ความคิดเห็นที่ 1 ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจกับยาคุมกำเนิดกันก่อนดีกว่า ยาเม็ดคุมกำเนิดคือยาที่กินเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ โดยใช้ฮอร์โมนสังเคราะห์ คือโปรเจสโตเจนหรือโปรเจสติน ที่ออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนโปรเจสโตโรนตามธรรมชาติ กับฮอร์โมนสังเคราะห์เอสโตรเจน ชนิดของยาเม็ดคุมกำเนิด ยาเม็ดคุมกำเนิดแบ่งเป็นสองชนิดใหญ่ๆ คือ 1. ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม (combined oral contraceptions) 1.1 monophasic or fixed dose pill 1.1.1 high dose 1.1.2 low dose 1.1.3 ultralow dose 1.2 multiphasic pills 1.2.1 biphasic 1.2.2 triphasic 2. ยาเม็ดคุมกำเนิด ที่มีแต่ โปรเจสโตเจน 2.1 low dose progestogen 2.2 high dose progestogen จากคุณ : bn_jung เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 53 01:35:13

ความคิดเห็นที่ 2 ต่อไปเป็นรายละเอียดยาเม็ดคุมกำเนิดแต่ละชนิด ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม (combined oral contraceptions) ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมคือในหนึ่งเม็ดมีทั้ง เอสโตรเจน และโปรเจสโตเจน แบ่งเป็นสองกลุ่มคือ กลุ่มที่มีปริมาณเอสโตรเจนและโปรเจสโตเจนเท่ากันทุกเม็ด เรียก monophasic หรือ fixed dose pill กับอีกกลุ่มคือ multiphasic คือในแต่ละเม็ดจะมีฮอร์โมนไม่เท่ากัน 1.monophasic or fixed dose pill ยาคุมแต่ละเม็ดจะมีเอสโตรเจนและโปรเจสโตเจนในขนาดเท่ากันทุกเม็ดเหมือนกันทุกเม็ดในหนึ่งแผง จะมี 21 เม็ด แต่ถ้ามี 28 เม็ด ก็แปลว่า 7 เม็ดสุดท้ายไม่มีตัวยาฮอร์โมน (ใน21เม็ดแรกจะกินเม็ดไหนก่อนก็ได้ แต่ให้ดีกินเรียงไปตามลูกศรจะดีกว่า กันสับสน) 1.1ยาคุมที่มีฮอร์โมนในปริมาณสูง คือมี เอสโตรเจน 50 ไมโครกรัมหรือมากกว่านั้น รวมทั้งปริมาณโปรเจสโตเจนก็มีมากด้วย ยาคุมในกลุ่มนี้ หมอมักไม่ค่อยจ่ายให้คนไข้เพื่อการคุมกำเนิด แต่จะใช้เพื่อรักษาอาการทางนรีเวชมากกว่า ซึ่งได้แก่ -Ovulen                   มีเอสโตรเจน  100  ไมโครกรัม  มีโปรเจสโตเจน  1000  ไมโครกรัม -Lyndiol                   มีเอสโตรเจน  75  ไมโครกรัม  มีโปรเจสโตเจน  2500  ไมโครกรัม -Anovlar                  มีเอสโตรเจน  50  ไมโครกรัม  มีโปรเจสโตเจน  4000  ไมโครกรัม -Gynovlar                 มีเอสโตรเจน  50  ไมโครกรัม  มีโปรเจสโตเจน  3000  ไมโครกรัม   -Minilyn                    มีเอสโตรเจน  50  ไมโครกรัม  มีโปรเจสโตเจน  2500  ไมโครกรัม -Ovostat                   มีเอสโตรเจน  50  ไมโครกรัม  มีโปรเจสโตเจน  1000  ไมโครกรัม -Eugynon,Ovral         มีเอสโตรเจน  50  ไมโครกรัม  มีโปรเจสโตเจน  500  ไมโครกรัม -Norinyl,Noriday        มีเอสโตรเจน  50  ไมโครกรัม  มีโปรเจสโตเจน  1000  ไมโครกรัม -Microgynon ED50     มีเอสโตรเจน  50  ไมโครกรัม  มีโปรเจสโตเจน  125  ไมโครกรัม แก้ไขเมื่อ 03 เม.ย. 53 02:25:16 แก้ไขเมื่อ 03 เม.ย. 53 01:45:44 จากคุณ : bn_jung เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 53 01:43:48

ความคิดเห็นที่ 3 1.2 ยาคุมที่มีฮอร์โมนในปริมาณต่ำ คือมีเอสโตรเจนน้อยกว่า 50 ไมโครกรัม และปริมาณโปรเจสโตเจนก็น้อยกว่าคือมีเอสโตรเจนเพียง 30 หรือ 35 ไมโครกรัมเท่านั้น ยาคุมกลุ่มนี้ใช้กันมากที่สุด ได้แก่ -Diane-35                มีเอสโตรเจน  35  ไมโครกรัม  มีโปรเจสโตเจน  2000  ไมโครกรัม -Preme                   มีเอสโตรเจน  35  ไมโครกรัม  มีโปรเจสโตเจน  2000  ไมโครกรัม -Tina                      มีเอสโตรเจน  35  ไมโครกรัม  มีโปรเจสโตเจน  2000  ไมโครกรัม -Sucee                    มีเอสโตรเจน  35  ไมโครกรัม  มีโปรเจสโตเจน  2000  ไมโครกรัม -Cilest                     มีเอสโตรเจน  35  ไมโครกรัม  มีโปรเจสโตเจน  250  ไมโครกรัม -yasmin                   มีเอสโตรเจน  30  ไมโครกรัม  มีโปรเจสโตเจน  3  มิลลิกรัม -Microgynon ED30,Nordette,Microgest,AnNa       มีเอสโตรเจน  30  ไมโครกรัม  มีโปรเจสโตเจน  150  ไมโครกรัม -Marvelon,Prevenon     มีเอสโตรเจน  30  ไมโครกรัม  มีโปรเจสโตเจน  150  ไมโครกรัม -Minulet,Gynera     มีเอสโตรเจน  30  ไมโครกรัม  มีโปรเจสโตเจน  75  ไมโครกรัม แก้ไขเมื่อ 03 เม.ย. 53 02:25:35 จากคุณ : bn_jung เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 53 01:54:24

ความคิดเห็นที่ 4 1.3 ยาคุมที่มีฮอร์โมนในปริมาณต่ำมาก คือมีเอสโตรเจนเพียง 20 ไมโครกรัม ยาในกลุ่มนี้มีข้อดีคือ มีเอสโตรเจนต่ำ จึงมีอาการข้างเคียงจากเอสโตรเจนน้อย แต่ก็มีข้อเสียคือ อาจทำให้มีเลือดออกกระปริบกระปรอย หรือรอบเดือนอาจขาดหายไปเลย และถ้าลืมกินเมื่อไหร่ โอกาสที่จะตั้งครรภ์มีสูงกว่าแบบที่สอง และต้องกินให้ตรงเวลา ถ้ากินผิดเวลาอาจทำให้ระดับยาลดลง จนไม่สามารถยับยั้งไข่ตกได้ อันได้แก่ -Mercilon                มีเอสโตรเจน  20  ไมโครกรัม  มีโปรเจสโตเจน   150  ไมโครกรัม -Meliane                 มีเอสโตรเจน  20  ไมโครกรัม  มีโปรเจสโตเจน   75  ไมโครกรัม แก้ไขเมื่อ 03 เม.ย. 53 02:25:51 จากคุณ : bn_jung เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 53 01:58:09

ความคิดเห็นที่ 5 ต่อมาเรียกได้ว่าเป็นนางเอกของเพื่อนๆ หลายๆ คนที่ต้องการจัดการกับปัญหาสิวที่เกิดจากฮอร์โมนกันเลยทีเดียว เนื่องจากมีฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสโตเจนในปริมาณที่น้อยมากๆๆ ซึ่งมีผลข้างเคียงจากการใช้ยาน้อยมากตามไปด้วย ได้แก่ -YAZ       เป็นยาคุมที่มี 28 เม็ด  โดยที่...    ...24 เม็ดแรก ประกอบด้วย         เอสโตรเจนชนิด Ethinyl estradiol     20     ไมโครกรัม         โปรเจสโตเจนชนิด Drospirenone      3      มิลลิกรัม    ...ส่วนอีก 4 เม็ดที่เหลือ เป็นเม็ดแป้ง แก้ไขเมื่อ 03 เม.ย. 53 02:03:29 จากคุณ : bn_jung เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 53 02:02:27

ความคิดเห็นที่ 6 ต่อมาเป็นยาคุมที่มีจำหน่ายตามท้องตลาดอีกแบบ คือ 2 multiphasic pills คือยาคุมที่มีทั้งเอสโตรเจน และโปรเจสโตเจน แต่ในแต่ละเม็ด จะมีปริมาณฮอร์โมนไม่เท่ากัน เท่าที่มีการผลิตและจำหน่ายในตลาด เป็นแบบฮอร์โมน 3 ระดับ เรียกว่า triphasic หรือ three steps pills ซึ่งในที่นี้มีอยู่ 3 แบบ แต่ขอกล่าวถึงเฉพาะแบบที่ได้รับการกล่าวถึงบ่อยๆ ในการใช้เพื่อรักษาสิว ได้แก่ -Oilezz       เป็นยาคุมที่มี 22 เม็ด  ประกอบด้วย        เอสโตรเจนชนิด Ethinyl estradiol   (40x7)+(30x15)  ไมโครกรัม        โปรเจสโตเจนชนิด Desogestrel     (25x7)+(125x15)  ไมโครกรัม แก้ไขเมื่อ 03 เม.ย. 53 02:26:34 จากคุณ : bn_jung เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 53 02:11:59

ความคิดเห็นที่ 7 หวังว่าข้อมมูลข้างต้นจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ในการพิจารณาซื้อยาเม็ดคุมกำเนิดมาทานเพื่อผิวใส ไร้สิวได้ไม่มากก็น้อยนะคะ ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก http://www.clinicrak.com/birthcontrol ค่ะ เพิ่มเติมข้อมูลค่ะ Yasmin นั้น ผลิตออกมาเพื่อหวังช่วยเรื่องการคุมน้ำหนัก เพราะมีตัวยาDrospirenone ซึ่งลดการคั่งของน้ำในร่างกาย แต่ในทางปฏิบัติจริงพบว่า หลายๆคนก็ยังมีน้ำหนักขึ้นได้ และไม่สามารถลดอาการท้องอืด ท้องบวม ในบางคนได้ ประกอบกับการใช้ยาคุมตัวนี้ ก็ยังพบว่ามีอาการแพ้ได้ เพราะ มีปริมาณ estrogen 30 micrograms เข้าใจว่า ด้วยเหตุผลพวกนี้ บริษัทผู้ผลิต เลยผลิต YAZ ออกมา โดยลดปริมาณ estrogen เหลือแค่ 20 micrograms ( ต่ำสุด เท่ากับ Mercilonและ Meliane) เพื่อหวังลดผลข้างเคียง และอาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการคุมน้ำหนัก... แต่...ไปๆมาๆ YAZ กลับได้รับการรับรอง จาก FDA ของสหรัฐฯ ว่า นอกจากเรื่องคุมกำเนิดแล้ว มันมีประสิทธิภาพในการรักษาได้อีก 2 อย่าง คือ 1. ภาวะ Premenstrual Dysphoric Disorder คือภาวะผิดปกติของจิตใจและอารมณ์ที่ผิดปกติอย่างรุนแรง ในช่วงก่อนมีรอบเดือน เช่น ซึมเศร้าเครียด วิตกกังวลอย่างรุนแรง 2. สิว...ที่ไม่รุนแรงมากนัก ส่วนถ้าเป็นอาการท้องอืด ท้องบวมก่อนมีรอบเดือน อันนี้ ไม่สามารถรับรองได้ ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก Login : drc ค่ะ จากคุณ : bn_jung เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 53 02:34:51

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณค่ะที่ให้ข้อมูล ขวัญเองก็กินยาคุมเพื่อรักษาสิว กินมาทุกยี่ห้อ โชคดีที่กินอันไหนก็ค่อนข้างโอหมด มีแต่ไดแอนนี่หล่ะกินแล้วอวบเชียว อยากจะลอง แต่ตอนนี้เลิกลองแล้วทานยัสมินตลอด บอกตรงๆว่าไม่กล้าเลิกกินเลยกลัวสิวจะกลับมาอีก จากคุณ : กล่องของขวัญ เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 53 02:39:44

ความคิดเห็นที่ 9 ขอบคุณสำหรับข้อมูลจ้า อีกอย่างนึงที่อยากเสริมคือ เคยอ่านเจอมาว่า ผลข้างเคียงของยาคุมคือ อาจทำให้ฝ้าขึ้น โอ้ แม่จ้าววววว ถ้าฝ้าขึ้นนี่ยอมเป็นสิวแล้วค่อยๆรักษาดีกว่ามั้ยคะเนี่ย ใครเคยมีประสบการณ์ แชร์เรื่องฝ้าด้วยค่า จากคุณ : Chomping Queen เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 53 03:14:30

ความคิดเห็นที่ 10 ตามลิงค์ไปแล้ว ได้ข้อมูลเพียบ ขอบคุณค่า ช่วยแปะ http://www.clinicrak.com/birthcontrol/lady_pills06.shtml http://www.clinicrak.com/birthcontrol/lady_pills11.html จากคุณ : เซนทาโร่ เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 53 09:04:13

ความคิดเห็นที่ 11 นั่นสิ หมอผิวหนังบอกว่าระวังฝ้าขึ้นจากการกินยาคุม แล้วฝ้าก็รักษาไม่หายด้วย จากคุณ : Edna Mode เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 53 09:06:47

ความคิดเห็นที่ 12 ถ้าฝ้าขึ้น คิดว่าคงไม่คุ้มละมั้ง? จากคุณ : Edna Mode เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 53 09:08:54

ความคิดเห็นที่ 13 ถ้ากินยาสมินเพื่อลดสิวติดต่อกันเป็นเวลานานจะมีผลข้างเคียงมั้ยคะเนี่ย จากคุณ : little_jam เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 53 09:51:36

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณมากค่ะ เพิ่มเริ่มทาน ยาส มาได้ 2 อาทิตย์ น้ำหนักไม่ขึ้น แต่กลัวฝ้ามากกกกก หมอบอกว่า ฝ้าถ้ามันเป็นแล้วรักษายากกว่าสิวอีกนะ ช่วงนี้ก็ส่องกระจกทุกวัน กะว่า กินยาคุมซัก 2-3 เดือนพอสิวหายแล้วจะเลิกค่ะ จากคุณ : ++แขวน++ เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 53 10:53:55

ความคิดเห็นที่ 15 เห็นเพื่อนกินyasminแล้วเหมือนอยากกินอาหารตลอดเวลา = =" จากคุณ : fuseya เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 53 11:08:53

ความคิดเห็นที่ 16 เห็นคนกินยาคุมนานๆแล้วมีลูกไม่ได้อ่ะ จากคุณ : meh_dg_r เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 53 11:46:10

ความคิดเห็นที่ 17 ไม่เคยกินเพื่อรักษาสิว แต่เคยกินเพราะอยากมีหน้าอก (อ่านะ) ^^" พอกินแล้ว หน้าอกก็ดูใหญ่ขึ้นนะ แต่ขอโทษเถ๊อะคร้า มันดันใหญ่ทั้งตัวเลย ขา แขน หน้า พุง --" กลายเป็นว่าเราอ้วนไปเลย แค่ 2 แผงเอง จากนั้นลาขาดดดเลยค่ะ ถึงผิวจะดูเปล่งปลั่งขึ้นจริง แต่ก็ไม่เอาอ่ะ ตัวแน่นรับไม่ด้ายยย จากคุณ : ผู้หญิงขี้เล่า เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 53 13:06:22

ความคิดเห็นที่ 18 สำหรับเราเคยกินอยู่ 3 รอบ หน้าสิวหายเกลี้ยง นมตู้มด้วย ไม่อ้วน ผิวเปล่งปลั่ง แต่ปัญหาคือยี่ห้ออะไรเราก็คลื่นไส้ เวียนหัว มันทุกยี่ห้อ ตอนนี้เลยเลิกกิน มันเหมือนทรมานตัวเองไงไม่รู้ จากคุณ : สาวลพบุรี เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 53 15:36:03

ความคิดเห็นที่ 19 เราเพิ่งเลิกกินยาคุมได้หนึ่งเดือน ตอนนี้หน้าเริ่มกลับมามันแผล่บ สิวอักเสบขึ้นเหมือนเดิม ขึ้นบนหัวด้วย เซ็ง คงต้องกลับไปกินอีก อากาศมันร้อน หน้า ตัว เหงื่อออกง่าย สิวบุกเลย จากคุณ : tormay เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 53 17:18:40

ความคิดเห็นที่ 20 กิน Mercilon อยู่ ไม่เคยเปลี่ยนยี่ห้อเลย เพราะกินแล้วมันไม่อ้วนจริงๆนะ แต่เวลาประจำเดือนมานี่น้อยมากๆ เป็นเยอะอยู่วันเดียว พอวันที่สาม-สี่ก็เริ่มหมดละ ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆนะคะ ปล.พี่กินเพื่อคุมกำเนิดนะคะ ไม่ได้รักษาสิว จากคุณ : alekay เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 53 18:31:20

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณข้อมูลดีๆๆค่ะ โดยส่วนตัวทาน ออยเลสค่ะ ทานมา 6 เดือนแล้วค่ะ มันก็มีบ้างมีเพิ่มขึ้น เช่นหน้าอก น้ำหนัก แต่ไม่มากนะค่ะ ดูมีน้ำมีนวลดีค่ะ คิดว่าถูกกับเราค่ะ จากคุณ : thaidancing เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 53 19:10:22

ความคิดเห็นที่ 22 เรากินยาสมินมา 2 เดือนไม่เหนหน่มน้มจาใหญ่ขึ้นม่างเรย แถมสิวก้อยังขึ้นเหมือนเดิม ดีนะที่ไม่อ้วนขึ้นด้วย .... เราเปนคนที่แขน ขา ตัวเลก หนัก 40 แต่เสียอย่างเดียว ..มีพุง -*- เรยหยุดกินแระ เพราะเดือนที่ผ่านมา ปจด.มาน้อยมาก มาแค่วันกว่าๆเอง จากคุณ : คุ ณ ห นู รั ก เ ร่ ~* เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 53 19:22:45

ความคิดเห็นที่ 23 สาวๆ ค้า............. อย่าได้ทานเลยยาคุมเนี่ย มาฟังเราเหอะ เรา ทานไดแอน มาเกิน 5 ปี ไม่มีสิวค่ะ แต่อวบขึ้น และที่สำคัญ ไม่มีฝ้าค่ะ มีแต่กระขึ้น และขี้แมลงวัน (โหดพอกันเลย ) อันนี้หมอบอกว่า เป็นผลจากการกินยาคุม เป็นเวลานาน    / แต่ ยาตัวอื่น เราไม่เคยทานค่ะ อาการหลัง จากเลิกทานยาคุม 1. สิวขึ้น กระจาย เลย แถวบริเวณ โหนกแก้ม มาถึง มุมปาก รักษา นานมาก เกิน 3-4 เดือน หลังจากหาย ทิ้งรอยแผล ไว้อีก 2. ปวดหัวมากๆ แบบ ไมเกรนขึ้น 3. ผิวเหมือนหยาบๆ อาจเนื่องจากทานยาคุม มานานมีฮอร์โมน แต่ตอนนี้เริ่มดีขึ้น เพราะหยุดยามา 2-3 ปีแล้ว ค่ะ 4. ไม่ค่อยมีอาการท้องอืด หรือท้องบวม  ก่อนมีประจำเดือนบ่อยนัก ปล. เราทานเผื่อคุมกำเนิด ค่ะ ไม่ได้รักษาสิว จากคุณ : น้ำหนาว (roased) เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 10:41:20