ความคิดเห็นที่ 1 และขอขอบคุณ คุณ Handle Carefully ที่ช่วยมาโพสค่ะ ต่อไปเราก็คงจะต้องผ่าแบบ คุณ Handle Carefully นี่ล่ะค่ะ ตอนนี้เรารอฉีดยาอีกข้างค่ะ คือข้างซ้าย ที่พิมพ์นี่ล่ะค่ะ จากคุณ : girlsaimtoone เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 52 22:58:26

ความคิดเห็นที่ 2 เราขออนุญาตก๊อปข้อมูลมาจากเว็บนี้นะคะ http://www.bangkokhealth.com/index.php/2009-01-19-03-23-38/545--minimal-scar-surgery-technique-in-cts อโรคพังผืดรัดเส้นประสาทฝ่ามือ (Carpal Tunnel Syndrome) เป็นโรคที่พบได้บ่อยครับ มักเกิดขึ้นกับ ผู้หญิง วัยกลางคน  โดยจะมีอาการเริ่มต้น คืออาการชาปลายนิ้วเวลาใช้งานฝ่ามือติดต่อกันเป็นเป็นระยะเวลานานๆ เช่น ขับรถ จับเตาหลิวปรุงอาหาร หรือแม้แต่การใช้มือจับโทรศัพท์  นิ้วที่พบว่ามีอาการอยู่บ่อยๆ คือ นิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนาง ครับ หลังจากที่มีอาการเพียงครั้งคราว ถ้าปล่อยทิ้งไว้โดยไม่มีการรักษาอย่างถูกต้อง อาการชาที่เกิดจะเป็นหนักมากขึ้น นานขึ้น และมีอาการปวดตามมา อาการปวดจะร้าวขึ้นมาจากข้อมือ และ ลามไปต้นแขนข้างนั้นได้ จากคุณ : girlsaimtoone เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 52 23:02:45

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้ายังคงเพิกเฉย ฝืนทนอาการปวด และชาได้ กล้ามเนื้อบริเวณฝ่ามือก็จะเริ่มเหี่ยว ลีบเล็กลง จนเห็นได้ชัด และแรงของข้อมือ และนิ้วมือจะลดลง ไม่มีกำลังที่จะจับสิ่งของเล็กๆให้อยู่ที่มือได้ เนื่องจากที่ฝ่ามือคนเรา จะมีเส้นประสาทที่สำคัญเส้นหนึ่งที่เราเรียกว่า เส้นประสาทมีเดี้ยน (Median Nerve) เส้นประสาทเส้นนี้ นอกจากจะมีหน้าที่รับความรู้สึกบริเวณนิ้วชี้ นิ้วกลาง และนางแล้ว ยังมีหน้าที่กระตุ้นทำให้ กล้ามเนื้อฝ่ามือมีกำลัง และเคลื่อนไหวตามปกติ เมื่อมีพังผืดที่หนาตัวไปรัดเส้นประสาท อาหารหล่อเลี้ยงที่มากับ เส้นเลือดแดง ก็จะขาดหายไป เพราะ เลือดไม่สามารถวิ่งผ่านในจุดที่ถูกกดทับได้ เซลประสาทก็จะค่อยๆเสื่อมถอยลง และมีอาการต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น ตามมา ในการรักษา สิ่งที่สำคัญที่สุด คือการวินิจฉัยโรคครับ เพื่อจะบอกให้เราทราบว่า เป็นโรคนี้จริงหรือเปล่า และเป็นโรคนี้ในขั้นไหน การตรวจโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และการใช้เครื่องมือตรวจที่เราเรียกว่า EMG (Electro Myo-graphic Test) มีความจำเป็นจะช่วยยืนยันความถูกต้องมากขึ้น เพื่อที่จะดำเนินการักาต่อไป ในการรักษานั้น แบ่งเป็นสามวิธีครับ คือ 1.การทานยา ในกรณีที่เพิ่งเริ่มมีอาการไม่นาน เช่น มีอาการชาเพียงเล็กน้อย หรือ เป็นครั้งคราว การทานยาเพื่อลดอาการอักเสบ ลดอาการบวม ของเส้นประสาท (Anti inflamation Medicines) หรือการทานยาบำรุงปลายเส้นประสาท เช่น วิตามินB (Vitamin B Complex and Concentration Vitamin B12) ก็อาจจะรักษาโรคนี้ให้หายขาดได้ครับ โดยมีอัตราการหายสูงถึง 60-70% 2.การฉีดยา การฉีดยากลุ่มสเตอรอยด์ เข้าไปที่ฝ่ามือ ตรงบริเวณที่เส้นประสาทถูกกดอยู่ ยากลุ่มนี้จะช่วยลดอาการบวม และอาการอักเสบของเส้นประสาทได้ ข้อดีของยาฉีดกลุ่มนี้ มีผลข้างเคียงน้อย ลดอาการปวด และอาการชาได้อย่างรวดเร็ว สามารถใช้ฉีดในผู้ป่วยตั้งครรภ์ที่มีพังผืดรัดเส้นประสาทฝ่ามือได้ เนื่องจากสตีตั้งครรภ์ไม่สามารถทานยาแก้อักเสบชนิดใดเลย เพราะจะมีความเสี่ยงต่อทารกในครรภ์ ส่วนข้อเสียของยากลุ่มนี้ก็มีนะครับ เช่น ต้องเจ็บตัวเล็กน้อย และการรักษาแบบนี้ยังคงเป็นการ รักษาที่ปลายเหตุครับ เนื่องจากว่า ไม่สามารถลดพังผืดที่รัดเส้นประสาทที่ฝ่ามือได้หมดไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อหมดฤทธิ์ยา อาการก็อาจจะกลับมาเป็นใหม่ได้ อัตราการหายจาการฉีดยา จึงใกล้เคียงกับการทานยาครับ 3.การผ่าตัด การผ่าตัดเป็นการไปเลาะเอาพังผืดที่กดทับเส้นประสาทโดยตรง ทำให้เลือดสามารถเข้าไปหล่อเลี้ยงเส้นประสาทให้ฟื้นฟูได้ใหม่ การผ่าตัดต้องมีข้อบ่งชี้ทางกสรแพทย์ที่สมบูรณ์ โดยที่แพทย์ผู้ผ่าตัด ทั่วไปจะใช้วิธีการผ่าตัดมาตรฐาน คือการเปิดแผลที่ตรงกลางฝ่ามือตามยาว (ดังรูป) จากคุณ : girlsaimtoone เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 52 23:03:36

ความคิดเห็นที่ 4 แต่ปัญหา ยังไม่จบครับ เพราะผู้ป่วยบางคนกลับมีปัญหาแผลเป็นที่เกิดขึ้นที่ผิวหนังตรงบริเวณรอยมีดที่ผ่าตัด ถึงแม้ว่าการผ่าตัดจะได้ผลดี หายจากอาการนิ้วชา มีกำลังฟื้นฟูเหมือนเก่า แต่กลับมีแผลเป็นนูนใหญ่ที่ผิวหนัง ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดผลเสียต่อคนไข้ได้ครับ โดยเฉพาะเวลาต้องใช้ฝ่ามือทำงานต่างๆ เนื่องเพราะที่ผิวหนังฝ่ามือนั้น เป็นส่วนที่ไวมากต่อความรู้สึกสัมผัส การมีแผลเป็น นูนขึ้นมาบริเวณนี้ จะทำให้ผู้ป่วยมีความรู้สึก เจ็บเสียวที่ผิวหนังฝ่ามือ จน ทำให้การใช้งานของฝ่ามือไม่สะดวกสบายเหมือนเก่า แต่พอจะมีวิธีป้องกันครับ คือการใช้เทคนิคผ่าตัดที่จะก่อให้เกิดแผลเป็นขึ้นน้อย เทคนิคการผ่าตัดชนิดนี้ เรา อาจจะเรียกว่า Minimal Scar Surgery ก็ได้ครับ Minimal Scar Surgery Technique ( เทคนิคการผ่าตัด แบบแผลเป็นน้อย) จะประกอบด้วยวิธีการผ่าตัด 2 ส่วนใหญ่ๆ ดังนี้ครับ 1.Minimal Scar Incision โดยเปิดแผลที่ผิวหนัง แต่ไม่กรีดแผล ตรงกลางฝ่ามือครับ แต่เปิดแผลไปตามเส้นลายมือ (ดังรูป) ที่หมอดูเรียกว่า เส้นของอายุ โดยจะเป็นการกรีดให้เส้นอายุยาวขึ้นทางด้านล่างมาทางข้อมือ เนื่องจากเส้นลายมือ เป็นส่วนผิวหนังที่เป็นรอยบุ๋มลึกลงไปอยู่แล้ว การกรีดแผลบริเวณนี้ จึงทำให้รอยแผลที่เกิดจากการผ่าตัดกลมกลืนกับลายมือ ถ้าไม่สังเกตุก็จะไม่ทราบว่า เคยได้รับการผ่าตัดมาก่อน อีกทั้งถ้ามีแผลเป็นเกิดขึ้น เนื่องเพราะปัจจัยอื่น ก็จะไม่เกิดขึ้นมาก เหมือนผิวหนังที่ตึงมากส่วนอื่นๆ จากคุณ : girlsaimtoone เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 52 23:04:35

ความคิดเห็นที่ 5 Minimal Scar Surgery Technique ( เทคนิคการผ่าตัด แบบแผลเป็นน้อย) จะประกอบด้วยวิธีการผ่าตัด 2 ส่วนใหญ่ๆ ดังนี้ครับ 1.Minimal Scar Incision โดยเปิดแผลที่ผิวหนัง แต่ไม่กรีดแผล ตรงกลางฝ่ามือครับ แต่เปิดแผลไปตามเส้นลายมือ (ดังรูป) ที่หมอดูเรียกว่า เส้นของอายุ โดยจะเป็นการกรีดให้เส้นอายุยาวขึ้นทางด้านล่างมาทางข้อมือ เนื่องจากเส้นลายมือ เป็นส่วนผิวหนังที่เป็นรอยบุ๋มลึกลงไปอยู่แล้ว การกรีดแผลบริเวณนี้ จึงทำให้รอยแผลที่เกิดจากการผ่าตัดกลมกลืนกับลายมือ ถ้าไม่สังเกตุก็จะไม่ทราบว่า เคยได้รับการผ่าตัดมาก่อน อีกทั้งถ้ามีแผลเป็นเกิดขึ้น เนื่องเพราะปัจจัยอื่น ก็จะไม่เกิดขึ้นมาก เหมือนผิวหนังที่ตึงมากส่วนอื่นๆ 2.Minimal Scar Technique ประกอบด้วย ◦Anatomical Opening การเปิดแผลชั้นในกล้ามเนื้อถูกตำแหน่งตามกายวิภาคของฝ่ามือ จะทำให้โอกาสไปตัดขาดเส้นเลือดเล็กๆลดลง ทำให้เสียเลือดน้อยลง และ สามารถลดพังผืด แผลเป็นที่เกิดจากการสมานเส้นใยกล้ามเนื้อที่ถูกตัดขาดโดยไม่จำเป็นลงไปได้ครับ ◦No Cautery Machine ไม่มีการใช้ เครื่องจี้ไฟฟ้า เพื่อหยุดเลือดที่ออก เนื่องจากการใช้ เครื่องจี้ไฟฟ้า ก็คือการใช้ความร้อนไปเผาเนื้อเยื่อให้ละลายและอุดแผลเลือดออก แต่มีผลให้ ทำให้เนื่อเยื่อข้างเคียงถูกความร้อนเผาตามไปด้วย และทำให้เกิดแผลเป็นตามมา การผ่าตัดโดยไม่ใช้เครื่องจี้ไฟฟ้า ทำให้ผู้ป่วยมีพังผืดแผลเป็นน้อยลง และลดอาการปวดระบมแผลผ่าตัด ซึ่งถ้าเปิดแผลตามกายวิภาคข้างต้นอย่างถูกต้อง โอกาสเสียเลือดก็จะน้อยอยู่แล้ว โดยไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องจี้ไฟฟ้าเลยครับ ◦Minimal Size of Suture Material การใช้ไหมเย็บแผลขนาดเล็กมาก (บางครั้ง ต้องใช้ไหมขนาดที่ใช้เย็บแผลที่ใบหน้ามาใช้) และการลดรอยห่างของแผลเย็บแต่ละเข็ม ทำให้แผลเป็นที่เกิดขึ้นไม่เป็นรอยตะขาบ และสามารถทำให้ขนาดแผลเป็นที่จะเกิดขึ้นลดลง ◦Minimal Movement Stabilization การใส่เฝือกอ่อนชั่วคราว ลดการเคลื่อนไหวของข้อมือ ทำให้แรงดึงตัวของแผลผ่าตัดลดลง ลดโอกาสที่จะเกิดพังผืดแผลเป็น นอกจากนั้นยังส่งผลทำให้เส้นประสาทฝ่ามือลดอาการบวมและฟื้นคืนได้เร็วกว่าครับ เหนือสิ่งอื่นใด ยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกมากครับ ที่จะทำให้เกิดแผลเป็น เช่น เรื่องของกรรมพันธ์ เช่น คนผิวคล้ำก็จะมีแนวโน้มขึ้นแผลเป็นได้มากกว่า การดูแลรักษาความสะอาดไม่ให้แผลติดเชื้อ การไม่ใช้มือข้างที่ผ่าตัดก่อนเวลา และอื่นๆ ข้อที่สำคัญ คือนอกจากจะมีแผลเป็นเกิดขึ้นน้อยแล้ว เส้นประสาทฝ่ามือต้องฟื้นฟู กลับมาสู่ปกติด้วยนะครับ จึงจะถือว่า ประสบความสำเร็จในการรักษาโรคนี้ครับ สบายกายคลายปวดข้อนะครับ จากคุณ : girlsaimtoone เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 52 23:05:21

ความคิดเห็นที่ 6 เห็นแผลแล้วเราก็อดสยองไมได้ แต่หากเราฉีดยาระงับแล้วหากยังไม่หายคงต้องผ่าแบบด้านบนค่ะ ก็ทำใจได้แล้วค่ะ ให้กำลังใจเราด้วยนะคะ อือๆ จากคุณ : girlsaimtoone เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 52 23:08:16

ความคิดเห็นที่ 7 ขอให้หายเร็วๆนะคะ มืออ่อนเลย T T ขอบคุณจขกท ที่มาเตือนนะคะ จากคุณ : พนักงานร้านโอเลี้ยง เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 52 23:31:41

ความคิดเห็นที่ 8 อาการผิดปกติเล็ก ๆ น้อยบางอย่างที่เราคิดว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวก็หายนี่น่ากลัวจริง ๆ ค่ะ ขอให้หายเร็ว ๆ นะคะ จากคุณ : ชิฟฟอนคาปูชิโน่ เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 52 23:40:57

ความคิดเห็นที่ 9 ว๊ากกก กลัวอ่าาา เราก็ชาๆๆ ไม่กลางคน นี่มีโอกาสเป็นกลางมั้ยอ่าคะ เพิ่งต้นๆเองอ่ะ TT จากคุณ : ที่รักของพระอาทิตย์ เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 52 23:47:31

ความคิดเห็นที่ 10 มาม๊าเราไปผ่าแบบนี้มาเลย ทั้ง 2 ข้าง ข้างละ 2 ครั้ง  เห็นแล้วทรมานแทน จากคุณ : โมจิไส้หนำเลี๊ยบ เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 52 23:50:48

ความคิดเห็นที่ 11 ใช้คอมบ่อยๆ เอามือจับเมาส์จะเป็นมั้ยคะ กลัวง่ะ ทำงานกับคอมใช้คอมวันนึงแทบจะ 12 ชมเลย จากคุณ : o_oishi เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 52 23:52:38

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณที่มาบอกกันค่ะ หายเร็วๆนะคะ เห็นรูปแล้วจะเป็นลม=_= จากคุณ : YUKIss เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 52 23:54:08

ความคิดเห็นที่ 13 หายเร็วๆนะค่ะ จากคุณ : หนูมิโกะ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 52 00:46:45

ความคิดเห็นที่ 14 รูปหวาดเสียวมากกกกกกกกก เลื่อนแทบไม่ทัน ดูทู้ไข่จิ้กจก แล้วมาต่อทู้นี้ กนไรไม่ลงเลย T.T จากคุณ : ^Bloody_Brownie^ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 52 01:43:56

ความคิดเห็นที่ 15 น้าเราก็เป็น ผ่ามาหลายปีมากแล้ว จากคุณ : kkhunying เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 52 03:43:33

ความคิดเห็นที่ 16 เราก็เป็นอ่ะ กรี้ดดดดดดดดดดด ไม่ถึง 20 เองนะ ไม่ๆๆๆ ไม่จิ๊งงงงง !!! จากคุณ : Chef - Paryfar เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 52 07:13:10

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณที่มาแชร์ข้อมูลค่ะ หายเร็วๆนะคะ จากคุณ : ลิเลียน เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 52 08:15:25

ความคิดเห็นที่ 18 หายไว ๆ นะคะ (หวาดเสียวจัง) จากคุณ : air_ae_1 เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 52 08:53:54

ความคิดเห็นที่ 19 เราก็เริ่มๆชาเเล้วอะ T^T จากคุณ : wheat เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 52 09:20:11

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณมากนะค่ะสำหรับเรื่องราวที่นำมาแบ่งปัน ขอให้หายเร็ว ๆ นะค่ะ จากคุณ : Noo_moon เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 52 10:55:15

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณค่ะ น่ากลัวมากเลย ขอให้หายไว ๆ นะคะ จากคุณ : KateOnTheBeach เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 52 11:10:04

ความคิดเห็นที่ 22 ขอให้หายเร็วๆนะค่ะ จากคุณ : สะตอกะปิกุ้ง เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 52 11:27:59

ความคิดเห็นที่ 23 หายเร็วๆ นะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ จากคุณ : เด็กน้อยหูกาง เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 52 11:37:20

ความคิดเห็นที่ 24 แม่เราก็เป็นแบบนี้ค่ะ เพิ่งไปผ่ามาเดือนก่อน เป็นทั้งสองข้างเลย อาการเริ่มแรก ๆ มันเริ่มชาก่อน จนนาน ๆ เข้านี่กลายเป็นปวดไปแล้ว แม่ทนจนทนไม่ไหวก็เลยไปผ่าค่ะ เราว่าโรคนี้คนเป็นกันบ่อยนะคะ.. จากคุณ : นางร้ายหน้าหวาน เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 52 12:00:52

ความคิดเห็นที่ 25 หายไวๆ นะคะ เราชาที่นิ้วเวลาคลิกๆ จับเม้าส์นานๆ อะ เป็นด้วยรึเปล่าหว่า ^^' จากคุณ : buaart เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 52 12:06:40

ความคิดเห็นที่ 26 ขอให้หายเร็วๆนะคะ จากคุณ : โยเกิร์ตบลูเบอรี่ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 52 12:21:42

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณค่ะ ที่มาเตือนกัน เข้มแข็งนะคะ เดี๋ยวก็หายแล้ว ต้องไปหาหมอบ้าง เราไม่ชา แต่ปวดหนึบ ๆ เวลาถือกล้องหนักค่ะ จากคุณ : i_lllive เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 52 13:20:03

ความคิดเห็นที่ 28 เราก็ชาที่ปลายนิ้วเหมือนกันค่ะ น่ากลัวอะ จากคุณ : cheer u เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 52 15:03:46

ความคิดเห็นที่ 29 จะเข้ามาช่วยแนะนำค่ะ....พอดีมีความรู้ทางด้านนี้มาบ้าง ถ้าเพื่อนๆต้องทำงานอยู่ท่าทางใดนานๆ อย่างกรณีนี้ คือนั่งหน้าคอม ทำให้การไหลเวียนเลือดบริเวณข้อมือไม่ดี หรือมีการกดทับที่ข้อมือ...อาจเกิดอาการชาได้ เพื่อนๆก็พยายามพักข้อมือบ้าง  เช่นทุกๆชั่วโมงก็ ออกกำลังมือ คือ กำมือแบมือ หมุนข้อมือบ้าง เดินไปเดินมา  ให้เลือดได้ไหลเวียนค่ะ.. (หรือถ้านึกขึ้นได้ตอนไหนก็ทำตอนนั้นเลย) แต่ถ้าเริ่มมีอาการปวดที่ข้อมือ..ก็ลองแช่น้ำอุ่น จุ่มลงไปทั้งฝ่ามือเลย ให้จมข้อมือ..ประมาณ15-20นาที ระหว่างแช่น้ำก็ออกกำลังข้อมือที่บอกไว้ด้วยก็ได้ค่ะ จากคุณ : Serendipity_013 เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 52 15:23:46

ความคิดเห็นที่ 30 น่ากลัวค่ะ.. เราไม่เป็นแต่ว่า เหมือนแม่เราจะเป็นนะไอ้โรคมือชาเนี่ย ต้องบอกแม่รีบไปรักษาแล้วล่ะ ปล่อยไว้อันตรายเชียว ขอบคุณมากนะคะ สำหรับข้อมูล ขอให้หายไวๆนะคะ จากคุณ : Bad Girl Goes Everywhere เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 52 16:54:53

ความคิดเห็นที่ 31 ขอบคุณที่นำเรื่องมาแบ่งปันกัน  ยังงัยก็ขอให้หายไวไวละกัน เราเองก็ม่ชาบ้างแต่นานๆ ที ต้องระวังกันบ้างแล้ว จากคุณ : fourclover เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 52 17:11:22

ความคิดเห็นที่ 32 เราเป็นเรียบร้อยแล้วค่ะตอนนี้ แต่เป็นหลายอาการ จากคุณ : kiknaka เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 52 21:16:39

ความคิดเห็นที่ 33 เรียนมาแต่ทฤษฎี เพิ่งเคยเห็นก็คราวนี้เอง ขอบคุณมากนะคะ สำหรับข้อมูล ขอให้หายไวๆค่ะ จากคุณ : ToPNoW เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 52 21:25:45

ความคิดเห็นที่ 34 โอย มืออ่อนน ~ จากคุณ : poisonlove เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 52 00:04:52

ความคิดเห็นที่ 35 หายไวๆนะคะ ดูรูปแล้วน่ากลัวอ่าาาาาา จากคุณ : thymeming เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 52 17:26:55

ความคิดเห็นที่ 36 เคยเป็นปลอกหุ้มเอ็นอักเสบค่ะ อาจเป็นเพราะเราเล่นคอมมากเกินไป ซักผ้าเอง คัดตัวจีนอีก ทรมานเป็นอาทิตย์ค่ะทีแรกว่าจะไม่ไปหาหมอ สักพักเริ่มไม่ไหว โดนฉีดยามาเข็มนึง แลกความเจ็บด้วยเข็มฉีดยากับความสบายของข้อมือค่ะ ตอนนี้หายแล้วคะ จากคุณ : MIRAJANE เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 05:11:54

ความคิดเห็นที่ 37 เพื่อนรุ่นพี่เรา เป็นปลอกหุ้มเอ็นข้อมืออักเสบ เล่นเกมส์คอมเกร็งมือตอนใช้เม้าส์เป็นเวลานาน ฉีดยาสเตียรอยก็จะหายแค่ชั่วคราว ฉีดแล้วพี่เขาหายเจ็บไปประมาณ5เดือนกว่าๆ ก็กลับมาเจ็บเหมือนเดิม สงสัยต้องเฉาะเหมือนข้างบนค่ะ จากคุณ : lektenty เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 12:11:32