ความคิดเห็นที่ 1 ฟีโรโมน ( Pheromone ) คืออะไร ? ฟีโรโมน คือ สารเคมีที่สร้างจากต่อมมีท่อ สร้างและหลั่งออกมานอกร่างกาย แล้วสามารถไปมีผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรมและสรีรวิทยาในสัตว์ตัวอื่นที่เป็นสัตว์ชนิดเดียวกันได้ ฟีโรโมน ต่างกับ ฮอร์โมน ตรงที่ ฮอร์โมนสร้างจากต่อมไร้ท่อ  มีผลเฉพาะแต่ภายในร่างกายของสัตว์เท่านั้น จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 53 14:43:57

ความคิดเห็นที่ 2 สัตว์รับรู้ฟีโรโมนได้อย่างไร ? 1. การกิน เช่น ผึ้ง นางพญาจะสร้างฟีโรโมนยับยั้งรังไข่ของผึ้งงาน ( ผึ้งงานมีเฉพาะตัวเมีย) ไม่ให้มีการเจริญเติบโตและสร้างรังไข่ จึงไม่มีโอกาสสืบพันธุ์ 2. การดูดซึม พบเฉพาะในสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังเท่านั้น เช่น แมงมุมบางชนิด และแมลงสาบ ตัวเมียจะปล่อยฟีโรโมนทิ้งเอาไว้จนกระทั่งตัวผู้มาสัมผัส ก็จะซึมเข้าไปกระตุ้นให้เกิดความต้องการทางเพศ ติดตามหาตัวเมียจนพบและผสมพันธุ์ แต่ในตั๊กแตนตัวผู้จะปล่อยฟีโรโมนทิ้งเอาไว้หลังผสมพันธุ์ เมื่อตัวอ่อนมาสัมผัสฟีโรโมนนั้นก็จะดูดซึมเข้าไปกระตุ้นให้เติบโตเป็นตัวเต็มวัยและสืบพันธุ์ได้ 3. ทางการสูดดม สัตว์รับรู้ฟีโรโมนผ่านการสูดดมได้อย่างไร? การรับรู้กลิ่น (Odor) ต่างกับการรับรู้ฟีโรโมนค่ะ การรับรู้กลิ่น อณูของกลิ่นถูกสูดเข้าไปตามทางเดินหายใจ และตกลงไป ละลายที่เยื่อบุโพรงจมูกซึ่งมีตัวรับกลิ่น เปลี่ยนเคมีให้กลายเป็นสัญญาณประสาทแล้วส่งไปประมวลที่สมอง รูปประกอบแสดงการรับรู้กลิ่นค่ะ จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 53 14:49:07

ความคิดเห็นที่ 3 สัตว์รับรู้ฟีโรโมนผ่านอวัยวะส่วน Vomeronasal organ (หรือ Jacobson's organ) ซึ่งอยู่ในโพรงจมูก เมื่ออณูของฟีโรโมนถูกสูดดม ฟีโรโมนจะกระตุ้นให้เกิดกระแสประสาท ไปตามเส้นประสาท แล้วตรงไปที่สมองส่วนกลาง รูปประกอบ Vomeronasal organ ของแมวและคน จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 53 14:52:18

ความคิดเห็นที่ 4 แล้วมนุษย์รับรู้ฟีโรโมนได้หรือไม่ ? การรับ “กลิ่น” ของมนุษย์แบ่งกว้างๆ เป็น .. 1. รับผ่านระบบรับกลิ่น ระบบนี้เป็นระบบที่รับกลิ่นที่เราสัมผัสในชีวิตประจำวัน ทั้งกลิ่นอาหาร กลิ่นโลชั่น น้ำหอม หลักการเดียวกับรูปประกอบ 2 2. รับรู้ฟีโรโมน Vomeronasal organ ที่พัฒนาและทำหน้าที่รับฟีโรโมนดีในสัตว์หนู กระต่าย และสัตว์กีบ แต่ไม่พบอวัยวะนี้ในวาฬบางประเภท และลิงโลกเก่า ส่วนในมนุษย์ ขณะที่ยังเป็นตัวอ่อน เรายังพบ Vomeronasal organ นี้พร้อมกับมีเส้นประสาทมาเลี้ยง (bipolar cells) เหมือนกับที่พบในสัตว์ แต่ ... พอโตเป็นผู้ใหญ่ อวัยวะนี้กลับลดขนาดลง และเปลี่ยนแปลงไป ในแต่ละคนก็เปลี่ยนแปลงไม่เท่ากันด้วย  นอกจากนี้ยังพบว่า Vomeronasal organ ไม่มีเส้นประสาทส่งออกมา จึงยังเป็นปริศนาว่า อวัยวะรับฟีโรโมนในผู้ใหญ่บางคนยังทำงานได้หรือไม่ และสื่อสารกับสมองได้อย่างไร จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 53 15:03:30

ความคิดเห็นที่ 5 ทีนี้มาดูแหล่งผลิตฟีโรโมนกันบ้าง ในสัตว์ เช่น สุนัข แมว ทราบแล้วว่าแหล่งผลิตฟีโรโมนมีหลายแห่งด้วยกันตามแต่ชนิด และการทำงานของฟีโรโมนค่ะ ภาพประกอบ น้องแมวกำลังปล่อยฟีโรโมนที่สร้างจากบริเวณใบหน้า เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของค่ะ จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 53 15:11:33

ความคิดเห็นที่ 6 ว้าวๆๆๆๆ มาแล้วๆๆๆ เห็นอยู่ห้องหว้ากอ ดีใจจริงๆ ที่มาโพสห้องแป้งด้วย :)) จากคุณ : KinkyVans เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 53 15:14:10

ความคิดเห็นที่ 7 แล้วฟีโรโมนของมนุษย์สร้างที่ไหน ? ยังไม่ทราบว่าฟีโรโมนของมนุษย์สร้างที่อวัยวะใดบ้าง แต่คาดว่าสร้างที่ต่อมเหงื่อบางประเภท ซึ่งมีมากที่บริเวณรักแร้ ต่อมเหงื่อนี้ตอนเด็กไม่พัฒนามากนัก แต่จะเจริญมากขึ้นเมื่อเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ เหงื่อที่หลั่งจากต่อมเหงื่อใหม่ๆจะไม่มีกลิ่น แต่กลิ่นมาจากการหมักหมมของเหงื่อและแบคทีเรีย ซึ่งเหงื่อของชาย และหญิงนั้นมีกลิ่นต่างกันเพราะแบคทีเรียต่างชนิดกัน - ผู้ชายจะมีแบคทีเรียประเภท Coryneform - ส่วนผู้หญิงจะเป็นสายพันธุ์ Micrococci จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 53 15:14:28

ความคิดเห็นที่ 8 ปัจจุบันยังไม่ทราบน่าว่าฟีโรโมนมนุษย์มีกี่ชนิด แต่ สารที่คาดว่าจะเป็นฟีโรโมนของเพศชาย ได้แก่ สารกลุ่ม Androstenes มีหลายชนิด พบที่ไหน : สารนี้พบตามธรรมชาติมากบริเวณรักแร้ และ ยังพบในปัสสาวะ เลือด (ส่วนพลาสม่า) น้ำลาย และน้ำเชื้อ   สาร Androstenes เมื่อหลั่งออกมาแล้วจะถูกแบคทีเรีย Coryneform  ที่ประจำการอยู่ในรักแร้ของชายหนุ่ม (และไม่ค่อยจะหนุ่ม) เปลี่ยนประเภทจากสารกลุ่มที่มีกลิ่นน้อย และมีกลิ่นโทน musk กลายเป็น  androstenes androstenol และ androstenone ที่มีกลิ่นแรงกว่า และมีกลิ่นคล้ายปัสสาวะ จึงไม่แปลก ที่ชายหนุ่มของเราบางครั้งมีกลิ่นตัวเหม็นเหมือนฉี่เด็ก แก้ไขเมื่อ 13 ต.ค. 53 15:27:11 จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 53 15:24:06

ความคิดเห็นที่ 9 ... จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 53 15:24:39

ความคิดเห็นที่ 10 ส่วนผู้หญิงแบคทีเรีย Micrococci หมักกับเหงื่อได้สาร Isovaleric acid Isovaleric acid เมื่อรวมกับกรดไขมันประภทอื่น ได้สาร  “Copulin” พบได้ที่ไหน : พบตามธรรมชาติที่ รักแร้ และอวัยวะเพศของทั้งผู้หญิง และลิงตัวเมีย Copulin คาดว่าจะเป็นฟีโรโมนเพศหญิง และ “คาดว่า”มีผลดึงดูดทางเพศ จึงมีคนอ้างนำไปใช้ผสมในน้ำหอมมากมาย แต่ ก็ยังไม่มีงานทดลองใดที่ชี้ขาดว่าสารตัวนี้มีผลเปลี่ยนพฤติกรรมมนุษย์ได้จริง โดยไม่มีผลทางจิตวิทยามาเกี่ยวข้อง จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 53 15:30:45

ความคิดเห็นที่ 11 แล้วฟีโรโมนมีผลต่อพฤติกรรมมนุษย์หรือไม่ ? คำตอบยังไม่ทราบแน่ชัด และมีข้อถกเถียงมากมายว่าตัวของฟีโรโมนมีผลต่อพฤติกรรมมนุษย์จริง หรือมาจาผลจากจิตวิทยากันแน่ งานวิจัยส่วนใหญ่ที่ทำมักใช้สารกลุ่ม Androstenone ที่พบตามธรรมชาติอยู่ในเหงื่อผุ้ชาย จากการศึกษาพบว่าเด็กเล็กสามารถรับรู้สาร Androstenone นี้ได้ แต่ เมื่อโตขึ้นถึงวัยเจริญพันธุ์ คน 40% จะเสียความสามารถในการรับรู้ไป จึงเชื่อว่าการรับรู้สารนี้อาจจะขึ้นกับพันธุกรรมก็ได้ ส่วนผู้ใหญ่ที่สามารถรับรู้สารนี้ได้ มักจะบอกว่ามีสารกลุ่ม Androstenone  กลิ่นคล้ายปัสสาวะ หรือกลิ่นผ้าอ้อมสกปรกของเด็กค่ะ ซึ่งการทดลองเกี่ยวกับพฤติกรรมมนุษย์ที่ใช้สารนี้ จะไม่ใช้คนที่สามารถรับรู้สารกลุ่ม Androstenone (Saxton TK, 2008) จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 53 15:34:35

ความคิดเห็นที่ 12 แล้วฟีโรโมนมีผลต่อพฤติกรรมในการเลือกคู่หรือไม่ ? เนื่องจากมนุษย์พัฒนาประสาทสัมผัสด้านอื่น เช่น การมองเห็น มากกว่าสัตว์ชั้นต่ำที่ยังต้องพึ่งการดมกลิ่นอยู่ ระบบฟีโรโมนจึงลดความสำคัญลงมาก และผลการศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมมนุษย์ยังขัดแย้งกันอยู่ค่ะ ว่าฟีโรโมนมีผลจริง หรือเป็นผลแบบ Placebo effect ยกตัวอย่างการทดลอง เช่น เมื่อผู้หญิงดมฟีโรโมนชาย (androstenone) แล้วให้คะแนนความดึงดูดทางเพศของตนเอง - พบว่าคะแนนที่ให้ตัวเองลดลง - และเมื่อให้มองรูปภาพของชายหนุ่มขณะที่มีฟีโรโมนตัวนี้ และขณะไม่มี พบว่าคะแนนความดึงดูดทางเพศของหนุ่มในรูปเมื่อมีฟีโรโมนกลับต่ำกว่าตอนไม่มี แต่อีกกการทดลอง ให้อาสาสมัครชาย ดมเสื้อที่เพิ่งถอดจากผุ้หญิงที่อยู่ในช่วงใกล้ช่วงไข่ตกกับเสื้อของผู้หญิงที่ไม่ได้อยู่ใกล้กับช่วงนั้น และเสื้อที่ไม่มีคนใส่ พบว่าผุ้ชายที่ดมเสื้อของผุ้หญิงที่ใกล้ช่วงไข่ตกจะมีระดับฮอร์โมนเพศชาย (Testosterone) มากกว่าอีกสองกลุ่ม (Miller SL, 2010) จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 53 15:39:53

ความคิดเห็นที่ 13 สำหรับคนที่คิดจะใช้ฟีโรโมนเพื่อกระตุ้นความสนใจจากเพศตรงข้าม การทดลองนี้น่าสนใจค่ะ การทดลองทำในประเทศอังกฤษโดยให้อาสาสมัคร เข้าร่วมทดลองโดยใช้วิธีเดทด่วน (speed-dating) พูดคุยกันในระยะเวลาสั้นๆ แล้วสลับคู่เดท โดยแบ่งเป็น 3 event event 1 หญิง 25 คน และชาย 22 คน อายุ 19–25 ปี   event 2 หญิง 17 คน และชาย 19 คน อายุ 35–44ปี   event 3 หญิง 12 คน และชาย 25 คน อายุ 21–39 ปี   ก่อนการเดท ผู้หญิงที่เข้าร่วมการทดลองจะถูกสุ่มทาที่ใต้จมูกด้วย - น้ำเปล่า - น้ำมันกานพลู (Clove oil) เจือจาง หรือ - น้ำมันกานพลู ผสมฟีโรโมนชาย (การทดลองนี้ใช้ androstadienone สารที่เคลมว่าเป็นฟีโรโมนเพศชายค่ะ) ในช่วงเดท ผู้หญิงจะให้คะแนนความดึงดูดทางเพศของชายที่เดตด้วย (Attractiveness rating) และ คะแนนความอยากที่จะเดตกันใหม่ (Selection rates) ผลออกมาตามนี้ค่ะ 1. ผู้หญิงกลุ่มที่ได้ฟีโรโมนให้คะแนนความดึงดูดทางเพศของชายที่เดตด้วยสูงกว่ากลุ่มที่ไ้ด้น้ำเปล่า และกลุ่มน้ำมันกานพลู ซึ่งผลนี้ออกมาในกลุ่ม event 1 กับ 2 2. ผู้หญิงกลุ่ม event 2 (อายุมากกว่า event 1) กลุ่มรับฟีโรโมนก็ให้คะแนนสูงกว่ากลุ่มน้ำเปล่า แต่คะแนนกลับไม่ต่างจากกลุ่มที่ได้เฉพาะน้ำมันกานพลู รูปประกอบ เครื่องหมายดาวแสดงว่าคะแนนมีความแตกต่างกันจริงตามสถิติค่ะ จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 53 15:42:53

ความคิดเห็นที่ 14 ส่วนคะแนนความต้องการที่จะเดตกันใหม่ (Selection rates) ผลออกมาตามนี้ค่ะ 1. ผู้หญิงกลุ่ม event 1 ที่อายุเฉลี่ยน้อยสุด กลุ่มที่ได้ฟีโรโมนให้ความอยากที่จะเดตกันใหม่สูงกว่ากลุ่มที่ไ้ด้น้ำเปล่า แต่ กลุ่มน้ำมันกานพลูก็ให้คะแนนสูงกว่ากลุ่มน้ำเปล่าเหมือนกัน 2 ซึ่งผลนี้ไม่พบในกลุ่ม event 2 กับ 3 ดังนั้น ยังชี้ขาดไม่ได้ค่ะว่าการทดลองไม่มีผลจากจิตวิทยาค่ะ จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 53 15:46:03

ความคิดเห็นที่ 15 ที่เลือกการทดลองนี้มานำเสนอเพราะเป็นการทดลองที่ใกล้เดียวกับการใช้ฟีโรโมนเพื่อการดึงดูดทางเพศที่สุด อนึ่ง "การทดลองทางวิทยาศาสตร์" เกี่ยวกับฟีโรโมนกับพฤติกรรมมนุษย์ที่หามาล้วนแต่ทำการทดลองโดยใช้ฟีโรโมนที่สร้างจากธรรมชาติ เช่น ใช้กลิ่นเหงื่อ หรือหากใช้สารสังเคราะห์ แต่ก็มีวิธีการทดลองและข้อจำกัดมากมาย ดิฉันยังไม่พบการทดลองที่เคลมสารสังเคราะห์ฟีโรโมนที่ใช้ผสมกับน้ำหอม หรือเครื่องสำอางที่ขายกัน ว่ามีผลทางวิทยาศาสตร์ สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมมนุษย์ได้จริง หากใครต้องการอ่านฉบับขยายของหว้ากอเชิญได้ที่กระทู้นี้ค่ะ http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X9797776/X9797776.html ------------------------------------------------------------------------------ ที่มา 1. Pause BM. Is the human skin a pheromone-producing organ? J Cosmet Dermatol. 2004 Dec;3(4):223-8 2. Pause BM. Are androgen steroids acting as pheromones in humans? Physiol Behav. 2004 Oct 30;83(1):21-9 3. Pageat P, Gaultier E. Current research in canine and feline pheromones. Vet Clin North Am Small Anim Pract. 2003 Mar;33(2):187-211 4. Stern K, McClintock MK. Regulation of ovulation by human pheromones. Nature 1998;392:177-9 5. Motofei IG. A dual physiological character for sexual function: libido and sexual pheromones. BJU Int. 2009 Dec;104(11):1702-8. Epub 2009 May 19 6. Filsinger EE, Braun JJ, Monte WC. An examination of the effects of putative pheromones on human judgments. Ethol Sociobiol 1985;6:227– 36 7. Miller SL, Maner JK. Scent of a woman: men's testosterone responses to olfactory ovulation cues. Psychol Sci. 2010 Feb 1;21(2):276-83. Epub 2009 Dec 22 8. [รูป # 13, 14 Saxton TK, Lyndon A, Little AC, Roberts SC. Evidence that androstadienone, a putative human chemosignal, modulates women's attributions of men's attractiveness. Horm Behav. 2008 Nov;54(5):597-601. Epub 2008 Jun 1 9. [รูป # 4] http://www.cardiff.ac.uk/biosi/staffinfo/jacob/teaching/sensory/pherom.html 10. [รูป # 2] http://health.howstuffworks.com/human-body/systems/nose-throat/smell2.htm จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 53 15:51:19

ความคิดเห็นที่ 16 คำถามสุดท้าย ... ควรจะซื้อเครื่องสำอางที่อ้างว่าผสมฟีโรโมนหรือไม่? ตามข้อมูลที่ได้พยายามค้นมา ดิฉันไม่ทราบว่าเครื่องสำอางที่อ้างว่าใส่ฟีโรโมนนั้น.. 1. ใส่จริงหรือไม่ และเมื่อดูจากต้นทุน-ราคาขาย จะมีปริมาณฟีโรโมนเท่าไหร่ มากพอจะออกฤทธิ์จนเปลี่ยนพฤติกรรมมนุษย์ได้ไหม? 2.ความคงอยู่ของฟีโรโมนในเครื่องสำอาง - ได้พิสูจน์หรือยังว่าใส่เเล้วมันไม่สลายไปตั้งแต่ 1-2 วันแรกที่บรรจุขวด ? - และเมื่อนำมาใช้ ฟีโรโมนออกฤทธิ์บนผิวผู้ใช้ได้กี่นาที-ชั่วโมง ? และตามความคิดเห็นของดิฉัน ... ในเมื่อ "คาดว่า" มนุษย์มีฟีโรโมนอยู่แล้วตามธรรมชาติ แม้ว่าผลการทดลองยังไม่แน่ชัดว่ามีผลต่อพฤติกรรมมนุษย์จริงหรือไม่ แล้วจะซื้อฟีโรโมนสังเคราะห์เพื่ออะไร ? รอให้วิทยาการมันก้าวหน้าพอที่จะผลิตสารที่กระตุ้นเร้าความสนใจก่อนดีกว่าไหมคะ จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 53 16:06:10

ความคิดเห็นที่ 17 ทิ้งท้าย อยากให้ผู้อ่านรู้จักคำนี้ค่ะ Placebo effect Placebo Effect หมายถึง ผลที่น่าพอใจของการได้รับสารหนึ่งๆ ซึ่งเป็นผลที่เกิดจากความเชื่อหรือการคาดหวังว่าจะเกิดผลดีของผู้รับสารนั้นเอง หลักฐานงานวิจัยทางการแพทย์ในเรื่อง Placebo Effect นั้นมีมากมาย เช่น ฤทธิ์การแก้ปวดกับราคายาที่คนไข้รับรู้ โดยให้คนปกติ ครึ่งหนึ่งให้กินยาหลอกที่ไม่มีผลใด ๆ ต่อการลดอาการปวด (Placebo = ยาหลอก เม็ดแป้งธรรมดา) โดยบอกคนกินเม็ดแป้งว่าเป็นยาแก้ปวดขนานใหม่ที่มีราคา $2.50 ส่วนอีกครึ่งหนึ่งก็ให้กินยาหลอกตัวเดียวกัน แต่บอกว่า ยาถูกลดราคาลงมาเหลือ $0.10 แล้วนำกลุ่มทดลองทั้งสองกลุ่มไปทดสอบให้คะแนนระดับความเจ็บปวดโดยการช็อตด้วยไฟฟ้าในปริมาณที่มากขึ้นเรื่อย ๆ จนทนไม่ได้ ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มที่รับรู้ว่ายาแก้ปวดมีราคา $2.50 สามารถลดระดับความเจ็บปวด (จากการให้คะแนนระดับความเจ็บปวดด้วยตัวเอง) หลังจากกินยาได้ 85.4% ในขณะที่กลุ่มที่รับรู้ว่ายามีราคา $0.10 ลดระดับความเจ็บปวดลงได้เพียง 61% การวิจัยนี้ผู้วิจัยก็เลยสรุปผลว่า การรักษาความเจ็บปวดนั้นจะได้ผลดีหรือไม่ส่วนนึงขึ้นอยู่กับความคาดหวังของ คนไข้ ซึ่งก็เป็นไปตามความเชื่อที่ว่ายาที่แพงกว่าจะมีฤทธิ์แก้ปวดที่ดีกว่า ทำให้เรามีแนวโน้มจะหันไปหายาแพง ๆ ที่ออกมาใหม่ ๆ มาใช้รักษาอาการปวด และบริษัทผู้ผลิตยาก็สามารถขายยาใหม่ได้เรื่อย ๆ ในราคาที่สูงกว่ายาเก่า ที่มา http://jama.ama-assn.org/cgi/content/extract/299/9/1016 แก้ไขเมื่อ 13 ต.ค. 53 16:13:16 จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 53 16:06:39

ความคิดเห็นที่ 18 เค้าเรียกอุปทานแหละ แพงก้อคิดว่าดี จากคุณ : maikeet เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 53 16:43:19

ความคิดเห็นที่ 19 ภาพคห.ที่7 ไม่รักงานนี้จริงทำไม่ได้นะเนี่ย จากคุณ : โครโมโซม X เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 53 16:45:14

ความคิดเห็นที่ 20 ดีมากๆเลยค่ะ ขอบคุณที่เอามาแบ่งปันนะคะ จากคุณ : ชอบดื่มwineค่ะ เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 53 16:52:05

ความคิดเห็นที่ 21 เมื่อคืนก็นั่งอ่านกระทู้แนะนำอยู่ค่ะ น้ำหอมฟีโรโมน เห็นหลายคนสนใจ (แต่เราไม่) ยังคิดอยู่ว่า...ถ้ามันได้ผลจริง มันจะเป็นเครื่องมือที่ทำให้ศีลธรรมตกต่ำลงด้วยหรือเปล่า? ขนาดทุกวันนี้ไม่เป็นที่นิยม เรียกได้ว่า...น้อยคนนักที่จะใช้สิ่งนี้ ระดับการทำผิดศีลธรรมกลับมากขึ้น สังคมเสื่อมลง มีชู้ มีกิ๊กกันมากมาย ถ้าเรามีเครื่องมือ (น้ำหอมฟีโรโมน) ในกรณีที่มันได้ผลจริง เพื่อดึงดูดเพศตรงข้ามให้มาสนใจเรา สังคมจะเป็นยังไง ก็ยังเกรงอยู่ว่า...หลายๆ คนที่สนใจ และมั่นใจว่ามันจะได้ผลจริงแล้วละก็...ให้ทำใจไว้เลยว่า วันนึงคุณอาจจะทำให้ผู้หญิงหลายๆ คนต้องเจ็บช้ำน้ำใจ เพราะแฟนพวกเขาเหล่านั้นหันมาสนใจคุณ อาจเรียกได้ว่า...แฟนตัวจริงทำดีมากมาย แต่สุดท้ายก็ต้องตกม้าตายเพราะน้ำหอมฟีโรโมน มันง่ายไปรึเปล่า? หรือถ้า...คุณเป็นคนที่ไม่ได้ใช้น้ำหอมฟีโรโมน แต่มีผู้หญิงคนอื่นๆ ใช้ แฟนคุณหายไปเพราะไปติดหญิงอื่นที่ใช้น้ำหอมฟีโรโมน มันสมเหตุสมผลแล้วหรือไม่? ถ้าจะมองในแง่ของการแข่งขัน...งานนี้ก็ไม่ใช่ใครดีใครได้ แต่เป็นใครมีปัญญาจ่าย (ค่าซื้อน้ำหอมฟีโรโมน)ก็ได้ไป มันดูไม่ใช่วิธีการที่สะอาดนัก ที่พูดมา...เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของเรานะคะ ไม่คิดจะซื้อ ไม่คิดจะใช้ และไม่คิดจะดึงดูดใครด้วยวิธีการนี้ แต่ใครอยากซื้อก็ซื้อ ใครอยากจะใช้ก็ใช้ แต่เราก็เชื่อเรื่องของกรรมนะ ก่อนใช้ก็น่าจะพิจารณาไตร่ตรองซักนิด ใครทำอะไรไว้...ได้รับชัวร์ๆ อยากดึงดูดเพศตรงข้ามให้มาสนใจ สักวันเสียแฟนคนที่เรารักจริง เพราะหญิงอื่นมาใช้เครื่องมือดึงดูดแฟนเรา ก็อย่าเสียใจทีหลังแล้วกันค่ะ พูดในฐานะที่ไม่มีใครให้เสียนะคะ โสดสนิท แต่แอบห่วงสังคมอ่ะ จากคุณ : ขนมชั้น...เธอห้ามกิน!!! เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 53 17:28:49

ความคิดเห็นที่ 22 แต่เราจะใช้นะคะ   อย่างน้อยคนที่มีแฟนก็ได้เติมความหวานให้กับคู่ชีวิต ไม่ใช้ในชีวิตประจำวัน แต่ใช้เฉพาะในห้องก็ได้นะคะ  คริคริ คนไม่มีแฟนก็มีโอกาสขึ้นมาอีกนิด  ส่วนชายที่มาสนใจเรา เรามีสิทธิเลือกนะคะ (มีแฟนแล้วก็ไม่เอา) สำหรับบางคนที่ใช้สังเกตผู้ชายมองก็จริง แต่ก็ไม่ใช่ว่าผู้ชายจะเข้ามาจีบนะคะ   การจีบ การคบกัน การรักษาความสัมพันธ์ มันเป็นอะไรที่ต้องใช้มากกว่าฟีโรโมนค่ะ ดังนั้น เราจะใช้     เพิ่มความหวานให้ชีวิตคะ จากคุณ : กันดัมจัง เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 53 18:35:15

ความคิดเห็นที่ 23 คหสต.นะคะ อ่านกระทู้คุณเลิฟแล้วอยากใช้ค่ะ   แต่คิดว่าจะใช้กับแฟนคนเดียวนะคะ ไม่ได้คิดว่าจะไปล่อลวงใครที่ไหน อิอิ แต่ก็กลัวซื้อมาแล้วไม่ได้ผลเหมือนกันค่ะ เพราะราคาแพงทีเดียว ถ้าเป็นงั้นจะเซ็งกว่าเดิม จากคุณ : narawen เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 53 19:21:41

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุณมากๆ ค่ะ เห็นด้วยค่ะ กระทู้ที่เราเขียน เราเพียงแต่เขียนจากประสบการณ์ส่วนตัวค่ะ และเราได้พยายามเน้นให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณให้มากๆ ฟีโรโมนก็เป็นอีกหนึ่งสิ่ง ที่มีการวิจัยทั้งที่สนบัสนุน และคัดต้าน ไม่ต่างอะไรจากอีกหลายๆ สิ่งในโลกนี้ เช่น La Mer, SK-II หรือแม้แต่ไข่ไก่ ที่ยังถกเถียงกันว่าดีหรือไม่ดี เชื่อไหมคะไข่ไก่ยังสรุปกันไม่ได้เลยค่ะ เราเห็นด้วยกับเรื่องPlacebo Effect" ค่ะ เพราะเราเองก็เคยอ่านบทความเรื่องเช่นนี้เหมือนกัน ถึงกับเคยมีการทดลองกับนักโทษประหาร บอกเขาว่าเขาจะถูกประหารโดยการฉีดยาพิษ แต่พอเวลาประหารจริงๆ ฉีดน้ำเกลือเข้าไป แต่นักโทษกลับมีอาการแบบที่โดนยาพิษ และหัวใจหยุดเต้นไปในที่สุด แม้แต่เราเอง ตอนเด็กๆ เรากลัวผีมากๆ คุณแม่เลยเอาน้ำมันตับปลาให้กิน หลอกว่าเป็น "ยาแก้กลัวผี" เรากินทุกคืน และคืนไหนที่ได้ยินอะไรประหลาด (เด็กน่ะค่ะ แค่เสียงพื้นไม้ลั่นเพราะอากาศเย็นก็ตกใจกลัว นึกว่าใครเดิน)  หรือฝันร้าย เราจะไม่กลัวเลย เพราะใจคิดว่า "กินยาแก้กลัวผีแล้ว ฉันไม่กลัว" จนพอเราโตไม่ต้องทานน้ำมันตับปลาแล้ว พอแม่เฉลยและเลิกให้ทาน เราก็ดันกลับมากลัวผีซะนี่ ฮ่าๆ นี่คือผลของ "จิต" ค่ะ และน้ำหอมฟีโรโมนสำหรับเรา ตามที่เราเขียนในกระทู้คือ มันอาจได้ผลเพราะเป็นฟีโรโมน หรือได้ผลเพราะ "จิต" ของคนเราก็เป็นได้ค่ะ ในกระทู้เราได้บอกเรื่องนี้ไว้นิดหน่อย ว่าสิ่งที่เราเน้นคือ "ผล" ค่ะ ไม่ว่าจะมาจาก "ฟีโรโมน" หรือ "จิต" สำหรับเราได้ผลแปลว่าได้ผล ไม่ได้ผลแปลว่าไม่ได้ผล ได้จากอะไรนั่นเป็นอีกเรื่องค่ะ เช่นเดียวกับการประหารนักโทษตามตัวอย่างข้างบน แม้จะฉีดน้ำเกลือเข้าไป แต่สุดท้ายเขาก็ตาย (แม้จะตายเพราะจิตเขาคิดไปเอง) แต่ก็คือตายอยู่ดี และนั่นคือผลจ้า ในเมื่อยัง "ไม่มีข้อสรุป" ก็คงต้องพิสูจน์ด้วยตนเอง เช่นผลที่เรารีวิวแล้วนั่นคือผลจาก "เรา" คนเดียวจ้า ฟันธงไม่ได้หรอก น้ำหอมฟีโรโมนสำหรับเราแล้วเป็นเหมือนของเล่น และบางทีก็ถือซะว่าเป็น "เครื่องลางมหาเมตตา" ค่ะ ใช้แล้วเราแฮปปี้ ป.ล. ในโลกนี้ไม่มีอะไรได้ผล 100% นะคะ ถ้าใครบอกคุณว่า "ได้ผล 100%" แปลว่าเขาโกหก 100% ค่ะ ได้ผลสำหรับเขา อาจไม่ได้ผลกับเรา ^_^ ขอบคุณเจ้าของกระทู้มากๆ นะคะ ดีใจที่มีประเด็นนี้หยิบยกขึ้นมา เพราะเราเองก็หวาดเสียวในใจ ถ้าคนซื้อตามแล้วไม่ได้ผล ก็สงสารเขาที่ต้องเสียเงินค่ะ บอกตรงๆ ว่าเราก็กังวลเหมือนกัน ยิ่งมีบางร้านแอบมาโฆษณาในกระทู้เรา (เราลบไปแล้ว) เรายิ่งกังวล เอาเป็นว่าอ่านอย่างมีสติ และพิจารณาก่อนเสียเงินนะจ๊ะ แก้ไขเมื่อ 13 ต.ค. 53 21:43:07 จากคุณ : Love Actually is.. เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 53 21:29:26

ความคิดเห็นที่ 25 คห. 21 คะ เป็นประเด็นที่ดีมากๆ ค่ะ เรื่องนี้เราได้เขียนไว้แล้วในกระทู้รีวิวของเรา ความเห็นที่ 153 ค่ะ ขอยกมาตรงนี้นะคะ "แอบรักแฟนคนอื่น สามีคนอื่น หรืออยากแย่งแฟนเก่ามาจากแฟนใหม่เขา ฟีโรโมนช่วยได้ไหมคะ: ไม่มีทางค่ะ ใดๆ ก็ตามที่เริ่มด้วยจิตอกุศลไม่มีทางมีความสุขค่ะ ต่อให้เป็นแฟนเก่าคุณ ก็คือเขาเป็นแฟนคนอื่นไปแล้ว ยังจะไปแย่งเขามาก็ถือว่าอกุศลค่ะ ฟีโรโมนไม่ใช่ยาเสน่ห์ที่มีอำนาจเหนือจิตมนุษย์ และมนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐ มีสติยับยั้งชั่งใจ และหากเขายับยั้งชั้งใจไม่ได้ แพ้อำนาจฟีโรโมนถึงกับทิ้งลูกทิ้งเมียมาหาฟีโรโมน ก็แปลว่าเขาไม่ใช่มนุษย์แล้วแหงๆ ค่ะ มนุษย์ไม่ใช่สัตว์ที่เลือกคู่สืบพันธุ์โดยฟีโรโมนเป็นหลักนะคะ ไม่งั้นเอาฟีโรโมนไปใส่หลินปิง เขาก็คงทิ้งเมียไป featuring กะแพนด้าได้ล่ะค่ะ  เหอๆ น่ากลัว" เรื่องผิดศีลธรรมนะคะ มีชู้ นอกใจ เรารังเกียจเอามากๆ มนุษย์ประเสริฐเขาไม่ทำกันหรอกค่ะ คนไม่ซื่อสัตย์ เปลี่ยนคู่เอาสนุกเพราะพ่ายแพ้ต่อกิเลส.....เราว่ามันไม่ประเสริฐเอาซะเลยจริงๆ ไม่ว่าจะใส่ฟีโรโมนหรือไม่ หากมีคนมีพันธะ ไม่ว่าจะมีแฟนหรือภรรยาแล้ว มายุ่งเกี่ยว ผู้หญิงก็ไม่ควรเปิดโอกาสเลยแม้แต่น้อยค่ะ ไม่มีมาอ้างนับพี่นับน้อง (ถ้าจะนับอย่างนั้นก็ต้องไปเป็นพี่น้องกับภรรยาเขาอย่างบริสุทธิ์ใจซะด้วยนะคะ) ว่าง่ายๆ ถ้าผู้ชายชั่วๆ เข้ามา อย่าไปเปิดโอกาสเลยค่ะ ชีวิตจะตกต่ำลงไปกับเขาด้วย เลือกรักอย่างมีสตินะคะ ^^ จากคุณ : Love Actually is.. เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 53 21:38:37

ความคิดเห็นที่ 26 ชอบเพลงประกอบกระทู้ ^^ แก้ไขเมื่อ 14 ต.ค. 53 10:32:44 จากคุณ : Chef - Paryfar เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 10:32:32

ความคิดเห็นที่ 27 "การจีบ การคบกัน การรักษาความสัมพันธ์ มันเป็นอะไรที่ต้องใช้มากกว่าฟีโรโมนค่ะ" ตามนั้นเลยค่ะคุณกันดัมจัง ^^  สำหรับเราชอบใช้น้ำหอมทุกอย่างก็เพราะมันทำให้เราอารมณ์ดี (กลิ่นไหนดึงดูดแต่กลิ่นไม่ถูกใจเรา เราก็ไม่ใช้นะไม่มีความสุข) เผอิญมีบางกลิ่นพิเศษที่ทำให้คนรักรู้สึกชอบไปกับเราด้วยก็ถือว่าเป็นผลพลอยได้ไปละกันงานนี้ อิอิ ความจริงผู้หญิงเราก็มีฟีโรโมนอยู่ในตัวกันทุกคนล่ะค่ะ และมันจะยิ่งชัดขึ้นในช่วงที่ใกล้ช่วงวันตกไข่ (อยากได้อะไรลองอ้อนแฟนช่วงนี้ดูสิ อิอิ) เพราะมันเป็นช่วงที่มีโอกาสพร้อมมีลูกมากกว่าช่วงอื่น จึงไม่แปลกที่จะมีแรงดึงดูดเพศตรงข้ามเพิ่มเป็นพิเศษ ตามหลักของธรรมชาติเพื่อดำรงไว้ซึ่งเผ่าพันธุ์ แก้ไขเมื่อ 14 ต.ค. 53 12:21:59 จากคุณ : ชิฟฟอนคาปูชิโน่ เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 12:21:13

ความคิดเห็นที่ 28 ขอบคุณเจ้าของกระทู้ที่รวบรวมความรู้ดีๆ มาให้อ่าน อ่านตั้งแต่ต้นจนจบเลยค่ะ  เขียนได้เข้าใจง่ายมาก ชอบที่นำผลการวิจัยมาให้เปรียบเทียบให้เห็น แต่คนเราส่วนใหญ่มักจะมีความคิดที่เรียกว่า "Placebo Effect " เชื่อตามคำบอกเล่า แล้วคิดว่าดีก็ซื้อตามทันที  โดยลืมตระหนักที่จะคิดว่า ดีจริงดั่งคำกล่าวอ้างหรือเปล่า "เพราะของสิ่งหนึ่ง อาจจะดีสำหรับคนหนึ่ง แต่อาจจะไม่ดีสำหรับคนหนึ่ง" เช่นเดียวกับ เครื่องสำอาง  แป้งพัฟ  ครีมบำรุงผิว   แต่จะว่าไปแล้ว มายด์ก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบซื้อตามคำกล่าวอ้างเหมือนกัน อิอิ (ลืมตัวชั่วขณะ) จากคุณ : คนไม่สวยอยากเล่า เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 13:00:22

ความคิดเห็นที่ 29 ขอบคุณที่เอามาแบ่งปันนะคะ แต่ว่าก็ยังอยากลองใช้กับสามีดู บังเอิญไปเจอ Lola ในเวบล่ะ ราคาก็ไม่แพง อยากลองๆๆ ^^ จากคุณ : ให้รักใครด้วยสมองไม่ใช่หัวใจ เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 13:08:57

ความคิดเห็นที่ 30 ฟีโรโมนสำหรับเราคิดว่าเหมือนกับ เครื่องลาง หรือ คาถาเมตตามหานิยมมากกว่า ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณค่ะ ไม่ผิดบาปถ้าคุณจะใช้เป็นเครื่องเสริมสร้างความมั่นใจ แต่ถ้าใช้ฟีโรโมนในทางตกต่ำเพื่อแย่งของรักของคนอื่น อย่างนั้น  ไม่ควรทำ. เพราะต่อให้อาบฟีโรโมน ก็ไม่ได้ทำให้ดึงดูด น่าใกล้ชิดขึ้นมาได้ ถ้าเราลืมยกระดับจิตใจ ให้ดีงามค่ะ. จากคุณ : ชาลาเวนเดอร์ เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 13:14:58

ความคิดเห็นที่ 31 ของแต่ละอย่างมันขึ้นกับคนเลือกที่จะนำมาใช้ค่ะ ^^ ใช้ในทางที่ดีมันก็ดี ใช้ในทางที่เลวมันก็เลว ขอบคุณ จขกท สำหรับข้อมุลดีๆนะคะ ปล. เราชอบสโลแกนบล็อคคุณปูเป้ที่ว่า "ความรู้ คู่ความงาม" ยังใช้ได้เสมอ ^^ จากคุณ : Pimya_P เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 13:43:15

ความคิดเห็นที่ 32 ดีใจจัง ที่มีกระทู้นี้ คนที่อ่าน จะได้รับสารทั้งสองด้าน แล้วใช้สมอง คิด   ก่อน ตกเป็นเหยื่อค่ะ จากคุณ : makeup เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 14:03:04

ความคิดเห็นที่ 33 ชอบกระทู้นี้จังได้ความรู้มากเลยค่ะ ^ ^ ส่วนตัวของเราถึงจะอยากได้น้ำหอมฟีโรโมนจริง แต่พอดูราคาแล้วมันแพงเวอร์เกินไป...ในใจจริงๆจึงไม่คิดจะซื้อ แต่ถ้าให้เลือกซื้อจริงๆในราคาที่เท่ากันระหว่างน้ำหอมฟีโรโมน กับน้ำหอมกลิ่นขนม,ลูกกวาด เราเลือกกลิ่นหลังอ่ะ เพราะชอบมากถึงมากที่สุดได้กลิ่นแล้วรู้สึกมีความสุข เราใส่เองได้กลิ่นเองก็มีความสุขแล้วค่ะ ^ ^ จากคุณ : ด.ญ.กิ๊บเก๋ เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 14:54:29

ความคิดเห็นที่ 34 ส่วนตัวแล้วคงไม่ใช่พวกน้ำหอมฟีโรโมนนี่อ่ะค่ะ  (แต่ถ้าได้ฟรีก็จะลอง  5555)     แบบว่ามั่นใจในเสน่ห์ตัวเอง   กร๊ากกกกก     เกิดฟีโรโมนเราดึงดูดอยู่แล้ว   เอาอะไรมาใส่เพิ่มกลายเป็นไม่ดึงดูดไปละก้อแย่เลย ขอบคุณ จขกท.สำหรับความรู้นะคะ จากคุณ : SWEET TOFFY เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 15:25:40

ความคิดเห็นที่ 35 ดีมากเลยค่ะกระทู้นี้ เราเคนเรียนเรื่องฟีโรโมนตอนสมัยมัธยมแต่ก็ไม่ได้ลึกซึ้งขนาดนี้ กระทู้นี้ตีแตกจริงๆค่ะ จากคุณ : Kikapoo_Akekung เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 15:26:21

ความคิดเห็นที่ 36 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 16:26:49

ความคิดเห็นที่ 37 อะ Mr. Fusion เข้ามาเล่นห้องโต๊ะเครื่องแป้งด้วย เข้ามาในนี้ด้วย นึกว่าจะอยู่แต่เฉลิมไทยซะอีก ^^ จากคุณ : bubujung เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 17:30:40

ความคิดเห็นที่ 38 เราเลือกที่จะไม่ใช้ค่ะ เพราะเราอยากให้คนมาสนใจ จากตัวเรามากกว่า จะได้มั่นใจว่า เสน่ห์นั้น มาจากข้างใน (หรือ make up ที่เราจัดไว้ ฮ่าๆ) เพราะส่วนตัว พยายามอยากลอกเปลือกต่างๆที่ยึดไว้ให้ได้ แม้จะยังทำไม่ค่อยได้ แต่ก็ไม่อยากใส่เปลือกอะไรเพิ่มค่ะ ปล. ใครอยากลองสนุกๆ ก็ลองได้ค่ะ ไม่ได้เสียหายอะไร ขนาดอ่านแล้ว ยังน่าลองเลยอะ ต้องห้ามใจไว้ ^^ ถ้าจะห่วง จะห่วงที่ ถ้าคนเรามัวแต่สรรหา ของมาเพิ่มเสน่ห์ภายนอก อาจทำให้เราลืมที่จะเพิ่มเสน่ห์ข้างในไปได้ จากคุณ : poohbee เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 17:37:16

ความคิดเห็นที่ 39 ดีค่ะดี :) ขอบคุณที่หาเรื่องดีๆมาบอกกันนะคะ เสน่ห์อยู่ในตัวเราเอง อิอิ จากคุณ : SaiiLe เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 18:36:02

ความคิดเห็นที่ 40 ขอบคุณจขกท.สำหรับความรู้ดีๆนะคะ เรายังแอบคิดเหมือนคุณ ขนมชั้น...เธอห้ามกิน!!! เลยว่า ถ้ามีคนคิดไม่ซื่อตั้งใจใส่น้ำหอมแบบนี้แล้วอยู่สองต่อสองกับผู้ชาย(ซึ่งอาจจะมีแฟนอยู่แล้ว)มันจะน่ากลัวแค่ไหน แล้วถ้าเกิดใส่ไว้แล้วคนอื่นที่เราไม่ได้ตั้งใจให้เค้าได้กลิ่น เช่น อาจจะเดินสวนกันเฉยๆ แล้วเค้าจะทำอะไรเรามั้ย ฯลฯ ผู้หญิงทุกคนมีเสน่ห์อยู่ในตัวเองอยู่แล้วค่ะ แต่ใครจะหาซื้อมาใส่เพื่อเพิ่มความมั่นใจนั่นก็ไม่ว่ากัน (แต่ขอแค่อย่าไปทำผิดศีลธรรม) ป.ล.จริงๆแล้วไม่ต้องเป็นน้ำหอมใส่ฟีโรโมนก็ทำให้ใจเต้นได้เหมือนกันนะคะในบางคน เพราะคนรู้จักเราคนนึงบอกว่าเคยได้กลิ่นน้ำหอมแรงๆหน่อยแล้วรู้สึกหน้ามืด วูบไปเหมือนกัน จากคุณ : Kai-Au เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 19:15:29

ความคิดเห็นที่ 41 พี่เราเรียนมาเฉพาะทางแนวนี้เหมือนกัน เดินผ่านมา เราเรียกให้หยุดอ่าน เค้าบอกว่า นี่เป็น review ที่มีความเป็นวิทยาศาสตร์ สูงที่สุด เท่าที่ชั้นเคยเห็นมา ในห้องนี้เลย ขอบคุณมากๆค่ะ จากคุณ : green brown and blue เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 21:43:42

ความคิดเห็นที่ 42 เราคิดว่า ถ้ามันมีตัวช่วยเชื่อมความสัมพันธ์ก็อาจจะดีขึ้นกว่าเดิมไง เพราะยังไง คบกันไปก็อยุ่ที่นิสัยอยุ่ดีเนอะ แต่ว่า เราอ่านกระทู้นี้แล้ว งงๆๆ อาจจะเปนเพราะอ่านหนังสือสอบมากไป 55 จากคุณ : ที่รักของพระอาทิตย์ เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 23:21:55

ความคิดเห็นที่ 43 เป็นประโยชน์ดีค่ะ ให้กิ๊ฟ จากคุณ : Disney (I-SAVE) เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 53 00:26:25

ความคิดเห็นที่ 44 คิดอยากได้แล้วล่ะค่ะ  แต่ไม่ต้องคิดหาเหตุผลให้มาก  เพราะแค่ก้มดูกระเป๋าตังค์  หนูก็หมดสิทธิ์  ฮ่าๆ จากคุณ : นางสาวติ๊ดดึก เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 53 04:34:48

ความคิดเห็นที่ 45 ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีๆ แบบนี้คะ  จากคุณ : touch_sky_like_bird เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 53 11:20:18

ความคิดเห็นที่ 46 ชอบกระทู้นี้แฮะ โหวตฮ่ะ จากคุณ : pacta sunt servanda เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 53 15:34:17

ความคิดเห็นที่ 47 แล้วแบบไม่เคยใส่น้ำหอม อยู่ดีๆก็ใส่ แต่ไม่ใช่แบบที่มีฟิโรโมนนะคะ น้ำหอมที่ขายกับเครื่องสำอางทั่วไป แฟนเข้ามากอด มานัวเนีย เราว่า หรืออาจเป็นเพราะกลิ่นรึเปล่า ที่มีผลรับรู้ต่อประสาทสัมผัส จากคุณ : อัศาวดี เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 53 16:30:36

ความคิดเห็นที่ 48 ตามหลัก รูป เสียง กลิ่น รส เลยค่ะ คุณ คห.47 ^^ มีผลต่อประสาทสัมผัสทั้งนั้นไม่ว่าจะมีฟีโรโมนหรือไม่มี โดยธรรมชาติใคร ๆ ก็ชอบกลิ่นหอมกลิ่นสะอาด จริง ๆ ถ้าศึกษาเรื่อง สุคนธบำบัด (Aromatherapy) จะพบว่ากลิ่นบางกลิ่น สามารถสร้างสรรค์บรรยากาศและบำบัดอารมณ์คนเราได้ต่างกันตามกลิ่นนั้น ๆ เช่นกลิ่นกระดังงาใช้เพื่อผ่อนคลายความเครียด ลดความดันโลหิตสูง ช่วยเพิ่มอารมณ์รัก กลิ่นส้ม คลายความตึงเครียด ลดอารมณ์หงุดหงิด สดชื่นช่วยให้ผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้า กลิ่นลาเวนเดอร์ ช่วยให้ผ่อนคลาย นอนหลับง่าย กลิ่นวานิลา ให้ความรู้สึกอบอุ่น อ่อนหวาน และปลุกความรู้สึกของเพศชาย ฯลฯ เพิ่มเติมข้อความ  เช้าวันนี้ฝนตกอีกละ เลยนึกถึงกลิ่นที่เป็นประโยชน์อย่างสูงในช่วงหน้าฝน ^^ คือน้ำมันหอม "ยูคาลิปตัส" (แบบบริสุทธิ์นะคะถ้าแบบผสมเราจะไม่ได้ประโยชน์ใด ๆ จากมันเลย นอกจากกลิ่น) ซึ่งช่วยบรรเทาอาการหวัดคัดจมูกตามธรรมชาติ ฆ่าเชื้อในอากาศให้อากาศบริสุทธิ์ ป้องกันการกระจายตัวของเชื้อโรคจากการไอจาม (ใช้วิธีจุดเตาเพื่อกระจายกลิ่นในอากาศ) แก้ไขเมื่อ 16 ต.ค. 53 10:08:11 จากคุณ : ชิฟฟอนคาปูชิโน่ เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 53 17:40:36

ความคิดเห็นที่ 49 อารมย์เดียวกับน้ำมันพรายยังไงก็ไม่รู้ จากคุณ : vitara เขียนเมื่อ : 16 ต.ค. 53 06:46:22

ความคิดเห็นที่ 50 เราไม่ใช้อ้ะค่ะ ขนาดไม่ใช้ ยังมีให้พรึ่ม ถ้าใช้คงเวียนหัวน่าดู คนมันสวยอ้ะค่ะ ฮ่าๆๆๆๆ จากคุณ : mbzz เขียนเมื่อ : 16 ต.ค. 53 10:31:01

ความคิดเห็นที่ 51 ไม่ใช้ อยากตัวเหม็น 555 จากคุณ : คนหัวฟู เขียนเมื่อ : 16 ต.ค. 53 13:02:54

ความคิดเห็นที่ 52 คนเราจะเป็นไปอย่างที่เราคิด ว่าเราเป็น จากคุณ : Asia_Lover_1403 เขียนเมื่อ : 16 ต.ค. 53 13:38:03

ความคิดเห็นที่ 53 เราว่าฟิโรโมนเป็นเหมือนเครื่องปรุงแต่งรสชาติเฉยๆค่ะ สู้บำรุงผิวพรรณ หน้าตาให้ดูดีดีกว่า จากคุณ : chupachupas เขียนเมื่อ : 16 ต.ค. 53 14:52:06

ความคิดเห็นที่ 54 ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีๆมีสาระค่ะ จากคุณ : ดาวสีส้ม เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 53 12:08:12

ความคิดเห็นที่ 55 คห.17 Placebo Effect นี่เคยออก Cutep ไม่ก็ Tuget ด้วยนะคะ บทความเรื่องยาแก้ปวดนี่แหละ กว่าเราจะรู้ว่า Placebo Effect คืออะไร ก็อ่านไปแล้วหลายรอบ จากคุณ : marina_rain เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 53 21:00:00

ความคิดเห็นที่ 56 เราเชื่อว่าในตัวผู้หญิงทุกคนมี"ฟีโรโมน"อยู่แล้วนะคะ ไม่ว่าจะเป็น"ฟีโรโมน"ในช่วงวันไข่ตกตามธรรมชาติ หรือฟีโรโมนที่เราสร้างขึ้นเองจากตัวตนของเรา การทำตัวเองให้น่ารัก น่าสนใจ เราว่าเป็นฟีโรโมนที่ดีที่สุด เป็นการให้เกียรติตัวเองและคนที่เราสนใจด้วยว่า เค้าสนใจตัวเราที่มีความน่าสนใจจริงๆ ไม่ใช่สนใจเพราะสัญชาติญาณ จากคุณ : himalayas เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 12:43:02