ความคิดเห็นที่ 1 อืมมม อธิบายยังไงดี เอาเป็นของ ตปท ก่อนนะครับ อย่างแบรนด์ไฮ  จะเป็นแบ่งเป็น 3 คอนเซป ใน 1 แบรนด์  หมายถึงโดยทั่วไปครับ คือ  โอกูตูร์  เมน  แล้วก็ ครุยซ์  คอลเลกชั่นครับ ตปท  จะมีการ เดิน 3  เวที เลยครับ  ต่อ หนึ่ง ฤดูกาล ครับ   โปรดั่กก็เลยเยอะมากกกกกครับ ซึ่งในการเดินแบบ   ดีไซเนอร์จะหยับ โปรดัก ที่เด่นๆ ออกมาโชว ครับ  แบบไม้ตาย เอาไว้โชว์แบบนั้นครับ    ส่วนพวกที่เป็นคลาสสิค ไอเทม เขาก็ไม่โชว เพราะ เป็น คอร์ โปรดัก อยู่แล้วครับ แล้ว บางไอเทม  พอถึง ช่วง กลางซีซั่น ก็จะเสริมของออกมาอีกครับ  อารมแบบ ของตอนแรกเริ่มหมด เริ่มแผ่ว  ก็ต้องปล่อยออกมาโปรโมท เพิ่มเติมครับ ส่วนของไทย จะไม่มีโปรดักเยอะมาก ปี หนึ่ง จัด แฟชั่นโชว์ อย่างมาก 2 ครั้ง  เพราะฉะนั้น โปรดักไหนเด่น คิดไว้ก่อนแล้ว ก็ เห็น บน รันเวย์ ส่วนบางตัวมาเห็นในร้าน ก็คือ คืดทีหลัง เพื่อเติมสินค้าให้กับของที่หมดไปครับ แบบในรันเวย์พูดยาก  คือ  อาจจะทำน้อยมาก แล้วก็โดนจองไปหมดตั้งแต่บนรันเวย์แล้วด้วยและครับ เลยไม่เหลือถึงในช๊อปครับ จากคุณ : BIZZARE - [ 17 ก.พ. 52 19:05:10 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ของบางชิ้นไม่ทำขายจริงค่ะ ทำขึ้นเพื่อใช้ในโชว์เท่านั้น จากคุณ : YUKIss - [ 17 ก.พ. 52 19:12:11 ]

ความคิดเห็นที่ 3 กำลังจะยกตัวอย่าง อย่าง คอลแลกชั่นของburberry  ดูในรันเวย์แล้วมันก้สวยนะคับ  แต่พอดูตัวสินค้าที่ขายแล้วมันก็ไม่เห็นเหมือนกันเลย  แล้วที่เห็นเขามานั่งตามfront row คือพวกที่จับจองเป็นเจ้าแล้วส่วนหนึ่งหรือเปล่า จากคุณ : pipe_san - [ 17 ก.พ. 52 20:51:03 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เวลาที่ ดู ก้ต้องดไลน์ของแบรนด์ด้วยครับ ว่าไลนืไหน บางแบรนดืก้ซอยลงไปเยอะ ส่วนที่เห็นแบบอลังการ ดาวล้านดวงนั้น เป็น โอกูตูร์ ถ้ารุ้มาไม่ผิด จะอยู่ที่บูติก ใหญ่ๆเท่านั้น บายเออร์ที่มาดูงานไม่ได้ซื้อไปลงที่สาขา แน่นอน ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ แล้ว โอกูตูร์ มันมีความเป็น คอสตูม และ การละครสูง คนสมัยนี้ไม่นิยมใส่ กัน แล้วตามเกณฑ์แล้วเป้นการสั่งตัดเท่านั้น ต่อยอด น้องกอล์ฟน่ครับ ว่า ครูยซ์ คอลเลคชั่นนั้น มีที่มาที่ไปจาก ที่ สมัยก่อนคนรวยๆทางยุโรปมักจะไปเที่ยว ทะเล กันเพื่อหลบหนาวช่วงนี้ คือหน้าหนาวของเค้า คอเลคชั่นนี้ก้จะมาต่อยอดออกมาขายช่วงนี้จนถึงหน้าร้อน บาง แบรนด์ก้จะเอาคอเลคชั่นนี้ออกมาเป้น คอเลคชั่นแก้ตัว เวลาที่ ออกไปแล้วเหมือนคอเลคชั่นขาดๆเกินๆ ก้จะมาครบตรงนี้ บางแบรนด์ที่เห็นว่าออกมาอลังการ ก็อาจเป้นด้วยว่า หน้าและผม พร้อมจนเกินไป หรือ การเอา โค็ท หรือ เสื้อผ้า หลายชิ้นมา เสริมทับกัน เป็นคอนเส็ป อันนี้ไม่ใช่ผุ้เชี่ยวชาญนะครับ พอรู้จากการอ่านและการทำงาน แต่เห็น โค้ทของพี่ Victor and Rolf ที่มี NO ตัวเบ้งๆ ลอยนูนออกมานี่ ไม่แน่ใจอ่ะ ว่าจะขายได้ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : tinyvoice (tinyvoice) - [ 18 ก.พ. 52 00:32:00 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ขอตอบด้วยนะครับ ชอบกระทูสนุกๆแบบนี้จัง ใน 1 วัฎจักรของแฟชั่น(ผู้หญิง) 1 ปี โดยมาตรฐานแบรนด์ทั่วไปจะมีทั้งหมด อยู่ที่ 2 คอลเล็กชั่น คือ Spring – Summer และ Fall – Winter แต่ในช่วงหลังจะสังเกตว่าแต่ละแบรนด์จะมีคอลเล็กชั่นเสริม อีก 2 คอลเล็กชั่นนั่นก็คือ Cruise Collection หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Resort Collection และ Pre-Fall Collection คอลเล็กชั่นเสริมนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละแบรนด์ แต่ก่อนส่วนมากจะพบได้ในแบรนด์ที่ใหญ่เท่านั้น แต่.oปัจจุบันไม่เฉพาะแบรนด์ใหญ่เท่านั้น ยังมีแบรนด์เล็กๆที่เริ่มปรับกลยุทธ์เพื่อการตลาดหันมาทำ 2 คอลเล็กชั่นเสริมนี้กัน มากขึ้น สำหรับ Haute Couture นั้น ก็จะมี 2 คอลเล็กชั่นเช่นกัน คือ Spring – Summer และ Fall – Winter แต่ “ไม่ได้มีในทุกแบรนด์”ครับ ปัจจุบันทั่วโลกจะเหลืออยู่แค่ “เพียง 10 แบรนด์“ และ ทั้ง 10 แบรนด์จะต้องขึ้นโชว์ที่ Paris เท่านั้นครับ จึงจะถูกนับว่าเป็นเสื้อผ้า “Haute Couture”   ใครที่อยากได้ก็ต้องรอสั่งให้เขาทำขึ้นใหม่เท่านั้นครับ เรียกว่าถ้าไม่ใช่ Celebrity หรือ เศรษฐีเงินหนัก คงจะยาก ซึ่งได้แก่ - Alexis Mabille - Anne Valérie Hash - Armani Privé - Chanel - Christian Dior - Christian Lacroix - Elie Saab - Givenchy - Jean Paul Gaultier - Valentino ปัจจุบันสาเหตุที่ Haute Couture ไม่เป็นที่นิยมนั้นเพราะเนื่องจากมีราคาสูง ลูกค้าทั่วทั้งโลกตอนนี้เหลือประมาณ 20,000 กว่าคน แต่ละแบรนด์จึง ค่อนข้างวิตกกับปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ เพราะกลัวว่าในอนาคตเสื้อผ้า Haute Couture จะสูญหายไป สำหรับเสื้อผ้าที่สงสัยว่าเห็นจากบนรันเวย์แล้วไม่มีในช็อปก็เพราะว่า รายละเอียดของแต่ละตัวจะถูกลดทอนลงมาเพื่อให้สามารถใช้ได้ในชีวิตประจำวัน ส่วนรันเวย์ไอเท็มก็จะมีขายเฉพาะในประเทศใหญ่ๆที่คนมีกำลังซื้อเท่านั้น ของเมืองไทยจะเข้ามาแค่บางชิ้น จะไม่ครบคอลเล็กชั่น ในเอเชียที่ครบที่สุดก็จะเป็นที่ฮ่องกง ถ้าอยากได้ก็อาจจะต้องไปซื้อที่นั่น ถ้าหากจะจำแนกใน 1 คอลเล็กชั่นของแต่ละแบรนด์โดยทั่วไปนั้นก็ จะแยกได้ตามนี้ 1. Basic Line – จะเป็นชิ้นที่ขายความเป็นแบรนด์ไปเรื่อยๆ ไม่อิงฤดูกาล 2. Collection Line – ก็คือจากรันเวย์ที่ได้บอกไปทั้งที่เป็นรันเวย์ไอเท็มจริงๆและแบบที่ลดทอนแล้ว ทั้งนี้รวมถึงรองเท้าที่คุณสงสัยด้วย บางทีอาจจะลดความสูง ลดนั่น ลดนี่ ว่ากันไป เพื่อเหตุผลหลักก็คือการใช้ได้จริง นั่นเอง ทั้งนี้ในบางแบรนด์ถึงขนาดออกไลน์ย่อยออกไปอีก เพื่อพยายามตอบรับ ในทุกกลุ่มลูกค้า เช่น Armani ที่ทำออกมาถึง 12 ไลน์สินค้า ซึ่งนับว่าเยอะมากกกกกกกกกกกกกกกกก ส่วนผู้ชายเนี่ยก็จะมีแค่ 2 คอลเล็กชั่นหลัก คือ Spring – Summer และ Fall – Winterไม่มีคอลเล็กชั่นยิบย่อยเท่าผู้หญิงครับ อาจจะเห็นแพลมๆบ้างใน Haute Couture ทั้งหมดก็ประมาณนี้แหละครับ ถ้านึกไรออกก็จะแวะมาใหม่ แก้ไขเมื่อ 18 ก.พ. 52 04:55:23 แก้ไขเมื่อ 18 ก.พ. 52 03:09:16 แก้ไขเมื่อ 18 ก.พ. 52 03:08:54 จากคุณ : Androgyny - [ 18 ก.พ. 52 03:03:21 ]

ความคิดเห็นที่ 6 กระทู้นี้มีสาระมาก ได้ความรู้เพียบ จากคุณ : nu_aomgirls - [ 18 ก.พ. 52 04:11:13 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ไม่ขอเสริม แต่ขอแจก Give ให้ คห. บนๆ แทน เพราะตอบได้เคลียร์ทั้งหมดแล้ว : ) จากคุณ : Mr.Laszlo - [ 18 ก.พ. 52 04:49:16 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ได้สาระมาก จริงคับ ขอบคุณมากๆเลย ว่าจะถามเพิ่มแต่รู้สึกมันจะครบหมดแล้วจริงๆ  อ่อ ในเรื่องของสีด้วยหรือเปล่าคับ เพราะ เห็นแบบพวกสูทสีเขียว สีส้มสะท้อนแสงอะไรพวกนี้  เขาคงไม่ใส่กันหรือเปล่า จากคุณ : pipe_san - [ 18 ก.พ. 52 17:48:29 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ในแต่ละคอลเล็กชั่นจะมีคีย์สีหลักๆ ที่ดีไซเนอร์ใช้ในการออกแบบ จำพวกสีแรงๆ ที่เห็นอยู่บนรันเวย์นั้นก็จะมีออกมาเหมือนกันครับ ก็คือป็นชิ้นที่เป็นรันเวย์ไอเท็มเลย แต่ที่ไม่ค่อยเห็นในเมืองไทย เพราะ Buyer รู้ดีว่าสไตล์ของคนไทย ยากที่จะ carry ลุคเดียวกันกับรันเวย์ให้ดูดีได้ ดังนั้นสินค้าในเมืองไทยที่มีวางขายอาจจะเป็นแค่ดีไซน์ที่มีกลิ่นบางๆ จากไอเท็มหลักเท่านั้น แต่ก็มีเหมือนกันที่เราจะได้เห็นชิ้นเดียวกันกับรันเวย์ลุค จำพวกชิ้นที่หรูหรามากๆ ดีไซน์ยากๆ สีแรงๆ ก็อาจจะมีให้เห็นบ้างได้เหมือนกัน อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับการดิวของแต่ละแบรนด์ บางแบรนด์จะมีข้อบังคับให้บริษัทในแต่ละประเทศที่มา buy สินค้า จากบริษัทแม่ ต้องซื้อชิ้นรันเวย์ไอเท็มแรงๆเหล่านั้นไปด้วย หรือไม่ Buyer ก็ต้องซื้อมาด้วยเหตุผลคือ เพื่อไปโชว์ signature ของแบรนด์โดยการนำไปโชว์ ไว้ที่หน้าร้านนั่นเอง ดังนั้นในบางครั้งที่เราเดินผ่านดิสเพลย์ แบรนด์เนมต่างๆ แล้วพบกับชิ้นที่ดูแรงๆ แล้วนึกในใจว่า "แล้วใครจะซื้อใส่วะ" นั่นอาจจะเป็นชิ้นที่บริษัทในแต่ละประเทศต้องซื้อมา (โดยเฉพาะบางแบรนด์ในประเทศไทยที่อาจจะไม่เต็มใจซื้อเท่าไหร่ เพราะรู้ว่าอาจจะขายยากหรือขายไม่ได้เลย) แต่ทั้งหมดก็เพื่อการแสดงศักยภาพว่าแบรนด์ตัวเองเจ๋ง ที่มีไอเท็มเดียวกันกับรันเวย์เมืองนอก ก็ต้องสอยมาให้เราได้ยล เริ่มนึกไม่ออกอีกแล้ว ไว้จะแวะมาอีกนะครับ แก้ไขเมื่อ 18 ก.พ. 52 22:11:48 จากคุณ : Androgyny - [ 18 ก.พ. 52 21:28:31 ]