ความคิดเห็นที่ 1 เคยได้ยินพี่ ๆ ห้องนี้บอกว่า วิ่งในความเร็วที่คุยได้ แต่ร้องเพลง ไม่ได้ค่ะ จากคุณ : Mrs. Pique แฟนหนูอยู่สเปน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 53 00:30:28

ความคิดเห็นที่ 2 พื้นถนนจะเรียบ หรือจะเนินบ้าง ไม่ใช่ปัญหาครับ ขอให้เป็นพื้นที่เรียบเหมือนถนน และที่สำคัญต้องปลอดภัยครับ ปลอดภัยจากรถยนต์ มอเตอร์ไซด์ สุนัข และโจรผู้ร้าย ซึ่งที่แนะนำที่สุดคือสวนสาธารณะใกล้บ้านครับ เพราะนอกจากเดินทางะดวกแล้ว  พวกรถต่างๆเข้าไปวิ่งรบกวนเราไม่ได้ อีกทั้งอยู่ใกล้บ้าน เราไม่ต้องนำทรัพย์สินมีค่าติดตัวไปด้วย วิ่งเพื่อสุขภาพ วิ่งช้าเท่าไหนก็ได้ แต่อย่าหยุด  อย่างน้อย 10 นาทีขึ้นไป-ครึ่งชั่วโมง  สัปดาห์นึงถ้าวิ่งได้อย่างน้อย 5 วันก็ไม่ต้องห่วงเรื่องความอ้วนแล้วล่ะครับ เรื่องน่องปูด อย่าไปกังวลเลยครับ ผู้หญิงน่องปูดเพราะรองเท้าส้นสูงมากกว่าการวิ่งครับ การวิ่งไม่ทำให้คุณน่องปูดหรอก  แต่จะทำให้ไขมันหน้าขาคุณหายไป และกล้ามเนื้อน่องคุณกระชับแข็งแรงขึ้น ---------------------------------------------------- หลายคนชอบอ้างว่าไม่มีเวลาออกกำลังกาย ผมอยากบอกว่า ช่วงเวลารวมของโฆษณาคั่นช่วงละครวนิดาแค่ 2 ช่วง  ก็น่าจะมากกว่า 10 นาทีแล้วครับ ในยุคสมัยที่ยาเสพติดและโจรเต็มบ้านเมืองเช่นนี้ การวิ่งคืออาวุธที่ดีที่สุดครับ เพราะวันไหนโชคร้ายคุณเจอโจรดักจี้ วันนั้นคุณจะโชคดีครับ เพราะโจรจะวิ่งตามคุณไม่ทันแน่ๆ จากคุณ : pantipsifool (loofsipitnap) เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 53 07:31:37

ความคิดเห็นที่ 3 ^ ^ อยากให้กิ๊ฟข้างบนจังค่ะ  แต่กิ๊ฟหมด... คุณแค๊ฟวิ่งที่  ที่ตัวเองเคยเล่าในกระทู้ก่อนอ่ะดีแล้ว  ปลอดภัยด้วยอะไรด้วยเนอะ แถวบ้านเราก็มีสวนกว้างๆ อยู่สองที่  ออกไปวิ่งอยู่ได้ไม่กี่วันก็หยุดเพราะไม่มีเพื่อนด้วย กำลังจะหาลู่วิ่งมาวางหน้าบ้าน  พอว่างก็เดินๆ วิ่งๆ  ก็พอจะช่วยได้เหมือนกัน จากคุณ : กำลังทำงาน เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 53 08:56:19

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณ คห.ที่2 คะ  ให้กิ๊ฟแทนความเห็นข้างบนด้วยนะค่ะ พอดีเดือนนี้ยังเหลืออีกเยอะ จากคุณ : อรทานชินี เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 53 09:38:14

ความคิดเห็นที่ 5 บอกไว้ก่อนว่าการวิ่งไม่ได้ช่วยเรื่องลดน้ำหนักนะค่ะ  ยิ่งวิ่งน่องก็ยิ่งโตค่ะ จากคุณ : oyasung เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 53 09:40:32

ความคิดเห็นที่ 6 เคยเป็นนักวิ่งค่ะ นักวิ่งระยะสั้น- มักน่องปูดแบบเห็นๆ นักวิ่งระยะยาว - มักปูดน้อยนึง เราว่าควรวิ่งแบบเหยาะเรื่อยๆ อย่าเร็วมากค่ะ แล้วเห็นด้วยกับคห.บน ส้นสูงทำให้น่องปูดมากกว่าค่ะ จากคุณ : นิฮงโกะ เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 53 10:48:50

ความคิดเห็นที่ 7 การวิ่ง หรือ ขี่จักรยาน ทำให้น่องปูด แต่ความจริงแล้ว ถ้าวิ่งหรือปั่นจักรยานถูกวิธี น่องจะไม่โต นี่คะ เวลาไปปั่นจักรยานที่ฟิตเนส เทรนเนอร์บอกว่า ให้ลงน้ำหนักที่ส้นเท้า อย่าลงน้ำหนักที่ปลายเท้า แล้วน่องจะไม่โต การวิ่งก็คงหลักการเดียวกันล่ะมั้ง จากคุณ : เปิ้ลคุง มิยาบิจัง เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 53 10:57:59

ความคิดเห็นที่ 8 ความเห็นที่ 5 ถ้าไม่ได้เล่นมุก รบกวนขอแหล่งข้อมูลอ้างอิงหน่อยได้ไหมครับ หากเป็นประสบการณ์ตัวเอง รบกวนเล่าเรื่องทางหลังไมค์ก็ได้ครับ ผมอยากทราบว่าสาเหตุที่การวิ่งไม่ได้ช่วยลดน้ำหนักนั้นคืออะไรครับ จากคุณ : loofsipitnap เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 53 11:10:51

ความคิดเห็นที่ 9 มะได้มีความรู้เรืองการวิ่งเล๊ยยยยย แต่แวะมาให้กำลังจายยยยพี่สาวคนสวย อิอิ ปล.เค้าก็อยากวิ่งบ้างไรบ้างง แต่มันเหนือยเหลือเกิ๊นนน ฮุฮุ จากคุณ : รักหนักแน่น เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 53 11:17:20

ความคิดเห็นที่ 10 คุณแม่เราวิ่งทุกเช้ามากว่า 5 ปีแล้วค่ะ สัปดาห์ละ 4-5 วัน วิ่งเหยาะๆ ไม่เร็วมากนัก ประมาณ 50 นาทีค่ะ (ไม่ต่อเนื่องนะคะ วิ่งประมาณ 20-25 นาที - พัก - วิ่ง) น้ำหนักลดลง สะโพก ต้นขา เล็กลง น่องก็ไม่ปูดด้วยค่ะ เมื่อก่อนแม่เราใส่กางเกงไซส์ใหญ่กว่าเรา 1 ไซส์ แต่เดี๋ยวนี้กลับกันแล้วค่ะ แม่ใส่ไซส์เราได้ แต่เราสิต้องไปใส่ไซส์ใหญ่ของแม่แทน T_T จากคุณ : Beyondhorizon เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 53 11:32:02

ความคิดเห็นที่ 11 ^ ฝากให้กิ๊ฟคุณแม่ค่ะ วิ่งแล้วหลอดเลือดหัวใจจะแข็งแรงขึ้นค่ะ คุณหมอของแม่เราแนะนำมาค่ะ ^^ จากคุณ : Buy 1 Get 1 Free เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 53 11:54:58

ความคิดเห็นที่ 12 ถ้าวิ่งอย่างถูกวิธีและควบคุมอาหารควบคู่ไปด้วย น้ำหนักลดแน่นอนค่ะ วิ่งเหยาะ ๆ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที (หรือมากกว่านั้นก็ได้ แต่ไม่ควรเกิน 75 นาที) ค่ะ เมื่อก่อนเราวิ่งเพื่อลดน้ำหนัก (วันละ 45 - 60 นาที) น้ำหนักก็ลดลง แถมน่องไม่ปูดด้วย พูดจากประสบการณ์ตรงของเราเองค่ะ จากคุณ : เหมียวสีส้ม เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 53 13:20:31

ความคิดเห็นที่ 13 วิ่งไม่ให้หนักหน่วงที่น่องมากเกินไป , วิ่งปลายเท้ามากๆ จะทำให้น่องใหญ่ คล้ายๆกับการยืนบนส้นสูงอย่างที่คุณ pantipsifool (loofsipitnap) ว่า ฟังแล้วอาจงง แล้วจะวิ่งยังไง ไม่ให้ใช้ปลายเท้า ก็วิ่งใช้ปลายเท้าเหมือนเดิม แต่ซอร์ฟๆลง ถ่ายน้ำหนักลงกลางเท้ามาปลายเท้า เปรียบเทียบคล้ายๆ การเดิน (แต่ไม่ลงน้ำหนักที่ส้นเท้า) ผลออกมาก็จะเท่ากับว่าวิ่งเหยาะๆไม่เร็วมาก เหมือนที่คห.อื่นๆเค้าแนะนำเลยค่ะ สู้ๆค่ะ แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 53 13:34:09 จากคุณ : huytumhuy เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 53 13:33:09

ความคิดเห็นที่ 14 ว๊าย... กระทู้เรานี่เอง เราก็วิ่งมาได้ 2 -3 ปีแล้วคะ น่องไม่เห็นปูดเลย ระยะทางประมาณ 3 กิโล ต่อครั้ง วิ่งเหยาะๆ เหนื่อยก็เดิน หายเหนื่อยก็ไปต่อ ไม่หักโหม ไม่เน้นเหงื่อโชกคะ แค่อยากให้เลือดสูบฉีด ร่างกายกระปรี้กระเปร่า ไม่ได้ต้องการเพื่อลดน้ำหนักคะ แค่อยากให้แขนขา ดูมีกล้ามเนื้อ ผิวพรรณเปล่งปลั่งบ้าง แต่ปัญหาของเราคือ วิ่งได้ประมาณ 1 กิโล จะคันตั้งแต่ช่วงสะโพก ก้น ลงไปถึงขา น่อง ไม่รู้เป็นอะไร หาสาเหตุไม่ได้ เกาจนขาแดงไปหมด เคยไปโพสถามที่ห้องสวนลุม ก็ไม่เห็นมีใครเคยเป็น  ตอนแรกนึกว่าแพ้ละอองหญ้าตามข้างทาง พอเปลี่ยนมาเป็นวิ่ง บนลูวิ่งของสนามกีฬาก็คันเหมือนเดิมคะ กางเกงขาสั้น ขายาวก็แล้ว  ทานยาแก้แพ้ก่อนไปวิ่งก็แล้ว ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเหมือนกัน ตอนนี้ก็ยังคันเหมือนเดิม จขกท.ไม่ต้องกลัวคะ วิ่งไปเถอะคะ น่องไม่ปูดหรอก เพราะการวิ่งเหยาะๆ ไม่ได้ใช้กล้ามเนื้อที่น่องมากเท่าไร ถ้าปั่นจักรยานขึ้นเขา ว่าไปอย่าง จากคุณ : คาร่าลิลลี่ เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 53 13:38:06

ความคิดเห็นที่ 15 เหมือนคห.ที่ 6 ค่ะ เป็นนักวิ่งตอนเด็กเหมือนกันค่ะ วิ่งระยะ 100 เมตรถึง 1500 เมตร ตอนนี้น่องปูดอยู่ หาวิธีลดน่องอยู่เหมือนกันค่ะ T^T จากคุณ : Morch_y เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 53 15:55:14

ความคิดเห็นที่ 16 คห.14 วิ่งแล้วคันเหมือนกันค่ะ งงเหมือนกัน วิ่งไปเกาไปจนเพื่อนว่าเป็นลิงไปแล้ว= =" สำหรับข้าน้อยวิ่งแล้วลดน้ำหนักได้จริงๆนะคะ ถ้ากินเท่าเดิม ไม่ใช่วิ่งเหนื่อยแล้วกินเยอะขึ้น แต่น่องปูดไม่ปูดไม่รู้นะคะ เพราะขาใหญ่อยู่แล้ว ปูดไม่ปูดก็ไม่มีอะไรแตกต่าง= =" จากคุณ : โลกนี้ยังคงน่ารักเสมอ เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 53 19:09:40

ความคิดเห็นที่ 17 ตอบความเห็นที่ 14 และ 16 ครับ ผมไม่แน่ใจเหมือนกันครับว่าเป็นเพราะแพ้อะไร ถ้าให้ผมเดาเบื้องต้น ลองเดาดังนี้ครับ 1.อาจเป็นไปได้กับอาหารการกินบางอย่างครับ  เช่นอาหารทะเล อาหารทอดๆ น้ำอัดลม เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ หรืออาจจะยาบางชนิดเช่นยาุคุม ยาป้องกันสิว คือเวลาเรากินเข้าไปแล้ว มันยังอยู่ในสภาวะที่ยังไม่แสดงอาการ แต่เมื่อเราออกกำลังกาย แล้วร่างกายภายในมีความร้อนเพิ่มขึ้น หรือสารอะลีนาลีนหลั่งออกมา อาจจะไปกระตุ้นให้อาการอาหารเป็นพิษกำเริบได้ครับ ทางแก้ก็คือลองเปลี่ยนอาหาร หรือหยุดยา แล้ววิ่งดู ลองไปเรื่อยๆครับ จนกว่าจะเจอสาเหตุ //การเปลี่ยนเวลามาวิ่งเช้าๆ หลังตื่นนอนก็อาจช่วยได้เช่นกันครับ ------------------------------------ 2.สาเหตุต่อมาคืออาจจะแพ้เหงื่อตัวเองครับ ซึ่งถ้าหากแพ้เหงื่อตัวเองจริง ก็จะไม่เกี่ยวกับการวิ่ง หากไปนั่งซาวน่า เหงื่อออกก็ต้องคัน(แพ้)เหมือนกัน ------------------------------------ 3.ผิวหนังบอบบาง แพ้ง่าย แล้วไปเสียดสีกับตะเข็บกางเกง/ผิวผ้ากางเกงขณะวิ่งครับ  ทางแก้คือใส่กางเกงวิ่งครับ(ซึ่งจะโป๊หน่อยๆ) หรือหากางเกงที่ทำจากผ้าที่เราไม่แพ้ ซึ่งอาจต้องซื้อของแพงมียี่ห้อนิดนึงครับ จากคุณ : pantipisfool (loofsipitnap) เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 53 19:41:50

ความคิดเห็นที่ 18 ^ ^ ^ คห 17  ขอบคุณมากคะที่กรุณาตอบ เรื่อง เดี๋ยวของสังเกตุเรื่องอาหารคะ  เช่นของทอด น้ำอัดลมอะไรทำนองนี้ ถ้ายาคุมไม่ได้ทาน ยาสิวนี่คือยาทาน ใช่ปะคะ  หรือยาทา ถ้าจะเป็นยาทาจะได้หยุดลอง BHA ดู  (ยาทามันจะเกี่ยวด้วยเหรอคะแอบสงสัย ) แพ้เหงื่อ ไม่น่าคะ  เพราะเหงื่อออก หลังเยอะมากกลับไม่คัน   จะคันเฉพาะช่วงสะโพกลงไปถึงน่อง  แม้้ใส่ขาสั้นก็ยังคันที่น่อง ล่าสุด เย็นนี้ก็คันคะ  วิ่งได้ประมาณกิโล คันซะละ  เป็นอุปสรรคของชีวิตมากๆ จากคุณ : คาร่าลิลลี่ เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 53 21:52:37

ความคิดเห็นที่ 19 เราวิ่งแล้วน้ำหนักลดนะ ช่วยได้จริงๆ แล้วเรารู้สึกว่า วันไหนที่วิ่งจะไม่ค่อยหิว แต่วันที่ไม่ได้ไปวิ่งอ่ะ หิวมาก จากคุณ : Vale เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 53 21:55:06

ความคิดเห็นที่ 20 คันจนวิ่งเสร็จเลยเหรอคะ ของเราเริ่มคันยิบๆตอนเดินเร็วไปได้ซักพัก หรือวิ่ง(เมื่ิอก่อน) เหมือนเลือดมันไปสูบฉีดแถวนั้นดีขึ้นน่ะค่ะ เหมือนเวลาเราเล่นกำข้อมือไว้ซักพักแล้วปล่อยให้เลือดไหลเข้าไป ^^" ดีจังเจอกระทู้นี้กำลังอยากรู้เลยว่าวิ่งซักกี่นาทีดี จากคุณ : azur เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 53 21:55:53

ความคิดเห็นที่ 21 คันจนวิ่งเสร็จเลยเหรอคะ ของเราเริ่มคันยิบๆตอนเดินเร็วไปได้ซักพัก หรือวิ่ง(เมื่ิอก่อน) เหมือนเลือดมันไปสูบฉีดแถวนั้นดีขึ้นน่ะค่ะ เหมือนเวลาเราเล่นกำข้อมือไว้ซักพักแล้วปล่อยให้เลือดไหลเข้าไป ^^" ดีจังเจอกระทู้นี้กำลังอยากรู้เลยว่าวิ่งซักกี่นาทีดี จากคุณ : azur เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 53 21:59:53

ความคิดเห็นที่ 22 วันนี้เราก็ไปวิ่งมา เหงื่อออกดีมากจริงๆเปียกหมดเลยอะ กลับมาถึงบ้านก็กิน ทุกอย่างที่ขวางหน้ารุย แล้วแบบนี้เมื่อไหร่จะลดได้ว้า คุณ คาร่าลิลลี่  คันไม่หายเลยเหรอคะ  แบบนี้ก็แย่เลยเนอะ เราเคยเป็นนะ มันเป็นอาการที่เนื้อสั่นสะเทือนมากไปหรือป่าวคะ มันจะมีรอยแดงๆด้วย เหมือนเวลาเราเล่นอูลาฮูปอะคะ จะคันที่เอวมันเป็นแบบนี้ป่าวคะ จากคุณ : ช็อกโกแลตกับสตรอเบอรี่ เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 53 22:59:21

ความคิดเห็นที่ 23 สนุกดีคะ  กระทู้นี้ ^ ^ ^ วิ่งเสร็จ เรากลับ ไม่หิวข้าวซะงั้น เหมือนจะอิ่มๆ อิ่มอะไรก็ไม่รู้ แฟนเราก็เป็นคะ แต่ก็ทานมื้อเย็นนะ  แต่ทานได้ไม่เยอะเพราะมันรู้สึกอิ่ม หรือว่าเราดื่มน้ำไปเยอะตอนวิ่งเสร็จ น้ำก็ช่วยให้อิ่มได้นะคะ อย่างบางทีซ้อนรถมอเตอร์ไซค์ก็คันที่สะโพกคะ  หรือว่าอาจจะเป็นที่ผิวเราสั่นสะเทือนก็ได้มั้งคะ   เพราะมันคันแบบเดียวกัน แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 53 08:20:23 จากคุณ : คาร่าลิลลี่ เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 53 08:19:45

ความคิดเห็นที่ 24 azur  @  ปกติเราวิ่งระยะทางราวๆ 3 กม. ใช้เวลาประมาณ 15 นาที วิ่งบ้างเดินบ้าง แล้วแต่ว่าเราจะสะดวกคะ วิ่งเสร็จก็มาขี่มอเตอร์ไซ รับลมเย็น เพราะเหงื่อตามแขน ขา ลำตัว   อุปสรรคสำหรับช่วงนี้คือจะเข้าหน้าหนาว ตะวันตกเร็ว มืดไว คือเลิกงานแล้วต้องรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า มาวิ่งทันที ปกติเลิก 17.30 น. (เอาข้าวให้เป็ดก่อน)กว่าจะได้มาวิ่งก็เกือบๆ 18.00 น. ต้องรีบวิ่งภายในไม่เกิน 18.30 น. เพราะมันจะเริ่มมืดๆ มองไม่เห็นว่าใครเป็นใครแล้ว อันตรายคะ   นี่ขนาดยังเพิ่ง เดือน กย. นะ   ถ้าหน้าหนาวจริงๆ จะมืดเร็วกว่านี้ ยังเซ็งอยู่เลย เพราะหน้าหนาวทีไรมาวิ่งไม่ค่อยจะทัน   วิ่งเป็นการออกกำลังที่ประหยัดที่สุดแล้ว ไม่ต้องเสียค่าเมมเบอร์ คะ จากคุณ : คาร่าลิลลี่ เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 53 08:35:39

ความคิดเห็นที่ 25 เราเองก็เป็นอีกคนค่ะที่ใช้การวิ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการลดน้ำหนัก(แบบจริงจัง) เราเริ่มวิ่งที่สวนสาธารณะแถวบ้านค่ะ 1รอบก็ประมาณ 1 สนามฟุตบอลใหญ่มั้ง น่าจะราวๆ 800 เมตร - 1กิโลอ่ะค่ะ เราเริ่มจากการตั้งใจว่า "ทำยังไงก็ได้แต่ฉันต้องวนให้ครบ5รอบ" ก็เลยเริ่มเดินไปเรื่อยๆแล้วก็วิ่งค่ะ เทคนิคการวิ่งของเราก็คือไม่มองใคร ไม่ไปเทียบความเร็วกับใครค่ะ มีโฟกัส ตามองที่โฟกัสตัวเองค่ะ ตั้งใจวิ่ง เช่นเดินได้ครึ่งสนามวิ่งอีกครึ่งนึงให้ถึงจุดเริ่มค่ะ รอบ2ก็เดินให้น้อยลงอีกนิดน่ะ..แล้วก็เริ่มวิ่งให้ยาวขึ้นค่ะ โดยยังคงใส่ใจกับโฟกัสเป็นหลักค่ะ เหตุเพราะมันทำให้เรามีสูนดี พอมีสมดุลเราจะลงน้ำหนักได้ถูกต้องค่ะ จากนั้นก็วิ่งต่อไปเรื่อยๆจนครบ5รอบค่ะ เราลากตัวเอง ตบตี บังคับตัวเองให้ทำอย่างงี้อยู่2อาทิตย์เต็มๆ จนร่างกายเราหลุดจากความเคยชินเดิมๆค่ะ จากนั้นเราจะเริ่มอยากวิ่งด้วยเอง บอดจะเริ่มขยาย และเราจะไม่รู้สึกว่าวิ่งๆไปแล้วหายใจไม่ทันอีกเลยค่ะ จากนั้นเราจะเพิ่มรอบวิ่งทุกๆ1อาทิตย์ค่ะ เพราะหลักการคือทำยังไงก็ได้ให้ออกกำลังกายให้ได้อย่างต่ำ 30 นาทีค่ะ 20นาทีแรกเป็นการburnของที่เรากินวันนี้ ส่วนอีก10นาทีเป็นการburnของที่สะสมอยู่ค่ะ ตลอดเวลาที่วิ่งหรือเดิน เราจะโฟกัสที่จุดๆนึงตลอดค่ะ เช่นมองไปข้างหน้า ถึงทางโค้งก็หาโฟกัสใหม่แล้วก็มองไปข้างหน้าต่อค่ะ ฟังเสียหัวใจตัวเองให้เต็นสม่ำเสมอค่ะ เราใช้เวลาทั้งหมด6เดือน กับการลดน้ำหนักจาก 75กิโล ลงมาเหลือ 53กิโลค่ะ เอาใจช่วยนะคะ จากคุณ : Manika เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 53 16:03:40

ความคิดเห็นที่ 26 แถมอีกนิดค่ะ ถ้าเบื่อเมื่อไหร่ เราก็จะเอาMp3มาฟังค่ะ ส่วนตัวเราจะฟัง hiphopค่ะ เลือกเพลงที่บีทเท่าๆกัน ไม่เราไปไม่ช้าไป ก่อนวิ่งถอดทุกอย่างออกให้หมด ..ม่ายใช่แก้ผ้าวิ่งนะจ๊ะ.. สร้อย แหวน ต่างหู เสื้อในรัดๆ-มีโครง เราใส่เป็นสปอร์ตบาร์ค่ะ เพราะพอรัดๆแล้วมันจะคันค่ะ เครื่องประดับก็ทำให้คันนะจ๊ะ แบบว่าเราเหงื่อเค็มค่ะ ส่วนหูฟังเราเลือกใช้แบบคล้องหูค่ะ ไม่เอายัดเข้ารู เพราะต้องคอยระวังมันหลุดอ่ะ พอวิ่งเสร็จเราก็จะยืดกล้ามเนื้อก่อนที่จะขับรถกลับบ้านค่ะ ระหว่างขับรถก็จะไม่เปิดแอร์ค่ะ และจริงๆแล้วถ้าคุณออกกำลังกายถึงจุดๆนึง คุณจะไม่หิวค่ะ หลังจากออกกำลังแล้ว30นาที เราก็จะอาบน้ำ จากนั้นก็โส้ยแอปเปิ้ล1ลูก หรือปลาทูนึ่ง เปนอันเสร็จพิธีค่ะ จากคุณ : Manika เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 53 16:11:50