ความคิดเห็นที่ 1 หายากคะ จากคุณ : บีแชยอง เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 53 22:16:08

ความคิดเห็นที่ 2 โห.. ว่าจะมาโพส พอมีคนมาบอกว่าหายากแล้วไม่กล้าโพสเลย กลัวกลายเป็นม้า แต่ว่า เอานะ ใช้วิจารณญานกันเองแล้วกันนะคะ เราอาจะเป็น 1 ในล้าน +_+ เราเคยกินตัวนึงนะ ไม่ใช่ลิโซ่ ตอนนั้นประมาณว่ากินชีสเยอะไปหน่อย น้ำหนักเลยขึ้นมาอย่างฉับพลัน 5 กิโล ในเวลา 2 สัปดาห์ ความรู้สึกตอนนั้นคือ อึดอัดตัวเองมาก เหมือนมันจุกไปหมด ก็เลยอยากลด พยายามลดอาหารเองแล้วน้ำหนักก็ไม่ลง อาจเพราะไม่ได้ออกกำลังกาย พอดีว่าอยู่ตัวคนเดียวอะคะ อยากไป แต่ก็กลัวอันตราย ก็เลยตัดสินใจซื้อตัวนึงมากิน ซึ่งก็ใช้เวลาสอบถามคนขายอยู่นานว่าจะเลือกตัวไหนให้เหมาะกับเรา สรุปว่า มันลดได้เร็วอย่างน่าตกใจมาก เรากินแค่ 6 วัน ลดไป 4 กิโล แล้วเราก็หยุด แล้วหันมาคุมอาหารแทน ตอนนี้หยุดยามาได้สัก 2 สัปดาห์แล้ว ยังไม่มีการโยโย่แต่อย่างใด เราก็กินตามปกติ แต่ไม่ตามใจปากอีกแล้ว เข็ด น้ำหนักยังคงที่เท่าตอนที่หยุดยาค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ แต่ถ้ามีทางเลือกที่ดีกว่า สวยแบบปลอดภัยได้ ก็ไม่แนะนำให้ใช้ยาเหมือนกันค่ะ จากคุณ : NongBua เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 53 22:33:10

ความคิดเห็นที่ 3 ส่วนตัวเราว่าเรื่องปรับพฤติกรรมการกิน เป็นเรื่องสำคัญมาก ในการลด นน.ค่ะ เราว่ามีส่วนนะ แต่ส่วนใหญ่ ที่เราเคยเจอ คือพอทานยาลดความอ้วนแล้ว ไม่หิว ก็ไม่ทานอะไรเลย หรือทานน้อยมากๆๆ ด้วยความที่อยาก นน.ลงเร็วไงคะ แต่พอหยุดยา มันก็โหยค่ะ เข้าปากๆๆๆ  นน.ก็ขึ้น เป็นเรื่องธรรมดา เราว่ามันใช่นะ ที่บอกว่า ไม่ว่าจะลด นน. ด้วยวิธีไหน แต่ถ้าไม่ปรับพฤติกรรม การกิน ยังไงมันก็กลับมาอ้วนเหมือนเดิมอ่ะค่ะ จากคุณ : Vi_วี่ เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 53 22:33:54

ความคิดเห็นที่ 4 เรา ลดน้ำหนักแบบไม่ทานยาค่ะ สี่เดือนลงไป 13 กิโล ตอนนี้ น้ำหนังคงที่ที่ 47-48 กิโล ต้องมีวินัยในการกินมาก ๆ คะ แล้ว ก็ต้องออกกำลังกายด้วย พลังงานที่กินเข้าไป ต้อง เท่าหรือน้อยกว่า พลังงานที่ใช้ในแต่ละวัน อาจจะทรมานช่วงแรก ๆ แต่ระยะยาว จะเป็นการปรับนิสัยการกินของเราด้วยอะคะ เราว่าใจเย็นๆ ค่อยๆ ปรับการกินและการออกกำลังกายดีกว่าค่ะ เพราะว่า ตอนนี้ น้ำหนักเราคงที่ มา แล้วสี่เดือน ถ้า ตอนไหน กินเยอะๆ น้ำหนักก็เด้ง ขึ้นเหมือนกัน ก็ ปรับ การกินให้สมดุลกับพลังงานที่ใช้ จะได้ผลระยะยาวมากที่สุดค่ะ จากคุณ : กระต่ายน้อยในป่าใหญ่ เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 53 22:51:19

ความคิดเห็นที่ 5 อยากทานเหมือนกัน แต่คนรอบข้างเตือนว่าโยโย่จริงๆ เพราะเค้าเคยลองมา ก็เลยไม่กล้าอะค่ะ ลองลดแบบธรรมดากันดีกว่านะ จากคุณ : น้องหนูยู่ยี่ เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 53 23:00:03

ความคิดเห็นที่ 6 เรื่องโยโย่นี่เคยบอกกันคนหลายคนไปค่ะว่าจริงๆมันไม่ได้เป็นเพราะยาทำให้โยโย่เรากันเองนี่แหละทำให้โยโย่ คือมันต้องแบ่งค่ะ ยาลดความอ้วน (บางตัวมันมีกดประสาทให้เราไม่อยากกิน) ทีนี้กดไว้ไม่กินก็ลดลงพอเลิกกินยาทีนี้ไม่มีอะไรมากด ก็กินกันระเนระนาดมันก็เด้ง ค่ะ นี่แหละคือ โยโย่ พวกวิตตามินช่วยลดต่างๆ ถ้าทำงานแบบช่วยเผาผลาญ มันก็ทำให้เราเผาผลาญดีขึ้นแบบมีตัวช่วยถ้าเราเลิกกินแล้วเรายังกินเยอะเหมือนเดิมหรือเยอะกว่าเดิมก็โยโย่ค่ะ ทั้้งนี้ทั้งนั้นถ้าลดจากทางไหนแล้วมีการควบคุมอาหารพร้อมไปด้วยแล้วหลังเลิกก็ยังควบคุมอยู่มันก็ไม่โยโย่หรอกค่ะ เหมือนเราเลิกเล่นฟิสเนสแต่กินเท่าเดิมก็พุ่งเอิ๊กๆๆ งี๊ โยโย่เหมือนกันนะ เอิ๊กๆๆๆ จากคุณ : ไม้ยมก&แหนมมัด เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 53 23:07:26

ความคิดเห็นที่ 7 เราเคยได้อ่านกระทู้พลีชีพในนี้ลดความอ้วน จาก รพ.ชื่อดังแถว จรัลฯ ขอบอกว่า เราลองทานแล้วค่ะ ลดไป 6 กก. แต่หยุดมาได้ 2-3 อาทิตย์ เพราะจะบริจาคเลือดที่กาชาด ในวันเกิดที่ 26 สค.ที่ผ่านมา จะบอกว่า ไม่มีอาการโยโย่เลยค่ะ ไม่ได้อยากอาหารแบบ ตะกละ ก็กินปกติ แต่เลือกที่จะกิน สามัญสำนึกในสมอง ก็จะบอกกับตัวเอง ว่าจะไม่กินข้าว หรือแป้ง น้ำอัดลม หรือ พวกน้ำหวาน แต่เน้นกินนม อาหารพวกโปรตีนเยอะ ๆ น้ำหนัก ก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นเลยนะคะ เราว่ามันอยู่จิตใต้สำนึกของคนมากกว่า ยับยั้งชั่งใจได้รึเปล่า รึแบบ วันนี้เราต้องกินให้ได้ อันนี้ อยากกิน ต้องหาซื้อให้ได้(แต่ก่อนชอบเป็น) ดิ้นรนหาจนได้ แต่วันนี้ เราคิดแค่ว่า อะไรที่อยากกินในวันเดียว ก็แค่บอกตัวเองว่า พรุ่งนี้หรือวันถัดไป เรา่ค่อยกินก็ได้ กินพออิ่ม ไม่กินจนจุก (แต่ก่อนชอบเป็น) ผัก พอไม่ค่อยได้กิน ก็ซัดส้มตำ น้ำหวาน ก็ไปซื้อ มะพร้าวเผาเป็น ลูกมาเฉาะกิน ได้กินน้ำหวาน ก็จริง แต่มันแอบมีเอสโตรเจน ช่วยเรื่องฮอร์โมน ที่ใจจริงเราอยากได้ จาก ยาคุมกำเนิด (เพราะเราขนเยอะมาก) พยายามกินวันละลูก ถ้าไม่ได้กิน ก็กินนมถั่วเหลือง ดีน่า ไวตามิลค์ น้ำอัดลม เคยกินวันละหลายขวด(เพราะเรา อ้วนน้ำอัดลม) เราก็ลด ละ เลิก หรือถ้าอยากจริง ๆ อาทิตย์ นึงซักขวด แค่นั้น เราว่า เหมือน คห.ข้างบน ที่ว่า อาการโยโย่ เป็นอุปทาน จริง ๆ มันก็คือ สันดานดิบของเรา ชัีด ๆ คือ ตะกละ ค่ะ จากคุณ : *~ลัลล้าไปวันวัน~* เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 53 23:43:03

ความคิดเห็นที่ 8 ไม่เคยกินลิโซ่ค่ะเพราะไปกินลิด้าก่อนแล้วได้ผลเลยติดงอมแงม ส่วนตัวเราระบบขับถ่ายไม่ดี+ชอบทานของจุกจิก ทานลิด้ากล่องเหล็ก แล้วไม่ต้องใช้ยาถ่าย+แอบผอมลงด้วย ทุกวันนี้ก็ทานเพื่อควบคุมน้ำหนัก+ช่วยเรื่องระบบขับถ่าย แต่ตัวยานี่แรงนะคะ ขนาดเราผ่านยาลดนน.มาอย่างโชกโชน ยังมึนเลยค่ะ แบบว่าวันไหนอดข้าวแล้วทานลิด้า เช้ามาวูบเลย ไม่มีโยโย่ค่ะที่จะโยโย่เพราะตัวยุตะหาก แบบว่าเพื่อนชอบชวนไปกินบุฟเฟ่ต์อ่ะ อันนี้แหละตัวโยโย่ 55 จากคุณ : รักอีกครั้ง...ก็ยังเป็นเธอ เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 00:04:11

ความคิดเห็นที่ 9 มายกมือว่าเคยกินยาลดความอ้วนค่ะ เมื่อ....ขอนับก่อน...ตอนนี้อายุ 26 เรียนจบป.ตรีมาเกือบ5ปีได้ ก็เหลือ 21 หักไป 4 ปีที่มหาลัย เหลือ 17 หักไปอีก1ปี อ้า....อายุ 16 เรากินยาลดความอ้วนที่เปิดคลินิคชั้นล่างสุดที่มาบุญครองอ่ะค่ะ กินแล้วลดจริงๆค่ะ เวลาชั่งน้ำหนักมันลดลง 4โลเลย แต่ดูไม่ผอมลงเลย แถมโทรมอีกต่างหาก และเป็นครั้งแรกที่เราเป็นลม ซึ่งเราใช้ชีวิตเหมือนเดิมทุกอย่าง ต่างแค่ว่ากินยาลดความอ้วน เพราะงั้น สาเหตุที่เป็นลมก็ต้องมาจากยานี้เท่านั้น ก็เลิกกินไปโดยปริยาย เสียตังค์แล้วยังเป็นลม แถมน้ำหนักลดลงแบบที่มีแต่ตาชั่งเท่านั้นที่รู้ คนอื่นรวมทั้งตัวเองยังดูไม่รู้เลย ไม่รู้จะกินต่อไปเพื่อสิ่งใด ผลพลอยได้คือ 3เดือนต่อมา ผมร่วง เนื่องจากทานยาลดความอ้วน ต้องรักษาต่ออีก3เดือน กรี๊ดดดดดดดดดด เข็ดเลย อาการนี้ไม่รู้เรียกว่าโยโย่มั๊ย รู้แต่ว่า อันตรายมากถ้าทานในระยะยาว เพราะที่ใช้บริการยาลดความอ้วนแค่2อาทิตย์ ยังส่งผลขนาดนี้เลย ถ้า จขกท. อยากผอม เราว่าปรับเรื่องอาหาร และ ออกกำลังกายเถอะค่ะ จะตรงจุดกว่า เราเองมาเล่นโยคะ เราว่ามันดีมากเลย อีกอย่างคือเรื่องอาหาร ต้องควบคุม ของมัน ของทอด และพวกน้ำอัดลม แอลกอฮอล์ งดซะ ช่วยได้จริงๆ ไม่เสียตังค์ด้วย เรารู้ มันทำยาก แต่ผลลัพธ์มันคุ้มค่า เราว่าเสียเงินไปศัลยกรรมยังดีกว่าเสียเงินไปจ่ายในสิ่งที่เราเองก็ทำได้ จากคุณ : ความรักเหมือนดอกมะนาว เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 00:16:40

ความคิดเห็นที่ 10 ไม่ได้เป็นประสบการณ์ของเรานะคะ แต่เป็นของน้องสาวเราค่ะ แต่ก่อนหนัก 58 กก.ได้ พอเรียนมอปลายเริ่มรักสวยรักงาน ชอบมองเราแต่งตัว (เราผอมกว่าน่ะค่ะ) ชีก็ลองกินมาหมด ทั้งกาแฟลดน้ำหนัก ยาลดแคปซูลที่มีอย.ตามร้านขายยา น้องบอกไม่ค่อยได้เรื่อง แค่ทำให้อุนจิบ่อยขึ้น ทีนี้ชีซื้อลิโซ่มาจากในเน็ต กินแล้วลดจริงๆ พอดีช่วงนั้นเราไม่ได้กลับบ้านเลยประมาณเดือนกว่า ชีก็คุยอวดใน msn ว่าเนี่ยผอมแล้วนะๆ น้ำหนักเหลือ 52 แล้ว (กินไปเท่าไรแล้วไม่รู้) เราก็เตือนว่าระวังโยโย่ ระวังเป็นลมนะ ระวังตายนะ อารมณ์แบบอ่านเรื่องไม่ดีๆมาเยอะ ก็เป็นห่วง ชีก็ยอมรับว่า เวียนหัวจริง คลื่นไส้จะอ้วกตลอดเวลา ถึงขนาดว่าต้องนอนทั้งวัน ช่วงนั้นปิดเทอมพอดี ถึงช่วงที่เรากลับไปบ้าน เราเห็นชีแล้วตกใจจริงๆค่ะ ผอมลงได้จริงๆ เห็นว่าน้ำหนักเหลือแค่ 48 จนแม่ต้องขอร้องให้เลิกกิน ตอนนี้ผ่านมาประมาณเกือบ 2 ปีได้ ไม่ได้ผอมมากเหมือนตอนแรก ตอนนี้หนัก 52 แต่ก็ดูคุมอาหารมากขึ้น ก็ไม่โยโย่อะไรนะ เห็นบ่นๆ แค่ว่านมแฟบลงแค่นั้นเอง 55+ จากคุณ : aby berry เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 00:58:35

ความคิดเห็นที่ 11 เราเคยทานค่ะ แต่สัก 7 ปีได้แล้วนะคะ ทานอยู่ประมาณ 1 ปี แต่ไม่ต่อเนื่องค่ะ ที่ รพ.ที่คุณไปแหละค่ะ ทานได้ 2 เดือน ก็ไปรับยาหยุด หยุดไป 3 เดือน ก็ไปทานใหม่ สำหรับเรา โยโย่ค่ะ น้ำหนักเราขึ้นจนกระทั่งต้องไปหาหมอเลยนะคะที่ ศิริราช โดนเจาะเลือดตรวจไทรอยด์กันเลยทีเดียว โชคยังดีว่าปกติค่ะ คุณหมอให้คำแนะนำว่า ยาลดน้ำหนัก มันไปกดประสาทไม่ให้หิว+และเร่งอัตราการเผาผลาญอาหารให้ดีขึ้น+ขับน้ำ+ถ่ายง่าย สำหรับเรา พอเลิกทาน ระบบก็รวนค่ะ ทำให้อัตราการเผาผลาญแย่ลง ก็เลยอ้วนง่ายค่ะ เป็นอาการโยโย่นั่นเอง เราหยุดอาการนี้ได้ โดยการออกกำลังกาย เพื่อเพิ่มอัตราการเผาผลาญให้เป็นปกติค่ะ ปัจจุบันเราอ้วน แต่ไม่อ้วนง่ายแบบเดิมแล้ว และไม่คิดจะกลับไปทานยาอีกตลอดชีวิตค่ะ จากคุณ : ไทค์กะโจ เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 01:54:14

ความคิดเห็นที่ 12 ขอแชร์บ้างนะคะ เริ่มกินยาลดความอ้วนตอนอายุ 19 - 20 เพราะตอนมัธยมหุ่นเพอร์เฟ็คมาก สูง 166 หนัก 48 พอโตขึ้นระบบเผาผลาญแย่ลง เริ่มกินที่คลินิกชื่อดังแถวรามฯ ลดจาก 55 เหลือ 49 จากนั้น ร่างกายจะเริ่มดื้อยา คือ ยาจะแรงขึ้นเเรื่อยๆ แถมเราจะเสียนิสัย อยากกินอะไรเอาเลย อ้วนค่อยกินยา ก็กินต่อกันมาสัก 2 ปี คลินิกโดนปิด (โดยกระทรวงสาธารณสุข) เราก็อ้วนขึ้นเรื่อยๆ เพดานน้ำหนักเริ่มเพิ่มจากเคยอ้วนสุด 55 เป็น 60 ต่อมาจึงมากินยาลดที่คลินิกชื่อดังย่านรัชดา ก็ลดลงมาได้ถึง 54 ซึ่งตลอดเวลาที่กินยาของทั้งสองคลินิก เราจะมึนหัวง่าย คลื่นไส้ อาเจียน ก็ยอมทนเพราะอยากสวย ที่นี้ เราก็กินยาที่นี่มาตลอด พอลดก็หยุดกิน พอน้ำหนักขึ้นก็กินต่อ เพดานน้ำหนักก็เพิ่มเรื่อยๆ ปัจจับัน น้ำหนักมากที่สุดทะลุไปที่ 70 แล้วค่ะ ของแถมที่ได้คือโรคบูลิเมีย และไมเกรน ซึ่งมีผลจากยาที่กดประสาท ตอนนี้คุณแม่ให้ลิด้ากล่องเหล็กมาทาน 13 วันลดไป 4 - 5 ก.ก. ไม่มึน ไม่คลื่นไส้ มีแค่อาการน้ำลายเหนียว จริงๆ รู้นะคะว่ามันอันตราย แต่ผู้หญิงทุกคนมันก็อยากสวย แถมเราค่อนข้างจะผิวคล้ำ (ลูกเสี้ยวอินโดค่ะ) ถ้าอ้วนทีก็หมดกัน อยากบอกมากว่าผู้หญิงไม่ได้โง่ เข้าใจว่ายามันอันตรายและส่งผลมากขนาดไหน แต่ตราบใดที่คุณผู้ชายมองแต่สาวสวยหุ่นดี เสื้อผ้าทำแต่ไซส์มินิ อย่างทุกวันนี้ ก็เข้าใจเถอะค่ะ ว่าผู้หญิงโง่ๆ แบบเราเสี่ยงเพื่ออะไร จากคุณ : ต๊องต๊อง กะ บ๊องบ๊อง เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 02:24:38

ความคิดเห็นที่ 13 ู^ ^ ^ คห.12 ชอบที่บอกว่า.. อยากบอกมากว่าผู้หญิงไม่ได้โง่ เข้าใจว่ายามันอันตรายและส่งผลมากขนาดไหน แต่ตราบใดที่คุณผู้ชายมองแต่สาวสวยหุ่นดี เสื้อผ้าทำแต่ไซส์มินิ อย่างทุกวันนี้ ก็เข้าใจเถอะค่ะ ว่าผู้หญิงโง่ๆ แบบเราเสี่ยงเพื่ออะไร ปล.ถููกใจ แต่กิฟหมด - -'' แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 53 05:16:46 จากคุณ : *~ลัลล้าไปวันวัน~* เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 05:15:43

ความคิดเห็นที่ 14 ยาพวกที่คลินิคจำหน่ายมักจะเป็นแบบกดประสาท ทำให้ไม่หิวค่ะ  เมื่อไม่หิว กินไม่ลง ก็ทำให้กินน้อยกว่าที่ร่างกายต้องการมาก ทำให้ร่างกายปรับตัวเข้าสู่ starvation mode หรือโหมดประหยัดพลังงาน ร่างกายจะเก็บพลังงานทุกเม็ดไว้ เพราะกลัวจะอดตาย  เช่น ถ้าปกติคุณวิ่งหนึ่งชม. เสียพลังงานไปหกร้อยแคล ถ้าร่างกายปรับเข้าสู่โหมดประหยัดพลังงานเมื่อไหร่ ร่างกายก็จะเผาแค่สามร้อย (แค่ตัวอย่างนะคะ)  เพราะฉะนั้น หลังจากเลิกทานยาแล้ว ไม่ว่าคุณจะทานน้อยเหมือนเดิม หรือกลับมาทานมากเหมือนตอนก่อนลด น้ำหนักมันก็จะขึ้นค่ะ แต่จะขึ้นเท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับว่าคุณทานแค่ไหน และใช้พลังงานแค่ไหนในแต่ละวัน ที่บางคนน้ำหนักไม่ขึ้นมาก หรือไม่ขึ้นเลยหลังจากเลิกยา อาจจะเพราะร่างกายยังไม่ปรับเข้าสู่โหมดประหยัดพลังงานค่ะ หรืออาจจะสามารถใช้พลังงานได้สมดุลย์กับพลังงานที่ทานเข้าไป  ซึ่งปัญหานี้ ก็เป็นปัญหาที่จะเกิดกับคนที่ลดความอ้วนโดยการอดอาหารเหมือนกันค่ะ ถึงแม้จะไม่ได้ทานยาลดความอ้วนเลย ใช้แรงใจ อดอย่างเดียว ถ้าร่างกายปรับตัวเข้าสู่โหมดประหยัดพลังงานแล้ว ก็จะเกิดผลแบบเดียวกันค่ะ   แต่ปัญหาของยาลดความอ้วนนั้น ไม่ใช่แค่เรื่องโย่โย่ค่ะ แต่มันไปกดประสาท และทำลายประสาทเช่นกัน ซึ่งเป็นอันตรายยิ่งกว่าโยโย่มากกกกกกกกกกกกกกกก  บางคนเสียชีวิต หรือสมองถูกทำลาย เอ๋อไปเลย (เห็นกันมาหลายกรณีแล้ว)  เพราะฉะนั้น อย่าเลยค่ะ อย่าทำร้ายตัวเองเลย หันมาออกกำลังกาย กับทานอาหารอย่างพอดีๆดีกว่าค่ะ จากคุณ : Doraemon no fushigi na POKKE เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 06:58:22

ความคิดเห็นที่ 15 คห.12 ให้กิฟแทน คุณ *~ลัลล้าไปวันวัน~* ค่ะ  อิอิ ถูกใจจริงๆ " อยากบอกมากว่าผู้หญิงไม่ได้โง่ เข้าใจว่ายามันอันตรายและส่งผลมากขนาดไหน แต่ตราบใดที่คุณผู้ชายมองแต่สาวสวยหุ่นดี เสื้อผ้าทำแต่ไซส์มินิ อย่างทุกวันนี้ ก็เข้าใจเถอะค่ะ ว่าผู้หญิงโง่ๆ แบบเราเสี่ยงเพื่ออะไร " จากคุณ : decalock เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 08:31:26

ความคิดเห็นที่ 16 เคยกินลิโซ่ค่ะ แต่ไม่ลงซักกิโลเลย เห็นคนเค้ารีวิวว่าลดกันเป็น 10 โล เลยซื้อมากิน แต่ตัวเราไม่ลงเลยค่ะ แค่ทานอาหารน้อยลงไม่ค่อยหิวหมดกล่องเดียวเลยเลิกกินค่ะ หันมาลองบาชิส้มเพราะคนรีวิวว่าลดดีกว่าลิโซ่ กินหร้อมแอลแคนาทีน ไม่ลงเหมือนกันค่ะ เลยเลิกลดไปเลยค่ะ จากคุณ : pamkatay เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 08:34:54

ความคิดเห็นที่ 17 "ซึ่ง หากเป็นดังที่หมอกล่าว แสดงว่า ไม่เกี่ยวว่าเราจะลดความอ้วนด้วยวิธีไหน แต่หากผอมลงแล้ว แล้วปรับพฤติกรรมการกินให้น้อยลง ก็ไม่เกิดโยโย่" ถ้าอย่างนั้นเราก็มาปรับพฤติกรรมการกินก่อนที่จะไปกินยาซิคะ ไม่ต้องลดให้ปริมาณน้อยลง แต่เลือกกินแป้ง, หวาน, มัน ให้น้อยลง และออกกำลังกาย อาจจะช้าหน่อย แต่ไม่มีผลเสียกับร่างกายค่ะ จากคุณ : ญ. เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 09:52:55

ความคิดเห็นที่ 18 กิฟท์หมด เดี๋ยวรอเดือนใหม่จะมาแจกให้นะคะ (ย้อนหลังให้ทุกท่านที่ไม่ได้ให้ด้วยค่ะ) ขอบคุณทุกคำตอบค่ะ ^^ จากคุณ : รักหนักแน่น เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 17:13:37

ความคิดเห็นที่ 19 ออกกำลังกาย ควบคุมอาหาร  อาจต้องใช้เวลา   แต่ น.น.จะลดลงพร้อมสุขภาพที่ดีค่ะ กินยาลดความอ้วน  ลิโซ่ ลิดา บลาๆๆ  ลดได้จริง  แต่ระบบประสาทถูกทำลายแน่นอน  ไม่มากก็น้อย ไม่ได้พูดลอยๆ ค่ะ  แต่มีประสบการณ์จริงจากตัวเอง  คนรอบข้าง  จากสื่อต่างๆ เราเองไม่ได้ลดความอ้วนเพราะผู้ชาย  เพราะเทรนด์  แต่ลดเพราะตัวเองล้วนๆ คือเป็นคนคลั่งผอมค่ะ ( แต่ไม่ถึงขั้นร้ายแรง ) อยากให้สาวๆ รักตัวเอง  ยาลดความอ้วนที่มีฤทธิ์กดประสาท  ถ้าเลี่ยงได้ก็เลี่ยงดีกว่าค่ะ จากคุณ : กำลังทำงาน เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 20:21:16

ความคิดเห็นที่ 20 เราว่า โยโย่ไม่ใช่เป็นการอุปทานค่ะ ตามที่เราคิดนะ ยาลดความอ้วนทำให้เราไม่อยากอาหาร ซึ่งร่ายกายก็จะเหมือนกับอยู่ในภาวะจำศีล คือเผาผลาญน้อยลง และน้อยลงเรื่อยๆ และจะเหมือนหมีค่ะ คือพอหยุดจำศีลก็จะกินๆๆๆ เนื่องจากร่ายการต้องการสารอาหารมาก แล้วร่างกายเรียนรู้ว่าอาจจะเกิดภาวะจำศีลอีก จึงสั่งให้สมองเกิดความอยากกิน กินๆๆๆ เข้าไป เผื่อว่า จะเกิดภาวะจำศีลอีก และด้วยที่ระบบการเผาผลาญที่ต่ำลง จากการที่ไม่ทานอาหาร หรือทานอาหารน้อย ก็จะทำให้ สิ่งที่เราทางเข้าไปนั่นเผาผลาญไม่หมดมากกว่าปกติ จึงทำให้เกิดการสะสมไขมันไว้ที่ตับและกล้ามเนื้อ นอกจากนั้นการอดอาหาร หรือทานอาหารน้อยกว่าปกติ พลังงานที่ร่ายกายจะเอาออกมาใช้ก่อนนั้นไม่ใช่ไขมันตามที่เราๆเข้าใจกัน แต่เป็นกล้ามเนื้อค่ะ ที่ร่างกายจะเอาออกมาใช้ก่อน กล้ามเนื้อนั้นถึงแม้ว่าจะหนักกว่าไขมัน แต่ในน้ำหนักเท่ากันนั้น กล้ามเนื้อจะมีขนาดที่เล็กกว่ามาก เช่น (edit ตรงนี้ค่ะ)เหล็ก กับนุ่นในปริมาณ 1 กิโล ฉะนั้นเราจึงมีความเห็นว่า อาการโยโย่จากการใช้ยานั้น ไม่ใช่เพราะสันดานค่ะ แต่เป็นเพราะระบบร่างกาย ที่ทำให้เราเกิดการกินไม่หยุดอย่างนั้น ถ้าผิดพลาด ณ ที่ใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 53 21:51:03 แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 53 20:55:16 จากคุณ : embell เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 20:53:04

ความคิดเห็นที่ 21 10 ปีก่อน เราเคยกินยาไปสองเดือน ลดลง 10 กก จาก 46 เหลือ 36 10 ปีก่อน ผอมมากๆ แบบ โบว์ จ๊อยซ์ เป็นอะไรที่ฮิตมากๆ สื่อมีไม่มาก เลยไม่มีใครเตือนถึงผลระยะยาวที่จะเกิดขึ้น ผอมสะใจ    จนถึงตอนนี้เราน้ำหนักยังคงที่ ที่ 42kg. แต่  ...เราเป็นโรคหัวใจ.. ทุกวันนี้ ตัดพ้อตัวเอง ..โยโย่ไม่น่ากลัว สิ่งที่ควรจะกลัวคือความตายจ้าาา จากคุณ : ชาแนลวี เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 20:58:44

ความคิดเห็นที่ 22 http://www.pantip.com/cafe/woman/topic/Q9635567/Q9635567.html ผมว่าเน้นที่การออกกำลังกาย ควบคุมอาหาร ได้ผลระยะยาวแล้วยังดีต่อสุขภาพอีกด้วย จากคุณ : ไม่รู้ชื่ออะไรดี เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 22:50:07

ความคิดเห็นที่ 23 ถ้าเราอยากผอมสวย ต้องเพื่อตัวเองนะคะ ไม่ได้เพื่อคนอื่น ทำไมเราต้องยอมโง่ด้วยค่ะ ไม่จำเป็นเลยค่ะ สาวๆๆ บางคน สวยมีแฟนก็ไม่ได้จะทำให้เค้ามีความสุขขึ้นมาเลย ยกตัวอย่างดาราหลายๆ คน สวยแต่ไม่มีความสุขที่แท้จริง ผิดกับบางคนหน้าตาธรรมดาก็มีความสุขในชีวิตได้ เรื่องต่างๆในชีวิตของเรามีตั้งมากมายให้คิด เรื่องพ่อแม่ ตอบแทนบุญคุณ กา เรียนหนังสือ การทำงาน สังคม การเมืองเยอะเยอะมากมายค่ะ อีกเรื่องที่สำคัญคือ การรักษาสุขภาพของตัวเราเอง การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะถ้าเราไม่รักตัวเอง ยอมโง่แล้ว แล้วใครจะมารักเราค่ะ เราต้องรักตัวเองให้ได้ก่อน แล้วถึงจะไปรักคนอื่นได้ค่ะ ถ้าอยากลดน้ำหนักให้น้องๆ เริ่มที่การออกกำลังกายค่ะ ลดอาหาร ทานผัก ผลไม้ ตังค์ยังเหลือเอามาซื้อเสื้อผ้าสวยๆ ครีมบำรุงดีๆ แบนี้รับรองสวยแน่ค่ะ.. รักตัวเองให้มาก อย่ายอมโง่นะคะ.. จากคุณ : nuanapa เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 22:54:51

ความคิดเห็นที่ 24 http://www.pantip.com/cafe/woman/topic/Q9635567/Q9635567.html อยากฝากให้ สาวๆที่คิดจะกินยาลด นน. ไปอ่านกระทู้นี้ดูค่ะ ถึงจะมีคนกินยาลดความอ้วนแล้วไม่เป็นอะไร ผอมสวยไม่โยโย่ แต่ ป้องกันดีกว่าค่ะ อย่าให้มีใครเป็นหนึ่งในนั้นเลย(ป่วย,ตาย) เพราะเราไม่รู้ว่า จะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายเราในระยะยาวบ้าง ไม่ได้ว่าใครโง่นะคะ แต่เผื่อว่าอ่านกระทู้นั้น แล้วจะคิดอะไรได้บ้าง จากคุณ : คิบ เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 23:09:24

ความคิดเห็นที่ 25 ยาลดความอ้วน  มันเสี่ยงต่อระบบต่างๆ ในร่างกาย  อาจทำลายหรือทำให้เกิดการทำงานที่ผิดปกติได้ ไม่ก็อาจถึงชีวิต เราว่า  ชีวิตเรามีชีวิตเดียว  อย่าทำร้ายตัวเองด้วยยาลดความอ้วนเลยค่ะ จากคุณ : pim_c เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 23:16:33

ความคิดเห็นที่ 26 ขอเล่าเรื่องของตัวเองบ้างนะคะ ในชีวิตเคยรับประทานยาลดความอ้วนมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรก  ตอนนั้น หนักประมาณ 52 กิโล อยากผอมลงนิดหน่อย เพราะจะรับปริญญา  เลยอยากสวย  คุณหมอจัดยามาให้มี 4 แบบ 4 สี สีสดใสมากๆ  ทานอยู่ประมาณ 1 เดือน อาการข้างเคียงไม่มีนะคะ  มีแต่รู้สึกกินอะไรไม่อร่อย แล้วก็ไม่ค่อยอยากกินอะไร  แต่ก็มีคนทักบ้างว่าหน้าบวมๆ  O_O  น้ำหนักก็ลดไปนิดหน่อยอย่างที่ต้องการ  วันรับปริญญา ก็เหลือ 48 กิโล ตามที่ต้องการค่ะ หลังจากนั้นมาก็หยุดยาค่ะ  หยุดยาวมาประมาณ 2 ปี น้ำหนักก็กลับมาที่ 52 เหมือนเดิม  จนมาช่วงหลัง ได้งานที่ใหม่ สบายกว่าเดิม  เลยกินๆๆๆ  จนน้ำหนักเหยียบ จะไปถึง 60 กิโลแล้ว  กว่าจะรู้ตัวว่าอ้วน ก็ยากจะลดแล้ว  เลยหันไปพึ่ง สถานลดน้ำหนักในห้างเซ็นทรัล ใกล้ที่ทำงาน   พบกับคุณหมอ  และทานยาที่คล้ายๆ กับที่แรก คุณหมอกำหนดว่า  น้ำหนักจะลดเดือนละประมาณ 3 กิโล  ถ้าอยากหยุดน้ำหนักไว้ที่ตรงไหน ก็ให้บอกคุณหมอ แล้วคุณหมอจะหยุดยาให้  เรารับประทานยาอยู่ร่วมๆ เกือบ 4 เดือน  (ยาที่คุณหมอให้จะมียาถ่ายกับยานอนหลับรวมอยู่ด้วย)  น้ำหนักก็ลงไปตามต้องการค่ะ  เหลือราวๆ 48 ได้อีกครั้งหนึ่ง  มีหนุ่มๆ ตามจีบตรึมเลย ตอนน้ำหนักลดเนี่ย  ภูมิใจมากเลยนะ ใส่อะไรก็สวย  มีคนซื้อเสื้อผ้ามาฝากเยอะแยะเลย  เหมือนเป็นนางแบบก็ไม่ปาน 555   แต่ช่วงกินยาเดือนหลังๆ  จะเป็นบ่อยมาก คือ ตื่นเช้ามา โลกมันจะหมุนๆ แล้วทรงตัวไม่อยู่  ล้มแผละๆ  หัวโขกกำแพง ประตู  แขนขามีแต่รอยแผลเต็มไปหมด  ที่บ้านตกใจนึกว่าองค์ลงทุกเช้าเลยอะ  คงเพราะอดอาหารมากไป  แต่ไม่เป็นไร ทนได้เพื่อความสวย จากที่ได้น้ำหนักตามที่ต้องการก็หยุดยาค่ะ  หยุดมาได้ 2-3 ปีแล้ว  ปัจจุบันน้ำหนักจะ 70 แล้วค่ะ  อ้วนมากๆๆๆๆ 555  ไม่รู้ว่า เรียกว่า โยโย่ หรือเปล่า  แต่ลดไม่ลงแล้วค่ะ  ยิ่งอด ก็ยิ่งอยาก และก็แพ้ใจตัวเอง กลับมากินอย่างถล่มทลาย  เคยคิดจะกลับไปกินยาอีกเหมือนกันนะ  แต่แฟนขอไว้  เขาไม่อยากให้เรากลับไปกินยาลดความอ้วนอีกแล้ว  เขากลัวเหมือนที่เป็นข่าว กินยาลดความอ้วนจนตายอะ   - -' มีประโยคนึงที่ประทับใจมาก  แฟนเราเขาบอกว่า "จะอ้วนจะผอม เราก็คือเรา ขอแค่มีสุขภาพกาย สุขภาพใจดี  แค่นี้ก็พอแล้ว  ถ้าความสุขคือการได้กิน  ก็กินไปเถอะ ใช้ชีวิตให้มีความสุข  ความผอม ความสวย มันไม่จีรัง แต่การใช้ชีวิตที่เหลืออย่างมีความสุข นี่แหล่ะ คือความจีรังของชีวิต"   ได้ฟังงี้ แล้ว  อืมมม  ก็เข้าท่าดีนะ  แต่... น้ำหนักฉัน จะไปถึง 100 กิโล มั๊ยคะ คุณแฟนขา จากคุณ : หว่าหวาจัง เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 53 08:51:26

ความคิดเห็นที่ 27 อยากบอกมากว่าผู้หญิงไม่ได้โง่ เข้าใจว่ายามันอันตรายและส่งผลมากขนาดไหน แต่ตราบใดที่คุณผู้ชายมองแต่สาวสวยหุ่นดี เสื้อผ้าทำแต่ไซส์มินิ อย่างทุกวันนี้ ก็เข้าใจเถอะค่ะ ว่าผู้หญิงโง่ๆ แบบเราเสี่ยงเพื่ออะไร -------------------------------------- อ่านความเห็นที่ 12 แล้วแอบไม่เห็นด้วยนิดนึงค่ะ ก็แล้วทำไมคุณ ๆ ถึงต้องเอาตัวเองไปเสี่ยงเพียงเพื่อให้คุณผู้ชายมองด้วยหล่ะค่ะ หากคุณไม่รักตัวเอง แล้วคุณจะหวังให้ใครเค้ามารักคุณอย่างจริงใจหล่ะค่ะ จากคุณ : ดญ. หัวเหน่ง เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 53 09:31:25

ความคิดเห็นที่ 28 คห.12 อยากผอมให้ผู้ชายมองเหรอคะ เราไม่เห็นด้วยสุดๆ มันก็จริงอยู่ที่ ผู้ชายเวลามอง เค้ามองคนสวย มองคนหุ่นดี แต่ถ้าเค้าจะรักใครสักคน เค้าคงไม่ได้มองแค่หุ่นดีอย่างเดียวหรอกค่ะ มันต้องมีองค์ประกอบอื่นๆด้วย ฉะนั้น ถ้าอยากผอม เราว่าผอมและสุขภาพดีเพื่อตัวเองจะดีกว่านะคะ อย่าเสี่ยงด้วยการกินยาเลย วิธีลดความอ้วนมีมากมาย ทั้งควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย มันไม่จำเป็นต้องกินยาหรอกค่ะ จากคุณ : Baby_I Know_U Know เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 53 09:47:08

ความคิดเห็นที่ 29 ในฐานะที่ผมเป็นผู้ชาย ผมว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดีเลยนะครับ คิดดูซิ การที่้เราอ้วน......เราต้องเสียเงินไปซื้อของกิน อยากกินไรก็ซื้อ สุดท้ายอ้วน!!! อยากผอม....เสียเงินไปทำให้ผอมอีก ทำทุกวิธีทาง อันตรายก็เสี่ยง สรุปเงินหมดทั้งขึ้นทั้งร่อง -*- ปล.ตอนผมลดน้ำหนัก เงินเหลือเยอะมาก เพราะว่าแทบไม่ได้เสียเงินซื้อของจุกจิก หรือเสียเงินกินข้าวมื้อค่ำเลย พอผอมได้อิ่มใจมากเลย แถมเงินเหลืออีกเต็มๆ 3-4 เดือนนั้ัน ปล.ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ^^ แก้ไขเมื่อ 31 ส.ค. 53 13:45:17 จากคุณ : tum2910 เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 53 13:43:27

ความคิดเห็นที่ 30 เดือนหน้าเด่วแวะมาแจกกิฟ จ้า ^^ ถูกใจหลาย คห. เลย ขอบคุณตะเอง decalock จ้าาา ^^ จากคุณ : *~ลัลล้าไปวันวัน~* เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 53 15:13:53

ความคิดเห็นที่ 31 ทุกอย่างอยู่ที่ใจจริง ๆ ค่ะขอบอก จากคุณ : lovelydear เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 53 16:08:32

ความคิดเห็นที่ 32 ไปปรึกษาหมอลดความอ้วนที่ รพ.ยันฮี มาค่ะ คุณหมอบอกว่า "อาการโยโย่ ไม่มีอยู่จริง เป็นเพียงการอุปทานขึ้นมาเอง" ^ ^ อยากถามว่าทำไมถึงเชื่อหมอลดความอ้วนล่ะคะ...  ที่ไหนๆ ก็พูดเหมือนกันหมด โดยเฉพาะยัน.... เวลาพูดเหมือนท่องสคริป ไม่สบตาด้วยซ้ำไป.. พูดจริงๆ นะ เป็นหมอจริงหรือป่าวยังไม่รู้เลย .. คิดง่ายๆ นะ.. หมอที่เค้ารักษาคนไข้ เค้าคงไม่แนะนำสิ่งที่เป็นเหมือน "ยาพิษ" ให้หลอกค่ะ แล้วเราก็ไม่จำเป็นต้องไปเชื่อเค้า... ยาพวกนี้ก่อนทานเข้าไป เชื่อว่าทุกคนรู้และเห็นตัวอย่างมามากมายแล้ว.. แต่มันขึ้นอยู่กับว่า เราสามารถหักห้ามใจในความอยากได้ อยากมี อยากสวย ของตัวเองได้มากน้อยแค่ไหน.. และถ้าห้ามความอยากตรงนั้น แนะนำให้นำมาใช้กับการกิน และการดูแลร่างกายให้แข็งแรงดีกว่านะคะ   ส่วนจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่ ... เพราะแต่ละคนมีวิจารณญาณของตัวเองดี กินอย่างไร ได้อย่างนั้น.. อย่าลืมว่าคนที่บอก เค้าไม่ได้เป็นคนกินเหมือนเรานะคะ..ฉะนั้น เค้าจะพูดอย่างไรก็ได้ค่ะ จากคุณ : lovetree เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 53 16:25:20

ความคิดเห็นที่ 33 ถ้าผู้ชาย ไม่ชอบเพราะอ้วน ก็ให้มันไปหาใหม่เหอะ นิสัยดีๆ ไม่รัก ไปรักพวกดีแต่หน้าตา ก็ไม่น่าเอามาทำพันธุ์อยู่แล้ว จะไปสนมันทำไม จากคุณ : Bubble_eis เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 53 16:48:39

ความคิดเห็นที่ 34 อยากบอกมากว่าผู้หญิงไม่ได้โง่ เข้าใจว่ายามันอันตรายและส่งผลมากขนาดไหน แต่ตราบใดที่คุณผู้ชายมองแต่สาวสวยหุ่นดี เสื้อผ้าทำแต่ไซส์มินิ อย่างทุกวันนี้ ก็เข้าใจเถอะค่ะ ว่าผู้หญิงโง่ๆ แบบเราเสี่ยงเพื่ออะไร ------------------------------------- อ่าน คห.นี้แอบสะกิดใจตัวเองค่ะ เพราะเคยโง่ให้กับผุ้ชายคนนึง ซึ่งอยากจะ ให้เราผอมอย่างเดียว ไม่ว่าจะด้วยวิธีอะไร ไปหาหมอชื่อดังแถวหน้าราม เหมือนกันค่ะ ตอนนั้นยอมรับก็ผอมลงจริง ๆ หลังจากหยุดทานก็ทะลุโลก อาจจะเพราะตัวเราเองด้วย กินไม่เลือก ไม่ออกกำลังกาย ไม่เอาอะไรสัก อย่าง หลังจากนั้น กลับมาอ้วนอีกรอบ เขาคนนั้นก็อันตรธานหายไปด้วย เหตุผล......เพราะฉันอ้วน เออตอนคบกันฉันก็อ้วนมาตั้งแต่แรก แต่ก็ดีแล้ว นะคะ เพราะตอนนี้เจอคนใหม่ค่ะ แต่กับคนนี้ คอนเซปเราคือ ก็ฉันจะอ้วน แบบนี้อะ จะชอบก็ชอบไป ไม่ชอบก็หาใหม่ได้ แต่คนนี้ไม่ใช่ง้านเลยนะคะ รับได้ที่เราอ้วนแบบนี้แหล่ะ ไม่เคยให้ลดด้วยการไปกินยาค่ะ แต่พาเราออก กำลังกายบ่อย ๆ เท่าที่เรากับเขาจะว่าง เราอดเค้าก็อดด้วยไม่ใช่อดข้าวนะ แบบ งดไอติม หมูกะทะ อาหารบุฟเฟ่ต่าง ๆ ทั้ง ๆ ที่เค้าอยากทานค่ะ แต่ถ้า ไปทานเราก็จะลดไม่ได้สักที มาถึงตอนนี้ เราตั้งใจลดความอ้วนมาก ๆ เพื่อ คนนั้นอะค่ะ แต่เลิกใช้วิธีโง่ ๆ แล้ว หันมาออกกำลังกาย ควบคุมอาหาร มาสู้ ๆ กันนะคะ แบบชาญฉลาด ^^ จากคุณ : ต้องการผอมอย่างมากในชาตินี้ เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 53 17:12:26

ความคิดเห็นที่ 35 แฟนเราไม่ชอบให้เราอ้วน.... ถ้าอ้วนจะบ่นว่าทำไมกินเยอะ กินเหมือนช้าง อะไรประมาณนี้ เขาเลยจัดการให้เราไปลดความอ้วน..... ด้วยการซื้อยาลดน้ำหนักขนานดี 5,000 บาทต่อปี ต้องทำทุกวัน  ถ้าไม่ทำจะบ่น......จะทนเสียงบนไม่ไหว....จะต้องทำ นั่นคือ การเป็นสมาชิก ฟิตเนต นั่นเอง ได้ผลดีเสียด้วยไปทุกวันละ ชั่วโมง  น้ำหนักลดลง และโดนควบคุมอาหารไปในตัว จากคุณ : เราชอบสีเขียว เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 53 20:34:40

ความคิดเห็นที่ 36 โชคดีที่แฟนเรารักเราที่เป็นแบบนี้  จะร้อยโลแล้วเนี่ย T^T จากคุณ : มิสพรหล้า เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 53 21:02:10

ความคิดเห็นที่ 37 ตลาดวายหรือยังค่ะ ขอเล่าประสบการณ์ตัวเองหน่อยนะคะ เมื่อก่อนเรียนม.3 ตอนนั้นน้ำนัก 65ค่ะตอนนั้นไม่ชอบกินของมันๆ มันหมูนี้ไม่แตะเลย แต่ที่อ้วนเพราะว่าเมือ่ก่อนผอมมากยายเค้าเค้าประเคนสมุนไพรให้ ยาหม้อ ยาไห กวาดสาง เต็มไปหมด จนอ้วนเลย เค้าภูมิใจกันมากกกกกกก ตอนหลังมันเริ่มมากไป เค้าก็เริ่มด่า "อ้วนเหมือนหมีควายเลย อ้วนเหมือนยักษืเลย อ้วนน่าเกลียด" (ความผิดกรูเหรอเนี่ยะ) เพื่อนที่ ร.ร ไม่เท่าไรค่ะ จากปากพ่อปากแม่ ปากญาติพี่น้อง เป็นคนจีน-ใต้ มีอะไรพูดตรงๆ แล้วเราเป็นคนคิดมากมันก็คิด เกือบจะฆ่าตัวตายกันเลยทีเดียว !! (ตอนนั้นขี้น้อยใจ+โดนว่า โดนล้อบ่อยมากเกินไป) หลังๆกดดันหน่อยเพื่อนๆรังเกียจ ไม่มีเพื่อนคบค่ะ เพราะว่าเราอ้วน อ้วนที่สุดในระดับชั้นแล้ว เดินไปไหนก็โดนล้อ เลยไม่อยากไปโรงเรียน ต่อมาไม่นานตอนนั้นอยู่ ม.3 เลยตัดสินใจไปกินยาลดความอ้วนชื่อดังแถมรามคำแหง สมมุติว่าชื่อหมอใจร้ายแล้วกันนะ  คือตอนนั้นหมอจะบอกระดับเราด้วยนะคะว่าเราต้องกินระดับไหน ผลที่ได้คือระดับ 2 ค่ะ  ดิฉันก็กินสิคะ มีแต่คนมาบอกว่าอันตรายนะ เดี๋ยวตายหรอก มันไม่ดีหรอกนะ ลดเองดีกว่า เดี๋ยวอ้วนกว่าเดิม บลาๆๆๆ ตอนนั้นดิฉันไม่สนใจแล้วค่ะ พวกคุณไม่เป็นฉันพวกคุณไม่เข้าใจความรู้สึกหรอก ว่าฉันรู้สึกอย่างไง กินไป2เดือนลดไป 10 โลเพื่อนๆตกกะใจ จบม.3 ตัดสินในมาเรียนพานิชชื่อดังแถวจรัญ ก็ยังกินเรื่อยๆค่ะ ลดมา 20 โลภายใน 1ปีนิดๆ แล้วมีเหตุทำให้ต้องหยุดกินเพราะกินว่า พอละ!! หนัก 55 แล้ว หยุดดีกว่า ควบคุมอาหารเอา ต่อมาไม่นานค่ะ 5 เดือน ลดมาจาก 75เหลือ 50นิดๆเท่านั้น แต่บอกตัวเองว่าจะควบคุมอาหารแต่มันทำไม่ได้ กินแหลกเลยค่ะ หมูติดมัน เนื้อแดดเดียวติดมัน ไม่มันไม่กิน ขาหมูนี้ของชอบเลย หมูสามชั้นที่จริงจะตัดมันออก แต่นี้แดรกเข้าไปหมดเลยค่ะ ต่อมาไม่นาน 4 เดือนขึ้นมา 10 โลค่ะ ชุดนักเรียนซื้อใหม่หมดเลย !  ขึ้นเร็วลงเร็วมาก ไม่ไหวละ กลับไปหน้ารามเช่นเดิม หมอเอาระดับ 3เลยนะ หมอจัดมา อายุ 17 แล้วมีบัตรแล้ว เมื่อก่อนใช้บัตรพี่ หมอก็รู้แต่ทำเป็นไม่สนใจ หมอจัดยาระดับ 3 มา มีหลากหลายสี เพิ่มมาอีก 1-2 ตัว(ลืมละ) กินๆๆๆ แล้วก็ลดเหมือนเดิม  กินได้สัก 5 วันเริ่มมีอาการมืนหัว ปวดหัวจิ๊ดๆเหมือนกินไอติม หน้าจะมืด กินแล้วจะอ้วกออกหมด ตายห๊าล้า ยามันแรงไปแน่เลย กลัวตายค่ะ หยุด !!! stop ทุกอย่าง ผ่านไป 5 ปีแล้วตอนนี้ดิฉันน้ำหนัก 100 กิโลกรัม จาก 55 พวกคุณคิดดูแล้วกันนะคะ แล้วตอนนี้ดิฉันเป็นโรคไมเกรน สาเหตุมาจากยาลดความอ้วนค่ะ เพราะมันไปกดประสาทให้ทำงานไม่หิว มันเลยมาออกอาการตอนนี้อะคะ หมอบอก ไม่รู้หมอเค้าโทษยาหรือเปล่า เพราะขี้เกียจวินิฉัย แล้วผ่านมาอีก 3 เดือนตอนนี้เหลือ 89 แล้วค่ะ มันลดเองเพราะว่ากินผัก! ไม่กินกะทืิ แล้วเดินเข้า-ออก บ้านทุกวัน คือดิฉันขี้เกียจออกกำลังกายค่ะ ไม่ชอบออก ไม่ชอบกินผัก พอออกกำลังกายหน่อยก็เลยลดไว ดิฉันไม่ห้ามความคิดของพวกคุณนะคะว่าอยากจะกินหรือไม่กิน มันอยู้ที่การตัดสินใจ ไม่มีใครเข้าใจตัวเราดีเท่าตัวเราเอง ตอนคนมาห้ามดิฉันก็คิดว่าเค้าไม่ใช่เรา เค้าจะมารู้ดีได้ไง? บางทีแอบคิดในใจ "ก็มันไม่อ้วนนี้ว้ามันเลยห้ามได้ ให้มันลองมาอ้วนสิ๊!!!" ตอนนี้จะกลับมากินเหมือนกันแต่หมอใจร้ายคลีนิคมันไปไหนก็ไม่รู้ 55555+ ไปจรัญไกลเกิน ไม่ไหวอะคะ ออกกำลังกาย เดินกลับบ้านทุกวัน กินยำทุกวัน ไขมันมันอยู่กับเรามาหลายสิบปี เราลดแค่ปีสองปีแล้วหวังจะผอมเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ มันจะแลกกับสุขภาพตัวเอง จากคุณ : วันๆเอาแต่เล่นเกมส์ เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 53 22:46:46

ความคิดเห็นที่ 38 อันที่จริง...ลดเอง ด้วยการออกกำลังกายดีที่สุดนะค่ะ ควบคุมอาหารด้วยก็ดีเลย --- แต่ขอ..นิดนึงนะ...บางคนถามว่าทำไม ลดเพื่ออะไร ก็เพราะื "ค่านิยม" >> หุ่นดีจัง น่า...เนอะ 555 (อ้วนก็พริ้วได้นะ่ย่ะ) "สายตาคนมอง" >> ทำไมอ้วนจังเลยอ่ะ ...น่าเกลียดเนอะ...บลา ๆ "คำเหยียดหยาม" >> อิอ้วน อิหมีควาย อิ...บลาๆๆ และอีกหลายเหตุผลยังไงล่ะคะ เดี๋ยวนี้ ไม่ผอม ไม่สวย (บางที่) เน้น*บางที่ก็ไม่รับเข้าทำงาน เหอะๆ มันยุติธรรมแล้วหรือ?? หึหึ...อิฉันเข้าใจคะ เพราะอิฉันเคยอ้วนนนน.... ตอนนี้ลดได้แบบบังเอิญ ตอนนี้แค่อวบ ๆ มีเนื้อมีหนัง....เข้าใจเลยคะ ยังไงก็สู้ ๆ นะค่ะ พยายามเข้าค่ะ ^^ จากคุณ : ตัวนิ่มกะตัวแน่น เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 53 23:10:17

ความคิดเห็นที่ 39 """อย่ากินยาลดความอ้วนโดยเด็ดขาดนะค่ะเพื่อนๆ"""" มันมีผลต่อตัวคุณอย่างมากมาย   ขอเถอะค่ะ  อย่ากินเลย จากคุณ : Lady_แก้มชมพู เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 53 12:56:20

ความคิดเห็นที่ 40 ไม่เคยกินคะ แต่เป็นคนที่อ้วนมากน้ำหนักมากสุด 110 ก.ก. ปัจจุบัน  75 ก.ก.  ลดเอง ควบคุมอาหาร+ออกกำลังกาย ให้เวลากับการลด ไม่อยากให้ทานเลยคะ "ยาลดความอ้วน"  อันตรายมีข่าวบ่อยๆ ขนาดยารักษาโรคทั่วไปในคนปกติ ทานเข้าไปยังมีผลต่อไต ตับ แต่ยารักษาโรคจำเป็นต่อผู้ป่วย ต้องกินเพื่อรักษาชีวิต "ยาลดน้ำหนัก"  มีผลต่อร่างกายแน่นอน" ระยะสั้น อาจส่งผลถึงตาย (คนตายไม่รับรู้ แต่คนอยู่ พ่อแม่ซิคะ) ระยะยาว ระบบการทำงานร่างกายภายใน ลดเองเถอะคะ   ลองเข้าไปอ่านนะคะ http://www.pantip.com/cafe/woman/topic/Q9635567/Q9635567.html#91 จากคุณ : เช้าวันใหม่กับใจดวงเดิม เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 53 13:37:28

ความคิดเห็นที่ 41 ไม่เคยกินคะ แต่เป็นคนที่อ้วนมากน้ำหนักมากสุด 110 ก.ก. ปัจจุบัน  75 ก.ก.  ลดเอง ควบคุมอาหาร+ออกกำลังกาย ให้เวลากับการลด ไม่อยากให้ทานเลยคะ "ยาลดความอ้วน"  อันตรายมีข่าวบ่อยๆ ขนาดยารักษาโรคทั่วไปในคนปกติ ทานเข้าไปยังมีผลต่อไต ตับ แต่ยารักษาโรคจำเป็นต่อผู้ป่วย ต้องกินเพื่อรักษาชีวิต "ยาลดน้ำหนัก"  มีผลต่อร่างกายแน่นอน" ระยะสั้น อาจส่งผลถึงตาย (คนตายไม่รับรู้ แต่คนอยู่ พ่อแม่ซิคะ) ระยะยาว ระบบการทำงานร่างกายภายใน รักตัวเองจริง อย่ากินเลยคะ ไอ้ยาลดความอ้วนเนี่ย ลองเข้าไปอ่านนะคะ http://www.pantip.com/cafe/woman/topic/Q9635567/Q9635567.html#91 จากคุณ : เช้าวันใหม่กับใจดวงเดิม เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 53 13:38:46

ความคิดเห็นที่ 42 ไม่ได้อ้วนแบบนี้มาตั้งแต่เกิดนะแม้จะเป็นโคร่งใหญ่ อวบๆบ้างก็ตาม ไปเรียนต่อสองปีน้ำหนักขึ้นมา 18 กิโลค่ะ  ตอนนี้ก็ยังอ้วนค่ะ พยายามลดน้ำหนักด้วยการควบคุมอาหารและออกกำลังกายมาตลอด สำเร็จบ้างหลุดบ้าง แม้จะโดนเหน็บแหนม แซวทัก เจ็บแสบขนาดไหนเสียใจ จริงอะไรจริงมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ยังไม่ยอมกินยาลดความอ้วนค่ะ ยังพยายามต่อไป เรื่องสุขภาพเป็นหลักค่ะ ถ้าสวยไปแต่ป่วยนู้นนี่นั่น จะมีความสุขจริงๆหรือค่ะ เป็นอะไรไปคนที่เค้านั่งชมเราหุ่นดีหุ่นสวยเค้าจะมาเศร้าใจกับเราหรือเปล่า คนที่เศร้านะพ่อแม่เรานะค่ะ เรื่องที่อยากให้ผู้ชายมอง ใช่ตอนเราผอมคนมาจีบมากมาย พออ้วนก็เหมือนป้าอ้วนๆคนนึง แต่ผู้ชายที่เราแต่งงานด้วยเค้าไม่แคร์นี่ค่ะ เค้ามาแต่งงานกับเราตอนอ้วนแล้วด้วยซ้ำ เค้ารักที่เราเป็นเรานี่สิค่ะแจ่ม แต่เค้าก็ห่วงสุขภาพเรานะ สองคนก็ชวนกันไปออกกำลังกายค่ะ ตอนนี้ไม่ขอผอมเหมือนเดิม เอาแค่อยู่ในเกณฑ์ที่ไม่ทำให้เสียสุขาภาพก็โอเคแล้ว เรามีแฟนเก่าที่พูดเล่นกับเราว่า อ้วนขึ้น18โลเหรองั้นไปลดความอ้วนก่อนแล้วค่อยมาเจอกันนะ โอ้ยเจ็บค่ะแม้จะบอกว่าพูดเล่นก็เถอะ มาออกกำลังกายกันเถอะคร๊า... จากคุณ : Wineglass เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 53 18:43:49

ความคิดเห็นที่ 43 ออกกำลังกายดีกว่ามั๊ยคะ จากคุณ : The Little Dollxs เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 53 21:08:20

ความคิดเห็นที่ 44 จะลดด้วยวิธีไหน ก็มีความเสี่ยงด้วยกันทั้งน้นนะ ที่สำคัญต้องทำอย่างสม่ำเสมอ   หากไม่สนใจมันก็จะกลับมาหาเราอีก   การลดน้ำหนักต้องใช้เวลา ระยะหนึ่ง  แต่การควบคุมน้ำหนักต้องทำไปตลอดชีวิต  นั้นคือเรื่องจริงที่เรารับรู้  แต่มันก็ออกจะยากอยู่สักหน่อย มันไม่ได้หมายถึงความสวยเพียงอย่างเดียว มันคือสุขภาพกาย  ใจ  และความภูมิใจของตัวเรา แต่ระดับความพอใจของคนเรานั้นต่างกันค่ะ  ต้องอาศัยความพอดี เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังต่อสู้นะค่ะ  สู้ไปพร้อมๆกันค่ะ จากคุณ : j maxnison เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 53 04:03:33

ความคิดเห็นที่ 45 ไม่ได้ติ่งหูนะคะ แต่ขอประนาม ทุกคนที่ให้กิ๊ฟ คห 12 และ เจ้าของคห.นั้นค่ะ ไปเสี่ยงตายเพื่อผู้ชายที่คิดจะมองคุณแค่ภายนอก(ห่วงชีวิตกับพ่อแม่ตัวเองดีกว่าไหม) น้องๆเยาวชนทุกๆคนที่เข้ามารับชมอย่าไปติดความคิดสิ้นคิดแบบนี้เชียวนะคะ ถ้าติดแล้วรีบลบด่วนค่ะ อยากให้ความคิดแบบนี้หมดไปจากสังคมไทยจริงๆ ตัวอย่างมีให้เห็นตั้งมากมาย อยากผอมก็มีตั้งหลายวิธีให้เลือกใช้ แล้วจะไปเลือกทางเลือแบบนั้นทำม๊าย จากคุณ : puggad_d_o_n_g เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 01:36:55

ความคิดเห็นที่ 46 ดิฉันแนะนำอาหารเสริมตัวนี้ค่ะ ทานมาเดือนกว่าๆแล้ว ลดไป 3-4 โล ไม่ลดลงเว่อ เป็นสมุนไพรสกัด ได้รับ อย. ปลอดภัยค่ะ ไม่โยโย่ค่ะ และไม่ทำให้เราไม่อยากอาหาร ทานอาหารได้ตามปกติ เพราะ ทานหลังอาหาร ช่วยดูแลสุขภาพไปในตัวเพราะมีตัวดีทอกที่ช่วยล้างพิษร่างกายค่ะ FaceBook ชื่อว่า “ ลองดูซิ ลองเดอเซ่ ดูแลรูปร่าง ” จากคุณ : chanakan_ff เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 53 22:03:09