ความคิดเห็นที่ 1 1. Benzac 2.5% AC ที่ผมได้อธิบายไปในกระทู้แล้ว ไว้ใช้แก้อักเสบและลดสิวอุดตัน(กระบวนของมันคือจะทำให้สิวอุดตันเกิดหัวและหลุดออกไปในที่สุดครับ) ปัจจุบันผมใช้ทาหน้าก่อนล้างหน้า 20-25 นาที วันเว้นวันครับ ถึงแม้ว่าจะไม่มีสิวแล้วก็ตาม เพราะรู้สึกเหมือนกับช่วยฆ่าเชื้อโรคดี ร้านขายยาทั่วไป ราคา 225 บาท หลอดขนาดในรูป(60 g) Watsons 275 บาท จากคุณ : jewes38352 เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 19:58:58

ความคิดเห็นที่ 2 2. Acne-aid ใช้สำหรับล้างหน้า เนื่องจากไม่มีน้ำหอมและแอลกอฮอล์ หากใช้กับคนที่มีสิวอยู่แล้วจะยิ่งดีครับ เพราะโฟมล้างหน้าส่วนใหญ่มีน้ำหอมและแอลกอฮอล์ที่เป็นส่วนระเคืองต่อสิวเยอะ มีคำถามมาว่าผมไม่ใช้ Cleansing เลยใช้แต่ตัวนี้จะล้างกันแดด ZA ออกเหรอ ผมก็บอกไม่ถูกเหมือนกันครับ ผมใช้แค่นี้และไม่เกิดสิวอุดตันเลยอ่ะครับ ผมคิดว่ากันแดดมันอยู่ตั้งแต่เช้าโดนทั้งเหงื่อเรา ไหนจะกลับบ้านมาทา Benzac ก่อนล้างหน้า และล้างหน้าด้วยตัวนี้ ผมคิดว่า ZA คงหมดจดแล้วมั้งครับฮ่าๆ จากคุณ : jewes38352 เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 19:59:20

ความคิดเห็นที่ 3 3. Clinda-M คือตัวที่ผมมักพกไว้ตลอด และเมื่อเกิดสิวจะทาทันที (ก่อนทาควรล้างมือให้สะอาดด้วยนะครับ) ป้องกันสิวพัฒนากลายเป็นสิวอักเสบได้ดีนัก เพราะสิวเป็นได้ทุกคนครับ แต่ต่างกันบางคนเป็นแล้วอักเสบมากหรือน้อย และยิ่งทิ้งรอยไว้เยอะจะรักษาหายช้ามากครับ ร้านขายยาทั่วไป ราคา 59 บาท Watsons 59 บาท จากคุณ : jewes38352 เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 20:00:30

ความคิดเห็นที่ 4 4. Skinfood fresh juice C serum ผมไว้ใช้ทาก่อนนอนครับ ช่วยลดจุดด่างดำ ซื้อมาจากเพื่อน 580 บาทครับ จากคุณ : jewes38352 เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 20:00:49

ความคิดเห็นที่ 5 Olay total effects 7-in-1 anti ageing cream gentle ใช้หลังจากที่ทา Skinfood ครับ ผมซื้อที่วัตสันตอนลดจาก 475 บาทเหลือ 329 ทาแล้วรู้สึกหน้ากระจ่างขึ้นครับ จากคุณ : jewes38352 เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 20:01:05

ความคิดเห็นที่ 6 6. กันแดด ZA ใช้ทาตอนเช้าครับ ตอนเช้าผมทาแค่กันแดดตัวเดียว ไม่อยากทาครีมเพราะว่าจะทำให้เหนียวๆเหน่อะหน่ะและอุดตันง่ายครับ ผมซื้อตอนลดไม่ทันเลยครับ เลยซื้อราคาเต็ม 380 ครับ จากคุณ : jewes38352 เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 20:01:23

ความคิดเห็นที่ 7 7. วิตามิน C ของ NAT C กินเพราะว่าเป็นโรคภูมิแพ้ ตื่นเช้าแล้วเป็นหวัดทุกเช้า แต่เดี๋ยวนี้ไม่เป็นแล้วครับ ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองหรือเปล่า แต่ผิวกระจ่างใสขึ้นครับ ร้านขายยาทั่วไป ราคา 300 บาท Watsons 400 บาท จากคุณ : jewes38352 เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 20:01:38

ความคิดเห็นที่ 8 ที่นี้ขอมาพูดถึงเรื่องการลดน้ำหนักบ้างครับ ตอนแรกผม สูง 180 หนัก 107 และเมื่อปลายปีที่แล้วเกิดมีความคิดว่า หากเราผอมแล้วจะเป็นยังไงน้า แล้วผมก็เริ่มลดน้ำหนักจากเดือนมิถุนายนปีที่แล้วโดยการลองผิดลองถูกเองครับ จนปัจจุบันเหลือ 82-84 กิโลกรัม และก็ยังคงทำต่อไปครับ วิธีของผมค่อนข้างคล้ายๆกับคุณ GetCha(พี่เมย์เค้าก็เล่นอยู่ในบอร์ดพันทิปอ่ะครับ ลดได้ 50 กว่ากิโลแล้วครับ) คือวิธี Healthy way ร่างกายและจิตใจต้องมีความสุขควบคุมกันไปครับ ผมจะไม่ปล่อยให้ร่างกายหิว และเมื่ออยากกินอะไรก็กิน แต่เราจะเลือกกินและกินอย่างไรให้มีประโยชน์ได้สุขภาพด้วย นี่สิครับผมเริ่มให้ความสำคัญและเป็นสิ่งหนึ่งที่มีค่ามากที่ผมได้จากการลดความอ้วน เพราะสมัยก่อนผมอยากกินไรหยิบเข้าปากตลอด รู้สึกเหมือนเราทำร้ายตัวเอง จากคุณ : jewes38352 เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 20:01:59

ความคิดเห็นที่ 9 ผมได้นำวิธีของพี่เมย์มาใช้คือการนับแคลอรี่ หลายๆคนชอบบอกว่า ผมบ้าไปหรือเปล่า แบบว่าเยอะมากไปไหม กินอะไรก็ต้องมานั่งนับแคล แต่ในความรู้สึกผม ผมคิดว่ามันดีมากเลยครับ ที่เรารู้ว่าอาหารแต่ละชนิดมีแคลอรี่เท่าไหร่ เป็นสิ่งที่ทำให้เราเลือกกินและช่วยในการตัดสินใจในการกินมื้อต่อๆไปได้ดีเลยครับ และผมก็ไม่เก่ง ไม่ละเอียดเท่าพี่เค้า ผมไม่สามารถนับแยกแบบเป็น กรัมได้ ผมเน้นการจำแคลอรี่เฉพาะอาหารที่พบเจอบ่อยๆ อย่างเช่นอาหารตามสั่ง ก๋วยเตี๋ยว อื่นๆ ก่อนอื่นผมจะคิดว่า BMR ของตัวเองออกมาก่อนคือจำนวนแคลอรี่ที่ร่างกายของเราต้องการในแต่ละวัน ซึ่งแต่ละคนก็แตกต่างออกไปครับ ยกตัวอย่างง่ายๆ หากผมอายุ 20 สูง 182 น้ำหนักประมาณ 82 ค่าเผาผลาญจะอยู่ที่ 1800-2200 และค่า TDEE = 2300-2500คือส่วนเพิ่มนิดหน่อยที่เผาผลาญจากการที่เราหายใจ เราเดิน ทำงาน และสมมุติถ้าผมกินข้าวมันไก่ 3 มื้อ ข้าวมันไก่มีแคลอรี่ 600 แคลอรี่ 3 มื้อก็ 1800 แคลอรี่แล้ว และผมเชื่อว่าคนเราต้องมีการกินจุกจิก และแคลอรี่ในน้ำอัดลมอีก ซึ่งสิ่งที่เกินมาในแต่ละวันจะสะสมในร่างกายและแปรเปลี่ยนเป็นไขมันครับ การจะลดน้ำหนักให้ได้ 1 กิโลกรัม คุณต้องเบิร์นออกไปอย่างน้อย 7700 แคลอรี่ สมมุติว่าค่า BMR ของผู้หญิงส่วนใหญ่อยู่ที่ 1200 นะครับ แล้วคุณกำหนดให้กินได้ไม่เกิน 1000 แคลอรี่ เท่ากับว่า คุณเบิร์นไปวันละ 200 แคลอรี่( แต่ว่ากินวันละ 1000 แคลอรี่ถือว่าน้อยมากครับ เดือนนึงอาจจะลดได้แค่ 1-1.5 กิโลกรัมจนยอมแพ้ไปซะก่อน เพราะอาหารแคลอรี่ต่ำมากจะไม่อร่อยเท่าไหร่นัก) ผมแนะนำให้ออกกำลังกายควบคู่ไปด้วยจะดีที่สุดครับ แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 54 20:02:37 จากคุณ : jewes38352 เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 20:02:25

ความคิดเห็นที่ 10 เว็ปคำนวณค่าแคลอรี่ เครดิต พี่เมย์ http://www.fitnessfrog.com/calculators/bmr-calculator.html เว็ปที่บอกแคลอรี่ในอาหารครับ เครดิต คุณ สาระเริงhttp://topicstock.pantip.com/lumpini/topicstock/L3622807/L3622807.html ปัจจุบันผมลดน้ำหนักโดยการกินอาหารที่หลากหลายและเน้นอาหารที่เป็นน้ำแกงเยอะๆ ทำให้รู้สึกอิ่มท้องดีครับ และกินอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่ ผมกินข้าวมื้อเย็นแทบทุกมื้อ แต่จะกินแค่ 1 ทัพพีครับ ออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย 3-4 วันต่ออาทิตย์ ของที่ผมหลีกเลี่ยงเลยคือ ของทอด น้ำอัดลมซึ่งผมโชคดีที่ไม่ค่อยติดอยู่แล้ว ขนมกรอบๆ ผมก็เลิกกินแล้วครับ กินผลไม้และผักเยอะๆแทน และผมชอบกินช็อคโกแลตมากด้วย โดยเฉพาะ dark chocho ที่หวานน้อย เพราะรู้สึกได้ถึงรสชาติโกโก้เข้มข้นดีครับ และเวลาผมจะซื้ออะไรทานมักจะพลิกด้านหลังดูแคลอรี่ที่หลังกล่องทุกครั้ง เพื่อควบคุมแคลอรี่ในแต่ละวันและเก็บจดจำเป็นความรู้ในการเลือกกินต่อไปด้วยนะครับ ในแต่ละสัปดาห์ หากต้องไปกินข้าวนอกบ้าน ผมก็จะกำหนดวันหลุดให้ตัวเองคือ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ คือสามารถกินอะไรเท่าไหร่ก็ได้ (ไม่ควรเกิน 3600 แคลอรี่) เพราะชีวิตของคนเราต้องออกไปกินข้าวนอกบ้านกับครอบครัว กับคนที่เรารักกับสังคม อย่าทำให้การลดความอ้วนของเราไปทำให้พวกเค้ากร่อยกับมื้อเย็นที่เค้าตั้งหน้าตั้งตารอเราเลยนะครับ ผมไม่ได้พูดถึงการออกกำลังกายเท่าไหร่นัก เพราะว่าแต่ละคนมีวิธีในการออกกำลังกายของตัวเองที่หลากหลายและไม่เหมือนกัน หลักจากที่ลดความอ้วนรู้สึกได้เลยว่าไม่เหนื่อยง่าย หายใจได้สะดวก แต่ก่อหายใจไม่ค่อยออกครับ เวลาเรียนไม่ง่วงนอนหาวบ่อยเหมือนเมื่อก่อน ทำให้ผมเรียนรู้จักการกินอาหารที่มีประโยชน์และคิดก่อนจะกินเสมอครับ ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่คลับลดความอ้วนครับ เพราะว่าการควบคุมอาหารและออกกำลังกายยังมีรายละเอียดอีกมากมายเลยครับ อย่างน้อยๆฝากถึงสาวๆเรื่องการกินด้วยนะครับ เพราะว่าเพื่อนผมคนนึงเป็นผู้หญิงหุ่นดีมากครับ แต่ไปตรวจพบว่ามีไขมันสูงเกินไป ผมรู้สึกเป็นห่วงและอยากแนะนำเรื่องอาหารการกินให้กับทุกคนเลยครับ แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 54 20:16:43 แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 54 20:07:12 จากคุณ : jewes38352 เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 20:05:02

ความคิดเห็นที่ 11 You are what you eat. ขอบคุณครับ แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 54 20:07:25 จากคุณ : jewes38352 เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 20:06:16

ความคิดเห็นที่ 12 ฝากรูปเด็กเอ๋อๆปี 3 ไว้อีกคนด้วยครับ ตอนยิ้ม+หน้าตรง หน้าจะบานเป็นพิเศษ เพราะเป็นคนโครงหน้าแบบนี้และมีแก้มด้วยครับ   ไม่มีแสงช่วยแล้วหน้าผมที่แท้จริงถูกเปิดเผย 555 แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 54 20:14:02 แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 54 20:13:43 แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 54 20:13:06 จากคุณ : jewes38352 เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 20:11:59

ความคิดเห็นที่ 13 เก่งจังค่ะ หน้าใส และหุ่นดีๆๆ  ขอชมในความพยายามด้วยค่ะ จากคุณ : dragonflyer เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 21:17:58

ความคิดเห็นที่ 14 จขกท. หน้าดูกลมๆน่ารักดีอ่ะ อยากดึงแก้ม จากคุณ : viccivince เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 54 22:07:20

ความคิดเห็นที่ 15 ดูดีขึ้นมากเลยนะคะ :) จากคุณ : hEy_oOu เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 54 00:16:32

ความคิดเห็นที่ 16 การดูฉลากแคลอรีด้านหลังนี่ดีจริงๆนะ  บางทีเรากินอะไรดูเหมือนน้อยแต่แคลอรีเท่ากับเรากินอย่างอื่นที่มันเยอะและอิ่มได้เลย (เช่น แครกเกอร์ชิ้นเล็กๆสี่ชิ้น เทียบเท่ากับกินนมครึ่งขวดใหญ่ แม่เจ้า... อิ่มกว่ากันเยอะเลยอ่ะ ) ทำให้เราเลือกกินได้ มีสติมากขึ้น เวลากินอะไรจะคิดว่าต้องวิ่งกี่รอบถึงจะเบิร์นหมด ดูเหมือนโรคจิตแต่ก้อทำให้เรากินแต่ของที่มีประโยชน์จริงๆนะเออ รู้สึกดีมากเลยอ่ะ จากคุณ : vanilla caramel เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 54 11:09:52