ความคิดเห็นที่ 1 ง่าา กำลังคิดว่าจะไปของ รพ.ยันฮีอยู่เลยค่ะ T-T เพราะพี่ที่รู้จักไปมา ลดไปเกือบ 20 โล สู้สู้ นะคะ เป็นกำลังใจให้ (ไหงให้ กิฟท์ไม่ได้อ่าา ถ้าให้ได้เมื่อไหร่จะกดย้อนหลัีงใ้ห้น๊าา ) จากคุณ : รักหนักแน่น เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 53 15:14:06

ความคิดเห็นที่ 2 การเกิดโยโย่เอฟเฟคนั้นสามารถเกิดกับการที่เราพยายามควบคุมอาหาร เปลี่ยนชนิดอาหารได้ด้วยนะคะ ไม่ได้เกิดจากการทานยาลดความอ้วนได้เพียงอย่างเดียว อันที่จริงแล้วมันคือสมดุลของร่างกายนั่นเอง ร่างกายของคนเรามีความสลับซับซ้อนมากกว่า คอมพิวเตอร์เครื่องนึงซะอีก ระบบการทำงานสามารถสั่งได้ด้วยกิจวัตรประจำวัน สมดุลเคมี ฮอร์โมนจาก ต่อมไร้ท่อ ระบบประสาทส่วนกลาง และอื่นๆอีกมากมาย ^_^ ร่างกายคนเราอาศัยความเคยชินกับปริมาณอาหารและปริมาณแคลลอรี่ ที่ได้รับในแต่ละวัน รวมทั้งกิจกรรมที่เกิดขึ้นกับตัวเราเองในแต่ละวัน กำหนดขนาดการเมตาบอลิซึ่ม (การเผาผลาญพลังงานนั่นเอง) ซึ่งจะต้องทำงานควบคุมกับการผลิตฮอร์โมนบางตัวจากต่อมไร้ท่ออย่าง ไทรอยด์ฮอร์โมน เพื่อควบคุมการเผาผลาญพลังงาน ความสมดุลของการกิน การใช้พลังงานและระดับไทรอยด์ฮอร์โมนในคนปกติจะแตกต่างจากผู้ป่วยไทรอยด์เป็นพิษ (มีสองแบบนะคะ คือทำงานมากไปกับน้อยไป ถ้ามากไปจะกระตุ้นให้เมตาบอลิซึ่มมากเกินไป จะผอม ใจสั่น เหนื่อยง่าย ถ้าน้อยไปจะอ้วนง่าย เฉื่อยชา หนาวง่าย เพราะเมตาบอลิซึ่มน้อยเกินไป) การลดน้ำหนักโดนการลดปริมาณอาหารที่ทาน หรือเปลี่ยนชนิดอาหาร เพื่อควบคุมแคลลอรี่ที่ได้รับให้แต่ละวัน เป็นวิธีที่นิยมและน่าจะไม่เป็นอันตราย อย่างสูตร สามวันเจ็ดวันที่เห็นๆกันอยู่ มันก็เป็นวิธีที่ดีและถูกต้อง เช่น ปกติเราใช้พลังงานวันละ 800-1200 kcal ถ้าเราทานอาหารวันละ 400 kcal เราก็จะสามารถดึงเราของเก่าที่สะสมใน ร่างกายเราออกมาใช้ได้วันละ 400-600 kcal แต่..... เมื่อเราลดปริมาณอาหารลงอย่างรวดเร็วอย่างนี้ติดต่อกันสักสามวัน ร่างกายจะรับรู้ไปว่า ช้าน...กำลังจะอดตาย ช่วยด้วยยยยยยยย จะลดการเผา ผลาญพลังงานลง จากวันละ 800-1200 kcal เป็น 400-600 kcal เพื่อกักเก็บไอ้ที่เราสะสมไว้ให้มากที่สุด แหม...ก็กำลังจะอดตายนี่นา ช่าย...แล้ว น้ำหนักก็จะลดลงในระยะแรกเร็วมากๆๆๆ อาทิตย์แรก 3 กิโล อาทิตย์ที่สอง 3 กิโล อาทิตย์ที่สาม 2 กิโล อาทิตย์ที่สี่ 1 กิโล อาทิตย์ที่ 5 โอ้วววววว...ทำไมมันไม่ลงซักขีดฟร่ะ.... ฮ่วยยย เลิกๆๆๆๆๆ พอแระ 9 กิโลก็พอแระ กลับมากินอย่างเดิม อาหารแบบเดิม ยัดเข้าไปวันละ 1200 kcal เหมือนเดิม อ้าววว ก็พอดีไง ใช้วันละเท่านี้ก็กินเท่านี้ไง จริงมะ แต่........ ร่างกายที่กำลังจะอดตายของเรากลับยังเผาผลาญวันละ 400 kcal เท่านั้นเอง....หมายความว่าเราเหลือวันละ 800 kcal ที่เปลี่ยนเป็นไขมันไป กักเก็บตามส่วนต่างๆเหมือนเดิม จากที่ลดไป 9 กิโล ก็สามารถกลับมาเพิ่มอีก 15 กิโลได้อย่างง่ายดาย โอ้ววว...แม่เจ้า ชั้นอ้วนกว่าตอนก่อนลดน้ำหนักอีกเหรอเนี่ย...... Y_Y ยินดีต้อนรับเข้าสู่วังวนของ YOYO LAND ค่ะ ^_^ จากคุณ : bemynails เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 53 15:47:59

ความคิดเห็นที่ 3 อ้วน ฉุ บวมน้ำ โดยไร้สาเหตุ เรา จาก 65 กินยันฮี ลดไป 55 พอเลิกกิน บวมสุด 75 แล้วค่อย ลดลง ขณะที่ขึ้น เรามีพฤติกรรม เหมือนกับตอนที่กินยาทุกประการ ถึงว่า มันอ้วน ฉุ บวมน้ำ โดยไร้สาเหตุไง ยายันฮี เมื่อก่อน ไม่เหมือนที่เป็นสมุนไพรแบบสมัยนี้นะ ไม่ต้องถามว่าทำไงนะ ทำใจอย่างเดียว จากคุณ : jinyan (jinyan) เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 53 16:00:19

ความคิดเห็นที่ 4 ตอนม.ปลายกินยาลดความอ้วนของคลินิคแห่งหนึ่งอยู่ประมาณ2ปีเหมือนกัน ก่อนกิน นน.62(สูง172) หลังกิน นน.เหลือ52 (ตอนนั้นผอมมากกกก) ที่หยุดกินเพราะมันเบลอเวียนหัว หน้ามืดบ่อยๆ เหมือนคนเป็นความดัน เรียนไม่รู้เรื่องเลย หลังหยุดกินยาลดความอ้วนได้ปีกว่า โยโย่จาก52ไป78 - -* อ้วนและบวมที่สุดรับตัวเองไม่ได้เลย ตอนนั้นจิตตกสุดๆ แต่ใจแข็งค่ะคิดว่าจะไม่กลับไปกินมันอีก เลยตั้งใจบ้างไม่ตั้งใจบ้างลดด้วยตัวเอง ไม่ได้ลดทันใจน่ะค่ะค่อยเป็นค่อยไป ตอนนี้ผ่านไป 6 ปีจาก 78 เหลือ 64 แล้วค่ะ^^ ตั้งเป้าไว้ว่าจะให้เหลือซัก60กำลังดีเพราะเป็นคนโครงร่างใหญ่ สิ่งสำคัญคือเราไม่กินข้าวเย็นเด็ดขาดเดือนนึงจะกินเย็นซัก 2-3 วันเองมั้ง แล้วก็พยายามตัดพวกขนมที่ไม่ใช่อาหารหลักออกไปให้ได้ รับรองผอมแน่ อิอิ จากคุณ : สาวแจง* เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 53 16:12:26

ความคิดเห็นที่ 5 สิ่งที่ที่กำลังเผชิญ เรียกว่า "โยโย่เอฟเฟก" น้ำหนักที่คุณลดไป ส่วนมากก็คือกล้ามเนื้อทั้งตัว กล้ามเนื้อเป็นตัวเผาผลาญที่ดีมาก.....เพราะคุณอดอาหาร ร่างกายเลยนำ น้ำ และกล้ามเนื้อไปใช้  ส่วนไขมันนั้น โดนนำออกมาใช้น้อยมาก   สรุปสั้นๆ...ตอนนี้ร่างกายอยู่ในช่วง เผาผลาญต่ำมาก ปัญหาคือ วิธีการแก้ไขปัญหาก็คือ  เพิ่มการเผาผลาญนั่นเอง เพราะชะนั้น คุณต้องเล่นเวท ทั้งร่างกายขึ้นมาใหม่ครับ อาจจะใช้เวลา และความลำบาก.....แต่มันจำเป็นนะครับ เพราะเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว ส่วนเรื่องเล่นเวทแล้วตัวจะใหญ่.....ไม่จริงครับ คุณลองไปเสริชเอาดูก็ได้ เล่นเวท สำหรับผู้หญิง   ปล.1 ผมเคยได้ยินมาว่า การแก้ไขโยโย่ ต้องใช้เวลา 5ปี ร่างกายถึงจะปรับสภาพสู่การเผาผลาญปรกติ ตอนนี้ผมก็เล่นทั้งตัวครับ (เวท) นอกจาก กระชับแล้ว   ยังกลับไปอ้วนยากอีก ทั้งที่แต่ก่อน โยโย่มาไม่รู้ตั้งกี่รอบ จากคุณ : red-racket เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 53 16:54:58

ความคิดเห็นที่ 6 การกินยาลดความ อ้วน หรือ การอดอาหารเพื่อลดความอ้วน แล้วทำไมถึงอ้วนขึ้น (Yo-Yo Effect โยโย่ เอฟเฟ็กต์ คือ)      ในร่างกายของ มนุษย์เป็นกลไกที่ฉลาด เมื่อเราอดอาหารร่างกายก็จะคิดว่า เรากำลังจะอดตาย เพราะในร่างกายของมนุษย์ ไม่รู้ว่าเราอยากสวย อยากหล่อ หรืออยากลดไขมันส่วนเกิน กลไกทางธรรมชาติในร่างกายก็จะรีบเปลี่ยน น้ำตาล และ คาร์โบไฮเดรตเป็นไขมันเร็วขึ้น(เพื่อใช้เป็นพลังงานสะสม เพราะไขมันให้พลังงานมากกว่าคาร์โบไฮเดรตและโปรตีนถึง 2 เท่า) พร้อมกับ ลดอัตราการเผาผลาญพลังงาน (Metabolism - เมตาบอลิ ซึ่ม)ในร่างกายลง ในช่วงแรกของ การอดอาหารน้ำหนักจะลด แต่ส่วนที่ลดจะเป็นน้ำและมวลกล้ามเนื้อในร่างกาย ไม่ใช่ไขมันสะสม เนื่องจากการใช้พลังงานเท่าเดิม แต่ร่างกายได้รับอาหารน้อยลง ทำให้ไขมันยังเท่าเดิม     การอดอาหารตลอดปีเพื่อลดความอ้วนเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก หลังจากอดอาหารมาสักระยะ อัตราการเผาผลาญพลังงาน (Metabolism) จะลดลง การอด อาหารติดต่อกันนาน 12 ชั่วโมง อัตราการเผาผลาญพลังงานจะลดลงถึง 40% การ กลับมาทานอาหารเหมือนเดิมอีกครั้ง จึงทำให้อ้วนมากกว่าเดิม เช่น ถ้าทานข้าว 1 จาน ร่างกายจะเผาผลาญน้อยลง ส่วนที่ไม่ได้เผาผลาญ จะเก็บไว้เป็นพลังงานสะสม (ไกลโคเจน) หลังจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นไขมันสะสม     การอดอาหารติดต่อกันนานๆให้ผลเช่นเดียวกับการ กินยาลดความอ้วน ซึ่งยาลดความอ้วนจะทำให้รู้สึก ใจสั่น คอแห้ง หิวน้ำ นอนไม่ค่อยหลับ หงุดหงิดง่าย หูแว่ว ประสาทสัมผัสเริ่มผิดเพี้ยน รับประทานอาหารได้น้อยลง หรือไม่หิวเลย ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ทานอะไรเลยก็ตาม หลังจากหยุดยาลดความอ้วน ระบบประสาทสั่งการเรื่องความหิวที่ถูกกดไว้มานานถูกปลดปล่อย พร้อมกับสูญเสียการควบคุมตัวเองเมื่อเห็นอาหารที่น่ารับประทาน การทานในปริมาณเพียงนิดเดียวก็สามารถทำให้อ้วนได้แล้ว เพราะระบบเผาผลาญพลังงานในร่างกายถูกทำให้ถดถอยจนอยู่ในระต่ำที่สุด เนื่องจากอดอาหารมานาน **ถ้าอยากหยุดอาการโยโย่ ก็ต้องทำให้ระบบเผาผลาญกลับมาเป็นปกติ คือ ทานอาหาร ออกกำลังกาย แล้วก็พักผ่อนให้เพียงพอ (โดยส่วนตัวคิดว่าการออกกำลังกายแบบ แอนาแอโรบิค Anaerobic น่าจะช่วยได้ดี เพราะถึงแม้เราจะหลับกล้ามเนื้อก็จะเผาผลาญพลังงานตลอดเวลา หรือออกกำลังกายแบบแอโรบิค Aerobic 30 นาทีขึ้นไป เพื่อเผาผลาญไขมัน) ปล.สำหรับ ผู้หญิงการออกกำลังกายแบบ แอนาแอโรบิค Anaerobic กว่าจะทำให้แขนขาใหญ่นั้นยากมากเพราะผู้หญิงไม่มีฮอร์โมนในการสร้างกล้าม เนื้อแบบผู้ชาย หวังว่าคงเป็นประโยชน์กับ จขกท. และอีกหลายๆคน ข้อ มูลจากเวปนี้ http://www.hibalanz.com/productshow.php?id_prd=5 จากคุณ : จงเลือกแล้วเดินให้สุดทาง เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 53 21:48:27

ความคิดเห็นที่ 7 ขอบคุณค่ะ หายสงสัยล่ะว่า ทำไมอ้วนขึ้น หรือ ลดลงยากในช่วงหลัง จากคุณ : ขี้เหงา...เอาแต่ใจ เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 53 22:50:31

ความคิดเห็นที่ 8 เราก็เจอนะโยโย่จาก65 เป็น88แล้ว เวลาสองปีกว่ามั้ง ลดไม่ลงเลย แม้จะกินเท่าเดิม แต่ไม่ระวังอาหารเท่าไหร่ ตอนนี้ต้องมาออกกำลังกาย น้ำหนักก็ลงช้าหน่อยเดือนละ 1 กก ได้มั้ง เพิ่งลงไป3 กก เอง แต่ก็จะ  ไม่กดดันกินยาแล้ว        อายุเลข3แล้วลดยากด้วยค่ะ..ก็ค่อย ๆ ไปออกกำลังไปบ่อยหน่อย ก็อาจจะทำให้เฟริม์แต่ไม่ผอมลงเท่าไหร่ ก็กะว่าไปช้า ๆ ค่ะไม่รีบร้อนอะไร เพราะรีบก็กลับมาโยโย่ตลอด ๆ คะ จากคุณ : เกด (bookan25) เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 53 00:42:28