ความคิดเห็นที่ 1 4711 ค่ะ หอมและเย็นนนมาก จำได้ว่า ตอนเด็กๆ ชอบไปนั่งเล่นที่โต๊ะเครื่องแป้งคุณยายค่ะ  มีขวด 4711 นี่แหละ  เอามาทาเล่นเลย มันเย็นดีค่ะ  หอมด้วย  แบบว่า เราไม่รู้นะคะ คือ เด็กน่ะค่ะ  เอาเทใส่น้ำในขันเลย แล้วเอาผ้ามาชุบ โปะๆๆๆ ตัวเวลาร้อนๆ อิอิ จากคุณ : kaoim เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 06:37:56

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้าอ่านเรื่อง "เมื่อคุณตา คุณยายยังเด็ก" จะได้ความรู้เรื่องสมัยแม่พลอย เพิ่มขึ้นด้วยค่ะ เท่าที่พอจะทราบนะค่ะ...   น้ำหอมไทยสมัยโบราณ หรือเขาเรียกกันว่า "น้ำอบ น้ำปรุง แป้งร่ำ" พวกเนี๊ย..ถ้าเป็นน้ำปรุงจากดอกไม้สด ก็จะมีพวกกุหลาบสีแดงกลิ่นหอม สกัดเอาทั้งสีและกลิ่น ถ้าเป็นพันธุ์ไม่มีกลิ่นก็จะเอาสีอย่างเดียว  ดอกมะลิ , ดอกการะเวก , ดอกปีบ,ดอกกระดังงา, ดอกราชาวดี,ดอกพิกุล,ดอกลำเจียก ดอกจันทน์กะพ้อ อันนี้หายากคะ ออกดอกปีละครั้ง..  หลังจากนั้นเมื่อนำดอกไม้เหล่านี้มาผ่านกระบวนการความร้อนที่สกัดเอาความหอมของมันแล้ว(แต่ละดอกไม้วิธีสกัดก็ไม่เหมือนกันอีก) บางอย่างต้องสกัดด้วยความร้อน บางอย่างต้องสกัดด้วยการแช่น้ำ แล้วนำมาผสมกับพวกพิมเสน ชะมดเช็ด ใบเตย ผิวมะกรูด..เป็นตัวนำให้กลิ่นกระจาย สรรพคุณตัวชะมดเช็ดเนี๊ย กลิ่นจะแรงคล้าย กลิ่นไฮยาซีน ของชาวเปอร์เซีย(ชาวอาหรับพวกหนึ่ง อยู่แถบอิหร่าน) ตัวชะมดเช็ดของไทย มันมีต่อมหอมของมันอยู่ที่ขาหลัง มันจะเขาขาของมันเช็ดน้ำมันที่ออกมาจากต่อมบริเวณนั้น เช็ดเข้ากับ "ซี่กรงไม้" แล้วเราก็นำเอาซี่ไม้นั่นแหล่ะ มาสกัดแบบลนไฟ จะได้กลิ่นคาว ๆ ผสมส่วนอื่น เช่น ผิวมะกรูด หรืออะไรก็ว่ากันไป นี่คือสรรพคุณของมัน เคยซื้อ 15 ซีซี ราคาพันหก เพื่อเอามาทำยาหอม ตอนงานศพยายทวดเรา คุณยายเราก็เลยเอาสูตรตำรับของยายทวด มาทำเป็นของชำร่วยในงานศพ ทำประมาณ 1200 อันนะ ไม่พอ มีคนขอเพิ่ม...   ส่วนภาพ โอเดอ โคโลญจน์..4711 เนี๊ย เป็นตำนานเลยล่ะ คนไทยสมัยก่อนเรื่อยมาถึงรุ่นพ่อนะ ใครที่เดินทางต่างประเทศ หรือมีเพื่อนเป็นฝรั่งมังค่า(คำเรียกสมัยนนั้น) จะต้องได้โคโลญจน์ ตัวนี้มาเป็นของกำนัล..4711 มาจากเลขที่เมืองโคโลญจน์นั่นเอง .......................................................................... สมัยก่อนต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า..บรรยากาศ อุหภูมิไม่ร้อนเท่ายุคปัจจุบัน ดังนั้น แสงแดดในสมัยนั้นไม่แรงมากพอที่จะทำปฎิกิริยา กับน้ำปรุง น้ำอบ จนทำให้กลิ่นจางเร็ว พอตกกลางคืนอากาศก็เย็น เพราะบ้านเรือนไทยจะมีต้นไม้เยอะแยะ เมื่อสาว ๆ พรมน้ำอบ น้ำปรุงแต่ละครั้ง ความหอมมันส่งกลิ่นไปทั่ว กับอุณหภูมิความเย็นในยามค่ำคืน.. .แต่สมัยนี้แสงแดดมีผลต่อความเปลี่ยนแปลงของกลิ่นน้ำหอมอย่างฉับพลัน..บางกลิ่นไม่เหมาะกับหน้าหนาว หรือตอนกลางวัน ถ้าฉีดอาจจะเวียนหัวกันก็เป็นได้ จากคุณ : มาดามพันชั่ง เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 06:50:39

ความคิดเห็นที่ 3 ดังนั้น สรุป..กลิ่นน้ำหอมในสมัยก่อน เป็นพวกกลิ่นดอกไม้ เย็น ๆ เพราะมีส่วนผสม ชะมดเช็ด พิมเสน ใบเตย ผิวมะกรูด เหล่านี้ จึงทำให้น้ำอบ น้ำปรุงในสมัยก่อน เย็นชื่นใจสำหรับคนในยุคนั้นค่ะ ภาพนี้เป็น : ขวดสวยๆ ที่มีแก้วสลักติด นั่นคือ "หัวน้ำหอมของชาวเปอร์เซีย" เป็นกลิ่นไฮยาซีน เก็บไว้ในกล่องกำมะหยี่นาน ๆ ขนติด ไม่ค่อยได้ใช้ ซื้อมาจากอิหร่าน ขวดแก้ว ฝาทอง เป็น "น้ำมันหอมสูตรพระนางคลีโอพัตรา" ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์เลย เป็นน้ำมันสีอำพัน ผสมกับหัวเชื้อสัตว์ชนิดหนึ่งของชาวเบดูอินเช่นกัน ซื้อที่อียิปต์ จริง ๆ ช่วง 4711 จะมี Farina Eau de Cologne  เป็นกลิ่นส้ม มะนาวมีชื่อเสียงเช่นกัน  แต่คนไทยจะรู้จัก 4711 มากกว่า ..................................................... จากคุณ : มาดามพันชั่ง เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 07:32:35

ความคิดเห็นที่ 4 ใช้น้ำปรุงตาม คห.2-3 อธิบายเลยค่ะ ต้นตำรับเดี๋ยวนี้ที่ยังมีอยู่คือของวังวรดิศ มีทั้งหมด 7 กลิ่น คือ จันทร์กระพร้อ ลำเจียก มะลิ ดอกแก้ว ดอกปีบ ดอกกุหลาบ และดอกบัว ส่วนน้ำอบที่ขึ้นชื่อก็นางลอยนี่ล่ะค่ะ สูตรจากในวังขายมาเกือบร้อยปีแล้ว ^^ การผลิตน้ำอบนางลอยเริ่มต้นจากการต้มเปลือกชะลูดในน้ำ ต้มให้เดือดแล้วเคี่ยวจนน้ำที่ต้มออกสีเดียวกับสีชะลูดหรือสีเหลืองอ่อน ๆ ทิ้งไว้สักพักให้น้ำเย็นลงจึงนำมากรองให้สะอาดเพื่อใช้ในการอบต่อไป โดยเตรียมเครื่องหอมที่ใช้ในการอบให้พร้อมซึ่งมีส่วนผสมคือ น้ำตาลทรายแดง, กำยาน, ผิวมะกรูด, ไม้จันทร์หอมคลุกเคล้าเข้าด้วยกัน     นำน้ำต้มชะลูดที่เย็นแล้วมาใส่ในโถเคลือบ วางกระทวนไว้ตรงกลางโถ จากนั้นจึงนำตะครันไปเผาไฟให้ร้อนจนแดงจึงคีบขึ้นมาวางไว้ในฐานกระทวน แล้วรีบตักเครื่องหอมใส่ลงไปในตะครันที่กำลังร้อนอยู่ เครื่องหอมจะลุกเหมือนไฟขึ้นมา รีบปิดฝาโถให้สนิททันที อบแบบนี้ 8 รอบ จากนั้นรอบที่ 9 ให้อบด้วยเทียนหอมแทนเครื่องหอม ส่วนผสมสำหรับการปรุงขั้นสุดท้ายคือแป้งหอม การเตรียมแป้งหอมนั้นจะเริ่มตั้งแต่ การแช่แป้งหินในน้ำ แล้วนำขึ้นมาตากให้แห้งก่อนที่จะนำไปผสมกับเครื่องหอมต่าง ๆ เช่น ใบมะกรูด, พิมเสนบดละเอียดและหัวน้ำหอม นำส่วนผสมที่ได้ไปตากแดด อีกครั้งและนำมาบดให้ละเอียด น้ำอบที่ได้และทิ้งไว้จนตกตะกอนแล้วจะถูกนำไปใส่พิมเสนบดละเอียด คนจนละลายเข้าด้วยกัน จากนั้นจึงนำมาผสมกับแป้งหอมที่เตรียมไว้ โดยเทใส่ลงไปในผ้ากรอง แล้วแกว่งในน้ำอบให้แป้งค่อย ๆ ละลายผสมกับน้ำ แล้วก็นำมาบรรจุใส่ขวด, ปิดฝาและปิดสลากบอกยี่ห้อว่า “น้ำอบนางลอย” เป็นอันว่าเสร็จสิ้นกระบวนการทุกขั้นตอน อ่านเพิ่มเติมข้อมูลข้อมูลน้ำอบนางลอยได้ที่ http://www.homeandi.com/content/c1701.html แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 53 08:34:52 จากคุณ : ชิฟฟอนคาปูชิโน่ เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 08:29:35

ความคิดเห็นที่ 5 เอารูปน้ำปรุงของวังวรดิศมาให้ชมค่ะ ได้มาจากคุณป้า 2 กลิ่น จันทร์กระพ้อกับดอกปีบ ขวดเล็กๆหอมมากค่ะ จากคุณ : ดอกไม้ในสวนศรีี เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 09:36:11

ความคิดเห็นที่ 6 แต่เราไม่ถูกกับน้ำหอมเท่าไหร่ ได้กลิ่นนานๆแล้วจะเวียนหัวเลยไม่ค่อยได้ใช้เลยค่ะ เสียดายเหมือนกันนะเนี่ย จากคุณ : ดอกไม้ในสวนศรีี เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 09:40:10

ความคิดเห็นที่ 7 กระทู้นี้ได้กลิ่นน้ำอบ หอมร่ำๆ กลิ่นมาตามจินตนาการเลยค่ะ ^^ ยังจำหนังสือเมื่อคุณตาคุณยายยังเด็กได้อยู่นะคะ เล่มนี้อ่านบ่อยมาก จากคุณ : nadtha เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 13:21:23

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณทุกท่านที่มาช่วยชี้แจงแถลงไขค่ะ รู้แล้วหายข้องใจละ (เมื่อคืนนั่งหาข้อมูลเอง หาไปหามาจนดึกก็หาไม่เจอ) น้ำอบน้ำปรุงของบ้านเราส่วนใหญ่ดูเหมือนจะเน้นกลิ่นดอกไม้เนอะ น่าเสียดาย เราเป็นพวกใช้กลิ่นดอกไม้แล้วมึนๆ มีน้ำหอม เทวมนตรา ร้านภูฟ้า (ที่สมเด็จพระเทพฯ ท่านปรุงกลิ่น) ใส่นิดเดียวหอมติดตัวทั้งวัน เพื่อนก็บอกว่าหอม แต่เราได้กลิ่นทีไร มึนหัวทุกที เสียดายมากๆ จากคุณ : นะโอ เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 15:58:28

ความคิดเห็นที่ 9 เรารู้จักโอเดอโคโลญจน์ตอนที่พ่อใช้ให้ไปซื้อค่ะ แอบตกใจเลยนะ เพราะพ่อให้เราไปซื้อที่ร้านขายของแบบโชห่วยน่ะค่ะ ไม่นึกว่าจะมีขาย 555+ เราชอบกลิ่นนะคะ หอมดี ปกติเราไม่ค่อยชอบกลิ่นน้ำหอมเท่าไหร่เพราะเป็นภูมิแพ้ แต่อันนี้ดมแล้วไม่เป็นไรเลยค่ะ แอบขอเล่านิดนึง... เราเอาโอเดอโคโลญจน์ใส่ลงไปในน้ำที่ใช้รดศพพ่อด้วยค่ะ (บอกกะคุณมัคทายกวัดว่า พ่อชอบ) มีแต่คนชมว่า กลิ่นหอมดีจริงๆ อะไรแบบนี้น่ะค่ะ หลังจากนั้น 2 เดือน เรากลับมาจากไปตีแบดกะเพื่อน แม่ก็เล่าค่้ะ ว่าพ่อมาหาที่บ้าน เราถามว่าแม่รู้ได้ไง แม่บอกว่า แม่ได้กลิ่นน้ำหอมที่เราใส่ลงไปในน้ำที่ใช้รดศพพ่อน่ะค่ะ แอบน้อยใจพ่อนิดนึงที่ไม่ยอมมาตอนที่เราอยู่บ้านนะ... +++ จากคุณ : disordered เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 53 02:33:38