PANTIP.COM : Q8533331 เพชรจ๋า… มาหาฉันนะเธอ (ซื้อเพชรอย่างไร ไม่ให้โดนหลอก) [แฟชั่น]

ความคิดเห็นที่ 1

@@@ก่อนจะซื้อเพชรควรรู้อะไรบ้าง@@@

สั้นๆง่ายๆ และเป็นพื้นฐานของเพชรทุกเม็ด CCCC หรือ 4Cนั่นเอง

หลายๆคนเริ่มงง ว่า4Cคืออะไร มันย่อมาจาก

1) Carat หรือน้ำหนักของเพชร สาวๆเชื่อกันว่า ความรักของหนุ่มๆจะแปรผันตรงกับCตัวแรกนี้ แต่ยิ่งเพชรหนักเท่าไหร่ กระเป๋าเงินของคุณจะเบามากเท่านั้น

2) Color หรือสีของเพชร คนไทยจะเรียกว่าน้ำ ยิ่งขาวเท่าไหร่ก็ยิ่งแพ๊งแพง ฝรั่งใช้หน่วยเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ เริ่มจาก D หรือคนไทยเรียกว่าน้ำ100 ไล่ไปเรื่อยๆจนถึง Z และเมื่อสีของเพชรต่ำกว่า Z เมื่อไหร่ เราจะจัดสีของเพชรเม็ดนั้นๆอยู่ในหมวดเพชรสีแฟนซี ซึ่งผมจะขอยกไปพูดเรื่องเพชรสีแฟนซีอีกที เพื่อไม่ให้งงครับ

3) Clarity หรือ ตำหนิ หลายๆคนเข้าใจคำว่าตำหนิของเพชรผิด คนส่วนใหญ่ไปซื้อเพชร เวลาพ่อค้าถามว่าเอาตำหนิอะไร หรือ เอาตำหนิเกรดไหน มักจะตอบว่า ไม่เอาเพชรมีตำหนิ ถ้าเจอพ่อค้าที่ดีก็โชคดีไป ถ้าเจอพ่อค้าที่ไม่ดีหน่อยก็จะเตรียมเอามีดมาลับทันที
เช่นกัน เวลาเข้าไปซื้อร้านเพชร แล้วถามพ่อค้าว่าตำหนิอะไร แล้วเค้าตอบว่า ไม่มีตำหนิ ให้คิดในใจเลยว่า มันโกหก แล้วรีบเดินออกมา (คิดในใจพอนะ ถ้าคิดเสียงดังไป อาจโดนถาดวางเพชรแถมออกมาด้วย)

เพชรเกือบทุกเม็ดมีตำหนิหมด แล้วแต่ว่าจะมากน้อยแค่ไหน เพชรที่ไม่มีตำหนิเลยก็มี แต่มั่นใจได้ว่า มันไม่ใช่เม็ดที่อยู่ในมือพ่อค้าที่พูดปากเปล่าว่า “ไม่มีตำหนิ” หรอก

แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเม็ดไหนตำหนิเยอะ หรือ ตำหนิน้อยละ?

เอากล้องLoupe ที่มีกำลังขยาย 10 เท่าส่องครับ หลายคนงงว่ามันคือกล้องอะไร มันก็คือกล้องที่เอาไว้ส่องพระนั่นแหละ แต่ก่อนจะส่อง ต้องเช็ดเพชรก่อนนะครับ ไม่งั้นจะเห็นขี้ฝุ่นเป็นตำหนิได้ และเมื่อส่องลงไปแล้ว คนส่วนใหญ่ที่ไม่เคยส่องเลย ก็จะพบว่า “ไม่มีตำหนิเลย” หรือบางคนงงหน่อยก็จะดูไม่รู้เรื่องเลยครับ เพราะว่าเหลียมเพชรมันเยอะ ดูไปดูมา ตามันก็พาลจะลาย

สำหรับคนที่ส่องเพชรแล้วไม่เจอตำหนิเลย ไม่ได้หมายความว่า เพชรเม็ดนั้นไม่มีตำหนิครับ มันอาจจะมีก็ได้ แต่คุณมองไม่เห็นมันเอง เพราะว่าตำหนิของเพชรนั้น เล็กมากๆๆๆๆๆ (ย้ำเลยนะครับว่าเล็กมาก) อาจจะเป็นเพียงแค่จุดขาวๆจุดนึงเล็กๆ ที่อาจต้องใช้เวลามองเป็นสิบนาทีกว่าจะเจอ หรืออาจจะเป็นเส้นขีดบางๆ เหมือนเยื่อใยระหว่างเราสองคน ฟังดูเหมือนจะเป็นเรื่องเล็กๆ แต่ถ้าฟังส่วนต่างของราคาแล้วอาจจะไม่เล็กเลยทีเดียว

การจัดเกรดของตำหนิ จะแบ่งเป็น IF (Internal Flawless) หรือไม่มีตำหนิภายในเพชรเลย ราคาแพง
VVS1 – VVS2 (Very Very Slight included) มีตำหนิน้อยมากๆๆๆ ตำหนิจะเป็น pinpoint หรือจุดเล็กๆ เหมือนปลายเข็ม และตำหนิต้องเป็นสีขาวเท่านั้น
VS1 – VS2 (Very Slight included) ตำหนิน้อย ใช้เวลามองพอสมควร เมื่อส่องจากกล้อง loupe ซึ่งตำหนิตั้งแต่เกรดนี้ที่พ่อค้าเมื่อเอามาขาย มักจะบอกว่าไม่มีตำหนิ เห็นไหมว่ามันต่างกับIFตั้งหลายเกรดแหนะ
SI1 – SI2 (Slightly included) เมื่อเอากล้องส่อง สามารถเห็นตำหนิได้ง่าย
I1 – I2 – I3 (Imperfect) ตำหนิเยอะมาก สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า

4) และก็มาถึงอันสุดท้าย Cut หรือการเจียรนัยนั่นเอง เป็นสิ่งที่สำคัญเกือบที่สุด แต่จะถูกละเลยมากที่สุด สังเกตุได้ว่า เวลาลูกค้าเข้ามาซื้อเพชรจะไม่ค่อยถามรายละเอียดส่วนนี้หรอก เข้าใจว่าไม่ค่อยรู้เรื่องในการเจียรนัยเท่าไหร่ ส่วนใหญ่พ่อค้าจะแนะนำว่า เพชรเบลเยี่ยม ลูกค้าก็จะเข้าใจว่า เพชรดี โดยที่ยังไม่รู้เลยว่า เพชรเบลเยี่ยมมันคืออะไร!!

การจัดเกรดการเจียรนัย จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลักๆ คือ

Proportion หรือ สัดส่วน **ย้ำเลย** สำคัญมากๆ เพชรที่Proportionไม่ดี ก็เหมือนกับสุภาพสตรีที่ผิวขาว ใบหน้าเกลี้ยงเกลา แต่อ้วนเป็นตุ่ม หรือ คุณผู้ชายที่ ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย แต่ปล่อยตัวอ้วนพุงพลุ้ย เริ่มเห็นภาพแล้วใช่ไหมครับ

Symmetry หรือ สมมาตรของเพชร สมมาตรที่ดี ทำให้รูปทรงของเพชรไม่เบี้ยว ไม่ผิดเหลี่ยมผิดมุม

Polish หรือ การขัดเงาพื้นผิวของเพชร ไม่มีรอยขีดข่วนที่เกิดจากการขัดทิ้งไว้

สุดท้ายจะรวมเกรดทั้ง3อันเข้าด้วยกัน โดยยึดเอาเกรด Proportionเป็นหลัก (หน่วยกิตเยอะสุด) ออกมาเป็น GPA เอ๊ย Cutting grade โดยจะเริ่มจาก Excellent (EX) – Very good (VG) – Good (G) – Fair (F) – Poor (จน เอ๊ย P)

จบแล้วครับกับหลักสูตรพื้นฐานแบบรวบรัดของเพชร เดี๋ยวถ้ามีเวลาจะมาเขียนต่อถึงการเลือกซื้อเพชรอย่างไรไม่ให้โดนหลอกครับ

หากมีข้อผิดพลาดประการใด หรือโดนเจ้าของร้านเพชรร้านไหนเกลียดขี้หน้าไปเลย เจ้าของกระทู้ขออภัยมา ณ ที่นี้ และขอยกความผิดทั้งหมดให้กับ คห.ถัดไปครับ
แก้ไขเมื่อ 11 พ.ย. 52 02:10:12

จากคุณ : หล่ออย่างพอเพียง

เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 52 02:09:16