย่างต่อเนื่องค่ะ เพื่อให้ร่างกายชินกับปริมาณอาหารที่ได้รับ จนไม่เกิดอาการคิดว่าจะอดตายแล้ว จึงค่อยๆปรับมากินเท่าคนปกติค่ะ แต่จะให้ดีนี่ต้องเปลี่ยนอุปนิสัยในการกินเลยค่ะ เพราะถ้าลดได้ 10 กิโล แต่ยังกลับมาทานขาหมู พิซซ่าขอบชีส จังก์ฟู๊ดต่างๆ มันก็ไม่มีประโยชน์ค่ะ เราเคยลดได้ 10 กิโลภายในระยะเวลา 1 เดือน และสามารถคงน้ำหนักไว้ได้ ประมาณ 2 ปี....แต่ด้วยนิสัยการกิน การนอนที่แสนจะแย่ ก็ทำให้มันกลับมา เท่าเดิมภายในปีเดียว ตอนนี้ที่ทำได้คือ พยายามไม่ให้มันมากไปกว่านี้ค่ะ ยังไม่สามารถรวบรวมกำลังใจพอที่จะทำแบบเดิมอีกครั้งได้ หุหุหุ ข้อความเหล่านี้เป็นเพียงข้อมูลและความคิดของ จขกท เองนะคะ อยากให้เพื่อนสาวแสนสวย มาแลกเปลี่ยนความคิดและความรู้กันบ้างค่ะ อย่าคิดว่าสิ่งที่เราบอกเนี่ยถูกต้อง 100% นะคะ อาจจะมีผิดบ้าง ยังไงก็ช่วยกันมาบอกข้อมูลกันบ้างนะคะ เผื่อจะมีกำลังใจลดน้ำหนักอีกครั้ง จากคุณ : bemynails - [ วันรัฐธรรมนูญ 00:21:08 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อืม  แล้วถ้าหาก.... แต่ก่อนกินข้าวเต็มชาม  เน้นกับข้าวเป็นเนื้อสัตว์ต่างๆๆ  ขนมหวานเยอะๆๆ  ไอติมไม่ขาด  ช็อกโกแลตติดมือตลอด เปลี่ยนเป็นข้าวครึ่งชาม  เน้นกับข้าวเป็นผัก  เนื้อนิดหน่อย  ขนมหวานมีบ้างสัปดาห์ละครั้งสองครั้ง  ช็อกโกแลตมีบ้างเดือนละสองครั้ง  ไอติมนี่สักสองเดือนครั้ง ........แต่อาจมีหลุดบุฟเฟ่ห์บ้าง  ลานเบียร์บ้าง  หมูกระทะบ้าง  ประปราย ซึ่งนับcalแล้ววันหนึ่งน่าจะไม่ถึงพัน  แต่พฤติกรรมมันเปลี่ยนไปแล้วอ่ะค่ะ   พยายามเพิ่มcalแล้วทำไม่ได้   ตอนนี้รู้สึกว่าชอบกินผักมากกว่ากินเนื้อ  ชอบกินปลาต้มยำมากมาย  ของหวานรู้สึกว่ากินก็ได้ไม่กินก็ได้  ช็อกโกแลตรู้สึกว่าหวานเกินไปแค่2-3คำก็แสบคอ  ไอติมนี่รู้สึกอยากกินมา 2 สัปดาห์แล้วแต่ก็ไม่ว้อนขนาดต้องซื้อกินซักที  และซักวันคงจะกิน แบบนี้จะโยโย่ไหมค่ะ จากคุณ : สาวกุมภ์ - [ วันรัฐธรรมนูญ 00:38:39 ]

ความคิดเห็นที่ 4 อีกอย่างที่ห้ามลืม...คือ ระดับการเมตาบอลิซึ่มเนี่ย ยิ่งอายุมากก็จะยิ่งน้อยลงนะคะ คุณสาวกุมภ์คะ กินแบบคุณไม่น่าจะโยโย่นะคะ เพราะไม่ได้ลดหรืองดฮวบฮาบ เกินไป และก็ยังมีทานเนื้อสัตว์บ้าง มื้อใหญ่บ้าง เรียกว่าเปลี่ยน อุปนิสัยการกินดีกว่าค่ะ คุณทานแบบนี้แล้วน้ำหนักลดลงไหมคะ ถ้าไม่ลดก็ แสดงว่าที่ทานนั้นพอดีกับที่ใช้ แต่ถ้าอยากลดต้องทานให้น้อยกว่าที่ใช้ หรือใช้ให้มากกว่าที่ทานโดยการเพิ่มการออกกำลังกายไงคะ ^_^ แก้ไขเมื่อ 10 ธ.ค. 51 00:49:32 แก้ไขเมื่อ 10 ธ.ค. 51 00:49:09 จากคุณ : bemynails - [ วันรัฐธรรมนูญ 00:48:52 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เรื่องโยโย่ โดยไม่ได้กินยาลดน้ำหนักนี่ คอนเฟิร์มเลยว่ามีจริง  พ่อเรานี่เองแหละ เมื่อต้นปี พ่อเราโหมลดน้ำหนัก ด้วยความที่ว่าอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะเป็นเบาหวาน พ่อเราแทบจะไม่กินข้าว หรืออาหารพวกแป้งๆ จะกินพวกผักปลาแทน กินผักเยอะจริงๆ  เพราะเค้ารู้ว่ากินผักบางทีมันไม่อยู่ท้องนาน ก็เลยกินเยอะๆๆ จะได้ไม่หิว พ่อเราน้ำหนักลงไปสิบโล ภายในเวลาหกเดือน โดยมีการออกกำลังกายนิดหน่อยตอนเย็น ผอมลงมาก แบบเอากางเกงสมัยหนุ่มๆมาใส่ได้อะ พอดีเรากลับมาจากเรียนต่อ  พ่อเราก็อิ่มอกอิ่มใจ ลูกกลับมาบ้านละ ทำให้เจริญอาหารขึ้นนิดนึง แล้วก็ไม่รู้ไปทำยังไง เบรคแตกอะ   จากที่พ่อเราลดน้ำหนักจนผอมกว่าเราอะ (เกิดมาชีวิตนี้ไม่เคยหนักกว่าพ่อเลย) พ่อเราก็ค่อยๆกินเยอะขึ้น  ด้วยความว่าชอบกินขนมจุกจิก ของว่าง อยู่แล้ว (มีงดไป ตอนช่วงลดน้ำหนัก) ตอนนี้กินเยอะมาก  น้ำหนักที่ลงมาสิบโลอะ  มันกลับมาละ ภายในเวลาประมาณสี่เดือนได้ เราคุยกับแม่ แล้ววิเคราะห์กัน ได้ข้อสรุป (แบบมั่วๆ) ว่า พ่อเราหักดิบเร็วเกินไป  เค้าไม่ได้ค่อยๆลดปริมาณอาหาร จากปกติกินข้าวสวย ทัพพี สองทัพพี  ลดเลยสามสี่คำ เราคิดว่า วิธีที่พ่อเราทำไม่ได้ผิด  แต่มันเร็วไป ถ้าค่อยๆลดช้ากว่านี้  น่าจะคงที่ได้นานกว่านี้อะ จากคุณ : devonicka - [ วันรัฐธรรมนูญ 00:53:33 ]

ความคิดเห็นที่ 6 กำลังสนใจเรื่องนี้พอดีเลยค่ะ เพราะส่วนตัวก็ควบคุม น้ำหนักตลอด บางช่วงถ้าโหมลดเยอะ ๆ พอได้ น.น. ที่ต้องการแล้ว ทั้งที่ไม่ได้กลับมากินขนมอะไรมาก แค่ผ่อนปรนนิดเดียวก็อ้วนขึ้นมาเยอะเลย เราว่าเราก็เจอโยโย่นะคะ  คล้ายที่คุณคห.5 เล่าน่ะค่ะ คือมีช่วงนึงที่บริษัทมีงาน งานใหญ่มากอะ แล้วเรามีกิจกรรม ดังนั้นจากที่เรากินปกติของเรา เราก็เลยงดแป้ง งดขนมกินแต่ผักกับเนื้อสัตว์ไม่มัน ทำอย่างนี้สองสามเดือน น.น. ลดฮวบจริง ๆ แล้วช่วงนั้นออกกำลังกายหนักมาก พอพ้นช่วงที่บริษัทมีงานจบไป เราก็ยังคง ออกกำลังอยู่นะ แต่เบาลง คือเล่นโยคะแทนไม่ได้เล่นอะไรหนัก ๆ แล้วก็ยังควบคุมอาหารอยู่ แต่เราก็อ้วนขึ้นนะคะ เราว่ามันก็เป็นโยโย่แหละ ประมาณว่าตอนนั้นก็งดกินมากไป ร่างกายคงรวนเหมือนกัน ทั้งที่ออกกำลังนะเนี่ย   จริง ๆ เราว่าน่าจะค่อย ๆ ลด น่ะค่ะ ลดแบบเร็ว ๆ ส่งผลเสียอย่างเดียวเลยจริง ๆ มันมักจะผอมไม่ได้นานน่ะ แก้ไขเมื่อ 10 ธ.ค. 51 10:00:53 จากคุณ : chan-rak-thong-fa - [ วันรัฐธรรมนูญ 09:52:12 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ปล. จริง ๆ อยากทราบว่าวิธีอะไรที่จะต่อสู้กะโยโย่ได้ ในกรณีที่ร่างกายกำลังโยโย่น่ะค่ะ  ถ้าบอกว่า ให้ออกกำลัง อันนี้ก็ออกอยู่แล้ว แต่ควรจะเล่นให้หนักขึ้นไหม หรือว่าอย่างไร เคยลองเสิร์ชหาก็เจอแต่ข้อมูลขายยาลดความอ้วนซะงั้น ไม่เห็นมีข้อมูลทางการแพทย์อะไรดีดีให้เจอเลย  อยากได้ข้อมูลทางการแพทย์ว่า ถ้าร่างกายมีสภาวะโยโย่ (แบบกักตุนพลังงานเอาไว้ กลัวอดตายยย) เราจะแก้มันอย่างไร แก้ไขเมื่อ 10 ธ.ค. 51 10:01:56 จากคุณ : chan-rak-thong-fa - [ วันรัฐธรรมนูญ 09:55:42 ]

ความคิดเห็นที่ 8 แล้วแบบนี้ เราจะลดยังไง เพื่อป้องกันการเกิด โยโย่ เอฟเฟกต์คะ แล้วคนที่ ปกติ ใช้พลังงานอยู่ที่ 2000 Cal  เช่น คนทำงาน นักเรียน หรือ ออกกำลังกายประจำ ก็จะเกิด โยโย่ฯ ด้วยหรือเปล่าคะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : Physics~easy~ - [ วันรัฐธรรมนูญ 11:51:16 ]

ความคิดเห็นที่ 9 นอกจากโยโย่แล้วมีอีกเรื่องนึงค่ะ หิดปลาทู Hit the pla teau ** จำไม่ได้ว่าสะกดยังไงอ่ะ มันมีอยุ่ในบลอคของเราด้วย น่ากลัวพอๆกับโยโย่เลยล่ะ ขอบคุณสำหรับความรู้นะคะ  ^^ จากคุณ : มิสพรหล้า - [ วันรัฐธรรมนูญ 13:40:35 ]

ความคิดเห็นที่ 10 สิ่งที่น่ากลัวกว่า YOYO EFFECT จากคุณ : bemynails - [ วันรัฐธรรมนูญ 21:58:01 ]