ความคิดเห็นที่ 1

Case study ID: ผู้ป่วยหญิงไทยอายุ 27 ปี CC: มาพบแพทย์ด้วยเรื่องผิวแห้งที่บริเวณใบหน้า แห้งจนแตกเป็นขุ๋ย ร่วมกับมีสิวเล็กน้อยที่บริเวณใบหน้าไม่มีสิวปูดแดงและกดเจ็บใดๆ จะจัดการกับผู้ป่วยรายนี้อย่างไร
1.ผู้ป่วยมาด้วยหน้าแห้งสิ่งที่ผู้ป่วยต้องการคือMoisterizerเป็นพิเศษดังนั้นจึงให้ผู้ป่วยมองผลิตภัณฑ์ที่เป็นกลุ่มนี้เป็นหลักก่อน ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ต้องมีemollients และ NMFs ร่วมกันเสมอ emollients ได้แก่ สารกลุ่มนี้ไม่ได้มีส่วนในการทำให้น้ำเพิ่มหรือลด แต่เป็นสารที่ให้ความนุ่มลื่นกับผิว มักเป็นสารในกลุ่มน้ำมัน ซึ่งเหมาะกับผิวแห้ง -protective emollients ได้แก่ diisopropyl dilinoleate, isopropyl isostearate -fatty emollients ได้แก่ caster oil, propylene glycol, octyl stearate, glyceryl stearate, jojoba oil, shea butter, cocoa butter and petrolatum ,triglycerides -astringent emollients ได้แก่ dimenthicone, cyclomethicone,isopropyl myristate, octyl octanoate -dry emollients ได้แก่ isopropyl palmitate, decyl oleate, isostearyl alcohol NMFs ได้แก่ เป็นสารที่เพิ่มน้ำให้กับผิว โดยดึงมาจากสิ่งแวดล้อม และชั้นใต้ผิวหนัง ช่วยคืนความชุ่มชื้นให้กับผิว Humectant agents ได้แก่ glycerin (glycerol), honey, sodium lactate, ammonium lactate, urea, propylene glycol, sodium pyrrolidone carboxylic acid, hyaluronic acid, sorbitol, polyglycerimethacrylate,panthenol,gelatin,Niacinimide,Glucose, fructose, orsucrose,Cholestero,Ceramides ,Lecithin,Lipids ตัวหนาคือตัวที่พบบ่อยๆตัวที่ขีดเส้นใต้เป็นตัวที่มีประสิทธิภาพสูง เอาละครับ พยายามหาส่วนผสมที่มีสองกลุ่มนี้ให้มากครับถ้าหาhyaluronic acid เป็นพื้นไว้ก่อนก็ดีทีเดียวแล้วค่อยหาตัวอื่นๆครับ
2.พิจารณาอายุวัยนี้ต้องการ Antioxidant เพิ่มเป็นพิเศษจึงพิจารณามองหากลุ่มAntioxidantเพื่อลดเห็นรอยแดงๆรอบๆรูจมูกและผิวซึ่งเป็นอาการแสดงของการได้สารต้านอนุมูลอิสระไม่เพียงพอ ดังนั้นผู้ป่วยรายนี้จึงพิจารณาส่วนผสมที่มี ส่วนผสมดังนี้ในผลิตภัณฑ์ Active Ingredients: -Alpha-lipoic acid* -Vitamin A -Vitamin E ( tocotrienol , Tocopheryl Acetate) -Vitamin C ( L-ascorbic acid 6-hexadecanoate or ascorbyl palmitate) -Green tea extract* -Idebenone*** The best Antioxidant -Lycopene -Superoxidase dismutase -Flavonoids -Glutathione -Selenium -Zinc -Grape seed polyphenols -Coenzyme Q10* -Olive leaf extract สรุปผู้ป่วยรายนี้ต้องหารผลิตภัณฑ์ที่มี Antioxidant + emollients + NMFs 3.ปัญหาสิวพิจารณาดังนี้ การรักษา (Medical treatment)รายละเอียดอยู่ในการรักษาสิวนะครับ ACNE TREATMENT(การรักษาสิว) และ ACNE STAGE(ระดับความรุนแรงของสิว): 1.Minimal เป็นเล็กน้อยมีสิวอุดตันเล็กน้อย ไม่มี papule , nodule and รอยแผลเป็น มีสิวเฉพาะบริเวณใบหน้า สูตรที่ใช้มีตามนี้นะครับ -Acne cleansers -OTC Treatments รายละเอียดอยู่ในการรักษาสิว 2.mild มีสิวอุดตันมากกว่ากลุ่มแรก มี papule , pustules เล็กน้อย ไม่พบnodule สูตรที่ใช้มีตามนี้นะครับ -Topical retinoids -Topical benzoyl peroxide -Topical antibiotics -Oral retinoids for acne scarring 3.Moderate มีสิวอุดตันมากกว่ากลุ่มแรก มี papule , pustules มาก ไม่พบnodule บนใบหน้า อาจพบแผลเป็นร่วมด้วย สูตรที่ใช้มีตามนี้นะครับ -Topical retinoids -Topical benzoyl peroxide -Topical antibiotics -Oral antibiotics -Hormone pills -Oral retinoids for acne scarring 4.Severe ไม่พบnodule บนใบหน้า พบแผลเป็นร่วมด้วยที่ใบหน้า ลำตัวและหลัง สูตรที่ใช้มีตามนี้นะครับ -Oral retinoids (Isotretinion or Accutane) หากพิจาณาระยะของสิวผู้ป่วยรายนี้จัดอยู่ในระยะMinimal เป็นเล็กน้อยมีสิวอุดตันเล็กน้อย ไม่มี papule และ nodule และ รอยแผลเป็น มีสิวเฉพาะบริเวณใบหน้า สูตรที่ใช้มีตามนี้นะครับ ใช้ Acne cleansersก่อนถ้าไม่ดีขึ้นใน 1 อาทิตย์ค่อยเริ่ม OTC Treatments สิ่งแรกที่ควรใช้คือ Acne cleansers ก่อน ต่อไปค่อยใช้ Benzoyl Peroxide ถ้า 6-8 อาทิตย์ไม่ดีขึ้น ค่อบไปพบแพทยืเพื่อรักษา
topical productsแบ่งเป็นหลักๆๆอยู่ 2 ชนิดที่สามารถรักษาสิว 1) Acne cleansers ควรจะมีส่วนประกอบ -Salicylic acid จะรักษาสิวที่ไม่มีการอักเสบนะ salicylic acidจะช่วยกำจัดสิวที่มีรุร่างผิดปกติไป(ไกล้ตาย)ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการอุดตันของรูขุมขนจึงเป็นการป้องกันไปในตัวในกรณีที่เป็นสิวไม่อักเสบ แต่ Salicylic acid ไม่มีผลต่อต่อมไขมันหรือแบคทีเรีย หากใช้เเล้วควรใช้ต่อเนื่องเพราะหากหยุดก็จะมีการอุดอันเหมือน ข้อดีคือหาง่ายมากๆๆ -Glycolic acid -Antibacterial components -Tricosan 2) Benzoyl peroxideซึ่งออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อ P. acnes และลดปริมาณกรดไขมันอิสระ อีกทั้งช่วยลดขนาดและจำนวนของ comedones รวมทั้งรอยสิวที่อักเสบลงได้ด้วย ดังนั้นยานี้ได้ผลดี ทั้งสิวอักเสบและไม่อักเสบ Benzoyl peroxide อาจจะทำให้ ผิวหนังเกิดอาการระคาย แห้ง ลอก และอาการผื่นแพ้จากการสัมผัสได้ แนะนำให้ใช้ยาเพียง 5-10 นาที วันละ 2 ครั้งแล้วล้างยาออกด้วย น้ำเปล่า เมื่อเริ่มคันกับการใช้ยาจึงเพิ่มเวลาในการทายาให้นานขึ้น ผลิตภัณฑ์ Benzoyl peroxide มีหลายรูปแบบในความเข้มข้น 2.5%, 5% และ 10% ในรูปของ gel และ lotion ซึ่งโดยทั่วไปเชื่อว่า ผลิตภัณฑ์ของยาในชนิด gel ออกฤทธิ์ดีกว่า lotion และตัวยาในความเข้มข้น 2.5% ได้ผลในการรักษาพอๆ กับ 5% และ 10% อีกทั้งยังก่อให้เกิดอาการระคายผิวน้อยกว่าด้วย(ใช้ปริมาณน้อยดีกว่าครับยิ่งคนที่ผิวบอบบาง) สรุปนะครับเรืองสิวรายนี้ให้ใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่มีSalicylic acid ,Glycolic acid , Tricosan ก่อนครับอย่าเพิ่งใช้ OTC จนกว่า อาทิตย์แล้วไม่เห็นผลค่อยพิจารณา Benzoyl peroxide 2.5-3%
สรุปสูตรที่ควรใช้ของผู้ป่วยรายนี้ Cleansing - มีSalicylic acid ,Glycolic acid , Tricosan Cream&Toner&Lotion - Antioxidant + emollients + NMFs ตามนี้ครับ
จากคุณ :
ART-MED (ART-MED)
- [
15 ธ.ค. 51 13:02:33
]
|
|
|