ความคิดเห็นที่ 1 กอฟท์ว่า  จขกท  ก็เข้าใจถูกนะครับ   เพราะ ทุกอย่างมันก็มีแบรนด์ทั้งนั้นและครับ   แต่ในแต่ละแบรนด์มันก็แตกต่างกันที่ราคา และ โพสิชั่นของแบรนด์ครับ อย่างแบรนด์ที่ จขกท  ยกตัวอย่างก็เป็น  สครีทธรรมดา  หมายถึง อยู่ในกลุ่มที่คนส่วนใหญ่ซื้อใส่กัน เพราะราคาประหยัด   ส่วนสวยไม่สวยก็ต้องเลือก  คัตติ้งดีไม่ดี  ก็ต้องเลือกกันไปอีกนั้นและครับ แต่เอาจริงๆ  บางครั้งเราวัดคำว่าแบรนด์จากราคา เหมือนกันนะครับ    อย่างพวกแบรนด์ ไฮ แบบนั้นครับ   เสื้อเชิตคัวหนึ่ง ธรรมดา อาจจะราคาหมื่นกว่าบาท แล้วเอาจริงๆ อีกอย่าง  คนอเมริกาส่วนใหญ่  ไม่ได้แต่งตัวจัดนะครับ  ถือว่าแต่งเรียบๆมาก เลยอาจทำให้ จขกท  รู้สึกว่าจริงๆ เขาก็แต่งปกติกันนี่น่า แต่ถ้า จขกท  ไปอยู่เมืองที่ใหญ่ขึ้น ก็อาจจะเห็นถึงความแตกต่างได้ครับ   ว่าเสื้อที่คัตติ้งดีมากๆ  มันก็ช่วยให้คนใส่ดูสวยขึ้นจริงๆ   ลองดูจากแฟชั่นโชว์ใหญ่ๆ ดูครับ   และท้ายที่สุด  จะใส่สวยไม่สวยขึ้นอยู่กับไม้แขวน  และการเลือกแบบให้เหมาะกับตนเองครับ จากคุณ : BIZZARE เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 53 12:44:58

ความคิดเห็นที่ 2 ^ ^ ^ ^ เจ้าพ่อวงการแฟชั่นห้องแป้งมาตอบเอง  ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ น้องกอล์ฟ พี่มายด์ยอมรับอย่างหนึ่งว่าถึงอยู่อเมริกาก็ไม่ได้อยู่ในเขตเมืองใหญ่ อย่าง New York หรือ San Francisco  ที่แต่งตัวดูดี ถึงดีมาก (ไม่เคยอยู่แต่เคยไปเที่ยวเฉยๆ ) เดี๋ยวพี่มายด์ขอไปพัฒนาไม้แขวนเสื้อก่อนนะ ช่วงนี้มันอวบอ้วนได้ใจเหลือเกิน จากคุณ : คนไม่สวยอยากเล่า เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 53 12:57:02

ความคิดเห็นที่ 3 มันก็แบ่งตามช่องทางการตลาดอ่ะค่ะ street hi street hi end ยังแบ่ง นอก ใน ประเทศอีก ถามว่ามันแยกกันตรงไหน ก็คงเป็นที่การดีไซน์ การตัดเย็บ เนื้อผ้า แบรนด์แพงๆ เค้าก็ต้องจ้างดีไซน์เนอร์ มีไลน์ผลิตเอง การย้อม การทอ จะมีวิธีเฉพาะ ทำทีละไม่กี่ตัว ก็เลยแพง แน่นอนว่า กลุ่มลูกค้าเค้าก็เป็นกลุ่มหนึ่ง น้อย แต่ความสามารถในการจ่ายสูง ตรงกันข้าม พวกที่รอแบบจากรันเวย์ แล้วเอามาดัดแปลงเอา จ้างโรงงานการ์เมนต์ทำตามแบบ ออกมาทีเป็นกุรุสๆ เลยถูกกว่า ถ้าให้เจาะจงแบรนด์เลย มันก็เยอะอ่ะค่ะ ปกติใส่เสื้อผ้าไม่ค่อยสนแบรนด์ด้วย เว้นแต่พวกเสื้อกันหนาว ชุดออกงาน อันนี้ต้องพิถีพิถันหน่อยค่ะ อิอิ แก้ไขเมื่อ 29 พ.ค. 53 13:23:41 จากคุณ : ++แขวน++ เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 53 13:22:14

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณ คุณแขวนมากๆ นะคะ ที่แวะมาแบ่งปันความรู้นะคะ มายด์ยอมรับว่าเรื่องแฟชั่น เนี่ยไม่ค่อยรู้เรื่องจริงๆ นะคะ ก็เพิ่งเข้าห้องแป้งได้ไม่นานค่ะ เก็บความรู้เรื่องความสวยความงาม การแต่งหน้า เครื่องสำอางค์ไปอักโข เลยมาเก็บความรู้ต่อเรื่องแฟชั่นนะคะ จากคุณ : คนไม่สวยอยากเล่า เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 53 13:32:00

ความคิดเห็นที่ 5 ขออนุญาตไปนอนพักผ่อนก่อนนะคะ หากใครมาตอบเพิ่มเติมโพสได้เลยนะคะ แล้วมายด์จะมาแวะให้กิ๊ฟขอบคุณพรุ่งนี้เช้า (อเมริกาค่ะ) จากคุณ : คนไม่สวยอยากเล่า เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 53 13:33:10

ความคิดเห็นที่ 6 เราว่า แบรนด์ดัง นี่คือแล้วแต่คนจะตีความนะคะ เมืองไทยมีหลายจังหวัด แต่ละจังหวัดก็มีแบรนด์ดังต่างกัน แต่ถ้าถามคนเมืองแบรนด์ดังก็อย่างในห้างCTW ,paragon ฯลฯ คือคนเมืองอาจจะมองว่าพวกAIIZ เป็นแบรนด์ธรรมดา แต่คน ตจว ก็มองว่ามีราคาอยู่ แล้วแต่คนจะตีอ่ะคะ เราว่า ทุกตัวมีแบรนด์หมดน่ะคะอยู่ที่คนอยากใส่ว่า จะมองว่ามันมีค่าในตัวมันเองหรือเปล่า อย่างเราเห็นบางคนใส่แบรนด์ทั้งตัวแต่ดูแล้วเค้าก้เหมือนใของก๊อป แต่อีกคน ใส่แบรนด์ธรรมดา แต่เหมือนเค้าใส่ของหมื่นอัพตอลดเลย อยู่ที่คนใส่และการมองคุณค่า น่ะคะ การเลือกใส่ การเลือกวางว่า ชุดนี้ควรอยู่ตรงไหนจะสวย ต่อให้แพงแค่ไหน แบรนด์ดังแค่ไหน คนใส่ใส่ไม่เป็น ไม่ได้เข้ากับตัวเอง มันก็ดูโลว์ได้ค่ะ สำหรับเราแบรนด์ดัง ก็เยอะอ่าคะ ไม่มีแบรนด์แต่เราชอบ เราก็คิดว่าดังน่ะคะ เหมือนรองเท้าเตะ JJ ที่คู่ละ39 ไม่ได้แบรนด์อะไรเลยแต่คนใส่กันทั้งประเทศ แบบนี้เรียกว่าดังไหมคะ จากคุณ : CRuCiO_FivE เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 53 13:36:59

ความคิดเห็นที่ 7 จขกท หนีไปนอนซะแร้ว ขอตอบหน่อยละกันนะคะ เป็นคนไม่ค่อยติดแบรนด์เท่าไหร่ เสื้อผ้าที่ใส่ ก็ ธรรมดา คิดว่า ถ้าเป็นแบรนด์ดัง (ในความคิดของตัวเอง ) ก็คงสวยเนี๊ยบ และค่อนข้างดูดีมาก ๆ การตัดเย็บ เนื้อผ้า สุดท้ายคงเป็นราคานั่นเอง ที่คิดว่าเป็นแบรนด์ดัง สมัยตอนยังไม่ได้ทำงานคุณแม่ซื้ออะไรให้ใส่ก็ถือว่าแบรนด์ดังหมด หุ หุ เพราะไม่ใส่ใจจริงจังมั้งคะ อีกอย่าง หาเงินเองไม่ได้ ยี่ห้ออะไร ก็ดีหมด ถือ ว่า แบรนด์ดังหมดอ่ะ พอตอนนี้แก่ประมาณนึง(กลางคนแล้วหละ) ก็คิดว่า น่าจะเป็นพวก pucci LV  armarni Gucci และอื่นๆ จริงๆ คนที่มีเงินจริงๆ(ที่รู้จัก) มักจะเป็นคนที่ฉลาดเลือก ไม่ได้เลือกที่ยี่ห้ออย่างเดียวค่ะ น่าจะเป็นพวกฉลาดเลือก หุ หุ ยี่ห้อ ก็ส่วนนึง แต่ต้องไม่เวอร์เกินไปค่ะ เราเอง ก็เป็นคนมีรายได้ประมาณนึง ไม่ใส่ใจยี่ห้อเลยค่ะ ถ้าไปงานหรูหราหรือว่ามีระดับจริงๆ ก็ ตัดเอา ไม่แพงมาก แต่ดูดีค่ะ ไปทั้งอเมริกา และอังกฤษมา ..และอีกหลายๆประเทศ หลายๆห้าง จำยี่ห้อไม่ได้หรอก รู้แต่ว่า เสื้อตัวละหมื่นสองหมื่น ... มีปัญญา แต่ไม่คิดจะซื้อเลย ...............ซื้อเสื้อผ้า ไม่กี่บาทใส่ เอาเงินไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ลงทุนแล้ว หุ หุ เอ๊ะ ว่าแต่ว่า ไม่ค่อยเกี่ยวกับคำถามเจ้าของกระทู้เท่าไหร่น้อ คิดแต่ว่า เสื้อผ้าจะดูดี ไม้แขวนก็ต้องดูดีด้วยถึงจะไปด้วยกัน แต่ไม้แขวนดีๆ ก็ทำให้เสื้อผ้าธรรมดาดูดีได้ค่ะ จากคุณ : หัวใจนักท่องเที่ยว เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 53 13:47:51

ความคิดเห็นที่ 8 คนแต่ละกลุ่มก็มีแบรนด์ในใจต่างกันไปนะคะ อย่างเราคิดว่า longchamp เป็นแบรนด์ธรรมดา  ราคาสามัญ เอาไว้ลากๆ  เวลาไปต่างจังหวัด  ไปไหนๆที่ไม่ต้องระวัง   เบาดี  ใส่ของได้เยอะ  สกปรกก็โยนลงเครื่องซักผ้า แต่น้องๆในพันทิบนี้บางคนก็เก็บเงินกันนานกว่าจะซื้อได้สักใบ เพื่อนเรา longchamp มีไว้ใช้ใส่กระเป๋าแบรนด์ของเขาเวลาฝนตก คือพอฝนตก  เขาจะหยิบlongchamp มากาง  หย่อนกระเป๋าชาแนลลงไป (ใช้แทนถุงก๊อบแก๊บเพื่อกันกระเป๋าเปียกนั่นเอง) จากคุณ : na na' เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 53 14:11:17

ความคิดเห็นที่ 9 โดยส่วนใหญ่ สำหรับบ้านเรา คิดว่า หลักๆ น่าจะเป็นเรื่องราคานะค่ะ ที่มันจะเป็นแบรนด์หรูๆ ดังๆ และเฉพาะหากว่า มันอยู่ในห้างหรูๆ อย่างเช่น เซ็นทรัลเวิลด์(ซึ่งโดนเผาไปแล้ว) พารากอน เอ็มโพเรียม เกสร เป็นต้น เนื่องด้วย หากยี่ห้อไหนที่จะเข้าไปอยู่ในห้างเหล่านี้ จะต้องสามารถสู้กับค่าเช่าสถานที่ ซึ่งราคาสูงมากๆได้ ฉะนั้น หากเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้าราคาแบบบ้านๆ คงจะเข้าไปอยู่ในนั้นไม่ได้เป็นแน่ ยิ่งเนื้อที่มาก ค่าใช้จ่ายยิ่งมากตามไปด้วย และพอมียี่ห้อไหนอยู่ในห้างเหล่านี้ คนที่ฐานะดีๆ ก้อมักจะเดินเข้าออกช้อปปิ้งกันให้ควัก เชื่อว่า บางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่า มันดี ดังจริงๆ รึป่าว ตามแฟชั่น ตามราคาไว้ก่อน สามารถเอามาอวดเพื่อนฝูงกันได้ ว่าช่านใส่ยี่ห้อนี้นั้น เพียงแต่ว่า คนบางคน สามารถใส่เสื้อผ้าราคาธรรมดาให้ดูราคาสูงได้ แต่ คนบางคน ใส่ราคาสูงๆให้กลายเป็นแบบบ้านๆได้ ขึ้นอยู่กับการแมทต์เสื้อผ้า หน้าผมของแต่ละคนนั้นเอง แต่จริงแล้ว ของดีๆ ราคาย่อมสูงแน่นอน แบรนด์ดังๆ หากได้จับเนื้อผ้าดูจะรู้ว่า การเย็บ แพทเทริน เนื้อผ้า และการใช้งานต่างๆ ทนเอามากๆนั้นเอง เรียกได้ว่า ซื้อกระเป๋านึงใบใช้ได้ตั้งแต่สาวยันแก่เลย ดังนั้น สรุปได้ว่า มันขึ้นอยู่กับ มุมมองของคนแต่ละคนด้วยค่ะ จากคุณ : สาวเกาหลี เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 53 14:57:48

ความคิดเห็นที่ 10 ส่วนตัวเราว่าแบรนด์ไม่แบรนด์อยู่ที่ไม้แขวนค่ะ เคยเจอนะค่ะใส่เสื้อแบรนด์แต่คนทักว่า เสื้ออะไรหน้าตาเหมือนผ้าขี้ริ้วเย็บต่อกัน T_T" แต่พอใส่เสื้อแบบตัวละ 150 มีแต่คนทักว่าสวย ดูดี ไฮโซ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เรื่องการตัดเย็บความทนแบรนด์ชนะเลิศค่ะ คือ ไม่ได้ว่านะออกตัวก่อน พวกแพลตตินั่มซักไปสักพัก ย้วย รุ่ย ไม่เกิน 1 ปีก็ต้องทิ้งในขนาดแบรนด์ซักไปใส่ไป 4-5 ปีมันยังอยู่เลย เราเลยชอบลงทุนกับพวกแบรนด์มากกว่าอ่ะค่ะ อารมณ์เหมือนรองเท้าคู่ละ 199 กับ 1000 อัพอ่ะค่ะ จากคุณ : ล่องลอยในความฝัน เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 53 15:04:43

ความคิดเห็นที่ 11 ถ้าเอาคำว่า"แบรนด์ดัง"คือ"ความดัง"มาเป็นตัววัดคงจะชี้ลำบากค่ะเพราะมันปัจเจกมาก ถ้ามีคนบอกว่าแกปดัง เราก็คงต้องเถียงว่ามันไม่ได้ดัง เพราะยังเฉพาะกลุ่ม ถ้าเรียกว่าเป็น Brand Value อาจจะวัดง่ายกว่า ก็มีตัวแปรหลายๆอย่าง ความจงรักภักดีของลูกค้า,โพสิชั่นนิ่ง,การจดจำสํญลักษณ์ทางการค้า ฯลฯ สำหรับเราคนไทยบางส่วนยังยึดติดกับแบรนด์อยู่ค่ะ ใส่แบรนด์แล้วดูดีมีชาติตระกูล ส่วนเมกา เราเคยอยู่แต่บ้านนอก ไม่เห็นว่าเมกันจะให้ความสำคัญกับแฟชั่นเลย แต่งตัวเชยมากๆ เหมือนแต่งเพื่อเอาชีวิตรอด(ขนาดนั้น ๕๕) ดูเค้าสนใจฟังก์ชั่น(เนื้อผ้า,การตัดเย็บ,ความคงทน)มากกว่าชื่อเสียงของแบรนด์ ส่วนแบรนด์ที่มีระดับของไทยคืออะไร อันนี้คุณต้องตอบตัวคุณเองค่ะ คุณมองว่าแบรนด์ไหนมีระดับก็แบรนด์นั้นละ เพราะคุณคือคนไทย จากคุณ : หนูคิสเซอร์วิส (KissAhoLicGal) เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 53 16:21:40

ความคิดเห็นที่ 12 hi end จริงๆ ก็พวก เสื้อผ้า ของ louis dior balen hermes etc. ราคาก็หลักหมื่น-แสน คิดว่าจะมีคนไทยซื้อมั้ยค่ะ? เคยซื้อโค้ช ก็หลายหมื่นอยู่ เมืองไทยก็มีคนซื้ออยู่นะคะ ไม่ใช่ว่าจะขายไม่ได้เลย คนฐานะดีๆกรุงเทพนี่เยอะมากกว่าที่คิดอีกนะคะ ส่วนbrand ที่ จขกท ยกตัวอย่าง มันคือ hi street ลูกค้าระดับ บน กลาง ล่าง ก็ซื้อใส่ได้หมด อย่าว่าอย่างโน้นอย่างนี้เลยนะ ยี่ห้อ Pena House กับ AIIZ เราไม่ซื้อใส่เลยอ่ะ มันเหมือนเสื้อผ้าโหล ราคากับคุณภาพสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง ลองไปดูโรงงานตรง rcaสิ มีลดราคา เหลือตัวไม่ถึงร้อย ก็มี    การตัดเย็บก็เดินด้ายแค่เส้นเดียว ขาดหน่อยก็รันจนหมด จากคุณ : น้ำตาลเปรี้ยว vs มะนาวหวาน เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 53 18:11:27

ความคิดเห็นที่ 13 ในความคิดเรา แบรนด์ดังแบ่งเป็นสองแบบหลักๆอ่าค่ะ คือ อยู่ในกลุ่มยี่ห้อที่แพงไฮเอนด์ กับยี่ห้อที่มีคนนิยมมากๆแต่เป็นระดับสรีทถึงไฮสรีท แต่ว่า แต่ละคนก็มีมาตรวัดความแพงต่างกัน ของอย่างเดียวกัน คนนึงบอกถูก แต่อีกคนอาจจะบอกว่ามันแพงมากก็ได้นะ ของแพงมีแบรนด์ มักจะทน คุณภาพดี และไม่โหล แต่ไม่ได้แปลว่าจะใส่แล้วจะสวยดูไฮโซกันได้ทุกคนค่ะ ต้องมีการแต่งตัวให้ดูมีรสนิยมด้วย ไม่ใช่โปะแบรนด์ตั้งแต่หัวจรดเท้าแต่ไม่ได้เข้ากันเลย จะกลายเป็นไฮคลาสแต่โลว์เทสค่ะ อีกอย่างคือ คนหน้าตาดีหุ่นดี ก็มักจะใส่อะไรแล้วดูดีเป็นธรรมดา ทั้งที่จริงๆแล้ว ของที่ใส่อาจจะไม่มียี่ห้ออะไรเลยก็ได้นะคะ ดังนั้นถ้าถามเราตอนนี้ให้ยกตัวอย่างแบรนด์ดัง ก็เช่น LVเพราะใครๆก็รู้จัก แต่Longchampก็ดังเพราะใครๆก็หิ้ว ประมาณนี้ค่ะ จากคุณ : devilyee เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 53 19:15:34

ความคิดเห็นที่ 14 1."เสื้อผ้าอะไรที่เรียกว่าเสื้อผ้า แบรนด์ดังในสายตาคนที่อยู่เมืองไทย" ถ้าเอาในสายตาคนไทยจริงๆ(ไม่ใช่เฉพาะชาวห้องแป้ง) ตู่จะตอบว่า ...พวกเสื้อแพงๆนั่นแหละครับ แบรนด์ฝรั่งทั้งหลายแหล่ ราคาตัวละ 1000up ตู่ว่านี่คือราคาสำหรับเสื้อตัวนึงที่ "แพง" สำหรับคนทั่วๆไปน่ะครับ แล้วแบรนด์ไหนบ้างล่ะที่ขายเสื้อในราคาระดับนี้ได้บ้าง ...นั่นแหละครับ แบรนด์ดังในสายตาคนไทย 2."ในสายตาที่เรียกว่าแบรนด์ๆ ดังๆ  วัดกันตรงไหนเหรอค่ะ" ราคา...ใช่ครับ   ฝีมือการเย็บ...ใช่ครับ   มาจากห้างชั้นนำ...ไม่เสมอไปครับ   นิยมใส่กัน...ไม่ใช่อย่างแน่นอนครับ 3."ที่เลือกใส่ที่เรียกว่าแบรนด์ดังเพราะอะไรค่ะ ?" ตู่จะชอบของแบรนด์ดังเฉพาะกางเกงกับรองเท้าครับ เพราะสองอย่างนี้ซื้อทีเดียวใช้ได้นาน ทนสมราคา แต่ถ้าเสื้อมันต้องเปลี่ยนทุกวัน ซื้อถูกๆหลายๆตัวดีกว่า เสื้อตลาดนัดสวยๆมีเยอะแยะ 4."ยกตัวอย่างที่เรียกว่าแบรนด์ดังมีระดับให้ด้วยค่ะ" สำหรับตู่เลือก Nike กับ Puma ครับ แต่ถ้าคนอื่นๆก็คง LV Hermes อะไรพวกนี้ครับ 5."การใส่เสื้อผ้าแบรนด์ดังทำให้ดูดีขึ้น ในสายตาคนอื่นด้วยใช่ไหมค่ะ (ในเมืองไทย)" แล้วแต่กลุ่มสังคมครับ บางคนใส่แบรนด์เดียวหัวจรดเท้า ก็คิดว่าเค้าดูดีแล้ว แต่ถ้าบางคนมอง อาจจะคิดว่า "ยัยข้างบนนี่ ได้ค่าสปอนเซอร์รึไง ใส่ซะขนาดนี้ แต่งตัวไม่เป็นเลยใช่มั้ยนี่ ถึงต้อง one stop service แบบนี้ คือถ้ากลุ่มไฮโซจริงๆ เค้าก็คงคลั่งใคล้กับแบรนด์ดังเหล่านี้..ถ้าจับมาใส่เสื้อตลาดนัดถูกๆ อาจจะมีุดูถูกนินทาอีกเยอะ ถ้าต้องใส่อาจคันตายได้ แต่ถ้ามุมมองคนที่ไม่เล่นแบรนด์ดัง เค้าก็คงไม่เอาตังค์1000บาท ไปซื้อเสื้อเสื้อแค่ตัวเดียวแน่ๆครับ...ตังค์เท่านี้ ซื้อเสื้อวินเทจสวยๆใส่ได้คุ้มกว่ากันเยอะ สำหรับตู่ เฉยๆกับคนใส่เสื้อแบรนด์ดังครับ บางคนใส่ซะเป็นเสื้อตลาดนัดก็มี ..แต่คนที่ใส่เสื้อถูกๆแล้วดูดี mix&match ได้ ตู่จะชื่นชมเค้ามากเลยครับ จากคุณ : นายแบบเขมร เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 53 21:33:41

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณแต่ละท่านที่ตั้งใจตอบคำถามของมายด์มากๆ เลยนะคะ  ทำให้ได้ข้อคิด ได้มุมมอง ที่แตกต่างของแต่ละท่าน อยากโหวตให้กระทู้จริงๆ จะได้มีคนมาอ่านความคิดดีๆ แบบนี้นะคะ  (แต่ไม่เคยโหวตให้กระทู้ตัวเองจริงๆ อิอิ ) เลยเก็บไว้อ่านเป็นข้อคิด ข้อแนะนำดีๆ น้องตู่  ขอบคุณมากๆ นะจ๊ะ สำหรับข้อคิดดีๆ  ตอบได้ตรงจุด ตรงเป็นประเด็นละเอียดมากๆ  เป็นขวัญใจของพี่มายด์ไปแล้วนะเนี่ย อิอิ ความจริงพี่มายด์คนหนึ่งแหล่ะชื่นชมบางคนที่มา DUC สวยๆ ให้ดู แถมราคาไม่แพง เสื้อผ้าบางตัวไม่ Hi end, Hi street อะไร ตลาดนัดธรรมดา พอแต่งออกมารวมกัน ดีดูเชียว devilyee   อืม  เห็นด้วยค่ะ ที่มุมมองในการมองแบรนด์ (ให้คุณค่าแต่ละคนต่างกันนะคะ)  เห็นด้วยที่สุดตรงที่คนสวยใส่อะไรก็สวยนี่แหล่ะค่ะ อิอิ น้ำตาลเปรี้ยว vs มะนาวหวาน  ได้ศัพท์ใหม่คำว่า Hi street, Hi end กลับไปด้วย ขอบคุณนะคะที่มาแบ่งปันมุมมองดีๆ  มายด์ว่าที่เมืองไทยซื้อ Hi end ก็เยอะนะคะ ยิ่งในกรุงเทพฯ ที่นั่นการแต่งตัวดูดี เรียกว่าแทบจะแข่งกันแต่งทีเดียว (อันนี้ตามมุมมองคนต่างจังหวัดนะคะ) KissAhoLicGal  ที่มายด์ขอความเห็นในมุมมองของคนไทยในประเทศไทย  เพราะคนไทยในต่างแดนมีมุมมองในเรื่องแบรนด์ก็ต่างกันนะคะ  บางกลุ่มคนเป็นนักเรียนไทยมาเรียนต่างแดน  ก็แบ่งเป็นนักเรียนทุน (อันนี้ดิ้นรนเรียนหนัก ได้ทุนมาบางคนมาจากฐานะรวย ปานกลาง ถึงจน)  เสื้อผ้าที่เลือกใส่ก็อะไรก็ได้ ซื้อตามตลาด Yard sale ยังมีค่ะ  แต่นักเรียนบางกลุ่มมาจากคนรวย (พ่อแม่ส่งมาให้เรียนไม่ต้องกู้ยืมที่ไหน) แต่งตัวแบบ hi end  กันเลยทีเดียว     ถ้ามองในมุมของมายด์ที่ต้องอยู่ที่นี่เป็นการถาวร  มุมมองในเรื่องการแต่งกายก็อาจจะต่างไป สำหรับมายด์เองเลือกเสื้อผ้าที่คิดว่าดูดีสำหรับตัวมายด์เอง     แต่ที่เปิดประเด็นที่ให้คุยถึงมุมมองแบรนด์ดังในสายตาคนไทยที่อยู่เมืองไทย เพื่อจะเปิดมุมมองตัวเองในการให้คุณค่าของแบรนด์ในความคิดของแต่ละคนนะคะ   ล่องลอยในความฝัน  เห็นด้วยกับเรื่องไม้แขวนค่ะ  เสื้อผ้าที่แพลตตินั่มเป็นพวกยกโหล (ใช้คำนี้คงไม่แรงไปนะคะ)  มายด์ก็ซื้อมาใส่เหมือนกัน เจอเครื่องปั่นที่นี่ ครั้งสองครั้งหด ขาด เอาไปบริจาคหมดแล้วค่ะ  เสื้อผ้าที่นี่จะ hi end , hi street, street  มีข้อดีอย่างหนึ่งคือ ไม่ยืด ไม่หด ไม่ขาดง่าย ทนมากๆ (ข้อนี้ยอมรับค่ะ) สาวเกาหลี ขอบคุณทีเจนะจ๊ะ น่ารักจริงเชียวที่มาแบ่งปันมุมมองนะจ๊ะ  อืมๆๆ  อยู่ที่มุมมองแต่ละคนจริงๆ นะคะ มายด์อยากเป็นประเภทใส่เสื้อผ้าที่ถูกๆ แล้วยังดูดีจัง อิอิ   na na'  ยอมรับว่า Longchamp มีคนพูดถึงเยอะมากจริงๆ  มายด์ก็ไม่รู้จักแบรนด์นี้เป็นการส่วนตัวนะคะ เพราะมาอยู่ที่นี่ได้เกือบสองปีก็ (แทบจะ) ไม่เห็นคนที่นี่ถือแบรนด์นี้กันนะคะ หัวใจนักท่องเที่ยว  มายด์ตื่นมาอ่านแล้วมาแจกกิ๊ฟแล้วค้า  ขอบคุณมากๆ นะคะ  (ตื่นสายนิดหน่อย เพราะยังไม่ค่อยสบาย แต่ใกล้หายแล้วนะคะ)  มีแต่คนพูดถึงไม้แขวน  อ๊ายยยย เครียด  ขอไปลดพุง ลดต้นขาของไม้แขวนก่อนนะคะ  เพื่อจะเป็นไม้แขวนที่ดีให้ได้ค่ะ  ขอบคุณสำหรับมุมมองดีๆ นะคะ  สงสัยเราวัยเดียวกัน แหะๆๆ CRuCiO_FivE   สงสัยมายด์ต้องเริ่มไปปฏิวัติตัวเอง ในการใส่ให้ Mix & Match  จากที่ Mix & ไม่ Match เอาเสียเลย มีแบรนด์แต่ใส่ออกมาแล้วดูแย่นะคะ แหะๆๆ  ขอบคุณสำหรับความคิดดีๆ ที่มาแบ่งปันนะจ๊ะ ก่อนจากไหว้งามๆ ขอบคุณอีกทีค่ะ จากคุณ : คนไม่สวยอยากเล่า เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 53 23:23:18

ความคิดเห็นที่ 16 longchamp ในเมกาที่เราเห็นคนถือเยอะๆก็คือเด็กมหาลัยค่ะ เด็กฝรั่งผมบลอนด์น่ะค่ะ  ถือกันเยอะมาก เพราะมันขนหนังสือได้เยอะ  และยังดู lady อยู่ เป็นแบรนด์ที่อยู่ใน saks 5th ave. กับ neiman marcus ค่ะ ขอค้านนะคะ   เด็กที่ไม่ได้ทุนไปเรียน  ไม่ใช่ว่ารวยเสมอไปนะคะ เรา  และน้องๆอีกหลายคนในมหาลัยเดียวกัน  ไม่ขอทุนมา แต่ใช้วิธีเรียนไป  ทำงานสอนในมหาลัยไป  รายได้พออยู่ได้ ก็เก็บตังค์ซื้อของhi-end กันได้บ้าง  เพราะถ้าเลือกซื้อได้ถูกเวลาสถานที่   ราคาก็ถูกเกือบเท่าที่ซื้อของhi-street เลยทีเดียว ยกตัวอย่างง่ายๆ แว่นกันแดด guess เดี๋ยวนี้ราคา $50-$75 แต่ถ้าคุณซื้อแว่นกันแดด YSL หรือ gucci ที่ nodstrom rack, neiman lastcall คุณก็จะซื้อมันได้ในราคา $75-$100 เองค่ะ จากคุณ : na na' เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 53 00:39:16

ความคิดเห็นที่ 17 na na'   ขอบคุณนะคะ ที่มาบอกความคิดเห็นเพิ่มเติมนะคะ  มายด์ไม่ได้เดินในมหาวิทยาลัย  เกินวัยแล้ว อีกอย่างให้เรียนต่อเอกคงไม่เอาแล้ว แหะๆๆ  (ก็คงเลยไม่เห็นคนถือ Longchamp นะคะ)  ร้านที่ชื่อ saks 5th ave. กับ neiman marcus    มายด์ก็ยังไม่ได้เดิน (อยู่แถวไหนหว่า??  ต้องขอโทษด้วยนะคะ มายด์เคยเดินแค่ Outlet, Target, Wall mart, TJ Max, Nodstrom ทั้งที่ Rack และไม่ Rack , JC Penny, Macy, Kohl's, รวมทั้งร้านต่างๆ ที่อยู่ใน Mall ใหญ่ที่รวมกัน แต่ยังไม่เคยเดินสองร้านที่คุณบอกมา  มายด์ยังมีความรู้เรื่องห้างร้านยังไม่ดีพอนะคะ) ขอโทษที่เหมารวมเรื่องเด็กที่ไม่ได้ทุนมาเรียนนะคะ  คือ มายด์เจอแต่นักศึกษาไทยที่รวยถึงรวยมากๆ (ย่านแคลิฟอเนีย)  เลยชินที่เห็นเด็กที่มาจากเมืองไทยที่มาด้วยทุนพ่อแม่ ที่รวยขับรถเบ๊นซ์ พ่อแม่ซื้อคอนโดให้อยู่  ซื้อเสื้อผ้าแบรนด์ Hi end ใส่นาฬิกา Rolex   เห็นจนเป็นเรื่องชินตา  ต้องขอโทษอย่างมาก นักศึกษาที่มาด้วยทุนตัวเอง และพยายามหาทุนเอง ทำงานเอง มายด์ยอมรับนับถือกลุ่มนี้นะคะ จากคุณ : คนไม่สวยอยากเล่า เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 53 01:24:05

ความคิดเห็นที่ 18 อ่านกระทู้นี้เสร็จตาลายมากๆ ได้ความคิดเห็นที่แตกต่างกันออกไปดีคะ เก็บเข้าคลังสมอง(อันน้อยนิด)ไปแล้วนะคะ จากคุณ : hikaruki เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 53 08:00:28

ความคิดเห็นที่ 19 ผมว่าที่อเมริกาเนี่ยแบรนด์ต่างๆที่ถือว่าเป็นแบรนด์ดังในไทย เช่น Converse Forever21 ,GAP หรือต่อให้เป็นแบรนด์ยุโรปที่ไปเปิดในอเมริกาด้วยเช่น Zara ก็ตาม ผมว่าในอเมริกาถือเป็นแบรนด์ทั่วไป ในขณะที่คนไทยถือว่าเป็นแบรนด์ดังเนื่องจากที่อเมริกา ค่าครองชีพหรือรายได้ของคนทั่วไป สัมพันธ์กับราคาสินค้าต่างๆ ยกตัวอย่างคนอเมริกันทั่วไปที่อาจไม่ได้เรียนจบ อาจจะทำงานตามร้่านเสื้อผ้าธรรมดา ก็ได้เงินรวมๆทั้งเดือนอย่างน้อย 2000$ ในขณะที่เสื้อเชิ๊ต Zara ราคาตกประมาณ 40-50$  ไม่นับตอนเซลล์ ซึ่งผมเคยซื้อได้แบบตัวสวยๆ ไม่ต้องเหลือแต่แบบกากๆให้ช๊อปเหมือนในไทยตอนเซลล์ด้วย บางทีเหลือตัวละ 10$ เทียบง่ายๆเลย เงิน 2000$ ซื้อได้ 40 ตัว ในขณะที่คนไทย ผมต่อให้เป็นคนเรียนได้ปริญญามาด้วย เข้าทำงานใหม่ๆ เฉลี่ยๆได้เงินเริ่มต้นประมาณ 20000 (ไม่รู้เยอะไปรึเปล่าด้วย) เสื้อ Zara ในไทยตัวละ 1500-2000 มั้งถ่าจำไม่ผิด เทียบแล้วซื้อได้ 10 ตัว  พอจะเห็นความต่างมั้ยครับ ยกตัวอย่างที่เห็นชัดๆเลยให้อีกอัน คือกาแฟ Starbuck ซึ่งราคาต่อแก้วเทียบกันแล้วเท่าๆกันเลย อเมริกาประมาณ 3$ ไทยประมาณ 120 บาท แต่ถามว่่าเวลาผมกินในไทยกับ อเมริกาแล้วมันความรู้สึกต่างกันเยอะมาก  ตอนอยู่อเมริกาผมกินมันเป็นเรื่องปรกติ(ที่นั่นถือเป็นร้านกาแฟที่ทั่วไปมากๆ สาขาเยอะมากๆ และร้านอื่นๆก็ราคาประมาณนี้) แต่พออยู่ในไทยเวลาจะสั่งกินแต่ละทีแล้วรู้สึกแปลกๆ เพราะชอบคิดว่ากาแฟนี่มันเอาเงินไปกินข้าได้ตั้งสาม สี่จานเลยนะ ในขณะที่ในอเมริกา เงิน3$ เอาไปสั่งข้าวกินยังไม่ได้เลย ยกเว้นคุณจะไปกิน Doublw Cheese Burger ใน Mcdonald ชิ้นละ 1$ คงจะพอเห็นภาพกันนะครับ ผมสรุปของผมเองว่ามันขึ้นกับค่าครองชีพของประเทศนั้้นๆครับ ว่ามันสัมพันธ์กับราคาสินค้ารึเปล่า จากคุณ : milanestar เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 53 00:29:04