|
ความคิดเห็นที่ 2 |
มันจะมีถุงใต้ตาแท้ กับไม่แท้นะคะ
ถ้าถุงที่เกิดจากการนอนดึกติดต่อกัน เป็นระยะเวลานานๆ อาจไม่ใช่ถุงแท้รึป่าว? ถ้าไม่ใช่การผ่าก็จะไม่ช่วยแก้ปัญหา (แต่โดยมากถ้าไม่ใช่ หมอก็ไม่ผ่าให้อยู่แล้วละ)
อาจต้องดูด้วยว่าคนในครอบครัวเป็นกันรึป่าว ถุงแท้จะเกิดตั้งแต่ยังอายุไม่มากก็มีแววแล้ว
ลองกลับไปพิจารณาตัวเองก่อนค่ะ
และมีบทความดีๆ เกี่ยวกับการผ่าตัดถุงใต้ตา การเตรียมตัวก่อน และหลังมาฝากด้วย เครดิต รพ. กรุงเทพ ค่ะ
quote
คำแนะนำการผ่าตัดหนังตาล่าง (Lower Blepharoplasty)
1) ข้อมูลเบื้องต้น ถุงไขมันใต้ตา เกิดจากการป่องนูนของไขมันบริเวณใต้ดวงตา ซึ่งปกติจะถูกกั้นไว้ด้วยกล้ามเนื้อเปลือกตาที่แข็งแรงทำให้ดูเรียบตึง แต่ถ้าขาดการดูแล เกิดความเครียด และวัยที่เพิ่มมากขึ้น จะทำให้ไขมันส่วนนี้จะค่อยๆ นูนป่องออกมาทีละน้อยๆ จนสังเกตเห็นได้ชัดขึ้นเรื่อยๆ วิธีที่ดีที่สุดที่จะลดถุงไขมันใต้ตาได้ คือ การผ่าตัดเอาไขมันใต้ตาออก และแก้ไขความหย่อนยานของผิวหนังกล้ามเนื้อเปลือกตาล่าง การดูดไขมันใต้ตาไม่สามารถทำได้ เนื่องจากอยู่ใกล้อวัยวะที่สำคัญคือ ดวงตา
ข้อบ่งชี้ลักษณะของเปลือกตาล่างที่สมควรจะมาทำศัลยกรรม 1. เปลือกตาล่างที่นูนยื่นออกมาจากการที่มีถุงไขมันใต้ตาล่างยื่นหย่อนออกมา จากภาวะพันธุกรรมหรือเมื่อสู่วัยสูงอายุ
2. เปลือกตาล่างมีรอยย่นมีรอยจีบของหนังตา เวลายิ้มขอบหนังตาล่างจะนูนป่องออกมา และมีรอยย่นเป็นจีบหรือเป็นแฉกออกจากหางตาล่าง
2) ทางเลือกอื่นในการรักษา - ไม่มี
3) ความเสี่ยงและผลข้างเคียงของการผ่าตัด
1. เปลือกตาล่างบวมนาน อาจมีรอยซ้ำหรือมีอาการปวด แต่ส่วนใหญ่จะมีอาการดีขึ้นหลังผ่าตัดประมาณ 1-2 เดือน โดยมากแพทย์จะแนะนำให้มีการประคบเย็นร่วมด้วยหลังผ่าตัด
2. แผลผ่าตัดติดเชื้อ พบได้น้อยและส่วนใหญ่ไม่รุนแรง อาจจะมีเพียงบางจุดของแผลผ่าตัดติดเชื้อเล็กน้อย ศัลยแพทย์ตกแต่งจะทำแผลให้ประมาณ 1-2 สัปดาห์ก็เป็นปกติ
3. เปลือกตาล่างอ้าออก หรือเปลือกตาล่างไม่ได้ประกบติดเยื่อบุตา ทำให้หลับตาไม่สนิท อาจเกิดได้จากการบวมหลงเหลืออยู่ แพทย์จะให้การรักษาตามอาการและรอการยุบบวมประมาณ 3 เดือน 4. ตาแห้งหรือรู้สึกเหมือนมีทรายอยู่ในตา ทำให้น้ำตาออกมากกว่าปกติทำให้นัยน์ตาฉ่ำเยิ้ม และมองอะไรไม่ชัด เพราะเกิดจากการตัดผิวหนังไขมันส่วนเกินบริเวณเปลือกตาล่างออกมากเกินไป ทำให้เปลือกตาล่างหดตัวลง อาการนี้ มักจะเกิดไม่นานและจะกลับเป็นปกติภายในเวลาไม่กี่วันหรือเป็นอาทิตย์
5. อาจมีการมองเห็นภาพซ้อนได้จากการฉีดยาชา แต่จะหายไปได้เองหลังยาชาหมดฤทธิ์
4) การปฏิบัติตัวก่อน-หลัง
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
1. งดยาต้านการอักเสบ (NSAID) เช่น แอสไพริน บุหรี่ อาหารเสริมบางตัวที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น กระเทียม น้ำมันปลา อย่างน้อย 10 วัน ก่อนการผ่าตัด
2. วันที่ผ่าตัดควรเตรียมนำแว่นกันแดดไปด้วย เพื่อใช้ป้องกันดวงตาหลังการผ่าตัด จากแสงแดดและฝุ่นละออง
3. ควรมีผู้ขับรถให้เพราะหลังการผ่าตัดจะยังใช้สายตาได้ไม่สะดวกนัก จึงไม่ควรขับรถเอง
4. ล้างหน้าก่อนมาผ่าตัด และห้ามใช้เครื่องสำอาง
5. ผู้ที่เป็นโรคหัวใจ โรคลิ้นหัวใจ ที่จำเป็นต้องรับประทานยาละลายลิ่มเลือด เช่น Aspirin, cumadin เป็นประจำจะต้องแจ้งให้แพทย์ทราบล่วงหน้าเพื่อปรับลดยาก่อนการผ่าตัด
6. ผู้ที่ใช้เครื่องกระตุ้นการทำงานของหัวใจ ไม่ควรมารับการผ่าตัด เนื่องจากเครื่องจี้ไฟฟ้าอาจมีผลต่อการทำงานของเครื่องกระตุ้นหัวใจได้
7. ถ้ามีความดันโลหิตสูง ต้องควบคุมให้ต่ำกว่า 140/90 mm Hg (มิลลิเมตร ปรอท) ก่อนมารับการผ่าตัด
8. ถ้าใส่คอนแทคเลนส์ ควรถอดออกแล้วใส่แว่นตา วันที่เข้ารับการผ่าตัด
การดูแลหลังผ่าตัด
1. นอนยกศีรษะสูง ประคบเย็นที่ตาทั้ง 2 ข้าง ให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ 2-3 วัน เพื่อลดอาการบวม และควรพักสายตา ไม่อ่านหนังสือ หรือ ดูทีวี
2. ใช้ไม้พันสำลีชุบน้ำเกลือ เช็ดคราบเลือดและสิ่งสกปรกออกโดยเช็ดอย่างเบาๆ วันละ 2 - 3 ครั้ง และสามารถ เช็ดได้บ่อย ๆ เมื่อสกปรก 3. รับประทานยาตามแพทย์สั่งจนหมด ถ้าเกิดอาการแพ้ยา เช่น คัน มีผื่นแดง คลื่นไส้ - อาเจียน แน่นหน้าอกให้ หยุดรับประทานทันที และรีบมาพบแพทย์
4. งดสุราและบุหรี่ 1 อาทิตย์
5. ถ้ามีอาการบวม เลือดออกมาก ให้โทรปรึกษาแพทย์ทันที
6. รับประทานอาหารได้ทุกอย่าง ยกเว้น อาหารที่เผ็ดจัดเป็นระยะเวลา 7 วันหลังผ่าตัดเพราะจะทำให้ความดันเลือดสูงขึ้น อาจทำให้มีเลือดออกจากแผล
7. สามารถทำงานได้ตามปกติ แต่ควรงดการทำงานหรือการออกกำลังกายหนัก 7 วันหลังผ่าตัด
8. ควรงดใช้สายตาในช่วงแรก ๆ เพราะการใช้สายตา เช่น การดูทีวี หรือ การอ่านหนังสือ ทำให้ต้องกะพริบตา และเปลือกตาต้องเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา อาจทำให้แผลอักเสบและหายช้า 9. กรณีที่คุณใส่คอนแทคเลนส์ ควรเปลี่ยนไปสวมแว่นตาแทนในช่วงอาทิตย์แรก หรือจนกว่าจะหายบวม และห้ามดึงเปลือกตาเพื่อใส่คอนแทคเลนส์ เพราะจะทำให้แผลผ่าตัดที่เย็บไว้เปิดแยกจากกันได้
10. สามารถแต่งหน้าและแต่งแต้มตาได้ตามปกติ หลังจากผ่าตัดแล้วประมาณ 1 - 2 อาทิตย์ ข้อควรรู้หลังการผ่าตัด
1. หลังจากผ่าตัดไหมแล้วแผลจะยังมีอาการบวมอยู่ประมาณ 2 อาทิตย์ ถึง 1 เดือน
2. จากนั้นประมาณ 3 เดือน แผลจะหายเป็นปกติ และดูเป็นธรรมชาติ
3. หลังตัดไหมแล้ว ให้ใช้ EYE CREAM หรือ Vitamin E oil ทานวดเบา ๆ ที่แผล ครั้งละ 30 - 40 ครั้ง วันละ 2 เวลา (เช้า - เย็น) ป้องกันการเกิดแผลเป็นนูนและแข็ง
4. หลังทำการผ่าตัดแล้ว 1 อาทิตย์ ในกรณีที่แผลเขียวช้ำ สามารถประคบร้อนได้โดยประคบวันละประมาณ 2 - 3 ครั้ง ประมาณ 3 - 5 วัน หากมีอาการผิดปกติเกี่ยวกับแผล เช่น ตาแดงมาก เคืองตา แผลแยกให้มาพบแพทย์
5. หลังผ่าตัดแผลจะเห็นชัด ประมาณ 4 อาทิตย์ หลังจากนั้นแผลจะเรียบสนิท
6. ระวังไม่ขยี้ตารุนแรง 3 อาทิตย์ unquote
*** แก้ไขบรรทัด ให้อ่านง่ายขึ้น
แก้ไขเมื่อ 27 ส.ค. 52 09:10:47
แก้ไขเมื่อ 27 ส.ค. 52 09:09:53
แก้ไขเมื่อ 27 ส.ค. 52 09:08:21
จากคุณ |
:
น้องเหมียวสีสวาด
|
เขียนเมื่อ |
:
27 ส.ค. 52 09:04:03
|
|
|
|
|