ท่านใดที่เห็นตัวอักษรเป็นขนาดเล็กเกินไป โปรดอ่านตรงนี้ก่อนนะคะ ให้แก้ดังนี้ค่ะ
ลองกด Ctrl ค้างไว้ แล้วหมุนลูกกลิ้งที่เม้าส์ ดูค่ะ จะเป็นการย่อ-ขยาย
หรือกด Ctrl ค้าง แล้วกด + ก็ได้ค่ะ
ขอบคุณวิธีการแก้จาก (แฟนของ) คุณแวววาวแพรวพราวระยิบระยับวับวาว
----------------------------------------------------------------------
ขอบคุณที่มา : Chemistry in Daily Life - ผศ.พิทยา สีสด
ท่านใดถูกใจก็ให้กีบด้วยน้า เราชอบของฟรี
อ้ออๆ ส่วนใครที่หลงเข้ามาก็ให้กีบได้นะ เราไม่ว่ากัน ส่วนท่านใดถูกใจมากๆ ชอบๆ ก็กดโหวตเลยคร้าพี่น้อง จขกท อยากลองเป็นกระทู้แนะนำกะเค้าบ้าง
เอ้า! เรามาเริ่มกันที่ AHA และ BHA ที่มีคำถามมากมายในห้องแป้ง ว่าใช้ทำอะไร อะไรดีกว่ากัน มาดูกันเลยจะได้หายสงสัยกันซะที
1. การลอกผิวหนังด้วยกรดผลไม้ AHA ( alpha hydroxy acid )
หรือสาร BHA ( beta hydroxy acid ) ซึ่งเป็นสารที่นิยใช้ในปัจจุบัน วิธีการใช้มี 2 แบบ คือ การใช้กรดผลไม้ในความเข้มข้นสูงทาทิ้งไว้ชั่วระยะเวลาหนึ่งแล้วล้างออก อาจทำทุก 1-2 สัปดาห์ หรืออาจใช้กรดผลไม้ในความเข้มข้นต่ำทุกวัน ประสิทธิภาพของกรดผลไม้จะช่วยลอกชั้นเคอราตินที่ขุ่นและไม่เรียบออก
ดังนั้น ผู้รับบริการจะรู้สึกว่าผิวหน้าลื่นขึ้นหลังใช้ จึงเกิดความพอใจ แต่ผิวที่ลื่นเป็นการเปลี่ยนแปลงเพียงชั่วคราว เพราะเซลล์ซึ่งเสื่อมจะสร้างเคอราตินแบบเดิมมาทดแทน และเมื่อใช้กรดผลไม้หรือ BHA ติดต่อกันนานๆ ผลที่ได้จะลดลง
จะว่าไปภูมิปัญญาไทยก็มีมานานแล้วนะ เช่น การล้างหน้าด้วยน้ำผสมมะนาวหรือน้ำมะขาม ส่วนในสถานเสริมความงามซึ่งคิดค่าบริการแพงๆก็อาจใช้พวกมาสค์ ส่วนชาวยุโรปอาจฟอกผิวด้วยนมเปรี้ยว น้ำแอปเปิล ส่วนสาร BHA ซึ่งก็ใช้มานานในความเข้มข้นสูงในโลชั่นลอกหน้าหลายตำหรับ และในครีมหรือโลชั่นรักษาสิวหลายขนานก็ผสม salicylic acid ร้อยละ 1-2
ประสิทธิภาพของ AHA และ BHA ในความเข้มข้นนสูงถ้ามีฤทธิ์เป็นกรด (pH ต่ำกว่า 3) จะช่วยลอกผิว (exfoliant) ถ้าใช้สารนี้ในความเข้มข้นต่ำ และ pH สูงกว่า 3.5 จะให้ความชุ่มชื้นผิวหนัง (humectant) สารทั้งสองชนิดไม่สามารถช่วยให้การทำงานของเซลล์ซึ่งเสื่อมกลับมาปกติได้ แต่มีผู้พยายามอธิบายว่าการลอกผิวด้วยกรดจะกระตุ้นการสร้าง growth factor ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสในชั้นหนังแท้ให้สร้างสาร HA เพิ่มขึ้น ดังนั้น ริ้วรอยจะลดลงแต่ยังมีผู้แย้งว่ากรดผลไม้ไม่มีประโยชน์จริง (ตกลงเอาไงแน่ฟระพวกนักวิทยาศาสตร์พวกนี้หนิ)
การใช้ AHA และ BHA จะลอกผิวหนังขี้ไคลซึ่งช่วยป้องกันอันตรายจากรังสี UV จึงต้องแนะนำให้ผู้บริโภคหลบแสงแดดเพราะผิวจะไวต่อแสง ถ้าผิวคล้ำไปไม่รู้ด้วยนะเออ
แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 53 18:34:33
แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 53 18:32:50
แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 53 18:32:24
แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 53 13:38:26
แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 53 13:18:02
แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 53 12:04:35
แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 53 08:40:49
แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 53 08:40:19