Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    กระทู้เตือนภัย ...โดนขโมยของในอพาร์ทเมนต์...

    ก่อนอื่นต้องขออภัยนะคะที่โพสผิดห้อง ส่วนใหญ่ปกติแล้วเราจะเข้าโต๊ะสวนลุม กับโต๊ะเครื่องแป้ง เลยขออนุญาตโพสในสองห้องนี้แล้วกันนะคะ

    เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาค่ะ ที่ อพาร์ทเมนต์แห่งหนึ่งบนถนนพระสุเมรุ(ต่อจากถนนพระอาทิตย์)ย่านบางลำภู มีทั้งห้องเช่ารายวันและรายเดือนค่ะ
    ค่าเช่ารายเดือน เดือนละหกพันบาท ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น ตู้เย็น ทีวี
    เราออกจากห้องพักไปเวลาเที่ยงครึ่งค่ะ แล้วกลับมาเวลาประมาณห้าโมงเย็น
    เปิดเข้าไปในห้องพักตามปกติค่ะ ของทุกอย่างยังอยู่ในสภาพเดิมเหมือนตอนที่เราออกไป แต่โน้ตบุ๊คพร้อม external hardisk ที่อยู่บนโต๊ะทำงานหายไปค่ะ
    ตอนแรกเราตกใจมากวิ่งลงไปบอกที่ออฟฟิศด้านล่าง แต่ในใจก็คิดแล้วว่ายังไงก็คงไม่ได้คืนแน่
    ตอนแรกที่เราบอกกับพนักงานที่ดูแลห้องพักของรายเดือน เค้าก็กำลังจะกลับบ้านแล้วค่ะ (ห้าโมงแล้วเลิกงาน)
    เค้าก็บอกว่ารอเจ๊ เจ้าของหอก่อนค่ะ แล้วสักพักเค้าก็กลับบ้านเค้าไป เจ้าของหอ(เจ๊) ก็ขับรถกำลังจะออกไปข้างนอก
    ถามยามแล้วได้ความว่าเจ๊ไปรับลูกที่โรงเรียนค่ะ ให้รอเจ๊กลับมาดำเนินการให้

    รออยู่นานมากค่ะ จนเราไม่ได้นับเวลาไม่ได้คอยดูเวลาเลยว่านานแค่ไหนแล้ว
    ตอนนั้นเรายังตกใจมาก ยืนคุยโทรศัพท์อยู่กับที่บ้าน แล้วก็แฟนสลับไปมา

    พอเจ๊กลับมาถึง เราก็รีบเข้าไปคุยค่ะ บอกว่าของเราหายไป แล้วก็บอกว่าประตูข้างหลังตรงระเบียงมันเปิดอยู่บานนึง
    ประตูทางด้านนั้นเราไม่เคยเปิดเลยค่ะ เราจะเปิดอีกด้านนึง (ประตูที่เป็นบานกระจกเลื่อนเปิดได้สองด้าน) แล้วเราก็มั่นใจว่าเราปิดไว้แล้วแน่นอน
    เราสันนิษฐานไว้หลายอย่างว่าขโมยจะเข้ามาทางไหน ประตูหน้าเราก็มีที่ครอบลูกบิดปิดอยู่ด้วย
    เราก็บอกเค้าไปว่าจะปีนมาจากข้างหลังตรงระเบียงรึเปล่า (ห้องข้างๆที่ระเบียงติดกันเป็นห้องที่มีคนซื้อไว้ แต่ว่างไม่มีคนอยู่มานานแล้ว)
    หรือว่าอะไรยังไง เจ๊เค้าก็บอกว่า "ไม่มีทางเป็นไปได้ค่ะ ข้างหลังระเบียงสูงมาก ใครจะมาเสี่ยงเอาไปแค่โน้ตบุค
    คุณลืม หรือว่ามีเพื่อนมาที่ห้องรึเปล่า คุณหยิบเอาออกไปเองแล้วไปลืมไว้ข้างนอกรึเปล่า เหตุการณ์แบบนี้ไม่เคยมีเกิดขึ้นอยู่แล้วฯลฯ"
    แล้วเค้าก็ขอขึ้นไปดูบนห้อง

    สภาพห้องก็อย่างที่เราบอกไปค่ะ ทุกอย่างเหมือนเดิม ไม่มีอะไรถูกรื้อค้น มีแค่โน้ตบุคกับฮาร์ดดิสที่หายไป พร้อมกับสายอินเตอร์เน็ตที่ถูกถอดวางอยู่บนพื้น
    เจ๊ก็เดินไปดูที่ระเบียง เราเอาราวตากผ้าไว้ติดกับระเบียงค่ะ เจ๊ก็บอกอีกว่า "คุณวางราวตากผ้าไว้อย่างนี้ใครจะปืนเข้ามาได้ยังไง"
    สักพักเจ๊ก็เห็นว่ากระเป๋าโน้ตบุคเราก็ยังอยู่ "คุณลืม เอาออกไปเองรึเปล่า" "ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะเข้าทางด้านหลัง"

    เราก็เลยเดินลงมาด้วยความเซ็งมากยิ่งขึ้น นั่นก็ไม่ใช่นี่ก็ไม่ได้ แล้วของจะหายไปได้ไงล่ะ?
    เราคิดว่าในเมื่อของเราหายมันก็แสดงว่าต้องมีคนเข้ามาได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม แล้วก็เอาของเราไป(ขายแล้วมั้ง)
    เรามั่นใจมากว่าเราไม่ได้พาใครขึ้นมา ห้องที่อยู่นั้นเป็นห้องที่เราเพิ่งจะเข้าพักได้ประมาณสามสัปดาห์เท่านั้นค่ะ
    เราย้ายมาจากห้องอีกตึกหนึ่ง ห้องที่ย้ายมาใหม่นี้เป็นตึกที่หันหน้าเข้า มีระเบียงด้านหน้า เป็นห้องแค่แถวเดียว
    ไม่มีกล้องวงจรปิด โดยได้รับเหตุผลจากเจ๊ว่า "ตึกนี้มันโปร่ง มองไปก็เห็นแล้วตรงระเบียง แต่อีกสองตึกมีกล้องทุกชั้น"
    ยังไงเราก็คิดว่าเหตุผลพวกนี้ใช่ไม่ได้อยู่ดี เราคิดว่ายังไงก็ต้องติดเพื่อความปลอดภัย แล้วมองขึ้นไปก็ไม่เห็นหรอกค่ะ ถ้าคนที่อยู่ข้างบนไม่ได้ชะโงกหน้าลงมาหาคนที่ยืนข้างล่าง
    เหตุผลอีกข้อนึงของเจ๊คือ "ที่นี่ไม่เคยมีอะไรอยู่แล้วค่ะ เราอยู่มาตั้งนานไม่เคยมีเรื่อง"
    มันก็ใช้เป็นเหตุผลไม่ได้อยู่ดีที่จะไม่ติดกล้อง ไม่เคยมีเรื่องอะไรมามันไม่ได้หมายความว่าวันหนึ่งมันจะเกิดขึ้นไม่ได้นี่คะ (อีกอย่างไม่เคยมีเรื่องจริงรึเปล่าอันนี้เราก็ไม่รู้)
    ห้องที่เราอยู่มีหน้าต่างแบบกระจกบานเลื่อน อยู่ข้างประตูทางเข้าค่ะ! ประตูไม่มีตาแมว ไม่มีโซ่คล้อง
    เราเคยไปทำเรื่องขอติดแล้วค่ะ ทั้งเหล็กดัด แล้วก็อย่างอื่น แต่โดนเจ๊ตอกกลับมาด้วยเหตุผลข้างบน และเพิ่มเติมว่า "ห้องที่ติดเหล็กดัดเค้าเป็นห้องซื้อ"
    "พูดตรงๆเราไม่อยากให้ติดค่ะ มันเสียงดัง แล้วอีกอย่างมันไม่เคยมีอะไร ห้องริมเค้าก็ผู้หญิงอยู่คนเดียวเหมือนกัน"

    กลับมาที่สถานการณ์เดิม พอลงมาจากดูห้องเราเสร็จ เราก็บอกว่า คิดว่าขโมยน่าเข้าจะมาจากข้างหลัง
    เจ๊ก็บอกว่า "เป็นไปไม่ได้หรอก เด็กห้องข้างบนเค้าอยู่...(เซนเซอร์ชื่อมหาวิทยาลัยเพราะเค้าไม่เกี่ยวข้องด้วย) เป็นเด็กที่ พี่พูดตรงๆนะ ตุ้งติ้งอะ เค้าไม่เอาหรอก"
    เราก็บอกไปว่า แล้วห้องข้างๆล่ะคะ "ห้องข้างๆก็เป็นอิสราเอล อยู่กับลูกเด็กอ่อน กับแฟนเค้า" < เราคิดว่าห้องนี้ไม่น่าข้ามมาได้เพราะว่าห้องน้ำติดกับห้องเรา ระเบียงจะห่าง
    แต่เราคิดว่าน่าจะเป็นใครสักคนที่เข้ามาจากประตูหน้าของห้องข้างๆเราที่ว่างอยู่แล้วปีนระเบียง เพราะห้องเรากับห้องนั้นระเบียงใกล้มาก
    ก็เลยถามว่าแล้วอีกด้านนึงละคะ "ห้องนั้นเค้าเป็นห้องซื้อ เค้าไม่ได้มาอยู่เป็นปีแล้ว" เวรกรรม ไม่ได้หมายความว่าเจ้าของห้องมาเอาเองหมายความว่าคนอื่นงัดเข้าไปก่อน - -"
    เจ๊ก็ไม่ค่อยฟังเราเลยค่ะ

    พอกลับเข้าไปในออฟฟิศ เจ้าของอพาร์ทเมนต์อีกคน(ผู้ชาย) เค้าก็นั่งเปิดวงจรปิดทางเข้าอพาร์ทเมนต์(วงจรปิดที่ติดตรงประตูทางเข้าด้านหน้าอพาร์ทเมนต์)
    แล้วก็เปิดไปเรื่อยๆแบบนั้น โดยที่ไม่ได้เปิดให้เราดูค่ะ คือเปิดโดยไม่ได้ชี้แจงอะไรเราเลยอะ!

    เจ๊กลับเข้ามาบอกว่าจะเข้าไปเปิดห้องช่าง เพราะว่าวันนี้ช่างมาทำแอร์ เค้าบอกว่าคิดว่ามันต้องเข้าจากข้างหน้าด้วยกุญแจผี
    ก็ให้ยามไปเปิดแล้วค้นดูอย่างลับๆ แต่ก็ไม่เจออะไร แล้วก็ไปเปิดดูห้องอิสราเอลด้วย แต่ก็ไม่พบอะไร

    เจ๊บอกให้เราแจ้งความ แต่แฟนเจ๊(เจ้าของคนผู้ชาย)บอกว่าแจ้งไปก็ทำอะไรไม่ได้
    พ่อเรา(เป็นตำรวจ)บอกว่าแจ้งไปก็หาไม่เจอ ทำอะไรไม่ได้ เราก็ไม่แจ้ง
    แต่แฟนเจ๊ก็ขอคุยกับพ่อ ...ทำไมไม่ยอมคุยกับเรา - -" บอกว่ารอพ่อมาพรุ่งนี้
    วันนั้นเราเลยกลับบ้าน แล้วก็รอพ่อกับแม่กลับเข้ามาจากต่างจังหวัด

    พอวันรุ่งขึ้นเรากับที่บ้านก็กลับเข้าไปที่นั่นอีกครั้ง
    แม่เราก็เข้าไปคุยก่อน เจอเจ๊ แม่ออกมาอารมณ์เสียมาก(มากๆๆ) บอกว่าเจ๊พูดแบบนี้ๆ (เหมือนที่เราบอกไปข้างบนค่ะ)
    พ่อเราก็เข้าไปคุย เจ๊พูดกับพ่อเราดีกว่า เค้าก็พาไปเปิดห้องร้างข้างๆห้องเรา
    ห้องข้างในสภาพฝุ่นจับหนามากค่ะ ที่พื้นมีรอยเท้าเต็มไปหมด ประตูทางออกด้านระเบียงเปิดเอาไว้
    มีรอยเท้าออกไปข้างนอกด้วย มุ้งลวดที่ปิดตรงระเบียงก็ขาดหมด ให้คนทั้งคนออกไปก็น่าจะได้
    เจ๊ให้เหตุผลว่า "ห้องนี้เจ้าของห้องเค้าเป็นทนาย ไม่ได้เข้ามานานแล้ว" "ลูกบิดก็มีลูกปืนอย่างดี ซื้ออย่างดีค่ะ โซโล" (จริงๆเจ๊บอกด้วยว่ากี่ร้อยบาทแต่จำไม่ได้ น่าจะซักราวๆสี่ถึงหกร้อย)

    ระหว่างที่กลับลงมานั้น เจ๊ก็พูดประโยคเดิมบอกว่า เราเอาออกไปเองรึเปล่า (อีกแล้ว)มีเพื่อนเข้ามาเอาไปรึเปล่าโดยที่เราไม่รู้
    ตอนนั้นแม่เราไม่ต้องการจะพูดอะไรกับเจ๊แล้วค่ะ
    เราก็สวนกลับไปว่า ตั้งแต่ย้ายห้องมาเราไม่เคยพาเพื่อนมาเลย แล้วก็ไม่มีเพื่อนคนไหนรู้ว่าเราย้ายห้องด้วย เพราะเพิ่งย้ายได้ไม่นาน
    แล้วเราก็ไม่ได้เอาโน้ตบุคออกไปด้วย ก่อนออกจากห้องเราคุยกับแฟนเสร็จ(คุยเว็บแคม)แล้วก็ปิดคอมวางไว้ที่เดิม
    กระเป๋าโน้ตบุคก็ยังอยู่ ถ้าเอาออกไปเราต้องเอากระเป๋าไปด้วยสิ เราไม่ได้เอาออกไป เราจะเอาออกไปเฉพาะตอนกลับบ้านเท่านั้น
    เจ๊ก็ยังพูดว่า เคยมีนักเรียนพาเพื่อนมาอยู่ แล้วเพื่อนก็เอาออกไปโดยไม่ได้บอก
    เราก็บอกว่าถึงมันจะเคยแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าตอนนั้นกับตอนนี้จะเหมือนกันนี่คะ
    จนสามีเจ๊(เจ้าของอพาร์ทเมนต์)เข้ามาห้ามเจ๊ว่าพอแล้ว

    หลังจากนั้นก็เข้าไปในออฟฟิศเปิดกล้องวงจรปิดให้พ่อเราดู ตอนนั้นแม่เราไม่อยากดูแล้ว เค้าบอกว่าออกไปจากที่นั่นกันเถอะ
    เราบอกว่าดูเลย จะได้รู้ว่าเราไม่ได้เอาโน้ตบุคออกไป
    พอเปิดวงจรปิดดู(จริงๆมันดูไม่รู้หรอกว่ามีใครเอาของเราออกไป คนเข้าออกเยอะมาก แล้วมันก็เป็นกล้องตรงทางเข้ารวม ไม่ใช่ตรงทางเดินหน้าห้องเราซะหน่อย)
    ดูไปเรื่อยๆ ประมานเที่ยงครึ่งก็เห็นเราสะพายกระเป๋าถือ มืออีกข้างนึงคุยโทรศัพท์มือถือ
    กระเป๋าใบนั้นมีแค่หนังสือ กับเอกสาร เป็นกระเป๋าพายของผู้หญิงทั่วๆไปนี่แหล่ะค่ะ ยัดโน้ตบุคไม่เข้าหรอกเจ๊

    ในวันนั้น พ่อเราก็เจรจากับเจ้าของอพาร์ทเมนต์(ผู้ชาย) เค้าบอกว่าเค้าจะคืนเงินมัดจำให้
    เงินมัดจำ สามเดือนค่ะ เดือนละ หกพัน รวมแล้วเป็น หนึ่งหมื่นแปดพันบาท
    พอวันจันทร์เราก็ไปขนของออกมา เข้าไปที่ออฟฟิศ เจอแต่เจ้าหน้าที่ค่ะ บอกว่าจะโอนเงินให้วันอังคาร แล้วก็จะหักค่าน้ำด้วย
    ตอนนั้นเซ็งนิดหน่อยค่ะ เพราะตอนแรกก็บอกไปแล้วนึกว่าจะได้เงินคืนเลย แต่ก็ไม่เป็นไรก็ขนของออกไป(และคงไม่ไปเหยียบที่นั่นอีก)
    เท่านั้นยังไม่พอ วันนี้เค้าโอนเงินมาให้ แต่โดนหักไปสารพัด นอกจากค่าน้ำแล้ว ยังโดนค่าห้องของเดือนนี้ด้วย (อยู่ไปแค่อาทิตย์เดียว แล้วโดนขโมยเข้า)
    แล้วก็ค่าอะไรอีกไม่รู้เราจำไม่ได้แล้ว

    จริงๆห้องนั้นที่เราอยู่ระบบน้ำก็ไม่ค่อยดีค่ะ ตอนที่เราไปอยู่โดนค่าน้ำไปสามร้อย เป็นเพราะชักโครกไม่ค่อยดีเลยใช้น้ำเยอะ
    ทั้งๆที่อยู่ไปแค่สามอาทิตย์ ปกติจะแค่ประมาณร้อยเดียวค่ะ

    มันอาจจะเป็นความผิดของเราเองค่ะ ที่ย้ายไปอยู่ห้องนั้น ที่ไม่มีเหล็กดัด ไม่มีตาแมว ไม่มีโซ่คล้อง
    เราได้ไปติดต่อแล้วค่ะ ถูกปฏิเสธกลับหมดเลย แล้วก็พูดจาด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตร เราไม่คิดว่าจะได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ค่ะ
    เรื่องวงจรปิดเราก็ไม่รู้ว่าตึกนั้นไม่มี เราคงไม่รอบครอบเอง แต่ถ้าเราจำไม่ผิดตึกนี้ก็เหมือนจะเคยมีกล้องวงจรปิดมาก่อนค่ะ เราเห็นรอยเหมือนเคยติด

    ของที่หายไปเราก็เสียดายค่ะ คิดว่าคงไม่ได้คืนแน่ๆ โน้ตบุค Dell สีขาว(บอกเผื่อไว้นิดนึง)
    แต่ทุกคนบอกว่ายังดีที่เราไม่เป็นอะไร เพราะว่ามันมาตอนที่เราไม่อยู่ แล้วเราก็เป็นผู้หญิง
    (จริงๆมีห้องตึกตรงข้ามอยู่ห้องนึงที่หน้าต่างตรงกับห้องเราพอดี ไม่รู้เรารู้สึกไปเองรึเปล่าว่าเค้ามองเราอยู่ตลอดเวลา น่ากลัวมาก)
    อยากจะฝากทุกคนเอาไว้นะคะ โดยเฉพาะผู้หญิง เวลาเลือกหอพัก หรืออาร์ทเมนต์ตรงดูให้ดีว่ามีทุกอย่างครบ
    ถึงแม้ว่าจะป้องกันไม่ได้ร้อยเปอร์เซนต์แต่ก็จะต้องมีทุกอย่างเท่าที่ควรจะมี แล้วก็ควรจะมีเจ้าของที่พูดจารู้เรื่องและรับฟังคนอื่นบ้าง

    สุดท้าย แม่เราบอกว่าไม่ต้องไปเสียดายของ หาซื้อใหม่ได้ ไม่ต้องไปตามจับตามหาด้วย เดี๋ยวตัวเราจะเป็นอะไรไป
    คนที่เอาของของคนอื่นไป ตอนแรกก็อาจจะดีใจ แต่จะสบายใจไปได้นานแค่ไหน

    ทางหอที่ทำอะไรไม่ได้เลย โดยอ้างว่าห้องนั้นคนนั้นอยู่คนนี้อยู่ คนเราสมัยนี้ดูแค่นั้นมันดูไม่ได้หรอกว่าใครเป็นยังไง
    ของเราหาย คุณแทบจะไม่ทำอะไรให้เราเลยแม้แต่พูดจาดีๆ คุณก็เก็บขโมยเอาไว้ในหอของคุณนั่นแหล่ะ
    เพราะเราคิดว่าคนที่ขโมยต้องอยู่ในหอที่รู้ว่าเรามีโน้ตบุค(เอาไปแต่โน้ตบุค) แล้วเฝ้าดูตลอดว่าเราออกห้องเวลาไหนเป็นประจำ

    ขอฝากไว้ด้วยนะคะ ขอเตือนให้ทุกคนระมัดระวังตัวกันให้มาก เดี๋ยวนี้เศรษฐกิจก็ย่ำแย่ อาชญากรรมก็มากมายเหลือเกินค่ะ

    เราอาจจะโชคดีก็ได้ที่แค่โดนขโมยของ แล้วก็โชคดีที่ออกมาจากอพาร์ทเมนต์แบบนั้น


    ปล. ตั้งแต่ที่เราอยู่หอนั้นมา มีอยู่ครั้งนึงที่ตู้หยอดเหรียญของเครื่องซักผ้าโดนงัดค่ะ แล้วทำไมเจ๊ยังบอกว่าที่อไม่เคยมีเรื่อง
    หรือว่าส่วนที่เป็นร้านซักรีดนั้นไม่เกี่ยวกับหอพัก? ร้านมันก็อยู่ใต้หอนั่นแหล่ะค่ะ

    ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ และขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ เราไม่อยากให้ใครเจอเรื่องแบบเราเลยค่ะ คนที่เอาของคนอื่นไปเราไปห้ามเค้าไม่ได้
    ไม่รู้ว่าจิตใจทำด้วยอะไร ของของคนอื่นยังมาเอาไปได้ เราทำได้เพียงอย่างเดียวคือระวังตัวให้มากขึ้นค่ะ

    จากคุณ : kypsan - [ 10 ก.พ. 52 21:10:54 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com