ความคิดเห็นที่ 1 กลูตาไธโอน อย. ยังไม่รับรองไม่ใช่เหรอค่ะ จากคุณ : disney (RoBoCooP) เขียนเมื่อ : 4 ก.พ. 53 11:46:33

ความคิดเห็นที่ 2 เรากินอยู่  แต่สั่งซื้อจากพยาบาลเอาอะ  ไม่เคยซื้อตามร้าน  แต่ถามกินแล้วขาวไหม  ตอบเลยไม่เห็นจะขาวขึ้นตรงไหนเลย  เรากินประมาณ 3 สัปดาห์ติดกันนะ  ผลข้างเคียงของเราไม่เกิดนะ  แต่ตอนนี้เราหยุดกินแล้ว เพราะมันไม่เห็นจะดีขึ้นอะ จากคุณ : ThEsis_CaNoNical เขียนเมื่อ : 4 ก.พ. 53 12:23:41

ความคิดเห็นที่ 3 ทานคะ ยี่ห้อVistra เลย พร้อมกะวิตซี ยี่ห้อนี้มีอย. แล้วนะคะ ที่มีเพราะว่า กลูต้ามันแค่ 250 mg. เอง วันๆ หนึ่งเราร่างกายดูดซึมได้แค่ 30-35 mg. คิดว่าต้องทานเท่าไรอ่ะคะถึงจะขาว เราคิดว่าทานเพิ่มบำรุงผิวดีกว่า ไม่ใช่เพื่อขาว แต่วิตซีอ่ะ ได้ใสจริงๆ วิตซีทานได้ตลอดคะ เพราะร่างกายขับออกมา แต่กลูต้านี่ทาน 3 เดือนหยุดซัก 1 เดือนก็พอ จากคุณ : Tao_jah เขียนเมื่อ : 4 ก.พ. 53 12:30:40

ความคิดเห็นที่ 4 อ่านข่าวดูก่อนนะคะ อาจจะยาวไปหน่อย แต่คิดว่าน่าจะช่วย จขกท ตัดสินใจได้ จุรินทร์"สั่งคุมเข้มการใช้สารทำให้หน้าขาว"กลูต้าไธโอน" ในสถานพยาบาลคลินิกเสริมความงาม ย้ำเตือนอันตรายประชาชนที่ฉีด อาจแพ้รุนแรงเสียชีวิตได้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข   พร้อมด้วยนายแพทย์พิพัฒน์   ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา     และนายแพทย์ นรา นาควัฒนกุล อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ แถลงข่าวเกี่ยวกับความคืบหน้าของการดำเนินคดีกรณีการลักลอบฉีดสารกลูต้าไธโอนช่วยทำให้หน้าขาว ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ดำเนินการจับกุมเมื่อเย็นวานนี้ นายจุรินทร์ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นปัญหาเนื่องจากการให้บริการทำให้ผิวหน้าขาว ถือว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมาย และเป็นอันตรายหากเกิดผลข้างเคียง เช่น ทำให้ผิวหนังแดง ความดันโลหิตต่ำ หอบหืดเฉียบพลัน    หากมีอาการแพ้รุนแรงจะตัวบวม   หลอดลมตีบ   หายใจติดขัด และอาจเสียชีวิตได้ ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุขจึงได้ติดตามการใช้สารดังกล่าวอย่างใกล้ชิดในช่วงที่ผ่านมา และเป็นนโยบายชัดเจนว่า กรณีที่สถานเสริมความงามหลายแห่ง รวมทั้งคลินิกความงาม มีการกระทำผิดกฎหมาย จะดำเนินการเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค การพัฒนาการให้บริการที่ผิดกฎหมาย ทั้งในรูปของรถโมบาย ให้บริการในรถ รวมทั้งการโฆษณาทางเคเบิลทีวี กระทรวงสาธารณสุขกำลังติดตามเรื่องนี้อยู่ จึงขอเรียนให้ทราบว่า การกระทำดังกล่าวผิดกฎหมาย คือ 1.ผิดพระราชบัญญัติยา คือลักลอบขายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา   2.พระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ มีความผิดประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนรับอนุญาต   3.ผิดพระราชบัญญัติสถานพยาบาล โดยดำเนินกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต และ4.ผิดตามพ.ร.บ.อาหารโดยจำหน่ายอาหารเสริมที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนอย.  งหมดนี้ขอฝากเตือนผู้ที่คิดจะไปรับบริการว่าไม่ควรไป เพราะเป็นการใช้สารฉีดที่ผิดกฎหมาย     นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ปกติสารนี้จะใช้รักษาโรคมะเร็งในตับ ตับอักเสบ อย่างไรก็ตาม นอกจากผิดกฎหมายแล้ว ยังเป็นอันตรายกับตัวผู้รับบริการด้วย ได้มอบนโยบายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษร ไปยังสถานพยาบาลและคลินิกเสริมความงามทั่วประเทศ ให้เคร่งครัดในเรื่องการปฏิบัติตามกฎหมาย คือห้ามใช้สารกลูต้าไธโอนเพื่อการเสริมความงาม กระทรวงสาธารณสุขจะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป โดยประชาชนสามารถแจ้งเบาะแสร้องเรียนการกระทำลักษณะนี้ได้ ที่สายด่วนอย. 1556 หรือต่างจังหวัดแจ้งที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ ด้านนายแพทย์พิพัฒน์   ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา   กล่าวว่า อย.ยังไม่ได้รับขึ้นทะเบียนสารกลูต้าไธโอน สารที่มีใช้ในขณะนี้ถือว่าเป็นการลักลอบผิดกฎหมาย ยังไม่มีตัวเลขการลักลอบที่ชัดเจน   ข้อมูลที่มีได้จากคำบอกเล่าจากที่ผู้รับบริการฉีดแล้วเกิดอาการแพ้ จึงไม่กล้าเปิดเผยตัว ส่วนที่เคยเห็นการโฆษณาทางเคเบิลทีวี   อย.ได้ดำเนินการลงโทษปรับ และให้หยุดโฆษณาแล้ว   "ค่านิยมการฉีดสารให้หน้าขาวสวย ในกลุ่มวัยรุ่นขณะนี้น่ากลัวมาก ยิ่งการฉีดในรถจะมีอันตรายมาก     เนื่องจากผู้ที่ฉีดไม่มีความรู้   การป้องกันใบหน้าดำมีวิธีที่ปลอดภัยหลายวิธีเช่น ใช้ครีมกันแดด กินอาหารครบ 5 หมู่ ” นายแพทย์พิพัฒน์ กล่าว ด้านนายแพทย์นรา นาควัฒนกุล อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า การประกอบวิชาชีพเวชกรรมจะต้องขึ้นทะเบียนอนุญาต และต่อใบอนุญาตทุก 2 ปี การเปิดดำเนินการจะต้องมีใบอนุญาตและมีรูปผู้รับอนุญาตติดไว้ที่สถานพยาบาล ซึ่งประชาชนสามารถตรวจสอบได้ว่า เป็นสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานและถูกต้องตามกฎหมาย ผู้ให้บริการเป็นแพทย์จริง หากไม่มีใบอนุญาตก็ถือว่าเป็นสถานพยาบาลเถื่อน และเป็นหมอเถื่อน   ดังนั้นหากประชาชนพบเห็นสถานพยาบาลเถื่อน หมอเถื่อนซึ่งไม่ถูกต้องตามกฎหมาย สามารถแจ้งได้ที่กองการประกอบโรคศิลปะ   โทรศัพท์                  0 2590 1997         ต่อ 601   ขณะนี้ในกทม.มีสถานพยาบาลและคลินิกเสริมความงาม 160 แห่ง ได้สุ่มตรวจเป็นระยะ และเชิญผู้ประกอบวิชาชีพด้านนี้ เพื่อให้ความรู้ในเรื่องมาตรฐาน ความปลอดภัยต่อผู้ใช้บริการการฉีดสารกลูต้าไธโอนเพื่อทำให้หน้าขาวนั้น เป็นการฉีดตามความเชื่อ ยังไม่มีองค์ความรู้ที่ถูกต้อง หรืองานวิจัยสนับสนุน ดังนั้นกรมสนับสนุนบริการสุขภาพจะประสานงานกับแพทยสภา เพื่อช่วยตรวจสอบมาตรฐานว่าการฉีดสารนี้ได้ผลจริงหรือไม่ ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ จากคุณ : tiskes@zaa เขียนเมื่อ : 4 ก.พ. 53 12:32:22

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณทุกความเห็นน่ะค่ะ คือเห็นว่าทางร้านขายยาเค้าเอามาขายอ่ะค่ะ เค้าบอกมีอย.รับประกันแล้ว เพราะตอนนี้เราทาน วิตซี Vistra อยู่ค่ะ ก้อเห็นผลในเรื่องความใสของผิว ผิวดูนุ่ม เนียนขึ้นด้วยค่ะ เลยกะว่าจะลองทานตัวกลูต้าดูด้วย ถ้ามันไม่ดี จะได้ไม่ซื้อมาให้เปลืองเงินค่ะ ไปซื้อตัวเมล็ดองุ่นมาทานน่าจะดีกว่า จากคุณ : Lukmoo_HardCore เขียนเมื่อ : 4 ก.พ. 53 12:53:19

ความคิดเห็นที่ 6 ความสวยหยุดไม่ได้ใครจะบอกว่าอันตรายแค่ไหนถ้ามันไม่เกิดกับตัวเองก็จะไม่เชื่อจนกว่ามันมีผลกับตัวเองหรือคนข้างเคียงที่เห็นจะจะ จากคุณ : น้องกล้า เขียนเมื่อ : 4 ก.พ. 53 14:54:32

ความคิดเห็นที่ 7 เอ่อ เราเคยทานไป 2 กระปุกค่ะ คู่กัยวิตซี - ขาวขึ้นมั้ย มันใสๆ มากกว่า เราคิดว่าเพราะวิตซีนะ - ตอนนี้ หยุดทานแล้วค่ะ ทานแต่วิตซีก็พอ มันเปลือง - ผลที่ทราบว่า ทานครบ 3 เดือนจะขาวค่ะ แต่ หยุดทานก็เหมือนเดิมอ่ะ เพราะฉะนั้น วิตซี คู่ วิตซีค่ะ เลิศ จากคุณ : ที่รักของพระอาทิตย์ เขียนเมื่อ : 4 ก.พ. 53 16:43:56

ความคิดเห็นที่ 8 เคยกินแล้วจะอ้วก เลยหยุดเลย เอาตังมาซื้อครีมกันแดดดีกว่า ช้าแต่ไม่อันตราย จากคุณ : รักนี้หวานบาดใจ เขียนเมื่อ : 4 ก.พ. 53 16:55:32

ความคิดเห็นที่ 9 หนับหนุน vit c ด้วยคนทานอยู่ค่ะ เห็นผลนะกับตัวเอง จากคุณ : คนหล่มสัก เขียนเมื่อ : 4 ก.พ. 53 19:09:16

ความคิดเห็นที่ 10 ใช้ครีมกันแดดดีกว่าค่ะ เพราะคนเราขาวได้มากที่สุดก็ขาวได้เท่าตัวเราเองนี่แหละค่ะ ยาส่วนมากกินแล้วตับก็ทำงานหนัก ที่บางคนเห็นว่าขาวเพราะเราดูแลตัวเองมากขึ้นค่ะ แน่นอนว่าทานยาแล้วก็ต้องอยากขาว หลบแดดกัน มันก็เลยขาวขึ้น ลองใช้ครีมกันแดด พกร่ม ใส่เสื้อแขนยาว ทานมะเขือเทศ ผลไม้ ใช่สครับ AHA นอนพักผ่อน หรือครีมบำรุงผิวน่าจะพอเพียงค่ะ เพราะเราเคยทานมาแล้ว. ไม่เห็นผลเท่าไม่โดนแดดหรอกค่ะ จากคุณ : คนค้นขุด เขียนเมื่อ : 4 ก.พ. 53 19:20:51

ความคิดเห็นที่ 11 เราเคยค่ะ กิน ได้แค่6เม็ด  IBS เลยค่ะ เม็ดแรกยังไม่เปนไร มาเม็ด3 เริ่มท้องเสีย เป็นน้ำเลย   ตอนแรกคิดถึงเรื่องอาหาร แต่ก็หาสาเหตุไม่ได้  ก็เป็นทุกวันที่กินกลูต้า Vistra อ่ะค่ะ เลยลองหยุดกิน  แต่ท้องเสียก็ยังไม่ดีขึ้น  จนต้องไปหาหมอ หมอตรวจแล้วบอกว่า ลำไส้ไวต่อการกระตุ้น  อาจเพราะ แพ้พวกยาหรือสารบางอย่าง เราก็บอกว่าเรากินกลูต้ามาถึงเป็น  หมอบอกว่าอาจเปนได้ เพราะแต่ละคนไม่เหมือนกัน จากคุณ : taressential เขียนเมื่อ : 4 ก.พ. 53 21:21:00

ความคิดเห็นที่ 12 เมื่อช่วงปลายปีที่แล้วVistraมีโปรโมชั่น ซื้อกลูต้า2กระปุกแถม Grape Seed 1 กระปุก เลยซื้อมากิน แทนโปรฟิมินไวท์ไนซ์ ตอนนี้กินหมดไป2กระปุกแล้ว ไม่ค่อยเห็นผลเท่าที่ควร ..ตอนที่กินโปรฟิมินไวท์ไนซ์ (1กล่อง+10เม็ด) +Vit C แค่เดือนเศษ ยังเห็นผลได้ชัดเจนกว่าครับ คือใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ความขาวยังมองไม่ค่อยออก.. ...แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ได้ทำควบคู่ไปกับการทาครีมกันแดด หลบแดด กางร่ม และขัดผิว ซึ่งความใสที่ได้ อาจเกิดจากสิ่งเหล่านี้ก็ได้ครับ... จากคุณ : gofhyper เขียนเมื่อ : 4 ก.พ. 53 21:59:01

ความคิดเห็นที่ 13 #คห12 ตอนนี้ร้านขายยาที่ลูกหมูไปซื้อประจำเค้ามีโปรตัวนี้อยู่ค่ะ 720 บาท 2 กระปุก แถมสารสกัดเม็ดองุ่น 1 กระปุก แต่ยังไม่ได้ซื้อมาค่ะ ไม่ทราบว่า โปรฟิมินไวท์ไนซ์ ราคาเท่าไรค่ะ แล้วดีกว่ากันอย่างไรค่ะ แต่ตอนนี้ทุกคนบอกว่า ดูขาวขึ้น ใสกว่าเดิมเยอะค่ะ เลยกะว่าจะทานแค่วิตซีอย่างเดียวพอ เพราะตกแล้วเดือนนึงราคาไม่เท่าไรอ่ะค่ะ จากคุณ : Lukmoo_HardCore เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 53 11:06:30

ความคิดเห็นที่ 14 ยี่ห้อนี่ ผมกับเพื่อนไปซื้อมาจากงานmega ที่เมืองทอง ซื้อกันคนละ2ชุด กินมาตอนนี้ ยังไม่รุ้สึกอะไรเลย แถมตัวเอลคานิทีน กินแล้วรู้สึก จะอาเจียน มึนหัวด้วยไม่รู้มีอะไรหรือเปล่า จากคุณ : ArTeeZa เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 53 15:05:34

ความคิดเห็นที่ 15 มาการันตีว่า วิสตร้าทุกตัวผ่าน อย. แล้วค่ะ เราขายเอง ก็เลยทานเองด้วย แต่จะทานแค่สองเดือน เว้นเดือนนึงค่ะ เพื่อให้ตับไตไส้พุงมันได้พักผ่อนบ้าง และอย่างที่เพื่อนๆท่านอื่นบอกค่ะ ผลลัพธ์ที่เกิดกับแต่ละคนไม่เหมือนกัน อย่างเราเป็นคนผิวสองสี ทานแล้วผิวสว่างใสขึ้นเล็กน้อย แต่เราก็ทาครีมกันแดดร่วมกับการเลี่ยงแดดจัดๆค่ะ กินอาหารเสริมอย่างเดียวคงช่วยให้ขาวขึ้นเป็นคนละคนไม่ได้แน่ๆ สำคัญที่สุดคือเราต้องสังเกตตัวเอง และฟังความเห็นจากคนรอบข้างค่ะ ว่าผิวเราเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยเพียงใด ถ้ากินกับไม่กิน มันไม่ต่างกันมาก แนะนำว่าอย่าทานดีกว่าจ้า ตับไตทำงานหนักเปล่าๆ ^^" จากคุณ : ศตรัศมิ์ เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 53 15:46:29

ความคิดเห็นที่ 16 ..ไวท์ไนซ์ ที่ซื้อตอนนั้น 1กล่อง30เม็ดแถมอีก10เม็ด ราคา650บาทครับ ..ดีกว่าอย่างไร ในไวท์ไนซ์จะมีส่วนประกอบมากกว่าครับ คือ ใน1แคปซูลจะประกอบด้วย *(แอลซิสเทอีน 168 มก. แอลไกลซีน 168 มก. แอลกลูตามีน 164 มก. กรดอัลฟาไลโปอิก 100 มก.) * ไบโอฟลาโวนอยด์ 50 มก. * สารสกัดจากเปลือกสน 45 มก. * สารสกัดจากเมล็ดองุ่น 15 มก. * ชาเขียว 40 มก. * สารสกัดจากมะเขือเทศ 60 มก. * ซีลิเนียม 30 มก. * โคเอนไซม์คิวเทน 10 มก. * ซิงค์ 3 มก. * วิตามินซี 30 มก. * วิตามินอี 5 มก. ส่วนใน Vistra Gluta Complex 600 ใน 1 แคปซูลจะประกอบด้วย *แอล กลูต้าไธโอน 250 มก. *แอล ซีสเทอีน 152 มก. *แอล กลูตามีน 115 มก. *แอล ไกลซีน 83 มก. *อัลฟา ไลโปอิก แอซิด 50 มก. จากคุณ : gofhyper เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 53 20:27:44

ความคิดเห็นที่ 17 ^ ^ ^ ส่วนประกอบถูกต้องตามนี้แน่นะครับ ถ้าตามนี้จริง ตัว ไวท์ไนซ์ นี่อันตรายมากนะครับ เพราะมี selenium สูงถึง 30 mg ค่า Tolerable upper intake levels อยู่ที่ 400 µg เท่านั้นครับ ซึ่งไวท์ไนซ์มี selenium สูงกว่าถึง 75 เท่า อันตรายมากนะครับ ปล. ไป search ในเว็บอื่น ๆ มาไม่พบว่ามี selenium เป็นส่วนประกอบในไวท์ไนซ์ครับ ไม่รู้ว่าอันไหนเป็นข้อมูลที่ถูกต้องกันแน่ครับ จากคุณ : กะหล่ำปลีลวกกินกับขนมจีนน้ำยา เขียนเมื่อ : 6 ก.พ. 53 18:14:30

ความคิดเห็นที่ 18 เราอ่านจากข้างกล่องของ Vite Nice ซีลิเนียม คีเลต (ให้ซีลิเนียม 70 มคก.)     7 มก. ค่ะ จากคุณ : moolek_narak เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 21:13:35