ความคิดเห็นที่ 1 เปิดตัวแรกด้วย หลอดนี้ครับ   ถามว่า  หลอดนี้พิเศษยังไงเหรอครับ ??? มันพิเศษมากๆ  ตรงนี้ใช้เทคโนโลยีระดับนาโนสิครับ มาใช้กับ  โลชัน  ซึ่งแน่นอนซะเหลือเกิน   มันจะซึมเข้าผิวได้ลึกว่ายี่ห้อ ทั่วๆไปครับ . แต่อย่าลืมนะครับ  ว่านาโน ก็จะมีแบ่งอีก ว่าช่วงความใหญ่ไหนถึงไหน เรียกว่า XXโนโซม ซึ่งแต่ละxxโนโซมจะเข้าถึงผิวได้ลึกต่างกัน . ยี่ห้อนี้ใช้ระดับไลโปโซมครับ . ถ้าถามว่า จะมีมั้ยที่แบบซึมเข้าแล้วเปล่งปลั่ง ออร่า ไปสามบ้านเจ็ดบ้าน ตอบเลยครับ ว่าไม่มี !! เพราะมันคงอันตรายเกินไปถ้าจะเข้าถึงลึกขนาดนั้น คงอยู่ในการดูแลของแพทย์ครับ . พูดซะยาว = ='  ตัวนี้ซื้อได้ตาม พารากอนครับ ลืมบอกไป GMK ของนมแพะครับ ของ ฟาร์มนมศิริชัย ก็มาบุญครองนั่นแหละครับ ตัวนี้ยังซื้อได้อีกที่ บูท แต่ไม่รู้ยังมีอยู่มั้ย  ซื้อมานานแล้วเหมือนกันครับ 9.5/10 มันซึมได้มากกว่ายี่ห้ออื่น  แต่มันก็แพงพอตัวเลย 200 ml ราคาเต็ม 120 แต่ไม่แน่ใจว่าซื้อมานี้มั้ย ลืมครับ ลืม จากคุณ : PandaMAN7777777 เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 03:08:26

ความคิดเห็นที่ 2 ร่ายตัวแรกซะยาว และดีซะเหลือเกิ๊นนนนน ตัวนี้หละครับ  จริงๆ  มันดีนะครับ ถึงแม้อาจจะโดนตัวแรกออกตัวแรง!!!ไปหน่อย ตัวนี้คาดว่ามิสทีนคงได้แรงบันดาลใจมาจากตัวแรก (มิสทีนชอบได้แรงบันดาลใจ บ่อยๆ 555+) แต่หอมนมมากกกกกกกกกกกกก และที่สำคัญ มิสทีน แบรนไทย ไร้โฆษณา เลยถูก เอิ๊กๆ (หลังๆแอบโฆษณานะครับ) รู้สึกว่า 300 ml 55 บาทนะครับ ซื้อมาถูกเลยซื้อ ใช้ตัวแรก ซึมซาบบำรุงสู่ชั้นผิว ตัวนี้เอาไว้เคลือบผิว   . เพอเฟ็ค !!!! 9/10 ครับ ผมชอบโลชั่นมิสทีนนะ  ถูกและดีมีที่ไทยเนี่ยแหละ สุโค่ยยยย แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 53 03:16:00 จากคุณ : PandaMAN7777777 เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 03:13:04

ความคิดเห็นที่ 3 ขอคั้นอารมณ์ด้วยนี่ครับ . . . แชมพู 7 สี 7 ศอก !!!!!!!!!!! . . . ว่าจะไปซื้อให้ครบ  วางไว้ในห้องน้ำ ตลกดี เอิ๊กๆ xx/10 ไม่ให้คะแนนครับ  เพราะผมสั้นเกิ๊นนนน สกินเฮด จากคุณ : PandaMAN7777777 เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 03:18:01

ความคิดเห็นที่ 4 ขอ พาออกไปนอกนะครับ   ตัวนี้ ส่งตรงมาจากจีน!!!! เป็นยี่ห้อ ALOBON ไม่รู้ว่าดีมั้ย เพื่อนซื้อมาฝาก สงสัยเห็นหน้าเราดำ  ก็ไม่ดำนะครับ แค่ไม่ขาว  ฮ่าๆๆๆ เหลืองๆ คนจีนเนาะ ... ใช้ไปก็ไม่เกิดไรขึ้น  ไม่ไหวๆ แอบสงสัยนะเนี่ย ว่า จีนก็อปจีน อีกทีป่าว (รักหลอกจึงหยอกเล่นๆ) 8/10 ไม่เกิดอะไรขึ้นกับหน้าเลย = =" จากคุณ : PandaMAN7777777 เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 03:20:27

ความคิดเห็นที่ 5 พาไปจีนแล้ว  ไปอเมริกาด้วยแล้วกันครับ ตัวนี้ผลิตที่เมกาครับ   พอเห็นตัวนี้นึกขึ้นได้เลย ว่าเคยเห็นมีคนในห้องแป้งว่า BHA ในขวดนี้จะไม่เกิดผล เพราะว่า จะถูกล้างออกไปหมด . จะบอกแล้วว่า คุณผิด !!! เพราะถ้าBHAในตำรับนี้ ไม่เกิดผลกับหน้า เค้าจะใส่เพื่ออออออออออออ??? . จะบอกว่า ลองคิดดูสิครับ อย่างวิตามินในโฟมล้างหน้า  เวลาเราล้าง  คุณรู้มั้ย รีเซ็บเตอร์ของสารนั้นๆมันก็จะมารับมันไปเข้าสู้ผิวหน้าของเรา ตัวนี้ก็เช่นกัน  มันก็จะโดนหน้าเรา  แล้วทำให้เกิดฤทธิ์ ต่อผิวหน้าคือ เร่งการผลัดเซลล์ผิวครับ  แต่อาจจะฤทธิ์อ่อนกว่า  ในตำรับครีมทาหน้า เพราะอะไร???  ก็เพราะว่าเค้าต้องการให้ฤทธิ์มันอ่อนหนะสิครับ ไม่ใช่ใส่เพื่อการตลาดแน่นอน วงการแพทย์เค้าคิดดีแล้วครับ ว่าจะใส่อะไรลงไปในยาหรือเครื่องสำอางรูปแบบต่างๆ เพราะฉะนั้น  อย่าไปฟังใครเค้า  มาถามเภสัชหรือหมอดีกว่าครับ . ให้คะแนน9.5/10 ครับ สิวลด สิวลดๆๆๆๆๆๆๆๆ แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 53 03:28:49 จากคุณ : PandaMAN7777777 เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 03:26:24

ความคิดเห็นที่ 6 อันนี้ยังไม่ได้ใช้ครับ  แต่เอามาให้ดูว่าตำรับนี้มี salicylic acid ครับ ตัวที่แล้วเป็น BHA ครับ แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 53 03:29:12 จากคุณ : PandaMAN7777777 เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 03:27:12

ความคิดเห็นที่ 7 พากลับไทย แต่ได้กลิ่นอายยย ญี่ปุ่นครับ บีโอเร คร๊าบบบ พอแพ็คๆ แบ แบล็คๆด้วย ผลิตภัณฑ์นี้ อยู่คู่กับ ปัญหาโลกแตก !!!!!!!!!!! สิวหัวดำ สิวเสี้ยนที่จมูก  เฮ้อออออ . ปัญหาโลกแตกมั้ยหละครับ 9.5/10 ดึงดี สีดำ ซาดิ๊ส ซาดิส  เอิ๊กๆๆๆๆ จากคุณ : PandaMAN7777777 เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 03:31:16

ความคิดเห็นที่ 8 มาปาดค่ะ จากคุณ : เป็นที่พอใจ เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 03:33:11

ความคิดเห็นที่ 9 ปาดค่า เจ้าของกระทู้นอนดึกจัง จากคุณ : lingapple เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 03:35:44

ความคิดเห็นที่ 10 คุณ เป็นที่พอใจ กับคุณ lingapple ก็นอนดึกนะครับ ---------------------------------------------------------------------------------- ตัวนี้เป็นตัวเกือบสุดท้ายของวันนี้ครับ(อีกตัวสองตัวก็จบรีวิวและ) จริงๆยังมีฟาริส เมนโทลาทัม โอเล เดอะเฟชช็อบ อีก . เล่าก่อนๆ ว่าตัวนี้  ข้าได้แต่ใดมา???? BAแถมมาจึ่งได้ ซื้อครบ 200 ได้สมัครสมาชิกฟรี ใช่มั้ยครับ เผอิญ ซื้อ กันแดด ตัวดัง ห้องแป้ง แว่ง แว่ง แว่ง (เสียงสะท้อน) ราคา 199 เพื่อนซื้อ สินค้าอย่างนึง 169 คุณ BA สุดเลิฟ ของผม ก็ไม่ได้บอกเลยว่า ซื้อครบ 200 ได้สมัครสมาชิก และได้ โลชัน ขวดนี้ ฟรี !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! พอจ่ายเงินถึงรู้    อยากถุอนหายใจ  เฮ้ออออออออ  BA สาขาที่ผมซื้อ ไม่บอกกันเลย (ร้องเพลง )ทำไม ถึงทำกับฉัน ได้ ....... ถ้ารู้งี้นะ แยกกับเพื่อนซื้อ จะได้ คนละ ขวด ดีนะที่เพื่อนมันไม่ใช้ โลชัน ก็เลยได้มา  ไม่งั้น ได้ยิ่งฉุบ !! . วะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า  และแล้ว..... โลชันในสต๊อกเราก็มี มิสทีน โกลคาเวีย โทเทิลแคร์ ซิตรา เจอเก้น โลชันนมแพะ 2 ขวด แล้วยังมีโลชันสมุนไพรขมิ้นอีก ยังไม่รวม เภสัช ขวดเล็กทาหน้ามาทาแขน กับ สกาแคร์ทาหน้ามาทาแขน . ??/10 อันนี้ให้คะแนนไม่ได้ครับ เพราะเค้าแถมมา แล้วดันแถมขวดปั้ม ใจป๋าซะขนาดนี้ ชักน่าสงสัย แอบคิดว่าใช้ไม่ดี หรือไม่ก็การตลาด เอ๋???? ยังไงดีๆ? แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 53 03:40:50 แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 53 03:38:58 จากคุณ : PandaMAN7777777 เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 03:38:11

ความคิดเห็นที่ 11 ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ตัวนี้เป็นหนึ่งอีกตัวที่แอบดังอย่างลับๆในห้องแป้งครับ เห็นคนเอามาทาหน้าแล้วขาว อ่านแล้วนึกในใจว่า "เสร็จ ตรูหละทีนี้" ด้วยความที่มันถูกกกก ก็เลยซื้อมาทาแขนซะเลย . ผลลัพท์ที่ได้  ไม่ต้องสงสัยครับ ขาวขึ้นจริงๆ มหัศจรรย์มั้ยครับ  ว๊าวๆๆๆๆ เป็นปลื้มเลยทีนี้ ทาตัวนี้ก่อนแล้วทามิสทีนทับ เหมือนมันเสริมกำลังกันครับ ค่อยขาวอย่างช้าๆ แฮปปี้เลยครับ ชอบๆๆๆ . 9.5/10 มันขาวขึ้นจริงๆนะซาร่า  ไม่ได้นาธาน เอิ๊กๆ แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 53 03:44:20 จากคุณ : PandaMAN7777777 เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 03:43:37

ความคิดเห็นที่ 12 ตัวสุดท้าย ว๊าย ว๊าย ว๊าย (เสียงสะท้อน) ตัวนี้ครับ กันแดดอันดังโด่ง และโด่งดัง 199 ครับ คุณภาพดีเหลือล้น . ขอเสริมความรู้เกี่ยวกับกันแดดหน่อยนะครับ ถ้ากันแดดที่หนักหน้าและมัน  ก็คือกันแดดที่ละลายใน oil ข้อดีคือ เมื่อเหงื่อคุณออกจะไม่ละลายหายไปกับเหงื่อ ต้องเลือกเอาครับ  ถ้ากันแดดที่เบาทาแล้วไม่มัน  ก็จะละลายในน้ำ  เมื่อเหงื่ออก มันก็เลือนไปครับ . แล้วก็ขออัพเดทความรู้ด้วยว่า  เดี๊ยวนี้ฝั่งยุโรปไม่มี water proof แล้วนะครับ เพราะยุโรปเค้าบอกว่า ไม่มีครีมกันแดดไหนจะกันน้ำได้ขนาดนั้น ยุโปรจึงให้ใช้ว่า water resistant และ very water resistant ซึ่งก็มีค่านาทีบอกอยู่ว่า ทาแล้วว่ายน้ำจะว่ายได้กี่นาทีครับ . ให้คะแนนตัวนี้ก่อน 9.5/10 ให้เยอะเลยเพราะว่า ทำให้คนที่ไม่ใช้กันแดดอย่างผมเป็นเวลาหลายปี กลับมาใช้ได้อีกครั้งนึง ^__^ แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 53 03:57:40 จากคุณ : PandaMAN7777777 เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 03:56:23

ความคิดเห็นที่ 13 นูโทร ดีฟคลีนเราแพ้ ผดขึ้นหน้าสากๆเลย ว่าจะลอง แอคเน่วอช เลยไม่กล้าเลย จากคุณ : บ้าน..P ดีดี เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 05:01:09

ความคิดเห็นที่ 14 นึกว่าจะมารีวิวหมวก .... จากคุณ : กรอบนอกนุ่มใน เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 05:16:15

ความคิดเห็นที่ 15 มาคอนเฟิร์มว่า BHA ที่ใส่มีผลแน่นอน เพราะ เจลล้างหน้าใน #6 ทำผมหน้าไหม้ไปรอบนึง เลยหน้าด้านกว่าที่เคย - -" จากคุณ : MaN14a เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 05:29:13

ความคิดเห็นที่ 16 สนใจโลชั่นมิสทีนนมแพะจังค่ะ   ขวดน่าร้ากกกกกก 555 ว่าแต่มันเหนอะหน่ะ ไหมค่ะ  พอดีช่วงนี้ มันร้อนนนนนมากกก ทาโลชั่นเหนอะ มันจะหงุดหงิด หัวใจหน่ะสิค่ะ 555 จากคุณ : tootney เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 08:38:11

ความคิดเห็นที่ 17 สมัคร cute press สาขาไหนหรอคะ เราสมัครแล้วไม่เห็นได้เลย จากคุณ : อัญมณีแห่งกาลเวลา เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 08:57:21

ความคิดเห็นที่ 18 ส่วนตัวเคยใช้เภสัชสูตรออริจินอล ไม่ขาวแฮะ แต่ขนยาวตรึม จากคุณ : paq เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 09:06:20

ความคิดเห็นที่ 19 ชอบคห.แรกเหมือนกันค่า จขกท. มันซึมซาบดีมากๆๆ แอบชอบกลื่นด้วย แต่ซื้แมานานมากแล้ว เพระาใช้สลับกับตัวอื่น กลัวหมดแล้วหาไม่ได้จัง เพราะตามboots ฌหมือนเห็นบ้างไม่เห็นบ้างเลยง่า จากคุณ : sk_tceu เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 09:24:46

ความคิดเห็นที่ 20 ผมคนนึงที่แอบเอาเภสัชตัวนั้นมาลองทาแขน ผลคือ ดีมากกกกกกก แล้วก็ตามด้วยวาสลีน สลับกับมิสทีน สลับกับเภสัชบอดี้โลชั่นปกติ จากคุณ : vahaha... เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 09:46:20

ความคิดเห็นที่ 21 เอ่อ... จขกท ครับ BHA กับ Salisylic Acid เนี่ย มันเป็นตัวเดียวกันไม่ใช่เหรอ? ทำไมพิมพ์เหมือนกับว่าเป็นคนละตัวกัน หรือเราเข้าใจอะไรผิด - - จากคุณ : Mac_ximum เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 10:13:43

ความคิดเห็นที่ 22 ปูเสื่อรอชม GMK นมแพะของ ฟาร์มนมศิริชัย น่าใช้จัง กะนมแพะ มิสทีน 55 บาท ถูกได้อีก จากคุณ : Normal.Girl เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 10:34:57

ความคิดเห็นที่ 23 ชอบรูปกังฟูแพนด้า ๕๕ น่ารักอะ จากคุณ : หมีโคอาล่าเก้าหาง เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 11:41:27

ความคิดเห็นที่ 24 ชอบการ review ของคุณ pandaman จัง อ่านแล้วอมยิ้ม จากคุณ : ชมนกชมไม้ เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 11:42:48

ความคิดเห็นที่ 25 น่ารักจังค่ะ อ่านสนุกดีจริงๆ อยากลองกันแดดคิวเพรสจัง ยังหาที่ซื้อไม่ได้ซะที สรุปว่าดีใช่รึเปล่าค่ะ กำลังลังเลระหว่างคิวเพรสกับสเป๊กตร้าแบนค่ะ จากคุณ : ~KyoKo~ เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 12:14:26

ความคิดเห็นที่ 26 ใช้เภสัชทาหน้าเอามาทาตัวได้ด้วยหลอเนี่ย!! เราวางไว้ประดับบ้านมาเป็นเวลานาน  สงสัยจะได้ใช้แล้ว จากคุณ : fuseya เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 12:20:48

ความคิดเห็นที่ 27 ปาดทันป่าว... ชอบ nutrogena oil free acne wash ใชhมาหลายขวดแล้ว ^^ จากคุณ : sharpychinny เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 13:01:29

ความคิดเห็นที่ 28 มาดูด้วยคนค่า จากคุณ : el sol (el sol) เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 13:24:28

ความคิดเห็นที่ 29 ปาดดดดดดดดดดดดดดดดค่ะ จากคุณ : sentmind เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 13:51:28

ความคิดเห็นที่ 30 เราก็เอาเภสัชทาหน้ามาทาตัวเหมือนกัน แต่เราทาคอ เพราะคอดำกว่าหน้า ผลคือ ขาวเช่นกัน ชอบมากมายเลย จากคุณ : เทพพิสดาร เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 14:26:56

ความคิดเห็นที่ 31 แวะมาอ่าน กำลังขำ ๆ เพลิน ๆ แต่มาสะดุดนิดหน่อย :D BHA  กับ Salicylic Acid มันเป็นตัวเดียวกันขอรับ Salicylic Acid ไมไ่ด้ใช้แค่ผลัดเซลล์ผิวอย่างเดียว  ในสูตรผสมเครื่องสำอางก็สามารถใช้เป็นสารกันเสียได้เหมือนกัน ลดการอักเสบของผิว และก็มีฤิทธิ์ในการฆ่าเชื้ออ่อน (มันจึงใช้เป็นสารกันเสียให้กับผลิตภัณฑ์ได้ด้วย) เท่าที่ผม (ผู้ซึ่งไม่ใช่เภสัช และหมอ) ลองอ่าน ๆ หนังสือมาพบว่า BHA (หรือ Salicylic Acid) จะผลัดเซลล์ผิวได้มีประสิทธิภาพดีก็ต่อเมื่อค่า pH เป็นกรด (ในเครื่องสำอางควรมีค่า pH 3.5-4) เวลาใช้ Cleanser เราก็ต้องผสมน้ำ มันก็ดึงค่า pH ให้สูงขึ้นไปอีก ส่วนที่คุณ MaN14a  หน้าไหม้หรือแห้งลอก จาก Cleanser ในตัว คห. 6 (Neutrogena Oil-Free Acne Wash) ผมคิดว่าเขาใช้สารทำความสะอาด Sodium C14-16 Olefin Sulfonate ที่ชำละล้างสูงจนทำให้ผิวแห้ง ระคายเคือง  ถ้าใช้ติดต่อกันก็แห้งมากจน Burn ได้ ไมไ่ด้เกี่ยวกับ Salicylic Acid เลย (เพราะผมเคยใช้มาก่อน และมันก็เป็นอาการเดียวกัน แต่สิวไม่หาย...) ส่วนตัวผมเชื่อก็เชื่อตามข้อมูลที่ผมอ่านและพิจารณาดูด้วยตัวเอง  แต่ถ้าจะให้ผมเชื่อว่า BHA ใน Cleanser นั้นได้ผล   ก็คงต้องทำให้ผมหายสงสัยในหลายๆ เรื่องก่อน อย่างถ้ากระบวนการผลัดเซลล์ผิวของ BHA พึ่งแต่การกระตุ้น Receptor อย่างเดียวก็ได้ผล แล้วทำไมตำราทุกเล่มถึงบอกว่า Topical Salicylic ต้องปรับสูตรให้ค่า pH เป็นกรด จึงจะมีประสิทธิภาพ? ทำไม Glycolic Acid ที่ไมไ่ด้มี Receptor อยู่บนผิวถึงผลัดเซลล์ผิวได้ เพราะผมเข้าใจว่า Salicylic Acid ใช้หลักการเดียวกับ Glycolic Acid หรือสารกลุ่ม AHAs อื่น ๆ เพื่อผลัดเซลล์ผิว (คือไปทำให้สารที่ยึดเซลล์เคราตินคลายตัวลง และหลุดออกได้ง่ายขึ้น) ส่วน Salicylic Acid สามารถลดการอักเสบของผิวได้โดยที่ AHAs ทำไม่ได้ ก็เพราะว่า Salicylic มี Receptor รับ แต่ AHA ไม่มี... พอดีผมไปอ่านเจอว่า ค่า pH มีผลต่อการดูดซึมของ Salicylic เข้าสู่ Receptor ด้วย  ค่า pH เป็นกรด จะดูดซึมได้ดีกว่า pH Balance (Comparison of Franz cells and microdialysis for assessing salicylic acid penetration through human skin., International Journal of Pharmaceutics, Volume 269, Issue 2, 28 January 2004, Pages 323-328)   ถ้าผมเข้าใจผิดยังไง รบกวนชี้แนะด้วยครับ จะได้เข้าใจถูกขึ้นมาบ้าง เพราะผมก็ไมไ่ด้เรียนหมอ เรียนเภสัชมา   ขอขอบคุณล่วงหน้า *** แก้คำผิดครับ *** แก้ไขเมื่อ 06 เม.ย. 53 14:04:08 แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 53 15:22:42 แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 53 15:21:14 แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 53 15:17:50 จากคุณ : PuPe_so_Sweet เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 15:14:02

ความคิดเห็นที่ 32 งง BHAกับsalicylicมันตัวเดียวกันนี่คะ หรือเราเข้าใจผิด เพราะเคยได้ยินว่าจขกท.เรียนเภสัชอยู่น่าจะรู้ดีกว่าเรา #15 หน้่าไหม้เพราะสารทำความสะอาดมากกว่าค่ะ- - เราโดนมาแล้ว ใช้ไปครั้งเดียวหน้าแห้งไหม้แถมสิวขึ้น ถ้าเป็นเพราะbhaขับออกมานี่ เร็วไปมั้ย ครั้งเดียวเอง จากคุณ : GDArock เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 15:42:00

ความคิดเห็นที่ 33 เพิ่งเห็นคห.ของคุณปูเป้ ความรู้แน่นเช่นเคย ยังไงก็รอจขกท.มาชี้แจงตามคุณปูเป้ด้วย เพราะยังไงจขกท.เรียนเภสัชมาเนอะ ถ้าจำผิดก็ขออภัยนะคะ จากคุณ : GDArock เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 15:45:52

ความคิดเห็นที่ 34 อยากลองครีมกันแดดจังเลยคะ เดี๋ยวไปถอยมาดีกว่า ครีมเภสัชถูกมาก ไม่กล้าทาหน้าเหมือนกัน แต่ก็ทิ้งไว้เฉยๆ ลองเอามาทาแขนขาบ้างดีกว่าคะ จากคุณ : มัฟฟิ่นมัฟฟิ่น เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 16:54:18

ความคิดเห็นที่ 35 ตามมาชมค่ะ จขกท.หายไปนานจริงๆด้วย คราวหน้ามารีวิวของที่เหลือด้วยนะค้า หนุกดี ชอบค่ะ แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 53 17:36:40 จากคุณ : yorei เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 17:30:00

ความคิดเห็นที่ 36 คห.16 คุณtootney มันจะลื่นๆนะครับ  แบบเคลือบไว้ ถ้าทากลางวันอาจจะไม่ชอบครับ เพราะมันไม่ได้ทาแล้วแห้งหนะครับ คห.17 คุณอัญมณีแห่งกาลเวลา  ซีคอนครับ เมื่อวานอ่ะครับ ผมไม่แน่ใจว่าโปรโมชันนี้ เริ่มวันไหนเหมือนกันครับ คห.19 คุณsk_tceu พารากอนโลดครับบบบบบ มีตลอดเลยครับ คห.21 คุณMac_ximum  เดี๊ยวจะเล่าให้ฟังครับ ^_^ คห.25 คุณ~KyoKo~ ผมว่าเลือกกันแดดตามlife style ของแต่ละคนดีที่สุดครับ คห.31 คุณปูเป้ หน้าใสมากๆๆๆๆ  เดี๊ยวเปลี่ยนเม้นดีกว่าครับ เยอะเกิ๊น จากคุณ : PandaMAN7777777 เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 18:02:52

ความคิดเห็นที่ 37 คืองี้ครับ  กรดผลไม้มีหลักๆที่ดังๆ 2 อย่าง คือ กลุ่ม Hydroxy Acid ซึ่ง BHA คือ Bata ครับ ส่วน AHA คือชนิด Alpha อ่า การจำแนกมันจะอธิบายให้เชิงแคมีง่ายๆนะครับ คือ ถ้า กลุ่ม ไฮดรอกซี(-OH)เกาะที่ ตำแหน่ง อัลฟาก็เป็น AHA ถ้าเกาะที่ ตำแหน่งเบตา ก็เป็น BHA ครับ . คำถามที่สงสัยคือ salicylic acid กับ BHA คือตัวเดียวกันมั้ย ตอบว่า มันก้ำกึ่ง   นั่นๆๆๆๆ งงหละสิครับ คืองี้............................... salicylic  acid เป็นซับเซทของ BHA ครับ ลองจินตนาการว่า BHA เป็นวงการบันเทิง salicylic acid ก็เป็นอั้ม พัชราภาครับ คือ มันเป็นตัว top ของ BHA ครับ . ถ้ายังไม่เข้าใจ ก็ คือมีวงกลมใหญ่ เป็น BHA salicylic acid ก็คือ วงกลมเล็กที่อยู่ในนั้นครับ . ปัจจุบันมี การพัฒนาให้เกิด อนุพันธ์ของ salicylic acid อีก แต่ก็ยังไม่เป็นที่นิยมนักครับ(เดี๊ยวเล่าให้ฟังในเม้นต่อไปครับ) ข้อดีของ BHA ที่ดีกว่า AHA คืออะไร??? แล้วทำไม ถึงทำ AHA treatment ตอนเป็นสิวไม่ได้??? . จะตอบให้ฟังครับ (แต่ก็ไม่มีใครถามนะ แต่ตั้งคำถาม แล้วตอบเองเลย ฮ่าๆๆๆๆ) คือ BHA มันจะละลายใน น้ำมัน ซึ่งมันจะทำให้แซรกซ฿มลึก ในรูขุมขนที่ตันได้ด้วย ซึ่ง AHA แค่ทำลายสายพันธะที่ยืดเหนี่ยวผิว เลยทำให้ผิวหลุดลอก แต่ BHA มันแซรกซึมลึกเข้าไปชอนไชในใบหน้าอีกที แต่ปัญหาคืออะไร พอการทำงานของมัน ซึมได้ทะลุช้อนชอนไชขนาดนี้ การใช้ก็ต้องระวัง จริงๆ การรักษาสิวต้องใช้ความเข้มข้นเยอะๆ(8-20%) แต่พวกผลิตภัณฑ์ล้างหน้ามักใส่ได้มากสุดแค่ 2 % จึงต้องอาศัยเวลาครับ แต่ผมก็ว่าดีนะ ช้าๆได้พร้าสองเล่มงาม . ส่วนอีกคำถามนึง ว่าทำไม ตอนเป็นสิวทำ AHA treatment ไม่ได้เพราะว่า มันจะทำให้สิวของคุณระคายเคือง มันจะพยายามทำลายพันธะของผิวทุกส่วนในใบหน้า . รูปนี้เป็นรูปของ ซาลิครับ (เริ่มขึ้เกียจพิมพ์) แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 53 18:19:58 จากคุณ : PandaMAN7777777 เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 18:16:18

ความคิดเห็นที่ 38 เพิ่มอีกนิดนึง ซาลิ (เป็นคำย่อของผมเองนะครับ ห้ามไปใช้ทางวิชาการ) (SA) (อันนี้ใช้ได้ทั่วไปครับ บรรทัดข้างบนย่อเอง) ยังมีการพัฒนาให้เกิดอนุพันธ์อีกหลายตัว แต่ยังไม่เป็นที่นิมยม   ถ้าถามว่าผลที่ได้ของอนุพันธ์ที่พัฒนาขึ้นดีมั้ย . ต้องตอบว่า ดีกว่าเยอะเลย ยกตัวอย่าง LHA(Lipophylic beta hydroxy acid) ก็เป็นหนึ่งในอนุพันธ์ของมันครับ  ตัวนี้ไม่แน่ใจว่า เริ่มใช้บ้างมั้ย เพราะเดี๊ยวนี้ มันอัพเดทวันต่อวัน แล้วเราก็ต้องรอรับข่าวจากยุโรปอีกที เฮ้ออออออ เรียนจบก็ต้องเหนื่อยที่จะตามข่าวอีก ว่ามั้ยครับ T_T อย่าง 0.3% LHA มีคุณสมบัติสลายเคอราตินได้ดีกว่า 1.5 % SA และดีกว่า 10% AHA อย่าเพิ่งไปตัดสินใจว่ามันดีนะครับ อย่างที่บอก และจะเตือนทุกๆคนเลยว่า จะรู้อะไร ต้องรู้รอบ รู้ครบ นะครับ ถึงจะตัดสินใจว่าเหมาะกับเรามั้ย (ที่ใช้คำว่าเหมาะกับเรามั้ย) ส่วนตัวคิดว่า คำว่า ดี ไม่ดี อย่าไปตัดสินใจเลยครับ มันมีแต่ว่า ชอบไม่ชอบ อย่างบางคนเกิดมาเป็นสิว ก็เหมาะ BHA ก็บอกว่า ผลิตภัณฑ์ที่มี BHA ดี แต่อีกคนผิวหน้าไม่เป็นสิวเลย เหมาะกับ AHA ก็ต้องบอกว่า ผลิตภัณฑืที่มี AHA ดีกว่า . . . จริงมั้ยครับ ?? จากคุณ : PandaMAN7777777 เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 18:26:26

ความคิดเห็นที่ 39 หายไปนานเลยนะคะคุณPandaMAN7777777 ติดตามรีวิวมาคุณมาตลอดเลยค่ะ จากคุณ : totoro_kawaii เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 18:50:57

ความคิดเห็นที่ 40 แอบมาดู ตัวเจลล้างหน้าดีฟคลีน ปัจจุบันก็ใช้อยู่ค่ะ แต่เพิ่งใช้ได้ประมาณอาทิตย์เดียวเอง ส่วนตัวชอบมากๆๆ เพราะหน้ามันมากค่ะ พอใช้แล้วรู้สึกสะอาดดี แต่เหมือนจะมีคนแพ้เจ้าตัวนี้กันเยอะจัง จากคุณ : moonie_pack เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 19:35:08

ความคิดเห็นที่ 41 ชอบตรงรีวิวครีมเภสัชจัง*-* ฮามากมาย จากคุณ : ยามมืดใช่มืดแท้ทุกสถาน เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 20:00:17

ความคิดเห็นที่ 42 โอ้โห..จะให้ BHA ทั้งที ต้องใช้ในสภาพความเป็นกรดน้อยกว่า 4  ถึงจะทำให้ BHA ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ (แอบกลัวหน้าพังอ่ะ T^T) แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 53 20:47:13 จากคุณ : nutji เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 20:23:41

ความคิดเห็นที่ 43 ชอบการรีวิวแบบนี้ค่า อิอิ ติดตามอ่านตลอดเลยย ^^ จากคุณ : SaiiLe เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 20:58:49

ความคิดเห็นที่ 44 สวัสดีครับ พึ่งรู้ว่า จขกท เป็นเภสัชกร นะเนี่ย งั้นก็ดีเลยครับ มีอะไรสงสัยอยากถามอีกเยอะเลย เหราะเห็นบอกว่าอัพเดทวันต่อ วัน :D คือคำอธิบายใน คห 37 - 38 ก็ดีนะครับ  แต่มีข้อสงสัยนิดหน่อย - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - ทำไมต้องใช้ Salicylic Acid ในความเข้มข้นสูง (8-20%) ถึงจะได้ผลดี  เพราะก็มีงานวิจัยตั้งเยอะแยะที่สนับสนุนว่าการใช้ SA (Salicylic Acid) ที่ 2% เป็นประจำทุกวันก็เพียงพอแล้ว   ผมเข้าใจว่าเครื่องสำอางทั้งหมด (ไม่ใช่แค่ Cleanser อย่างเดียว) สามารถผสม Salicylic Acid ได้ไม่เกิน 2%  (ส่วนแชมพูขจัดรังแค อนุโลมให้ใส่ได้ 3%)  ตามกฏหมายเครื่องสำอาง ส่วน % ที่มากกว่านั้นจัดเป็นยา หรือเป็น peel ที่ต้องใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - ส่วน LHA ที่ผมอ่านมาคือ ส่วนผสมนี้ก็คือ Capryloyl Salicylic Acid ซึ่งมีใช้กันมาหลายปีดีดักแล้วในเครือ Loreal คำที่บอกว่า "0.3% LHA มีคุณสมบัติสลายเคอราตินได้ดีกว่า 1.5 % SA และดีกว่า 10% AHA"  นั้น มันมีเวปคลีนิคนึงของไทยบอกแบบนี้เหมือนกัน  ซึ่งเวปนี้ไมไ่ด้อ้างอิงเอาไว้ว่าอ้างอิงมาจากไหน ผมไม่แน่ใจว่า จขกท ได้อ่านตัว Paper การทดสอบนี้ด้วยตัวเองแล้วสรุปมา หรือว่าไปอ่านมาจากเวปคลีนิคไทยที่ผมว่ามาแล้วมาแปะไว้อีกทีหนึ่ง แต่เท่าที่ผมลองหาจนเจอแหล่งข้อมูลที่ผมเชื่อว่าคลีนิคนั้นไปนำข้อมูลมา มันไมไ่ด้เป็นอย่างที่เขาบอกเอาไว้ เลยเอามาให้ จขกท ดูเผื่อเอาไว้ อ่านตามนี้ได้ครับ "The use of hydroxy acids on the skin: characteristics of C8-lipohydroxy acid " http://www.laboratoriumurody.pl/forum/kwasy-lipohydroksylowe-lipohydroxy-acids-lha,t10538.html ในนี้จะเห็นได้เลยว่าไม่มีประโยคไหนที่มีความหมายว่า "0.3% LHA มีคุณสมบัติสลายเคอราตินได้ดีกว่า 1.5 % SA และดีกว่า 10% AHA" เลยแม้แต่น้อย  (ไม่รู้เวปคลีนิคนั่นไปเอามาจากไหน) ยังมีการวิจัยของ LHA อยู่หลายอัน อย่างเช่น Clinical tolerance and efficacy of capryloyl salicylic acid peel compared to a glycolic acid peel in subjects with fine lines/wrinkles and hyperpigmented skin. http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/19146601 Comparative effects of retinoic acid, glycolic acid and a lipophilic derivative of salicylic acid on photodamaged epidermis. http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/10449958 The use of hydroxy acids on the skin: characteristics of C8-lipohydroxy acid Capryloyl Salicylic Acid (CSA) Peel for Acne and Actinic Damage แต่ว่ากว่าครึ่งของ paper เหล่านี้ มีบริษัท Loreal เป็นผู้ให้การสนับสนุน (ซึ่ง Loreal ขายผลิตภัณฑ์ LHA ด้วย)  จึงทำให้ความน่าเชื่อถือของงานวิจัยลดลง ส่วนตัวผมเลยสรุปว่า LHA ยังต้องการข้อมูลที่น่าเชื่อถือมากกว่านี้ - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - ยังไงถ้ามีเวลาว่าง ก็ช่วยตอบข้อสงสัยของผมใน คห 31 ด้วยนะครับ   อยากจะรับฟังข้อมูลจากหลาย ๆ ฝั่งเอาไว้ หวังว่าจะไม่เป็นการรบกวนจนเกินไปนะครับ PS. ขออภัยที่ถามยาว เพราะดีใจที่ได้เจอคนที่สามารถถามและแลกเปลี่ยนข้อมูลลึก ๆ ได้  แต่ถ้า จากคุณ : PuPe_so_Sweet เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 23:54:37

ความคิดเห็นที่ 45 ติดตามค่ะ ความรุ้แน้นจริงๆ กระทู้นี้ จากคุณ : FaLiOnA เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 01:32:46

ความคิดเห็นที่ 46 รอดูต่อไป... ว่าแต่ยังรอดูอยู่ว่า ทำไม bha หรือวิตามินใน cleanser ถึงได้ผล ยังงงๆอยู่ ไม่เห็น จขกท อธิบายเลย -_-a แก้ไขเมื่อ 05 เม.ย. 53 03:07:18 จากคุณ : virgoboyx เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 03:05:46

ความคิดเห็นที่ 47 คต.31  อ่า ตอนแรก  อ่านผ่านๆ  เลยไม่ได้เอะใจครับ ว่ามีคำถามด้วย . จะบอกว่า  ที่ผมเขียนไว้ใน คห. 5 ไม่เคลียร์เองแหละครับ  จริงๆที่ยกตัวอย่าง แค่ ของ วิตามินเฉยๆครับ ส่วน salicylic acid มันติดบรรทัดกัน เลยสื่อสารกันผิดครับ . อย่างที่บอกในคห.37 แล้วครับ แต่เป็นเล่าแบบไม่วิชาการนะครับ เอาให้เข้าใจกันง่ายๆ ก็คือการทำงานของมัน  มันจะเป็น oil-soluble มันเลยแทรกไปที่รูขุมขนเราที่อัดแน่นไปด้วยไขมัน(มันเลยซึมเข้าไปได้) ที่ผิวหน้าเราสร้างขึ้นมา  ให้รูขุมขนเราสะอาดขึ้นครับ . แล้วอีกคำถามนึกเรื่อง pH หนะครับ ถ้าอยากรู้จริงๆ ต้องเอาสูตรตำรับของสิ่งนั้นๆมาศึกษา พร้อมปริมาณที่ใส่ครับ ถึงจะสามารถบอกได้ว่า  สารอะไรทำหน้าที่อะไรในตำรับนั้นๆ แต่คงทำไม่ได้ครับ เพราะเป็นสูตรลิขสิทธิ์ทางการค้าครับ อีกอย่างนึง คือ ที่pHนั้นๆ สารนั้นจะทำหน้าที่ได้ดีที่สุด มันมีระบุจริงครับ  แต่ก็ใช่ว่า  ขยับpHไปนิดๆหน่อยๆ จะไม่ได้ผลเลยหนิครับ ต้องดูค่านัยสำคัญทางสถิติอีก  ต้องมาคำนวณอีกครับ . . . (กรอบที่ให้พิมพ์มันเล็กนะครับ ว่ามั้ย ???) ตอบ คห.44 คุณPuPe_so_Sweet ครับ ที่บอกว่า 8-20 % คือมันจะ effective ต่อการรักษาสิวคัรบ แต่ ที่ 2% พอแล้ว แต่ไม่ได้ผลทางการแพทย์ครับ  แต่ได้ผลในเชิงบำบัดๆ  ยังไงดี คือเวชสำอางนั้นๆ ก็ต้องบอกว่า ของเค้าพอ  แต่จริงๆมันไม่พอที่จะรักษาสิวครับ อย่างหน้าตาคนธรรมดา มันก็ใช้ได้ แต่ถ้าสิวเห่อ เต็มหน้ามาใช้ 2 % ก็ไม่หายหรอกครับ (พยายามอธิบายแบบภาษาธรรมดาๆนะครับ ) . . แล้วก็ พวกบริษัทต่างๆ ชอบอ้างวิจัยที่บริษัทตัวเองให้งบสนับสนุน  หรืองานวิจัยอื่นๆก็ตาม จริงๆ ไม่ดีนะครับ วิจัยคือการตั้งคำถาม แล้วหาคำตอบ เพื่อหาความรู้ใหม่ๆ มันไม่ใช่ทฤษฎี มันเป็นแค่การทดลองทางวิทยาศาสตร์ที่อยากรู้อะไร ก็ทำแบบนั้น แล้วถ้าสถานณการณ์อื่นๆนอกเหนืองานวิจัยหละ คนทั่วไปไปประยุกต์ใช้ไม่ได้หรอกครับ เพราะมันมีตัวแปรควบคุมการทดลอง อีกเยอะแยะมากมายเลย . . บุคลากรทางการแพทย์มักจะอ่านวิจัยเป็นแค่ไกด์ เพิ่มความรู้เฉยๆครับ  ไม่ได้นำมาใช้จริงๆหรอก เพราะเรายังยึดถือในทฤษฎีอยู่  การวิจัย เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความก้าวหน้าเท่านั้น มันยังไม่เสถียรครับ อ๋อ ส่วน ที่คุณPuPe_so_Sweet ถาม เอามาจากhand outของอ.หมอครับ ไม่ทราบเหมือนกันว่าท่านเอามาจากไหน คลินิกคงก็อปท่านไปอีกที เพราะท่านสอนหลายมหาวิทยาลัยครับ ส่วน LHA ขอไปศึกษาอีกทีนะครับ พอดีหนังสือ ไม่ได้อยู่ที่บ้านนี้ อยู่อีกหลังนึงครับ ไว้จะมาตอบใหม่เน้ออออ พี่น้องชาวไทย (สำนวนเหมือนวู๊ดดี้เลย) Bye bye คร๊าบบบ จากคุณ : PandaMAN7777777 เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 03:48:26

ความคิดเห็นที่ 48 คห.46 คุณvirgoboyx ในคห.ที่ผมเขียนๆไว้คืออธิบายไปแล้วครับ ไม่เข้าใจเหรอครับ แงๆ -_-* แก้ไขเมื่อ 05 เม.ย. 53 04:18:37 แก้ไขเมื่อ 05 เม.ย. 53 03:56:28 จากคุณ : PandaMAN7777777 เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 03:54:46

ความคิดเห็นที่ 49 เภสัช ขวดชมพู(แบบทาหน้า) กับขวดขาว (แบบทาตัว) ส่วนผสมมันเหมือนกันเปล่าค่ะ ^^ จากคุณ : นางสาวไฉไล เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 10:41:08

ความคิดเห็นที่ 50 ขอบคุณ จขกท ที่มาตอบนะครับ   ดีใจจัง - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - คือผมก็เข้าใจนะครับว่า Salicylic Acid (SA)  นั้นเป็นโมเลกลุที่ละลายในน้ำมันได้ จึงแทรกเข้าไปในรูขุมขนได้   แต่ในเมื่อกระบวนการ Exfoliate เพื่อผลัดเซลล์ผิว หรือแม้แต่การดูดซึมหรือแทรกซึมเข้าสู่ Receptor นั้นก็มีข้อจำว่าค่า pH ก็ต้องเป็นกรดอีก  ทำไม SA ใน Cleanser ถึงทำงานได้หรอครับ?  เพราะผมคิดว่ามันมีข้อจำกัดหลายอย่างในประเด็นนี้ - Cleanser โดยทั่วไปจะมีค่า pH ไม่ต่ำพอที่ SA จะทำงานได้  (ปกติเขาจะปรับที่ 4.5-6.5) - ต่อให้ Cleanser มีค่า pH 4 หรือต่ำพอที่ SA จะทำงานได้ แต่อย่างที่คุณ จขกท น่าจะทราบดีอยู่ว่าว่า Surfactant หรือสารทำความสะอาดจะทำงานได้ไม่ดี (เลย) ถ้าไม่มีน้ำ   แต่การใช้น้ำเสริมเขาไปก็เป็นการดึงค่า pH ให้สูงขึ้น ก็น่าจะไปขัดขวางการทำงานของ SA อยู่ดี - SA ใน Cleanser มักมีปริมาณน้อยมากซึ่งจะใช้เพื่อเป็นสารกันเสียและตัวลดการระคายเคือง (อันนี้ผมถามเพื่อนักวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง กับป้า Paula Begoun มานะครับ  และจากการวิเคราะห์ Function ของมันจากหนังสือด้วย) และตามหลักการตาดแล้ว  นักโฆษณาเขาจะพยายามขุดข้อดีทุกอย่างของผลิตภัณฑ์มาชูโรงอยู่แล้ว  ถ้าผลิตภัณฑืตัวนั้นมี SA เข้มข้น  เขาก็น่าจะยกมาโฆษณาครับว่ามี BHA 1 / 2 % ลดการอุดตันรูขุมขน บลา ๆ ๆ ๆ - SA หรือสาร Active อื่น ๆ ต้องอยู่ติดบนผิวนานพอที่จะมีเวลาแทรกซึมหรือออกฤิทธิ์ได้ (ขยายเพิ่มในข้อล่าง) - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - ในประเด็นเรื่องวิตามินใน Cleanser สามารถออกฤิทธิ์ได้ผมก็ยังสงสัยอยู่ดีว่ามันได้ผลยังไง  เพื่อความสะดวกแก่  จขกท ผมแยกเป็นข้อ ๆให้นะครับ :D - ตัวอย่าง การที่ผิวได้รับประโยชน์จะ วิตามินเอ (ในรูแปบบที่  Potent ที่สุดอย่าง Tretinoin) ทายา Retin-A ยังต้องทาตอนหน้าแห้ง และใช้ Cream Base เป็นตัวนำพา  ทิ้งเอาไว้อย่างต่ำ 5 - 10 นาทีแล้วค่อยล้างออกด้วย Cleanser อีกที   ขนาด SA ความเข้มข้นต่ำ (1 - 2%) การใช้ขั้นต่ำยังให้ทาทิ้งเอาไว้ 10 - 15 นาทีแล้วค่อยล้างออก (สำหรับคนที่ผิวระคายเคืองง่ายสุด ๆ) นั่นหมายถึงการที่วิตามินหรือสารใด ๆ จะ Active ได้  มันต้องติดอยู่บนผิวเรานานในระยะเวลานึงใช่ไหมครับ?   แล้วใน Cleanser ที่ผมคิดว่าหลายคนคงใช้เวลาล้างหน้าด้วยโฟมไม่เกิน 1 นาที  (บางคนไม่ถึง 30 วินาทีด้วยซ้ำ)  วิตามินเหล่านั้นจะมีเวลาพอที่จะทำงานได้หรือ?  คือผมคิดว่าไม่ใช่สาดโฟมล้างหน้าลงไปปุ๊ป  receptor จะสามารถรับได้เลยทันที เพราะกว่าที่สารจะแทรกซึมผ่าน Epidermis เข้าสู่  Membrance ของเซลล์ได้มันต้องใช้เวลาทีเดียว - อีกประเด็นคือ  ใน Cleanser  ที่วางขายกันทั่วไปนั้น  ส่วนผสมของวิตามินนั้นมีปริมาณที่น้อยมาก ๆ ๆ ๆ ๆ  ซึ่งตามหลักแล้วบางครั้งมันก็สามารถสลายตัวหรือเสื่อมก่อนที่จะเปิดใช้งานได้เสียด้วยซ้ำไป  และในปริมาณที่น้อยขนาดนั้นผมคิดว่ามันก็ไม่มีประโยชน์กับผิว  เพราะว่าประโยชน์ของสารเหล่านั้นถูกทดสอบด้วยความเข้มข้นที่สูงกว่ามาก - ถ้าวิตามินและสารต่าง ๆ ในโฟมล้างหน้าหรือ Cleanser สามารถแทรกซึมลงผิวเข้าไปกระตุ้น Receptor ได้อย่างง่ายดาย   ทำไมวงการยาและเครื่องสำอางถึงต้องพยายามคิดค้นตัวนำพา Vehicle สำหรับนำพาสารต่าง ๆ ให้ซึมผ่านเข้าไปในผิวจนถึงเซลล์ได้? - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - ต้องขออภัยนะครับที่สงสัยอะไรเยอะ   แต่ผมก็อยากจะรู้จริง ๆ ว่าสิ่งที่ผมเชื่อตามที่ผมวิเคราะห์หรือจากที่ผมปรึกษาผู้ใหญ่มาเนี่ย  มันถูกต้องหรือผิดพลาดอย่างไรบ้าง ถึงผมจะไม่ได้ถือความรับผิดชอบด้วยความเป็น "หมอ" หรือ "เภสัช" แต่ผมก็ต้องแสดงรับผิดชอบตัวเองในฐานะ "สื่อ" เหมือนกัน   เวลาที่ใครมาถาม หรือเวลาที่ผมบอกข้อมูลไป  จะได้ให้ข้อมูลที่มีน้ำหนัก และเป็นประโยชน์กับผู้อื่นมากที่สุด  หวังว่า จขกท จะเข้าใจ และกรุณานะครับ PS. ยิ่งอยากรู้มากเลยว่า อ. หมอเขาเอาข้อมูลจากไหน  เพราะผมพยายามหาหลายรอบแล้วแต่ยังไม่เจอ  อยากจะอ่านเอาไว้ประดับความรู้คับ :D  (จริง ๆ อ. หมอน่าจะมี reference แนบมาในเอกสารการสอนด้วยเนอะ) จากคุณ : PuPe_so_Sweet เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 10:56:59

ความคิดเห็นที่ 51 เอ้อ  นึกได้อีกอย่าง คือผมรู้สึกว่าเคยเจอคำพูดว่า "ทางการแพทย์" เยอะมาก   ผมเคยไปอ่านรีวิวของคนบางคนที่เขาบอกว่าตัวเองเป็นหมอผิวหนัง  (แต่ผมไม่ค่อยเชื่อเขานะ เพราะข้อมูลที่เขาให้มันไม่ถูกต้อง แล้วเขาก็ไม่เคยแสดงหลักฐานอะไรว่าตัวเองเป็นหมอจริง ๆ ) เขาใช้คำนี้บ่อยมากเลย พอมาเห็น จขกท ใช้อีก  ผมก็สงสัยนิดหน่อยว่า  แล้วงานวิจัยเนี่ย  มันจะแบ่งยังไงหรอครับว่า อันนี้ "เป็นทางการแพทย์"  อันนี้เป็น "การบำบัด"   อย่างที่จขกท บอกว่า  SA 2% ให้ผลเชิงบำบัด  ไม่ใช่ผลทางการแพทย์ พอดีผมเคยอ่านหนังสือ Acne and its therapy (Dermatology: Clinical & Basic Science Series / 40) ของ Informa  เขาให้รายละเอียดของ SA ไว้ดีมาก  แต่เขามีการศึกษาของ SA 2% ว่าให้ผลในการรักษาดีกว่า BP 5%  ด้วยวิธี three placebo-controlled จำนวนคน 180 คน  โดยหน่วยงานอิสระ แบบนี้ถือเป็นการวิจัยทางการแพทย์รึเปล่าครับ  หรือว่าไม่ใช่?  แล้วเราจะดูหรือแยกยังไงหรอครับ? สแกนหนังสือมาด้วยเลย (หนังสือถ่ายเอกสารจากห้องสมุดน่ะครับ  ไม่มีตังซื้อเล่มจริง) จากคุณ : PuPe_so_Sweet เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 11:06:10

ความคิดเห็นที่ 52 อีกหน้านะครับ การงิจัยนี้อ่านได้ใน  Treatment of acne vulgaris with salicylic acid pads. http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/1535287  (ถ้า Login และเสียเงิน สามารถอ่านเอกสารตัวเต็มได้ครับ :D) จากคุณ : PuPe_so_Sweet เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 11:07:20

ความคิดเห็นที่ 53 เก็บเข้าคลังกระทู้เรียบร้อย ขอบคุณข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากๆ ค๊าบบบบบ จากคุณ : wisdom of social เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 14:08:36

ความคิดเห็นที่ 54 ขอบคุณจขกท.นะคะ รีวิวได้เยี่ยม ไขข้อข้องใจได้กระจ่างจริงๆค่ะ ^ ^ เป็นกำลังใจให้ และรอชม รีวิวต่อไปอยู่นะคะ จากคุณ : ไก่กุ๊กๆ เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 15:05:48

ความคิดเห็นที่ 55 เภสัช ตัวนี้ขาวจริง เอามาทาคอกับหลัง ผลออกมาขาวกว่าหน้า 555 ขอน้องแพนด้า้เหอะ อิอิ ^^ จากคุณ : tooktakyu's เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 15:35:23

ความคิดเห็นที่ 56 ไหนๆ ตัว Salicylic acid ก็เป็นประเด็นแล้ว เลยเกิดความสงสัย 2 อย่าง 1 ถ้าบอกว่ามันมีreceptor ทีความเข้มข้นสูงๆ มันน่าจะอ่อนโยนมากกว่าAHAอีกนะครับ? 2.ถ้าเราใช้ความเข้มข้นขนาดนั้น มันสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนแบบAHA มั้ย? [อันนี้คิดเล่นๆนะครับ] จากคุณ : Gorloth เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 16:06:13

ความคิดเห็นที่ 57 อ่านแล้วครับ ขออนุญาตแก้ให้ -- (((Q))) ทำไมวงการยาและเครื่องสำอางถึงต้องพยายามคิดค้นตัวนำพา Vehicle (((Ans))) ส่วนใหญ่  Vahicle จะแปลว่า  น้ำกระสายครับ   Vehicle จัดเป็นตัวช่วยพาสารหรือยา(ไม่ใช่ตัวพานะครับ) ไปยังอวัยวะเป้าหมาย หรือไปยังเซลล์เป้าหมาย   แต่ใช่ว่าถ้าไม่มีVehicle สารหรือยานั้น จะไม่สามารถซึมผ่านผิวหนังได้ ขึ้นอยู่กับว่าสภาวะของผิวหนังขณะนั้นเป็นอย่างไร ถ้าหากในขณะนั้นผิวหนังของเราเปียก หรือชุ่มชื้น สารจะสามารถผ่าน ซึมลงสู่ผิวได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสารจะซึมลงไปได้ในปริมาณมากๆ ขึ้นอยูกับจุดประสงค์ในการใช้มากกว่า เช่น Ratin-A จุดประสงค์เพื่อต้องการให้เกิดการผลัดเซลล์ผิว จึงต้องทำออกมาในรูปแบบที่สามารถติดอยู่บนผิวได้นาน เพื่อให้เกิดปฏิกิริยาในชั้นของเซลล์ผิว ส่วน Cleanser จุดประสงค์ใช้เพื่อทำความสะอาดผิวหน้า สารบำรุงบางตัว เช่นวิตามิน ซึ่งถูก Hydrolyse สลายตัวได้ง่าย บางส่วนอาจจะสลายไปจริง แต่ก็ยังคงมีบางส่วนหลงเหลืออยู่ คาดว่าน่าจะซึมลงสู่ผิวหนังได้ แต่ก็อาจจะไม่เห็นผล มากเท่ากับการทาครีมลงไปบนผิวหนังโดยตรง เพราะ cleanser ต้องล้างออกครับ . -- อีกประเด็นคือ   (((Q))) ใน Cleanser  ที่วางขายกันทั่วไปนั้น  ส่วนผสมของวิตามินนั้นมีปริมาณที่น้อยมาก ๆ ๆ ๆ ๆ  ซึ่งตามหลักแล้วบางครั้งมันก็สามารถสลายตัวหรือเสื่อมก่อนที่จะเปิดใช้งานได้เสียด้วยซ้ำไป  และในปริมาณที่น้อยขนาดนั้นผมคิดว่ามันก็ไม่มีประโยชน์กับผิว  เพราะว่าประโยชน์ของสารเหล่านั้นถูกทดสอบด้วยความเข้มข้นที่สูงกว่ามาก (((Ans)))วิตามินหรือสารบางรูป มีอนุพันธ์ของมันอีกหลายรูปครับ นักวิทยาศาสตร์จะเลือกรูปที่เหมาะสมต่อสูตรนั้นๆครับ   มันช่วยได้ครับ  ถึงแม้ปริมาณหรือความเข้มข้นไม่เยอะก็ตาม . แก้อีกประเด็นนึงครับ -- (((Q))) ทายา Retin-A ยังต้องทาตอนหน้าแห้ง และใช้ Cream Base เป็นตัวนำพา (((Ans))) cream base มีไว้สำหรับให้ตัวยาเกาะติดกับผิว ช่วยเคลือบผิว และทำให้ผิวหนังชุ่มชื้น เผื่อให้ตัวยาสามารถแทรกซึมเข้าสู่ผิวได้ (ผิวหนังที่เปียก จะทำให้ตัวยาสามารถซึมผ่านได้ง่าย) และที่ทาตอนหน้าแห้งเพราะหากผิวหนังเปียกมากเกินไป ตัวยาอาจจะซึมผ่านผิวหนังลึกลงไปจนอาจเกิดการระคายเคืองมากกว่าที่ควรจะเป็นครับ . -- (((Q)))ต่อให้ Cleanser มีค่า pH 4 หรือต่ำพอที่ SA จะทำงานได้ แต่อย่างที่คุณ จขกท น่าจะทราบดีอยู่ว่าว่า Surfactant หรือสารทำความสะอาดจะทำงานได้ไม่ดี (เลย) ถ้าไม่มีน้ำ   แต่การใช้น้ำเสริมเขาไปก็เป็นการดึงค่า pH ให้สูงขึ้น ก็น่าจะไปขัดขวางการทำงานของ SA อยู่ดี (((Ans))) น้ำไม่ได้ทำให้ค่า PH สูงขึ้น น้ำบริสุทธิ์มีสภาพเป็นกลาง เนื่องจากเมื่อน้ำแตกตัว จะมีปริมาณไอออน  H3O+ เท่ากับ OH- การเจือจางโดยใช้น้ำ ความเข้มข้นจะยังคงเท่าเดิม เช่น สมมติว่ากรดหนึ่งมีความเข้มข้นอยู่ 3 โมลาร์ เมื่อเติมน้ำลงไปปริมาณหนึ่ง ความเข้มข้นจะยังคงเท่าเดิม   มีเพียงแต่ปริมาณน้ำ+กรดโดยรวมเท่านั้นที่เพิ่มขึ้น   (((Ans))) ส่วนเรื่องของ surfactant  นั้น บางชนิดจะทำงานได้ดีในสภาวะที่เป็นกรด และบางชนิดจะมีความเป็นเบส(ด่าง) ซึ่งค่าที่ใช้กำหนดความชอบน้ำของsurfactant คือค่า HLB (Hydrophile - Lipophile Balance) ซึ่งหากสารตัวใดมีค่านี้มาก แสดงว่าชอบน้ำมาก และจะทำงานได้ดีแม้มีน้ำเพียงเล็กน้อย   และโดยส่วนตัวคิดว่า พวก surfactant ที่ใส่มาในผลิตภัณฑ์จำพวกโฟมล้างหน้า คงไม่ได้ใส่มาเพื่อต้องการปรับ pH ให้มีความเป็นด่าง คงเพื่อให้เกิดฟอง ขจัดสิ่งสกปรกออกเท่านั้นครับ . -- (((Q)))SA ใน Cleanser มักมีปริมาณน้อยมากซึ่งจะใช้เพื่อเป็นสารกันเสียและตัวลดการระคายเคือง (อันนี้ผมถามเพื่อนักวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง กับป้า Paula Begoun มานะครับ  และจากการวิเคราะห์ Function ของมันจากหนังสือด้วย) (((Ans))) ไม่เคยได้ยินว่า SA สามรถลดการระคายเคืองได้ มีแต่จะเพิ่มการ Irritate หรือเพิ่มการรบกวนผิวหนังมากขึ้น และหากใช้ในความเข้มข้นสูงมากๆ จะใช้รักษาโรคเช่นโรคหูด (warts) ซึ่งตามจริงแล้ว BHAs มีความระคายเคืองมากกว่า AHAs อีก ฤทธิ์ Anti-inflammatory คือฤทธิ์ ลดเชื้อ หรือฆ่าเชื้อ ไม่ใช่ ลดการระคายเคือง และโดยทั่วไป SA  มักจะใส่ลงในผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ผลัดเซลล์ผิว ซึ่ง% ที่ใส่ต้องน้อย เพราะว่าเป็นสารที่มีความเข้มข้น(ยิ่งเข้มข้นมากยิ่งอันตราย) ถ้าหากใส่มากกว่านั้น การล้างหน้าทุกวัน (บางคนอาจจะล้างวันละหลายรอบ) อาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองมากจนเกินไปได้ครับ   และฤทธิ์อีกอย่างที่ต้องใส่คือ เป็น preservative เนื่องจากเชื้อบางชนิดไม่ทนต่อความเป็นกรด คือจริงๆต้องมาดูส่วนประกอบทั้งหมด และที่สำคัญคือ ปริมาณของสารนั้นๆที่ใส่ไป ถึงจะทราบได้ว่า   มันทำหน้าที่เป็น active ingredient(สารออกฤทธิ์ในสูตร)  preservatives(สารกันเสีย) หรือสารบางตัว นอกเหนือจาก SA อาจทำหน้าที่ pH adjust (เพื่อปรับpHของสูตร)มันเองด้วยซ้ำครับ  ฯลฯ   แน่นอนครับ salicylic acid สามารถใช้เป็นสารกันเสียได้ครับ แต่ไม่ใช่ทุกๆสูตร เราจะสามารถสรุปได้ครับ ว่ามันมีหน้าที่แค่เป็นสารออกฤทธิ์ อย่างเดียวมั้ย หรือสารกันเสียอย่างเดียวมั้ย หรือ เป็นทั้งสองอย่าง หรือทำหน้าที่อื่นนอกเหนือจากนี้ครับ อีกอย่างสารที่อยู่ในกลุ่มที่มีฤทธิ์ keratolytic นั้นการทำงาน ไม่ต้องอาศัย receptor แต่จะเป็นแบบไม่จำเพาะ (Non-specific) ครับ คือออกฤทธ์ได้หมด ไม่ว่าคุณจะเอาทาที่ผิวหนังส่วนไหนของร่างกาย ขึ้นกับความหนาของผิวหนังบริเวณที่ทาด้วย ที่ผมบอกว่ามีReceptor นั้น หมายถึงวิตามิน ครับ . -- (((Q)))ทำไมต้องใช้ Salicylic Acid ในความเข้มข้นสูง (8-20%) ถึงจะได้ผลดี  เพราะก็มีงานวิจัยตั้งเยอะแยะที่สนับสนุนว่าการใช้ SA (Salicylic Acid) ที่ 2% เป็นประจำทุกวันก็เพียงพอแล้ว   (((Ans))) 8-20% คือเริ่มเห็นผลในการลอกผิวอย่างเห็นชัดครับส่วน 2% คือแค่กระตุ้นให้เกิดการผลัดเซลล์ครับ . -- (((Q)))PS. ยิ่งอยากรู้มากเลยว่า อ. หมอเขาเอาข้อมูลจากไหน  เพราะผมพยายามหาหลายรอบแล้วแต่ยังไม่เจอ  อยากจะอ่านเอาไว้ประดับความรู้คับ :D  (จริง ๆ อ. หมอน่าจะมี reference แนบมาในเอกสารการสอนด้วยเนอะ) (((Ans)))มี อ้างอิงครับ แต่ข้อมูลที่เอามา ไม่ใช่ว่าได้มาแบบ ไปคัดลอกเอามา หากแต่เป็นการประมวลผลขึ้นใหม่ จากการศึกษา จากประสบการณ์ ซึ่งกว่าจะได้มาต้องอ่านหนังสือและเอกสารจำนวนมาก ดังนั้นจึงไม่สามรถสรุปได้ว่าเอามาจากเล่มนี้ เล่มนู้น ครับ . จริงๆผมว่า  ถ้าคุณPuPe_so_Sweet สนใจจริงๆ  อยากให้ลองเรียนต่อทางด้านนี้เลยนะครับ ผมว่าน่าจะไปได้ดีมากๆเลย เพื่อนก็มีอยู่หลายคนเลย  ที่ชอบทางด้านเครื่องสำอาง  พอเรียนถึงเรื่องพวกนี้ ตอนเรียนทำคะแนนนได้ดีมากๆครับ เช่น แพทย์ผิวหนัง เภสัชกัร หรือวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง ครับ แก้ไขเมื่อ 05 เม.ย. 53 21:33:01 แก้ไขเมื่อ 05 เม.ย. 53 21:29:29 จากคุณ : PandaMAN7777777 เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 21:26:15

ความคิดเห็นที่ 58 จาก คห 57 งง นิดนึงอ่ะ ตรงเรื่องความเข้มข้นสารอ่ะ (ถามแบบพึ่งจบ ม. ปลายมาสดๆ - -* โง่มาก 55) สมมติว่า มีสาร 3 โมลาร์ ปริมาตร 100 ซีซี  เติมน้ำลงไปอีก 500 ซีซี (เพราะฉะนั้นสารใหม่มีปริมาตร 600 ซีซี) สารนี้จะมีความเข้มข้นเท่าไหร่ ตามสมการ N1V1 = N2V2 ประมาณนี้ จะได้ความเข้มข้นใหม่ เท่ากับ 0.5 โมลาร์ เข้าใจว่า ปริมาณของสารยังเหมือนเดิม เพียงแต่เจือจางมากขึ้น เลยทำให้ ความเข้มข้นลดลง  และหากมีการระเหยของน้ำ สารก็ยังอยู่เหมือนเดิม ^ ^ อันนี้เข้าใจถูกป่ะอ่ะ แต่ก็ยังสงสัยอยู่ดีว่า จริงๆ ถ้าสารพวกนี้เจอน้ำ (ละลายน้ำ) ความเข้มข้น (ณ ตอนนั้น) ก็น่าจะลดลงด้วย ซึ่งน่าจะทำให้ ค่า pH สูงขึ้น งง กับตรงนี้อ่ะ   ปล. จริงๆ อยากเรียน ทันตะ คะแนนไม่ถึง คงไม่ได้ยื่น จะยื่นเภสัช ก็ขาดๆ อยู่นิดหน่อย -*- พึ่งไปสอบ เภสัช ศิลปากรมา แต่รอประกาศผลอีก นาน พี่เรียนที่ไหนอ่า ^^ จากคุณ : กะรุ้งกะริ้ง เขียนเมื่อ : วันจักรี 53 00:08:22

ความคิดเห็นที่ 59 อ่า ในกรณีของผมน่าจะเป็นตามที่คุณปูเป้บอกล่ะครับผม เพราะตอนนี้ก็ใช้ นูโทรจีน่า(หลอดสีดำตามภาพ)ก็ผสม BHA 1.5% / Apricot scrub ผสม BHA 2% และ BHA ของ Paula's Choice 2% หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆที่ผสม BHA ก็ไม่แห้งครับ ขอบคุณ คุณปูเป้ + จขกท สำหรับรีวิวและข้อมูลด้วยครับ ^^ แก้ไขเมื่อ 06 เม.ย. 53 01:39:39 จากคุณ : MaN14a เขียนเมื่อ : วันจักรี 53 01:38:44

ความคิดเห็นที่ 60 ปูเป้ดีใจจริงๆ ที่ จขกท มาตอบนะขอรับ ผมเข้าใจคำว่า Vehicle คือ Base ต่าง ๆ อย่างเช่น Cream / Lotion / Solution หรืออะไรพวกนี้ (ถูกไหมครับ?)  ผมใช้คำว่า "ตัวนำพา" เพราะมันเป็นภาษาพื้น ๆ ที่ทุกคนเข้าใจ ( วิตามิน ต้องละลาย หรือ แขวนลอยอยู่ใน Base ครีม / โลั่น /อื่น  เพื่อ"นำพา"วิตามินเข้าสู่ผิว)  แต่ถ้าจะให้ถูกตามหลักก็ให้เรียกว่า "กระสายยา" นี่ครับ (ผมเคยเปิดอ่านแบบผ่าน ๆ) แต่ด้วยความที่ผมเรียนสายศิลป์มา ก็สารภาพเลยว่าผมไม่รู้ว่าจะแปลศัพท์ภาษาอังกฤษให้เป็นศัพท์ที่ใช้ใน Text ของไทยว่าอย่างไรทุกตัว  (อย่าง "เม็ดสี" เมลานิน  อันนี้ชาวบ้านเข้าใจ   แต่ถ้าไปอ่านตำราไทยเขาใช้คำว่า "รงควัตถุ"  ผมอ่านแล้วงงครับ)  หลัก ๆ แล้วผมอ่านแต่ text ฝรั่งและแปลตามความเข้าใจของตัวเอง  ต้องขออภัยในจุดนี้ถ้าทำให้สับสน  (ถ้าผมไม่มั่นใจเรื่องคำบัญญัติศัพท์ ผมขอใช้ทับศัพท์ไปเลยดีกว่า) - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - ในประเด็นเรื่องของ วิตามิน และสารบำรุงใน Cleanser คุณจขกทขี้ว่ามันขึ้นอยู่กับ Formula ของสูตรเป็นหลัก และ "คาดว่า" วิตามินเหล่านั้น "น่าจะ" ยังหลงเหลือและซึมลงสู่ผิวได้   คือมันชัวร์หรือยังไม่ชัวร์ครับที่ว่า วิตามินใน Cleanser  จะหลงเหลืออยู่และส่วนที่เหลือจะซึมเข้าสู่ผิวได้  หรือว่ามันเป็นแค่ทฤษฏี?  มันมีการทดสอบที่ยืนยันแล้วรึเปล่าครับ? แต่เอาเป็นว่าเปิดใจให้กว้าง ๆ เข้าไว้ สมมุติว่าส่วนที่ยังไม่สลายสามารถดูดซึมลงไปได้ละกันครับ :D อย่างนั้นเราก็ต้องมาดูความจริงที่ว่าสูตร Cleanser ที่ขายกันทั่วไป  วิตามินและสารสกัดจะถูก List เป็นลำดับท้าย ๆ ซึ่งบ่งบอกว่ามีปริมาณที่น้อยมาก  เศษซากของวิตามินและสารต่างๆ ที่เหลือรอดจากการการล้างน้ำมันคงเหลืออยู่น้อยมากจริง ๆ  ซึ่งผมคิดว่าเราคงไม่อาจบอกได้ว่าซากวิตามินเหล่านั้นจะมีประโยชน์อะไรกับผิวบ้าง  อย่างน้อยผมก็คิดว่ามันไม่สามารถทำได้อย่างที่คำโฆษณา "ช่วยลดเลือนจุดด่างดำ" "ลดเลือนริ้วรอย" ได้บอกเอาไว้   ส่วนผสมพวกนี้มีประโยชน์ครับ แต่เป็นประโญชน์ในมุมของการตลาดมากกว่าจะมีประโยชน์กับผิว ส่วนผสมพวกนี้ใส่ขึ้นมาเป็น Gimmick เป็นจุดขายเพื่อสร้างความแตกต่าง หรือความน่าซื้อ น่าใช้ น่าสนใจให้กับผลิตภัณฑ์ สามารถเพิ่มมูลค่า เพิ่มราคาให้กับตัวสินค้าได้ ผมเจอหลายต่อหลายคนที่เชื่อจริง ๆ ว่า  แค่สบู่อย่างเดียวก็รักษาสิวได้  แค่ล้างหน้าริ้วรอยก็หาย หน้าขาวใสได้ เพราะผสมวิตามิน  หรือ Cleanser แพง ๆราคาเป็นพันมันบำรุงผิวได้ล้ำลึกกว่า Cleanser หลอดละไม่ถึงร้อย   ซึ่งมันไม่ใช่ความจริงเลยแม้แต่น้อย สรุปคือ : ผมไมได้จะบอกว่าเราไม่ควรซื้อ หรือให้ไปแอนตี้ Cleanser ที่มีวิตามิน หรือสารสกัดต่าง ๆ  นะครับ ถามว่าวิตามิน ารสกัดพวกนี้ ใส่มาใน Cleanser ดีไหม?   ส่วนตัวก็ว่าดีครับถ้าใส่มา ถ้าราคาไม่แพงด้วยผมก็ว่ายิ่งดีเข้าไปใหญ่ ถามว่าควรจะไปคาดหวังหรือสรรพคุณจากมันไหม  ผมว่าเราไม่ควรคาดหวังอะไรนัก และด้วยเหตุที่ Cleanser ที่ชูจุดขายและโฆษณาสรรพคุณขั้นเทพ มักมีราคาเทพตามไปเสียด้วยสิ....   เราควรลงทุนเพื่อซากวิตามินใน Cleamser รึเปล่า?  มันก็แล้วแต่คนจะคิดครับ แต่ส่วนตัวผมจะแนะนำว่าไปซื้อ Cleanser สูตร Basic ธรรมดา ที่ใช้สารทำความสะอาดอ่อนโยน ไม่ทำให้ผิวแห้งตึง ไม่ระคายเคืองผิว ราคาไม่แพง  แล้วเอาเงินส่วนต่างไปรวม ๆ กัน ซื้อ Serum หรือ ครีมที่มีส่วนผสมของวิตามินที่เข้มข้นกว่า มาทาทิ้งเอาไว้บนผิวเลยไม่ดีกว่ารึ? ไม่ใช่มาคาดหวังกับซากวิตามินใน Cleanser แถมยังช่วยประหยัดเงินได้ด้วย (แต่ใครมีเงิน หรือมีความสุขที่จะใช้ก็ไม่ผิดนะครับ) - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - แก้ไขเมื่อ 06 เม.ย. 53 12:43:56 จากคุณ : PuPe_so_Sweet เขียนเมื่อ : วันจักรี 53 11:11:18

ความคิดเห็นที่ 61 - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - ประเด็น BHA ใน Cleanser มีสงสัยหลายข้อเลยครับ * * * * * * * * * * * * * * * "น้ำไม่ได้ทำให้ค่า PH สูงขึ้น น้ำบริสุทธิ์มีสภาพเป็นกลาง เนื่องจากเมื่อน้ำแตกตัว จะมีปริมาณไอออน  H3O+ เท่ากับ OH-" โอเคครับ  คุณบอกว่า น้ำบริสุทธิ์ (ซึ่งผมคิดว่าคงเป็นน้ำกลั่น)  จะไม่มีผลต่อค่า pH เมื่อเติมลงไป  ตรงนี้เป็นจริงก็ต่อเมื่อปริมาณน้ำกลั่นที่เพิ่มเข้าไปเป็นอัตราส่วนที่ไม่มากนัก (ตามที่จะใส่กันในกระสายยา) แต่เรากำลังพูดถึงการใช้งาน Cleanser ที่ผสม BHA ไม่ใช่หรือครับ?  จะมีใครเอาน้ำกลั่นล้างหน้าบ้างครับ  มีแต่ใช้น้ำประปากันทั้งนั้น เราผสมน้ำประปาค่า pH 7  ลงไปในเจลล้างหน้าค่า pH 4  แล้ว  ผลสุดท้ายก็ยังได้ค่า pH 4 เท่าเดิมอย่างนั้นหรอครับ? ผมเคยลองเอา Cleanser ของ OLAY สูตร USA ที่ผสม BHA และมีค่า pH 3.5 มาผสมน้ำในปริมาณที่ผมใช้เพื่อล้างหน้าอุตราส่วนประมาณ Cleanser 1 / water 2.5  แล้วปรากฏว่าค่า pH มันสูงขึ้นเกิน 4 ครับ ผมเลยสรุปตามที่ผมทดลองกับตัวเอง  ไมได้คำนวนหรือใช้สมการอะไรบนกระดาษครับ หรือว่ากระดาษวัด pH มันโกหกผมครับ? (และเป็นต้องมีความรู้ระดับโมเลกุล เพียงเพื่อวัดค่า pH ของผลิตภัณฑ์เลยรึ?) * * * * * * * * * * * * * * * "เมื่อเติมน้ำลงไปปริมาณหนึ่ง ความเข้มข้นจะยังคงเท่าเดิม  มีเพียงแต่ปริมาณน้ำ+กรดโดยรวมเท่านั้นที่เพิ่มขึ้น" ผมวาดภาพตามในหัวว่า... สมมุติแก้วน้ำใบหนึ่งใส่น้ำตาล 10 กรัมลงไปในน้ำ 100 กรัม   ต่อให้เราเติมน้ำเพิ่มลงไปในแก้วไปอีก 100 กรัม  สารสะลายน้ำนั้นยังมีน้ำตาล  10 กรัมเท่าเดิม  ใช่ครับเมื่อมองจากตรงนี้ แต่นั่นก็หมายความว่า... อัตราส่วนน้ำตาลจะเปลี่ยไปจาก 10% เหลือแค่ 5 % เท่านั้นเมื่อเทียบกับปริมาณน้ำ  ซึ่งมันก็เจือจางลงเมื่อมองจากจุดนี้  (เว้นแต่จะรอให้น้ำระเหยไปอีก 100 กรัม ถึงจะได้ 10% เท่าเดิม)  ใช่รึเปล่าครับ?  แล้วจะมีใครพอก Cleanser เอาไว้บนหน้าจนน้ำระเหยไปบ้างละเนี่ย?  แล้วมันเกี่ยวกับประเด็นตรงนี้ยังไงครับ? * * * * * * * * * * * * * * * ในเรื่องความเข้มข้นในการใช้ BHA  ผมก็ยิ่งงงกับ จขกท มากขึ้น  เพราะคุณจขกท บอกว่า BHA จะได้ผลดี ต้อง 8 -20% ขึ้นไป  แต่บางจุดก็บอกว่าความเข้มข้นน้อยใช้ไปสิวก็ไม่หาย (แล้วทำไมถึงบอกว่าซาก BHA ใน Cleanser ใช้แล้วสิวหาย ๆ ๆ ๆ ) หรือ บางจุดก็บอกว่าความเข้มสูงก็ระคายเคือง  ความเข้มสูงใช้รักษา"หูด"  ยิ่งอ่านก็ยิ่งสับสนครับ แต่จากที่ผมศึกษามา  BHA ความเข้มข้นต่ำ  ๆ คือ 1 - 2% เป็นความเข้มข้นในระดับที่ปลอดภัย (FDA กำหนดให้เครื่องสำอางผสมได้ไม่เกิน 2%) ใช้ประโยชน์เพื่อการผลัดเซลล์ผิว ลดการอุดตันของโคมีโดได้อย่างมีประสิทธิภาพ (มากกว่า BP5%) โดยมีโอกาสระคายเคืองน้อย ในเอกสารที่ผมแนบเอาไว้ด้านบนมีข้อมูลแล้วว่า SA 2% ก็ให้ผลการรักษา Mild - Moderate Acne ได้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว  ส่วน Severe Acne มันก็ต้องใช้การรักษาอื่น ๆ ร่วมด้วยอ ดังนั้น SA ที่ 1 - 2% ก็เพียงพอแล้วที่จะใช้ในการรักษาสิว เพราะมีผลข้างเคียงน้อย มีการระคายเคืองน้อย ถ้าคุณ จขกทบอกว่า BHA 8-20% เห็นผลในการ "ลอก" ผิวมากกว่า  ผมก็ไม่เถียงครับ  แต่ในที่นี่เรากำลังพูดถึงการรักษาสิวไม่ใช่หรือครับ?  ทำไมต้องไปลอกผิวออกด้วยกรดเข้มข้นสูงๆ แบบนั้น?  แล้วเราจะไปใช้  8 - 20 % ไปทำไมครับ  การรักษาสิวไม่ได้ต้องการไปลอกผิวออกเสียหน่อย (ถ้าเป็น Moderate Peel หรือ Deep Peel มันใช้เรื่องริ้วรอยมากกว่า) * * * * * * * * * * * * * * * ส่วนเรื่อง SA ช่วยลดการระคายเคืองได้นั้น ผมอิงข้อมูลของ SA ว่าช่วยลดการระคายเคือง (Anti-Irritant) และลดการอักเสบ (Anti-Inflamation) มาจาก Paula Begoun ครับ  http://www.cosmeticscop.com/dictionary_term.aspx?tid=1904&lid=532&term=salicylic+acid ผมเชื่อตามป้าพอลล่า เพราะป้าแกอ้างมาก็มีเหตุผลดี มีอ้างอิงด้วย แต่ จขกท ไม่เชื่อก็ไม่ผิดครับ * * * * * * * * * * * * * * * SA ในสูตรเครื่องสำอางมันมีหลาย Function มาก  ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของผู้ผสมสูตรขึ้นมา ผมเห็นว่าคุณจขกท บอกในรีวิวว่า "เพราะถ้าBHAในตำรับนี้ ไม่เกิดผลกับหน้า เค้าจะใส่เพื่ออออออออออออ???" ผมก็บอกไปว่าใส่เพื่อเป้นสารกันเสียก็ได้ มันใช้ได้หลายอย่าง  แต่มันจะใช้ปรับ pH ตามที่คุณ จขกท อธิบายทีหลังก็ได้ SA ที่ใส่เพื่อผลัดเซลล์ต้องใส่ในความเข้มข้นน้อย   น้อยที่ว่านั้นก็คือ 1 - 2% ครับถึงจะบังเกิดผล ใน Cleanser ตัว Neutrogena Deep Clean ที่บอกว่าผลิตจาก USA  หากมี SA ในระดับที่เป็น Active Ingredient ได้  เขาต้อง List แยกมาต่างหากพร้อมระบุความเข้มข้นมาให้ครับตามกฏหมายฉลากเครื่องสำอางของ US FDA  ถ้ามันไม่ระบุแยกมาแปลว่าความเข้มข้นไม่ถึง  ผมถึงบอกว่ามันใช้มาเพื่อเป็นสารกันเสีย  ลดการระคายเคืองครับ (และใช้ปรับ pH ของสารทำความสะอาด SLES ได้ด้วย) ถ้าคุณ จขกท บอกว่า BHA ใน Oil-Free Acne Wash ใช้เพื่อประโยชน์ในการรักษาสิว  ผมก็ไม่แย้งอะไรมาก  เพราะมันถูก List เป็น Active Ingredients เอาไว้เพื่อแสดง Function ของมัน  แต่ตัว Deep Clean มันคนละเรื่องครับ * * * * * * * * * * * * * * * Surfactant กับค่า HBL อันนี้คิดว่าผมคงสื่อสารไม่ชัดเจน  ขออธิบายเพิ่มละกันครับ จากความเข้าใจของคนทั่วไป  การทำความสะอาดผิวหน้าเขาแบ่งเป็นสองอย่างคือ Cleanser กับ Cleansing Clensing คือตัวล้างเครื่องสำอาง  พวก Cleansing Oil  / Cream / Lotion / Balm / Water  (ผมก็เรียกภาษาพื้น ๆ ว่า Emollients Base)  พวกนี้ไม่ต้องใช้ร่วมกับน้ำครับ ส่วน Cleanser ที่ผมพูดถึงมาตลอด ในที่นี้เราเข้าใจกันว่าเป็น ตัวล้างหน้าเช่น โฟมล้างหน้า เจลล้างหน้า หรือผลิตถัณฑ์ล้างหน้าที่ต้องใช้คู่กับน้ำครับ  (ซึ่งผมจะเรียกว่า Detergent Base หรือ Water Soluble Cleanser) จากสิ่งที่ผมประสบมา และจากข้อมูลที่ผมหามาได้ ผมจึงสรุปว่าการใช้ "Cleanser" ที่ผสม BHA ซึ่งต้องใช้คู่กับน้ำนั้น จะมีปัญหาเรื่องค่า pH ซึ่งขัดขวางการทำงานของ SA อยู่แล้ว สารที่อยู่ในกลุ่มที่มีฤทธิ์ keratolytic นั้นการทำงานไม่ต้องอาศัย receptor ในการทำงานอันนี้ผมเข้าใจครับ (เพราะ BP ก็เป็น keratolytic Agent เหมือนกัน)  แต่ผมบอกเผื่อไว้แล้วว่าต่อให้มันเกี่ยวกับ Receptor จริงๆ ก็มีการวิจัยแล้วว่าค่า pH มีผลต่อการดูดซึมของ SA เข้าสู่ Receptor อยู่ดี  และคุณสมบัติการเป้น keratolytic ของ SA ก็ขึ้นอยู่กับค่า pH ด้วย  ซึ่งก็จะวกเข้าประเก็นเรื่องค่า pH อีกอยู่ดี * * * * * * * * * * * * * * * สรุปคือ :  Salicylic Acid ใน Cleanser นั้นใส่มาเพื่อประโยชน์หลายอย่าง ทั้งกันเสีย ปรับpH ลดการระคายเคือง(ตามข้อมูลของผมที่อ้างจาก Paula Begoun) ส่วนในเรื่องของการผลัดเซลล์ผิว ลดการอุดตันของรูขุมขนผมก็เชื่อว่ามันไม่ประสิทธิภาพมากพอที่จะคาดหวังได้เพราะมีข้อจำกัดหลายอย่าง ผมจะไม่บอกว่าใช้ Cleanser ผสม BHA ที่ไม่รู้ความเข้มข้น ไม่รู้ค่า pH แล้วสิวหายครับ  เพราะว่าการรักษาสิวไม่ได้ง่ายแบบนั้น  และผมเชื่อว่าคนที่ทุกข์ทรมานจากการเป็นสิวมาก่อนเหมือนกับที่ผมเคยเป็นมาคงเข้าใจดี ว่ามันไมได้ง่ายแบบนั้นแน่ ๆ BHA ในความเข้มข้นต่ำ อย่าง 1 - 2% ที่มาในรูปของน้ำ เจล โลชั่น หรือ "กระสายยา" (Vehicle) อื่น ๆ ที่ทาทิ้งเอาไว้บนผิว ก็มีประสิทธิภาพเพียงพอแล้วในรักษาสิวระดับ Mild และ Moderate  ไม่จำเป็นต้องใช้ความเข้มข้นที่สูงกว่านั้นเพราะต้องเสียเงินไปให้แพทย์เป็นคนทำ treatment ให้โดยไม่จำเป็น และอาจเกิดการระคายเคืองได้มากขึ้น (และเสียเงินมากขึ้น) ผมยังคงเชื่อเรื่อง BHA ในแบบที่ผมศึกษามา เพราะผมให้น้ำหนักข้อมูลที่มี Reference และเชื่อการอ่านงานวิจัยใน Pubmeb หรือใน Journal ต่าง ๆ ที่สามารถเข้าไปอ่านเองได้มากกว่าครับ - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - กระทู้นี้ยาวมากมายนัก แต่ผมก็ชอบที่ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลหลายอย่าง  ได้เห็นมุมมองอื่น ๆ ด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี และเป็นวิถีปกติทางวิทยาศาสตร์อย่แล้ว (ผมชอบเรื่องที่เป็นเหตุและผล) คนเราอ่านหนังสือคนละตำรากัน ก็ได้ข้อมูลต่างกัน  บางคนอ่านตำราเดียวกันแต่ตีความไปคนละอย่างก็มี  จึงเป็นเรื่องปกติครับที่ผม กับ จขกท มีความคิดเห็นในมุมที่ต่างกัน มองแบบใจเปิดกว้างเอาไว้ ส่วนตัวผมก็เชื่อตามที่เหตุผล ตามข้อมูลที่ผมหามาได้  และผมก็แนะนำคนอื่นตามแนวคิดของตัวเองว่า "ผู้บริโภคควรจะหาข้อมูลให้ดีก่อน และอะไรที่ประหยัดได้ก็ควรประหยัด"  ผมพยายามกระตุ้นให้ผู้บริโภคศึกษาเรื่องส่วนประกอบเครื่องสำอาง เพราะผมพบแล้วว่ามันไม่ได้ยากเกินความเข้าใจของคน หรือต้องจบปริญญาด้านเคมีหรือเภสัชมาถึงจะทำความเข้าใจได้   ทุกคนสามารถเข้าใจส่วนประกอบเครื่องสำอางได้ครับ  ไม่ได้ถูกระบบุมาเฉพาะคนที่มีดีกรีเท่านั้น ปูเป้ขอขอบคุณที่ จขกท ชักชวนให้เรียนทางด้านนี้โดยตรง และชมว่าถ้าเรียนจะต้องไปได้ดี  ปูเป้ดีใจครับ แต่ผมก็มีความเชื่อของผมว่า "ความรู้ไม่ได้มีแค่ในรั้วสถาบันการศึกษา"   และถึง "ไม่มีใบดีกรี ก็ไม่ได้หมายว่าโง่หรือไม่มีความรู้"  เพราะ "ความรู้สามารถหาได้รอบตัวเราเอง" ผมมีความสุขกับชีวิตตอนนี้อยู่แล้ว เป็นคนธรรมดาที่ใครก็เข้าหาได้ พูดคุยเรื่องเครื่องสำอาง ได้แชร์ความรักและความสนใจในเรื่องเดียวกันแบบเพื่อน พี่ น้อง  ไม่ต้องมามองว่าผมเป็นกูรูอะไรหรอกครับ   แค่ได้ทำงานที่ชอบ อยู่กับเครื่องสำอางที่ผมรัก ผมก็พอใจแล้ว PS. ขอตัวไปปั่นงานก่อนนะครับ  โดนโทรตามยิก ๆ แล้ว แก้ไขเมื่อ 06 เม.ย. 53 13:42:14 แก้ไขเมื่อ 06 เม.ย. 53 12:39:17 แก้ไขเมื่อ 06 เม.ย. 53 11:20:13 จากคุณ : PuPe_so_Sweet เขียนเมื่อ : วันจักรี 53 11:11:46

ความคิดเห็นที่ 62 เพิ่มอีกอย่าง Retin-A หรือตัวยยากรดวิตามินเอ ที่อยู่ในรูปครีม  ไม่ได้ทำเพื่อให้มันเกาะติดผิวเพื่อ "ผลัดเซลล์ผิว" นี่ครับ Tretinoin ไมไ่ด้ทำงานเหมือนกับ Keratolytic Agent อย่าง AHAs / BHA เสียหน่อย เขาทำยา Retin-A ในเบสครีม และให้ทาทิ้งเอาไว้ เพราะว่าเขาต้องการใช้ Vehicle แบบครีมเพื่อให้ตัวยาสามารถซึมลงไปในผิว เพื่อกระตุ้น Retinoid Receptor ทำให้เซลล์ผิวทำงานเป็นปกติ ความหนาของชั้นเคราตินจงบางลงเป็นปกติ ลดการเกิดไมโครโคมีโดที่ต้นเหตุ (Retin-A และสารกลุ่มวิตามินเอ ทำงานคนละแบบกับ AHAs ฺ และ BHA ครับ  ผมไม่อยากให้คนอื่นเข้าใจผิด) ผมถึงได้ยกตัวอย่าง Retin-A ขึ้นมาว่า การที่วิตามินหรือสารอะไรจะไปกระตุ้น Receptor ได้  มันต้องพึ่งพา Vehicle ที่เหมาะสมด้วย ส่วนผิวที่เปียก หรือเสียหาย มีช่องเปิด จะสามารถดูดซึมสารได้มากขึ้น  มันเป็นความรู้พื้นฐานครับ   แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผิวที่เปียกจากการล้างหน้าจะสามารับประโยชน์ซากวิตามินใน Cleanser ได้อยู่ดี  เพราะมันไม่ใช่ Vehicle ที่เหมาะสม  และมันต้องอยู่ติดผิวนานพอ และมากพอที่จะมีประโยชน์กับผิวด้วย จากคุณ : PuPe_so_Sweet เขียนเมื่อ : วันจักรี 53 13:14:04

ความคิดเห็นที่ 63 สวัสดีค่ะ ทั้งคุณปูเป้ (PuPe_so_Sweet) และคุณ จขกท. (PandaMAN7777777) ค่ะ จากกระทู้นี้ ดิฉันขอชื่นชมคุณทั้งสองเป็นอย่างมาก นี่ไม่ใช่เป็นแค่กระทู้รีวิวธรรมดา แต่นี่เป็นกระทู้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยสาระความรู้ในวงการเครื่องสำอางเป็นอย่างมาก ชนิดที่ว่าตั้งแต่ดิฉันเฝ้าติดตามโต๊ะเครื่องแป้งมาเป็นระยะๆ นี่เป็นกระทู้ที่น่าสนใจที่สุดกระทู้หนึ่งเลยทีเดียว เป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านคนอื่นๆเป็นอย่างยิ่ง สำหรับคุณ จขกท. ดิฉันเชื่อค่ะ ว่าคุณเรียนเภสัชกรมาจริงๆ และคุณปูเป้ ดิฉันเห็นความพยายามของคุณจริงๆ ในการสรรหาข้อมูลเพื่อมาอ้างอิงในสิ่งที่คุณได้พูดไว้ และในรายละเอียดข้อถกเถียงต่างๆที่ผ่านมา ดิฉันไม่ขอแสดงความคิดเห็นในส่วนนี้นะคะ ข้อคิดเรื่องหนึ่งที่สำคัญ ที่ดิฉันเห็นได้จากกระทู้นี้ คือการเป็นผู้ประยุกต์เพื่อต่อยอด กับการเป็นผู้ตรวจสอบ กรณีนี้อย่างหลังดูจะมีน้ำหนักมากกว่า ถึงแม้ว่าผู้ประยุกต์เพื่อต่อยอดจะสำคัญกับวงการวิชาการมากเท่าใด แต่นั่นหากจะได้รับคำกล่าวนี้อย่างแท้จริง ก็ต้องมีพื้นฐานที่ถูกต้องเสียก่อน เพราะหากพื้นฐานพกพร่อง เสมือนรากฐานไม่มั่นคง แล้วจะทำการต่อยอด หรือสร้างสรรค์ต่อได้อย่างไร ? ผู้ประยุกต์เพื่อต่อยอดที่มีคุณค่าต่อวงการวิชาการ ควรจะต้องเป็น "ผู้ตรวจสอบ" ที่ดีก่อนมิใช่หรอกหรือ เพื่อที่สิ่งที่จะสร้างสรรค์ในอนาคต มีพื้นฐานมากจากสิ่งที่ตรวจสอบ หรือศึกษาสิ่งที่ถูกต้องจริงๆ นี่จึงจะเป็นการสร้างสรรค์ที่มีคุณภาพต่อในอนาคต แท้ที่จริงแล้ว คนที่มีคุณค่าต่อวงการวิชาการ มิใช่คนที่เห็นความสำคัญลงลึกในรายละเอียดหรอกหรือ มิใช่คนที่ชอบสงสัย และใฝ่ค้นหาคำตอบ เพื่อลบข้อสงสัยของตนเองอย่างถูกต้องหรอกหรือ มิใช่คนที่ไม่ทำไปตามวิถีประชา ค่านิยมในวงการ โดยสวนทางกับความเป็นจริงๆหรอกหรือ ดิฉันเริ่มเอ๊ะใจในวันนี้เอง เมื่อพบว่า คุณปูเป้ เหมือนคุณ paula begoun เข้าไปทุกที จากคุณ : Chompoo_X-ray เขียนเมื่อ : วันจักรี 53 14:53:16

ความคิดเห็นที่ 64 ได้ความรู้มากมาย ขอบคุณทุกท่านมากนะคะ จากคุณ : bubbubz25 เขียนเมื่อ : วันจักรี 53 15:41:56

ความคิดเห็นที่ 65 เป็นกระทู้ที่มีสาระมากเลยคะ ^__^ จากคุณ : pompmm เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 53 15:42:29

ความคิดเห็นที่ 66 โอ้โห้ สาระเพียบเลยคะ ได้ความรู้เยอะเลย เป็นประโยชน์มากๆคะ ให้กิฟแทนใจไปเล้ยยยย^ ^ จากคุณ : กิมจิจังงัง เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 53 18:22:27

ความคิดเห็นที่ 67 สาระ ความรู้ แน่นมากเลยค่ะ T^T จากคุณ : ถ้วยฟูสีชมพู เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 53 19:26:05

ความคิดเห็นที่ 68 เข้ามามึนตอนแรกยังพอเข้าใจ หลังๆเค้าคุยอะไรกันหรอคะคุณ ^^" จากคุณ : เห็ดอบวุ้นเส้น เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 53 20:07:20

ความคิดเห็นที่ 69 ตัวกันแดด Cutepress ทำให้หน้ามันรึเปล่าค่ะ แล้วล้างยากรึเปล่าค่ะ เคยอยากลองนานแล้วแต่ไม่คิดว่าจะกันดี อ่านกระทู้นี้ว่าจะลองบ้างดีกว่า ปล.มายกมือแพ้ล้างหน้าของนูโทรอีกคน แต่จำไม่ได้ว่าตัวไหน มันคล้าย ๆ กันเริ่มงง จากคุณ : DarkChoc เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 53 20:14:10

ความคิดเห็นที่ 70 เป็นกระทู้ที่อ่านแล้วสนุกมาก เหมือนกำลังนั่งเรียน Phamaco แรกๆ ผมว่า เป้ เหมาะจะเรียน Cosmetic จริงๆ เมืองไทยมีสาขาเปิดสอนแล้ว ลองไปเรียนดูซิครับ จากคุณ : V--Bank--V เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 53 20:16:10

ความคิดเห็นที่ 71 LHA มีใน LRP Effaclar K ครับ ^^ จากคุณ : wuttichaisong เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 53 20:50:41

ความคิดเห็นที่ 72 น้องปูเป้ตอบได้น่ารักมากเรื่องการเรียน เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งว่า การเรียนไม่จำเป็นจะต้องเรียนที่ใดที่หนึ่ง เพราะเดี๋ยวนี้เราสามารถหาข้อมูลต่างๆที่เราสนใจได้ในอินเตอร์เน็ต สนใจเรื่องใดก็ศึกษาเรื่องนั้นอย่างละเอียด ได้ตามวันเวลาที่เราสะดวก ขอเพียงสนใจและตั้งใจ ความสำเร็จจะตามมา ซึ่งพี่ว่าน้องก็คงได้รับไปบางส่วนแล้ว น้องแพนด้า ชอบน้องที่เอาเรื่องต่างๆ ในสาขาที่น้องเรียนมาเผยแผ่ให้คนที่ไม่ได้เรียนสาขานี้อย่างพี่เอง ได้รับทราบ และขอบคุณที่เปิดกว้างกับทุกความเห็น ขอให้เป็นหมอยาที่ดีในอนาคตนะคะ จากคุณ : sriwis เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 53 21:08:39

ความคิดเห็นที่ 73 =,= จากคุณ : mu_giftz เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 53 21:21:25

ความคิดเห็นที่ 74 (((Ans)))มี อ้างอิงครับ แต่ข้อมูลที่เอามา ไม่ใช่ว่าได้มาแบบ ไปคัดลอกเอามา หากแต่เป็นการประมวลผลขึ้นใหม่ จากการศึกษา จากประสบการณ์ ซึ่งกว่าจะได้มาต้องอ่านหนังสือและเอกสารจำนวนมาก ดังนั้นจึงไม่สามรถสรุปได้ว่าเอามาจากเล่มนี้ เล่มนู้น ครับ ******************************************* ความรู้ก็มาจากการอ่านเหมือนกันนิ อ่านมากอ่านน้อย ประมวลผลเก่งแค่ไหน แต่ท้ายที่สุดมันก็อยู่ที่ความถูกต้องนั่นแล จากคุณ : Edna Mode เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 53 21:37:21

ความคิดเห็นที่ 75 สุดยอดเลยค่า><" จากคุณ : NooMintZy เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 53 22:28:22

ความคิดเห็นที่ 76 อ่านแล้วร้สึกว่าบางคนนี่จะชอบกัดจิกเหน็บแนมตามประสาคนปากจัดอยู่ตะหงิดๆ นะคะเนี่ย จากคุณ : Lady_Panko เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 53 22:38:41

ความคิดเห็นที่ 77 เป็นกระทู้ที่มีประโยชน์จริงๆ อ่านรีวิวคุณแพนด้าแล้วเข้าใจเรื่อง BHA ขึ้นมากเลยค่ะ จากคุณ : ไวน์สีชมพู เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 53 23:00:29

ความคิดเห็นที่ 78 อุ๊ยหนูอยากได้ครีมเภสัชขึ้นมาตะหงิดๆค่ะ แต่ถ้าหน้าบางนี่ใช้แล้วจะพังมั้ยคะ 55? จากคุณ : know[yamAzaki] เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 53 23:20:04

ความคิดเห็นที่ 79 โลชั่นเภสัชขวดชมพูในคห.11 มันมีส่วนผสมอะไรที่ดีกว่าขวดขาวฉลากน้ำเงินเหรอค่ะ ตกลงอันนี้ดีกว่าใช่ไม๊ค่ะ จากคุณ : K6filM เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 53 23:28:41

ความคิดเห็นที่ 80 ชอบรีวิวคุณแพนด้ามากเลยค่ะ สู้ๆ นะคะ เราชอบการพูดจาที่มีเหตุผลและมาจากทฤษฎีที่เรียนมาค่ะ สายสุขภาพอย่างเราๆ นี่น่าเห็นใจนะคะ ยึดตำราก็โดนเค้าว่า เกิดอยากจะประยุกต์โลดโผนไปมา แล้วเกิดอะไรขึ้น โดนสังคมประนาม สังคมเค้าตราหน้าเราไว้ว่าต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ อะไรๆ ก็ "หมอ" "เภสสัช" เหนื่อยเหมือนกันนะคะ เราเชื่อว่า หากเรามีพื้นฐานอะไรซักอย่างที่มันคงและแน่นอนแล้ว ก็สามารถจะนำไปใช้กับทุกๆ อย่างในชีวิตประจำวันได้ ยิ่งคุณแพนด้าเรียนมาจากด้านนี้เราก็ไร้ข้อสงสัยละค่ะ ชอบสไตล์การเล่าของ จขกท ด้วย เข้าใจง่ายดี และก็มีจุดประสงค์เพียงแค่ต้องการแชร์สิ่งดีๆ ให้คนอื่นทราบ ไม่เกินขอบเขตดีด้วย มารีวิวเรื่องนี้ ก็ไม่โบ้ยไปว่าให้ไปใช้อีกตัวแทน บลาๆๆๆ ตรงดีค่ะ ชอบ อ่านแล้ว สบายใจ ดีค่ะ ^^ มีความรู้อยู่กับตัวก็เหมือนมีอาวุธอยู่ให้อุ่นใจเนอะ ^^ ให้กิ๊ฟหมดตัวเลยเอ้า!!! จากคุณ : จากเพื่อนร่วมสหวิชาชีพ (Lady_Panko) เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 00:17:29

ความคิดเห็นที่ 81 เข้ามานั่งอ่านด้วยความตาลายและมึนงง 555 พรุ่งนี้จะมาอ่านอีกทีแล้วกันค่ะ พอดีความรู้ในหัวสมองมีน้อยนิด กว่าจะเข้าใจอะไรทีนึงก็ย๊ากยาก ขอบคุณ จขกท มากๆ เลยค่ะที่เอาความรู้มาแบ่งปันกัน จากคุณ : อยู่ดีดีก็เข้ามา เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 00:41:03

ความคิดเห็นที่ 82 ความรู้ไม่หยุดนิ่ง จากคุณ : อ่านกระทู้นี้แล้วรู้สึกเหวงๆ (myfiction) เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 04:16:33

ความคิดเห็นที่ 83 เป็นการรีวิวที่เปี่ยมไปด้วยความรู้คะ ขอบพระคุณคุณแพนด้าและคุณปูเป้ มากๆเลยคะ   จากคุณ : กันดัมจัง เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 10:32:40

ความคิดเห็นที่ 84 ชอบกระทู้ที่มีการให้ความรู้อย่างนี้ ทั้งมีการเสริมและบอกประโยชน์เพื่อผู้บริโภคจะได้ไม่โง่ หลงเป็นเหยื่อคำโฆษณามาก ขอบคุณทุกคนนะก๊าบ จากคุณ : ผู้ชายอย่าหยุดหล่อ เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 11:12:04

ความคิดเห็นที่ 85 อ่านมานาน จนลืมว่า จะมาบอกว่า  โลชั่น cutepress เราก็ได้ฟรีมาจากการทำบัตรสมาชิกเหมือนกันค่ะ ลองทาแล้ว  ตัวนิ่มๆ ดี หอมอ่อน ๆ ไม่แพ้ เราว่า ดีกว่า นีเวียตอนนี้อีก (เดี๊ยวนี้นีเวียไม่ดีเลย  ชุ่มชื่นแป๊บเดียวแล้วก็แห้งเหมือนเดิม  ผิดหวังจัง) ว่า จะไปลองซื้อสูตร ครีมน้ำนมของ cutepress มาลองใช้บ้าง น่าจะดีนะ มีใครเคยใช้บ้าง  บอกมั่งนะคะ จากคุณ : นาโนจัง เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 12:01:30

ความคิดเห็นที่ 86 ขอบคุณ จขกท ที่ตั้งใจมารีวิวและให้ความรู้จริงแบบเข้าใจง่าย แล้วมารีวิวบ่อยๆ นะคะ จากคุณ : bitter angel เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 12:11:27

ความคิดเห็นที่ 87 มาชม รีวิว คั้บบ จากคุณ : Spi_zy เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 12:27:47

ความคิดเห็นที่ 88 สุดยอดเลยคุณ จขกท อ่านไม่ใหว ตาลาย เดี๋ยวว่างๆจะมาอ่านและกัน ขอบคุณมากนะค่ะ สำหรับรีวิว จากคุณ : sunantaun เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 14:32:19

ความคิดเห็นที่ 89 เข้ามางงความหมายโดยตรงและความหมายโดยนัยที่กำลังสื่อสารกันอยู่ จากคุณ : Chubby Chick เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 14:36:41

ความคิดเห็นที่ 90 ชอบการ review จัง น่ารักดีค่ะ จากคุณ : mantana_11 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 15:32:56

ความคิดเห็นที่ 91 โหยย ทำไมมีแต่คนใช้ neutrogena oil free acne wash แล้วได้ผลดีกันจัง แต่ไหงเราใช้แล้วแพ้ สิวบุกเยอะมากกก เศร้าอ่ะ :'( กันแดด cute press น่าลองมากๆจ้า จากคุณ : hiccup-freak?* เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 15:56:43

ความคิดเห็นที่ 92 อ่านเนื้อความในกระทู้แล้ว ขอบคุณทั้ง จขกท และคุณ ปูเป้มากๆครับ ที่นำเอาความรุ้ต่างๆมาเล่าให้ฟัง จะจบยังหนอ ติตดามอ่านอยู่นะครับ.... จากคุณ : Algae เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 16:08:34

ความคิดเห็นที่ 93 เห็นเป็นกระทู้แนะนำ .. เข้ามาแล้วรู้สึกเหมือนนั่งฟังเลคเชอร์วิชา Pharmaco เลยค่ะ  xD ต้องขอบพระคุณ คุณปูเป้ และคุณจขกทมากๆ เป็นกระทู้ที่ดีมากๆ และมีสาระมากๆจริงๆค่ะ  ^ ^ ขอชื่นชมในการ discuss ข้อมูลกันอย่างสุภาพ นำความรู้มาถกกันให้ได้ประโยชน์ ขอบคุณ คุณจขกทมากๆสำหรับรีวิวนะคะ ^ ^ แอบตามดูกระทู้รีวิวของคุณแพนด้าเหมือนกัน รีวิวเป็นกันเองมากๆ พอมีการเปิดประเด็น คุณก็อธิบายให้อย่างสุภาพ และเข้าใจง่ายดีสำหรับผู้ที่ไม่ได้เรียนสายนี้ ... ข้อมูลที่ discuss กันในทางวิทยาศาสตร์ย่อมมีที่ถกเถียงเห็นไม่ตรงกันอยู่แล้ว ขนาดตำราแพทย์บางตำรา ข้อมูลยังมีที่ไม่ตรงกันได้เลยเนอะ  :) และกับคุณปูเป้ .. อึ้งมากค่ะยิ่งรู้ว่าคุณปูเป้เรียนสายศิลป์ >.< ประทับใจที่คุณขวนขวายหาข้อมูลความรู้จากหลายๆตำรา และเป็น "สื่่อกลาง" แก่คนอื่นๆได้ดีมากๆ ... เป็นตัวอย่างได้ดีจริงๆ ว่าความรู้ไม่ใช่จากแค่ในตำรา และวัดไม่ได้จากปริญญาบัตร (ข้อมูลของคุณนี่ นศพบางคนมาเห็นยังอายเลยอ่ะ  ขอหลบมุมดีกว่าค่ะ  lol) แก้ไขเมื่อ 08 เม.ย. 53 16:32:04 จากคุณ : Cheriez เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 16:31:07

ความคิดเห็นที่ 94 กลายเป็นรีวิวทางการแพทย์ไปเลยอ่า 5555++++ แต่ได้ความรู้มากค่ะ ขอบคุณทุกท่านนะคะ จากคุณ : nickybangkok เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 20:27:30

ความคิดเห็นที่ 95 สุดยอดครับ จากคุณ : HandsomeManThailandpost เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 21:57:36

ความคิดเห็นที่ 96 อ้าวววว หมูน้อยซื้อเภสัชมาผิดตัวหรือนี่ อย่างนี้จะขาวไหม ?? ซื้อแบบทาตัว ขวดขาว ๆ มาง่ะ >< จากคุณ : หมูน้อยตัวแสบ~* เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 22:19:40

ความคิดเห็นที่ 97 อ่านกระทู้แล้ว บรรยากาศตอนเรียนตามมาหลอกหลอนมากๆ ฮ่าๆๆๆ เราเรียนจบวิทย์ค่ะ แต่ไม่ได้กระผีก (เขียนงี้ป่าวนะ แหะ) คุณปูเป้เลย คืนอาจารย์ไปทุกสิ่งอัน เหอๆ โอ่ย พิมพ์ต่อไม่ไหวแล้ว เขินพี่อ๋อม กิ๊ดดดด (ดูช่อง 7 อยู่) เขิลลลล อ่าว จบเลย แง่วว จากคุณ : Choc Chip Cheesecake เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 53 22:54:39

ความคิดเห็นที่ 98 เป็นกำลังใจให้ น้องแพนด้าแมน นะคะ  :) แก้ไขเมื่อ 09 เม.ย. 53 00:51:29 จากคุณ : monkeyjujube เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 53 00:50:58

ความคิดเห็นที่ 99 ตะลึง ตึงๆ เเต่ก็ขอบคุณมากเลยนะคะ จากคุณ : มะลิหน้าร้อน (มะลิหน้าร้อน) เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 53 13:05:50

ความคิดเห็นที่ 100 "BHA ในขวดนี้จะไม่เกิดผล เพราะว่า จะถูกล้างออกไปหมด . จะ บอกแล้วว่า คุณผิด !!! เพราะถ้าBHAในตำรับนี้ ไม่เกิดผลกับหน้า เค้าจะใส่เพื่ออออออออออออ??? . จะบอกว่า ลองคิดดูสิครับ อย่างวิตามินในโฟมล้างหน้า  เวลาเราล้าง  คุณรู้มั้ย รีเซ็บเตอร์ของสารนั้นๆมันก็จะมารับมันไปเข้าสู้ผิวหน้าของเรา ตัวนี้ก็ เช่นกัน  มันก็จะโดนหน้าเรา  แล้วทำให้เกิดฤทธิ์ ต่อผิวหน้าคือ เร่งการ ผลัดเซลล์ผิวครับ  แต่อาจจะฤทธิ์อ่อนกว่า  ในตำรับครีมทาหน้า เพราะ อะไร???  ก็เพราะว่าเค้าต้องการให้ฤทธิ์มันอ่อนหนะสิครับ ไม่ใช่ใส่เพื่อการตลาดแน่นอน วงการแพทย์เค้าคิดดีแล้วครับ ว่าจะใส่อะไรลงไปในยาหรือเครื่องสำอางรูปแบบต่างๆ เพราะฉะนั้น  อย่าไปฟังใครเค้า  มาถามเภสัชหรือหมอดีกว่าครับ" . ตามที่คุณแพนด้าบอกถ้าเป็นยาอาจจะใช่ครับ แต่ถ้าเป็นเครื่องสำอางแล้วหลักๆผู้ผลิตใส่ลงไปเพื่อ Claim สินค้าให้ขายได้ครับ ลองคุณดูแชมพูตามท้องตลาดสักขวดเช่น ยี่ห้อดวงตะวันไหมไทย อาจจะมีห้าสูตรในไลน์ของสินค้า แต่เขาใส่อัญชัญ น้ำผึ้ง มะพร้าวบ้างก้อเพื่อสร้างความแตกต่างของแบรนด์ ให้ตัวเลือกผู้บริโภคมากขึ้น แต่จริงๆเบสก้อเหมือนกันหมดทุกตัว แึค่ต่างกันที่น้ำหอม แล้วก้อ extracts ที่ใส่มาหยดสองหยดเพื่อ claim สินค้าครับ ส่วนจะหวังผล น้ำผึ้ง หรือมะพร้าวอะไรเนิ้ย คงเป็นไปได้ยากครับ กรณีเดียวกันกับ BHA ในตำรับนี้ แม่กระทั้งเปอร์เซ็นก้อไม่ได้แยกออกมา คงเป็นไปได้เพียงแค่การตลาด หรือไม่ก้อ preservative ครับ ส่วนเรื่องความเชื่อเนิ้ยหามาให้อ่านกันเล่นๆ กาลามสูตรครับ  มา อนุสฺสวเนน           อย่าเพิ่งเชื่อโดยฟังตามกันมา   มา ปรมฺปราย             อย่าเพิ่งเชื่อโดยถือว่าเป็น ของเก่าเล่าสืบๆ กันมา   มา อิติกิราย               อย่าเพิ่งเชื่อเพราะข่าว เล่าลือ   มา ปิฏกสมฺปทาเนน     อย่าเพิ่งเชื่อโดยอ้าง คัมภีร์หรือตำรา   มา ตกฺกเหตุ               อย่าเพิ่งเชื่อโดยคิดเดาเอา เอง   มา นยเหตุ                 อย่าเพิ่งเชื่อโดยคิดคาด คะเนอนุมานเอา   มา อาการปริวิตกฺเกน     อย่าเพิ่งเชื่อโดยตรึกเอาตาม อาการที่ปรากฏ   มา ทิฎฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา  อย่าเพิ่งเชื่อเพราะเห็นว่า ต้องกับความเห็นของตน   มา ภพฺพรูปตา            อย่าเพิ่งเชื่อว่าผู้พูดควร เชื่อได้   มา สมโณ โน ครูติ      อย่าเพิ่งเชื่อว่าผู้พูดนั้นเป็นครูของ เรา ไม่ได้บอกว่าไม่ให้เชื่อครับ แต่ว่าก่อนที่จะเชื่อเราควรหาข้อมูล หรือพิจรณาก่อนที่เราจะเชื่อ ไตร่ตรองและหาเหตุผล support ข้อเท็จจริงคัรบ แก้ไขเมื่อ 09 เม.ย. 53 13:22:42 จากคุณ : teeleck (Teeleck) เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 53 13:21:49

ความคิดเห็นที่ 101 พอดีเจอกระทู้นี้ก้อเลยคิดหนังสือเล่มหนึ่งที่บ้าน เลยแสกนมาให้อ่านกัน คนเขียน Yarosh PH.D. เป็นผู้ผลิต Raw Mats ขายให้กับแบรนด์ต่างๆ เช่น Loreal, Estee, Neutrogena etc... ครับ ลองดูวิธีเขาเนะนำให้เลือก Cleanser จากคุณ : teeleck (Teeleck) เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 53 13:26:35

ความคิดเห็นที่ 102 ลองดูน่ะครับ จากคุณ : teeleck (Teeleck) เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 53 13:28:56

ความคิดเห็นที่ 103 ลงรูปไม่ได้ครับ ไม่รู้เป็นไร ขออนุญาตโพสลิงค์อ่านกันเองน่ะครับ^^ เนื้อหาก้อไม่มีอะไรเขาแค่บอกให้เลือก Cleanser ง่ายๆ ไม่ต้องมีส่วนประกอบ Fancy มากมายเพราะมันจะอยู่บนหน้าเราแปบเดียวแล้วล้างลงท่อไป http://i277.photobucket.com/albums/kk62/teeleck/YaroshPHDjpg.jpg รูปหน้าปกครับ http://i277.photobucket.com/albums/kk62/teeleck/book1.jpg แก้ไขเมื่อ 09 เม.ย. 53 14:01:11 แก้ไขเมื่อ 09 เม.ย. 53 13:57:44 แก้ไขเมื่อ 09 เม.ย. 53 13:57:14 แก้ไขเมื่อ 09 เม.ย. 53 13:54:22 แก้ไขเมื่อ 09 เม.ย. 53 13:53:55 แก้ไขเมื่อ 09 เม.ย. 53 13:53:02 จากคุณ : teeleck (Teeleck) เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 53 13:46:42

ความคิดเห็นที่ 104 ช่วยค่ะ จากคุณ : storm_lunasea เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 53 14:02:27

ความคิดเห็นที่ 105 ช่วยค่ะ คือ จขกท ให้ข้อมูลแย้งกับ PH.D. แบบนี้ไม่รู้จะเชื่อใครดีเลยค่ะ จากคุณ : storm_lunasea เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 53 14:07:32

ความคิดเห็นที่ 106 ขอบคุณครับ ^^ นึกว่าจะไม่รอดซ่ะแล้ว จากคุณ : teeleck (Teeleck) เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 53 14:07:58

ความคิดเห็นที่ 107 เชื่อในสิ่งที่เห็น เฮ็ดในสิ่งที่เชื่อ แก้ไขเมื่อ 09 เม.ย. 53 14:11:11 จากคุณ : teeleck (Teeleck) เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 53 14:08:28

ความคิดเห็นที่ 108 โอ้ นี่มันวิชาการดอทคอมหรือเปล่าเนี่ย ฮ่าๆๆ สุดยอดมากๆ อยากจะบอกว่าวันนี้เพิ่งรู้ว่า BHA คืออะไร ฮ่าๆๆๆ รีวิวกันได้ละเอียดยิบถึงใจมากค่ะ (แม้บางทีจะอ่านไม่รู้เรื่อง ...รู้แต่มันดี ฮ่าๆๆ) ต้องไปหาซื้อ BHA มาชอนไชรูขุมขนบ้างแล้ว คิคิ จากคุณ : zepsil_27 เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 53 14:10:06