ความคิดเห็นที่ 1 เราไปในวันศุกร์ ที่เป็นสัปดาห์ที่เราทราบว่าคลีนิคจะย้าย สภาพคลีนิคเนี่ยดูแล้ว เหมือนกับกำลังเก็บของ เราไปพบคุณหมอ เห็นคุณหมอในสภาพที่หน้าตาจ๋อยๆ ตาแดงๆ เหมือนร้องไห้มา เราก็ไปกับพี่อีกคนไปถึงก็ถามคุณหมอตรงๆ ว่ายังไงกันแน่ ย้ายไม่ย้าย สิ่งที่เจอก็ทำให้เรา เซ็งมากมาย คุณหมอ ก็สรุปว่า ย้าย และย้ายกระทันคือ น่าจะอีกสองวันหลังจากวันที่เราเจอครั้งหน้า เราก็ หา อะไรเนี่ย ใครจะไปรู้ และคุณหมอบอกว่า ย้ายไป พรานนก ใครอยากทำให้ตามไป เรามานั่งคิด ค่ารถที่โน่น ไม่คุ้มแน่ไกลมากๆๆๆ     เราก็แอบกลัวจะมีเรื่องเราเลยพยายามต่อรองคุณหมอว่าขอเงินคืน คอร์สที่เหลือ คุณหมอตอบมาว่า ไม่มีเงิน สั้นๆ โอ้ววว แม่เจ้า ไรเนี่ย เราก็ตื้อๆ จนหมอตอบมาว่า ฆ่าให้ตายก็ไม่มี  กำ พี่ที่ไปด้วยเห็นว่ายังไงหมอก็ไม่คืนเงินแน่ๆ เลยขอเปลี่ยนเป็นยาในคลีนิค ตอนแรกหมออิดออดบอกไม่ให้ ๆๆ แต่พี่เค้าไม่ยอม หมอเลย เอายาให้แบบเสียไม่ได้ แต่เรา เราไม่อยากได้ยาที่นี่ เราจะเอาไปทำไม เราจะเอาเงินเท่านั้น สักพัก พนักงาน คุณ น เธอก็เดินเข้ามา และตวาดเราเสียงดัง ทำท่าทางกริยาเกรี้ยวกราดใส่เรา บอกว่า ทำไมเราต้องเอาเรื่องไปบอกคนอื่น หมอเดือนร้อนหมดแล้ว อยากจะมาเรียกร้องสิทธิ์อะไรนักหนา (พูดได้หมามาก) เราก็สวนไปว่า เราจะเอาส่วนเราคืน เราผิดอะไร แล้วหมอย้ายทำไมไม่บอกล่ะ เราลืมบอกไปว่า วันที่เราไป มีคนไปทำหน้าไป ซื้อยาที่คลีนิคอยู่เลย แต่หมอก็ทำเนียนไม่แจ้งอะไร เราเห็นเหมือนคุณหมอยังขายของขายคอร์ส เหมือนไม่มีไรเกิดขึ้น และหันมาจุ๊ๆ เราว่า อย่าบอกคนที่นั่งอยู่ เดี๋ยวหมอตาย เราก็ ไม่รู้จะทำยังไง ไปกันแค่สองคน แถม เงินเราก็ทวงไม่ได้ อยากโวย แต่แอบกลัว เห็น กริยา อาละวาด ของ คุณ น แล้ว กลัว จะเอาตัวไปเสี่ยงเปล่าๆ สุดท้ายหมอเลย ทำสัญญารับรองว่าเราเหลือคอร์สเท่าไร และรับปากวาจะคืนตังคฺเราภายในสิ้นปีนี้  ให้เราตามไปทำเราไม่ไปแน่ๆ ขยาดทั้งพนักงาน น และ คุณหมอ เพราะเราก็บอกคุณหมอว่า ทำไมพนักงาน น มารยาทแย่งี้ หมอเธอตอบว่า อย่ไปถือสา เอ้ย เข้าข้างกันนี่หว่า ยืนด่าลูกค้าฉอดๆๆๆ ให้ไม่ถือสา เราไม่รู้จะทำไง เพราะ ตอนทีร่างสัญญาพี่ที่มาด้วยกันก็กลับไปแล้ว เราอยู่คนเดียว ต้องรับๆ ไป เงินก็ไม่ได้ กลัวโดนตบด้วย (เพราะคุณ น เธอบอกกับพี่ที่ไปด้วยกับเราทางโทรศัพท์ว่าเธอจะตบเราที่ปากโป้งไปบอกคนอื่นๆ ว่าคลีนิคย้าย) เราเลยต้องคอตกกลับบ้านไป และ ในอีกสัปดาห์ต่อมาลองโทรไปก็พบว่าคลีนิคย้ายไปแล้ว อย่างเงียบเชียบไร้การแจ้งหรือบอกกล่าวบรรดาลูกค้าทั้งหลาย ตอนนี้ เราคิดว่า ไม่น่าจะยอมมันเลยไอ้คนพรรณนี้ ใครลงคอร์สที่นี่ไว้ แล้ว อยากได้เงินคืนจะมารวมตัวกันไหมคะ จะได้ไปที่คลีนิคเพื่อ เรียกร้องสิทธิของเรา ใครเป็นลูกค้าที่นี่มาลงชื่อด้วยนะคะ แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 52 17:29:36 จากคุณ : Shorty and The Freaky Dogs เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 17:27:38

ความคิดเห็นที่ 2 เอาใจช่วย จขกท นะคะ เราไม่รู้จักคลีนิคนี้ แต่เมื่อกี๊เราแอบไป search มามีการประกาศเซ้งคลีนิคนี้ด้วย ตามไปดูเองนะคะ http://www.thaiclinic.com/cgi-bin/wb_xp/YaBB.pl?board=job;action=display;num=1253083381 จากคุณ : RinaU เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 17:30:30

ความคิดเห็นที่ 3 .เอาใจช่วยละกันค่ะ...สู้ๆค่ะ แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 52 20:31:58 จากคุณ : แม่ลูกดก เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 17:47:06

ความคิดเห็นที่ 4 อ่านได้ครึ่งละ เหมือนกับตอนแรกจะให้เงินคืนคุณแล้วไปเอาส่วนต่างจากคนอื่น พอโดนแฉงานนี้โดนเอาคืนจนตังหมดไงครับ คุณมาช้าไปตังหมด - -* อ่ะโหวต จากคุณ : ผืนแผ่นดิน เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 17:55:54

ความคิดเห็นที่ 5 ขอกดโหวตสัก 18 รอบได้ไหม จากคุณ : ผืนแผ่นดิน เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 17:59:23

ความคิดเห็นที่ 6 เห็นใจเจ้าของกระทู้ค่ะ..  และเห็นใจคุณหมอ..ที่ย้ายคลินิก..   เหตุผลที่เห็นใจคุณหมอ  เพราะเข้าใจความรู้สึกค่ะ ว่าการย้ายทำเลการค้านั้นไม่มีเหตุจำเป็นจริงๆไม่มีใครอยากย้ายหรอกนะคะ หากว่าไม่ถูกอะไรมาบีบคั้น.. การขาดสภาพคล่องในการลงทุนนั้นก็เช่นกันการลงทุนธุรกิจสมัยนี้ สายป่านต้องยาวพอที่จะ ประคับประคองธุรกิจไปให้ได้.. หากสายป่านไม่ยาวพอ ก็ต้องใช้หัวอย่างมากในการหมุนเงิน..ถ้าไม่สร้างภาระเป็นงูกินหาง ด้วยการกู้เงินมาลงทุน ก็ยังเหนื่อยมากๆ ..ที่จะสู้กับรายใหญ่ๆที่เงินทุนเค้าหนากว่า.. ยิ่งถ้าสัญญาในการเช่าพื้นที่ไม่รัดกุมพอ..อาจมีปัญหาตามๆมาบีบ..ทำให้ต้องย้ายทำเลใหม่.. ปัญหาก็จะไปตกที่ลูกค้า..ที่ต้องรับภาระในการเดินทางมาใช้บริการ..ที่อาจไม่สะดวกสบาย..เหมือนที่เดิม.. แต่ที่แย่ยิ่งกว่า ..คือการแก้ปัญหา ที่ไม่อธิบายและเจรจากับลูกค้าให้เข้าใจกันแต่แรก..ด้วยคำพูดประนีประนอม สุภาพ อาจทำให้ลูกค้าเห็นใจ และเข้าใจปัญหาที่เกิด.. หากทางคลินิกมีความจริงใจ..ที่จะรับผิดชอบ การปฎิเสธตรงๆ เป็นวิธีที่ไม่เหมาะสมที่จะใช้.. วิธีที่ดี ควรกล่าวเป็นคำขอโทษ และ ขอร้องหากไม่มีเงินในการชำระคืน ก็น่าจะให้สิทธิ์ ครอสที่เหลือกับลูกค้าในการขายต่อผู้อื่น หรือยกครอสให้ผู้อื่นที่สะดวกมาใช้บริการแทน สำหรับคุณ จขกท.    เจอแบบนี้ใครๆก็หัวเสียเหมือนกันค่ะ หากเราขอเงินคืนไม่สำเร็จ การโวยวายไปก็อาจไม่เป็นผลดี และไม่เกิดประโยชน์อะไร เพราะเค้าไม่มีเงินคืนให้คุณแน่ๆ วิธีที่คุณอาจเสียผลประโยชน์น้อยที่สุดก็น่าจะเป็นวิธี ขายครอส์ต่อให้ผู้อื่น .. หรือ ยกครอส์ ให้ผู้อื่นแทน..เป็นการแลกเปลี่ยน.. เปลี่ยนจากการโต้แย้ง เป็นการต่อรอง..อาจไม่ได้คืนเต็ม 100 % และที่แน่ๆคือคุณคงเสียความรู้สึกไปแล้ว.. แต่การต่อรองคุณอาจได้คืนมา 50 % จากสิ่งที่คุณเสียไป. .. แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 52 18:32:36 จากคุณ : Phychexxx เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 18:23:46

ความคิดเห็นที่ 7 ช่วยโหวตจ้า จากคุณ : หน่วยย่อย889 เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 18:30:10

ความคิดเห็นที่ 8 ช่วยโหวดละกันค่ะ อยู่ใกล้บ้าน แต่ไม่เคยสังเกตุว่ามีคลีนิคนี้ เหอะ ๆ จากคุณ : nithar28 เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 18:34:11

ความคิดเห็นที่ 9 โห้ถ้าเป็นเรื่องจริงนี่ถือว่าคลีนิคแย่มากครับ ถือว่าเป็นการหลอกลวงผู้บริโภคหรือเปล่าครับ แบบว่าขายคอสแล้วชิ่งหนีไปเลย คนที่เพิ่งซื้อไปนี่คงเครียดสุดๆ แถมตั้งใจโกหกเห็นๆ บอกว่าไปเปิดสาขาใหม่ หลอกลวงชัดๆ แล้วพอรู้ความจริงแล้วดันห้ามไปบอกคนอื่นอีก นี่ถ้าข้อความที่ จขกท. พูดมาเป็นความจริงทั้งหมดนี่ ผมว่ามันคล้ายๆจะเป็นมิจฉาชีพแล้วครับ จากคุณ : Lennon50 เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 18:56:41

ความคิดเห็นที่ 10 แปลกเนอะ สงสัยหมอคนนี้จะไม่ต้องใจเรียนเรื่องจรรณยาบรรณแพทย์ แย่ๆๆๆ จากคุณ : แก้วเปรื่องปราชญ์นฤมาศแม้นมณี เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 19:10:27

ความคิดเห็นที่ 11 ช่วยโหวตต่อจ้า จากคุณ : ชฎาแหลม เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 19:15:54

ความคิดเห็นที่ 12 ทำแบบนี้มันเสียชื่อเสียงชัดๆ ต่อไปย้ายไปไหนก็ไม่มีใครไปอุดหนุน จากคุณ : KarumDog เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 19:33:37

ความคิดเห็นที่ 13 วันนี้เพิ่งไปแถวเอกมัยมาเอง เห็นคลีนิคนี้ด้วย แต่ไม่ได้สังเกตว่าปิดไปแล้ว เหอๆ จากคุณ : um-neyah เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 19:48:44

ความคิดเห็นที่ 14 เห็นใจ จขกท.นะคะ ช่วยโหวตให้แล้วกันนะ ปล..พนักงานที่ชื่อ น. มารยาทแย่มากๆ จากคุณ : takara yume เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 19:56:25

ความคิดเห็นที่ 15 แย่จริงๆ  เห็นใจคะ   เอาใจช่วยนะ จากคุณ : งำงำก๊าก เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 20:00:49

ความคิดเห็นที่ 16 ย้ายมาแถวพรานนกหรือค่ะ ผ่านบ่อยค่ะ  จะคอยดูว่ามาเปิดจริงหรือเปล่า เค้าเปลี่ยนชื่อคลีนิคหรือเปล่าค่ะ ขอชมเจ้าของกระทู้ที่เข้ามาเตือน และบอกกล่าวให้ทราบ จากคุณ : incog เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 20:09:29

ความคิดเห็นที่ 17 พนักงาน คนนี้อาจจะเป็นกิ๊กกะหมอก้อได้นะ ปล. เค้าคงมีปัญหาจริงๆ ไม่งั้นเค้าคงไม่ทำแบบนี้ จากคุณ : odear_yui เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 20:51:58

ความคิดเห็นที่ 18 ฟังดูเหมือนหมอจะเจ๊งนะ เราเข้าใจจขกท แต่เราก็เห็นใจหมอเหมือนกันล่ะ จากคุณ : niab เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 20:52:48

ความคิดเห็นที่ 19 สงสาร จขกท.จังค่ะ แต่ขอเห็นต่างว่าไม่เห็นใจหมอค่ะ ถึงแม้การว่าจะประสบปัญหาทางธุรกิจ เป็นเรื่องที่พอเข้าใจกันได้ แต่ควรแจ้งและอธิบายให้ลูกค้าทราบความจริง และควรยินดีชดเชยหรือคืนเงินอะไรก็ว่ากันไป แบบนี้สมควรได้รับความเห็นใจค่ะ แต่นี่ก็กำลังจะย้าย  ใจคอยังขายคอร์สได้หน้าตาเฉยโดยไม่แจ้งให้ลูกค้าทราบเลย ไม่ว่าจะอาชีพไหนถ้าเห็นแก่เงินโดยไม่มีความซื่อสัตย์ในอาชีพ ก็ไม่สมควรได้รับความเห็นใจค่ะ แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 52 21:15:37 จากคุณ : จ้อย..ยย เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 21:11:29

ความคิดเห็นที่ 20 ผ่านพรานกทุกวัน เดียวจะช่วยดูให้ครับว่ามาเปิดที่นี่หรือเปล่า กลัวเขามาเปิดเเล้วเปลี่ยนชื่อคลีนิค ปล.นัง น. นี่น่าจะไปทำอาชีพอื่นนะ จะมีการตบ จขกท.ด้วย   ถ้ามีเจตนาอย่างนั้นเเจ้งความเลยครับ จากคุณ : คุณชายขี้อาย เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 21:13:34

ความคิดเห็นที่ 21 ตอนแรกเราเห็นใจคุณหมอมากที่ ประสบปัญหา ธุรกิจ แต่เห็นสิ่งที่คุณหมอทำ คือ ไม่แจ้ง ไม่บอก เหมือนจะชิ่งหนีอ่ะค่ะ มันเลยรู้ว่า คุณหมอ ไม่ยอมรับผิดชอบสิ่งที่ทำ แม้จะบอกว่าให้ตามไปทำได้ แต่มันไกลมาก คิดง่ายๆ ถ้าย้ายไป โคราช เชียงใหม่ สงขลา เราต้องตามไปทำไหมคะ การจะ ขอคอร์สต่อ ตอนแรกเราก็บอกหมอว่าจะขายต่อ ถ้าหาได้ แต่ดูสภาพคลีนิค สภาพหมอแล้ว เราไม่กล้าจะให้ใครซื้อแล้ว เราก็ เคยหลังไหมค์ไปขายคอร์สคนในพันทิปอยู่คนนึง แต่เค้าเงียบไป เราว่า ต่อให้เค้าซื้อเราก็ไม่กล้าขาย แล้ว พนักงานชื่อ น หยาบคายมาก เราไม่กล้าตามไปทำหน้า กลัวโดน ทำร้าย หรือ แกล้ง เราอยากได้เงินคืน เพราะก็เจ็ดแปดพัน เราก็คนเดินดิน เงินแค่นี้ก็มีความหมายมาก ถ้าหมอ แสดงความรับผิดชอบมากกว่านี้ เช่น โอนคอร์ส ไปทำคลีนิคอื่นแทนที่ใกล้ๆ กัน โดยคุณหมอ จ่ายตังค์แทนในมูลค่าเท่ากัน หรือ อะไรก็ตามที่ไม่ใช่มักง่ายแบบนี้ก็คงดีสิ จากคุณ : จขกท (Shorty and The Freaky Dogs) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 21:45:33

ความคิดเห็นที่ 22 ยังไม่ได้อ่านเลย ขออกความเห้นก่อน หมอสาว และนัง น. เหวี่ยงสุดริดค่ะ แต่พี่ อ. ที่เป็นคนทำหน้าอ้ะดี เราเองทั้งครอสคาร์บ๊อกซี่ ทำหน้าเราก็ยังไม่หมด เงินก็ไม่ใช่น้อยๆ เลยที่จ่ายไป ใจจริงเราก็คิดแบบเจ้าของกระทู้จะเล่าดี ไม่เล่าดี เราคิดว่ามีคนร่วมชะตากรรมเดียวกับเราไม่น้อย ช่วงที่เราเริ่มรู้แล้วว่า คลินิคจะย้ายไปพรานนก เป็นช่วงที่เรายุ่งมากกับการทำวีซ่า ประมาณต้นเดือนกันยายน ตอนนี้มาอยู่ต่างประเทศแล้ว เราก็ถือว่าปล่อยไป แต่คุณ จขกท จุดประกายแล้ว เราขอเติมเชื้อไฟละกัน จากคุณ : เจลาติน เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 21:58:59

ความคิดเห็นที่ 23 ในฐานะ ลูก ค้า บอกได้คำเดียวค่ะ เครียดดดดดดด จากคุณ : odear_yui เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 21:59:11

ความคิดเห็นที่ 24 อ่านจากเหตุการณ์ที่ จขกท. เล่ามานะคะ เราว่าเขาตั้งใจปิดคลีนิคหนีค่ะ  เพราะว่าหากจะย้ายคลีนิคจริงๆต้องแจ้งลูกค้าล่วงหน้าพอสมควร ต้องบอกแผนที่ที่ใหม่ เบอร์โทรใหม่  ต้องมีเบอร์ที่ติดต่อได้ตลอด  คลีนิคใหม่ต้องพร้อมเปิดก่อนที่จะปิดที่เดิม   แต่พฤติกรรมที่อ่านมา มันเหมือนไม่ต้องการให้ใครรู้  ตั้งใจขายคอร์สเพิ่มโดยไม่บอกคนที่มาใหม่  ถึงเวลาก็ปิดกิจการหนี  เจตนาไม่บริสุทธิ์แน่ๆค่ะ จากคุณ : Love to be me เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 22:49:05

ความคิดเห็นที่ 25 เห็นใจลูกค้าค่ะ ควรรวมตัวกันและเรียกร้องสิทธิ์ ส่วนทางคลีนิกนี่เห็นแก่ตัวและตั้งใจโกงชัดๆ ถ้าเค้าไม่พยายามขายคอร์สต่อทั้งๆที่คลีนิกจะย้ายนี่ ก็คงจะเห็นใจ เหมือนพยายามหลอกเงินคนอื่นก่อนค่อยชิ่ง ไม่มีจรรยาบรรณเลย ลูกค้าเก่าก็แล้วไปเพราะซื้อไปแล้ว แต่ก็ต้องทดแทนในส่วนที่ยังเหลือถ้าเงินไม่มีอาจจะเป็นครีมหรือยาอื่นแทนก็ได้ อย่างน้อยน่าจะแสดงความรับผิดชอบบ้าง จากคุณ : นางเอกหนังไทย เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 23:12:17

ความคิดเห็นที่ 26 อ่านแล้ว หมอไม่จริงใจเลย รวม คุณ น ด้วย ทำไม จะย้าย จะกลัวอะไร?? บอกให้ จขกท ไม่ให้บอกลูกค้าคนอื่นนี้ มันเจตนา จงใจ "ฉ้อโกง" เลยนะคะ ชัดเจน รู้ๆๆว่าที่มันไกล ใครมันจะไป แล้วยังมีน้ำหน้ามาขายคอร์ดอีก จะให้เรียกการกระทำแบบนี้ ว่าอะไรค่ะ? ถ้าหมอจริงใจกว่านี้ คงมีจดหมายการแจ้งลูกค้าแล้วล่ะค่ะ จากคุณ : Miracles in my life เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 52 23:50:09

ความคิดเห็นที่ 27 อ่านแล้วเห็นใจจริงๆค่ะ  มาโหวตให้นะคะ จากคุณ : PuppYJr. เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 52 07:20:19

ความคิดเห็นที่ 28 ช่างทำกันลงคอ!! เห็นใจค่ะ จากคุณ : ~ ShiriN ~ เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 52 08:59:36

ความคิดเห็นที่ 29 ไปเห็นใจคุณหมอทำไม เราไม่อยากจะว่านะ แต่คนที่เป็นหมอ เอาอาชีพหมอ ที่เรียนมาแสนลำบาก กว่าจะจบได้ มาเปิดคลีนิคหน้า ที่ทำรายได้ สูง เสี่ยงต่ออันตรายน้อย  งานเบา สบาย และแถม ยังให้บริการไม่ดี ไม่รับผิดชอบต่อลูกค้าอีก เห็นใจทำไม จากคุณ : รำเจียก เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 52 09:48:25

ความคิดเห็นที่ 30 กำลังคิดว่าจะไปทำคลินิคนึงที่เพิ่งเปิดแถวบ้านซักหน่อย เห็นว่าซื้อ1แถม1คอรส ไม่กล้าเลย ถ้าย้ายไปจะตามไปทำไหวมั้ยน้า เห็นใจเจ้าของกระทู้มากค่ะ จากคุณ : tuniez83 เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 52 11:07:00

ความคิดเห็นที่ 31 แจ้งสคบ. ไว้ด้วย จะดีมากครับ จากคุณ : 007 (panaratb) เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 52 11:11:59

ความคิดเห็นที่ 32 เล่นลอยแพลูกค้าแบบนี้ ไม่ไหวละมั้งคะ คุณหมอ ไอ้ที่พอจะเห็นใจบ้างเรื่องการทำธุรกิจ มันจะกลายเป็นเสียงด่าแทนละนา... เปิดอกเคลียร์ตรง ๆ แฟร์ ๆ ดีกว่ามั้ยคะ ไอ้ที่หนักจะได้กลายเป็นเบา เห็นใจคุณจขกท.กับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบมากกว่าค่ะ จากคุณ : ล๊อกเก๊ตรูปหัวใจ เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 52 11:28:36

ความคิดเห็นที่ 33 ร้องเรียนแพทย์สภาด้วยนะคะ มีชื่อคุณหมอใช่ไหมคะ ไม่งั้นเดี๋ยวไปเปิดที่อื่น ทำอย่างนี้อีก แจ้งสคบ. และแพทย์สภาด้วยเลยค่ะ ป.ล. คุณคห. 6 คะ จากที่เราอ่านเราไม่เห็นใจคุณหมอเลยแม้แต่น้อย คือคุณจะทำธุรกิจไปได้สวยหรือไปได้ไม่สวย ก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะมาเอาเปรียบคนอื่นนะคะ และยิ่งรายนี้เจตนาชัดเจนว่ากะ "ชิ่ง" มันเกินไปค่ะ เราว่าไม่ควรยอมประนีประนอมแล้วรับแค่ 50% นะคะ เพราะเงินทองทุกคนก็หายากด้วยกันทั้งนั้น จะมาแบบ "ถ้าไม่โวยวายก็อาจได้คืนบ้างไม่มากก็น้อย โวยวายไปเลยอด" กลายเป็นผู้บริโภคมีทางเลือกแค่ว่า "คืนให้แค่นี้แหล่ะ จะเอาหรือไม่เอา อยากโวยดีนัก ไม่คืนมันซะเลย สมน้ำหน้า" อย่างนี้ มันเหมาะแล้วจริงๆ หรือ? สำหรับเรา "ถ้าไม่คืนให้ครบ ก็คุก" บาทเดียวก็ไม่ยอม และที่พูดนี่เคยทำมาแล้วด้วย เอาเรื่องบริษัทใหญ่โตจนชนะมาแล้ว ด้วยตัวคนเดียว ที่รักษาสิทธิ์นี่ล่ะค่ะ ไม่ได้มีเส้นใดๆ ถึงได้อยากให้ทุกคนรักษาสิทธิ์ของตัวเอง เสียเงินเสียเวลาไม่เป็นไรเงินบาทสองบาทมันไม่ใช่เรื่องใหญ่  แต่การเปิดโอกาสให้คนชั่วๆ ได้มีช่องทำร้ายคนในสังคมต่อไป นั่นล่ะค่ะที่เรียกว่า" ไม่คุ้ม" สำหรับเรา จากคุณ : Love Actually is.. เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 52 12:47:58

ความคิดเห็นที่ 34 นี่ขนาดเป็นหมอ ~ * ......... จากคุณ : my kate space เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 52 12:49:19

ความคิดเห็นที่ 35 อย่าไปยอมค่ะ เป็นหมอ จริงๆถ้าไม่โลภทำงานช่วยเหลือคนในโรงพยาบาลรัฐก้ได้ ตามเจตนารมย์ของรัฐบาลที่สร้างหมอเพื่อดูแลรักษาคนไข้ให้หายจากโรค เพื่อให้ประชาชนชาวบ้านมีสุขภาพที่ดีขึ้น แต่นี่เลือกที่จะรวย เอาเงินที่รัฐบาลลงทุนให้คุณเรียนไปเปิดคลินิคเสริมความงามหาเงินเข้ากระเป๋าคุณเองแล้ว ยังไม่เท่าไหร่ แต่นี่ เล่นโกงเงินคนอื่นอีก เห้ออออ ... เห็นใจพนักงานคนกินเงินเดือนทั่วไปที่เค้าไม่หาเงินง่ายๆเหมือนคุณบ้างสิค้ะ แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 52 13:25:31 จากคุณ : zizziieOmizziie (zizziieomizziie) เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 52 13:24:17

ความคิดเห็นที่ 36 ปรกติจะชื่นชมความเห็นของคุณ..Love Actually is..เสมอๆ และมักจะให้ Givf ทุกๆครั้งที่อ่านความเห็นที่ถูกใจ   ผิดหวังกับความคิดและคำพูดของคุณ   มากค่ะ ป.ล. คุณคห. 6 คะ จากที่เราอ่านเราไม่เห็นใจคุณหมอเลยแม้แต่น้อย คือคุณจะทำธุรกิจไปได้สวยหรือไปได้ไม่สวย ก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะมาเอาเปรียบคนอื่นนะคะ และยิ่งรายนี้เจตนาชัดเจนว่ากะ "ชิ่ง" มันเกินไปค่ะ ดิฉันเอาตัวเองมาเปรียบเทียบอะไรตรงไหน..กันค่ะ เพียงแค่อธิบาย ส่วนเรื่องเห็นใจนั้น..ดิฉันพูดโดยรวมๆ สำหรับคนทำธุรกิจ..ค่ะ ไม่ได้อ้างธุรกิจงานของตัวเองเลย.. ดิฉันก็ได้ออกความคิดเห็นและตำหนิคลินิกไปแล้ว หากว่า คลินิกมีความจริงใจพอ.. และ ควรจะออกมาชี้แจงและ ขอโทษลูกค้า คุณอ่านแล้วจับประเด็นไปอย่างไรว่าดิฉันต้องการเอามาเปรียบเที่ยบกับตัวเอง.. เป็นเพียงความคิดเห็นของดิฉันเท่านั้นไม่ได้มีเจตนาจะเข้าข้าง คลินิกเลย ...และเข้าใจความรู้สึกของคุณจขกท.ด้วยค่ะ.. จากคุณ : Phychexxx เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 52 15:35:26

ความคิดเห็นที่ 37 เอ่อ....คุณ Phychexxx  เข้าใจอะไรเราผิดรึเปล่าคะ เราไม่ได้บอกว่าคุณเอาตัวเอามาเปรียบเทียบตรงไหนเลย ลองอ่านใหม่นะคะ ที่เราบอกว่า "คือคุณจะทำธุรกิจไปได้สวยหรือไปได้ไม่สวย ก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะมาเอาเปรียบคนอื่นนะคะ" เราหมายถึง "หมอ" ค่ะ ไม่ใช่คุณ (-_-') เราบอกไว้ด้านหน้าว่าเราเอง" ไม่เห็นใจคุณหมอเลย"   "เอาเปรียบ" หมายถึงคุณหมอที่ทำธุรกิจไม่สำเร็จ แล้วมาเอาเปรียบลูกค้า ไม่ใช่คุณเอาอะไรมาเปรียบเทียบเลยค่ะ ที่เราบอกว่า "ทำธุรกิจไปได้สวยหรือไม่" เราหมายถึงคุณหมอค่ะ  (-_-') ซึ่งเรา refer ถึงความเห็นของคุณก็เพื่ออธิบายต่อจากความเห็นที่ 6 ของคุณ ที่อธิบายว่าหากจะเห็นใจทางฝั่งหมอ ก็เพราะเขาเองก็คงลำบาก เราจึงอธิบายว่าประมาณว่า "ต่อให้เขาลำบาก เขาก็ไม่ควรมาเอาเปรียบคนอื่นอย่างนี้" เท่านั้นค่ะ สิ่งที่เราอยากสื่อก็คือ ผู้บริโภคไม่ควร "ยอม" หรือประนีประนอมใดๆ เพราะเงินทุกบาท มีค่า หายากเหมือนกันทุกคน ไม่ว่าจะหมอ หรือคนอื่นๆ หากจ่ายไปแล้วไม่ได้รับสินค้าหรือบริการตามที่ตกลงกันไว้ ก็สมควรได้รับคืนทุกบาท ทุกสตางค์ จะผิดหวัง จะไม่ให้ Give อีกต่อไปก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่อยากเข้ามาอธิบายเท่านั้นเอง เผื่อว่าเข้าใจกันผิด ยังย้ำจุดเดิมนะคะ ผู้บริโภค ไม่ควรยอมหรือหยวน เพราะหลายๆ รายหยวนๆ เข้า คนทำก็ได้ใจ ทำต่อๆ ไปสังคมก็เดือดร้อน และการทำธุรกิจไม่ประสบความสำเร็จก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะมาเอาเปรียบสังคมได้ด้วย   ถึงจะไม่ถูกใจใคร จะได้กิ๊ฟหรือไม่ เราก็ยังยืนยันค่ะ แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 52 16:46:56 จากคุณ : Love Actually is.. เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 52 16:03:48

ความคิดเห็นที่ 38 เริ่มมาคุอีกแหละ..... ************************************* "ป.ล. คุณคห. 6 คะ จากที่เราอ่านเราไม่เห็นใจคุณหมอเลยแม้แต่น้อย คือคุณจะทำธุรกิจไปได้สวยหรือไปได้ไม่สวย ก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะมาเอาเปรียบคนอื่นนะคะ" ************************************* เราอ่านก็เข้าใจว่า.."คุณ" ในความหมายของที่ Love Actually is..พูดนี่เชื่อมถึงที่พูดว่า ไม่เห็นใจคุณหมอแม้แต่น้อย ที่คุณหมอเอาเปรียบลูกค้า  "คุณ"ในที่นี้ก็น่าจะหมายถึง"คุณหมอนั่น"  ใช่ป่ะคะ? หรือเข้าใจผิด . . ไม่เห็นจะเอาคุณPhychexxxไปเปรียบเทียบอะไรตรงไหนเลย Phychexxx   :   "คุณอ่านแล้วจับประเด็นไปอย่างไรว่าดิฉันต้องการเอามาเปรียบเที่ยบกับตัวเอง.." ไม่ค่อยจะเข้าใจที่คุณกำลังอธิบายอ่ะค่ะ (จริงๆนะจ๊ะ ไม่ได้ยั่วโมโห และไม่ได้เข้าข้างคุณLove Actually is..  พอดีว่าคอมเม้นคุณอยู่อันสุดท้าย อ่านแล้วสะดุด งงๆ) จากคุณ : Whitz เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 52 16:05:20

ความคิดเห็นที่ 39 ^ ^ ^ ^ โอ้..... เราเข้าใจตรงกันนี่หน่า ................. พอแหละ เดี๋ยวกระทู้จะดราม่า จากคุณ : Whitz เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 52 16:07:43

ความคิดเห็นที่ 40 ขอบคุณ คห. 38 ค่ะ ใช่แล้วจ้า คำว่า "คุณ" ของเรา หมายความไปถึง "คุณหมอ" ค่ะ อยู่ๆ ก็โดนโกรธ (T_T)   ช่วงนี้ยังไงก็ไม่รู้ ไปไหนก็โดนด่้า......ไม่ได้ทำอะไรก็โดน เมื่อวานไปติดต่องานอยู่ๆ ก็โดนเจ๊โหดที่ไหนไม่รู้มาด่าเอา (ฮือ........เสียจัย.......... ไม่เกี่ยวกะเราซะหน่อย) พอโทรไปติดต่องานก็โดนด่า (ด้วยเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับเรา) เมื่อเช้าก็โดนอีกประมาณนี้อีก ฮือ.......นายขา นายไม่อยู่หนูโดนรังแก (หนูเลยแอบเล่นเน็ตซะเลย ไม่ทงไม่ทำมันแล้วงาน โดนด่าอยู่ได้ หูจะแตก) พอมาเล่นเว็ปบอร์ดก็...........................โดนด่า.......................แง.........................ดวง ตก..................................................!! ไม่เล่นด้วยแล้ว ไปดีกว่า แว๊บบบบบ ปักป้ายพักจากเว็ปบอร์ดชั่วคราว จากคุณ : Love Actually is.. เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 52 16:17:21

ความคิดเห็นที่ 41 ขอโทษทีค่ะ อ่านไม่ละเอียดดี..ขอโทษคุณ Love Actually is..     คืออย่าสรุปว่า ด่า เลยค่ะ เพียงแค่ตัดพ้อ..ที่เข้าใจผิดในเจตนา และเป็นความเข้าใจผิด..ในการอ่าน ขอบคุณที่ส่งหลังบ้านมาบอก ถ้าไม่ส่งมาแล้วเราอ่านผิดๆไปเองจริงๆ คงรู้สึกละอายใจมากกว่านี่.. ขอโทษอีกครั้งค่ะ จากคุณ : Phychexxx เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 52 17:03:56

ความคิดเห็นที่ 42 โอ๋ๆ.. ทั้งหนูเลิฟกับคุณPhychexxx ... ดีกันค่า เข้าใจผิดกันเล็กน้อยน้อ .. จากคุณ : จ้อย..ยย เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 52 18:50:41

ความคิดเห็นที่ 43 ไม่เห็นใจคุณหมอค่ะ คห.6คะ คุณหมอทำไม่ถูกนะ คุณจขกท คุณควรไปแจ้งความที่ น ขู่จะตบค่ะ เล่นให้ถึงที่สุดไปเลย เผลอๆคลีนิคนี้หมอมีทะเบียนหรือเปล่าก็ไม่รู้   เช็คดูหน่อยก็ดี จากคุณ : Yellow Sjipsjip เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 52 19:46:57

ความคิดเห็นที่ 44 แอบขำป้าดร้านะ ตอนแรกเราก็งงว่าเอ๊ะ โมโหอะไร เลยลองอ่านอีกที อ้าวป้ามีโค้ดคำพูดมาด้วยชัดเลย ดีกันๆนะคะ คนไทยทั้งนั้น จากคุณ : ฉันคือความหวังของวันพรุ่งนี้ เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 52 23:29:07

ความคิดเห็นที่ 45 ขอติงความเห็นที่ 29นะครับ ในฐานะที่เป็นหมอผิวหนังคนหนึ่ง อ่านข้อความที่คุณpostแล้วไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ คนทุกคน อยากทำงานสบาย รายได้เหมาะสม อัตราเสี่ยงต่ำ มีคุณค่า กันทั้งนั้น ผมเห็นว่าอาชีพแพทย์ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ถ้าทำตัวเหมาะสม สิ่งเหล่านี้ก็จะตามมา ไม่ว่าจะเป็นหมอศัลยกรรมผ่าตัดทั้งวัน หรือหมอผิวหนัง ที่รักษา แต่สิวทั้งวัน ถ้าทำให้คนไข้ได้ความรู้ ได้ความเข้าใจ ได้หายจากสิ่งที่เขาทนทุกข์ทรมาน ก็มีคุณค่าในตัวเองอยู่แล้ว ดังนั้นผมว่าคุณคงใจแคบเกินไป ที่คิดว่าหมอทุกคนที่จะต้องเสี่ยงภัย แล้วถึงจะได้รับการสรรเสริญ งั้นคนที่ทำงานบริษัททั่วไป ที่ไม่ต้องเสี่ยงกับเชื้อโรค เข็มฉีดยา มีดผ่าตัด ก็ไม่มีค่าอะไรเลยเหรอ เพราะเค้าไม่ได้เสียงชีวิต แล้วก็ทำงานแลกเงิน คุยไม่คิดว่าเค้าเห็นแก่เงินกันเหรอ ทุกอาชีพมีคุณค่าอยู่ที่ตัวมันเองทั้งหมด ขึ้นอยู่กับว่า เรารักมัน แล้วทำมันให้ดีรึเปล่า ผมคงเสียใจ และผิดหวัง ถ้าเคยอยู่ใน ฐานะที่ต้องให้การรักษาคนที่มีทัศนะคติในแง่ลบ แบบคุณ แต่อาชีพแพทย์ ก็เลือกไม่ได้หรอก ว่าจะรักษา หรือไม่รักษาคนไหนบ้าง เราเป็นฝ่ายถูกคนไข้เลือก เราก็แค่ ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด  ตามความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมา บนพื้นฐานของจรรยาบรรณ ในกรณีหมอคนนี้ ผมไม่รู้จัก และไม่รู้เหตุผลเหมือนกัน แต่ความรับผิดชอบ ก็อยู่บนพื้นฐานของคนทุกคน ดังนั้นไม่ออกความเห็นครับ จากคุณ : hematoma เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 52 23:30:54

ความคิดเห็นที่ 46 โหวตให้ค่ะ ขอให้ได้เงินคืนนะคะ จากคุณ : ลิเลียน เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 52 07:59:39

ความคิดเห็นที่ 47 โหวตอีก.. จากคุณ : ว่านน้ำ เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 52 11:53:01

ความคิดเห็นที่ 48 เราไม่รู้จะทำไง เพราะ ตอนทีร่างสัญญาพี่ที่มาด้วยกันก็กลับไปแล้ว เราอยู่คนเดียว ต้องรับๆ ไป เงินก็ไม่ได้ กลัวโดนตบด้วย (เพราะคุณ น เธอบอกกับพี่ที่ไปด้วยกับเราทางโทรศัพท์ว่าเธอจะตบเราที่ปากโป้งไปบอกคนอื่นๆ ว่าคลีนิคย้าย) ููู^ ^ ^ โอ้ว อ่านแล้วปรี๊ดด ยังดีนะค่ะเป็นคุณ เป็นเรานี่วีนแตกไปแล้ว ตบมาก็ตบกลับซิค่ะ มีสองมือเหมือนกันค่ะ ยิ่งมาเอาเงินเราไปฟรีๆด้วยแล้ว ไม่ยอมแน่ๆค่ะ จากคุณ : ลูกแก้วสีเทา เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 52 15:18:44

ความคิดเห็นที่ 49 ขอโทษ จริง ๆ คะ คุณ hematoma ไม่ได้มีเจตนาจะพาดพิงถึงอาชีพเลยจริง ๆ แต่คำพูดที่ว่า "คนทุกคน อยากทำงานสบาย รายได้เหมาะสม อัตราเสี่ยงต่ำ มีคุณค่า กันทั้งนั้น" เราว่าไม่จริงค่ะ เถียงเลยว่าไม่ใช่ทุกคน สำหรับคุณ อาจจะคิดว่า งานสบาย และเงินดี คือสิ่งสำคัญ แต่อย่าลืมว่า ยังมีคุณหมอ ตามที่ธุรกันดาร คุณครูตามชายแดน ตามป่าตามเขา เราว่าจุดมุ่งหมายของคนเหล่านั้น ไม่ใช่เงิน และงานที่สบาย แน่นอน คนเราไม่มีทางเหมือนกัน คิดเหมือนกัน เราแค่คิดต่างจากคุณ เราไม่ได้มีเจตนาจะว่าอาชีพหมอ แต่ที่เราคิดว่าไม่น่าเห็นใจคุณหมอคนนี้ คือ การที่ไม่มีความรับผิดชอบต่อคนไข้ต่างหาก เพราะคุณมีหมวกหมอ สวมอยู่บนหัว คุณได้รับเกียรติจากสังคม ได้รับผลตอบแทนที่สูง ตามอัตราเสี่ยงอาชีพที่สูง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ล้วนสะท้อนไปถึง "การที่ต้องรับผิดชอบที่สูงกว่าคนปกติ" เมื่อเป็นเช่นนั้น เจ้าของคลีนิคเอง ก็น่าจะแสดงความรับผิดชอบที่ดีกว่านี้ แจ้งเตือนล่วงหน้า ไม่รับคนป่วยใหม่ ในขณะที่กำลังจะย้ายไปที่อื่น เราเข้าใจเจตนาคุณ hematoma นะ คุณอาจจะใจร้อนเกินไป ก็แน่หล่ะอาชีพใคร ใครก็ภาคภูมิใจ แต่ถ้าลองอ่าน ความเห็นของเราดี ๆ เราไม่ได้ดูถูกอาชีพหมอเลย เราดูถูก "คุณหมอที่ไม่มีความรับผิดชอบ ต่อคนไข้" ซึ่งถ้าคุณไม่ใช่บุคคลที่อยู่ในเกณฑ์นั้น ไม่จำเป็นเลยต้องร้อนตัว มาต่อว่าเรา ทั้ง ๆ ที่เราไม่ได้คุณ เข้าใจใหม่อีกครั้งนะคะ เราคุยกันเรื่องคุณหมอคนนี้ คนเดียว ที่ย้ายคลีนิค " ไปเห็นใจคุณหมอทำไม เราไม่อยากจะว่านะ แต่คนที่เป็นหมอ เอาอาชีพหมอ ที่เรียนมาแสนลำบาก กว่าจะจบได้ มาเปิดคลีนิคหน้า ที่ทำรายได้ สูง เสี่ยงต่ออันตรายน้อย  งานเบา สบาย และแถม ยังให้บริการไม่ดี ไม่รับผิดชอบต่อลูกค้าอีก เห็นใจทำไม " สมการ หมอ + รักษาผิวหน้าที่ความเสี่ยงต่ำงานสบายรายได้ดี + บริการไม่ดี + ไม่มีความรับผิดชอบ = ไม่ควรเห็นใจ คุณหมอเรียนเก่ง คงเข้าใจสมการง่าย ๆ นะคะ จากคุณ : รำเจียก เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 52 15:39:35

ความคิดเห็นที่ 50 คุณ น นี่น่าเกลียดมาก ไม่มีคำว่าความรับผิดชอบเหรอ จากคุณ : สะตอกะปิกุ้ง เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 52 15:41:29

ความคิดเห็นที่ 51 อ้อ อีกนิด ไม่อยากจะแก้ใหม่ คุณหมอคลีนิคผิว อย่าสับสนนะคะ คุณหมอสวมหมวกหมอก็จริง แต่หมวกอีกใบของคุณคือ เจ้าของกิจการหรือผู้ให้บริการเพื่อให้ลูกค้าพึงพอใจ อย่าลืม ข้อนี้เป็นอันขาด อย่าใส่หมวกหมอมาเถียง แล้วเก็บหมวกผู้ให้บริการถอดไว้ก่อน แบบว่า ไม่แฟร์ จากคุณ : รำเจียก เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 52 15:48:03

ความคิดเห็นที่ 52 แงๆๆๆ เดี๋ยวนี้ มีคนที่เป็นแพทย์ ทำอะไรได้เลวร้ายขนาดนี้เลยเนี่ย o_O จากคุณ : ~*Angellique*~ เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 52 15:52:51

ความคิดเห็นที่ 53 อย่ายอมความและขอให้ตามเรื่องจนถึงที่สุดคะ มัน เป็น สิทธิ ของ เรา อย่า ให้ ใคร มา เอา เปรียบ จากคุณ : อุดมไปด้วยความสุข เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 52 16:59:05

ความคิดเห็นที่ 54 เห็นด้วยกับคุณ hematoma นะค่ะ ทุกๆ อาชีพย่อมมีศักดิ์ศรีค่ะ และมีความลำบาก ยาก ง่าย แตกต่างกันไป อย่าหยิบยกเรื่องอาชีพมาถกเถียงกันเลยค่ะ เรามาช่วยกันแก้ปัญหาดีกว่า ว่า พอจะไปคุยกับคุณหมอได้ไหม ว่าขอคืนเงิน หรือเจรจากันนะค่ะ คิดว่าตอนนี้ คุณหมอเจ้าของคลินิค ก็คงกำลังเครียดจนจะตายอยู่แล้วค่ะ มาประนีประนอมกันดีกว่าไหมค่ะ คิดว่าน่าจะติดต่อ ขอคุยกันได้อยู่นะค่ะ ไม่น่ามีปัญหา จากคุณ : chocolate chip cookies เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 52 23:06:43

ความคิดเห็นที่ 55 อ่านะ เป็นหมอรักษาผิวหนังตามคลินิกเสิริมความงามก็ต้องทำใจนิดนึง เพราะคนไข้ที่เข้าคลินิกประเภทนี้จะไม่เหมือนคนไข้ประเภทอื่นๆ คนไข้คลินิกเสริมความงามส่วนใหญ่มักมีทัศนคติว่าเค้ามารับการบริการอีกประเภทเท่านั้น ไม่ได้มารักษาอะไร เรียกได้ว่าเป็นการใช้จ่ายนอกปัจจัย4 เพราะสิ่งที่มารักษาบางคร้ังก็ไม่ได้นับว่าเป็นโรคภัยไข้เจ็บอะไร จึงคาดหวังservice mindจากหมอพอสมควร หมอตามคลินิกประเภทนี้จึงต้องมีservice mindพอสมควร มากกว่าหมอประเภทอื่นๆ ไม่เกี่ยวกับกระทู้เท่าไหร่ เข้าเรื่องก็คือเห็นใจทั้งสองฝ่าย แต่คิดว่าคลินิกควรมีความรับผิดชอบมากกว่านี้ ถ้าทางคลินิกมาพูดตกลงกันดีๆคิดว่าน่าจะหาทางออกได้ ยังไงก็ลองเอาใจเค้ามาใส่ใจเรากันทั้งสองฝ่ายนะคะ จากคุณ : หอยจ๊อหอเจี๊ยะ เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 52 23:43:21

ความคิดเห็นที่ 56 ก็นะคะเราว่าก็เอาใจเขามาใส่ใจเราเนอะ เราว่าคุณหมอก้ผิด แต่แกก็คงไม่มีเงินจิงๆนั่นแหละ อย่างที่ว่าหนี้เสีย เรียกร้องไปก็คงไม่ได้อะไรคืนมา "สมการ หมอ + รักษาผิวหน้าที่ความเสี่ยงต่ำงานสบายรายได้ดี + บริการไม่ดี + ไม่มีความรับผิดชอบ = ไม่ควรเห็นใจ " ตอนแรกจขกท.บอกว่าที่นี่ถูกใช่ไหมค่ะ =กำไรน้อยกว่าที่อื่นใช่ไหม คุณรู้ได้ไงค่ะว่าเค้ารายได้ดี การเป็นเจ้าของกิจการมีความเสี่ยงสูงนะคะ ถ้าเคยทำธุรกิจคงจะรู้ แล้วเราเห็นว่า แต่ก่อนเค้าดี พอมีปัญหาทางการเงินเลยค่อยไม่ดีไม่ใช่หรอค่ะ เราไม่ได้บอกว่าคุณหมอทำถูกนะ แค่ การที่เราไม่เห็นด้วยกะเค้า ไม่ได้แปลว่าเห็นใจเค้าไม่ได้นี่คะ จากคุณ : [Lucifa"Lament] เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 52 23:54:02

ความคิดเห็นที่ 57 ชอบใจความคิดเห็นที่ 45 ค่ะ บอกตรงๆว่าเราเองก็ไม่ได้เห็นด้วยกับการกระทำของเจ้าของคลินิกนี้ คิดว่าไม่เหมาะสมเท่าไหร่ แต่ขอออกความเห็นสักเล็กน้อย... - กรุณาอย่าเหมารวมทั้งอาชีพ เพราะทุกๆอาชีพก็มีทั้งคนดีและคนไม่ดีนั่นแหละ - และกรุณาไม่ต้องย้ำบ่อยๆกันก็ได้ค่ะ ว่าเอาเงินของรัฐบาลมาเรียน (แต่ม.รังสิตเค้าใช้เงินตัวเองนะ) ไม่ได้ไม่สำนึกนะ แต่จริงๆแล้วคนที่เรียนมหาวิทยาลัยของรัฐบาลก็ใช้เงินของรัฐทั้งนั้นแหละค่ะ บางคณะอาจจะมากกว่าคณะแพทย์ด้วยซ้ำ - สุดท้าย.. เราว่าเปิดคลินิกผิวหนังนี่ความเสี่ยงไม่ต่ำนะคะ ความเสียงจากการใช้ยามันก็มี แถมยังมีเรื่องความพอใจของผู้ป่วยที่สูงกว่าคลินิกรักษาโรคทั่วไปด้วยซ้ำ แต่อาจจะเสี่ยงน้อยในเรื่องไม่ต้องไปสัมผัสกับพวกเลือด น้ำเหลือง มากกว่า จากคุณ : tachycardia เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 52 13:33:00

ความคิดเห็นที่ 58 สำหรับผมแล้ว ทุกอาชีพมีทั้งคนดีและไม่ดีต่างกันไป ทุกอาชีพมีคนที่ไม่ซื่อสัตย์ในหน้าที่การงาน แต่สำหรับอาชีพแพทย์แล้ว จะถูกจับตามองเป็นพิเศษ ครับ ผมเห็นใจ จขกท เหมือนกัน ขอให้ได้เงินคืนหรืออะไรก็ได้ที่คุ้มค่ากับเงินที่เสียไปนะครับ ปล.ไม่ค่อยเกี่ยวกับเนื้อหากระทู้เท่าไหร่ ขออภัยครับ แก้ไขเมื่อ 05 พ.ย. 52 23:16:33 จากคุณ : Algae เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 52 23:12:46

ความคิดเห็นที่ 59 เราไม่รู้จะทำไง เพราะ ตอนทีร่างสัญญาพี่ที่มาด้วยกันก็กลับไปแล้ว เราอยู่คนเดียว ต้องรับๆ ไป เงินก็ไม่ได้ กลัวโดนตบด้วย (เพราะคุณ น เธอบอกกับพี่ที่ไปด้วยกับเราทางโทรศัพท์ว่าเธอจะตบเราที่ปากโป้งไปบอกคนอื่นๆ ว่าคลีนิคย้าย) ^ ^ ^ แล้วถ้าคนที่จ่ายเงินไปแล้ว จะรวมตัวกันไปตบคุณ น. มั่งได้ไหมคะ อ่านแล้วเคืองแทนจริงๆ ค่ะ ยังไงก็ขอให้ได้เงินคืนครบนะคะ จากคุณ : Hermy เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 52 09:02:46

ความคิดเห็นที่ 60 น่าเห็นใจทั้งสองฝ่ายนะครับ ผมเป็นหมอคนหนึ่งที่ ทำกิจการคล้าย ๆ กัน เคยเปิดที่สีลม เปิดใหม่ ๆ แทบ ตาย รายจ่ายเยอะมาก ๆ ที่เราคาดไม่ถึง (โชคดีว่ามี พี่สาวและน้องสาวมาช่วย  โดยเฉพาะน้องสาวอยู่ใน วงการบันเทิงด้วย) 3 ปีเศษๆ เหนื่อยมาก ค่าเช่าเอา ไปหมด ถ้าอยู่ที่สีลมต่อ ค่าเช่าคงทะลุ 500,000บาท ต่อเดือนแล้ว อย่าตกใจ แค่ชั้นเดียว 1 ห้องกว่า ๆ เท่านั้น เราเลยถอยดีกว่า ที่แรกจะขยายสาขาแต่ไป ไม่ไหวครับเอาไม่อยู่ เราเลยถอย              ปัจจุบันเราเลยมาเปิดใหม่ใกล้กับสิทธิศักดิ์นั่นเหละ แต่ของเราเปิดก่อนประมาณ 2 ปี คลินิคเราเข้าซอยมาซัก 2 นาที บริเวณนี้เงียบจริง ๆ แต่เราเศรษฐกิจพอเพียง สอนหนังสือ เขียนหนังสือให้คณะแพทย์ต่าง ๆ บ้าง ตอนเราเห็นใบปลิวเค้าขายคอร์ส ซื้อ 1แถม1 ยังตกใจเลย  ของคลินิคเราจะให้คนไข้จ่ายเป็นครั้งก่อน ถ้าพอใจค่อยให้ซื้อคอร์สตรงไปตรงมา ลดราคาให้ได้ก็ลด   ไม่ย้ายไปไหนหรอกครับ       เศรษฐกิจแบบนี้น่าเห็นใจคนไข้ กว่าจะหาเงินมาได้แต่ละเดือน ใช้เงินให้ถูกให้ควรดีกว่าครับ ถ้าเพื่อนจะมาเยี่ยมเยียนหรือสอบถามยินดี ให้คำแนะนำทุกท่านครับ จากคุณ : Mr.Romance เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 09:16:20

ความคิดเห็นที่ 61 มาตอบเรื่อง "แพทย์เอาภาษีรัฐไปเรียน" สำหรับทุก commentแบบนี้ค่ะ คือจริงๆ คนเป็นแพทย์หลายคน ก็ไม่ได้อยากเอาเงินของรัฐมาเรียนหรอกค่ะ ส่วนมากก็เป็นคนมีฐานะปานกลางถึงค่อนข้างดีด้วยกันทั้งนั้น เรียกง่ายๆ ว่ามีปัญญาจ่ายค่าเทอมกันเกือบทุกคนล่ะค่ะ แต่เรื่องของเรื่องคือ มหาลัยที่เก่งและมีชื่อเสียง คือ "มหาวิทยาลัยของรัฐบาล" มันมีข้อกำหนดว่า ทุกคนที่เรียน ต้องรับทุนของรัฐบาล และหลังจากนั้น ก็มาชดใช้ให้รัฐบาล ด้วยการเป็นแพทย์ใช้ทุนสามปีหลังเรียนจบหกปีแล้ว ดังนั้นหลังจากเรียนจบ จึงมีแพทย์ที่อยากเป็นอิสระ ก็จ่ายเงินชดใช้ทุน หมดไป ไม่ต้องไปทำงานใ้ช้รัฐ ซึ่งรัฐส่งเสียให้เรียน ซึ่งถ้านับกันจริงๆ ก็คือ การใช้ทุน ชดเชย ให้รัฐบาล ตามกำหนดเงื่อนไข ของรัฐบาล(ไม่ใช่ตามกำหนด ตามใจฉัน ) มีระยะเวลารวมคือ 3 ปี   ค่ะ !!!!!!!!!!!! ใครชดใช้น้อยกว่านี้ ต้องจ่ายเงินให้รัฐบาล โดยไม่มีข้อยกเว้นค่ะ หลังจากนี้ หากใครจะอยู่ในระบบ รัฐบาลก็อีกเรื่องหนึ่งค่ะ ดังนั้น กรุณา อย่าเหมารวม เอาว่า เป็น แพทย์ นั้น ต้องเป็นหนี้รัฐ เป็นหนี้ประชาชน เป็น( ^o^ )แผ่นดินมันตลอดไป ไม่มีกำหนดสิ้นสุด ค่ะ !!!!!!!!!!! แพทย์ก็เป็นบุคคลธรรมดา หากจะเปรียบ ก็เหมือนคนเอาทุนรัฐบาลไปเรียน กลับมาแล้ว (ไม่ได้โดดทุนหรือสมองไหล) ทำงานใช้รัฐบาลตามกำหนดเงื่อนไขหรือถ้าไม่ทำงานตามที่รัฐบาลตกลงก็ต้องชดใช้ด้วยเงินหรือทรัพย์สิน และทีสำคัญไม่ว่าจะอยู่องค์กรใดๆ(แม้แต่เอกชน)ในประเทศไทย ก็ยังคงเสียภาษี ยังเป็นฟันเฟือง ให้ประเทศไทยเจริญได้ นั่นหละค่ะ ------------------------------------------------------------------------------ มาถึงประเด็นที่ แพทย์ปิดคลินิกหนีคนไข้ หลอกเอาคอร์สไปขาย กรณีนี้ ไม่ได้เกี่ยวกับว่าแพทย์เป็นหนี้บุญคุณของรัฐต้องทำงานรับใช้ประชาชน ทำไมถึงทำกับประชาชนได้ มันคนละประเด็นกัน!! กรณีนี้ เกิดจาก ความไม่มีประสบการณ์ของผู้เปิดคลินิก ไม่มีความรับผิดชอบต่อคนไข้ ไม่มีจรรยาบรรณที่ดีในการประกอบอาชีพ ทุกอย่างเป็นเหตุผลของหน้าที่ความรับผิดชอบของแพทย์คนนั้นเองค่ะ  ไม่ได้มาเกี่ยวอะไรกับรัฐบาลและภาษีแผ่นดินแต่อย่างใดค่ะ จากคุณ : ~*Angellique*~ เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 14:22:14

ความคิดเห็นที่ 62 จขกท. เป็นไงบ้างคะ คิดได้อีกวิธี ลองเจรจาดูว่า จะแจ้งเรื่องร้องเรียนไปที่แพทยสภา เราว่าเค้าคงกลัวมากกว่า สคบ. แม้ว่าเรื่องราวจะเล็ก(เมื่อเทียบกับเคสอื่น) แต่มันจะเป็นประวัติด่างพร้อยของคุณหมอ เบอร์แพทยสภานะคะ ลองโทรไปถามดูรายละเอียด 02-5901880-1 ปล. เรื่องที่อ้างว่าไม่มีเงิน พอทำใจรับได้ แต่ถึงกับไม่มีเครดิต หยิบยืมใครมาจ่ายก่อนเลย มันแปลกมาก เงินไม่ได้เยอะมากมาย จากคุณ : รำเจียก เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 17:24:10