 |
คห.14 ที่มันลอกเพราะมันไม่ใช่หนังแท้ค่ะ แต่เป็น PU Leather ซึ่งพอหมดอายุการใช้งาน มันก็จะลอกเป็นแผ่น ๆ
เอามาฝากกันเล็กน้อย สำหรับความรู้เรื่อง PU ค่ะ
รู้มั้ย...หนัง PU คืออะไร
หนังเทียมมีอยู่ด้วยกัน 3 ประเภท หนังพียู หนังเซมิพียู หนังพีวีซี
แต่ในที่นี้เราจะมาพูดถึงหนังเทียมที่มีคุณสมบัติ การสัมผัสเหมือนหนังแท้มากที่สุดและดีที่สุดในบรรดาหนังเทียมทั้งหมด นั่นก็คือ "หนังเทียมพียู" หนังเทียมประเภทพียู มีขั้นตอนการผลิตที่สะอาด ไร้มลพิษตกค้างในผลิตภัณฑ์ จึงทำให้แม้กระทั่งของเล่นเด็กที่ขายกันในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วเช่นประเทศทางยุโรป ญี่ปุ่น อเมริกา ฯลฯ ใช้พลาสติกประเภทพียูเป็นวัตถุดิบในการผลิต แม้กระทั่งหนังเทียมพียูจะมีราคาสูงและมีอายุการใช้งานซึ่งจะเสื่อมและย่อยสลายไปเอง แต่ทุก ๆ คนก็ยังพึงพอใจในคุณภาพและเลือกใช้หนังเทียมพียูในสินค้าหลายประเภทที่มีอยู่ในท้องตลาดปัจจุบ้นนี้ และความต้องการก็ยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการรณรงค์ต่อต้านการฆ่าสัตว์หลายประเภทหรือการรณรงค์ต่อต้านมลภาวะสิ่งแวดล้อม
ทั้ง 2 ปัจจัยเป็นแรงผลักดันให้ความต้องการของหนังเทียมพียูนี้สูงขึ้นทุกวัน หนังเทียมพียูมีด้วยกัน 2 ประเภท คือ แบบอบแห้ง dry process และแบบผ่านน้ำ wet process ซึ่งแบ่งแยกตามรูปแบบของการผลิต หนังเทียมพียูแบบอบแห้ง Dry process มี 3 ชั้นคือ ชั้นสี ชั้นกาว และชั้นผ้า ในหนังเทียมพียูแบบผ่านน้ำ Wet process ก็มี 3 ชั้นเช่นเดียวกันแต่ในชั้นผ้านั้นจะนำไปโค๊ตหรือเคลือบด้วยเนื้อพียูก่อนเพื่อให้เนื้อสัมผัสเหมือนหนังแท้ยิ่งขึ้น ซึ่งในขั้นตอนการเคลือบหรือโค๊ตด้วยเนื้อพียูบนผ้านั้นต้องผ่านน้ำเพื่อสร้างเนื้อพียู เครื่องเคลือบหรือโค๊ตพียูบนผ้าที่ต้องผ่านน้ำเรียกว่าเครื่อง Wet process ดังนั้นหนังเทียมพียูที่ใช้ผ้าที่ผ่านกรรมวิธีจากเครื่องนี้จึงเรียกว่า หนังเทียมพียูประเภท Wet process
แต่ละประเภทของเครื่องหนังต้องการหนังเทียมพียูไปใช้งานในลักษณะแตกต่างกัน ดังนั้นการเลือกชนิดของเนื้อพียูมาใช้งานจึงแตกต่างกัน เนื้อพียูมีด้วยกัน 3 ประเภทคือ Polycarbonate based PU, Polyether based PU และ Polyester based PU
หนังเทียมที่เป็นประเภท Polycarbonate based PU นั้นจะมีอายุการใช้งานได้นานถึง 20 ปีและมีความทนกรดด่างสูง
หนังเทียมที่เป็นประเภท Polyether based PU นั้นจะมีอายุการใช้งานได้นานถึง 7 ปีและมีความทนกรดด่างสูง
หนังเทียมที่เป็นประเภท Polyester based PU นั้นเป็นที่นิยมที่สุดเหมาะสำหรับสินค้าแฟชั่นซึ่งประเภทนี้อยู่นานถึง 3 ปี มีความทนกรดด่างพอควร แต่ก็เพียงพอสำหรับการใช้งาน เนื่องจากมีการใช้เนื้อพียูประเภทนี้สูงจึงทำให้เนื้อพียูประเภทนี้ราคาไม่สูง
ในภาวการณ์แข่งขันที่สูง ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีหลายโรงงานลดต้นทุนมากจนลืมสามัญสำนึกในการเป็นผู้ผลิตสินค้าที่ดี ใช้วัสดุในการผลิตที่ไม่มีคุณภาพทำให้มาตรฐานไม่ถึง สีคุณภาพต่ำทำให้เวลาโดนแดดแล้วสีเปลี่ยนโดยเฉพาะสีขาวถ้าไม่ใช้สีที่ดีแล้วเวลาเก็บไว้แล้วจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง การลดต้นทุนโดยใช้วัสดุ Filler หรือพวกเยื่อไม้ Cellulose ชนิด long fibre ซึ่งราคาถูกกว่าเนื้อพียูกว่าครึ่ง หรือพวกคัลเซี่ยมที่ได้จากการระเบิดหินภูเขาซึ่งกิโลละประมาณ 4 บาท ในขณะที่เนื้อพียูราคากว่าร้อยบาทต่อกิโลกรัม เมื่อผสมไปในส่วนผสมอย่างไร้มาตราฐานแล้วจะทำให้อายุการใช้งานและการทนกรดด่างน้อยลงซึ่งสินค้าเหลืออยู่แค่ 3-4 เดือนก็เสื่อม
หลายกรณีนี้เกิดขึ้นกับสินค้าที่มาจากประเทศจีนซึ่งจากที่ได้เดินทางไปดูตลาดและเยี่ยมชมหลายโรงงานที่นั่นได้พบว่ามีการลดต้นทุนกันมาก บางบริษัทเอาเทปกาวแปะและดึงออกเนื้อก็หลุดออกมาแล้ว นั่นแสดงว่าเนื้อพียูไม่มีแรงยึดเกาะที่ดี หรือไม่ก็ลองฉีกดูบางบริษัทฉีกขาดได้ง่ายราวกับกระดาษ นั่นหมายความว่าเป็นการลดต้นทุนในเรื่องราคาผ้าทำให้โครงสร้างผ้าไม่ดี
จากคุณ |
:
แม็กกูล่า
|
เขียนเมื่อ |
:
4 ก.พ. 54 10:31:11
|
|
|
|
 |