เราก็เพิ่ง admit ห้องฉุกเฉินไปเมื่อไม่กี่วันนี้เองค่ะ
เป็นเหมือนเจ้าของกระทู้เลย
คือเราไม่ได้อั้นปัสสาวะนะคะ แต่ทานน้ำน้อยมากกกกกกกกกกกกกก ถึงน้อยมากที่สุดค่ะ(คือบางวันไม่มีน้ำเปล่าตกถึงท้องเลยค่ะ.....อย่าทำตามนะ)
แล้ววันนั้นเราไปเปิดบูธขายน้ำหอมที่เซ็นทรัลปิ่นเกล้า ช่วงเช้ายังโอเค แต่เรารู้สึกเจ็บๆ ตรงช่องท้องน้อยมาประมาณ 2-3 วันแล้ว คือในใจก็คิดว่ามันเจ็บนิดๆ เหมือนกระเพาะปัสสาวะอักเสบ แต่ก็ไม่เหมือนซะทีเดียว(เราเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบบ่อย ถือเป็นโรคประจำตัวช่วงตอนท้อง แต่ไม่รุนแรง อย่างมากก็เจ็บ เราเลยพอจะทราบอาการอยู่บ้าง)
เค้าปวดแบบเกร็งๆ จี๊ดๆ ถ้านอนก็จะดีขึ้น ตอนนั้นที่เราคิดคือ อาจจะเป็นเกี่ยวกับกระเพาะ เพราะทานข้าวไม่ดี ไม่ตรงเวลา
แต่พอตกเย็นวันนั้น เราเริ่มเข้าห้องน้ำบ่อยขึ้น รู้สึกเหมือนการกลั้นของทางเดินปัสสาวะเริ่มแปลกๆ คือปวดปุ๊บ ต้องรีบถ่ายเลย ตอนนั้นก็ยังไม่คิดอะไรมาก แต่รู้สึกว่าเวลาฉี่จะสุดแล้ว จะเริ่มเจ็บนิดๆ
เย็นนั้นเราฉี่ไปประมาณ 4-5 ครั้งที่ห้าง (ประมาณ 6โมงเย็น-3ทุ่ม) พอกลับถึงบ้านก็ฉี่อีก แต่รู้สึกฉี่ไม่สุด ฉี่ได้น้อยมาก คราวนี้เรามองลงไป เราเห็นหยดเลือดสีแดงอ่อนๆ เราก็ตกใจ แต่ก็ตั้งสติว่าคงไม่เป็นไร เพราะออกนิดเดียว
จากนั้นอีกไม่กี่นาที ก็ปวดอีก เราก็รีบเข้าห้องน้ำ ก็ยังคงมีเลือดซึมออกมา แต่ก็แค่เป็นสีชมพูจางๆ
เราก็เดินไปบอกสามีว่าฝนฉี่มีเลือดปน แม่สามีก็บอกว่าสงสัยทางเดินปัสสาวะอักเสบแล้ว
อีกไม่นาน ประมาณ 5-10นาที ก็ปวดอีก ครั้งนี้เราฉี่ลำบากมากๆ เจ็บมาก พอใกล้สุด จะเจ็บปวดมากจนตัวสั่นไปหมด ฉี่จนน้ำตาไหลออกมาเลยค่ะ รู้สึกบังคับอะไรไม่ได้เลย พอก้มลงมอง ประกฏว่าเราฉี่เลือดสดๆ คล้ำๆออกมาเต็มเลย เราช็อกมาก เพราะถึงจะเคยเป็นบ่อยๆ ก็ไม่เคยมีเลือดเหมือนครั้งนี้เลยค่ะ
เราก็เรียกสามีมาดู เค้าให้ทานยาแก้อักเสบ 1เม็ด ตอนนั้นเรารู้สึกเหมือนจะมีไข้อ่อนๆ รู้สึกขนลุกเหมือนอยากถ่ายตลอดเวลา
แล้วเราก็อาบน้ำ ตอนอาบนี่ทรมาณสุดๆ เราฉี่เลือดออกมาเรื่อยๆ ทีละนิด เหมือนคุมไม่อยู่แล้ว บอกตรงๆ ว่าต้องให้สามีอาบน้ำให้ แล้วเรากอดเค้าไว้แน่นๆ เวลาที่รู้สึกว่ามีเลือดไหลออกมา
อาบน้ำเสร็จ สามีเราโทรเข้าฉุกเฉินที่สมิติเวช ศรีนครินทร์ ทางพยาบาลบอกให้รีบเข้ามาเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นเราก็จะฉี่ออกมาแบบนี้แหละทั้งคืนเลย
เราก็รีบไปที่โรงพยาบาลทันที (บ้านอยู่ไม่ไกลมาก) ตอนนั้นประมาณ 5ทุ่ม
ก็เข้านอนที่ฉุกเฉินเลยค่ะ แล้วพยาบาลก็มาขอเก็บปัสสาวะไปตรวจ เราก็พูดติดตลกว่า ไม่มีปัสสาวะนะคะ เพราะที่ออกมามีแต่เลือด เราก็ให้สามีเข้าไปห้องน้ำด้วย(เพราะเราต้องกอดเค้าไว้ค่ะ กลัว และเจ็บมาก ฉี่ไปน้ำตาไหลไป)
พอกลับมาที่เตียง คุณหมอก็เข้ามาคุย บอกว่าเราคงเป็น กระพาะปัสสวะอักเสบขั้นรุนแรง คุณหมอบอกว่ากระเพาะปัสสาวะเป็นเนื้อเยื่ออ่อนๆ เหมือนในช่องปาก และน้ำปัสสาวะเป็นกรด เวลาที่ถูกขังอยู่มากๆ ไม่สามารถถ่ายออกได้หมดเพราะอักเสบ น้ำกรดที่ค้างอยู่ก็จะออกฤทธิ์ แล้วกัดกระเพาะปัสสาวะจนเป็นแผลเหวอะ แล้วเมื่อมีแผล ก็มีเลือดออกมา แล้วอาการที่เจ็บ แสบๆ ร้อนๆ ขนลุก เวลาสุด ก็เพราะว่า ร่างกายเค้าพยายามบีบกระเพาะปัสสาวะอย่างรุนแรง เพื่อให้กระเพาะปัสสาวะปล่อยน้ำปัสสาวะออกไปให้ได้มากที่สุด(น่าสงสารจัง ฮืออออ)
หมอมีคนไข้โรคนี้ทุกวันเลย ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิง เพราะท่อปัสสาวะของผู้หญิงจะสั้นกว่าผู้ชาย ทำให้ติดเชื้อได้ง่ายกว่า มีคนไข้ทุกวัน แต่ไม่มีใครมีเลือดเยอะอย่างเราเลย มีเรานี่แหละเลือดออกเยอะมากๆ แสดงว่าข้างในโดนกัดเป็นแผลไปหมดแล้ว ที่หมอกลัว คือกลัวเราเสียเลือด นี่ยังดีที่พอคุมไว้ได้ ถ้าปล่อยไป ไม่รักษา แค่ยืนเลือดก็อาจจะไหลโจ๊กออกมาได้เลยค่ะ (บรื๊ออออ)
คุณหมอบอกว่ากลัวว่าฉี่ที่ขังอยู่จะล้นขึ้นไปกรวยไต คราวนี้อันตรายแน่นอน เพราะอาจไตวายได้ค่ะ
ทีนี้...ที่หมอต้องการคือให้เราฉี่ออกมาให้มากที่สุด และทำให้กรดในกระเพาะปัสสาวะเจือจางโดยเราต้องกินน้ำวันละ 2-3ลิตร(เหอๆๆๆ เยอะมากๆ)
หรือ
หมอต้องให้น้ำเกลือ+ยาทางเส้นเลือด เพื่อให้น้ำเกลือล้างฉี่ออกมาให้มากที่สุด เราจะปวดฉี่ประมาณ 2ครั้ง ให้เรียกพยาบาลพาไปห้องน้ำ แล้วพยายามฉี่ออกมา ถึงจะเจ็บก็ฉี่ออกมา ซึ่งเราขอเลือกทางลัดนี้
คืนนั้นเรานอนให้น้ำเกลือถึง ตี2 สามีเราก็นอนอยู่ข้างๆ เราต้องเข้าห้องน้ำ 2ครั้งที่โรงพยาบาล แต่ครั้งที่ 2รู้สึกสบายขึ้นมากๆ เลือดสดๆ เริ่มหายไป เหลือแต่น้ำปัสสาวะที่มีเลือดปน เป็นสีชมพูอ่อนๆ
หลังจากนั้นรับยา จ่ายตังค์ กลับบ้าน
ทานยา พออีกวันอาการก็เกือบหายแล้วค่ะ
เขียนซะยืดยาวเลย ที่จะบอกก็คือไม่ใช่แค่อั้นปัสสาวะนะคะที่ทำให้เราเป็นโรคนี้ค่ะ การดื่มน้ำน้อย(หมายถึงน้ำบริสุทธิ์นะคะ) การขับถ่ายที่ผิดปกติ โดยเฉพาะผู้หญิงอย่างเรา เวลาที่ถ่ายหนัก แล้วจำเป็นต้องใช้ทิชชู่เช็ด พยายามเช็ดจากหน้าไปหลังนะคะ เพื่อไม่ให้เชื้อโรคจากการถ่ายย้อนกลับมา และเกิดการติดเชื้อ
กระทู้นี้อาจมีคำที่ไม่ค่อยเพราะ แต่เราอยากอธิบายให้เพื่อนๆเห็นภาพตามค่ะ
ถ้ายาวเกินไปหรืออ่านยาก ต้องขออภัยด้วยนะคะ
ดูแลสุขภาพด้วยนะจ๊ะเพื่อนๆ ทุกคน
แก้ไขเมื่อ 19 มี.ค. 52 14:27:06
แก้ไขเมื่อ 18 มี.ค. 52 14:16:13
แก้ไขเมื่อ 18 มี.ค. 52 14:11:34
แก้ไขเมื่อ 18 มี.ค. 52 14:09:07