ความคิดเห็นที่ 1 2 aha กับ retina จะต้านฤทธิ์ กันเอง โดย aha จะทำให้ retina เสื่อมฤทธิ์ลง +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ มันเกิดจากการ คัดลอก ข้อความมาจากหนังสือของ Dr. Leslie Baumann ปี 2009 มาผิดๆครับ ข้อความเท่าที่จำได้คือ มันเป็นเรื่องของ pH ครับ ถ้ารออย่างน้อย 30 นาทีระหว่าง aha and retin-a จะไม่มีการขัดกันและได้รับผลของแต่ละอันอย่างเต็มประสิทธิภาพครับ ผมแนะนำ ให้หา hydroxy acids แบบ combo จะดีกว่า ซึ่ง พอลล่าจะไม่มีตรงนี้ ผมไปซื้อมาจากเว็บ activeserum ให้เขาทำตัวเลียนแบบของ http://www.ifeelprettyproducts.com/5b_10a.htm ลองใช้ดูแล้ว ......อืม แรงไปจริงๆ ใช้คู่กับเรตินเอไม่ไหว แหะ ขนาดเราว่าเราทนต่อเรตินเอแบบเทพแล้วนะ ฉะนั้น คุณควรจะเริ่มต้นจาก กรดอ่อนๆไปก่อนนะครับ ส่วนเรตินเอก็ 0.025% ครับ ถ้าจะลำดับการพัฒนาความทน ก็ใช้เรตินเออย่างเดียวไปก่อนครับ รอให้ทนต่อเรตินเอ ค่อยเริ่มกรดนะครับ แก้ไขเมื่อ 18 ก.ค. 53 18:10:20 จากคุณ : รักพ่อหนุ่มแรมโบ้ เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 53 18:08:02

ความคิดเห็นที่ 2 ผมคิดว่าจะใช้ retina 0.025% (เปอร์เซนต์ที่สูงกว่านี้ผลที่ได้ ก็ไม่ต่างกันมาก แถมระคายคืองเพิ่มขึ้น) คู่กับ aha ป้าพอลล่า8% ผมว่าเป็น aha ที่เปอร์เซนต์พอเหมาะไม่มากไม่น้อยเกินไป   แต่จะทาอะำไรก่อนหลังอะครับ จากคุณ : rojo เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 53 18:33:13

ความคิดเห็นที่ 3 aha อย่างแน่นอน มันเป็นเจลนี่ moisturizer นี่ผมแนะนำเป็นตัวพอลล่า barrier repair เพราะสูตรนี้ซ่อมหนังกำพร้าชั้นนอกสุดได้จริง คือเวลาเราใช้เรตินเอนานๆ หนังกำพร้าชั้นนอกสุดจะเสียสภาพไปเรื่อยๆ ทำให้เก็บกักความชื้นโดยธรรมชาติของผิวได้ไม่ดี ผมพบว่า สูตรของพอลล่านี่แกทำแบบสัดส่วนของแต่ละสารตามงานวิจัยเป๊ะๆเลย ซึ่งพอรู้หลังจากได้ใช้ไปพักนึงก็ปลื้มแบรนนี่เลยทันที แนะนำครับ ! แต่ถ้างบไม่ถึง ก็ลองเป็นพวกน้ำมันมาผสมเองก็ได้ แมคคาดาเมีย+โจโจ้บา+เมล้ดทานตะวัน 5:2:1 จากคุณ : รักพ่อหนุ่มแรมโบ้ เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 53 18:42:22

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณ คุณรักพ่อหนุ่มแรมโบ้ สูตรน้ำมัน แมคคาดาเมีย+โจโจ้บา+เมล้ดทานตะวัน5:2:1 มันจะมัน หรือ อุดตันป่าวครับ จากคุณ : rojo เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 53 18:52:47

ความคิดเห็นที่ 5 บอกไม่ได้ครับ*แต่ถ้ามีโจทย์ว่าให้หยิบน้ำมันจากพืชมาสามชนิด ผสมกันยังไงก็ต้องสูตรนี้ครับ สูตรแบบเป๊ะๆคือ mac 65% jojo 25% sun 10% ซื้อได้จากเว็บ buytopicalife ครับ ซืื้อขนาดเล็กๆนะ เดี๋ยวเหลือบาน ใช้ครั้งนึงนี่ ประมาณ 4-5 หยดทั้งหน้าเท่านั้นครับ * หมายความว่า ถึงมันจะ non-comedogenic แต่พูดไม่ได้ 100% หรอกครับว่าใช้แล้วจะไม่เกิดสิว ส่วนเรื่องสิวเสี่ยน jojoba นี่เขาใช้นวดเอาสิวเสี้ยนออกนะครับ ดังนั้นไว้ใจได้ แก้ไขเมื่อ 18 ก.ค. 53 18:59:41 จากคุณ : รักพ่อหนุ่มแรมโบ้ เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 53 18:55:16

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้า คุณ จขกท มาอ่าน ผมถามอย่างนึง คุณจะใช้กันแดดตัวไหนเหรอครับ จากคุณ : รักพ่อหนุ่มแรมโบ้ เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 53 19:05:32

ความคิดเห็นที่ 7 ผมใช้กันแดด La Roche-Posay Anthelios XL SPF 50+ Fluide Extreme มีppd สูงครับ กันuva ได้เยี่ยมเลย จากคุณ : rojo เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 53 20:09:02

ความคิดเห็นที่ 8 โอ้ว สุดยอดกันแดด ถ้าไม่ระคายเคืองจากกันแดด ก็ชิวเลย งานนี้ จากคุณ : รักพ่อหนุ่มแรมโบ้ เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 53 20:11:20

ความคิดเห็นที่ 9 แอบมาขออ่านค่ะ จขกท ถามได้ตรงใจเรามาก ส่วนคุณรักพ่อหนุ่มแรมโบ้ ก็ตอบได้ชัดเลยค่า เก็บเข้าคลังเรียบโร้ย จากคุณ : badfriday เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 53 20:47:03

ความคิดเห็นที่ 10 AHA  ที่ช่วยเรื่องของ anti aging ต้อง 30 % ขึ้นไปนี่ครับ ถ้า เปอร์เซนต์ต่ำๆทั่วไปในท้องตลาด คิดว่าได้แค่ผลัดเซลล์นิดๆ หน่อยๆ และช่วยบำรุงได้ ซึ่งเป็นที่มาว่าทำไมใช้เอเอชเอ แล้วมีสิวได้สำหรับคนที่ยังรักษาสิวไม่ดี  ผมมองว่าถ้า จขกท ต้องการใช้ทั้งสามตัวด้วยกันในเรื่องของ เรตินเอ เอเอชเอ และ วิตามินซี  วิธีนี้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจนะครับ   1.ทาวิตซีตอนเช้า เพราะว่ามันช่วยเสริมฤทธิ์ในการป้องกันรังสียูวี ส่วนใช้เท่าไหร่กี่เปอร์เซนต์ดี เห็นว่าถ้าเอาแต่ antiaging ก็ 5 % ครับ  ถ้าจะเอาใสๆ ขาวๆ ด้วยก็ 10 เปอร์เซนต์ ขึ้น เลยเป็นที่มาของวิตซีในยี่ห้อต่างๆ ว่าทำไมใช้ 6 %  บางยี่ห้อ 12% , 10.5%     http://emedicine.medscape.com/article/1068091-overview   http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/12823436   2.ทา retin A ก่อนนอน   3. ทำ AHA treatment 30% สัปดาห์ละครั้ง          เท่านี้น่าจะตอบโจทย์ของ จขกท ได้ดีกว่านะครับ ส่วนเรื่องข้อมูลที่ขัดแย้งกันจากการทำวิจัยเป็นเรื่องปกติครับ หลายๆครั้งวิจัยอวยตัวเองก็มีถมไป  แล้วงานวิจัยอ้างอิง แหล่งที่มา วารสารที่ตีพิมก็สำคัญนะครับเพราะมันมีความน่าเชื่อถือในตัวของมันเอง เป็นเหมือนการกลั่นกรองมาแล้วระดับนึง ที่สำคัญดูปีที่เค้าวิจัยกันด้วยนะครับ ระวังอ่านแล้วลืมดูว่าเป็นวิจัยโบราณมากเกิน วิจัยตั้งแต่เรายังไม่เกิดอะไรประมาณนี้        ส่วนงานวิจัยเรื่อง เอเอชเอ กะ เรตินเอ ทาพร้อมกันเป็นยังไง ยังไม่มีเวลามาศึกษาครับ ก็เลยแก้ด้วยการ ทามันคนละเวลาก็จบ  ยาสองตัวจะได้ไม่ต้องมาตีกัน   แต่ที่แน่ๆ เอเอชเอ ทาคู่เรตินเอ ระคายเคืองเพิ่มแน่ครับ และผมเป็นคนที่ผิวระคายเคืองง่าย ครับ เลยไม่เคยเอาสองตัวนี้มาชนกันซักที      เรื่องทาครีมเจล ซีรั่ม อะไรก่อนหลัง อันนี้ไม่เคยเห็น เอกสาร วารสาร ใดๆอ้างอิงนะครับ ถ้าใครมีแล้วจะกรุณา ก็ช่วยด้วยแล้วกันนะครับ  ครีม เจล ซีรั่ม ที่ดีมักจะถูกออกแบบในแนวทางที่พยายามจะซึมเข้าผิว แล้วปล่อย active ingredient หรือสารออก ฤทธิ์ ให้เข้าถึงผิวด้านในหรือ หนังแท้ มากที่สุด  ดังนั้นก็ตามสะดวก เค้ามักจะนิยม ทาซีรั่มก่อน แล้ว เจล แล้ว ครีม   สำหรับผม    1.ก็ดูว่า เราต้องการ active ingredient ไหนมากสุด ก็ทาตัวนั้นก่อน  ครับ เป็นผม ผมจะทา วิตเอ ก่อน รอแห้ง แล้วตามด้วย ตัวอื่น         2.  ถ้าเป็นพวก เอเอชเอ ผมทาแล้วมัน จะลอกๆหน่อยเป็นขี้ไคลบ้าง เนื่องจากผลของการผลัดเซลล์ผิว เลยชอบทาทีหลัง ครีมอื่นครับ  เหมือนกับให้ครีมอื่นมันเข้าไปก่อน  อันนี้แล้วแต่บุคคลครับ แล้วแต่เหตุผล ของแต่ละคน  ที่สำคัญ ไม่แพ้ ไม่ระคายเคือง ก็พอครับ    สำหรับวิตามินซี ตอนนี้เริ่มมีหลายค่าย แล้วนะครับ แต่ละค่ายก็อวยกันไปคนละแบบ อันนี้แล้วแต่นิยมครับ บางที ใช้ความเข้มข้นข้างต้นอาจไม่ตรงกับวิตซีบางชนิดนะครับ จากคุณ : ZUZU เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 53 08:26:42