 |
>>> ยามหัศจรรย์สร้างออร่า ทำให้ผิวเต่งตึงอ่อนกว่าวัย... ได้ผลจริง ทดลองมาแล้วกับหลายล้านคนทั่วโลก <<<
|
|
ไม่มีใครในโลกนี้ที่จะปฏิเสธผิวพรรณที่อ่อนเยาว์และลื่นเนียนดั่งผ้าฝ้ายทอมือ 2,800เส้นต่อหนึ่งตารางนิ้วเมื่อสัมผัส แต่มันก็แปลกที่บางครั้งมันก็เหมือนกับว่าการมีผิวพรรณที่ดีเนี่ยคือไม่เกิดมาโชคดีหรือเชื้อพันธุ์ดีก็ทำใจไว้ซะ เพราะจะแก้ยังไงมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้น แต่แล้วความสิ้นหวังของคนนับล้านก็ได้ค่อยๆถูกเติมเต็มไปด้วยความหวังที่สดใส
ด้วยเทคโนโลยีแห่งศาสตร์ชะลอวัยที่สุดแสนจะล้ำหน้าแซงความเจริญทางจิตใจของคนในปัจจุบัน ก็ได้บังเกิดวิธีต่างๆที่จะช่วยให้คุณได้มีผิวพรรณที่สดใสเปล่งปลั่ง อย่างการฉีดโบท็อกซ์ ทำเลเซอร์ ทรีทเม้นท์ผลัดผิว ฯลฯ อีกมากมาย ซึ่งก็มีไม่น้อยที่ทำออกมาแล้วได้ผลเหนือความคาดหมาย ไม่ว่าจะด้วยตัวเครื่องมือ หรือฝีมือ ความชำนาญ หรือ ความเก๋าของคุณหมอที่ในปัจจุบันมีหน้าที่จะว่าเป็นผู้ควบคุมกาลเวลาก็ใช่ หรือจะเป็นจิตรกรเอกก็ไม่ผิด
แต่แล้วมันก็คือเจ้าพวกสิ่งปรนเปรอทั้งหลายแหล่ที่เข้าถึงได้ไม่ยากเนี่ยแหละที่ทำให้หลายๆคนที่อ่านบล็อกนี้อยู่ลืมนึกถึงสิ่งวิเศษอยู่สิ่งนึงที่มีความมหัศจรรย์มากมายกว่าอะไรก็ตามที่ถูกใช้ในการชะลอวัยในทุกวันนี้ ซึ่งมันก็แปลกเพราะทั้งๆที่เรารู้จักมันมานานเป็นพันๆปี และมีอยู่ทั่วไป แต่ก็ไม่วายจะถูกคนลืมความสำคัญอยู่ตลอด ถ้าเจ้าสารนี้เป็นคน ก็คงจะไปโดดน้ำสะพานสารสินตาย 8 รอบแล้ว
เอาเป็นว่าถ้าใครครั่นเนื้อครั่นตัวอยากรู้ให้ได้เลยว่าไอ้เจ้ายาวิเศษตัวนี้มันคืออะไรกันแน่ แล้วจะไปหาซื้อได้ที่ไหนเนี่ย ก็อ่านลงไปเรื่อยๆ หมอจะค่อยๆพูดถึงสรรพคุณอันทรงคุณค่าของมันแล้วดีไม่ดีอ่านไปอ่านมาก็จะรู้เองว่ามันช่างหาซื้อได้ไม่ยากเย็นเลย วิธีเตรียมเพื่อนำมาใช้ก็แสนสะดวก พูดง่ายๆเนี่ย... ความมหัศจรรย์ที่ว่าเมื่อนำมาใช้อย่างพอเหมาะแล้วผิวพรรณจะเหมือนมีผงไข่มุกมาเคลือบไว้เนียนนุ่มอย่างกับก้นเด็กอ่อนเนี่ย มันเป็นแค่ผลพลอยได้จิ๊บๆ ความสุดยอดเนี่ยมีมากกว่านั้นมีมากกว่านี้อีกหลายขุม...
ได้เกริ่นมาพอหมอปากหอมคอกันแล้ว หมอก็จะเข้าเรื่องเลยละกันว่าทำไมมันถึงวิเศษอย่างที่หมออ้าง...
- มันจะช่วยควบคุมการเผาผลาญพลังงานและอุณหภมิของร่างกายให้สมดุล - มันมีความสามารถที่จะแทรกซึมเข้าไปได้ในทุกๆส่วนอย่างทั่วถึง - มันเข้าไปเป็นส่วนประกอบหลักของเซลล์ทุกเซลล์ของเรา - มันสามารถทำตัวเป็นเกราะป้องกันการกระแทกให้กับอวัยวะสำคัญต่างๆของร่างกายเรา - มันช่วยปรับความสมดุลของการทำงานของสมอง ป้องกันไม่ให้เกิดอาการงุนงง สับสน อื้อตื้อ สายตาพร่ามัวได้
ถึงตรงนี้หลายๆคนน่าจะคลับคล้ายคลับคาคุ้นๆกับเจ้าสิ่งนี้ที่หมอพูดถึงอยู่ แต่ก็น่าจะมีอีกหลายคนที่ยังนึกไม่ออก และในใจก็หงุดหงิดอยากรู้สุดชีวิตว่ามันคืออะไร แล้วก็แอบด่าหมออยู่ในใจว่าไม่ยอมบอกซะที มัวแต่สาธยายเรื่อยเปื่อยอยู่นั่น... เอาอย่างนี้ละกัน ใครที่ยังไม่รู้จะโดดข้ามไปดูเฉลยด้านท้ายเลยก็แล้วแต่ แต่อ่านมาถึงนี่ละ อีกนิดก็จะรู้แล้วว่าแท้จริงแล้วยาวิเศษตัวนี้มันคืออะไรกันแน่...
นอกจากสรรพคุณที่แสนไฮโซทีหมอได้ว่าไว้ด้านบนแล้ว... เพราะอะไรมันถึงสำคัญกับการดำรงอยู่ของเรา...
- การทำงานทุกอย่างของร่างกายต้องใช้มันเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก - การดื่มมันทุกวันๆละ 8 แก้วจะลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งได้หลากหลายชนิด เช่น มะเร็งทวารหนัก (45%) มะเร็งม้าม (50%) หรือมะเร็งเต้านม - เมื่อร่างกายขาดมันเพียง 1% เราก็จะเริ่มรู้สึกถึงความอ่อนเพลียและไม่ปรกติแล้ว - มันเป็นส่วนประกอบหลักขออวัยวะหลายๆส่วน เช่น สมอง (95%) เลือด (82%) และปอด (98%) - มันอยู่ในตัวเรามากถึงสามในสี่ส่วนของน้ำหนักตัว
ถูกต้องแล้วครับ ยาสุดแสนวิเศษมหัศจรรย์พันลึกที่หมอพูดถึงอยู่มันก็คือน้ำนั่นเอง
หมอพูดผิดรึเปล่าครับที่คนเรานั้นช่างแปลก วันๆก็เอาแต่เสาะหายาวิเศษหรือสร้างสรรเทคโนโลยีสุดล้ำโลกขึ้นมาเพื่อที่จะมารักษาดูแลให้ตัวเองอ่อนเยาว์อยู่ตลอด แต่กลับลืมไปว่าเจ้ายาสีใสในขวดพลาสติกขวดละ 7-10บาท ที่หาซื้อได้ทุกซอกทุกมุม หรือจะต้มเอาเองก็ได้เนี่ยแหละที่เป็นของวิเศษที่สุดที่ธรรมชาตินั้นให้กับสิ่งมีชีวิตทุกชนิด
อ่านมาถึงนี่แล้วก็รีบไปหามาดื่มซักแก้วได้แล้ว จำไว้ว่าถ้าอยากสุขภาพดี ผิวพรรณสดใสไม่อ่อนล้า อย่าดื่มน้ำเมื่อรู้สึกกระหาย แต่ให้ดื่มอย่างสม่ำเสมอทั้งวัน เพราะเมื่อไรที่เรารู้สึกกระหายน้ำ นั่นแสดงว่าร่างกายได้ขาดน้ำไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็แปลว่าเซลล์จำนวนหนึ่งได้เกิดความเสียหายขึ้นแล้ว แล้วก็ขอร้องเถอะครับ ไอ้ข้ออ้างที่ว่าก็ขี้เกียจเข้าห้องน้ำทั้งวันนี่นา ถ้าคิดอย่างนั้นก็แล้วแต่ครับ แล้วพอวันนึงแรงแค่จะลุกไปห้องน้ำยังไม่มีเนี่ยก็อย่าหาว่าหมอไม่เตือนละกัน
แล้วก็ขอเพิ่มอีกนิดนะครับว่าที่หมอว่าให้ดื่ม้ำเยอะๆเนี่ยคือน้ำเปล่าที่อุณหภูมิห้องนะครับ น้ำเย็น โอเลี้ยง กาแฟ ชาเขียว น้ำอัดลม น้ำทะเล หรือน้ำอะไรก็แล้วแต่ที่ไม่ใช่น้ำเปล่าสีใสๆไร้กลิ่นไร้รสเนี่ย ไม่น้ำนะครับ แทนที่จะเป็นผลดี มันจะกลายเป็นบั่นทอนร่างกายของเราซะเปล่า แถมจะได้น้องคอรอล (คอเลสเตอรอล) มาเป็นเพื่อนเป็นเพื่อนตายไปทั้งชีวิตอีก ถ้าถามว่าทำไมเครื่องดื่มที่ไม่ใช่น้ำเปล่ามันถึงเลวร้ายจังล่ะ ก็ต้องตอบว่าเจ้าตัว H2O ด้วยตัวมันเองเนี่ยไม่ได้เป็นปัญหา แต่เจ้าสิ่งที่ผสมอยู่ในน้ำต่างหากที่จะช่วยลดคุณภาพชีวิตของคนที่ดื่มมันเข้าไปเป็นประจำ ยกตัวอย่างเช่น กาแฟ แน่นอนในกาแฟมีน้ำ แต่มันก็อุดมปด้วยคาเฟอีนด้วย แล้วเจ้าคาเฟอีนนี่แหละที่เป็นสารถ้าเรียกแบบชาวบ้านก็คือสารเร่งหน้าเหี่ยว หรือที่ฝรั่งเขาใช้คำว่า Old Hag นั่นแหละ ถ้าใครอยากจะเข้าร่วมกลุ่ม The Hagdom หรือ The Kingdom of Hag หรือ Hagville ก็เชิญตามสบายครับ
แล้วที่หมออยากจะเตือนทุกคนโดยเฉพาะสาวๆที่ชอบดูแลสุขภาพตัวเองว่ากรุณาเถอะ พวกชาเขียวหวานๆ หรือน้ำอะมิโน หรือกาแฟเนกิ๊ฟเนเกิ๊ฟบ้าบออะไรทั้งหลายแหล่ที่โฆษณากันเป็นบ้าเป็นหลังกันอยู่ทุกวันนี้ว่าดีอย่างโน้นอย่างนี้ อยู่ห่างๆเข้าไว้เป็นดีที่สุด มันไม่ได้มีสรรพคุณเหมือนที่บริษัทยักษ์ใหญ่พวกนี้พยายามจับใส่หัวสมองพวกเราหรอกครับ หมอไม่ยักจะเห็นเจ้าของเครื่องดื่มพวกนี้ดื่มสินค้าตัวเองเลย คือจะบอกว่าที่ดื่มๆกันเข้าไปน่ะ น้ำตาลล้วนๆครับ หรือไม่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรได้อย่างที่อวดอ้าง ไอ้เจ้าพวกที่โฆษณาดื่มแล้วช่วยในการขับถ่ายแล้วมาทำโฆษณาราวกับว่าดื่มแล้วผอมลงอย่างนั้นเนี่ย มันช่างน่าสลดใจมาก แต่ที่น่าเศร้ากว่าก็คือคนที่ไปหลงเชื่อโฆษณาพวกนี้ อย่างนี้เนี่ย ทานยาถ่ายก็ได้ผลเหมือนกันครับ มันของตายอยู่แลวที่ใครก็ต้องน้ำหนักลดลงหลังถ่าย ก็ของมันออกไปจากร่างซะกองเบ้อแร่มแท่มขนาดนั้น
เอาเป็นว่าหมอขอเขียนแค่นี้นะครับ ที่เขียนๆมาเอาแค่ไว้ใช้เตือนสติหลายๆคนที่ไม่นิยมดื่มน้ำเปล่า ถ้าเขียนไปมากกว่านี้มันจะยืดยาว และเดี๋ยวเขาจะหาว่าโจมตีคนอื่นมากเกินไป แล้วอาจจะมีใครว่าหมอน่ะมีโรงงานผลิตน้ำแร่บรรจุขวดไปนั่น
ก็ขอให้ทุกคนรักษาสุขภาพกันให้ดีนะครับ อย่าลืมนะครับว่าสุดท้ายแล้วเนี่ย สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตเนี่ย ส่วนมากมันอยู่แค่เอื้อมนี่แหละ ไม่จำเป็นต้องไปขวนขวายที่ไหน แต่คนส่วนใหญ่มักจะลืมให้ความสำคัญกับสิ่งใกล้ตัวไปเพราะไม่เห็นคุณค่ามันจนมันสายไปแล้ว แล้วก็อยากบอกว่าหมอไม่ได้พูดถึงน้ำอย่างเดียวนะครับ ลองมองดูรอบๆตัวเอาเองละกันว่าที่หมอพูดถึงมันหมายถึงอะไรได้บ้าง ถ้าทุกคนคิดได้แล้ว หมอว่าชีวิตมันคงมีความสุขขึ้นพิลึกเลย
แก้ไขเมื่อ 21 ก.พ. 53 01:22:40
จากคุณ |
:
MDsurfer
|
เขียนเมื่อ |
:
20 ก.พ. 53 08:31:39
|
|
|
|  |