|
ความคิดเห็นที่ 7 |
ผิวหนังและสารทำให้ผิวขาว
ผิวหนัง ผิวหนังทำหน้าที่สำคัญมากอย่างหนึ่ง คือ คอยปกป้องการรุกรานของสิ่งที่อยู่ภายนอก ไม่ว่าจะเป็น เชื้อโรค มลภาวะ แสงแดด อื่นๆ เป็นต้น ในชั้นผิวหนังส่วนนอกที่เรียกว่า Epidermis จะมีเซลล์ชนิดหนึ่งเรียกว่า Melanocytes คอยช่วยปกป้องร่างกายจากรังสีอัลตราไวโอเลต โดยการสร้างสารสีที่เรียกว่า Melanin โดยขบวนการที่เรียกว่า Melanogenesis ( genesis - การสร้าง ) เพื่อช่วยกรองปริมาณรังสีที่จะผ่านเข้าสู่ผิวหนังชึ้นที่ลึกลงไป Melanin แบ่งได้เป็น 2 กลุ่มคือ Eumelanins เป็น melanin ให้เฉดสีน้ำตาล หรือสีดำ Phaeomelanins เป็น melanin ให้เฉดสีเหลืองจนถึงน้ำตาลแดง เม็ดสีทั้งสองกลุ่มมีลักษณะที่ต่างกันทั้งคุณสมบัติทางกายภาพ ทางเคมี และชีววิทยา ทุกคนจะมีเม็ดสีทั้งสองชนิดในปริมาณสัดส่วนที่ต่างกัน จึงทำให้สีผิวและสีเส้นผมต่างกัน
ความผิดปกติเกี่ยวกับเม็ดสี แบ่งได้เป็น 2 ระดับความรุนแรง ได้แก่ ลักษณะเม็ดสีที่ผิดธรรมดาเล็กน้อย ได้แก่ การตกกระ ( freckle ), ฝ้า ( chloasma ), Hypermelanosis กรณีที่รุนแรงกว่าข้อ 1 ได้แก่ การเกิด lentigines, solar lentigo, malignant melanomas
สารทำ ให้ผิวขาว ได้มีการพัฒนาให้ได้สารที่ทำให้ผิวขาวขึ้น โดยอาศัยหลักการทำงานรบกวนชบวนการสร้างเม็ดสี ซึ่งมีหลักการออกฤทธิ์ได้หลายวิธี ดังนี้ เลือกทำลาย Melanocytes หรือลดการทำงานของ Melanocytes ทำให้การสร้างเม็ดสีลดลง ยับยั้งการสร้าง Melanosomes ( ส่วนประกอบภายในเซลล์ Melanocytes ที่ทำหน้าที่สร้างเม็ดสี Melanin ) และทำให้โครงสร้างเปลี่ยนรูปไป ยับยั้งการสังเคราะห์เอ็นไซม์ Tyrosinase ซึ่งมีความสำคัญในขั้นตอนการสร้าง Melanin ผลิตภัณฑ์ทำให้หน้าขาว หรือผิวขาวขึ้นที่มีจำหน่ายในท้องตลาด จะมีสารที่จะช่วยลดเม็ดสี ซึ่งอาจจะช่วยลดสีของ Melanin ที่ผิวหนัง หรือ ป้องกันการสร้างเม็ดสีใหม่ Kojic acid เป็น metabolite จากเชื้อราจำพวก Aspergillus และ Penicillium โดยสารนี้จะยับยั้งการสร้างเม็ดสีโดยเข้าไปยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ Tyrosinase ปริมาณการใช้ 2-4% ผลข้างเคียงค่อนข้างน้อย ได้แก่ การระคายเคือง, ผื่นสัมผัส Arbutin เป็น Hydroquinone glycoside ออกฤทธิ์โดยเข้าไปแย่งกับ Dopa ที่ Receptor site ของ tyrosinase ปริมาณการใช้ 3-7% อาการข้างเคียงค่อนข้างน้อย ได้แก่ การระคายเคือง, ผื่นสัมผัส Licorice โดยมีสารสำคัญชื่อ Glabridin สกัดมาจาก licorice extract ( สารสกัดจากชะเอม ) ออกฤทธิ์โดยยับยั้งการทำงานของ tyrosinase อาการข้างเคียงค่อนข้างน้อย ได้แก่ การระคายเคือง, ผื่นสัมผัส Vitamine C ลด melanin intermediate นอกจากนี้ยังมีสารสกัดจากพืชหลายๆชนิดที่มีการศึกษา ได้แก่ Theaciae ( สารสกัดจาก green tea ) , Compositae ( สารสกัดจาก matricaria ), สารสกัดจาก mulberry นอกจากนี้ยังมีสารที่เกิดจากการสังเคราะห์ ได้แก่ Hydroquinone ปัจจุบันเป็นสารห้ามใช้ในผลิตภัณฑ์ทาฝ้าที่วางขายในท้องตลาด การใช้ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ออกฤทธิ์โดยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ tyrosinase ในขบวนการสร้างเม็ดสี อาการข้างเคียงค่อนข้างมาก ได้แก่ ผื่นระคายเคือง ผื่นแพ้สัมผัส จนกระทั่งเกิดการสร้างเม็ดสีมากขึ้นกว่าแต่ก่อนเกิดลักษณะคล้ายฝ้าถาวร Tretinoin ( Vitamin A acid ) ทำนองเดียวกับ Hydroquinone คือ ห้ามใช้ในผลิตภัณฑ์ทาฝ้าที่วางขายทั่วไป ต้องใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ออกฤทธิ์คล้ายกับ AHA คือ กระตุ้นการหลุดร่อนของเซลล์ผิวหนัง และเร่งการสร้างผิวหนังชั้นใหม่ อาการข้างเคียงค่อนข้างมาก ได้แก่ ผื่นแดง, ผิวลอกมีสะเก็ด, ผิวสีดำไหม้ Azelaic Acid ต้องใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเช่นกัน อาการข้างเคียงได้แก่ คัน ผื่นแดง ผิวลอกมีสะเก็ด ผิวสีดำไหม้ Chemical Peels คือการทาสารบางอย่าง ( ได้แก่ AHA , Resorcinol ) ในความเข้มข้นสูงให้เกิดการลอกของผิวอย่างรุนแรง เป็นวิธีที่ได้ผลเร็ว แต่มีข้อเสียมาก คือ อาจเกิดการติดเชื้อ เกิดเนื้อตายได้
ได้ ผลจริงหรือไม่ ? สำหรับในกลุ่มสารเคมี ได้แก่ Hydroquinone, Tretinoin, Azelaic Acid และ Chemical peel ให้ผลไม่น่าพอใจนัก และมีอาการข้างเคียงที่ค่อนข้างรุนแรง ซึ่งจากการติดตามของคณะกรรมการอาหารและยา พบรายงานการแพ้อยู่บ่อยๆ อันได้แก่ ทำให้ผิวดำขึ้น เกิดฝ้าถาวร ผื่นแพ้ เกิดการลอกแดง ไหม้ จึงไม่อยากแนะนำให้ใช้ยาในกลุ่มนี้เอง นอกจากการใช้โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง สำหรับในกลุ่มที่มาจากธรรมชาติ อันได้แก่ Arbutin, Licorice, Vitamin C ซึ่งมีรายงานการวิจัยว่าช่วยลดสีของเม็ดสีได้ แต่ก็ต้องอาศัยเวลายาวนานกว่า น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับผู้ที่จะซื้อหามาใช้เองและผู้ที่เป็นไม่ มาก อย่างไรก็ตาม ถ้าพบว่าเกิดผลข้างเคียง ผื่นแดง ระคายเคือง ก็ควรหยุดใช้ทันที อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการเกิดเม็ดสีเข้มขึ้นนั้น สาเหตุส่วนใหญ่มาจากการที่ผิวหนังสร้างเม็ดสีเพื่อกรองแสงและรังสีที่มากระ ทบ ดังนั้นการใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดซึ่งมีประสิทธิภาพน่าจะเป็นวิธีการป้องกัน และรักษาที่ดี และยังช่วยป้องกันการเสื่อม ( aging ) ของผิวหนังด้วย
ที่มา http://www.mfa.go.th/web/showNews.php?newsid=16196&Qsearch=
จากคุณ |
:
hypnosis
|
เขียนเมื่อ |
:
16 ธ.ค. 52 17:36:53
|
|
|
|
|