|
ความคิดเห็นที่ 9 |
จขกท.แรงมากมายเลย ครับผม เครดิต คุณ anqueetas ภาค 1 skinCare101 มารู้วิธีใช้ BHA AHA ที่ถูกต้องแล้วได้ผลกันครับ แหะๆๆ anqueetas กลับมาแล้ว ช่วงนี้เรียนพิเศษเยอะมึน เห็นพี่ๆ เพื่อนชาวห้องแป้งหันมาใช้ BHA AHA กันมากมาย โดยเฉพาะยี้ห่้อ ป้าพรหล้า ซึ่งผม และคุณปูเป้พุดได้เลยว่า เป็น ตัวพ่อ ดันกันโดยแท้เลยทีเดียว วันนี้ ผมจึงขอนำเสนอวิธีใช้ BHA AHA ที่ถูกต้องกันครับ AHA BHA FAQ 1.AHA ละลายในน้ำนะครับ BHA ละลายในไขมัน เพราะเหตุนี้ BHA จึงสามารถซึมไปในรุขุมขนและช่วย ผลัดเซลล์ผิวในรูขุมขน ช่วยลดปัญหารูขุมขนอุดตันแล้วก่อปัญหาสิวได้ ส่วน AHA จะช่วยผลดเซลล์ผิว เฉพาะเซลล์ผิวชั้นบนสุดเท่านั้น 2.ทั้ง AHA BHA จะทำงานได้ ก็ต่อเมื่ออยู่ในสภาพวะ กรดเบสที่เหมาะสมเท่านั้น ซึ่ง pH ที่เหมาะสมในการทำงานของAHA BHA คือ 3-4 ถ้าเกินกว่านี้ BHA และ AHA ก็จะไม่สามารถผลัดเซลล์ผิวได้ เป้นได้แค่เพียงให้ความชุ่มชื้นและ antioxidiant บ้างเท่านั้น พูดง่ายๆคือ มันจะไร้ประสิทธิภาพในการผลดเซลล์ผิว 3.ห้ามใช้ AHA พร้อมกับ tretinoin เป็นอันขาด แต่ BHA ใช้ได้ อันนี้หมายความว่า คุณสามารถใช้ AHA ในช่วงเช้า แล้วกลางคืนสลับไปใช้ BHA แทนในกรณีที่ใช้ tretinoin ร่วมด้วย 4.การใช้ BHA พร้อมกับ tretinoin นั้นสามารถทำได้ แต่ผิวหลายคนไม่สามารถรับได้ ทำให้ลอก แห้ง อันนนี้ขึ้นอยุ่แต่ละบุคคล ต้องลองเอาเอง 5.หลังการทา BHA หรือ AHA ต้องทาทิ้งไว้ ประมาณ 30 นาทีให้ BHA AHA ทำหน้าที่ผลัดเซลล์ผิว ถ้า ไปทาครีมอะไรก่อนหน้านั้น จะทำให้ BHA AHA หยุดการผลัดเซลล์ผิวทันที เพราะว่า ค่า pH ที่ผิวเราเปลื่ยนเพิ่มขึ้นจากระยะ 3-4 ที่ BHA AHA ทำงานได้ 6.AHA BHA เป็น exfoliant ที่มีประสิทธิภาพ เหนื่อกว่าพวก machenical พวกสครับ อยู่หลายขุมครับ เพราะฉะนั้นเมื่อใช้ AHA BHA แล้วไม่จำเ)็นต้องใช้พวก สครับแล้ว 7.เมื่อใช้ BHA AHA แล้วจะทำให้ผิวไวต่อแสงมากขึ้น ดำง่ายขึ้น ฉะนั้น กันแดดเป็นสิ่งสำคัญ ต้องทาทุกวัน แล้วต้องทาให้พอ อย่าให้ขาดครับ แล้วกันแดดต้องมีคุณภาพกันได้ทั้ง UVA และ UVB ได้ดี ขึ้นตอนการใช้ BHA AHA ให้ได้ประสิืทธิภาพสุงสุด 1.ล้างหน้าด้วย water solutable cleanser ไม่แนะนำสบุ่ เนื่องจาก pH สุงเกินไปทำลาย intercellular matrix ของผิวครับ ทำให้ผิวเสียสมดุล ถ้าทราบค่า pH ของ cleanser จะดีมาก clenaser mี่ดี ควรเป้นกรดอ่อน ใกล้เคียงกับผิว คน คือประมาณ 5 จะถือว่าเหมาะสม ยืดหยุ่นได้บ้าง ประมาณ 4.5-6 ถือว่าโอเค 2.หลังล้างหน้าแล้ว ถ้าคุณไม่ทราบ cleanser มีค่า pH เท่าไร ควรทิ้งระยะ 30 นาทีก่อนใช้ BHA AHA เพื่อให้ผิว ปรับค่า pHท ี่ผิวหน้ากลับเป็น กรดอ่อน แต่ถ้าคุณใช้ cleanser ที่เป็นกรดอ่อนอยู่แล้ว ก็ไม่จำเป็นครับทาได้เลย 3.ถ้าใช้ toner ถ้าไม่ทราบค่า pH toner ก็ต้องรอ 30 นาทีหลังทา toner เช่นกัน แต่ถ้า toner มีสภาพเป้นกรดอ่อนๆ ก็ไม่จำเป็นต้องรอเช่นกัน 4.เมื่อทา BHA AHA แล้ว ให้รอ 30 นาทีเพื่อให้ BHA AHA ทำงาน โดยในช่วงนี้ ที่ผิวจะมีค่า pH เป็นกรด แรงขึ้นคือจะประมาณ 3-4 เนื่อจาก ผลิตภัณฑ์ AHA BHA ที่ได้ผลต้องมีค่า pH ประมาณนี้ ระหว่างเวลา 30 นาที ผิวหน้าจะค่อยๆ ปรับสภาพ สมดุล โดยเพิ่ม pH กลับมาเป็นกรดอ่อนๆ โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที ระหว่างที่ค่า pH อยู่ที่ 3-4 BHA AHA ก้ยังคงสามารถ ผลัดเซลล์ผิวได้ แต่ถ้าคุณไปทา ครีมใดๆ ก่อนเวลา นั้น AHA BHA ก็จะหยุด ทำงานทันทีเพราะค่า pH เกิน 3-4 ไปแล้ว 5.หลัง 30 นาทีไปแล้ว สามารถทาครีมบำรุงได้ตามปกติ 6.ในช่วงเช้า ถ้ารีบจริงๆ ไม่ต้องรอ ก่อนทา BHA AHA แต่หลังทาแล้วควรรอให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนทาครีมอื่นๆทับ ไปเพระาไม่งั้นจะเสียเปล่าเปล่าๆ
คำเตือนที่ควรรู้ 1.มีผลิตภัณฑ์ AHA BHA จำนวนมากๆในตลาด ที่ไม่มี ค่า pH ที่เหมาะสม ซื้อมาแล้ว ก็ไม่ได้ผลในการผลัดเซลล์ผิวแต่อย่างใด 2.การซื้อ AHA BHA มาใช้ ต้องทราบถึงความเข้มข้น ที่ผสมอยุ่ในผลิตภัณฑ์ 3.ควมเข้มข้น ที่เหมาะสมในการใช้ประจำคือ BHA ไม่เกิน 2% AHA ไม่เกิน 8% มากกว่านี้ จะระคายเคืองมากเกินไป แล้วควรใช้ ภายใต้การดูแลของแพทย์เ่ท่านั้น 4.มีผลิตภัณฑ์หลายยี่ห้อที่อ้าง ส่วนผสม ที่เป็น อนุพันฑ์หรือสารประกอบของ BHA AHA ที่ไม่ใช้ ตัว BHA AHA จริง สารเหล่าๆ ขอย้ำสารเหล่านี้ ไม่สามารถให้ผลในการผลัดเซลล์ผิวได้ กรุณาอย่าซื้อมาใช้เพราะมันไม่ไ่ด้ผลในการผลัดเซลล์ผิว สิ่งที่ควรมองหาในส่วนผสมคือดังนี้ ถ้าไม่มี ก็วางทิ้งไปเลยเพราะมันไม่ผลัดเซลล์ผิวให้คุณแน่ๆ BHA = salicylic acid ตัวอื่นๆในกลุมนี้ยังไม่เคยเห็น AHA = glycolic acid มีตัวอื่นๆอีกแต่ไม่เป็นที่นิยมเท่า เวลามองหา ต้องดูที่ลงท้ายด้วย Acid ถ้าไม่ใช้ฟันธงว่า มันไม่มีประสิทธิภาพแน่ๆ
ปล. ถ้าอยากทราบ pH ของผลิตภัณฑ์ ของคุณ สามารถทำได้ คือ ถาผู้ผลิต ถ้าเขาไม่ตอบก็สามารถซื้อแถบตรวจวัด ค่า pH ได้มาวัดครับ ศึกษาภัรฑ์มีขายแน่นอน ไม่แพงครับ
ภาค 2 AHA , BHA และกรดวิตามินเอ ? การใช้ AHA , BHA และกรดวิตามินเอ ในการผลัดเซลล์ผิว ? ทำไมเราต้องผลัดเซลล์ผิว เนื่องจาก ผิวของคนเรา จะมีอัตรา การผลัดผิวทุกๆ 28 วัน ถ้าการผลัดเซลล์เป็นไปอย่างปกติ จะไม่มีปัญหาผิวหนัง แต่ฮอร์โมน การดำรงชีวิต สภาพแวดล้อม ความเครียด เป็นสาเหตุทำให้วงจรการผลัดเซลล์ผิดปกติ ทำให้ดูผิวหยาบ เป็นสิว สิวเสี้ยน หมองคล้ำ
การผลัดเซลล์ผิวจึงเป็นการฟื้นฟูให้ผิวดูใสขึ้น ลดปัญหาสิว เพราะเหมือนกันการทำความสะอาดท่อ ถ้าท่อตัน เราเทอะไรลงไป มันก็อุดอยู่อย่างนั้นค่ะ
ผิวที่ผลัดเซลล์อย่างสม่ำเสมอ เวลาบำรุงผิว ก็จะรับสารบำรุงต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นค่ะ ? AHA ( Alpha hydroxy acid ) ?
เป็นกรดที่สกัดจากธรรมชาติ มีคุณสมบัติในการผลัดเซลล์ผิว มีความปลอดภัยสูง ผลัดเซลล์ผิวเก่า ทำให้เส้นริ้วเล็กๆดีขึ้น ผิวเรียบ สม่ำเสมอขึ้น
AHA ละลายได้ดีในน้ำ ส่วนใหญ่มีผลต่อผิวชั้นนอก โดยที่นิยมนำมาใช้มากที่สุด คือ Glycolic acid และ Lactic acid มีที่มาดังนี้
Glycolic acid สกัดมาจากน้ำอ้อย Lactic acid สกัดมาจากนม นมเปรี้ยว และมะเขือเทศ Citric acid สกัดมาจากมะนาว และสัปปะรด Malic acid สกัดมาจากแอปเปิ้ล Tartalic acid สกัดมาจากองุ่น ไวน์ มะขาม
การทา AHA โดยการทาบนผิว จะได้ผลดีเมื่อใช้มากกว่า 5% แต่ห้ามใช้มากกว่า 15% ในการทาเป็นประจำนะคะ
? BHA ( Beta Hydroxy acid ) ? หรือ Salicylic acid เป็นสารที่ได้จากการสังเคราะห์ ราคาถูกกว่า AHA
มีคุณสมบัติละลายได้ดีในไขมัน จึงซึมผ่านเข้าสู่ผิวได้ลึกกว่า AHA ซึ่งจะทำให้ผลัดผิวได้มากกว่า
แต่เนื่องจากซึมผ่านเข้าสู่ผิวได้ลึกกว่า เห็นผลชัดกว่า ถ้าเกิดการระคายเคือง ก็อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้มากกว่า AHA เช่นกัน
เปอร์เซ็นต์ที่ใช้ในการทาประจำคือ 1 - 1.5 %
? Tretinoin หรือกรดวิตามินเอ ? เป็นตัวยาที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิว ออกฤทธิ์ใต้ผิวหนัง ออกฤทธิ์ในระดับเซลล์ เป็นตัวที่เห็นผลทางยามากที่สุด ช่วย กระตุ้นคอลลาเจน ทำให้รูขุมขนกระชับ แก้สิวอุดตัน เนื่องจากจะทำให้คอมิโดนที่มีอยู่หลวม และหลุดออกไป แต่หากไม่ระวังในการใช้ จะเกิดผลข้างเคียง เช่น ระคายเคือง แสบ แดง หน้าลอก หน้าไหม้จากแดด
Tretinoin กับ Retinol ไม่ใช่ตัวเดียวกันค่ะ Retinol เป็นอนุพันธ์ของกรดวิตามินเอ ออกฤทธิ์เบาบาง คุณสมบัติต่างๆ จะเทียบกับ Tretinoin ไม่ได้เลย แต่ Tretinoin เป็นยา ไม่สามารถใช้ในเครื่องสำอางได้ ผู้ผลิตเครื่องสำอางจึงใช้ Retinol แทน แต่ผลที่ได้ไม่เท่ากับที่ใช้กรดวิตามินเอค่ะ Tretinoin มีความเข้มข้นตั้งแต่ 0.01% 0.025% 0.05 และ 0.1% มีชื่อทางการค้าด้วยกันหลายยี่ห้อ เช่น Retin-A , Stiewa-A , Renova เป็นต้น รายละเอียดเพิ่มเติม เรื่องกรดวิตามินเอ คลิกที่นี่ค่ะ? การเลือกใช้ ? การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทั้ง 3 นี้ ขึ้นอยู่กับว่า เราต้องการอะไรค่ะ ถ้าผิวสาวๆ ไม่มีปัญหา แค่มีหน้ามัน กับสิวเสี้ยนเล็กน้อย ก็ใช้ AHA เพื่อผลัดผิวชั้นนอก เพื่อให้ผิวใสขึ้น ใช้เปอร์เซ็นต์ต่ำๆ ก่อน เช่น ประมาณ 5% ถ้ามีริ้วรอยเล็กน้อย หรือมีริ้วรอยและมีสิวบ้าง อาจลอง AHA เปอร์เซ็นต์ที่สูงขึ้น ประมาณ 10-15 % โดยอาจเริ่มใช้ที่ 8% ก่อน แล้วเพิ่มเป็น 10-12 ค่อยๆเป็นค่อยๆไปนะคะ (ไม่เกิน 15 % นะคะ) หรือใช้ BHA ค่ะ แต่ผู้ที่มีปัญหาสิวมาก หรือผู้ที่มีริ้วรอย หรือมีวัยที่สูง อยากลดริ้วรอย กระตุ้นคอลลาเจน ก็กรดวิตามินเอค่ะ ศึกษาวิธีใช้ให้ละเอียดก็จะไม่มีอันตราย โดยหากใช้รักษาสิว ต้องใช้ยาอื่นร่วมด้วย รายละเอียดการใช้ยารักษาสิว คลิกที่นี่ค่ะ ? ข้อปฏิบัติสำหรับผู้ใช้ AHA , BHA และ กรดวิตามินเอ ? 1. ต้องเริ่มใช้จากเปอร์เซนต์ต่ำๆ ก่อนทุกครั้ง และเวลาผิวเริ่มระคายเคือง ควรเว้นระยะการใช้ เช่น เว้นสัก 2 คืน แล้วทาใหม่ หมั่นสังเกตผิวค่ะ 2. เลือกใช้เพียงชนิดเดียว ห้ามใช้พร้อมๆกันนะคะ เลือกเพียงชนิดเดียวเท่านั้นค่ะ 3. ทาครีมกันแดดทุกวัน แม้ไม่ออกแดด และต้องหลบแดดด้วย 4. อย่าขัดหน้า ไม่จำเป็นต้องขัดหน้าอีก เพราะเราผลัดเซลล์ผิวด้วยเคมีอยู่แล้ว ขัดผิวจะทำให้ระคายเคือง 5. หลีกเลี่ยงน้ำอุ่น แอลกอฮอล 6. กรดวิตามินเอ ใช้กลางคืนเท่านั้น แต่ AHA เปอร์เซนต์ต่ำๆ สามารถใช้กลางวันได้ แต่จอยว่า ใช้กลางคืนก็จะปลอดภัยกว่านะคะ ไม่ต้องกังวลกับแดดมา 7. เมื่อผิวเริ่มเรียบเนียนขึ้นจนเป็นที่พอใจแล้ว อาจลดความถี่ในการใช้ยาลง เช่นลดลงเหลือ อาทิตย์ละ 2-3 ครั้งค่ะ ไม่ว่าจะเลือกใช้ชนิดใด หากศึกษากลไก และใช้อย่างระมัดระวัง และถูกวิธี ก็จะได้รับประโยชน์ต่อผิวพรรณ แต่หากใช้อย่างรู้เท่าไม่ถึงการ จะเกิดผลข้างเคียงได้นะคะ
ภาค 3 โซนที่ตำแหน่งของสิว + อวัยวะที่เกี่ยวข้อง + สาเหตุของอาการที่ผิดปกติ
1. หน้าผากด้านซ้าย .....การย่อยอาหาร กระเพาะปัสสาวะ ต่อมหมวกไต > มีความเครียดสูง ล้างหน้าไม่สะอาด เพราะทารองพื้นหรือแต่งคิ้วมากไป
2. หว่างคิ้ว .....ตับ อาจมีปั­หาในการย่อยแลคโทส (ดื่มนมไม่ได้) > กินอาหารรสจัดหรือกินอาหารดึกเกินไป
3. หน้าผากด้านขวา .....การย่อยอาหาร กระเพาะปัสสาวะ ต่อมหมวกไต > มีความเครียดสูง ล้างหน้าไม่สะอาด เพราะทารองพื้นหรือแต่งคิ้วมากไป
4,10. ใบหูทั้ง 2 ข้าง ..... โรคไต ล้างแชมพูหรือสบู่ออกไม่หมด ใช้โทรศัพท์มือถือมากเกินไป > ดื่มกาแฟ แอลกอฮอล์หรือกินเนื้อสัตว์มากเกินไป
5,9. แก้มทั้ง 2 ด้าน ..... แก้มส่วนบน > ไซนัสและปอด - แก้มส่วนล่าง > เหงือก และฟัน >สูบบุหรี่จัด หรือแพ้ควันบุหรี่ ภูมิแพ้ เป็นหวัดเรื้อรัง หรืออาจใช้บลัชออนและรองพื้นไม่เหมาะสม ถ้าเป็นริ้วรอยลึกบริเวณโหนกแก้มอาจบ่งบอกถึงปั­หาเรื่องปอ ดหรือการหายใจ ถ้ามีสิวแบบเป็น ๆ หายๆ ที่แก้มด้านล่างอาจมีปั­หาเรื่องเหงือกและฟัน หรือโทรศัพท์มือถือไม่สะอาด
6, 8. รอบดวงตาทั้ง 2 ข้าง ..... ไต > ปั­หาภูมิแพ้ เครื่องสำอางทีใช้อาจไม่เหมาะ หรือใส่แว่นตาที่เสียดสีมาก รอยคล้ำอาจเกิดจากการมีสารพิษตกค้างในร่างกายมาก หรือผักผ่อนน้อย เปลือกตาหากมีความระคายเคืองอาจมาจากการเป็นภูมิแพ้ หรือขาดสารอาหาร
7. จมูก และเหนือริมฝีปาก ..... หัวใจ และระบบสืบพันธุ์ หากมีผิวสีแดงเข้มที่จมูก > อาจบ่งบอกถึงโรคความดันโลหิตสูง การอุดตันหรือสีผิวไม่สม่ำเสมอ บอกถึงผลกระทบจากฮอร์โมน เช่นกำลังมีประจำเดือน วัยทอง การใช้ยาคุมกำเนิด
11,13. ใต้ริมฝีปากด้านซ้าย และขวา ..... รังไข่ > อาจทำความสะอาดได้ไม่พอ หรือมาจากความสมดุลทางฮอร์โมน หากมีปั­หาการอุดตันช่วงใบหู อาจแสดงว่าฟันกรามมีปั­หา หรือว่าเพิ่งผ่าตัดฟันมา หรืออาจเกิดจากการมีรอบเดือน
12. ปลายคาง ..... กระเพาะอาหาร และลำไส้เล็ก > อาจกินอาหารรสจัดเกินไปจนลำไส้มีปั­หาในการดูดซึม
14. ลำคอ และหน้าอก ..... ความเครียด
จากคุณ |
:
ตุ๊งแช่ตุ๊งแช่
|
เขียนเมื่อ |
:
31 ก.ค. 52 23:51:08
|
|
|
|
|