ความคิดเห็นที่ 1 หาเพื่อนฝรั่งสนทนาด้วยเป็นเร็วและถูกที่สุดค่ะ แต่ไม่รู้จะไปหาเพื่อนฝรั่งได้ที่ไหนเหมือนกัน จากคุณ : rambleree - [ 7 มี.ค. 52 20:26:42 ]

ความคิดเห็นที่ 2 หาแควนฝรั่งครับ รับประกัน จากคุณ : Thirdwave - [ 7 มี.ค. 52 20:27:29 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อันนี้ขอแนะนำวิธีที่ได้ผลมากๆ กับเรานะคะ แรกๆ อยากให้ลองฝึกจากการฟังเพลงภาษาอังกฤษค่ะ ยิ่งถ้าเป็นคนชอบเสียงเพลงอยู่แล้วด้วยก็จะง่ายขึ้นไปอีก ค่อยๆ ฟัง แล้วพยายามจับใจความไปเรื่อยๆ นะคะ สมัยประถม-มัธยมต้น เราอ่อนภาษาอังกฤษมากค่ะ สอบกลางภาคตกทุกเทอม แต่พอขึ้นมาช่วงม.ปลาย เกิดบ้าเพลงอินเตอร์ขึ้นมา โดยเฉพาะพวกเพลง pop ค่ะ จะฟังง่าย ฟังทั้งวันทั้งคืน เปิดเนื้อเพลงอ่านไปด้วยในกรณีที่แปลไม่ออกจริงๆ พอเวลาผ่านไป สอบผ่านตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ตัวเลยค่ะ มานั่งนึกๆ ดูถึงพัฒนาการของตัวเอง เพราะฟังเพลงมากนี่เอง สู้ๆ นะคะ ถ้ามีความตั้งใจ ก็ไม่ยากค่ะ :) จากคุณ : i Lost my way - [ 7 มี.ค. 52 20:36:39 ]

ความคิดเห็นที่ 4 อยากรู้ด้วยคน มีเพื่อนเป็นฝรั่งค่ะ แต่มัน พูดอังกฤษฟังไม่รู้เรื่องอ่ะ ลิ้นรัวมาก (หรือเราโง่เองฟร่ะ) รอคำตอบด้วยคน อยากเก่งบ้าง จากคุณ : BabiiColorFul - [ 7 มี.ค. 52 20:37:24 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เอาจริงๆ นะน้อง ทำทุกอย่างรอบตัวให้เป็น อิงค์ ให้หมด  พูดเยอะๆๆ ฟังเยอะๆๆๆๆ  ให้ชิน การที่เราไปอยู่  ตปท  แล้วทำให้เราพูดฟังได้ เร็ว เพราะมันบีบบังคับใช่ไหม เพราะฉะนั้น เราอยู่เมืองไทย แล้วอยากทำได้ เราก็ต้องสร้างบรรยากาศขึ้นมาเอง  ทำทุกอย่างให้รอบตัวเป็นอิงค์ให้หมด  คุยกับเพื่อน คุยกับอาจารย์  คุยอิงค์ไปเลย  อ. จะดีใจถ้าเราทำแบบนั้น หมายถึงทุกด้านเลยนะ  ฟัง พูด อ่าน เขียน เรื่องแกรมม่าน่ะ  ประเทศไทย เรียนกันเยอะเกินไป ทำให้เด็ก เกร่ง เวลาที่จะพูด  จะพูดที ต้องมานั่งเรียงประโยค กว่าจะพูดได้  ฝรั่งเดินหายไปแล้ว เอาหลักๆ มาใช้  พวก การพูดคุยปกตินะ ไม่ยากเลย   ลองทำดู  เพราะส่วนตัว ไม่เคยไปอยู่ ตปท  แต่ จัดบรรยากาศแบบนี้เอาทำทุกอย่างให้เป็นอิงค์ ก็สามารถฟัง พูด อ่าน เขียน ได้ ดีในระดับหนึ่ง เพียงแต่อาจจะไม่ดีมาก  แต่ไม่ขี้เหร่   แล้วก็ต้องอดทนให้มากก มันไม่ได้เก่งขึ้นภายในปีเดียวของแบบนี้  ถ้าอยากเร็ว ก็ต้องบีบ ตัวเองมากๆ  แต่พี่ทำมานาน  ฝึกแบบนี้มาเกิน 5 ปี มันก็ค่อยๆ ได้ ลองดูนะครับ จากคุณ : BIZZARE - [ 7 มี.ค. 52 20:39:40 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ต้องใช้บ่อย ๆ ครับ ฟังเหมือนง่าย แต่อยู่ประเทศเรามันก็ยาก ถ้าหาคนสนทนาด้วยได้ ก็จะดีครับ เริ่มจากฟัง และพูดให้ได้ก่อน เขียนไว้ทีหลังก็ได้ครับ อย่าเกร็ง และอย่ากลัวว่าจะผิด ลืมไวยากรณ์ไปเลยครับ เอาให้สื่อสารได้ก่อน แล้วค่อย ๆ เกลา พอมันเป็นธรรมชาติ หรือสร้างสัญชาติญาณในการคิด สร้างประโยค และเลือกใช้คำ มันจะถูกหลักไปเอง อ้อ แนะนำให้คิดเป็นภาษาอังกฤษให้ได้ด้วยครับ อย่าพยายามแปล ถ้าฝันเป็น Eng ได้เมื่อไหร่ ก็สุดยอดล่ะครับ จากคุณ : โมบี ย่า!!! - [ 7 มี.ค. 52 20:45:29 ]

ความคิดเห็นที่ 7 บ้านเราไม่สนับสนุนให้ลูกผู้หญิงเรียนพิเศษค่ะ เราเลยแทบไม่เคยได้เรียนพิเศษเลย เราก็ไม่ได้เก่งอะไรมากมาย แค่ตอนเรียนสายอังกฤษได้เฉียดท๊อปโดยที่ไม่ต้องอ่านหนังสือสอบ แค่ฟังแล้วเข้าใจ พูดโต้ตอบได้ แต่เวลาเขียนจดหมายที นี้ก็ต้องขอแอบดูนิดๆ 55 เพื่อนก็ถามเรานะ ว่าไปเรียนพิเศษที่ไหนมา ทำไมถึงเก่งภาษา คำตอบคืออยู่เฉยๆ แล้วเปิดรับกับทุกสิ่งนี่แหละ อย่าไปคิดว่าเป็นการเรียน ตื่นเช้ามา ไปห้องสมุดจะอ่านหนังสือพิมพ์แทนที่จะอ่านหัวสี ก็อ่านเนชั่น เดินไปชื้อคสอ. ก็เอาใบปลิวมานั่งดูๆ ดมๆ เชื่อม่ะ คำศัพท์ที่บริษัทคสอ.ใช้เนี้ย เป็นการสอนคำคุณศัพท์ชั้นเยี่ยมเลย อย่างที่ในทู้ถามกันบ่อยๆ เซรั่ม ต่าง อิเมชั่นอย่างไง คำตอบคือ เซรั่ม อยู่ในรูปของเหลวใส จริงๆ ศัพท์เดิม มันแปลว่ายารักษาโรคนะ แต่ช่วงหลังๆ พวกบริษัทคสอ. ใช้กันบ่อย จนเป็นคำธรรมดาปกติไปแล้วอิเมชั่น คือของที่อยู่ในสภาพกึ่งแข็งกึ่งเหลว พวกโยเกิ้ต นี่ก็จัดเป็นอิเมชั่น ระหว่างรอก็เปิดวิทยุฟังคลื่นที่มีเพลงภาษาอังกฤษ แต่ไม่หนับหนุนให้ฟังมาก เพราะเพลงฝรั่งจะใส่ศัพท์ที่มันเป็นศัพท์แสลงมาเยอะ บางคำก็เป็นคำที่ไม่น่าฟัง พอรู้ว่าแปลว่าอะไรแล้วมันจะติดปาก ตอนค่ำๆ ก็เปิดซีรีย์ฝรั่งดู  หาดูไม่ได้ ก็ไปโหลดบิดมาก็ได้ แล้วไปหาซับอังกิด มานั่งอ่าน เปิดโปรแกรมดิกไปพร้อมกัน ส่วนที่สำคัญที่สุดในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษคือไม่ต้องกลัวผิด ไม่ต้องอาย คนท้วง เราก็ฟัง เกิดมาเป็นคน ถึงมีศักดิ์ศรีอย่างไง แต่ก็ต้องหัดรู้จักเรียนรู้จากข้อผิดพลาดให้ได้ ไม่ว่าจะข้อผิดพลาดคนอื่นก็เถอะ โดยของตัวเองยิ่งต้องเรียนรู้ให้มาก แล้วอีกอย่าง เลิกคิดว่า ไปต่างประเทศแล้วจะได้ภาษา เราเคยทำงานด้านให้คำปรึกษาเรียนต่อต่างประเทศอยู่ช่วงหนึ่ง .. มันจริง แต่ไม่ทุกคนหรอกค่ะ บางคนไปอยู่ชุมชนคนไทย ไปเรียนก็ให้เพื่อนคนไทยช่วยๆ กัน ตอนท้ายก็จบได้ กลับมา เอ่อๆๆ อ่าๆ เหมือนเดิม ทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวเราล้วนๆ เลย อยู่ในประเทศเรา ก็เรียนรู้ได้ จากคุณ : หวานใจนายโหด - [ 7 มี.ค. 52 20:50:33 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เรื่องแกรมม่าน่ะ  ประเทศไทย เรียนกันเยอะเกินไป ทำให้เด็ก เกร่ง เวลาที่จะพูด  จะพูดที ต้องมานั่งเรียงประโยค กว่าจะพูดได้  ฝรั่งเดินหายไปแล้ว ^ ^ ^ ใช่ๆ 555 ของเราใช้วิธีฟังเพลง ถ้าแปลไม่ออกก็หาเนื้อมาดูด้วย แล้วตั้งใจฟังว่าเค้าออกเสียงยังไง แต่พวกเพลงชอบมีศัพท์แสลงเยอะ  ก็จะเลือกดูหนัง ที่เป็นซาวด์แทรค เรื่องที่เราชอบอะ แรกๆ ก็ให้มีแปลด้านล่างด้วย หลังๆ บางที ฟังออก โดยไม่ต้องดู อิอิ จากคุณ : พระจันทร์เพลิง - [ 7 มี.ค. 52 20:53:42 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ติดยูบีซีรึเปล่าคะ ถ้าติด นี่ก็เป็นอีกทางที่ช่วยได้ เอากระดาษมาปิดตรงคำแปลด้านล่าง จะช่วยให้ฟังได้ ไม่มัวแต่อ่าน ประโยคไหนคิดว่าฟังได้ทัน พูดตามเค้าเลยค่ะ ดัดสำเนียงให้เหมือนเลยไม่ต้องอาย สู้ๆค่ะ จากคุณ : FeLiNY - [ 7 มี.ค. 52 20:56:44 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เราฝึกกับการดูซีรี่ย์ ที่มีซับไทยเอานะ จะได้ฟังการออกเสียง ของเจ้าของภาษาด้วย เริ่มแรกจำเป็นคำๆก่อน แล้วค่อยขยับมาเป็นประโยค คิดว่าคงช่วยได้สำหรับการเริ่มต้น เอาใจช่วยค่ะ จากคุณ : งามสามโลก - [ 7 มี.ค. 52 20:58:53 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เรื่องการดูหนัง ผมแนะนำแบบนี้ครับ ถ้าเป็น DVD  นะครับ  แนะนำให้ฟัง แบบ ไม่ต้องมีซับ ครับ ก่อน 1 รอบครับ ฟังไม่ออกไม่เป็นไร แต่ฝึกให้ชินหู ตัวเอง ฟังไป ทนฟัง แบบตั้งใจไปครับ หลังจากดูจบ รู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบาง  ค่อยมาเปิดซับ  ซับที่เปิดควรเป็น ซับ อิงค์  นะครับ  ไม่ใช่ซับไทย  ซับไทยไม่ช่วยอะไรเลยครับ หลังจากอ่านซับอิงค์ น่าจะทำให้เราเข้าใจได้แล้วก็ ปิดซับ แล้วเปิดแบบไม่มีซับอีกรอบ ครับ ทำแบบนี้เรื่อยๆ ช่วยได้เยอะครับ จากคุณ : BIZZARE - [ 7 มี.ค. 52 21:00:19 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ^ ^ พี่ BIZZARE หนูจำได้ มีคนในห้องสยามปลื้มพี่มากๆ อิอิ จากคุณ : คุณหนูแพรวพรรณราย - [ 7 มี.ค. 52 21:06:31 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ผมว่าการเรียนพิเศษไม่ค่อยจำเป็นมากเท่ากับการฝึกฝนนะครับ เดี๋ยวนี้เรามี net ก็ใช้มันให้เป็นประโยชน์ อาจจะเริ่มจาก passive skills (reading กับ listening ก่อน) เพราะอ่านและฟังเป็นพื้นฐานของการเขียนกับพูด reading - ก็เร่ิมจากหาข่าวหรือบทความภาษาอังกฤษมาอ่าน เริ่มแรกอาจจะเริ่มจากเรื่องที่เราพอมีความรู้อยู่แล้ว และศัพท์/ไวยากรณ์ไม่ซับซ้อนมาก (อาจจะอ่านข่าวภาษาอังกฤษเกี่ยวกับเหตุการณ์ในไทย) แล้วก็อย่าอ่านอย่างเดียว ควรคิดตามด้วยว่าใครทำอะไร ที่ไหน อย่างไร (ถามตัวเองหลังจากอ่านว่ามันเกี่ยวกับอะไร who, what, when, where , why) listening - หาฟังข่าวหรือสารคดีจากเว็บไซต์ (ถ้าจะให้ดี ไม่ควรยาวมาก ) เช่น www.bbc.co.uk , www.voanews.com/specialenglish (อันนี้จะพูดไม่เร็วมาก เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น) หรือhttp://www.britishcouncil.org/learnenglish-podcasts.htm (อันนี้มี script ให้ด้วย) จริงๆ ไม่อยากแนะนำให้ดูหนัง เพราะมันยาว + มีเสียงแทรกมาก ทำให้ไม่สามารถ concentrate ได้ดีเท่าที่ควรอะ (อาจารย์หลายท่านบอกมา) ^^ จากคุณ : Puss'n Boots - [ 7 มี.ค. 52 21:23:19 ]

ความคิดเห็นที่ 14 หัดเขียนประโยค ภาษาอังกฤษ ถ้าเราเขียนได้ เราก็น่าจะพูดได้นะ เวลาพูดก็ให้นึกถึงเวลาที่เด็กจะสื่อสารออกมา เค้าจะพูดตามถาพที่เค้าเห็นเลย ไม่ซับซ้อน เอาแค่สื่อสารได้ ไวยากรณ์ไม่ต้องสน แอบเข้ามาจดด้วยๆ จากคุณ : นินทาชั้นอยู่ ชั้นรู้นะ - [ 7 มี.ค. 52 21:43:25 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ของพี่ตั้งแต่เด็กๆคุณพ่อจะซื้อพวกการ์ตูนฝรั่งให้ดูตลอดค่ะ มีซับด้วยแต่เป็นซับอังกฤษ ทำให้เวลาดูถึงจะไม่รู้เรื่องว่าคุยอะไรกัน แต่เราก็จะได้คำศัพท์จากบทสนทนาของตัวการ์ตูน แล้วคุณแม่ก็จะซื้อหนังสือการ์ตูนภาษาอังกฤษให้เหมือนกัน ตอนเด็กๆ ก็ได้แต่ดูรูปอ่ะค่ะ แต่พออ่านบ่อยๆพวกคำศัพท์ก็จำได้เอง การฟังเพลงก็เป็นอีกวิธีที่ดีค่ะ เพราะอย่างบางเพลงเค้าจะใช้ศัพท์แสลงที่เราจะไม่ได้เจอในหนังสือเรียนเท่าไหร่ ที่สำคัญเจอฝรั่งอย่าไปกลัว คุยไปไม่ต้องกังวลเรื่องแกรมม่าค่ะ ถ้าเราพูดผิดเค้าฟังไม่รู้เรื่องก็จะช่วยแก้ให้ (อันนี้เคยมาแล้ว ฮากันทั้งห้องเรียนค่ะ ^ ^) จากคุณ : Frequence Jeune - [ 7 มี.ค. 52 21:52:09 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ดูซีรี่ยส์ + ด่ากะเพื่อนเป็นภาษาอังกฤษ เราชอบพูดจา sarcastic กับเพื่อนฝรั่ง มันจะสนุกกว่าเม้าท์เป็นภาษาไทย จากคุณ : ร้ายวันละนิดจิตแจ่มใส - [ 7 มี.ค. 52 21:52:39 ]

ความคิดเห็นที่ 17 Study abroad is not the only answer na ka. My dad has lived in Thailand for whole of his life but his Eng is much better than me >_< If you really want to improve your Eng skill. Try to use Eng as your first language. Think in Eng, write diary in Eng, and listen Eng music, etc. My dad sopke Eng to me since I was very young. That made me not being shy of using Eng as my 2nd language at all. If you talk with foreigners, thay are not gonna correct your Eng rok ka. As long as you can communicate, you will be fine. Good luck ka :) จากคุณ : yr_naughty_annie - [ 7 มี.ค. 52 22:02:09 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เราไม่เคยเรียนพิเศษภาษาอังกฤษเลยค่ะ ช่วงก่อนเข้ามหาวิทยาลัย ก็ไปได้ดี เพราะฐานแน่นมาตั้งแต่ประถม อาจารย์สอนดีมาก ทำให้แกรมม่าไปฉิว แต่พอเข้ามหาวิทยาลัย เลือกมนุษศาสตร์ภาษาอังกฤษ ตอนเข้า คะแนนก็สูงอยู่ แต่พอเรียนจริง ๆ เหี่ยวเลยค่ะ เพราะเราพูดภาษาอังกฤษไม่คล่อง แต่เพื่อน ๆ แต่ละคนเป็นเด็กเอเอฟเอส หรือเด็กจบนอกเป็นส่วนใหญ่ + ต้องเรียนกับอ.ฝรั่ง พูดภาษาอังกฤษ 80% ของการใช้ชีวิต ก็อาศัยความกดดัน และที่แนะนำทุกครั้งกับน้อง ๆ ที่มาถามคือ เพลงกับหนังค่ะ ช่วยได้เยอะมาก อ้อ เมื่อก่อนก็เคยคิดนะ ว่าหาเพื่อนฝรั่งมาฝึกคุยนี่ ทางลัดดี แต่ประการแรกคือ หาจากไหน เพราะเราไม่ชอบแชตหรือคุยกับคนแปลกหน้า คิดว่า กรณีนี้ คนแบบเดียวกับเราคงทำได้ยาก ส่วนคนที่มีแล้วฟังไม่รู้เรื่อง อาจจะเป็นเพราะเป็นอังกฤษสำเนียงที่เราไม่คุ้นเคย เพราะตอนเรียนปีแรก เราได้ advisor เป็นอ.จากออสฯ ตอนนั้นไม่คุ้นสำเนียงออสอย่างแรง เพราะฟังแต่สำเนียงอเมริกัน (ฟังสำเนียงอังกฤษยิ่งทรมาน 555) แต่เรียนมา 4 ปีก็พัฒนาขึ้นค่ะ เหมือนหลาย ๆ ความเห็นข้างบน ว่ายิ่งใช้เยอะ ก็ยิ่งเก่ง แต่ถ้าคนเก่งแล้ว แต่ไม่ค่อยได้ใช้ในชีวิตประจำวัน ก็จะค่อย ๆ ทยอยคืนอาจารย์ไป จากคุณ : SariYuu - [ 7 มี.ค. 52 22:03:58 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เข้ามาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ผู้รอบรู้หลายท่านด้วยคนค่ะ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆ ที่สามารถนำไปใช้ได้เลยทีเดียว โดยส่วนตัวแล้ว พอสื่อสารได้ในระดับหนึ่ง แต่อยากเก่งพัฒนาให้มากกว่านี้ แต่ถือว่าโชคดีมาก ที่มีโอกาสได้เจอกับแขกชาวต่างชาติ เริ่มต้นจากฟังไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจ จาก 40% กลายมาเป็น 70% (สื่อสารได้ เข้าใจ แต่อยากพัฒนามากขึ้นกว่านี้ค่ะ) เห็นด้วยค่ะกับคุณ BIZZARE กับการสร้างบรรยากาศทุกอย่าง ในการฟัง พูด อ่าน เขียน เหมือนเป็นการพยายามบังคับตัวเองให้เกิดความเคยชิน จนสามารถสื่อสารได้ พยายามหัดฟังซาวด์แทรก ซีรีย์หนังฝรั่ง ฟังเยอะๆ อ่านเยอะๆ จะช่วยได้ค่ะ จากคุณ : sanrio999 - [ 7 มี.ค. 52 22:04:01 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ก็พยามใช้ในชีวิตประจำวันให้มากที่สุด ฟังพูด อ่านเขียน คิดเป็นภาษาอังกฤษเลยจะดีมาก จะได้ไม่ต้องแบ่งสมองมานั่งคิดประโยคภาษไทยแล้วแปลอีกรอบอ่ะค่ะ แต่ถ้าจะใช้วิธีลัด หาแฟนฝรั่งค่ะ ได้ชัวร์(ทำมาแระ) จากคุณ : เด็กหญิงแก้มป่อง - [ 7 มี.ค. 52 22:41:06 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ก่อนอื่นให้แบ่งทักษะด้านภาษาเป็น 4 อย่าง คือ ฟัง พูด อ่าน เขียน แล้วก็คิดว่าอยากจะเก่งแบบไหน ก็หาทางฝึกทักษะแบบนั้นให้มากๆ ฟัง กับ อ่าน คงหาเวลาฝึกได้ไม่ยาก คนไทยส่วนใหญ่ก็ทำกันได้ ดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือบ่อยๆ ก็ทำได้แล้ว แต่พูด กับเขียน คงต้องพยายามอย่าอาย แล้วหาทางฝึกมากๆค่ะ จากคุณ : kednoi - [ 7 มี.ค. 52 22:56:21 ]

ความคิดเห็นที่ 22 สำหรับเรา มอ ปลายแย่มากมายค่ะ ไม่อยากแย่กว่านี้ก็เลยเลือกเรียน English Program ตอนเรียนมหาลัยจ๊ะ ช่วยได้เยอะ เหมือนถูกบังคับพอๆ กับเรียน ตปท พอมาเรียน ตปท ช่วงแรกตะกุกตะกักนิดหน่อย แต่ผ่านไปสองวันก็รื่น สบาย ที่แน่ๆ ถ้าเรียน ตปท ก็ต้องเลือกเรียนโรงเรียนที่มีคนไทยน้อยๆ ด้วยนะจ๊ะ ไม่งั้นก็จะไม่ยอมพูดเหมือนเดิม ยังไงไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ กระทู้น้องโดนอุ้มแน่จ้า น่าจะตั้งที่ห้องไกลบ้านนะจ๊ะ จากคุณ : LittleRichie - [ 7 มี.ค. 52 23:02:48 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เพลงฝรั่ง หนัง soundtrack ปิด subtitle ท่อง grammar เพิ่มเติม สู้ ๆ ค่ะ ^_^ กำลังพัฒนาตัวเองเหมือนกัน อยากไปต่อเมืองนอก >.< จากคุณ : r3bellion - [ 8 มี.ค. 52 00:24:39 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เราฝันเป็นอิงค์ออกจะบ่อย พูดฉอดๆ แล้วทุกอย่างถูกด้วยนะ แต่เอาเข้าจริง เราก้อพูดไม่ค่อยจะได้อยู่ดี มันเหมือนพอจะพูดจริงๆ มันติดๆขัดๆ อึกๆอักๆ ไม่รู้จะแก้ตรงนี้ยังไง มันเหมือนเป็นเรื่องความกล้ามากกว่า เพราะว่า ฟัง อ่าน เขียน เราได้หมดแล้ว เหลือพูด ที่เค้าว่าง่ายสุดนี่แหละ แต่สำหรับเรา โคตรยากเลย จากคุณ : ## WoodStock ## - [ 8 มี.ค. 52 01:05:09 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ของซินชอบฟังเพลงภาษาอังกฤษมาแต่เด็กเลย แล้วก็รู้สึกชอบภาษาอังกฤษ จนสมัยมัธยมก็เริ่มจริงจัง บางที จะนัดกันกับเพื่อนสนิทว่า ทุกวันนั้นวันนี้ของสัปดาห์ เราจะไม่พูดไทยกันนะ คุยกันเป็นภาษาอังกฤษอย่างเดียว ตอนแรกก็เอาแบบงู ๆ ปลา ๆ ไปก่อน หัดจำคำศัพท์ แล้วต้องเขียนให้ได้ค่ะ มันจะยิ่งย้ำความจำ ดูหนังโดยไม่ใช้พากย์ไทย เพื่อฟังสำเนียงด้วยค่ะ ต่อมามีโอกาสพบปะกับลูกค้าชาวต่างชาติ ก็เลยพยายามบอกตัวเองว่า ต้องกล้าพูดจาสื่อสารกับเขา แอบมีหนุ่ม ๆ ฝรั่งด้วยละก็ฝึกไปในตัว 555 (อันนี้นอกเรื่องแต่ไม่ได้แนะนำให้หาแฟนนะจ๊ะ) จนสุดท้ายก็ยังต้องหมั่นทบทวนอยู่เสมอ ไม่ใช่เพียงแค่ภาษาอังกฤษ ซินเรียนญี่ปุ่น จีน อีกก็ยิ่งต้องขยันอยู่ตลอดไม่ังั้นมันจะหายเข้ากลีบเมฆไปจ้า ^^ จากคุณ : บานชื่นรื่นรมย์ (ZiNNiAz) - [ 8 มี.ค. 52 02:39:15 ]

ความคิดเห็นที่ 26 วิธีของดิฉัน 1) เรียนมาค่ะ ตรี-เอกอังกฤษ 2) ทำงานบริษัทต่างชาติมาโดยตลอด   (พอต้องเขียนจดหมานราชการทำไมมันยากจังวุ๊ย) 3) ขับรถฟังวิทยุภาษาอังกฤษ เพลง ข่าว ฟังหมด 4) ดูหนัง-เปิดซับไทเทิ้ลเป็นภาษาอังกฤษค่ะ   (วิธีนี้บอกหลานชานที่เรียนเอแบคให้ทำตลอด เห็นบอกว่าช่วยได้เยอะค่ะ) ลองดูนะคะ แก้ไขเมื่อ 11 มี.ค. 52 07:43:03 จากคุณ : กากี่นั๊ง - [ 8 มี.ค. 52 05:22:53 ]

ความคิดเห็นที่ 27 1) อ่านนิยายอังกฤษเลยค่ะ เอาที่สนุกๆ อย่าง Twilight วรรณกรรมเยาวชนที่น้องชอบ อ่านให้สนุก แล้วรูปแบบประโยคอังกฤษมันจะซึมไปเอง 2) The Nation, Bangkok Post อ่านหนังสือพิมพ์เข้าไป สองข้อแรกนี้จะช่วยทักษะอ่าน เขียน 3) เปิดทีวี ถ้าที่บ้านติดเคเบิ้ล เปิดช่องข่าว ช่องละคร หรืออะไรที่เป็นภาษาอังกฤษ ไม่ต้องไปแปล ฟังไปเรื่อยๆ ภาษาอื่นๆ ทีไม่ใช่ภาษาแม่เรา เราต้องเรียนรู้ไปตลอดชีวิตแหละค่ะ พี่ว่าน้องคงเก่งระดับนึง แต่ต้องฝึกเรื่อยๆ ค่ะ จากคุณ : ณ พิชา - [ 8 มี.ค. 52 12:32:53 ]

ความคิดเห็นที่ 28 แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 52 17:27:17 จากคุณ : Just wonder - [ 8 มี.ค. 52 13:55:13 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เราฝึกเรียนภาษาอังกฤษมาจากหนังสือครูเคทค่ะ วิธีการก็คือ เรียนแบบธรรมชาติ ทำตัวให้เหมือนเด็กเกิดใหม่ เริ่มฟังผู้ใหญ่คุยกัน แกรมม่าไม่ต้องไปสนใจ ดูหนังฝรั่ง ไม่ต้องไปตั้งหน้าตั้งตาดูฟังเสียงฟังความขนาดนั้นนะคะ ฟังผ่านๆไปเรื่อยๆ เค้าพูดไรก็พูด ไม่ต้องไปแปลไรมากมาย เอาสำเนียงให้เหมือน ทำท่าทำทางเหมือนเค้าแหละ ฟังเพลงภาษาอังกฤษก็ช่วยได้เยอะค่ะ โอ้ย ถ้าจะให้เอามาทั้งหมดมันเยอะค่ะ แนะนำให้ซื้อหนังสือครูเคทมาอ่านดีกว่า เรียนแบบธรรมชาติ และพูดได้เหมือนเจ้าของภาษา สูตรนี้รับประกันไม่เกิน 1 ปีพูดได้แน่นอน(ถ้าตั้งใจนะ) อันนี้ไม่ได้เป็นม้านะ แต่เราเรียนแล้วได้ผลจริง ตอนนี้อยู่ม.5 เราเรียนด้วยตัวเองตั้งแต่ม.4 คุยกับฝรั่งแบบไม่ต้องคิดแปลเป็นถาษาไทยให้ยาก เข้าใจ สามารถสื่อสารได้ อาจจะไม่ตรงแกรมม่าเป๊ะๆ แต่เป็นอันว่ารู้เรื่อง ความจริงถ้าจะพูดแบบแกรมม่าเป๊ะๆกับฝรั่งมันก็ไม่ผิดหรอกค่ะ แต่ฝรั่งเค้าฟังเราไม่รู้เรื่องหรอก ก็เหมือนเราใช้คำประพันธ์ในวรรณคดีมาคุยกะเพื่อนเรานั่นแหละ ไปหามาอ่านนะคะ ถ้าอยากพูดได้ อ่านได้เขียนได้ บอกไว้อย่างละเอียดอย่างไม่ให้สงสัยเลยค่ะ มีบอกด้วยนะคะว่าทำไมคนไทยพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ซักที ทั้งๆที่เรียนกันตั้งแต่ตัวเท่าลูกแมว การศึกษาของเมืองไทยเป็นอย่างไร จึงไม่เป็นผลสำเร็จ เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆ ^_____^ แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 52 19:11:15 จากคุณ : ท้าวบักเขียบ (ลิงถือขวด) - [ 8 มี.ค. 52 19:07:12 ]

ความคิดเห็นที่ 30 คิดว่าไหนๆเราก็เรียนแกรมม่ามาจนเชียวแล้ว เลยคิดว่าฝึกเขียนก่อนดีกว่า เรามีความเห็นเหมือน คห 14 คือ ถ้าเขียนได้ ก็จะพูดได้ แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้นควรจะฝึกเรื่อง listening ด้วย และที่สำคัญคือ pronunciation การออกเสียงให้ถูกต้องค่ะ หลายคนเคยบอกว่า เวลาพูดไม่ต้องคำนึงถึงแกรมม่า แต่ส่วนตัวเรา เราคำนึงถึงแกรมม่า ค่อนข้างมาก เวลาพูดจะพยายามพูดให้ถูกแกรมม่าอะค่ะ  คือ อย่างน้อยมันก็ดูดีในสายตาชาวบ้านเค้านะ อิอิ  แต่จะว่าไปเราก็มีเผลอ ผิดๆ บ้างอะค่ะ ยิ่งเฉพาะต้องพูดเรื่องที่ไม่ได้คุ้นเคยนี่ จะนึกนานมากกก นึกศัพท์นะ -*- อ่อ แนะนำให้ท่องศัพท์ด้วยอะค่ะ ปล ถ้ามีเพื่อน หรือแฟนฝรั่ง(ที่พูดไทยไม่ได้เลย)นี่ จะพัฒนาได้เร็วจริงๆนะคะ ขอบอก อิอิ จากคุณ : โคอาล่าบ้องแบ๊ว - [ 9 มี.ค. 52 02:09:55 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เรามาเพิ่มในส่วนแกรมม่า อย่าคิดว่าแกรมม่าไม่จำเป็นน่ะค่ะ พูดแรกๆ ต้องอาศัยความกล้า แกรมม่าไม่ต้องก็จริง แต่.. แกรมม่า นี่แหละ ทำให้เวลาที่เราเริ่มพูดได้แล้ว เกิดความน่าเชื่อถือ อย่าทิ้งแกรมม่านะ สำคัญมากๆ เราคนหนึ่งแหละ ที่อ่อนtense (สอบได้อย่างเดียว พูดไม่ได้ พูดแล้วงง) ทำให้เวลาพูด เกิดความใจผิดกันบ่อยๆ ว่าเกิดหรือยังไม่เกิด เราแค่เห็นหรือเคยทำจริงๆ แต่เราเผอิญว่าใช้ไม่บ่อย เลยไม่ค่อยมีปัญหาอะไรมาก น้องเราอ่ะ ด่าเราประจำ .เรื่องอิtense เนี้ย จากคุณ : หวานใจนายโหด - [ 9 มี.ค. 52 10:01:21 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ข้อนี้เรากำลังฝึกเลยค่ะ เราฝึกโดยการทำอะไรก็ได้ที่เราชอบแล้วมีภาษาอังกฤษ เอ๊ะ... ก็คือเราชอบดูเรื่องสวยๆ งามๆ สกินแคร์ เมกอัพ การแต่งหน้า เราก็ไปดูยูทูปที่เค้าสอนเรื่องนี้อ่ะค่ะ โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นฝรั่ง ตอนแรกก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่หรอก แต่ดูไปดูมาก็เริ่มรู้เรื่อง ฟังออกมากขึ้น เรื่องการพูดนี่ไม่รู้ทำยังไง แต่เรื่องเขียนก็พยายามฝึกค่ะ ก็จากยูทูปอีกนั่นแหละ ถ้าเราชอบที่เค้าทำ หรือมีปัญหาอะไรอยากถามก็ฝึกเขียนๆ เขียนไป โดยบอกเค้าก่อนว่า เราไม่เก่งอังกฤษนะ อะไรทำนองนี้ ก็ช่วยได้ค่ะ จากคุณ : ~บุลภรณ์~ - [ 9 มี.ค. 52 11:47:17 ]