ความคิดเห็นที่ 1 เริ่มต้นกันด้วย อาหารควบคุมน้ำหนัก ประเภทที่ผสมน้ำเป็นซองๆ กินทดแทนอาหาร โดยหลักการ ถ้าสามารถกินอาหารเหล่านี้แทนอาหารจริงๆ (โดยที่ไม่กินอะไรเพิ่มอีก) จะสามารถช่วยให้น้ำหนักลดลงได้ เพราะอาหารพวกนี้ให้พลังงานต่ำ ถ้าจะหาซื้อ ควรซื้อยี่ห้อที่น่าเชื่อถือ และดูราคาประกอบกัน ไม่ใช่แพงซะจนไม่สมเหตุสมผล แต่ปัญหาคือ... ใครจะไปทนกินทุกมื้อหรือกินเป็นประจำได้? ถึงจะกินได้ทุกมื้อจริงๆ และกินเป็นเวลาต่อเนื่อง ขาดสารอาหารกันพอดี เพราะสารอาหารที่เติมลงไป ยังไม่ครบทุกชนิด มีคำถามว่า ถ้ากินทุกมื้อไม่ได้ กินแค่มื้อเย็นได้ไหม? ได้ค่ะ ส่วนใหญ่ก็แนะนำให้กินแค่มื้อเย็น แต่อย่าลืมว่า... การลด หรือควบคุมน้ำหนักนั้น คุณต้องสามารถควบคุมปริมาณแคลอรีที่รับต่อวันให้สมดุลย์กับพลังงานที่ใช้... เพราะฉะนั้น หากกินจุบจิบ หรือกินอาหารมื้อกลางวันหนักเกินไป ก็ไม่ได้ผลอยู่ดี ผู้เขียนมีความเห็นส่วนตัวว่า ในยุคเศรษฐกิจเป็นพิษแบบนี้ แทนที่จะซื้ออาหารลดน้ำหนักซองละหลายสิบบาท เปลี่ยนมากินอาหารประเภทให้พลังงานต่ำในมื้อเย็นก็มีค่าเท่ากัน หรือจะเลือกทานผลไม้ก็ย่อมได้ แต่ควรจะงดพวกที่เป็นกรด เช่น ส้ม หรือสับปะรด จากการกินอาหารเหลวๆ ที่ค่อนข้างจำเจ ซื้อฝรั่งมาสองกิโล จะดีกว่าหรือเปล่าเอ่ย? เพราะฝรั่งหนึ่งผล ให้พลังงานแค่ 20-50 แคลอรี ได้วิตามินซี ได้ใยอาหาร ช่วยระบาย ถ้าเบื่อก็หมุนเวียนเป็นชมพู่ แอปเปิ้ล แถมยังราคาถูก และช่วยเหลือชาวสวน เกษตรกรไทย แต่ถ้าใครจะซื้อฝรั่งนอกก็ไม่ว่ากันค่ะ ส่วนฝรั่งผมทอง ตัวใครตัวมัน เภสัชกรไม่มีความเห็น จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ - [ 8 ม.ค. 52 14:33:33 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ยากลุ่ม Lipase inhibitor คือ ยา orlistat หรือมีชื่อการค้าว่า เซนิคาล® (Xenical®) ยับยั้งการทำงานของน้ำย่อยไขมัน จึงลดการดูดซึมของไขมันในอาหารที่รับประทานได้ประมาณ 30% ส่งผลให้ลดพลังงานที่ได้รับจากอาหารประมาณ 150-200 แคลอรี ถ้าใช้ยานี้อย่างต่อเนื่อง 1-2 ปี อาจช่วยลดน้ำหนักได้ประมาณ 10% ข้อเสีย ราคายังค่อนข้างสูง ตกประมาณสี่สิบบาทต่อเม็ด ในหนึ่งมื้อควรรับประทาน 1-2 เม็ด ผลข้างเคียงไม่อันตราย แต่จัดว่าน่ารำคาญ เพราะ จะมีไขมันปนมาในอุจจาระ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ากินอาหารไขมันสูง จะกลั้นอุจจาระลำบาก จึงอาจมีปัญหาเรื่องกางเกงในเลอะเป็นจุดๆ การใช้ยาตัวนี้มีข้อพึงระวังคือ ทำให้ได้รับวิตามินที่ละลายในไขมันลดลงด้วย คือ วิตามิน A D E K จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ - [ 8 ม.ค. 52 14:34:11 ]

ความคิดเห็นที่ 3 Chitosan (ไคโตซาน) สารสกัดจากเปลือกหอย เปลือกปู เปลือกกุ้ง เปลือกปลา ทั้งหลายแหล่นั่นเอง (ล้อเล่นค่ะ แค่เปลือกปูกับกุ้งก็พอนะคะ) ไคโตซาน สามารถจับกับน้ำมันได้จริง ทว่า... เป็นการศึกษาในหลอดทดลอง (In vitro) อัตราส่วนการจับกับไขมันของไคโตซาน ประมาณสามถึงหกเท่า กล่าวง่ายๆคือ ไคโตซาน 1 g จับไขมันได้ประมาณ 3-6 g ปัญหาคือ เราไม่ได้บริโภคแต่เพียงไขมัน อย่าลืมว่า โปรตีนและคาร์โบไฮเดรตก็ให้พลังงานเช่นกัน การใช้ไคโตซาน จึงไม่สามารถช่วยควบคุมน้ำหนักในผู้ที่บริโภคคาร์โบไฮเดรตมากๆ อีกเรื่องหนึ่งคือ ไคโตซานจะต้องสัมผัสกับไขมันโดยตรง ถ้าไม่ได้สัมผัสกับไขมัน ก็... บ่มิไก๊ ไร้ค่า เหมือนซื้อทูพีซไปใส่อวดหนุ่มๆแถวภูเขาหิมาลัย ทับด้วยเสวตเตอร์และเสื้อกันหนาวอีกสามชั้น... ซึ่งในทางการแพทย์นั้นยังไม่มีงานวิจัยและการศึกษาทดลองในมนุษย์ (In vivo) ที่ช่วยยืนยันและรับรองว่าไคโตซานสามารถนำมาลดน้ำหนักได้จริง สรุปคือ ไคโตซาน อาจจะช่วยลดการดูดซึมไขมันได้เพียงบางส่วนเท่านั้น ข้อดีคือ ค่อนข้างปลอดภัย แต่ห้ามใช้ในผู้ที่แพ้อาหารทะเล จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ - [ 8 ม.ค. 52 14:35:12 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ใยอาหาร fiber จากหัวบุก เทียนเกล็ดหอย หรือเม็ดแมงลัก ประเภทชงกับน้ำแล้วดื่มก่อนรับประทานอาหาร หลักการยังคงอยู่ที่การควบคุมปริมาณพลังงานที่ได้รับเหมือนกลุ่มดังกล่าวข้างต้น พอกินเข้าไปร่วมกับน้ำ จะจับตัวกับน้ำแล้วขยายตัวเป็นวุ้นในกระเพาะอาหาร ช่วยให้อิ่ม เมื่ออิ่ม จะกินอาหารได้น้อยลง ข้อเสียคือ รสชาติไม่ค่อยดี และการใช้ใยอาหารเหล่านี้ มีข้อควรระวังสำหรับผู้ที่เป็นโรคลำไส้อุดตัน ถ้าถามว่าลดน้ำหนักได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะลดปริมาณอาหารที่กินลงได้แค่ไหน จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ - [ 8 ม.ค. 52 14:36:33 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ถัดจากผลิตภัณฑ์ประเภท “ลดการรับพลังงาน” ต่อไปเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่อ้างกลไกการออกฤทธิ์ต่างๆ หากจะหาซื้อมาใช้ ควรดูขนาดด้วยว่า “มีมากพอในการออกฤทธิ์หรือไม่” เพราะมีบางยี่ห้อ ฉลากระบุข้างกล่องว่ามีสารเหล่านี้นับสิบชนิด แต่ใส่ในมีปริมาณน้อยมาก นับว่าเป็นการเติมลงไปเพื่อเพิ่มมูลค่าเท่านั้น จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ - [ 8 ม.ค. 52 14:37:03 ]

ความคิดเห็นที่ 6 Capsaicin “แคปไซซิน” สารสกัดจากพริก มีการศึกษาและใช้ในทางการแพทย์มานานพอสมควร แคปไซซินคือสารที่มีรสเผ็ด ในพริกแต่ละชนิดมีปริมาณแคปไซซินต่างกัน In vitro (การศึกษาในหลอดทดลอง) สามารถเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงานได้ แต่... ขนาด(dose) ที่ใช้สูงมาก ถ้ากินเข้าไปในขนาดเท่ากับที่ใช้ในการทดลองอาจจะทำให้ผู้รับประทานเกิดโรคกระเพาะอาหารทะลุตายไปก่อน ผลการศึกษาพบว่า หากใช้ปริมาณ capsaicin น้อยๆ ไม่สามารถช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญแต่อย่างใด In vivo (การศึกษาในมนุษย์) ให้อาสาสมัครสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งได้ยาหลอก และอีกกลุ่มได้รับ capsaicin พบว่าทั้งสองกลุ่มมีน้ำหนักลดลงไม่แตกต่างกัน แต่ capsaicin มีประโยชน์ในทางการแพทย์ เพราะสามารถใช้ทาในการบรรเทาอาการปวดได้ สรุปสั้นๆ ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า capsaicin สามารถช่วยลดน้ำหนักได้แต่อย่างใด จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ - [ 8 ม.ค. 52 14:37:36 ]

ความคิดเห็นที่ 7 L-carnitine แอล-คาร์นิทีน คือ กรดอะมิโนที่พากรดไขมัน(fatty acid) เข้าไปเผาผลาญเป็นพลังงานในส่วนไมโทคอนเดรียของเซลล์ ซึ่งผู้ผลิตอ้างว่า การบริโภคแอล-คาร์นิทีนเพิ่ม จะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ และลดมวลไขมันได้ In vitro (การศึกษาในหลอดทดลอง) แอล-คาร์นิทีน สามารถช่วยลดอาการอ่อนล้าของกล้ามเนื้อในหนูทดลองได้ แต่ทว่ายังไม่มีงานวิจัยชิ้นไหนที่รองรับเกี่ยวกับการใช้แอล-คาร์นิทีน เพื่อควบคุมน้ำหนัก และรองรับว่าจะสามารถสร้างกล้ามเนื้อและเพิ่มสมรรถภาพทางทางกีฬาของมนุษย์ได้ การศึกษาที่มีผลยืนยันในทางการแพทย์ คือ การศึกษาเกี่ยวกับการใช้แอลคาร์นิทีนในสัตว์ทดลองเพื่อลดปัญหาการทำงานที่ผิดปกติของหัวใจ แต่ในมนุษย์นั้น ยังต้องรอผลการศึกษาอีกมาก ข่าวดี คือ เราไม่จำเป็นต้องเสียเงินไปซื้อแอล-คาร์นิทีน อัดเม็ดกิน เพราะร่างกายสามารถสังเคราะห์ได้เองจากตับและไต ทั้งยังสามารถได้รับโดยการบริโภคเนื้อสัตว์ สรุปง่ายๆคือ ไม่มีใครขาดแอล-คาร์นิทีนค่ะ ถ้ากินเพิ่ม จะช่วยให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานมากขึ้นหรือไม่? เป็นคำถามที่น่าสนใจ การทำงานของแอล-คาร์นิทีน ไม่ได้ขึ้นกับปริมาณของตัวมันเอง ทว่าขึ้นกับปริมาณของไขมัน เพราะฉะนั้น การกินเพิ่ม ก็ไม่ได้ช่วยให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานมากขึ้น ส่วนกลไกอื่นๆ ที่นำมาถกเถียงกันไป เถียงกันมาจนตาลายนั้น... ก็ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนอยู่ดีค่ะ จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ - [ 8 ม.ค. 52 14:38:58 ]

ความคิดเห็นที่ 8 CLA (Conjugated Linoleic Acid) เป็นกรดไขมันจำเป็นที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ (Essential omega-6 Fatty Acid) เราจะได้รับจากการรับประทานอาหารประเภทเนื้อ นม และไข่ นิยมสกัดจาก น้ำมันดอกคำฝอย (Safflower oil) และน้ำมันดอกทานตะวัน (Sunflower oil) In vitro (การศึกษาในหลอดทดลอง) สามารถช่วยลดมวลไขมันในสัตว์ทดลองได้อย่างมีนัยยะสำคัญ และมีการศึกษาพบว่า CLA มีฤทธิ์ต้านสาร  Mutagenic agents (สารก่อมะเร็งบางชนิด) In vivo (การศึกษาในมนุษย์) มีการศึกษาในมนุษย์จำนวนมาก แต่ยังเป็นที่ถกเถียงกันว่าสามารถช่วยควบคุมน้ำหนักได้หรือไม่ เพราะผลการศึกษายังเป็นที่ขัดแย้งกัน หลายการศึกษา รายงานว่า CLA สามารถลดมวลไขมันได้ ซึ่งส่วนใหญ่จะให้ CLA กับอาสาสมัครในปริมาณมากกว่า 3.2 กรัม ต่อวัน (บางการศึกษาให้มากกว่า 6 กรัม) เป็นระยะเวลา 3 เดือนถึง 1 ปี (long term) แต่การศึกษาในเดือนมกราคม ปี 2008 1ซึ่งให้ CLA ร่วมกับ Chromium (โครเมียม) เป็นเวลา 12 สัปดาห์ โดยให้ออกกำลังกายร่วมด้วย(เดินเร็ว หรือ วิ่งจ๊อกกิ้งสัปดาห์ละ 5 ครั้ง ครั้งละ 30 นาที) ไม่พบว่าจะช่วยลดน้ำหนักหรือลดสัดส่วนแตกต่างจากกลุ่มที่ได้รับยาหลอกแต่อย่างใด (ในการศึกษาครั้งนี้ มีการวัดผลเกี่ยวกับระบบหลอดเลือดและอัตราการเผาผลาญด้วย เนื่องจากมีรายงานอ้างว่า CLA สามารถช่วยป้องกันโรคระบบหลอดเลือดได้ แต่ผลการศึกษาพบว่า CLA ไม่ได้ช่วยในเรื่องนี้แต่อย่างใด) “The use of a combined CP and CLA supplement for 3 months does not affect diet- and exercise-induced changes in weight and body composition or improve indexes of metabolic and cardiovascular health in young overweight women.” อีกประการคือ ยังต้องศึกษาเกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้ CLA ในระยะยาว *1 Ref. Department of Foods and Nutrition, Purdue University, West Lafayette, IN 47907, USA. จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ - [ 8 ม.ค. 52 14:40:30 ]

ความคิดเห็นที่ 9 Chromium (โครเมียม) Chromium เป็นแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับร่างกาย ทำหน้าที่ช่วยการทำงานของฮอร์โมน Insulin และช่วยให้เซลล์สามารถนำน้ำตาลไปใช้ได้อย่างเต็มที่ ด้วยเหตุนี้จึงมีความพยายามใช้ Chromium ในการรักษาผู้ป่วยโรคเบาหวาน (ประเภทที่สอง) แต่ทว่าผลการศึกษาส่วนใหญ่นั้นไม่ได้ผล เราได้รับ Chromium จากการรับประทานอาหารตามปกติ จึงไม่ค่อยมีใครขาด Chromium มากนัก FDA สหรัฐอเมริกา กำหนดว่า ผู้ชายควรได้รับโครเมียมประมาณ 35 ไมโครกรัมต่อวัน ส่วนผู้หญิง 25 ไมโครกรัมต่อวัน และสามารถรับประทานเพิ่มได้ถึง 50-200 ไมโครกรัม Chromium ที่เป็นสารพิษจากโรงงานอุตสาหกรรมในข่าว เป็นชนิดเดียวกันกับแร่ธาตุ Chromium ที่เรารับประทานหรือไม่? Chromium มีอยู่ 2 รูปแบบ ได้แก่ trivalent (Cr3+) และ hexavalent (Cr6+) ประเภทแรกคือชนิดที่เรารับประทาน ส่วนประเภทหลังคือสารพิษโลหะหนัก นอกจากนี้ยังใช้ Chromium ในการชุบโลหะด้วยค่ะ สำหรับรูปแบบที่นิยมใช้ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารคือ Chromium Picolinate In vivo (การศึกษาในมนุษย์) มีการศึกษามากมายเกี่ยวกับ Chromium ในการควบคุมน้ำหนัก แต่การศึกษาส่วนใหญ่รายงานว่าไม่ได้ผล อย่างไรก็ดี การใช้ Chromium ค่อนข้างปลอดภัย ข้อพึงระวังคือ ไม่ควรรับประทาน Chromium ร่วมกับยาบางประเภท เพราะ Chromium สามารถเกิดอันตรกิริยากับยาแก้ปวด และยาต้านเบตาได้ จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ - [ 8 ม.ค. 52 14:41:26 ]

ความคิดเห็นที่ 10 LCH (Lyophilized Collagen Hydrolysate) Lyophilized Collagen Hydrolysate แปลตามตัวว่า เป็นคอลลาเจนที่ถูกย่อยสายแล้ว คอลลาเจน คือ เป็นสารประกอบประเภทโปรตีนชนิดหนึ่ง อยู่ในเนื้อเยื่อเกี่ยวพันและส่วนต่างๆของร่างกาย เช่น ชั้นผิวหนัง(skin) เอ็น(tendons) กระดูกอ่อน(cartilage) หรือแม้แต่ในกระดูก (bone) คอลลาเจนที่ใช้ในทางการแพทย์นิยมสกัดจากกระดูกวัว ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์หลายชนิด นิยมผสมคอลลาเจนลงไป ทั้งเครื่องดื่ม นมเปรี้ยว หรือแม้แต่ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่า ทว่าการรับประทานคอลลาเจน หรือการทาคอลลาเจนบนชั้นผิวหนังไม่สามารถพิสูจน์ในทางการแพทย์ได้ว่ามีประโยชน์ต่อการบำรุงผิวพรรณหรือเสริมสร้างมวลกล้ามเนื้อ เนื่องจาก คอลลาเจนไม่สามารถซึมผ่านไปยังชั้นผิวหนังได้ อีกทั้งไม่สามารถดูดซึมจากทางเดินอาหารไปยังมวลกล้ามเนื้อได้โดยตรง หลังจากเรากินคอลลาเจน มันจะถูกย่อยเป็นกรดอะมิโน เช่นเดียวกับการกินอาหารโปรตีนประเภทอื่นๆนั่นเอง มีทฤษฎีอื่นอีกจำนวนมาก ที่พยายามอ้างกลไกต่างๆว่าการรับประทานคอลลาเจนสามารถช่วยสร้างกล้ามเนื้อ แต่แทบทุกทฤษฎีนั้น มีข้อโต้แย้งมากมาย และไม่มีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ใดๆรองรับค่ะ สำหรับการเพิ่มคอลลาเจนในชั้นผิวหนัง มีเพียงวิธีเดียวคือ “ฉีดเข้าชั้นผิวหนังโดยตรง” ซึ่งกระทำได้โดยแพทย์ สรุปคือ การใช้ LCH ในการลดน้ำหนัก เป็นเพียงแค่การอ้างทฤษฎีเท่านั้น ไม่มีการศึกษาวิจัยทางการแพทย์รองรับ จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ - [ 8 ม.ค. 52 14:42:11 ]

ความคิดเห็นที่ 11 สารสกัดจากถั่วขาว (Phaseolus vulgaris ) In vitro (การศึกษาในหลอดทดลอง) สาร Phaseolamin ในถั่วขาว มีฤทธิ์ต้านการทำงานของเอนไซม์ amylase ซึ่งตัวเอนไซม์นี้มีหน้าที่ช่วยย่อยคาร์โบไฮเดรตโมเลกุลใหญ่ให้กลายเป็นน้ำตาลโมเลกุลเล็ก จากผลการทดลอง จึงเชื่อว่าการรับประทานสารสกัดจากถั่วขาว ป้องกันการย่อยแป้งไม่ให้กลายเป็นน้ำตาล ร่างกายจึงดูดซึมคาร์โบไฮเดรตได้ลดลง (พูดง่ายๆว่าเราได้พลังงานจากการรับประทานน้อยลง) In vivo (การศึกษาในมนุษย์) ยังไม่มีรายงานรับรองทางการแพทย์ว่าสามารถใช้ลดน้ำหนักได้จริง โดยมีการอธิบายว่า ในร่างกายมีเอนไซม์ Amylase อยู่มากเกินกว่าที่สารสกัดจากถั่วขาวจะไปยับยั้งได้ หรืออีกสาเหตุหนึ่งคือ เมื่อเรากินสารสกัดจากถั่วขาวเข้าไป สารสกัดอาจจะสลายไปตั้งแต่ในกระเพาะอาหาร เพราะตามปกติเอนไซม์ Amylase จะทำงานที่ลำไส้เล็ก มีการศึกษาหนึ่งซึ่งตีพิมพ์ในปี 2007 รายงานว่าการใช้สารสกัดจากถั่วขาวสามารถลดน้ำหนักได้ โดยการทดลองแบ่งอาสาสมัคร 60 คน เป็นสองกลุ่ม กลุ่มที่ได้รับสารสกัดจากถั่วขาวเป็นเวลา 30 วัน มีน้ำหนักลดลง 6.45 ปอนด์ ในขณะที่กลุ่มที่ได้รับยาหลอกน้ำหนักลดลงเพียง 1 ปอนด์ แต่เนื่องจากเป็นการศึกษาที่ได้รับเงินสนับสนุนจากบริษัทผู้ผลิตสารสกัดถั่วขาว จึงไม่เป็นที่น่าเชื่อถือในทางวิชาการนัก จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ - [ 8 ม.ค. 52 14:42:51 ]

ความคิดเห็นที่ 12 รออ่านๆ ^^ จากคุณ : O' Muffin! - [ 8 ม.ค. 52 14:45:11 ]

ความคิดเห็นที่ 13 จบแล้วจ้า อ่านแล้วมึนๆมันไหมเอ่ย ออกวิชาการนิดนึงนะคะ ส่วนคนที่หลังไมค์มาถามเรื่องยาลดความอ้วน กับเรื่องยาคุมกำเนิด เอาไปแปะในบล๊อคไว้ให้แล้วค่ะ จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ - [ 8 ม.ค. 52 14:46:00 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เง้อ -- -- นึกว่าจะมีอีก แหะๆ ขอบคุณนะคะสำหรับข้อมูลที่มีประโยชน์ ^^ จากคุณ : O' Muffin! - [ 8 ม.ค. 52 14:50:20 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ^ อยากรู้ตัวไหนล่ะคะ ถามมาได้ ตัวที่ฮิตๆ ก็มีไม่กี่ตัว แต่ไม่เน้นยี่ห้อนะคะ เน้นเจาะสารแต่ละตัวไปเลยค่ะ จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ - [ 8 ม.ค. 52 14:52:19 ]

ความคิดเห็นที่ 16 สรุปง่ายๆ ไม่มีอะไรที่ได้ผลคุ้มราคาเลยสักตัว แต่ก็ขายกันโครมๆ ใช่มะ ออกกำลังกาย และควบคุมอาหาร ดีที่สุด ผมว่าหลายคนก็รู้แหละ แต่พอเห็นโฆษณาเอาคนหุ่นดีๆมาเป็นพรีเซนเตอร์ ก็ใจอ่อนควักเงินซื้ออีกแระ ผลิตภัณฑ์ขายฝันโดยแท้ จากคุณ : apotheker - [ 8 ม.ค. 52 15:19:00 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณมากๆ เลยครับ ถั่วขาว น่าสนนะ หุหุ จากคุณ : seaz_me_more - [ 8 ม.ค. 52 15:24:53 ]

ความคิดเห็นที่ 18 อ่า ความเห็นส่วนตัวนะคะ เคย นน.53คะ สูง160 ตอนนั้นกลุ้มใจมากคะ แฟนซื้อกาแฟฟิตเน่ ซองสีเขียว ที่ผสม ถั่วขาว ผ่านมา 4-5เดือน นน. เหลือ 47 คะ ตอนนั้นกินทุกวันคะ ตอนนี้ผ่านมาปีนึง กินกาแฟน้อยลงคะ จากทุกวัน เป็นอาทิตย์ละสามวัน นน.คงที่ ที่47-48 ไม่เคย เพิ่มขึ้นเลยคะ ปล. กินข้าวเย็น หนักๆ เหมือนเดิมคะ แล้วก้อ ชอบกินเค้ก จะกินเค้กอาทิตย์ละชิ้นด้วยคะ แหะๆๆ อันนี้ แล้วแต่วิจารณญาณ นะคะ จากคุณ : ปลาหมึกหลอด - [ 8 ม.ค. 52 15:29:04 ]

ความคิดเห็นที่ 19 โหวตให้กระทู้นี้เพราะถูกใจทั้งเนื้อหาและชื่อล็อกอินค่ะ พอดีชอบเป็ดเหมือนกัน^^ จากคุณ : ชะนีน้อยหอยดอง - [ 8 ม.ค. 52 15:36:42 ]

ความคิดเห็นที่ 20 อ่านจบแย้ว ขอบคุณมากคะีที่รวบรวมมาให้อ่าน จากคุณ : โคนิสน้อย (konis) - [ 8 ม.ค. 52 15:43:54 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ชีวิตนี้ไม่มีหวังแล้วหรือนี่ ( T_T ) จากคุณ : ว่านน้ำ - [ 8 ม.ค. 52 16:01:32 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ข้อมูลที่นำเสนอ ขอเสนอแบบกลางๆ ตามงานวิจัยนะคะ ตัวไหนที่มีการศึกษาในคน ก็จะดูดีกว่าตัวที่มีแค่ทฤษฏีเฉยๆ พวกนี้ มีเงินซื้อกินได้จ้า ปลอดภัยกว่าใช้ยา แต่กรุณาเลือกยี่ห้อนิ๊สสสสสสสสสสสส นึงนะคะ บางยี่ห้อแอบผสมยาลงไปด้วย แต่บางยี่ห้อเล่นใส่สารอันตรายลงไปเลย น้ำหนักลดจริงๆนะคะ แต่มีผลต่อหลอดเลือดกับหัวใจ แล้วก็มีผลกับคนที่ใช้ยาตัวอื่นอยู่น่ะค่ะ เรื่องกาแฟไว้จะมาแปะให้อ่านจ้า ที่จริงมีคนเขียนเรื่องกาแฟไว้เยอะมากๆ หมอก็ออกมาเตือนแล้ว เราคงไม่แย้งว่า ตัวไหนได้ผล ตัวไหนไม่ได้ผลนะคะ เพราะในคนที่พยายามควบคุมน้ำหนัก ออกกำลังกาย จะซื้อพวกนี้กินเพื่อเสริมกำลังใจก็ไม่ผิดแต่ประการใด ในกรณีที่คุณยังกินจุบจิบ แล้วไม่คิดจะออกกำลังกายเพิ่ม ไม่อยากให้อย่าคาดหวังมากนักเท่านั้นเอง เพราะถ้ามีผลิตภัณฑ์วิเศษ ที่แค่กินวันละเม็ดสองเม็ดแล้วผอมได้จริงโดยไม่มีผลข้างเคียง แพทย์ก็คงจะไม่ใช้ยาลดความอ้วนน่ะค่ะ จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ - [ 8 ม.ค. 52 16:03:53 ]

ความคิดเห็นที่ 23 จะรออ่านเรื่องกาแฟนะคะ คือตอนนี้ก้อแอบกังวล ว่ากินเยอะไป กระดูกจะพรุนเอา จากคุณ : ปลาหมึกหลอด - [ 8 ม.ค. 52 16:08:04 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ชอบคุณข้อมูลดีๆที่มาแบ่งปันกันจ้า จากคุณ : iamMoNiA - [ 8 ม.ค. 52 16:12:21 ]

ความคิดเห็นที่ 25 คุณลูกเป็ดคะ  รู้จักยี่ห้อ  DivaSlim Capsules มั้ยคะ  แม่ค้าที่เราสั่งบอกมาจาก us เหมือนกันค่ะ  แต่เราไม่รู้ส่วนผสมค่ะ  บอกว่ามี อย.  ช่วยลดส่วนเกินตามแขนขา  หน้าท้อง   สั่งไปแล้วด้วยอ่ะ  อยากลดสัดส่วนอ่ะ  น้ำหนักไม่เอยะเท่ไหร่แล้ว  แต่หุ่นไม่ firm เลย  จะได้ผลหรือมีอันตรายมั้ยคะ - -" จากคุณ : mawantha - [ 8 ม.ค. 52 16:43:14 ]

ความคิดเห็นที่ 26 แต่ถ้าใครจะซื้อฝรั่งนอกก็ไม่ว่ากันค่ะ ส่วนฝรั่งผมทอง ตัวใครตัวมัน เภสัชกรไม่มีความเห็น 555+ ขอบคุณนะคะ คุณลูกเป็ด ตอนนี้อาหารหลักจะไม่มีกินแล้ว อาหารเสริมหรอ ลืมไปก่อน... ฮี่ๆๆ จากคุณ : เจลาติน - [ 8 ม.ค. 52 17:19:58 ]

ความคิดเห็นที่ 27 DivaSlim is a combination of thermogenics and ephedrine, which comes from the Chinese herb, Zisu. Using thermogenics in fat control and weight loss is no news, and has shown good results. http://divaslim.com/ ไม่รู้คำตอบจะตรงใจคนทานไหม เราเข้าไปในเวปของเขาเลย บอกแค่ว่าเป็นสารประกอบประเภท ephedrine ซึ่งไม่ระบุว่า ใช้ตัวไหน ได้ข้อมูลแค่สกัดจากสมุนไพรจีน ส่วนใหญ่ถ้ามาในลักษณะนี้จะอันตรายค่ะ สารกลุ่มนี้จะส่งผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด ถ้าใจสั่นก็หยุดทานนะคะ ปกติยี่ห้อที่ไม่อันตราย และได้รับการรับรองจาก US FDA จะระบุ ingredients ไว้ชัดเจนเลยค่ะ และไม่โฆษณาชวนเชื่อแบบเว่อร์ๆ ของนำเข้าจากอเมริกานี่แหละตัวดีมาก ถึง US FDA จะควบคุมยังไง ก็มีผลิตภัณฑ์พวกนี้หลุดรอดมาเยอะแยะ เพราะเป็นเมืองที่.. เอ่อ เสรีจริงๆ ถ้าได้ของแล้ว ก็โพสต์ ingredients โดยละเอียดให้อีกครั้งนะคะ จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ - [ 8 ม.ค. 52 17:56:20 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ขอบคุณคุณลูกเป็ดขี้เกียจนะคะ เราขอช่วยเพิ่มเติมให้เพื่อนๆอีกนิดนึงละกันค่ะ แอล-คาร์นิทีน จะไม่ออกฤทธิ์นำไขมันเข้าสู่เซลล์เพื่อสร้างพลังงาน                   ถ้าร่างกายยังมีนำตาลในกระแสเลือดให้ใช้                   นั่นคือจะออกฤทธิ์ดีถ้าร่างกายขาดอาหารจริงจัง                   (ซึ่งตอนนั้นเราก็ผอมไปแล้วค่ะ อิอิ) ส่วนสารสกัดจากสมุนไพรต่างๆ รวมทั้งบุกผง ให้ระวังในเรื่องการเป็นพิษต่อตับด้วยนะคะ ส่วนบางท่านที่ไปคลินิกได้ยาลดความอ้วนมา บางที่จะให้ไทรอยด์ฮอร์โมนซึ่งทำให้ใจสั่น มือสั่นได้ และที่สำคัญจะมีผลต่อร่างกาย เนื่องจากรบกวนระบบฮอร์โมนค่ะ เอาใจช่วยทุกคน(และตัวเรา T T)ให้ลดน้ำหนักอย่างถูกต้อง และมีความสุขนะคะ *แก้คำผิดค่ะ แก้ไขเมื่อ 08 ม.ค. 52 19:52:02 จากคุณ : โซบะน้ำทะเลเย็น - [ 8 ม.ค. 52 19:49:57 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ขอบคุณมากค่ะ ตอนนี้น้ำหนักขึ้นๆ ลงๆ จากคุณ : หน้าแง๊ว~* - [ 8 ม.ค. 52 20:29:12 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เข้ามาติดตามอ่านต่อค๊า ^^ จากคุณ : cHoCz - [ 8 ม.ค. 52 20:34:16 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ขอบคุณมากๆเลยค่ะ..มีกินพวกไคโตซาน อยู่เหมือนกัน..มีความรู้ดีมากๆเลยค่ะ จากคุณ : yawarafos - [ 8 ม.ค. 52 20:42:20 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ขอบคุณค่ะ อ่านจบแล้วจะไม่ซื้ออาหารเสริมมากินอีกเลย (อันเก่าเหลือเพียบ ) ควบคุมอาหารดีกว่า เสียดายตัง จากคุณ : กล่องของขวัญ - [ 8 ม.ค. 52 21:28:40 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ช่วยคุมน้ำหนักได้แน่ขอรับ เพราะว่าซื้ออาหารเสริมก็ไม่เงินจะกินข้าวแล้ว (แพงจัด) ก็เลยผอมลงโดยปริยาย จากคุณ : PuPe_so_Sweet - [ 8 ม.ค. 52 22:05:36 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ขอบคุณคุณลูกเป็ดขี้เหร่มากค่ะ ได้ความรู้ดีๆ เพิ่มขึ้นเยอะเลย จะติดตามอ่านต่อไปนะคะ จากคุณ : *ดินสอพอง* - [ 9 ม.ค. 52 09:58:59 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ ค่ะ ปกติไม่เคยซื้ออาหารเสริมเลย อ้อ มีอยู่ครั้งนึงนานมามากๆ แล้วของเฮ้อเบ้อฯ อันนั้นจัดเป็นประเภทควบคุมน้ำหนักหรือป่าวคะ  ได้ผล เพราะทานแต่ของเขา พลังงานแครอลีจำกัด แต่สารอาหารได้ไม่ครบ น้าเห็นนึกว่าไปติดยาอะไรมา ผอมซะ ตอนนี้เลยได้แต่พยายามควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย ดื่มน้ำเยอะๆ แทนค่ะ ช้าหน่อยแต่ถึงเป้าหมายแน่ๆ จากคุณ : Kitty_PoPo - [ 9 ม.ค. 52 10:38:52 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ขอบคุณนะคะ จากคุณ : cheer u - [ 9 ม.ค. 52 21:35:42 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ขอบคุณค่ะ สำหรับความรู้ และขอบคุณที่มาตามหลังบ้านด้วยนะคะ อิอิ...กลายเป็นแฟนคลับซะแล้วเรา จากคุณ : SilverAria - [ 10 ม.ค. 52 14:05:05 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ขอบคุณมากมากสำหรับความรู้นะคะ   เนื้อหาสาระเพียบ  อ่านง่าย   และภาษาน่ารักด้วยค่ะ ขอบคุณมากมากที่มาตามทางหลังบ้านนะคะ แฟนคลับคุณลูกเป็ดขี้เกียจ จากคุณ : noo_pizza - [ 11 ม.ค. 52 21:58:46 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ขอบคุณมากครับ ความรู้ทั้งงั้น LCH!!!!  V V จากคุณ : saengchot - [ 11 ม.ค. 52 23:33:21 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ต้องขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะ สำหรับข้อมูล จากคุณ : ไม่ใช่ผู้ชาย - [ 15 ม.ค. 52 20:38:29 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ชอบจังเลย...อ่านแล้วรู้อะไรเพิ่มอีกเยอะเลย ขอบคุณสำหรับความรู้ค่ะ ตอนนี้ขอคิดก่อนว่าจะกิน L-Carnitine ที่เหลืออีก 59 เม็ดดีมั้ย แอบเสียดายง่ะ เพิ่งสั่งซื้อมาวันนี้เองด้วย...เฮ้อ จากคุณ : Ni_Gi_Gi - [ 29 ม.ค. 52 01:32:40 ]