Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    กระทู้เล่าสู่กันฟัง...เมื่อฉันต้องเข้าห้องฉุกเฉินตอนตี 1 เพราะทำคอนแทคเลนส์ขาด

    อ่านกระทู้ห้องนี้เห็นเพื่อนๆ ใส่คอนแทคเลนส์กันเยอะ เลยอยากมาเล่าประสบการณ์อุบัติเหตุเมื่อเราทำคอนแทคเลนส์ฉีกขาดตอนที่ยังใส่คอนแทคเลนส์อยู่ในตา...เป็นครั้งแรกตั้งแต่เราใส่คอนแทคเลนส์มา 14 ปี...เผื่อว่าจะมีประโยชน์กับเพื่อน ๆ หากเจอเหตุการณ์เช่นเดียวกับเรานะคะ

    เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อวันเสาร์ที่แล้วเราใส่คอนแทคเลนส์สายตาไปงานเลี้ยงตอนกลางคืน แล้วไม่สบายมาก กลับมาถึงบ้านก็เลยรีบนอนพักโดยไม่ได้ถอดคอนแทคเลนส์ เพราะไม่สบายจนยืนไม่ไหว พอได้นอนพักไป 1 ชั่วโมงกว่า ๆ อาการดีขึ้น ก็เลยลุกขึ้นมาถอดคอนแทคเลนส์ ปรากฏว่าเลนส์ดูดติดตา ถอดเท่าไหร่ก็ไม่ออก หยอดน้ำตาเทียมแล้วก็ยังถอดไม่ได้ ปกติคอนแทคเลนส์รุ่นนี้ก็ถอดยากอยู่แล้วสำหรับเราเพราะทั้งลื่นและดูดติดตา พอใส่แล้วหลับไปแบบนี้ก็เลยยิ่งถอดไม่ออกเข้าไปใหญ่ เราก็พยายามอยู่นานมาก

    ในที่สุดก็เกือบจะถอดได้ นิ้วหยิบเนื้อคอนแทคเลนส์ขึ้นมาได้หน่อยนึง แต่สงสัยหยิบแรงไปหน่อย ปรากฏว่าคอนแทคเลนส์ขาดเป็นรูตรงที่นิ้วเราหยิบโดน เห็นเป็นรอยขาดเล็กๆ ประมาณ 1 mm ใกล้ๆ บริเวณกลางตาดำของตาขวา เราก็ตกใจ...เอาล่ะสิ ทำไงดีเนี่ย พอกะพริบตาก็รู้สึกเจ็บตาตรงบริเวณเป็นรอยขาด เลยคิดว่าถ้ากะพริบตาอีก ตาก็โดนรอยขาดของคอนแทคเลนส์อีก ก็จะยิ่งเจ็บตาและอาจทำให้กระจกตาเป็นแผล พยายามถอดคอนแทคเลนส์ก็ถอดไม่ได้อีก เลยไม่กล้ากะพริบตาข้างนั้นอีก เอามือหยิบเปลือกตาบนไว้ แล้วก็หยอดน้ำตาเทียมให้ตาไม่แห้งระหว่างที่ไม่ได้กะพริบตา รีบบอกพ่อกับน้องว่าต้องไปหาหมอแล้วล่ะ แต่ก็ไม่รู้ว่าตอนเกือบๆ ตีหนึ่งแบบนี้จะไปหาหมอตาที่ไหนได้บ้าง เลยโทรถามเพื่อนที่เป็นหมอ เพื่อนบอกว่าดึกป่านนี้กีมีแต่โรงเรียนแพทย์เท่านั้นแหละที่จะมีหมอที่เชี่ยวชาญเฉพาะทางเข้าเวรอยู่ โรงพยาบาลเอกชนจะมีแต่หมอเวร (หมายถึงหมอที่อยู่เวรตอนกลางคืน) ไม่มีหมอตาโดยเฉพาะ สรุปว่าก็ต้องเลือกไปโรงเรียนแพทย์ซึ่งมีอยู่ 4 แห่งก็คือ จุฬาฯ ศิริราช รามาฯ และพระมงกุฎฯ แต่เราคุ้นกับโรงพยาบาลจุฬาฯ มากที่สุด เลยตัดสินใจเลือกไปที่นี่

    ระหว่างทางที่ไปโรงพยาบาลก็นอนหยอดน้ำตาเทียมที่ตาข้างที่คอนแทคเลนส์ขาด แล้วก็เอามือดึงหนังตาบนไม่ให้กะพริบตาไปโดนรอยขาดของคอนแทคเลนส์ ทำอย่างนี้ตลอดเวลาครึ่งชั่วโมงที่นอนอยู่ในรถ เพิ่งรู้เหมือนกันว่าเวลาที่กะพริบตาไม่ได้เนี่ยทรมานจริงๆ - -"

    พอไปถึงโรงพยาบาลจุฬาฯ บุรุษพยาบาลก็ต้อนรับแบบยิ้มแย้มแจ่มใส บอกให้ขึ้นไปนอนบนเตียงคนไข้ที่วางเรียงรายอยู่หน้าตึก ภปร. แล้วก็เข็นเข้าห้องฉุกเฉิน (ที่ต้องเข้าห้องฉุกเฉินก็เพราะว่ากรณีแบบนี้ถือเป็นอุบัติเหตุ แล้วตอนกลางคืนหมอเวรก็จะอยู่ที่ห้องฉุกเฉิน ก็ต้องให้หมอห้องฉุกเฉินดูอาการก่อนว่าจะตัดสินใจทำยังไงต่อไป) ตอนนอนอยู่บนเตียงที่เค้าเข็นไปเนี่ยเราก็คิดในใจว่า...โอ้โห เหมือนฉากในหนังที่เคยดูเลยนะเนี่ย แต่คราวนี้มันไม่สนุกเพราะเป็นตัวเราเอง T-T...พอถึงห้องฉุกเฉินแล้วหมอเวรก็เดินมาดูอาการ แล้วก็ถามว่าเป็นอะไรมา เราก็เลยเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง และบอกหมอว่าขอให้จักษุแพทย์ช่วยเอาคอนแทคเลนส์ที่ขาดออกจากตาได้ไหม หมอก็ใจดี พูดจาดี ทำให้เราหายกลัวไปได้อีกเยอะ แล้วหมอก็โทรติดต่อแผนกตาเพื่อส่งตัวไปหาหมอตาอีกที

    ระหว่างที่นอนรอในห้องฉุกเฉินเราก็ก้มดูตัวเอง เอ่อ...เรายังใส่ชุดไปงานกลางคืนสีขาว แขนตุ๊กตา ใส่สร้อย และรองเท้าส้นสูงสีขาว เพราะว่ากลับถึงบ้านก็รีบวิ่งไปนอนพักทันที ยังไม่ได้ถอดสร้อย ตอนออกจากบ้านคว้ารองเท้าได้ก็ใส่ออกมาเลย สงสัยหมอกับพยาบาลคงจะแปลกใจเหมือนกันว่ายัยคนนี้หลุดมาจากงานเลี้ยงที่ไหนเนี่ย พอมองไปเตียงข้างๆ ที่เพิ่งเข็นมาใหม่ ก็เป็นผู้ชายที่โดนทำร้าย โดนทุบด้วยเหล็ก ตัวเขียวจ้ำทั้งตัว ร้องโอ๊ยๆๆ ตลอด สักพักก็มีอีกเตียงเข็นเข้ามาอีก คราวนี้เป็นพี่คนขับแท็กซี่ที่โดนปล้น เสื้อเปื้อนเลือดเต็มไปหมด แต่ยังมีสติดีมาก ขับรถมาเองจนถึงโรงพยาบาล ก็นอนร้องโอ๊ยๆๆ เหมือนกัน ส่วนหมอกับพยาบาลก็ทำงานกันอย่างขันแข็งไม่หยุดเลย คนไข้แต่ละรายที่มาห้องฉุกเฉินตอนตีหนึ่งแบบนี้ก็มีแต่เคสอุบัติเหตุน่ากลัวๆ ทั้งนั้น เราก็นึกชื่นชมหมอกับพยาบาลว่าเป็นอาชีพที่ต้องเสียสละจริง ๆ คนอื่นหลับแล้ว แต่หมอกับพยาบาลที่อยู่เวรกลับต้องทำงานหนักตลอดเวลา

    จากนั้นอีกสัก 20 นาที บุรุษพยาบาลก็เข็นเก้าอี้มารับ แล้วเข็นไปหาหมอตาที่อีกตึกนึง เปิดตึกที่ปิดเงียบมืดตึ๊ดตื๋อ ไปถึงปุ๊บก็ไขกุญแจเปิดประตูหน้าตึก เปิดไฟในตึก แล้วเข็นเราไปรอลิฟต์ในตึก...โห...นี่ต้องเปิดตึกกลางดึกเพื่อรักษาเราเลยเหรอเนี่ย พอขึ้นลิฟต์ไปถึงห้องตรวจตา หมอตาก็มาดูอาการ และให้อ่านตัวเลขบนแผ่นวัดสายตา เพื่อดูว่าตายังมองเห็นอยู่หรือเปล่า แล้วก็หยอดยาชา และถอดคอนแทคเลนส์ออกจากตาเราอย่างง่ายดาย แล้วหมอก็ให้เรามานั่งที่เครื่องตรวจ ส่องกล้องและย้อมสีกระจกตาเพื่อดูว่ามีแผลตรงไหนบ้าง ปรากฏว่ามีรอยนิดหน่อย ไม่เป็นอะไรมาก หมอบอกว่ารอยแบบนี้สัก 2 วันก็หายแล้ว แล้วหมอก็สั่งยาฆ่าเชื้อกับน้ำตาเทียมให้ หมอบอกว่าให้หยอดยาฆ่าเชื้อเพื่อป้องกันไม่ให้รอยแผลที่กระจกตาติดเชื้อ แล้วก็ให้หยอดน้ำตาเทียมทุก 1 ชั่วโมง แผลจะได้หายไว ๆ หมอบอกว่าดีแล้วล่ะที่มาหาหมอ เพราะเคยมีคนไข้พยายามถอดคอนแทคเลนส์แล้วถอดไม่ออก ในที่สุดถอดแล้วกระจกตาติดออกมาด้วย (ไม่รู้ติดออกมาได้ยังไงเหมือนกัน แต่ฟังแล้วน่ากลัว เหอๆๆ)

    รักษาเสร็จแล้วก็มีบุรุษพยาบาลเข็นเก้าอี้มารับ เพื่อเข็นกลับไปที่ห้องฉุกเฉิน เรารู้สึกเกรงใจเลยบอกบุรุษพยาบาลว่า ตอนนี้เดินเองได้แล้วค่ะ ไม่ต้องนั่งเก้าอี้ก็ได้นะ แต่บุรุษพยาบาลบอกว่า ไม่เป็นไร นั่งเก้าอี้ดีกว่าครับ ก็เลยนั่งเก้าอี้รถเข็นกลับไปหาหมอห้องฉุกเฉิน รายงานให้หมอฟังเรียบร้อย หมอก็บอกว่าโอเค กลับบ้านได้ค่ะ เป็นอันสิ้นสุดการรักษาในวันนั้น ส่วนตอนนี้ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์พอดี เมื่อวานไปหาหมอตรวจตาอีกรอบ ปรากฏว่ารอยแผลหายสนิท กลับมาใส่คอนแทคเลนส์ได้เหมือนเดิมแล้ว เย้ๆๆ :D

    เจออุบัติเหตุคราวนี้ แต่ก็มีเรื่องที่ประทับใจก็คือบริการของหมอ พยาบาล และบุรุษพยาบาลที่โรงพยาบาลจุฬาฯ บริการดีมากกกกก แล้วก็ช่วยเหลือคนไข้แบบเต็มอกเต็มใจ ยิ้มแย้มแจ่มใสดีจัง แต่ถึงจะบริการดียังไงก็ไม่อยากไปเจอคุณหมอกับพยาบาลในห้องฉุกเฉินอีกแล้วล่ะ ครั้งเดียวพอ อิอิ

    เล่ามาซะยาว ก็จะบอกเพื่อนๆ ว่าถ้าจะใส่คอนแทคเลนส์ต้องระวังให้มาก ๆ เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุแบบเรานะคะ ปกติเราไม่เคยใส่คอนแทคเลนส์นอนเลย จะง่วงจะเหนื่อยขนาดไหน ถึงบ้านปุ๊บก็จะต้องถอดคอนแทคเลนส์ก่อนทำอย่างอื่น แต่คราวนี้แจ็คพ็อตจริงๆ ใส่นอนไปชั่วโมงเดียวได้เรื่องเลย สงสัยพระเจ้าลงโทษ แงๆๆๆ แล้วปกติเราก็ใส่คอนแทคเลนส์รายเดือนรุ่นที่ถอดง่าย ไม่ได้ใส่คอนแทคเลนส์รายวันรุ่นนี้ด้วยสิ เพราะว่าใส่แล้วถอดยาก ซื้อมาแล้วเลยเก็บไว้เฉยๆ นานๆ ใส่ทีเมื่อมีเหตุจำเป็น วันที่เกิดเหตุก็ใส่คอนแทคเลนส์รายวันอันนั้นไป 6 ชั่วโมง ไม่ได้ใส่เกินกำหนดนะเนี่ย

    สรุปว่า ถ้าใครจะใส่คอนแทคเลนส์ต้องระวังในเรื่องต่อไปนี้นะคะ

    • ใส่คอนแทคเลนส์วันละไม่เกิน 8-12 ชั่วโมง ถึงบ้านเมื่อไหร่ให้ถอดคอนแทคเลนส์ทันที อย่าใส่ไว้จนจะนอนแล้วค่อยถอด ให้ตาได้หายใจบ้างเถอะ

    • ไม่ใส่คอนแทคเลนส์นอนเด็ดขาด (ยกเว้นรุ่นสำหรับใส่นอนจริงๆ และจักษุแพทย์แนะนำให้ใส่) เพราะว่าจะทำให้ออกซิเจนไปเลี้ยงกระจกตาได้น้อยกว่าปกติ และเกิดการติดเชื้อได้ง่าย ซึ่งอาจทำให้ตาบอดได้

    • ถอดคอนแทคเลนส์ด้วยความระมัดระวัง ไม่ควรไว้เล็บยาว เล็บจะได้ไม่ไปขีดข่วนกระจกตา

    • ถ้าเกิดอุบัติเหตุเกี่ยวกับตาและคอนแทคเลนส์ ให้รีบพบจักษุแพทย์ให้เร็วที่สุด

    • ถ้ารู้สึกว่าตามีอาการปกติแม้แต่นิดเดียว เช่น ตามัว เคืองตา ตาแดง ขี้ตาเยอะ ให้รีบพบจักษุแพทย์เช่นกัน ไม่ควรถามเพื่อนหรือคิดเอาเองว่าควรรักษายังไง เพราะว่ายิ่งรักษาเร็ว โอกาสที่จะหายก็มีมาก แต่ถ้าปล่อยไว้ ดวงตาอาจเสียหายเกิดคาดคิด

    • ควรใช้น้ำยาคอนแทคเลนส์แบบแยกขั้นตอน ได้แก่ น้ำยาทำความสะอาด (cleaner) น้ำยาฆ่าเชื้อ และน้ำตาเทียม ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะมีน้ำยาแบบ all-in-one ซึ่งสะดวกกว่าก็ตาม เพราะว่าประสิทธิภาพในการทำความสะอาดจะสู้แบบแยกขั้นตอนไม่ได้

    • ถ้าใส่คอนแทคเลนส์ ควรให้จักษุแพทย์ตรวจสุขภาพตาปีละ 1-2 ครั้ง เพื่อจะได้ดูว่าสุขภาพตาเรายังเหมาะที่จะใส่คอนแทคเลนส์หรือเปล่า

    • ถ้าจักษุแพทย์ห้ามใส่คอนแทคเลนส์ (เช่น ในช่วงที่ตาเพิ่งติดเชื้อหรือมีบาดแผล) ไม่ควรฝืนใส่เด็ดขาด มีรุ่นพี่เราคนนึงพยายามใส่คอนแทคเลนส์ทั้งที่หมอห้าม แล้วตามีปัญหา ในที่สุดก็เลยใส่คอนแทคเลนส์ไม่ได้อีกตลอดชีวิต T-T

    • ไม่ใส่คอนแทคเลนส์เกินกำหนด ถ้าจะใส่คอนแทคเลนส์ต้องรู้ว่าเราใช้คอนแทคเลนส์แบบไหน อายุการใช้งานเท่าไหร่ (เช่น รายวัน รายเดือน รายปี) ห้ามใช้เกินกำหนดเพียงเพราะเสียดายตังค์ ยังใช้ไม่คุ้มเลย ฯลฯ เพราะว่าเวลาตาเป็นอะไรไปแล้วเงินเท่าไหร่ก็ซื้อตาดีๆ กลับคืนมาไม่ได้

    หวังว่าคงมีประโยชน์สำหรับเพื่อนๆ ที่ใส่คอนแทคเลนส์ รักษาสุขภาพตาให้ดีๆ ตาจะได้อยู่กับเราไปนานๆ นะคะ :)

    จากคุณ : Aoyama - [ 15 ก.พ. 52 10:35:53 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com