ความคิดเห็นที่ 1 อาจเป็นเพราะว่าปัจจุบันเรารู้กันเป็นอย่างดีแล้วว่ารังสี UV ส่งผลกระทบต่อผิวเราอย่างมากมาย แถมการใช้ยากลุ่มกรดวิตามินเอ หรือสารที่ช่วยผลัดลอกเซลล์ผิวอย่าง AHAs และ BHA จะทำให้ผิวไวต่อแสงมากขึ้นเนื่องจากชั้นขี้ไคลถูกผลัดลอกออกให้บางลง (แต่ที่บางลงน่ะแค่ชั้นขี้ไคลนะ ในทางกลับกันสารพวกนี้จะกระตุ้นการสร้างคอลาเจน ทำให้ผิวชั้นในหนาขึ้น ) แสงอาทิตย์ มีรังสี UV = แสงอาทิตย์เป็นศัตรูร้ายของผิว...อันนี้จริง ในหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ที่ใช้กันตามบ้านเรือน ก็มีรังสี UV ดังนั้นหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์เป็นศัตรูของผิวด้วยอย่างนั้นรึ? หญิงและชายผู้ห่วงใยสุขภาพและความงามของตนต่างวิตกกังวลกันว่า “หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์” จะเป็นปัญหากับสุขภาพผิวของตน บริษัทเครื่องสำอางอาศัยความกังวลนี้ออกมาหากินด้วยการยิงโฆษณาที่บอกว่ารังสี UV มีอยู่ทุกที่!!! ไม่ว่าจะหลอดไฟ จอคอมพิวเตอร์ (ต่อให้ไม่มีใครกังวลเรื่องนี้เขาก็สร้างกระแสขึ้นมาเองก็ได้ ดูอย่างเรื่อง Cleanser สำหรับล้างกันแดดสิ ทำไมต้องทำของไร้สาระพวกนี้ออกมาด้วย ครีมกันแดดนะว๊อย ไม่ใช่คอนกรีตหรือยางมะตอยจะได้ติดเหนียนแน่นทนนานขนาดที่ Cleanser ทั่วไปล้างกันไม่ออก) ผลก็คือก่อให้เกิดคำถามประหลาด ๆ มากมายตามหน้าเวปบอร์ดสังคมสุขภาพความงาม (รวมถึง Blog ของปูเป้อีกเช่นกัน) อาธิเช่น “ผมทำงานกะดึกที่ไม่ได้โดนแดดเลยแต่ต้องทำงานหน้าคอมพิวเตอร์วันละ 6 – 8 ชั่วโมงทุกวัน จะทาครีมกันแดด SPF เท่าไหร่ดีครับ?” “ช่วงนี้ใช้ Retin-A เพื่อรักษาสิวอยู่ค่ะ ตอนกลางวันก็ทาครีมกันแดดตามปกติ แต่ว่าเราเป็นคนนอนดึก ต้องทาครีมกันแดดตอนเย็นด้วยไหมคะ เพราะเล่นคอม เปิดไฟตั้งหลายชั่วโมง กลัวหน้าหมองคล้ำเพราะ UV ค่ะ” เดี๋ยวนี้กระแส “ทาแล้วต้องปิดไฟนอน” ไม่ได้หยุดอยู่แค่ยา Retin-A หรือยากลุ่มกรดวิตามินเอเท่านั้น แต่รวมไปถึง AHAs / BHA อีกด้วย (ล่าสุดพึ่งเจอคนถามว่าทาวิตามินซีแล้วต้องปิดไฟนอนรึเปล่า โอ้วเครียด.....) จากคุณ : PuPe_so_Sweet เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 10:39:26

ความคิดเห็นที่ 2 ว่าแล้วก็ลองไปเปิดกล่องเอาฉลากยา Retin-A มานั่งอ่านว่ามันบอกไว้ตรงไหนว่าทายาเสร็จแล้วให้รีบปิดไฟนอน? อ่านประมาณ 8 รอบแบบสแกนทุกตัวอักษรแล้วก็ยังหาไม่เจอ ก็มีแค่จุดเดียวที่สงสัยว่าเป็นต้นตอของความเข้าใจผิดทั้งหมดที่เกิดขึ้น ฉลากภาษาไทยเขียวว่า “การถูกแสงแดดหรือแสงจากหลอดไฟแสงยูวีอาจทำให้เกิดการระคายเคืองมากขึ้น...” จากคุณ : PuPe_so_Sweet เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 10:40:05

ความคิดเห็นที่ 3 พอพลอกกลับไปอ่านฉลากภาษาอังกฤษก็พบว่า ไอ้หลอดไฟที่เขาว่าควรหลีกเลี่ยงเนี่ย มันไม่ใช่หลอดไฟตามบ้านธรรมดานะ มันเป็น “หลอดไฟแสงยูวี” หรือ “Ultraviolet Sunlamp” ต่างหาก (หลอดไฟตามบ้านมันเป็น fluorescent lamp ธรรมดา) แล้วมนุษย์หน้าไหนมันจะบ้าติด UV Sunlamp เอาไว้ใช้ในบ้านหรือที่ทำงานกันบ้าง? (ยกเว้นบ้านจะเปิดเธคเปิดผับที่ติดไฟแบล็คไลท์สีม่วง ๆ อ่ะ อันนั้นหลอด UV ของแท้) แล้วจะรีบปิดไฟนอนไปเพื่อ???? จากคุณ : PuPe_so_Sweet เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 10:43:13

ความคิดเห็นที่ 4 มาทำความเข้าใจกันหน่อยว่า “หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์” หรือ “หลอดผอม” “หลอดตะเกียบ” ที่ใช้กันตามบ้านน่ะ มีปริมาณรังสี UV ในระกับที่ “น้อยมาก~~~~~ก” เรียกได้ว่าไม่ก่อให้เกิดปัยหาด้านสุขภาพกับคนปกติธรรมดาทั่วไปเลยก็ว่าได้ มีการทดลองแล้วว่า การอยู่ใต้หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ (แบบที่ที่ไม่ได้ใช้เคลือบกรองรังสี UV) เป็นเวลา 8 ชั่วโมงติดต่อกัน เราจะได้รับปริมาณรังสี UV เทียบเท่ากับการตากแดดในตอนกลางวันแค่ 1 นาทีเท่านั้น Source :"An estimation of squamous cell carcinoma risk from ultraviolet radiation emitted by fluorescent lamps.", Photodermatol Photoimmunol Photomed. 1992-1993  http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/1343229 Ultraviolet Radiation From Fluorescent Lamps, National Electrical Manufacturers Association, http://www.nema.org/gov/env_conscious_design/lamps/upload/LSD%207%20UV%20Radiation%C2%A0%20Fluor%20Lamps%20C7.pdf รูป : โคมไฟตั้งโต๊ะที่ติดหลอด UV แทนหลอดไฟธรรมดา แต่ใครจะบ้าเอามาใช้ตามบ้านเนี่ย? จากคุณ : PuPe_so_Sweet เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 10:49:00

ความคิดเห็นที่ 5 ในจอคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะอย่างยิ่งจอ LCD ที่ใช้กันในปัจจุบันแทบจะหรือไม่มีการปล่อยรังสี UV ออกมาเลยเสียด้วยซ้ำไป ดังนั้นคนที่ทำงานหน้าคอมเป็นเวลา 6 – 8 ชั่วโมงติดต่อกันทั้งวัน ควรจะกังวลเรื่องสุขภาพสายตาจากความเครียดและการใช้สายตาที่หนักเกินไป รวมถึงการนั่งนาน ๆ จนทำให้เกิดอาการปวดไหล่เรื้อรังมากกว่าจะกังวลเรื่องรังสี UV (คือแทนที่จะมาบ้าบอเรื่องนี้ ควรพักสายตาและลุกมายืดเส้นยืดสายเปลี่ยนอิริยาบถทุก ๆ 45 – 50 นาทีในระหว่างทำงานกับคอมพิวเตอร์ดูจะมีประโยชน์เสียกว่า) Source http://www.ehow.com/about_5468357_radiation-tube-vs-lcd-screen.html แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 52 10:53:13 จากคุณ : PuPe_so_Sweet เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 10:52:17

ความคิดเห็นที่ 6 สรุปคือ ถ้าตะวันตกดินแล้ว และที่บ้านไม่ได้ใช้หลอด UV Sunlamp หรือหลอดแบ็คไลท์แทนหลอดไฟปกติ ก็ไม่จำเป็นต้องทาครีมกันแดดและก็ไม่จำเป็นต้องรีบปิดไฟนอนเมื่อใช้ Retin-A หรือ Differin หรือ AHAs หรือ BHA ด้วย เพราะแสงจากหลอดไฟหรือจากจอคอมพิวเตอร์ (โดยเฉพาะ LCD) มันมีไม่มากพอจะเป็นปัญหาหรือเป็นอันตรายกับผิว (แต่ถ้ามีความสุขที่จะทำแบบนั้นก็ทำไปเถอะขอรับ) จากคุณ : PuPe_so_Sweet เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 10:53:37

ความคิดเห็นที่ 7 เกดใช้ AHA,BHA ก็ไม่เคยปิดไฟนอนเลยซักที เห็นคนเค้าพูดมา แต่ไม่ค่อยเื่ชื่ออ่ะ ทีนี้กระจ่างเลยย ขอบคุณค่า ^__^ จากคุณ : my kate space เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 10:55:43

ความคิดเห็นที่ 8 โอ้...ขอบคุณมากๆค่ะ เป็นข้อสงสัยมาสักพักนึงแล้วในเรื่องนี้.. อย่างAHA ที่เราจะทาเฉพาะตอนกลางคืน ก่อนนอน และไม่กล้าทาตอนเช้า ก่อนออกจากบ้าน กลัวหน้าจะหมองคล้ำ ( แม้ว่าจะทากันแดดด้วยนะคะ ) และโล่งใจเรื่อง UVในหลอดไฟตามบ้าน ที่คุณปูเป้นำมาบอกค่ะ จากคุณ : cosmo lady เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 11:01:34

ความคิดเห็นที่ 9 เฮ้อ...กระจ่างสักที ขอบคุณคุณปูเป้มาก ๆ ๆ นะคะ กิฟท์หมดเอา ไปแทนนะ จากคุณ : ppskubedo เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 11:03:41

ความคิดเห็นที่ 10 ความรู้ดี ดี จากคุณเป้อีกแล้ว ... ขอบคุณมากๆค่า จากคุณ : chocobee เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 11:06:25

ความคิดเห็นที่ 11 เย่  น้องปูเป้มาแล้ว ขออนุญาตปาดไม่ให้เหงาจ๊า จากคุณ : panaleememo เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 11:07:25

ความคิดเห็นที่ 12 ผมก็ทาแล้วก็ไม่ได้นอนปุ๊บสักทีนะ ขอบคุณคุณปูเป้ครับ จากคุณ : A Song for xx เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 11:09:48

ความคิดเห็นที่ 13 ความจริงไขกระจ่างแล้วววว ^0^ จากคุณ : [WhAt'S Up?] เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 11:11:08

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณความรู้ดีดีอีกเช่นเคยค่า จากคุณ : Jankenpyon เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 11:13:28

ความคิดเห็นที่ 15 ในที่สุดก็ถึงบางอ้อ..... ปล..........คุณปูเป้ อีกแล้วครับพี่น้องครับ จากคุณ : พิศตะวัน เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 11:14:48

ความคิดเห็นที่ 16 เยี่ยมยอดกระเทียมดอง จากคุณ : สมสกุล เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 11:22:16

ความคิดเห็นที่ 17 ยกมือให้ ขอบคุณมากค่ะ ^^ จากคุณ : nithar28 เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 11:30:12

ความคิดเห็นที่ 18 ไม่รู้จะเม้นท์อะไรนอกจาก  โหวตจ้าโหวต  พี่หญิงโหวตให้จ้าน้องเป้ ป.ล.พูดถึงเพื่อนน้องเป้   พี่หญิงฝากความคิดถึงถึงน้องกอล์ฟด้วยนะน้องเป้นะ   ว่างๆอย่าลืมมาเปียแชร์ม่างน๊าน้องกอล์ฟ จากคุณ : ตัวเล็กอ้วน เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 11:33:00

ความคิดเห็นที่ 19 ถูกแล้วครับ เพราะหลังจากการใช้สารกลุ่มที่เร่งการผลัด cell ผิวเร็ว จะทำให้ cell ผิวชั้นนอกไวต่อสภาวะภายนอกมากขึ้น ( แสง , อากาศ , มลภาวะ ) แต่มันก็แค่ชั้นนอกสุด หรือ 2 ชั้นเท่านั้นครับ ( Sc หรือ Sp ใน Epidermis เท่านั้น หรือ Horny layer ) ดังนั้น ถ้ามองเฉพาะสารกลุ่มนี้กลุ่มเดียว โดยไม่พิจรณาเรื่องมีตัวอื่นในสูตร ก็แค่ระวัง Sunburn หรือ UV alert ก็เพียงพอครับ ปล. ความเข้มข้นก็เป็นปัจจัยเช่นกันครับ สำหรับสารกลุ่มนี้ จากคุณ : Pzuke (pzuke) เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 11:33:07

ความคิดเห็นที่ 20 กระทู้นี้มีสาระ โหวดให้เลยจ้า จากคุณ : คุณแม่...แปดหลอด (ท่านขุนเดิมบาง) เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 11:45:46

ความคิดเห็นที่ 21 เป็นประโยชน์มาก ๆ ๆ เลย จากคุณ : minnieblue เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 11:59:39

ความคิดเห็นที่ 22 โหวต ค่ะ ๆๆ   ได้ความรู้มากมาย จากคุณ : piety (Sympathize) เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 12:05:05

ความคิดเห็นที่ 23 สุดยอดค่ะ โหวตค่า จากคุณ : jejeejajar เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 12:16:09

ความคิดเห็นที่ 24 โอ้วพี่เป้ กับลังจะมาพูดเรื่องนี้อยู่พอดีเลย พี่เป้มาจัดการซะอยู่หมัด จากคุณ : Anqueetas เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 12:19:02

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณค่า ^ 0 ^ จากคุณ : รักนะ..พ่อพยูนน้อย เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 12:21:31

ความคิดเห็นที่ 26 แจ่มกระจ่างเข้าใจเลยค่ะคุณปูเป้ ขอบคุณมากนะคะ ^^ โหวตด้วยคนค่ัะ จากคุณ : Lady GaLs เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 12:28:43

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณครับที่คุณปูเป้มาตั้งกระทู้นี้ จริงๆผมไม่เชื่อหรอกพวกนี้อ่ะ บ้าอะไร ทาแล้วรีบปิดไฟนอน - -" เห็นแต่ละคนแนะนำเข้าไปในแต่ละกระทู้ ผมล่ะ ขำๆนิดๆ ก็เลยปล่อยไปครับ จากคุณ : เจ้าชายหิมะ เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 12:40:33

ความคิดเห็นที่ 28 เราก็นึกว่า Retin-A มันมีสารที่มีปฏิกริยาไวต่อแสงซะอีก ประมาณว่า โดนแสงแล้วมันจะเสื่อม ประสิทธิภาพจะลดลง อะไรประมาณนั้น เพราะเห็นคนพูดกันเยอะว่า ทา Retin-A แล้วต้องรีบปิดไฟ - -? จากคุณ : pandacb เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 13:07:35

ความคิดเห็นที่ 29 แต่สำหรับอ่ะเราก็ยังจะทาแล้วปิดไฟอยู่ดี กลัวหน้าดำ ผิวแต่ล่ะคนไม่เหมือนกันเราว่ายังไงก็อย่าเสี่ยงเลย เพราะตามฉลากเค้าระบุมายังไงก็ควรทำตามดีกว่า เพราะแสงจากหลอดไฟที่อยู่ในบ้านอ่ะก็ทำอันตรายกะผิวได้เหมือนกันแล้วยิ่งเราทา retin a แล้วมันจะทำให้ผิวเราบางลงแล้วทำให้ไวต่อแสงได้มากขึ้นด้วย ยังไงก็ควรระวังไว้นะคะอย่าได้คิดว่าไม่อันตราย จากคุณ : yingingvisa (yingingvisa) เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 13:15:27

ความคิดเห็นที่ 30 อ่าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าทาเสร็จต้องรีบปิดไฟทันที ปกติทาเสร็จเข้าห้องแป้งต่ออิอิ ขอบพระคุณคุณปูเป้มากจ้า จากคุณ : หมาน้อยจมูกแดง เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 13:27:51

ความคิดเห็นที่ 31 อ่า ขอบคุณมากๆเลย ก็ดีนะทีนี้จะได้ไม่ต้องมากังวล ว่าถ้าไม่นอนในห้องตัวเอง จะไม่ทาอะไรแบบนี้ แต่ตรรกะที่ทาแล้วปิดไฟนอนมันก็ดีอย่างนะ มันจะทำให้เราหลับแบบหลับ จริงๆ ก็ช่วยเรื่องสุขภาพด้วย (เพราะเราเป็นคนนอนเร็ว จะได้นอนมากๆ ถ้าทาแล้วเล่นคอมได้ เราคงเดินมาเล่นต่อ นอนดึกอีก 555) จากคุณ : น้ำค้างปลายยอดหญ้า เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 13:29:37

ความคิดเห็นที่ 32 กลับมาสด  ๆ จากทานข้าว ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาแวะอ่านและให้ Give เป็นกำลังใจนะขอรับ - - - - - - - - - - - - - - - - - - - ถึงคุณ pandacb "เราก็นึกว่า Retin-A มันมีสารที่มีปฏิกริยาไวต่อแสงซะอีก ประมาณว่า โดนแสงแล้วมันจะเสื่อม ประสิทธิภาพจะลดลง อะไรประมาณนั้น เพราะเห็นคนพูดกันเยอะว่า ทา Retin-A แล้วต้องรีบปิดไฟ - -?" ตัวยากลุ่มกรดวิตามินเอ หรือวิตามินที่ Light Sensitive ตัวอื่น ๆ นั้นเสื่อมเพราะโดนแสงได้ง่าย  แต่ไมไ่ด้หมายความว่าโดนแสงปุ๊ปมันจะเสื่อมหมดทันที  มันต้องใช้เวลานานทีเดียว   กระผมเองทา Retin-A และ Differin แล้วก็เปิดไฟเล่นคอมอีก 4 ชั่วโมงมาได้เกือบ 3 ปีแล้ว  ไม่เคยเห็นระสิทธิภาพมันจะลดลงเลยสักนิด แถมถ้าทาเยอะไปผิวก็จะลอก ถ้ามันเสื่อมหมดทันทีที่โดนแสงคงจะไม่เกิดผลแบบนี้หรอกเนอะ ถึงคุณ yingingvisa ฉลากยาไม่เคยระบุให้รีบปิดไฟนอน ไม่เคยระบุว่าหลอดไฟตามบ้านเป็นอันตราย และ National Electrical Manufacturers Association ก็ออกมาให้ข้อมูลแล้วว่าหลอดไฟตามบ้านไม่ได้ปล่อยรังาี UV ในระดับที่เป็นอันตรายกับผิว แต่อยากทำอะไร ทำแล้วสบายใจก็ทำได้ตามสบายขอรับ มันเป็นสิทธิที่ทุกคนพึงมีอยู่แล้ว :) จากคุณ : PuPe_so_Sweet เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 13:30:51

ความคิดเห็นที่ 33 #29 เรื่องการหลีกเลี่ยงแสงแดดนั้นถูกต้องอยู่แล้ว ทุกคนเห็นตรงกัน ที่ฉลากไม่ได้มีตรงไหนบอกว่า ห้ามเจอแสงไฟจากหลอดไฟนะคะ ที่ฉลากภาษาไทยใช้คำว่า "หลอดไฟแสงยูวี" ซึ่งคือ ultraviolet sunlamps ซึ่งเราๆ ท่านๆ คงไม่มีใครทะลึ่งใช้หลอดไฟหรือโคมไฟชนิดนี้แน่ๆ เรื่องหลอดไฟที่บ้านทำอันตรายกับผิวนั้น ต้องถามว่า "แค่ไหน" ก็อย่างที่คุณปูเป้ยกมาว่ามัน "น้อยมาก" และผิวคุณคงไม่สะเทือนอะไรนักหนา สำหรับจอ LCD โดยเทคโนโลยีและหลักการทางวิศวกรรม จอภาพชนิดนี้ไม่ควรมีรังสี UV เปล่งออกมา เพราะฉะนั้น ถ้าคุณใช้จอภาพชนิดนี้ก็ให้สบายใจได้ กระนั้น ก็ไม่ควรนั่งจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ มันก่อให้เกิดอาการเครียดทางสายตาและกล้ามเนื้อส่วนอื่น ทั้งนี้ทั้งนั้น มันเป็นคนละกรณีว่า อยู่บ้านควรทากันแดดหรือไม่ ที่บอกว่าควรทากันเพราะแสงสว่างตอนกลางวันที่ส่องเข้ามานั้นมีรังสียูวีเช่นกัน เอาเป็นว่าถ้าให้สบายใจก็ควรทา จากคุณ : AntiSpam (อันตราคนี) เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 13:37:34

ความคิดเห็นที่ 34 เราใช้เรติเอ ทาตั้งแต่สองทุ่ม แต่นอนดึกทุกคืนไม่เห็นจะดำเลย เหมือนหน้าปกติเนี่ยแหละ จากคุณ : กรวด หิน ดิน ทราย เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 13:40:05

ความคิดเห็นที่ 35 คือโดยส่วนตัวที่เราคิดว่า พอทา RetinA แล้วต้องปิดไฟนอน หลายๆคนคงเข้าใจมาจากความรู้ที่เคยได้ยินล่ะมั้งคะ ว่าด้วยเรื่อง Rod Cell ในจอประสาทตากับสารที่ชื่อ Rhodopsin ซึ่งเปลี่ยนรูปมาจากอนุพันธุ์ของวิตามินเอ โดยเจ้าตัว Rhodopsin เนี่ยจะมีความไวต่อแสงมากๆ พอถูกแสงก็จะเปลี่ยนรูปไป ... นี่ก็จากความรู้สายวิทย์มปลายใช่มั้ยคะ เลยอาจทำให้หลายคนเข้าใจว่า ยา Retin A นี่มันจะเปลี่ยนรูปแล้วลดประสิทธิภาพไปหรือเปล่า อยากให้เข้าใจว่า วิตามินเอที่เรารับประทานกันเพื่อบำรุงสายตา ซึ่งเรียกกันว่า Retinal กับเจ้าวิตามินเอสำหรับผลัดเซลล์ผิวเนี่ยมันคนละตัวกันนะคะ อย่างหลังเป็น "กรดวิตามินเอ" หรือ Retinoic Acid ค่ะ แม้จะมีชื่อเรียกที่คล้ายกันแต่จะมีสูตรโครงสร้างและคุณสมบัติที่แตกต่างไปจากวิตามินเอโดยสิ้นเชิง ที่ว่าทา Retin A แล้วรีบปิดไฟเพราะมันไวต่อแสงเนี่ยกลัวมันจะเปลี่ยนรูปไป .. มันก็เลย ไม่ค่อยจะเกี่ยวนะคะ - -'a จะเกี่ยวก็อย่างที่คุณปูเป้บอก คือการทำงานของมันที่ไปผลัดเซลล์ผิวมากกว่า ทำให้ชั้นผิวไวต่อสิ่งกระตุ้นเร้าภายนอกมากขึ้นอ่ะค่ะ จากคุณ : Cheriez เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 14:00:33

ความคิดเห็นที่ 36 เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 10:38:42   มาถึงตอนนี้ บ่าย 2 โมงแล้ว   ขึ้นเป็นกระทู้แนะนำเร็วมั่กๆ ขอบคุณข้อมูลดีดี มากๆ นะครับ จุ๊บๆ   อิอิ จากคุณ : wisdom of social เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 14:01:23

ความคิดเห็นที่ 37 ขอบคุณมากค่ะ เราเห็นคนร้านขายยาที่ม.เราก็บอกแบบนี้เช่นกัน ว่าถ้าทาระตินเอแล้วต้องปิดไฟนอน เราเลยไม่เคยซื้อมาใช้เลยค่ะ เพราะเห็นว่ามันใช้ลำบากง่ะ 555 จากคุณ : AnnA_TiP เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 14:06:09

ความคิดเห็นที่ 38 โหวตไปให้ทราบโดยทั่วกัน จากคุณ : Bell~O เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 14:07:33

ความคิดเห็นที่ 39 เราคนนึงที่ทาเรตินเอแล้วปิดไฟนอน ตอนนี้คงไม่ต้องแล้ว ขอบคุณสำหรับความรู้ที่ไม่เคยทราบมาก่อนค่ะ หลงเชื่อตามเค้าตั้งนาน จากคุณ : newnsixty เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 14:12:45

ความคิดเห็นที่ 40 ขอบคุณสำหรับความรู้ดีดี ค่ะ จากคุณ : NununBeautyoflife เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 14:17:53

ความคิดเห็นที่ 41 ขอบคุณนะคะคุณปูเป้สำหรับความรู้ดีดี ^____^ จากคุณ : Pimya_P เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 14:33:23

ความคิดเห็นที่ 42 ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆจ้า ^^ จากคุณ : rambleree เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 14:37:25

ความคิดเห็นที่ 43 ขอบคุณมากครับ  กำลังสงสัยเรื่องนี้อยู่พอดีเลย จากคุณ : Chonsoki เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 14:38:55

ความคิดเห็นที่ 44 ็ก็ว่าอยู่ทาเรตินเอแล้วไปนั่งเล่นคอมเป็นชม.แต่หน้าไม่ยักกะดำ เลยคิดว่าหน้าตัวเองหนาไปซะงั้น ขอบคุณมากค่ะสำหรับข้อมูล จากคุณ : กากกลวง เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 14:53:52

ความคิดเห็นที่ 45 ชอบจังเลย มีลิ้งอ้างอิงให้เข้าไปอ่านด้วย ขอบคุณค่ะ จากคุณ : Julie_pikaju เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 15:01:00

ความคิดเห็นที่ 46 คอนเฟิร์มตามคุณปูเป้ค่ะ จากการเอาตัวเองเป็นหนูทดลองใช้ทั้งเรตินเอ ดิฟเฟอริน เอเอชเอ บีเอชเอ อาบน้ำทาครีมแล้วก็มานั่งหน้าจอคอมทุกวันสองทุ่มยันหกโมงเช้า ไม่มีผลทำให้หน้าหมองค่ะ จะมีผลเรื่องสายตา กับอดนอน แล้วก็ผิวขาดน้ำมากกว่า ที่จริงก็รับข้อมูลมาตามแบบที่เค้าเชื่อกันล่ะค่ะ แม้แต่ตอนไปซื้อยาเภสัชก็ยังบอกมา แต่เราทำงานกะคอมอ่ะ มันเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ส่วนตัวพบว่าการพักผ่อนเพียงไม่พอเนี่ยยังเห็นผลชัดเจนเลยว่าหน้าหมองมากกว่าทาเรตินเอแล้วเปิดไฟซะอีก จากคุณ : นักคุ้ยกระบะ เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 15:02:14

ความคิดเห็นที่ 47 ทาครีมแล้วไปนอนซะ !!! ทำจนติดเป็นนิสัยไปแล้วค่ะไม่ว่าครีมอะไร ไม่อย่างนั้นก็จะเล่นเน็ตไม่ยอมหลับยอมนอน -*- ผลพลอยได้คือ รอยคล้ำใต้ตาดีขึ้นมาก จากที่เคยทาครีมอะไรก็ไม่เคยดีขึ้น มันยอดมากเลยจอร์จ !! ขอบคุณสำหรับข้อมูลดี ๆ เสมอเลยนะคะคุณปูเป้ :D จากคุณ : ไทมอน เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 15:08:16

ความคิดเห็นที่ 48 เข้ามาฟังความกระจ่างชัด ของการใช้เรตินเอ ค่ะ ขอบคุณข้อมูลดีๆค่ะ จากคุณ : น้ำฝนใส เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 15:08:40

ความคิดเห็นที่ 49 เป็นกระทู้แนะนำห้องแป้งที่ควรขึ้นกระทู้แนะนำ มากกว่ากระทู้ของห้องอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับห้องนี้สักนิดเลย 55555 จากคุณ : BIZZARE เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 15:27:56

ความคิดเห็นที่ 50 ได้ความรู้มากครับ :) จากคุณ : murdoc เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 15:31:42

ความคิดเห็นที่ 51 ขอบคุณมากค่า จากคุณ : เด็กหญิงน้ำแข็งใส เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 15:33:52

ความคิดเห็นที่ 52 ขอบคุณมากคร้าบ อยากถามว่าวันนี้ผมไปหาหมอมา ได้ยาลบรอยดำมา อ่านชื่อในใบสั่งยามันคือ HydroQUInone อ่ะครับ - -"" ใช้ทาพวกรอยสิว หมอบอกว่า ทาแล้วให้ปิดไฟนอนทันที อยากรู้ว่ายาตัวนี้ยังไงอ่ะคับ ขอบคุณค้าบ จากคุณ : Fallen Joker เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 15:41:00

ความคิดเห็นที่ 53 เพิ่งจะรู้จริงๆค่ะ จะใช้ratin-Aแต่ไม่กล้าใช้เพราะอยู่หอนอนกับเมด แล้วเราก็มักจะนอนก่อนเมดอยู่บ่อยๆ เลยไม่กล้าใช้เลย จากคุณ : พิซซ่าน่าหม่ำอั้มๆๆอาหย่อยจัง เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 15:48:23

ความคิดเห็นที่ 54 กระทู้มีประโยชน์ครับ จากคุณ : supertarokung เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 15:53:35

ความคิดเห็นที่ 55 แวะมาโหวตหลังอ่านจบที่บลอกแล้วค่ะ จากคุณ : ท่านชายทัด เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 16:24:24

ความคิดเห็นที่ 56 เฮ้อ  ต้องขอบคุณคุณปูเป้จริงๆค่ะ หลังจากที่อ่านกระทู้นี้แล้ว แล้วก็หลายๆ กระทู้ในทำนองเดียวกัน อยากให้สาวๆ ทุกคน ใช้ชีวิตอย่างมีสตินะคะ ไม่ใช่ใครว่าอะไรก็หลงเชื่อตามไปซะหมด มันดูไม่ดีเลยค่ะ ปล. เราเรียนเภสัชค่ะ ทางมหาลัยไม่เคยสอนเลย ว่าทา Retin A แล้วให้รีบปิดไฟนอน แค่ต้องระวัง photosensitivity เท่านั้นเอง จากคุณ : กระดาษเกาเหลา เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 16:37:34

ความคิดเห็นที่ 57 สุดยอดดดดดดด++ จากคุณ : gfupiN*ที่รัก เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 16:46:47

ความคิดเห็นที่ 58 โดนจายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย จากคุณ : Coatkub เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 16:57:31

ความคิดเห็นที่ 59 เคยสงสัยเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับมันมากเท่าไหร่ ก็ทาครีม ปิดไฟ แล้วก็นอนดูโทรทัศน์ต่อ บางทีก็เล่นคอมต่อจนเช้า หน้าก็ปกติดี เลยไม่ได้คิดว่าแสงจากโทรทัศน์ จากคอมพิวเตอร์ มันจะมีผลต่อผิวหน้าซักเท่าไหร่ค่ะ แต่ว่าปวดตา ปวดหลัง ปวดไหล่ นี่ เกี่ยวข้องจากคอมพิวเตอร์แน่ๆ //สงสัยต้องลดชั่วโมงเล่นเกมละมั้ง 555 จากคุณ : Phagus เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 17:20:01

ความคิดเห็นที่ 60 เข้ามาโหวตให้ค่ะ ^^ สมเป็นกระทู้แนะนำของห้องนี้ จากคุณ : ชิฟฟอนคาปูชิโน่ เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 17:51:06

ความคิดเห็นที่ 61 แหล่มจริงๆ ค่ะกระทู้นี้ เมื่อก่อนตอนใช้เรตินเอก็นั่งเล่นคอมต่อเป็นประจำ หน้าก็ไม่ได้ดำ..แต่ตอนนี้ไม่ได้ใช้แล้วค่ะ จากคุณ : little_jam เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 17:59:46

ความคิดเห็นที่ 62 ความจริงกระจ่าง 555 ขอบคุณค่ะ ^^ แต่เราไม่เคยรีบปิดไฟนอนเพราะเรื่องนี้อะ - - จากคุณ : ริบบิ้นสีเงิน เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 18:13:18

ความคิดเห็นที่ 63 ^^ โต๊ะหนังสือเราก็เคยติดแบล็คไลท์ค่ะ เกิดขากความโง่เง่าเต่าตุ่นของเราเอง ที่ไปซื้อมันมาแล้วก็ติดเลย แถมยังเปิดใช้อยู่ได้ตั้งหลายวัน(คิดเอาเองว่ามันแค่เป็นแสงม่วง) จากคุณ : marina_rain เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 18:33:18

ความคิดเห็นที่ 64 ก็ไม่ได้คิดมากนะ เคยทา BP อยู่พักนึง อา (หมอ) ก็พูดว่า ให้ทาก่อนนอน แล้วก็นอนไปเลย ถ้าแสบก็ล้างออก ไรงี้ อ่ะ แต่ก็ทาได้ไม่กี่วัน ลืม 5555 จากคุณ : กะรุ้งกะริ้ง เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 18:43:34

ความคิดเห็นที่ 65 เข้ามาโหวตคะ  เราทา AHA ยังนั่งอ่านหนังสือต่อจนตี 1-2 ไม่เห็นจะดำเลย จากคุณ : กันดัมจัง เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 19:53:44

ความคิดเห็นที่ 66 ช่วงแรกที่ใช้ differin ก็บ้าจี้ตามเค้าเหมือนกัน บังคับตัวเองให้ทาก่อนนอน ๆ ๆ พอใช้มาซักพัก เริ่มบังคับตัวเองไม่ได้ อยากทาตอนไหนก็ทา จนวันนี้ อาบน้ำตอนเช้า ไม่ได้ออกไปไหน ก็ทาเลย ออกไปตากผ้า แดดเปรี้ยง (เพราะลืมว่าตัวเองทา differin อยู่) แต่หน้าไม่ระคายเคืองเลย -*- จากคุณ : noomaiiz เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 19:54:43

ความคิดเห็นที่ 67 จริงๆก็รู้มาตั้งนานแล้วแหละ ว่าไฟบ้าน จอคอมมันไม่มีื uv ขนาดนั้น แต่ แต่ แต่ !!!! ทำไมนั่งหน้าคอมนานแล้วหน้าหมองอ่ะ ไม่เข้าใจจริงๆ ใครอธิบายที เราเลยต้องทากันแดดตอนทำงานคอมเพื่อความสบายใจ จากคุณ : Nameless Monster เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 20:40:42

ความคิดเห็นที่ 68 อืมมมม มายกมือว่า เรานี่แหละ ทาเรตินเอ ปุ๊บ วิ่งไปปิดไปปั๊บ ฮ่า ๆๆๆ ขอบคุณสำหรับความรู้นะคะ เย้ ไม่ต้องรีบปิดไปแล้ว 555 จากคุณ : idyzlesla เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 20:59:51

ความคิดเห็นที่ 69 ที่ผ่านมาก็ไม่เคยปิดไฟนอนเลย ทามานานแล้วก็ไม่เห็นว่าหน้าจะคล้ำลง ทาเสร็จมานั่งเล่นคอมต่อตลอด ^^ จากคุณ : Pinoui เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 21:12:06

ความคิดเห็นที่ 70 เลอค่า !!! จากคุณ : Sympathique เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 21:22:24

ความคิดเห็นที่ 71 ถ้ารู้เร็วกว่านี้ เราจะได้เรตินเอจากพี่มาใช้ฟรีแล้วเชียว เพราะนึกว่าต้องปิดไฟนอนเลยนั่นแหละค่ะ กระจ่างซะที  ขอบคุณค่ะ จากคุณ : Youzen เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 22:08:40

ความคิดเห็นที่ 72 โดนใจ อ่านมาหลายกระทู้ละที่บอกว่าหลังจากทา Retin-A แล้วให้ปิดไฟนอนทันที อยากจะบอกจริงๆว่ามันไม่ใช่แบบนั้นนน แต่ตัวเราเองอธิบายหลักวิชาการไม่ถนัดก็เลย เฮ้อออ... จากคุณ : โย่งโก๊ะ เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 22:16:47

ความคิดเห็นที่ 73 ผมก็บอกเพื่อนๆที่ใช้ครับ ว่าไม่ต้องขนาดปิดไฟนอน ผมทาahaประมาณ4ทุ่ม กว่าจะเล่นคอมเสร็จอย่างเร็วก็ตีสอง เหอๆๆ จากคุณ : M E T R O S E X Y เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 22:32:45

ความคิดเห็นที่ 74 เราไม่เคยทาเเล้วปิดไฟนอนเลยอ่ะค่ะ - -'' นั่งเล่นคอม ดูทีวี เพราะเราอ่านฉลากเเล้วไม่เจอตรงที่ว่าให้ปิดไปนอนอ่ะแหละ เเต่จริงๆเพราะนั่งทำโน่นนี่ๆต่อมากกว่า หน้าไม่เคยไหม้ ไม่เคยดำขึ้น สิวก็หายตามสรรพคุณของมัน จากคุณ : Blue Clover เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 22:34:19

ความคิดเห็นที่ 75 เราอีกคนนึงล่ะ ที่ทาแล้วเล่นคอมต่ออีกนาน แต่สงสัยอย่างนึงน่ะค่ะ differin ทาไปนานๆมีผลต่อผิวในระยะยาวมั้ย ไม่นับเรื่องแดดนะคะ อย่างทำให้ผิวบางลงถาวร หรืออะไรอย่างเนี้ยน่ะค่ะ จากคุณ : hoshikuzu เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 22:36:51

ความคิดเห็นที่ 76 อ่านแล้วสบายใจ -*- จากคุณ : _minilanla เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 22:59:21

ความคิดเห็นที่ 77 ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : ทำไงก็ไม่สวยซะที เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 23:03:46

ความคิดเห็นที่ 78 ขอบคุณจากใจค่ะ จากคุณ : futomomo เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 23:23:32

ความคิดเห็นที่ 79 ^^ ขอบคุณค่ะ รู้สึกดีมากๆๆเลย เราเคยค่ะ หมอที่ คลินิกหนึ่งบอกว่า ให้เราทากันแดด เวลาเล่นคอมด้วยค่ะ แต่เราเป็นกระ นะค่ะ หมอว่ามันเกิดจาก แสงจากโน้ตบุ๊คเรา  ไม่รุ้จะจริงไหม จากคุณ : pizuya23 เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 23:49:11

ความคิดเห็นที่ 80 แจ่มแจ้งค่ะ ชัดเจนมาก ถ้าอ่านอย่างละเอียด จากคุณ : pouprem เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 23:55:59

ความคิดเห็นที่ 81 กระจ่าง !! จากคุณ : kkhunying เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 52 00:40:31

ความคิดเห็นที่ 82 ปริศนาไขกระจ่างแล้ว ขอบคุณมากๆเลยค่า ^^ จากคุณ : ไม่หั่นหัวหอม ไม่หลั่งน้ำตา เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 52 01:53:22

ความคิดเห็นที่ 83 ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆค่ะคุณปูเป้ ^^ จากคุณ : หนูคิสแท้งค์กิ๊ว (KissAhoLicGal) เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 52 04:46:41

ความคิดเห็นที่ 84 -ขอบคุณมากๆ ค่ะคุณปูเป้ สงสัยเพิ่มนิดนึง "ดูอย่างเรื่อง Cleanser สำหรับล้างกันแดดสิ ทำไมต้องทำของไร้สาระพวกนี้ออกมาด้วย ครีมกันแดดนะว๊อย ไม่ใช่คอนกรีตหรือยางมะตอยจะได้ติดเหนียนแน่นทนนานขนาดที่ Cleanser ทั่วไปล้างกันไม่ออก" สรุปว่ากันแดด SPF 50 PA+++ อย่างเราที่ใช้ Anessa นี่ "ไม่ต้องใช้ตัวล้างกันแดด" ใช่ไหมคะ? เจล โฟม สบู่ ครีม ล้างหน้าทั่วไปก็เอาออกได้ใช่ป่าว แล้วพวกเรื่องสำอางเบส รองพื้น ถ้าวันไหนทา จำเป็นต้องใช้ "ตัวล้างเครื่องสำอาง" ไหมคะ หรือใช้แค่ตัวล้างหน้า เจล โฟม สบู่ ครีมล้างหน้าทั่วไปอย่างเดียวก็พอแล้ว ขอรบกวนด้วยค่ะ ไม่อยากเสียตังค์เปล่าน่ะจ้า จากคุณ : Love Actually is.. เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 52 08:12:46

ความคิดเห็นที่ 85 ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ อีกเช่นเคยนะคะ คุณปูเป้ โหวตโลด ^O^ จากคุณ : fany เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 52 09:03:20

ความคิดเห็นที่ 86 ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆนะคะ คุณปูเป้จ๋า ^.^ แก้ไขเมื่อ 20 ต.ค. 52 09:28:05 จากคุณ : นูชิ เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 52 09:27:43

ความคิดเห็นที่ 87 แจ่มคร๊าบผม ^ ^" จากคุณ : acoutic_life เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 52 09:37:09

ความคิดเห็นที่ 88 กระทู้นี้ถูกใจคนใช้ retin-A อย่างเรามากๆ เราใช้มาหลายปีดีดัก ใช้แบบ 0.05% ด้วย ตอนใช้ใหม่ๆเคยโพสถามคำถามนี้ด้วยแหละ ว่าทาเสร็จต้องปิดไฟนอนทันทีไหม -..- เพราะตอนนั้นเราเพิ่งเล่นพันทิปไม่รู้เรื่องอะไรเลย พอมีคนแนะนำให้ใช้ก็เลยลองดู แต่ก็กังวล พอมีพี่ๆเพื่อนๆตอบว่า ไม่จำเป็นแค่ระวังเรื่องแสงแดดก็พอ จากนั้นก็ใช้มาตลอด เว้นช่วงสัก 3-4 เดือนแล้วใช้ต่อ หน้าเราก็ปกติดีนะ ไม่ดำขึ้น ไม่เป็นฝ้า กระ พอไม่ใช้หน้าแย่กว่าอีกเพราะสิวขึ้น ตอนนี้ก็จะใช้ต่อไปแต่สลับๆกับพวกผลัดเซลล์ผิวอย่างอื่นด้วย จากคุณ : ningpotter เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 52 10:16:53

ความคิดเห็นที่ 89 ความรู้คู่ความงาม เหมือนสโลแกนจริงๆค่ะ  ขอบคุณนะคะ จากคุณ : สเปกต้องใช่ รายได้ต้องถึง เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 52 10:25:38

ความคิดเห็นที่ 90 ถึงคุณ Love Actually is. Q : สงสัยเพิ่มนิดนึง "ดูอย่างเรื่อง Cleanser สำหรับล้างกันแดดสิ ทำไมต้องทำของไร้สาระพวกนี้ออกมาด้วย ครีมกันแดดนะว๊อย ไม่ใช่คอนกรีตหรือยางมะตอยจะได้ติดเหนียนแน่นทนนานขนาดที่ Cleanser ทั่วไปล้างกันไม่ออก" สรุปว่ากันแดด SPF 50 PA+++ อย่างเราที่ใช้ Anessa นี่ "ไม่ต้องใช้ตัวล้างกันแดด" ใช่ไหมคะ? เจล โฟม สบู่ ครีม ล้างหน้าทั่วไปก็เอาออกได้ใช่ป่าว แล้วพวกเรื่องสำอางเบส รองพื้น ถ้าวันไหนทา จำเป็นต้องใช้ "ตัวล้างเครื่องสำอาง" ไหมคะ หรือใช้แค่ตัวล้างหน้า เจล โฟม สบู่ ครีมล้างหน้าทั่วไปอย่างเดียวก็พอแล้ว Ans : พวกผลิตภัณฑืล้างครีมกันแดดที่ทำออกมาขายกัน ส่วนผสมหลักก็จะเป็น Emollients อย่างพวกน้ำมัน หรือ ซิลิโคน เป็นหลัก ซึ่งเหมือน ๆ กับที่ล้างเครื่องสำอางทั่วไป เราสามารถใช้ตัวล้างเครื่องสำอางที่มีทำความสะอาดครีมกันแดดได้อย่างไม่ยากเย็นนัก เพราะเครื่องสำอางพวกเอมคอัพนั้นติดทนนานกว่าครีมกันแดดอยู่แล้ว  ถ้าล้างเครื่องสำอางออกได้ แล้วกันแดดจะเหลือรอดงั้นหรือ? ครีมกันแดดแบบ "ทนน้ำ" (Water Resistance) หรือที่เรียกกันติดปากว่า กันแดดแบบ "กันน้ำ" นั้น ไม่ได้ล้างออกยากอย่างที่หลายคนเข้าใจผิดกัน  เหตุผลที่ครีมกันแดดสามารถทนน้ำได้ก็เพราะสารกันแดดที่ใช้หลัก ๆ จะเป็นสารที่ละลายในน้ำมัน เบสครีมก็จะก่อฟิลม์บาง  ๆ ที่ทนการถูกน้ำชะล้างออกไป Cleanser ทั่วไปที่ใช้กันอย่างเจล โฟม นั้นทำงานด้วยหลักการเดียวกัน คือใช้ Surfactant / Detergent หรือสารทำความสะอาด ในการจับสิ่งสกปรกหรือส่วนที่ไม่ละลายในน้ำ ให้สามารถละลายรวมเช้ากับน้ำและถูกล้างออกได้ง่าย  ดังนั้น Cleanser ทั่วไปจึงสามารถล้างครีมกันแดดแบบกันน้ำได้  แต่จะได้มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณสารทำความสะอาดที่ใช้ และวิธีการใช้ด้วย เอาเป็นว่า รายละเอียดเพิ่มเติม ปูเป้จะลองเก็บข้อมูลและเรียบเรียงใหม่  มาลงเป็นตอนหน้าแทนนะขอรับ  พิสูจน์ไปเลยว่าเราไม่จำเป็นต้องใช้ตัวล้างครีมกันแดด :) PS. ขอบคุณทุก ๆ ท่านที่แวะมาเยี่ยมชมนะขอรับ  ทำให้ปูเป้มีกำลังใจหาประเด็นอื่น ๆมาทำบทความต่อ :D จากคุณ : PuPe_so_Sweet เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 52 11:04:38

ความคิดเห็นที่ 91 ขอบคุณมากๆ ค่ะคุณปูเป้ สรุปว่าเราสามารถล้างหน้าด้วยเจล หรือโฟมล้างหน้าปกติ คือล้างรอบเดียว ออกหมดทั้งกันแดด และเครื่องสำอางพวกเบส หรือรองพื้น ได้เลยโดยไม่ต้องมีขั้นตอนอื่น อย่างนี้เราเข้าใจถูกหรือเปล่าคะ ขอบคุณล่วงหน้าอีกรอบค่ะ ^ ^ จากคุณ : Love Actually is.. เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 52 11:26:07

ความคิดเห็นที่ 92 ปิดไฟนอนมาตั้งนาน  กระจ่างก็วันนี้นี่เอง 55+ จากคุณ : Neon_Leon เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 52 11:26:30

ความคิดเห็นที่ 93 ขอบคุณน้องปูเป้มากค่ะ ถามนิดนึงนะคะ แล้ววิตซีของ TBS พี่ทาเสร็จพี่ก็เล่นเนต ดูทีวี อ่านหนังสือ มันก็ไม่เป็นไรใช่มั้ยคะ ได้ยินคนที่ออฟฟิศบอกทาแล้วต้องปิดไฟนอนเลย -_-" จากคุณ : poojo_ke เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 52 13:03:06

ความคิดเห็นที่ 94 ถึงคุณ Love Actually is.. พวก Cleansing อย่าง Cleansing Mik / Cream / Balm / Oil  ล้างเครื่องสำอางและกันแดดออกได้หมดจดแน่นอน  แต่อาจจะทิ้งคราบมันเอาไว้บนผิวบ้างคงต้องใช้เจลหรือโฟมล้างซ้พอีกรอบ พวก Gel / Foam Cleanser นี่ต้องดูเป็นกรณีไป  บางตัวก็ล้างเครื่องสำอาง รองพื้นออกได้ เมื่อใช้ร่วมกับผ้าขนหนู  บางตัวก็อาจจะไม่มากพอที่จะทำความสะอาดเมคอัพ ลองอ่าน Blog เพื่อดูรายละเอียดเกี่ยวกับ Cleanser ประเภทต่างๆ ดูขอรับ http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=pupesosweet&month=20-09-2008&group=6&gblog=7 http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=pupesosweet&month=23-09-2008&group=6&gblog=8 - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - ถึงคุณ poojo_ke ไม่มีเครื่องสำอางตัวไหนที่ใช้แล้วต้องปิดไฟนอนทันทีหรอกขอรับ ข้างบนก็ได้อธิบายเอาไว้แล้ว  ไม่ต้องกังวล :D จากคุณ : PuPe_so_Sweet เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 52 13:58:41

ความคิดเห็นที่ 95 ขอบคุณที่ไขความกระจ่าง ทำให้เข้าใจอย่างสูงคะ จากคุณ : mee_vingt เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 52 14:34:08

ความคิดเห็นที่ 96 สอบถาม จขกท. ค่ะ เคยลองซื้อ AHA มาใช้ ลองทาดูตั้งแต่ครั้งแรกก็รู้สึกว่าแสบหน้ามากๆค่ะ อันนี้ลองมานานมากแล้ว หลายปีแล้วค่ะ เมื่อประมาณ 1 อาทิตย์ได้ค่ะ ไปตรวจสภาพผิวหน้ามา พบว่า ผิวบริเวณแก้มบางมาก แบบนี้จะใช้ Retin-A ได้มั้ยคะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : ทรัมเป็ตแสนสวย เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 52 15:02:44

ความคิดเห็นที่ 97 สงสัยคุณปูเป้ไม่เห็นคำถามเรา ขอถามอีกรอบนะคะ ^^" differin หนือ benzac ใช้ไปนานๆมีผลต่อผิวในระยะยาวมั้ย อย่างทำให้ผิวบางลงถาวร มีสารตกค้าง หรืออย่างอื่น ไม่นับเรื่องแดดนะคะ เราโดนไซโคมาว่า เนี่ย ใช้นานๆหน้าจะบาง หน้าเสีย ขึ้นฝ้า ฯลฯ โดยผู้ที่ไม่ได้จบเภสัชมา(แม่เราเอง - -") แต่อ้างว่าเคยเห็นคนใช้ครีมแนวๆนี้ที่หมอสั่งมา แล้วหน้าเสียไปเลย ซึ่งเราว่าไม่ใช่อ่ะ อันนั้นออกแนวครีมรักษาฝ้ามากกว่า แต่ก็แอบกังวลอยู่เหมือนกัน ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ จากคุณ : hoshikuzu เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 52 15:52:26

ความคิดเห็นที่ 98 ปกติเรา...... ก็ปิดไฟนอนอยู่แล้วนะ =[]=' เข้ามาฮาอย่างเดียวเลย ..................... เคยเถียงกับเพื่อนไปครั้งนึง สงสัยต้องให้มาอ่านตรงนี้ซะแล้ว จะได้ไม่เข้าใจอะไร... แบบนั้น จากคุณ : melon_and_lemon เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 52 16:09:07

ความคิดเห็นที่ 99 โอ้วววว กระจ่างค่า ไม่ได้ใช้ratin a แต่ก็เคยได้ยินมาเหมือนกัน ยังคิดเลยว่าอยู่หน้าจอคอมทั้งวันทั้งคืนต้องทาครีมกันแดดมั้ยน๊อ กระจ่างแล้วค่ะ จากคุณ : โยธิกาหน้าหนาว เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 52 17:08:45

ความคิดเห็นที่ 100 ขอบคุณสำหรับความรู้ดีดีค่ะ ได้รับความรู้ใหม่ๆที่เป็นประโยชน์เหมือนเดิมอีกเช่นเคย ^^ จากคุณ : โซดาบ๊วย (โซดาบ๊วย) เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 52 18:44:22

ความคิดเห็นที่ 101 เอ้อ เราเป็นเภสัชกรนะคะ คือ โดนพาดพุงถึงวิชาชีพ ไม่เคยบอกผู้ป่วย/คนไข้ ว่าให้ปิดไฟนอนค่ะ เพื่อนๆเภสัชก็ไม่เคยแนะนำแบบนี้นะคะ ส่วนตัวใช้ differin ด้วยค่ะ ทาเสร็จนั่งเล่นคอม อ่านหนังสือเฉย เอิ๊กๆๆๆๆๆ เพราะ photosensitivity จากแสงของหลอดไฟในบ้าน ไม่ใช่เรื่องที่ต้องซีเรียสขนาดนั้นค่ะ - -" แต่การทายาแล้วปิดไฟ ก็ไม่ได้เป็นเรื่องเสียหาย เลยไม่ค่อยอยากแย้งอะไรมากนัก คืออยากปิดก็ปิด เราอยากให้ใส่ใจเรื่องการใช้ครีมกันแดดมากกว่า ส่วนเรื่องการออกแดด ต้องระวังจริงๆค่ะ เพราะยาพวกนี้ทำให้ผิวหนังมีปฏิกิริยาไวต่อแสง จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 52 00:01:18

ความคิดเห็นที่ 102 จริงๆ แล้วพวกนี้ การทาแล้วจะทำให้ผิวเราไวต่อแสงแดด และ พวก UV มากขึ้น ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดด โดยตรง จึงบอกว่าระหว่างที่ใช้ควรทาครีมกันแดด ด้วยและแนะนำให้ใช้เฉพาะก่อนนอน แต่ถามว่าใช้ตอนเช้าได้ไหม คำตอบคือได้ แต่คุณต้องมั่นใจว่าครีมกันแดดของคุณอ่ะ กันอยู่ เพื่อความง่ายในการเข้าใจ เภสัชกร จึงบอกว่าควรหลีกเลี่ยงแสงแดด และเพื่อความง่ายในการใช้คือ ทาแล้วนอนเลย ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดและเข้าใจง่ายดีด้วยครับ จากคุณ : เภสัชกร (holyghost) เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 52 00:02:33

ความคิดเห็นที่ 103 เยี่ยมมากเลยคุณปูเป้! ได้เห็นกระทู้ที่บอกว่าทาพวกเรตินเอ ฯลฯ แล้วให้ปิดไฟนอนแล้ว ก็ไม่รู้จะทำยังไงดี เพราะเราก็เป็นอธิบายถ่ายทอดเรียบเรียงเรื่องนี้ไม่ออกเหมือนกัน คุณเป้หาข้อมูลมาsupportแบบนี้...เยี่ยมมาก...จบซักที ส่วนใครยังยากทำแบบเดิมอยู่..ก็สามารถทำได้อยู่แล้ว เป็นสิทธิส่วนบุคคลอย่างที่บอก ... แต่หากจะมีการกล่าวแนะนำผู้อื่นในที่สาธารณะอีก ก็อยากให้แนะนำบนพื้นฐานของหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ได้อธิบายรองรับแล้ว ไม่อย่างนั้น...ในอนาคตก็อาจจะเกิดเป็นกระแสขึ้นมา ทำให้ทั้งเพื่อนๆบางคนที่ได้ข้อมูลผิดไปเกิดความลำบาก และคุณปูเป้หรือเพื่อนู้ใจดีคนอื่นต้องออกมาทำการบ้าน ช่วยอธิบายแบบนี้ซ้ำๆกันอีก ... จากคุณ : thankgodifoundu เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 52 00:34:02

ความคิดเห็นที่ 104 กระจ่างค่ะ   จากคุณ : unbearable-sit เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 52 10:15:34

ความคิดเห็นที่ 105 พี่เป้กระทู้นี้เริ่ดเลยค่ะ กระจ่างซักทีกับสิ่งที่สงสัย 555 ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆนะคะ จากคุณ : PixieChick เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 52 10:48:42

ความคิดเห็นที่ 106 ทา Retin A แล้วทำให้ผิวไวต่อแสงจริง   ดังนั้นคุณหมอจึงต้องย้ำให้ทาบางๆ และทาแค่วันละครั้ง ตอนก่อนนอน   แต่ไม่จำเป็นต้องทาปุ๊บปิดไฟนอนปั๊บ     ทว่าบางคน (โดยเฉพาะนักเรียน  ก็เครียด จะสอบ สิวยิ่งขึ้น) ที่ต้องอ่านหนังสือ หรือโดนไฟพวกหลอดไส้สีเหลืองๆ   หลอดพวกนี้รังสี UV สูงกว่าหลอดฟูลออเรสเซ็นต์    จึงแนะนำรวมๆ ไปจะเข้านอนแล้วค่อยทา   บางคนเลยเข้าใจผิดว่าทาปุ๊บต้องปิดไฟปั๊บซะงั้น จากคุณ : H2O+ เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 52 11:34:29

ความคิดเห็นที่ 107 ^^ มีสาระดีค่ะ ชอบจัง จากคุณ : keata เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 52 11:52:49

ความคิดเห็นที่ 108 ทาครีมแล้วปิดไฟเข้านอนทันทีก็ดีนะคะ ประหยัดพลังงาน และช่วยเร่งให้เรานอนหัวค่ำ ผิวพรรณน่าจะดีขึ้น และใต้ตาไม่คล้ำด้วย จากคุณ : ขอให้ฉันได้มีส่วนร่วมสักนิด... เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 52 12:40:43

ความคิดเห็นที่ 109 โหวตค่ะ ^^ จากคุณ : NooMintZy เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 52 16:47:10

ความคิดเห็นที่ 110 เราทาแล้วหน้าแดงก่ำมากๆ ย้ำว่าแดงก่ำ เหมือนคนดื่มสุรา ตรงผิวตรงจมูกกับบริวณแก้ม 2 ข้าง เหมือนผิวไหม้ เราทาหลังอาบน้ำตอนเย็น แล้วก็ดูหนัง เล่นคอม เราไม่ได้ปิดไฟนอนนะ เปิดตลอด ถ้าเป็นแบบนี้เราควรใช้ต่อมั้ยคะ จริงเราแค่ครั้งเดียวแล้วแดงมาก ก็เลยหยุดไม่กล้าใช้อีกเลย นี่มันก็ผ่านมา 5 ปีได้แล้วล่ะ จากคุณ : หอมจัง เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 52 19:41:01

ความคิดเห็นที่ 111 แถมยังลามเลียไปถึงอาชีพเภสัชกรด้วยนะเนี่ย (อยากรู้มากเลยว่าเขาสอนมาจากมหาลัยเลยรึเปล่าว่าทาแล้วต้องปิดไฟนอนทันที) ^ ^ เท่าที่เรียนมา 5 ปีนี่ ไม่เคยมีอาจานท่านไหนสอนยังงี้นะคะ จากคุณ : Purple Shoes เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 52 22:42:58

ความคิดเห็นที่ 112 แต่ผมว่าให้เชื่อแบบนั้นก็ดีแล้วนะ จะได้จำได้ว่า ถ้าทา retin-A ห้ามโดนแดด แล้วมันก็ไม่ได้ลำบากอะไรนักด้วย เพราะผมเคยทา Isotrex แล้วออกแดดเลย (ตอนนั้นไม่รู้) ปรากฏว่ามันดำเฉพาะตรงที่ทาเลย กว่าจะหายตั้งนาน จากคุณ : คนเดินบนดิน เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 52 04:07:56

ความคิดเห็นที่ 113 ขอบคุณสำหรับความกระจ่างค่ะ เพราะใช้ AHA BHA แล้วเพื่อนมันบอกว่าต้องใช้ก่อนนอน ทาเสร็จนอนเลย เพราะแสงไฟเนี้ยมันจะทำให้เราหน้าดำ   ยังดีว่าเราฟังแล้วไม่เชื่อมัน 555555+  เพราะรู้สึกเป็นตรรกะแปลกๆ ได้รับความรู้แบบนี้แล้ว ต้องเอาลิงค์กระทู้นี้ไปให้เพื่อนอ่านซะแล้วค่ะ จากคุณ : neineno เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 52 10:47:45

ความคิดเห็นที่ 114 ถึงคุณ ลูกเป็ดขี้เกียจ / Purple Shoes กระทู้นี้ไม่ได้ตั้งเป้าจะโจมตีอาชีพเภสัชกรแต่อย่างใด กระผมก็มีคนรู้จักเป้นหมอและเภสัชกร ซึ่งก่อนจะทำบทความนี้ออกมาก็ได้สอบถามข้อมูลมาเยอะพอสมควรแล้ว กระผมรู้ว่าในตำราก็ไม่ได้บอกเอาไว้ด้วยซ้ำว่าให้ทายาแล้วรีบปิดไฟนอนเพราะก็ลองเปิดอ่านดูเหมือนกัน  ดังนั้นคำแนะนำที่ผิด ๆ เหล่านี้ จึงน่าจะเกิดขึ้นจากบุคคลในอาชีพนี้บางคนหรือบางกลุ่มเท่านั้น   ท่านใดที่ไม่ได้แนะนำคนไข้ / ผู้ป่วยไปแบบผิด ๆ ก็ดีแล้วขอรับและขอเป็นกำลังใจให้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีผู้ร่วมอาชีพที่ไม่รับผิดชอบอีกบางส่วนที่ให้ข้อมูลไม่ถูกต้องอีกเหมือนกัน  (บางท่านในกระทู้นี้ก็เคยเจอมากับตัว  รวมถึงตัวปูเป้เองด้วย) บางส่วนอาจจะไม่ได้ประสงค์ร้าย แต่อาจจะตอบแบบง่าย ๆ ไปหน่อย  แบบว่า "ทาแล้วนอนเลย" ซึ่งทำให้คนไข้ / ผู้ป่วย ที่ไม่ได้มีความเข้าใจในเรื่องยาเกิดความเข้าใจผิดได้  กระแสมันก็เลยกระจายออกเป็นวงกว้างมากขึ้น กระผมคิดว่า Patients Education หรือการให้ความรู้กับผู้ป่วยนี่สำคัญนัก  อย่าตอบคำถามหรือให้ข้อมูลแบบง่าย ๆ รวบรัดเกินไป หรือขอทีไปทีเลยครับ   คุณหมอคุณเภสัชกรเข้าใจ แต่คนไข้ / ผู้ป่วย อาจไม่ได้เข้าใจตามนั้น อย่าลืมว่าคนเรามีศักยภาพ / ความรู้ ในการทำความเข้าใจเรื่องใดเรื่องหนึ่งไม่เท่ากัน   ผู้ป่วยเองก็อย่าปากหนัก  สงสัยอะไรก็ถามให้เข้าใจ ไม่ใช่เดินออกมาแบบงง ๆ หลายคนพอเข้าใจผิดไปว่าทายาหรือใช้สารพวกนี้ต้องปิดไฟนอนทันที ก็พาลคิดไปว่ายุ่งยาก ไม่สะดวก ก็เลยไม่ใช้มันซะเลย  ซึ่งเป็นการเสียผลประโยชน์ เพราะบางทียาหรือส่วนผสมตัวนั้นอาจเหมาะกับโรคหรือสภาพอาการที่เขาประสบอยู่พอดีก็ได้ - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - ความคิดเห็นที่ 112     แต่ผมว่าให้เชื่อแบบนั้นก็ดีแล้วนะ จะได้จำได้ว่า ถ้าทา retin-A ห้ามโดนแดด แล้วมันก็ไม่ได้ลำบากอะไรนักด้วย เพราะผมเคยทา Isotrex แล้วออกแดดเลย (ตอนนั้นไม่รู้) ปรากฏว่ามันดำเฉพาะตรงที่ทาเลย กว่าจะหายตั้งนาน จากคุณ : คนเดินบนดิน Ans :  ผมสงสัยว่าคุณ คห 112 ได้อ่านจริง ๆ รึเปล่าเนี่ย... กระทู้นี้ทำขึ้นเพื่อต้องการผู้ที่อ่านได้รู้ข้อมูลว่า - ในหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ มีปริมาณรังสีน้อยมากและไม่ก่ออันตรายต่อสุขภาพ - จอคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะจอ LCD แทบจะหรือไม่มีการปล่อยรังสี UV ออกมาเลย การทายา Retin-A หรือยากลุ่มกรดวิตามินเอ หรือเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของ AHAs / BHA จะทำให้เซลล์ผิวชั้นขี้ไคลบางลง ผิวจึงไวต่อการถูกรังสี UV ทำร้ายมากขึ้น (หรือ photosensitivity) ในตอนกลางวันจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหลบเลี่ยงแดดหรือทาครีมกันแดดเป็นประจำ  แต่ทันทีที่ตกกลางคืนแล้วก็ "ไม่จำเป็น" จะต้องทาครีมกันแดดเมื่ออยู่หน้าคอมพิวเตอร์ หรือต้องปิดไฟนอนทันทีหลังจากทายา ตามเหตุผลที่ยกมาให้แล้ว ส่วนในตอนกลางวันก็ต้องทาครีมกันแดดหรือหลบเลี่ยงแดดกันอยู่ดี ไม่ว่าจะใช้ยากลุ่มนี้หรือไม่ก็ตาม ไม่ได้มีข้อความส่วนใดชักชวนให้ไปตากแดดเปรี้ยง ๆ ในตอนกลางวัน หรือบอกว่าเราไม่จำเป็นต้องทาครีมกันแดดในตอนกลางวันเลยแม้แต่ส่วนเดียว   ปล่อยให้เขามีความเชื่อแบบผิด ๆ คนที่เดือดร้อนจริง ๆ ก็ตัวเขาเองนะขอรับ  พูดแบบนี้เหมือนกับว่าปูเป้ "แส่" ทำเรื่องไม่เป็นเรื่อง ปล่อยให้เขาเข้าใจไปแบบนั้นก็ดีอยู่แล้ว.... แต่มันดีจริงๆ รึ? จากคุณ : PuPe_so_Sweet เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 52 11:09:25

ความคิดเห็นที่ 115 ถึงคุณ hoshikuzu Q: differin หนือ benzac ใช้ไปนานๆมีผลต่อผิวในระยะยาวมั้ย อย่างทำให้ผิวบางลงถาวร มีสารตกค้าง หรืออย่างอื่น ไม่นับเรื่องแดดนะคะ เราโดนไซโคมาว่า เนี่ย ใช้นานๆหน้าจะบาง หน้าเสีย ขึ้นฝ้า ฯลฯ โดยผู้ที่ไม่ได้จบเภสัชมา(แม่เราเอง - -") แต่อ้างว่าเคยเห็นคนใช้ครีมแนวๆนี้ที่หมอสั่งมา แล้วหน้าเสียไปเลย ซึ่งเราว่าไม่ใช่อ่ะ อันนั้นออกแนวครีมรักษาฝ้ามากกว่า แต่ก็แอบกังวลอยู่เหมือนกัน Ans : Differin หรือตัวยา Adapalene  เป็นยากลุ่มกรดวิตามินเอ Gen ล่าสุด  เช่นเดียวกับยากลุ่มกรดวิตามินเอ ตัวยาจะไปกระตุ้น Retinoid Receptor ส่งสัญญาณให้เซลลืผิวทำงานเป็นปกติ กระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ ทำให้รูทรงของรูขุมขนสมบูรณ์ เซลล์ผนังรูขุมขนเกิดการผลัดเปลี่ยนตามวงจรปกติ จึงลดโอกาสการเกิดไมโครโคมีโด ้นเหตุของสิวทุกรูปแบบได้ ผิวส่วนที่จะบางคือชั้นขี้ไคลหรือ Stratum Corneum ที่เนชั้นฟิลม์บาง ๆ มาก ๆ เท่านั้น แต่ในทางกลับกันยากลุ่มกรดวิตามินเอจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลาเจน ทำให้ผิวชั้นในแน่นและหนาขึ้น รายละเอียดเกี่ยวกับโครงสร้างผิวและเรื่องของสิว อ่านได้ที่ Skincare Basic #2 : Understanding Skin Anatomy http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=pupesosweet&month=16-09-2008&group=6&gblog=2 Skincare Basic #12-1 : Acne 101 Part-I [What is "Acne" and how to treat it] http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=pupesosweet&month=15-01-2009&group=6&gblog=24 Benzac เป็นยา Benzoyl Peroxide  (BP) มีคุณสมบัติเป็น Keratolytic Agent ที่ผลัดเซลล์ผิวได้ด้วย  แต่ก็ก่อการระคายเคือง ทำให้ผิวแห้งกร้านได้ด้วยเมื่อใช้เป็นระยะเวลานาน   การทำงานของ BP ก็คือแตกตัวเป็น ออกซิเจน (ROS) กับ benzoic Acid เมื่อทาลงบนผิว  ROS ทำหน้าที่ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย P.Acne สาเหตุของการเกิดสิวอักเสบ  แต่ ROS เองก็ก่ออนุมูลอิสระให้กับผิวได้เช่นกัน  ดังนั้นถ้าสิวหายแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องทา BP ขอรับ  หรือถ้ามีนิดหน่อย ให้แต้มเฉพาะจุดที่เป็นสิวอักเสบก็พอ อย่างไรก็ดี อยากให้ปรึษาเภสัชกรหรือแพทย์ผิวหนังเพิ่มเติมขอรับ  เพราะยังไงซะ ูเป้ก็ไม่ใช่คนที่มีดีกรีในด้านนี้  เอาไปเป็นข้อมูลเสริมก็พอขอรับ จากคุณ : PuPe_so_Sweet เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 52 11:20:45

ความคิดเห็นที่ 116 ความคิดเห็นที่ 110     เราทาแล้วหน้าแดงก่ำมากๆ ย้ำว่าแดงก่ำ เหมือนคนดื่มสุรา ตรงผิวตรงจมูกกับบริวณแก้ม 2 ข้าง เหมือนผิวไหม้ เราทาหลังอาบน้ำตอนเย็น แล้วก็ดูหนัง เล่นคอม เราไม่ได้ปิดไฟนอนนะ เปิดตลอด ถ้าเป็นแบบนี้เราควรใช้ต่อมั้ยคะ จริงเราแค่ครั้งเดียวแล้วแดงมาก ก็เลยหยุดไม่กล้าใช้อีกเลย นี่มันก็ผ่านมา 5 ปีได้แล้วล่ะ จากคุณ : หอมจัง มันมีหลายปัจจับนะขอรับ 1. ทายามากเกินไป 2. ใช้ยาที่เ้มข้นเกินไป 3. ใช้ร่วมกับเครื่องสำอางที่มีสารก่อการระคายเคือง 4. แพ้ตัวยา ลองลดความเข้มข้นของยาที่ใช้ดู และระวังเรื่องปริมาณที่ใช้เป็นพิเศษ  ทายาหลังมอยซ์เจอไรเซอร์เพื่อให้ตัวยาดูดซึมได้น้อยลง หรืออาจจะเป็นกลุ่มยาก็ได้ ลองปรึกษาแพย์เพิ่มเติมขอรับ จากคุณ : PuPe_so_Sweet เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 52 11:24:06

ความคิดเห็นที่ 117 ความคิดเห็นที่ 96     สอบถาม จขกท. ค่ะ เคยลองซื้อ AHA มาใช้ ลองทาดูตั้งแต่ครั้งแรกก็รู้สึกว่าแสบหน้ามากๆค่ะ อันนี้ลองมานานมากแล้ว หลายปีแล้วค่ะ เมื่อประมาณ 1 อาทิตย์ได้ค่ะ ไปตรวจสภาพผิวหน้ามา พบว่า ผิวบริเวณแก้มบางมาก แบบนี้จะใช้ Retin-A ได้มั้ยคะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : ทรัมเป็ตแสนสวย ไปตรวจสภาพผิวมา พบว่าผิวบางมาก  เขาตรวจด้วยวิธีไหนรึขอรับ แล้วรู้ได้ยังไงว่าบางมาก? เคยใช้ AHAs แต่แสบผิวมาก  จำได้ไหมครับว่ายี่ห้อใด ความเข้มข้นกี่ % ค่า pH เท่าไหร่? ถ้าต้องการผลัดเซลลืผิว และมีผิว Sensitive มาก  แนะนำให้ลอง PHA หรือ Poly Hydroxy Acid อย่าง Gluconolactone เพราะมีขนาดโมเลกุลใหญ่ว่า AHAs จึงซึมเข้าสู่ผิวน้อยกว่า ( = ระคายเคืองน้อยกว่า) แล้วยังช่วยต้านอนุมูลอิสระได้ด้วย  (หาได้ตามคลีนิคขอรับ) จากคุณ : PuPe_so_Sweet เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 52 11:28:22

ความคิดเห็นที่ 118 เพื่อนดิฉันบางคนถึงขนาดปิดไฟก่อนแล้วค่อยทาเรตินเอด้วยซ้ำค่ะ เดี๋ยวจะส่งลิ้งค์นี้ไปให้เพื่อนอ่าน ขอบคุณคุณปูเป้มากๆนะคะ จากคุณ : 5 u e d * เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 52 12:58:50

ความคิดเห็นที่ 119 วันก่อนถามหมอเอก ลุมพินี ว่า ทา isotrexin gel แล้วต้องปิดไฟเลยรึป่าว หมอถามทำไม?  ก้อเลยบอกว่าหลอดไฟมันมีuv เห็นว่ายามันทำให้ไวต่อแสง.... หมอบอกว่า ไม่ต้องขนาดนั้น ทายาแล้วดูหนังจบไป2เรื่อง ก็ยังไม่เป็นไร หลอดไฟมันมีuv กระจิ๊ดดดดดเดียว ไม่ได้ทำให้ไวต่อแสงอะไรเลย ที่ว่าไวต่อแสงคือ แสงแดด ให้หลีกเลี่ยงแสงแดดต่างหาก.... จบข่าว จากคุณ : safius เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 52 13:29:53

ความคิดเห็นที่ 120 ในที่สุดก็กระจ่างสักที เฮ้อ มัวแต่กัวแสงหน้าคอมฯ แสงไฟนีออน ตลอดเวลาเลยค่ะ ตอนที่ทา AHA หรือ BHA  เคลียร์สักทีค่ะ ขอบคุงกระทู้คุงปูเป้มากๆนะคะ ได้สาระมากมายเลยค่ะ ขอบคุงค่ะ ^^ จากคุณ : MKT@ME เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 52 16:01:34