ความคิดเห็นที่ 1 ที่ซีเอ็ดเค้ามีขายหนังสือเพื่อฝึกฝนการอ่านคะ มีแบ่งเป็น level เพิ่มจำนวนคำศัพท์ตามระดับ เนื้อหาภาษาอังกฤษ ด้านข้างมีแปลคำศัพท์ไว้ให้ เนื้อเรื่องมีหลากหลาย น่าสนใจดีคะ รู้สึกว่าราคาก็ไม่แพงมาก เป็นของ Oxford ถ้าสนใจหาข้อมูลเพิ่มเติมลองไปตั้งกระทู้ถามที่ห้องสมุดดูสิคะ ห้องนั้นมีผู้เชี่ยวชาญเยอะ หรือหาจาก smart search ของห้องสมุดดูคะ มีคนถามไว้หลายครั้งแล้ว ^^ จากคุณ : Love_TemPo - [ 7 เม.ย. 52 16:38:53 ]

ความคิดเห็นที่ 2 อย่างแรกเลย ต้องมี "ความตั้งใจ" ที่จะอ่านค่ะ ไม่ท้อแท้กลางคัน อะไรที่ไม่เข้าใจ ก็ไถ่ถามจากเพื่อน ๆ นักอ่านในโลกไซเบอร์ หรือถ้าตั้งใจจะอ่านหนังสือเล่มไหนอยู่ ก็ลองหาเพื่อน ๆ ก๊วนเดียวกันในเน็ต ที่อ่านหรือชื่นชอบเหมือนกันอยู่ จะได้เข้าใจเนื้อหา และบทบาทของตัวละครได้เยอะขึ้น บางทีแปลเองอาจจะไม่เข้าใจบางคำ บางประโยค ไม่มีใครเก่งไปทุกอย่าง แต่ถ้าตั้งใจ ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ ศัพท์ภาษาอังกฤษไม่ได้แปลตรงตัวเสมอไป บางรูปประโยค หรือบางคำ อาจจะเป็นศัพท์แสลง ค่อย ๆ อ่าน ค่อย ๆ ศึกษา อาจอ่านไม่จบในวันสองวัน แต่ถ้าตั้งใจจริง ไม่มีอะไรที่ยากเกินไปค่ะ ... ดิกชันนารี 1 เล่ม + ความตั้งใจ ขอให้อ่านหนังสือให้สนุกนะคะ ... เอาใจช่วยค่ะ จากคุณ : bluepeace - [ 7 เม.ย. 52 16:39:22 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ค่อยๆอ่านจากง่ายๆก่อน อย่าง Harry ที่เป็นหนังสือสำหรับเด็ก เพราะศัพท์กับรูปประโยคจะไม่ยากมาก น่าจะอ่านรู้เรื่องอยู่ เลือกเอาเล่มแรกๆนะครับ บางหน่อยจะได้มีกำลังใจ เล่มหลังๆหนาเกิ๊น เห็นแล้วขี้เกียจ น่าเอาหนุนนอนมากกว่า 555+ อ่านไปก็เปิดดิกฯไปด้วยสำหรับคำที่ไม่เข้าใจครับ จากคุณ : @1stSight - [ 7 เม.ย. 52 16:40:31 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ควรจะ "เริ่ม" เป็นอย่างแรก แต่วิธีเรา เราจะอ่านทั้ง 2 versions ภาษาไทยก่อน แล้วอ่านภาษาอังกฤษตาม ทำให้เข้าใจเนื้อเรื่องได้ก่อนจากการอ่านภาษาไทย แล้วค่อยอ่านภาษาอังกฤษอิกที แถมยังได้รู้ความแตกต่างของการสื่อความหมาย และอารมณ์จากต้นฉบับของผู้แปลด้วย จากคุณ : Luna is da Moon - [ 7 เม.ย. 52 16:43:55 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ลองเอา เว็บนี้ไปอ่านก่อนก็ได้ค่ะ http://www.onemanga.com/ มันเป็นเว็บการ์ตูนญี่ปุ่นที่มีบทสนทนาเป็นภาษาอังกฤษค่ะ มีให้เลือกหลายเรื่องด้วย ลองฝึกดูนะคะ อ่านเยอะ ๆ แล้วพวกภาษามันจะซึมซับเข้าไปในหัวเราเองค่ะ :) จากคุณ : TONKTONKTONK - [ 7 เม.ย. 52 16:46:29 ]

ความคิดเห็นที่ 6 อ่านไปเรื่อยๆ ค่ะ คำศัพท์ไหนที่ไม่รู้ก็จดใส่สมุดแล้วเปิด Dict. เอา แนะนำให้ซื้อเรื่องที่อยากจะอ่านจริงๆ ไม่งั้นจะหมดกำลังใจค่ะ จากประสบการณ์พวก Short Stories ของ Oxford, Cambridge จะไม่ค่อยสนุก -.- หัดอ่านจากพวก Fiction หรือ Light Novel จะน่าติดตามมากกว่า นอกจากนั้นก็ต้องท่องศัพท์ แนะนำ Oxford WordPower ท่องเล่มนี้อยู่เหมือนกันค่ะ ลองหาภาพยนตร์เรื่องเดียวกับหนังสือที่อ่านมาดูก็ได้ค่ะ จะช่วยให้เข้าใจมากขึ้น ยังไงก็เป็นกำลังใจให้คุณ จขกท. นะคะ ^^ แก้ไขเมื่อ 07 เม.ย. 52 18:32:38 แก้ไขเมื่อ 07 เม.ย. 52 17:35:56 จากคุณ : O' Muffin! - [ 7 เม.ย. 52 17:26:22 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เราแนะนำให้อ่านนิทาน หรือว่า พวก Short Story ก่อนก็ได้ค่ะ เราแนะนำ Short Story ของ O'Henry ค่ะ มีหลายเรื่องเลย เรากำลังอ่านออกเสียงให้แฟนฟังแล้วให้เขาค่อยๆ แปลทีละประโยคให้เราฟังอ่ะค่ะ ตอนนี้ อ่านเรื่อง A Gift from the Heart อยู่้ พอดี เขาต้องสอบ TOEIC ใหม่  ^^ เลยมาให้เราช่วยสอนเรื่อง Listening , Reading รูปประกอบสวยงานด้วยค่ะเล่มที่เรายืมมาจากห้องสมุด เดี๋ยวถ่ายรูปให้ดูนะคะ ^^ จากคุณ : KinkyVans - [ 7 เม.ย. 52 17:42:22 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เฮ้อ ต้องสอบโทอิกเหมือนกันค่ะ หลังจากบอบช้ำจากคะแนนรอบที่แล้ว คุณKinkyVans สอนเค้ามั่งสิคะ อิอิ จากคุณ : wasanaokung - [ 7 เม.ย. 52 17:45:04 ]

ความคิดเห็นที่ 9 จากประสบการณ์ตรง ตอนป.ตรีเราไม่เคยพึ่งเท็กซ์ภาษาอังกฤษเลย พอเรียนโท เป็นไฟท์บังคับ จะไม่อ่านก็ไม่ได้ วิธีลัดอย่างเดียวคือ อ่านมันค่ะ อ่านมันเข้าไปเลยบ่อยๆ อ่านเข้าไปเลยเยอะๆ เลือกเรื่องสนุกๆเล่มบางๆ แบบพวกฝึกอ่านของสนพ.เพนกวิน ก่อนก็ได้ค่ะ เวลาอ่าน คุณไม่จำเป็นต้องรู้ศัพท์ทุกตัวหรอกค่ะ ถึงจะอ่านเข้าใจ เพียงแต่พยายามจับใจความสำคัญของประโยคได้ก็พอแล้ว อ่านคห.5 ฮ่าๆๆ พึ่งที่นี่เหมือนกันค่ะ แต่อีกที่ที่เป็นแบบฝึกหัดชั้นยอดเลย คือที่ http://www.fanfiction.net ค่ะ ตอนนี้เกิดกระแสอะไรในตัวอยู่ ก็หาแฟนฟิคอ่านเลย สนองนี้ด ฮ่าๆๆ นอกจากบัญเทิงเริงใจแล้ว คุณยังเก่งอังกฤษไม่รู้ตัวขึ้นด้วยค่ะ สู้ๆนะคะ จากคุณ : Norikoจัง - [ 7 เม.ย. 52 17:48:13 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เริ่มจากสิ่งง่ายๆที่ทำได้ทุกวันก่อนดีมั้ยคะ อย่างเช่นเวลานั่งรถไปทำงาน(ในกรณีที่ไม่ได้ขับรถเอง)ก็ฟังเพลงภาษาอังกฤษไปด้วย เหมือนเวลาเด็กเรียนรู้ภาษาก็มาจากการฟังจะจดจำได้เร็ว การฟังมันจะซึมซับง่ายค่ะ  แล้วเวลาว่างๆอ่านนสพ.ภาษาอังกฤษหรืออ่านข่าวภาษาอังกฤษในอินเตอร์เนทจะทำให้คุณได้พวก Idioms เยอะที่อาจจะไม่เจอในหนังาสือ เราไม่รู้พื้นฐานภาษาอังกฤษของเจ้าของกระทู้เป็นไง แต่ว่าอย่างน้อยควรรู้โครงสร้างประโยคแบบเรียบง่ายที่สุด แล้วเวลาไปอ่านหนังสือที่ไม่ยากมากจะได้โครงสร้างประโยคที่ซับซ้อนขึ้นค่ะ แล้วได้ศัพท์ด้วย มันอยู่ที่การฝึกฝนจริงๆ พออ่านรู้เรื่องแล้วก็จะเขียนได้ดีด้วย ได้ประโยชน์เป็นทอดๆ นอกจากนั้นสมัยนี้มีพวกซอฟแวร์เรียนภาษาอังกฤษให้โหลดฟรีเยอะเลยค่ะ ทั้งการฟัง พูด อ่าน เขียน ถ้ามีปัญหาเกี่ยวกับภาษาอังกฤษเข้าโต๊ะห้องสมุดเลยค่ะ มีห้องเรียนภาษาอังกฤษด้วย หวังว่าคงช่วยได้นะคะ ว่าแต่เจ้าของกระทู้อยากอ่านอะไรเหรอ :) จากคุณ : ยืนมองท้องฟ้าไม่เป็นเช่นเคย .. - [ 7 เม.ย. 52 17:50:23 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ของ o'Henry ส่วนใหญ่จะเป็๋นเรื่องที่หักมุมในตอนท้าย นักเขียนคนต่อไป อิอิ Washington Erving เรื่องเด่นของ เขาคือ Rip Van Winkle ๋Jumping Froh ของ Mark Twain The Necklace ของ Guy de Maupaussant สุดท้าย นักเขียนแนวลึกลับ Edgar Allan Poe เรื่อง cask of wine, black cat ** คุณ wasanaokung ยินดีให้คำแนะนำเรื่องโทอิึคค่า ^^ แก้ไขเมื่อ 07 เม.ย. 52 17:56:00 จากคุณ : KinkyVans - [ 7 เม.ย. 52 17:53:09 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ภาพประกอบลายเส้นสวยดี ^^ Ann Eshner เป็นผู้วาด จากคุณ : KinkyVans - [ 7 เม.ย. 52 18:08:37 ]

ความคิดเห็นที่ 13 มีสอน intonation & stress ด้วย จากคุณ : KinkyVans - [ 7 เม.ย. 52 18:09:55 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เราอ่ะ ซื้อ Shopaholic ตั้งแต่ภาคแรก จนตอนนี้ออกมาไม่รู้กี่ภาคแล้ว เรายังอ่านภาคแรกไม่จบเลย จากคุณ : เด็กหญิงฟ้าใส - [ 7 เม.ย. 52 18:12:38 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขอเล่าบ้างค่ะ แต่ก่อนเป็นคนที่ "โง่" ภาษาอังกฤษมาก ๆ ตอนเอ็นท์ก็กา 1-100 ไม่ต้องอ่านโจทย์ ต้องสอบ FE ที่คณะ แฟนมาติวภาษาให้ ถึงกับต้องบอกว่า v. หลัง he, she, it ต้องเติม s นะ เพราะเราไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ ค่ะ (ดี.. ที่เค้าไม่ต้องบอกว่า he แปลว่า เขาผู้ชาย 555) พออยู่ปี 4 คุณป้าให้ไปเรียนภาษาอังกฤษกะเพื่อนคุณป้า เราเลยเรียกว่า อาจารย์ป้า อาจารย์ป้าเริ่มสอนให้ตั้งแต่ อะไรที่เค้าเรียกว่า ประธาน กริยา กรรม ในประโยค อาจารย์ป้าบอกว่า ถ้าไม่รู้ว่า ประโยคเป็นยังไง ก็ไม่มีทางที่จะพูดได้ เพราะเราไม่สามารถแต่งประโยคได้ เราเป็นคนขี้เกียจเล็ก ๆ หน่ะคะ เรียนได้ไม่เท่าไหร่ ก็เริ่มขี้เกียจ เพราะช่วงนั้นมีรายงานต้องส่งเยอะ ก็เลยเลิกไปเรียนกะอาจารย์ป้า พอเรียนจบมหาลัย ก็ไปเรียนภาษาที่สงวน ตรงเสาชิงช้า ด้วยความขี้เกียจอีกค่ะ ไปเรียนอย่างเดียวไม่เคยกลับมาท่องศัพท์เลย แต่การไปเรียนจะซึมซับคำศัพท์ได้เยอะมาก ๆๆๆ หนังสือภาษาอังกฤษเล่มแรกที่ซื้อมาอ่านคือ แฮร์รี่ อ่านไม่จบหรอก เพราะอ่านไม่รู้เรื่อง เปิดศัพท์ทุกคำ จนเพื่อนหัวเราะ (เล่มนี้ซื้อก่อนไปเรียนสงวนนะคะ) พอเรียนสงวนจบ ก็ไปเมืองนอก แต่ไปเมืองที่เค้าไม่ได้พูดอังกฤษนะคะ แต่ช่วงนั้นภาษาเราเริ่มดีขึ้นแล้วหล่ะค่ะ เพราะได้พื้นฐานอาจารย์ป้า บวกกะ คำศัพท์ของสงวน อยู่ที่นั่น คุณป้าก็ให้เปิดทีวีดูแต่ช่องข่าว cnn, cctv, bbc แล้วก็คอยถามเราว่า ข่าวมันเป็นยังไง ถ้าตอบไม่ได้ ก็ให้นั่งดูอยู่อย่างนั้น (ข่าวมันจะวน ๆ ) ไป จากนั้นเราก็เริ่มรู้แล้วว่า เวลาฟัง อย่ามัวแต่ไปคิดว่า มันแปลว่าอะไร ฟังมันไปเรื่อย ๆ ก่อน แล้วเราจะรู้เองว่าแปลว่าอะไร ถ้ามัวแต่คิดคำแปลศัทพ์ เราก็จะฟังประโยคต่อไปไม่ทัน ฟังไปเรื่อย ๆๆๆ ก็เริ่มชิน เริ่มรู้ค่ะ ที่บ้านคุณป้าก็จะมีหนังสือนิยายภาษาอังกฤษเยอะ ๆ ก็หยิบมาอ่านบ้าง ไม่ต้องเปิดหรอกดิกส์ คำนี้ไม่รู้ อ่านไปอีกประโยคมันก็จะบอกเองแหละว่าคืออะไร ถ้ายังไม่เข้าใจจริง ๆ ค่อยเปิด อ่าน ๆๆๆ ไปเรื่อย ๆ ก่อนจะไปเที่ยวเมืองไหน คุณป้าก็จะให้อ่านหนังสือท่องเที่ยวไว้ก่อน จะได้รู้ว่า เมืองมันมีประวัติอะไร ก็รู้ศัพท์เพิ่มขึ้น แนะนำหนังสือที่อ่านง่าย ๆ นะคะ p.s. I love you --> เล่มนี้อ่านไม่วางเลยค่ะ ศัทพ์ง่ายมาก ๆ message in a bottle ของ nicolus spark -> อ่านแล้วร้องไห้ค่ะ เป็นหนังสือของนิโคลาส เล่มแรกที่เคยอ่าน จากนั้นก็คอยตามซื้อเล่มอื่น สรุปกับตัวเองว่า มันเป็นชีวิตประจำวัน ศัพท์เลยง่าย ๆ can you keep a secret --> ขำมาก ๆ อ่านจบรีบบอกเพื่อนให้อ่าน พอวันว่างกลับมาเอาแฮร์รี่เล่มที่เคยซื้อมานั่งอ่าน แอบขำตัวเองที่หาศัทพ์อะไรไม่รู้ เยอะแยะไปหมด แอบภูมิใจที่ตอนนี้อ่านรู้เรื่องแล้วค่ะ เรื่อง  Shopaholic เคยซื้อมาค่ะ อ่านไม่จบเหมือนกันสงสัยไม่ใช่แนวที่เราชอบ อ่านแล้วไม่เห็นขำเลยอ่ะ (หรืออ่านไม่รู้เรื่องก็ไม่รู้) ตอนนี้นะคะ เหมือนเป็นคนเดียวในกลุ่มที่ทำงานกะฝรั่ง ใช้ภาษาอังกฤษในการทำงาน ภูมิใจค่ะ ขอบคุณคุณป้ามาก ๆ ที่ส่งเสริมให้มีวันนี้ แก้ไขเมื่อ 07 เม.ย. 52 18:41:28 จากคุณ : susses wasser - [ 7 เม.ย. 52 18:40:37 ]

ความคิดเห็นที่ 16 หนังสือของคุณ KinkyVans น่าอ่านมากๆเลยค่ะ คุณ ยืนมองท้องฟ้าไม่เป็นเช่นเคย .. หนังสือที่เราอยากอ่านชื่อเรื่อง   THE EDGE CHRONICLES # THE IMMORTALS ค่ะ คือเราอ่านเล่มอื่นๆของเล่มนี้แล้ว (ภาษาไทย) แต่เล่มล่าสุดเนี้ย เราไม่หาไม่เจอค่ะ เจอทีก็มีแต่ที่ร้าน Asia books เป็นภาษาอังกฤษค่ะ นักเขียนคนนี้เขียนสนุก เราชอบมากๆเลยค่ะ แล้วเค้ายังมีอีกสองสามเรื่อง เรื่องละประมาณสามเล่มได้ สนใจมากๆอยากจะอ่านหมดเลยค่ะ เลยแบบว่าต้องอ่านเล่มนี้ ให้ได้ก่อนถึงจะได้อ่านเล่มอื่นๆค่ะ ^^ อันนี้เป็นภาพหนังสือเล่มอื่นๆของเค้าที่เราสนใจค่ะ ^^ จากคุณ : สวยบนดอย - [ 7 เม.ย. 52 18:48:22 ]

ความคิดเห็นที่ 17 จะเข้ามาแนะนำเหมือน คห 1 ครับ  เพิ่งซื้อมาเมื่อวาน  เล่มละประมาณ 100 บาท+- แล้วแต่ความหนาของหนังสือ จากคุณ : ป๋ม - [ 7 เม.ย. 52 18:58:31 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ท้ออย่างเดียวคือ ไม่รู้ศัพท์แล้วต้องเปิด ดิค กันเป็นเล่มๆ กว่าจะอ่านจบ ฮ่าๆๆๆ จากคุณ : Fuya - [ 7 เม.ย. 52 19:11:13 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ของแบบนี้ต้องเริ่มอ่านก่อนเลยค่ะ แนะนำนิยายเล่มบางๆ ของสนพ. penguin นะคะ (ตอนเรียนภาษาอังกฤษที่โรงเรียนและมหาวิทยาลัยจะชอบเอามาให้นักเรียนอ่านมากๆ) เล่มจะไม่หนามาก ตกเล่มละ 100 บาท เป็นส่วนใหญ่ ด้านหลังจะมีระดับของผู้อ่านบอกไว้ด้วยว่าเป็น beginer, intermediate ศัพท์กี่คำ อะไรประมาณนี้ ศัพท์จะไม่ยากเกินไป ไม่ต้องแปลพวกประโยคที่เป็นคำที่มีความหมายเฉพาะ และเนื้อเรื่องไม่ยาวจนไม่น่าอ่าน เหมาะกับผู้เริ่มอ่านภาษาอังกฤษค่ะ จำได้ว่าของสนพ. นี้ขายในซีเอ็ดนะคะ ไม่แน่ใจว่าร้านหนังสืออื่นมีขายไหม อ่านแล้วไม่รู้ศัพท์ก็อาศัยเปิดดิกฯ ประกอบเอา อ่านบ่อยๆ เดี๋ยวจะคล่อง แล้วค่อยเริ่มขยับขยายหานิยายแบบเล่มๆ หนาๆ มาอ่านได้ล่ะค่ะ สู้ๆ ค่ะ จากคุณ : มิถุนายน - [ 7 เม.ย. 52 19:27:30 ]

ความคิดเห็นที่ 20 แนะนำให้อ่านแบบเริ่มต้นนะคะ แบบวัยรุ่นหรือนร.ม.ต้นเมืองนอกอ่านน่ะค่ะ จริงๆ แฮรี่ถือว่าศัพย์ค่อนข้างง่ายนะคะ Princess Diary ก็ดีค่ะ ศัพย์ง่ายดี อย่าไปอ่านอะไรหนักๆแบบ Dan Brown อะไรแบบนี้ พวกหนังสือที่มาจากหนังเช่น I robot อะไรประมาณนี้ ศัพย์ก็ค่อนข้างยาก มันจะมีพวกหนังสือรักหวานแหววกุ้กๆกิ้กๆ สไตล์ไฮสคูล แบบนี้จะดีมากค่ะ เนื้อเรื่องเหมือนนิยายแจ่มใสเปี้ยบเลย ถ้าพยายามหน่อยก็ Confession of Shopaholic ค่ะ หนาไปหน่อย แต่เนื้อเรื่องน่าจะถูกใจนะ แนะนำ Anne Frank ด้วยค่ะ เอาแบบที่มันเป็นไดอารี่ฉบับจริงเลยค่ะ ศัพย์ง่ายมาก เพราะคนเขียนก็ยังเด็กอยู่ เนื้อเรื่องสนุกค่ะ ไม่เครียด(จริงๆนะ) พระเอกแอบน่ารักนิดหน่อยด้วย(อันนี้แนะนำจริงๆนะคะ ^^ ) หรือไม่มันจะมีแบบเป็นเลเวลๆน่ะค่ะ เล่มสีดำบางๆน่ะค่ะ แบบนั้นจะรวมพวกเรื่องดังๆมาย่อเป็นเรื่องสั้นๆน่ะค่ะ มีหลายเรื่องนะคะ ศัพย์ก็ง่ายค่ะ แล้วแต่ว่าจะเลือกแบบไหน เช่น Phantom of The Opera ฉบับนั้นนี่ศัพย์ง่ายมากค่ะ แล้วก็มีเรื่องดังๆอย่าง Picture of Dorain Gray , Black Beauty , Little Princess ปล.ไปถามห้องสมุดจะได้คำแนะนำที่ดีกว่านี่มากๆนะคะ จากคุณ : marina_rain - [ 7 เม.ย. 52 19:30:29 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ของเราภาษาอังกฤษดีขึ้นเยอะ รู้คำสแลงแยะ นับตั้งแต่เริ่มแชทออนไลน์ทางเว็บย้าฮูกับคนต่างชาตินะ แต่ตอนนี้ไม่ได้แชทแล้ว ย้าฮูมันเปลี่ยนไป ไม่สนุกเหมือนแต่ก่อน แต่คอนเฟิร์มว่าทำให้ภาษาดีขึ้นจริงๆ ถ้าไม่ไปหลงคารมฝรั่งที่แชทด้วยซะก่อนนะ จากคุณ : tormay - [ 7 เม.ย. 52 20:02:40 ]

ความคิดเห็นที่ 22 อุ๊ย คุณจขกท.เราก็เห็นเรื่อง The Edge Chronicles แต่ไม่แน่ใจว่าเล่มไหนค่ะ ที่หน้าปกเป็นรูปเหมือนอัศวินกำังขี่อะไรสักอย่าง จำได้ว่าปกน่ารักดี อิอิ ไม่แน่ใจว่าคุณจขกท.ชอบอ่านหนังสือแนวไหนนะคะ แต่เรามีหนังสือเล่มนึงแนะนำ เป็นหนังสือร่วมสมัยเรานี่ล่ะค่ะ แต่ได้ใจเรามากๆทั้งที่เราชอบอ่านวรรณกรรมต่างประเทศทุกยุค เล่มนี้ชื่อ Extremely Loud and Incredibly Close เป็นเรื่องเกี่ยวกับผลกระทบของ 9/11 ต่อผู้คน ผู้คนในที่นี้คือคนเล่าเรื่องที่เป็นเด็กผู้ชายอายุเก้าขวบ แต่ฉลาดมาก อ่านแล้วได้ครบทุกรสเลยค่ะ ประทับใจสุดๆแล้วก็เศร้าด้วย นอกจากจะเกี่ยวกับ 9/11 แล้วยังเล่าเรื่องคู่ไปกับสมัยสงครามโลกครั้งที่สองที่เดรสเดนโดนบอมบ์น่ะค่ะ อ่านแล้วก็ร้สึกว่ามนุษย์เราฆ่าฟันกันได้ตลอดเพื่ออุดมการณ์ที่ตนยึดถือ แต่หนึ่งชีวิตในครอบครัวที่เสียไปนี่ผลมันมากมายจริงๆ แต่เรื่องนี้ไม่เครียดนะคะ เราชอบแนะนำเรื่องนี้ให้เพื่อนๆและคนอื่นๆเวลาเค้าถามว่าอ่านอะไรดี คิดว่าไม่ยากมากเท่าไหร่ค่ะ แต่ถึงจะยากนิดนึงแต่คิดว่าคุ้มค่ามาก ตอนอ่านเล่มนี้จบรู้สึกอิ่ม แล้วรักเด็กน้อยออสก้าร์จริงๆ จากคุณ : ยืนมองท้องฟ้าไม่เป็นเช่นเคย .. - [ 7 เม.ย. 52 20:10:03 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ส่วนตัว คิดว่า ... การเริ่มต้นอ่าน นิยาย หรือ นิทาน ภาษาอังกฤษนั้น ควรเริ่มจาก 1. เป็นเรื่องที่ ไม่ยาวมากนัก ... 2. เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับ หรือมีเนื้อเรื่อง ตรงกับสิ่งที่เราสนใจมากเป็นพิเศษ เช่น ชอบช้อปปิ้ง หรือรู้จักแบรนด์ดังๆ ก็น่าจะชอบพวก สาวนักช้อป หรืออะไรทำนองนี้ 3. ส่วนตัวคิดว่า นิยาย แนว "แฟนตาซี" อาจจะไม่ค่อยเหมาะกับการเริ่ม เนื่องจาก มีศัพท์เฉพาะ มาก และ มาก ซึ่ง เปิดดิคฯยังไงเนี่ย ก็หาไม่เจอหรอก 4. ถ้ารู้เรื่องย่อๆ หรือมีภาคภาษาไทยในหนังสือเรื่องนั้นๆด้วย ก็ดีค่ะ แต่อย่าอ่านแบบหน้าต่อหน้า หรือบรรทัดต่อบรรทัดนะคะ บางทีจะเสียความรู้สึก หรือเสียความมั่นใจไปซะเปล่าๆ เนื่องจากการแปลหนังสือ บางทีเค้าก็ไม่ได้ใช้คำ ต่อ คำ จริงๆสักหน่อย เค้าอาจจะต้องปรับนิดหน่อย เพื่อให้ภาษาดูสละสลวยมากขึ้น 5. สำหรับเราเอง ตอนเริ่มต้นเราเคยใช้ดิคฯ ช่วยในการอ่านค่ะ แต่มันอ่านติดๆขัดๆ แถมบางคำ แปลออกมาแล้วมันงง งง ซะงั้น หลังๆมานี่ เราจะอ่านแบบว่า ไม่สนใจเปิดดิคค่ะ อ่านเอาภาพรวมทั้งบท หรือทั้งหน้า แต่จะไม่มาจับใจความเป็นประโยคๆ อ่าน 1 บท ถ้าเข้าใจเนื้อเรื่องรวมๆ (เหมือนอ่าน 5 หน้า ย่อเหลือ 1 หน้า) เราก็จะผ่านไปอ่านบทต่อไป (ตามประสาคนใจร้อน) เราเริ่มอ่านหนังสือภาษาอังกฤษครั้งแรก (ที่ไม่ได้โดนบังคับอ่าน)  คือ Harry เล่ม 5 น่ะค่ะ (เนื่องจากเค้าแปลไม่ทันใจเรา อยากรู้เรื่องเร็วๆ) ช่วง 1 - 2 บทแรก อ่านไป งงไป  ศัพท์เฉพาะค่อนข้างเยอะ (สำหรับเรา) (อ่านไปแรกๆ เจอศัพท์ "Dementor" งงไปเลยค่ะ เปิดดิคให้ตายก็หาไม่เจอ แล้วมีเยอะมาก มารู้ทีหลังว่า คือ "ผู้คุมวิญญาณ" เฮ้อ!!  ) ** ด้วยเหตุนี้ เหตุผลข้อ 2 ของเรา จึงสำคัญในการอ่านค่ะ ถ้าเราอ่านเรื่องราวที่เกี่ยวกับสิ่งที่เราสนใจเป็นพิเศษ ศัพท์ต่างๆ เราคงเคยผ่านตา ผ่านหูมาบ้าง จะสนุกขึ้นค่ะ พอเข้าสักบทที่ 3-4 เริ่มขี้เกียจเปิดดิคแล้ว อาจแบบเก็บเนื้อเรื่องโดยรวมเอา ได้อรรถรสในการอ่านกว่าเยอะค่ะ อ่านจบตอน เข้าใจภาพรวม ค่อยตามเก็บความสละสลวยของเนื้อเรื่องอีกครั้ง ไม่สายค่ะ (เราใช้วิธีอ่านภาษาไทยเอา) หลังๆมา ก็จะใช้วิธีนี้อ่านตลอดค่ะ ... สนุกกว่ามานั่งเปิดดิคฯ จริงๆ แนวนวนิยายที่ "ไม่แนะนำ" ให้ใช้ในการเริ่มอ่าน ... 1. แฟนตาซี มากๆ เช่น The Lord of the ring ... ขนาดอ่านภาษาไทยยังงงเลยค่ะ นับประสาอะไรกับภาษาอังกฤษ 2. สืบสวน ลึกลับ วิทยาศาสตร์ หนังสือแนวนี้ ศัพท์เฉพาะเยอะค่ะ ... สู้ ๆ นะคะ ลองดูค่ะ จะพบว่า มันไม่ยากอย่างที่คิดเลยค่ะ จากคุณ : chocobee - [ 7 เม.ย. 52 20:24:01 ]

ความคิดเห็นที่ 24 อ่านไปเรื่อยๆค่ะ  ไม่ต้องหยุด เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง ก็อ่านไปเรื่อยๆ และต้องขยัน ฟัง มากๆค่ะ   อย่างเดียวที่คุณต้องทำ คือขยัน ขยัน  และขยัน จากคุณ : Captain's Auntie - [ 7 เม.ย. 52 20:28:23 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ใช้ความตั้งใจอย่างเดียวเลยค่ะ เราว่าเรื่องที่อ่าน ไม่จำเป็นเสมอไปว่าต้องเริ่มจากง่ายไปยาก ขึ้นอยู่กับว่าเราอยากจะอ่าน(มากๆ)รึเปล่าด้วยค่ะ   จำได้ว่าก่อนหน้านี้เคยมีคนบอกให้เริ่มจากง่ายๆ อย่าง Harry Potter แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่จบ (อังกฤษนะคะ)   ปีที่แล้ว บ้า Twilight  ขนาดหนัก แล้วภาคไทยแปลไม่ค่อยรู้เรื่อง เลยมาเริ่มอ่านฉบับอังกฤษแทน   ไม่น่าเชื่ออ่ะ อ่านจบ 4 เล่ม เลย เร็วมากๆๆ 2 อาทิตย์เอง ^^'' Edward เป็นแรงบันดาลใจค่ะ ตอนนี้กำลังจะเริ่มพวก Jane Austen ทั้งหลายใหม่อีกรอบ ชอบ Mr.Darcy อ่ะ ^^ จากคุณ : Partenza - [ 7 เม.ย. 52 21:20:03 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ลองหาหนังสือที่ชอบอ่านครับ เอาที่เคยอ่านภาษาไทยแล้วก็ได้ ไม่ต้องเฉพาะทางมาก เดี๋ยวงง อย่าง HP เล่ม แรก ๆ อ่านไม่ยากครับ ส่วนตัวผมคิดว่าไม่ควรอย่างยิ่งสำหรับการเปิด Dictionary อ่านไปด้วย ใช้ศัพท์ที่เราพอเข้าใจมาช่วยเวลาอ่านดีกว่า คือเราเข้าใจบางคำ เดี๋ยวก็เข้าใจทั้งหมดได้เอง ถ้ามีศัพท์เยอะจริง ๆ ไว้เปิดหลังอ่านไปสักพักดีกว่า แต่อย่ามาหยุด เพื่อหาศัพท์ อีกเรื่องคืออย่าพยายามแปลครับ พยายามเข้าใจมันเหมือนที่เราเข้าใจภาษาไทย คือเราไม่ต้องแปลอีกใช่ไหมครับ เราเข้าใจมันเลย เวลาเราคิด พูด อ่าน เขียนภาษาอังกฤษก็เหมือนกัน อย่าเอาภาษาไทยเข้าไปจับ เข้าใจที่ตัวมันเลย เดี๋ยวก็ได้ครับ การใช้ภาษาต้องคิดเป็นภาษานั้นให้ได้ครับ ไม่อย่างนั้นเราก็ใช้ไม่ได้สักที เขาว่าถ้าฝันเป็นภาษานั้นได้ แสดงว่าสุดยอดแล้วล่ะครับ อิอิ เล่มแรกของผมที่อ่านเป็น Eng จริงๆ เป็นพวกหนังสือภาพอะครับ อ่านตอนสักสิบขวบ เข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง ก็อ่าน ๆ ไป พอมาอ่านนิยายเป็นเรื่อง รู้สึกจะพวก LOTR อ่ะครับ ที่อ่านจริง ๆ จบ เล่มแรกเลย จากคุณ : โมบี ย่า!!! - [ 7 เม.ย. 52 21:43:05 ]

ความคิดเห็นที่ 27 จากประสบการณ์ส่วยตัวเลยนะคะ ตอนที่เรามาเรียนเมืองนอกใหม่ๆ talk dict.เราเสีย แล้วเราจำเป็นต้องอ่านพวก frankenstein, romeo & juliet งี้ อย่างที่คหข้างบนๆบอกมาคือต้องตั้งใจ อ่านไปเรื่อย คำบางคำเราไม่เคยเห็นมาก่อนก็จริง แต่เนื้อหา context มันจะทำให้เราเดาได้ว่าคำนั้นมีความหมายไปในเชิงไหน ถ้ามัวไปเปิดดิกทุกคำที่ไม่รู้นะคะ เดือนนึงจะอ่านได้ถึงสิบหน้ารึเปล่ายังไม่รู้ นอกจากว่าเราเจอคำศัพท์ที่ทำให้เราไม่เข้าในเนื้อหาในช่วงนั้น พวกคำที่เป็นkeywordน่ะค่ะ ก็อนุโลมให้เปิดดิกได้ แต่.......ต้องเป็น english-english dictionary เท่านั้น!!! เราทดลองกับตัวเอง และบอกได้เลยว่าได้ผลค่ะ การที่เราเรียนภาษาอังกฤษจากภาษาอังกฤษ จะได้ผลมากกว่าเรียนจากภาษาไทย เหมือนเด็กเกิดใหม่ที่ไม่ต้องใช้ภาษาไหนมาเป็นสื่อในการเรียนภาษา ส่วนหนังสือ เราแนะนำเป็นหนังสือแนวที่คุณชอบอยู่แล้ว แล้วถ้าจะให้ดีในช่วงเริ่มอ่านไหม่ๆ เอาหนังสือที่เคยอ่านเป็นภาษาไทย จะไม่ต้องพึ่งดิกเลย อ่านๆไปก็จะ อ๋อ..คำนี้เค้าใช้กันอย่างนี้เองหรอ ได้เรียนคำใหม่ไปในตัวเลยด้วย ส่วนeng-eng dictionaryที่แนะนำคือ Oxford Mini School Dictionary สำหรับเด็กอายุสิบขวบขึ้นไป คำแปลเข้าใจง่ายค่ะ เพราะเค้าทำมาให้เด็ก ตอนนี้จะจบปริญญาตรีแล้วก็ยังมีดิกเล่มนี้อยู่เล่มเดียวล่ะค่ะ isbn 978-0-19-911517-4 เผื่อจขกทอยากไปหาซิ้อค่ะ จากคุณ : Nichamon - [ 7 เม.ย. 52 21:43:59 ]

ความคิดเห็นที่ 28 harry เป็นหนังสือภาษาอังกฤษหนาๆเล่มแรกที่เราอ่านจนจบค่ะ เพราะภาษาไทยแปลไม่ทันใจเลย พอได้อ่านไปซักเล่มแล้วเราก็จะเกิดความมั่นใจขึ้นว่าทีนี้เล่มต่อๆไป เราก็จะอ่านได้สบายๆ ต่อมาก็ลองอ่านlord of the ringsดูค่ะ อันนี้ต้องยอมรับเลยว่ายากจริงๆ ศัพท์โบราณและบรรยายโวหารเยอะมาก เลยเลิกรากันไป555 เหนื่อยอ่ะ ล่าสุดที่เราอ่านคือ twilight อันนี้อ่านเพราะแรงบันดาลใจดีทีเดียว edwardหล่อมากจนอยากอ่านต่อไปเรื่อยๆ555 ภาษาไทยแปลไม่ทันใจอีกเช่นกัน เรื่องนี้ยากกว่าแฮรี่แต่ง่ายกว่าลอร์ดค่ะ สรุปแล้วที่เราอ่านหนังสือภาษาอังกฤษได้นี่ก็เพราะแรงจูงใจ ในการอ่านเลยค่ะ มีจุดที่ทำให้เราเริ่มอยากอ่านและอ่านต่อไปได้เรื่อยๆ จขกท.ลองหาดูนะคะ ว่าอยากอ่านเล่มไหนเพราะอะไร มันจะทำให้เรา อ่านต่อไปได้เรื่อยๆโดยที่ไม่เลิกอ่านกลางคัน เราก็แปลไม่ได้ทุกคำหรอกค่ะ แต่อ่านโดยรวมทั้งประโยคเอา จากคุณ : tavy_potter - [ 7 เม.ย. 52 23:14:24 ]

ความคิดเห็นที่ 29 อ่านบ่อยๆมั้งครับ อีกวิธีนึงในการฝึกก็คืออ่านเรื่องที่เราเคยอ่านไทยมาแล้ว เพื่ิอให้เราคุ้นเคยเนื้อเรื่องก่อน หรือไม่ก็เลือกหนังสือที่ทำเป็นหนังก็ได้ ถ้าต่อไปเก่งแล้วก็จะพัฒนาเป็นอ่านเล่ม eng ก่อนดูหนังเองแหละ จากคุณ : Master Obi-Wan - [ 7 เม.ย. 52 23:28:41 ]

ความคิดเห็นที่ 30 อ่านเยอะ ๆ ค่ะ...สักพักจะคุ้นตาไปเองค่ะ จะเข้าใจภาพรวม แต่ที่แนะนำคือ "ไปฝึก Tense ต่าง ๆ" แล้วก็หน้าที่ของคำให้แน่น ๆ ด้วย คำหนึ่งคำสามารถกลายเป็นคำหลาย ๆ คำได้ มีหลาย ๆ หน้าที่ ไปฝึกพวกนี้นิดหนึ่งจะได้เข้าใจว่าเค้ากำลังพูดถึงช่วงเวลาไหน ขยายตัวไหน จะอ่านมันส์ยิ่งขึ้น ส่วนพวก Vocab น่ะ ... ไม่มีใครจำศัพท์ได้หมดหรอกค่ะ เปิด Dict เอาก็ได้ ฝึกอ่านบ่อย ๆ ไม่ท้อง่าย ๆ แป๊บเดียวก็เก่งแล้วค่ะ จากคุณ : ข้าวโพดซัง - [ 7 เม.ย. 52 23:33:49 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เราเริ่มจากหนังสือของ Meg Cabot ค่ะ ตระกูล Princess Diaries นี่สนุกมาก ง่ายด้วยเพราะไม่มีบรรยายยาวๆ มันจะเป็นประโยคๆเหมือนคนคุยกันค่ะ เสียอย่างคืออ่านแล้วติด ต้องไปหามาอ่านต่อ แสลงเยอะไปนิดแต่ก็พอเดาได้ค่ะ ถ้าไม่อยากอ่านเป็นชุดๆ (เม็กชอบเขียนหนังสือชุดค่ะ) ก็ไปหาแบบ Stand Alone มาอ่านก็ได้ค่ะ เล่มที่เราชอบมากเลยคือ Teen Idol ไม่ยากเท่าไหร่ ลองดูค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ จากคุณ : Zmrzlina - [ 8 เม.ย. 52 05:33:30 ]

ความคิดเห็นที่ 32 1.หาเรื่องแนวสนุกๆที่เราชอบอ่าน 2.ซื้อหนังสืออย่างที่ คห.แรกๆบอกเค้าจะแบ่งเป็นระดับต่างๆ จำนวนคำ มาก-น้อยไล่ลำดับไป เราเคยใช้เหมือนคุณมิถุนายนคห.19 สอนหลาน จากนั้นมาเด็กๆก็ขวนขวายหามาอ่านกันเอง 3.อ่านแบบทำความเข้าใจ อย่าแปลทุกตัว ไม่งั้นจะงง แล้วก็ไม่อยากอ่าน 4.ถ้านิยายมันยาก ลองอ่านจากข่าวหรือบทความภาษาอังกฤษที่เรารู้เป็นภาษาไทยอยู่แล้ว ทำให้ได้ศัพท์เพิ่มขึ้น จากคุณ : นางมารเล็บเหล็ก - [ 8 เม.ย. 52 10:56:28 ]

ความคิดเห็นที่ 33 เราว่าประเด็นสำคัญในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ทั้งการอ่านและการแปลก็คือ Part of Speech เพราะคำคำหนึ่ง ความหมายอาจแตกต่างกันไปตามหน้าที่ของคำ ถ้าไม่แม่นเรื่องนี้ แม้จะเข้าใจความหมายทุกคำ แต่ก็เข้าใจเนื้อหาผิดไปก็ได้ http://www.geocities.com/yingphone/gramma/partofspeech/partofspeech.htm จากคุณ : AntiSpam (อันตราคนี) - [ 8 เม.ย. 52 11:31:18 ]

ความคิดเห็นที่ 34 เห้นด้วยกับ คห.1 ค่ะ เพราะตอนนี้กำลังอ่านอยู่อ่านง่ายเข้าใจ พัฒนาคำศัพท์ได้แยะมาก ราคาก็ไม่แพงค่ะ ชื่อด้านหน้าหนังสือคือ OXFORD BOOKWORMS มีหลาย STAGE ค่ะ เริ่มจาก 1 ก่อนน่ะค่ะเลือกเรื่องที่เราสนใจ จากนั้นก็เพิ่มระดับเรื่อย ๆ ค่ะ ฝึกอ่านออกเสียงด้วยก้ดีน่ะค่ะ จะได้ออกเสียงถูกต้องด้วย.... จากคุณ : tononaka (chatchawanster) - [ 8 เม.ย. 52 13:11:52 ]

ความคิดเห็นที่ 35 จริงพวกนิทานสำหรับเด็กก็อ่านง่ายนะค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้าไม่รู้เรื่องแกรมม่าก็แอบยาก เหมือนที่คห.บนๆบอก ศัพท์บางตัวไม่ต้องเปิด dict นะ เดี๋ยวมันจะบอกให้ประโยคต่อไปเอง ปล.ถ้าหนังสือแกรมม่าแนะนำให้อ่าน เทคนิคการทำข้อสอบ toefl โดยไม่ต้องแปลโจทย์ ของ ผศ.พนิตนาฎ ชูฤกษ์ ค่ะ เข้าใจง่ายดีค่ะ ตอนเราต้องสอบ โทเฟล กับ ไอเอล เราก็อ่านเล่มนี้แหละค่ะ ถ้าเข้าใจแกรมม่า อ่านก็จะเข้าใจง่ายขึ้น เขียนก็จะสละสลวยขึ้น (ตอนอ่านจบแล้วทำข้อสอบที่คณะอจ.ชมบอกคุณจบโรงเรียนเอกชนมาป่าว เขียนภาษาอังกฤษได้ดีทีเดียว คณะเราเป็นอินเตอร์อ่ะ) จากคุณ : ล่องลอยในความฝัน - [ 8 เม.ย. 52 13:37:19 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ถ้ามีหนังสือที่อยากอ่านมาก เราแนะว่าให้อ่านเลยค่ะ เราเป็นคนเกลียดภาษาอังกฤษมากกกกก แต่ดันชอบอ่านนิยายแปล อ่านจนเค้าแปลกันไม่ทัน เลยต้องหันไปหาภาษาอังกฤษ อ่านเรื่องแรกเนี่ย หน้านึงจะเข้าใจซักประโยคได้มั๊งคะ ก็มั่วๆไป ไม่เคยเปิดดิกส์เลยค่ะ เพราะมันจะทำให้ช้าแล้วก็เบื่อในที่สุด ตอนนี้อ่านภาษาไทยกะอังกฤษความเร็วเท่ากันแล้ว (ซึ่งแย่มากค่ะ เพราะหนังสือภาษาอังกฤษแพงกว่า) แนะนำว่าให้อ่านไปเลยค่ะ สู้ๆๆๆ เราหัวอกเดียวกัน จากคุณ : booklovers - [ 8 เม.ย. 52 14:37:42 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ขอบคุณทุกท่านสำหรับกำลังใจและคำแนะนำดีๆมากๆนะคะ หนังสือที่แต่ละท่านแนะนำมา ขอบอกว่าเราสนใจแทบทุกอันเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือแบบฝึกหัดอ่าน หนังสืออ่านเล่น จริงๆ แฮร์รี่เป็น หนังสือที่เราชอบมากที่สุด แต่เสียดายว่าเราอ่านภาษาไทยไปหมดแล้ว (อ่านเล่มละหลายรอบด้วยสิ ) น่าจะเอามาฝึก เสียดายจริงๆ ส่วนเรื่อง Pricess Diary อันนี้ก็ชอบมาก ฮาได้ใจค่ะ แต่ก็อ่านภาษาไทย ไปหมดแล้ว แต่เห็นในร้านหนังสือ ทำไมมีหลายเล่มมากกว่าที่เราอ่านคะ หรือว่าจะภาคต่อ เราอ่านประมาณ 3 หรือ 2 เล่มจบค่ะ ถ้ายังมีภาคต่ออีก รับรองว่าต้องตามไปอ่านอีกแน่นอนค่ะ Anne Frank  เราลองไปหาในกูเกิ้ล เห็นแต่คนแต่งค่ะ ไม่เห็นหนังสือ แอบสนใจเหมือนกัน คุณ  chocobee  ใช่เลยๆ เราก็เลือกเล่มนี้เพราะว่า ถ้าเราเรื่องอื่นมา เรากลัวว่าเราจะหมดความพยามก่อนค่ะ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราชอบมากๆค่ะ อย่างลอร์ดออฟเดอะริง เราก็ว่ายากภาษาไทยเรายังงงเลย 5555 คุณ Partenza และคุณ tavy_potter twilight มีภาคอื่นนอกจากในหนังเหรอคะ ว๊าว สนใจมากๆ เอ็ดเวิรด์จะเป็นแรงใจกับเราอีกคนล่ะ 5555 สนใจๆค่ะ มีเล่มอื่นอีกใช่มะ ^^ คุณ susses wasser >>>อ่านแล้วแบบว่า มีกำลังใจในการอ่านขึ้นเยอะเลย ค่ะ คนเราถ้าไม่ลองทำก็คงไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการหรอกเน๊อะ อ่านแล้ว แบบว่า ฮึ่ม เราก็ต้องเอาบ้าง คุณ ยืนมองท้องฟ้าไม่เป็นเช่นเคย .. >>>ทุกเล่มเลยค่ะ อ่านหมดแล้วเหลือแต่เล่มที่ล่าสุดกับบางเล่มที่ไม่มี ภาษาไทยค่ะ ติดใจตั้งแต่เล่มแรก deep wood หลังจากนั้นก็อ่านเรื่อย มาจนครบเค้าค่ะ ^^ เนี่ยก็ว่าจะตามไปอ่านเล่มอื่นๆอีก คุณ โมบี ย่า!!! ตอนเรา 10 ขวบเราเพิ่งนิยายไทยจบได้เล่มแรกเอง เราสองคนช่างต่าง กันราวกับฟ้ากับเหวเน๊อะ 555555  เเคยมัวแปลไทยจริงอย่างที่คุณว่าค่ะ มันทำให้เราสับสนและงงยิ่งกว่าเดิม สู้ฟังไปเลย เข้าใจไงก็ตามนั้นดีกว่า เน๊อะ คุณ Nichamon  เรามีดิคอังกฤษ-อังกฤษ ของอ๊อกฟอรด์เล่มนึงเหมือน ที่คุณแนะนำเลยค่ะ แต่เป็นแบบพกพาค่ะ เล่มนี้คุ้มมากที่ซื้อมา จริงๆ อย่างที่ว่าค่ะ อ่านแบบนี้เข้าใจกว่าไทย อังฤษ จริงๆค่ะ เล่มที่คุณแนะนำ เดี๋ยวเราจะลองไปดูนะคะ แอบสนใจเหมือนกันค่ะ ^^ ขอบคุณทุกความเห็นมากๆนะคะ เก็บกระทู้นี้เข้าคลังแล้ว เดี๋ยวจะได้ไปตามดูหนังสือที่ทุกๆท่านแนะนำมาค่ะ ^^ จากคุณ : สวยบนดอย - [ 8 เม.ย. 52 15:06:10 ]

ความคิดเห็นที่ 38 *มาตอบให้ค่ะ Twilight มันมี 4 เล่ม จบอ่ะค่ะ เป็นซีรียส์เรื่องยาว มี Twilight, New Moon, Eclipse, Breaking Dawn ในหนังเพิ่งทำแค่ภาค 1 ภาคต่อๆมาคงจะเร็วๆนี้จ้า ไปร้านหนังสือก็จะเห็นวางเรียงกัน 4 เล่มเลยค่า จากคุณ : Partenza - [ 8 เม.ย. 52 17:04:59 ]

ความคิดเห็นที่ 39 อยากซื้อ Twilight มาอ่าน ชอบเรื่องนี้มั่กๆ เฮ้อ..กลัวแปลไม่ได้ค่ะ แบบว่า ภาษาเรางูๆ ปลาๆ น่ะ จากคุณ : Googie - [ 8 เม.ย. 52 22:59:24 ]

ความคิดเห็นที่ 40 twilightมีเล่ม5แล้วค่ะMidnight Sun Unlock แต่ออกให้อ่านออนไลน์แค่ครึ่งเล่มเท่านั้น ตัวหนังสือยังไม่ออกค่ะ ถ้าไม่มีเอ็ดเวิร์ดคงไม่ได้อ่านนะเนี่ย555 แก้ไขเมื่อ 09 เม.ย. 52 07:50:49 จากคุณ : tavy_potter - [ 9 เม.ย. 52 07:50:08 ]