Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เตือนภัย+แฉกลโกง ของฝรั่งที่มาหากินในเมืองไทย ติดต่อทีมงาน

อยากจะมาเตือนภัยสาวๆนะคะ ใครที่กำลังหาแฟนชาวต่างชาติอยู่ หากว่าประวัติของคุณเป็นที่น่าสนใจของมิจฉาชีพละก็ โดนแน่ๆ

เริ่มต้นด้วยเรื่องของพี่ที่ร่วมงานนะคะ เรียกว่า เอ แล้วกันนะคะ เริ่มต้นด้วยพี่แกก็ไปทิ้งประวัติไว้ในเวบนี่แหละค่ะ พอดีประวัติพี่เค้าเป็นที่หมายตาค่ะ อายุ40+ ยังโสด ไม่เคยแต่งงาน จากนั้นเค้าก็ติดต่อกันมาเรื่อยๆ สำหรับบางราย แค่เดือนเดียวก็ออกลายค่ะ แต่สำหรับคนพี่เอ 5-6เดือนโน่น

เขาเป็นชาวอังกฤษ อายุ50หน้าตาดี มีลูกอายุ16 ภรรยาเสียแล้ว เลยไม่ยอมรักกับใครอีก จนมาเจอพี่เอคนนี้นะคะ ชื่อ Robert Barry ทำงานอยู่บนเรือ มีงานที
ก็ลงเรือที ทำงานเกี่ยวกับน้ำมันอะไรนี่แหละค่ะ จำไม่ค่อยได้ แล้วก็ส่งรูปมาให้ดู เป็นชายสูงอายุหน่อยหน้าตาดี ไม่สูงไม่เตี้ย ผิวไม่แดงไม่คล้ำ เป็นภาพถ่ายตอนอยู่บนเรือบ้าง ยืนข้างๆรถตัวเองบ้าง แต่ถ่ายข้างรถ เลยมองไม่เห็น ว่ารถยี่ห้ออะไรเลขทะเบียนอะไร

พี่เขาติดต่อกันมาก่อนที่เราจะเข้ามาทำงานที่นี่ จนเราเข้ามาทำงานก็ช่วยพี่แก แปลจดหมายบ้าง ช่วยเขียนตอบเปงอิ้งบ้าง ตอนนี้เริ่มคุยโทรศัพท์กันแล้ว เบอร์โทรก็เป็นเบอร์โทรประเทศอังกฤษจริงๆค่ะ

จนจุดไคลแมกซ์มาถึง เขาบอกว่า เขาจะส่งเงินมาให้ จำนวน5แสนดอลค่ะ เพื่อที่จะให้คุณเอาไปซื้ออะไรก็ได้ที่อยากซื้อ แล้วก็เหลือเงินเอาไว้สำหรับซื้อบ้าน และทำธุรกิจของเรา แต่คุณอย่าเพิ่งซื้อบ้านนะ รอให้ผมไปถึง

เมืองไทยก่อน ระหว่างที่พี่เอส่งจดหมายโต้ตอบกันไปมาหลายฉบับ ส่งเมล์บ้าง แช็ตผ่านยาฮูบ้าง เขาก็พยายามถามนะคะ ว่า คุณอยู่กับใครบ้าง แล้วคุณก็อยาไปบอกเรื่องนี้กับใครนะ ผมไม่อยากให้ใครรู้ หลังจากที่เราซื้อบ้านกันแล้วเราก็จะอยู่ด้วยกันแค่สองคนเท่านั้นนะ

เขาโทมาก็บอกว่า ผมขอชื่อจริง ที่อยู่บ้านไป เพื่อที่จะเอาไปให้ทนาย พี่เอก็เลยให้ไป แต่ก็ไม่รู้หรอกว่าให้ไปทำไม แล้วจดหมายอีกฉบับมาว่า จดหมายมาอีกฉบับตอนนี้ผมส่งเงินไปแล้วนะ ส่งไปทางพัสดุ พัสดุมากับบริษัท Clearance
เด่วผมจะให้เลขที่ใบส่งของกับคุณ หลังจากที่คุณได้รับแล้วให้รีบโทรหาผมทันทีเลยนะ แล้วคุณก็ไม่ต้องจ่ายเงินอะไรใดๆทั้งสิ้นนะ เด่วผมจะจ่ายเอง โอเค แต่ก็ยังไม่ได้เลขที่ใบส่งของสักที

และความ:-)ก็บังเกิด ลูกชายผมป่วย ผมต้องรีบพาเขาไปโรงพยาบาล ผมเลยไม่ได้ส่งเลขที่ใบส่งของให้คุณ และที่เราต้องโทรหาโรเบิตทันทีก็เพราะว่า เขาไม่อยากให้พัสดุผ่านเครื่องแสกน เจ้าหน้าที่จะรู้ว่าเรามีเงิน ส่งเงินมาทางพัสดุ แล้วคุณก็ต้องรีบไปรับด้วยนะ เขากลัวว่าเจ้าหน้าที่ของทางเคลียร์แรนซ์ เค้าจะแอบแกะดูพัสดุของเรา

ผ่านไป3วัน วันอังคาร โทรศัพท์จากทางคนเช็คพัสดุโทรมา พี่เอเป็นคนรับสาย เป็นเสียงผู้หญิง บอกว่า ตอนนี้พัสดุของคุณมาถึงที่สนามบินสุวรรณภูมิแล้วนะ ค่าส่งก็1800ดอล เราก็ถามว่าเงินไทยเท่าไหร่ จ่ายเป็นเงินบาทได้มั้ย เธอก็บอกว่า 55850บาท ทีนี้เราก็เลยเป็นคนคุยกับเจ้าหน้าที่เอง ว่าพัสดุมาถึงเมื่อไหร่ แล้วต้องไปรับอะไรยังไงที่ไหน แต่อีเจ้าหน้าที่ ญ คนนี้ดันบอกว่าไม่รู้เรื่องอะไร หนูก็เพิ่งมาใหม่ พี่คุยกับ Mr Collin ก็แล้วกัน เราก็สางสายไป

โทกลับไปหาโรบิต ทีนี้โทรติดเขาบอกว่าเขามาทำงาน บนเรือแล้ว คงเล่นเนตไม่ได้ และส่งไม่ได้ไปจ่ายเงินค่าส่งพัสดุ ยังไงคุณก็ต้องพยายามหาเงินไปจ่ายให้ได้ก็แล้วกันนะ เอวัง จากนั้นเราก็ติดต่อโรเบิตไม่ได้ค่ะ เขาปิดเครื่อง ซะงั้นเลย

โอเค เราก็เลยโทกลับไปยังเจ้าหน้าที่เช็คพัสดุ และคุยกับคอลลินเองเลยเราก็เลยถามเค้าไปว่า พัสดุของฉันมาถึงเมื่อไหร่ ต้องไปรับอะไรที่ไหนยังไง ค่ารับพัสดุเท่าไหร่ เขาก็บอกมาว่า1800ดอล เราก็โอเครับรู้แหละนะ ว่าต้องจ่ายเงินค่าพัสดุ

เราเลยโทรกลับไปยัง อีตาคอลลิน แล้วก็ถามว่า พัสดุจะอยู่เมืองไทยนานแค่ไหนถึงจะตีกลับ เขาก็บอกว่า คุณก็บอกผมมาว่าคุณจะมารับเมื่อไหร่ ผมจะเก็บไว้ให้ เพราะตัวผมเองก็อยู่เมืองไทยถึงแค่วันศุกร์ก็ต้องกลับอังกฤษแล้ว แล้วถ้าพัสดุอยู่ที่สนามบินนานๆมันก็คงไม่ดีใช่มั้ย เราก็เออออไป มันก็จริงนะ เพราะว่า...

ตาโรเบิตแกเคยบอกไว้ว่า พัสดุเนี่ย มันไม่ผ่านเครื่องแสแกน แล้วเราก็ต้องจ่ายค่าหิ้วกล่องมา ซึ่งมันก็ต้องแพงเพราะคล้ายๆกับการยัดใต้โต๊ะ ให้ของมาเมืองไทยโดยที่ไม่ผ่านเครื่องแสกน ไม่งั้นเจ้าหน้าที่จะรู้ ว่าในกล่องนั้นเป็นเงินสด ถ้าทิ้งไว้สนามบินนานๆ อาจจะมีคนสังสัยได้ว่ากล่องอะไร

พี่เอแกพูดภาษาอังกฤษไม่ได้อ่ะค่ะ เราก็เลยต้องคุยแทนเราก็ถามอีตาคอลลินว่า แล้วฉันจะต้องจ่ายเงินอะไรยังไง เขาก็บอกว่าคุณก็เอามาให้ผมเลย เพราะผมถือพัสดุมาให้คุณ เราก็เลยถามไปว่า งั้นโอนไปที่บริษัท เคลียร์แรนซ์ของคุณได้หรือเปล่า ทีนี้มันเริ่มโมโหใส่อารมณ์น่าดู บอกว่า บริษัทของผมอยู่ที่อังกฤษ ถ้างั้นคุณก็ต้องโอนเงินไปที่อังกฤษ เราก็เออ...ใช่โอนไปอังกฤษก็แพงเนอะ เราก็เลยบอกอีตาคอลลินไปว่า โอเค เราจะไปรับพัสดุด้วยตัวเองในวันพฤหัส เขาก็โอเค เราก็ให้เบอร์เราไป บอกว่ามีอะไรก็โทรมาคุยกับเราได้ มันก็ถามชื่อจริงเรา เราก็ถามชื่อจริงมันบ้าง มันบอกว่า มันชื่อ Collin Makata จะไปถึงสุวรรณภูมิตอนบ่ายโมง

ระหว่างนี้เราก็มานั่งวิเคราะห์กับพี่เอกันว่า มันจะใช่มิจฉาชีพหรือไม่ (เด่วไว้ค่อยคิดกันตอนท้าย)สรุปแล้วก็คือ เราก็พอจะรู้แหละว่ามิจฉาชีพแน่ๆ แต่เรา2คนก็ตัดสินใจที่จะไปสุวรรณภูมิจริงๆ เอาให้แน่ เอาให้ชัวร์เลยว่ายังไง กะว่าจะแจ้งตำรวจให้มาคอยดักซุ่มดูมัน แต่ก็ไม่ได้ทำค่ะ

พอเราอยู่สุวรรณภูมิกันแล้ว เราก็โทหามันบอกว่ามาถึงแล้ว แต่เป็นเวลา7โมงเช้าค่ะ แต่มันไม่ยอมมาค่ะ เราก็เลยส่งข้อความไปบอกมันว่า ตอนนี้ฉันมาถึงสุวรรณภูมิแล้วนะ คุณออกมาได้มั้ย ฉันรีบจะกลับบ้านแล้ว มันก็ส่งกลับมาว่า งั้นคุณก็โอนเข้าบัญชีผมละกัน เราก็โอเคได้ โอนก็ได้ บอกเลขที่บัญชีคุณมา มันก็บอกมาซึ่งเรารู้แล้วละว่า มันก็ต้องระวังตัวอยู่เหมือนกัน ยังไงมันก็ไม่ยอมออกมาแน่ๆ เราก็เลยตัดสินใจกลับค่ะ

ระหว่างกลับบ้าน เราก็เอาเลขที่บัญชีที่มันให้มาไปกดดูที่ตู้ฝากเงิน และแน่นอน เลขที่บัญชีมันเป็นคนละชื่อกับที่มันบอกเรา

บางคนอาจจะคิดนะคะว่า ดูแต่ช่วงแรกๆก็รู้แล้วว่ามิจฉาชีพ มันมีเหตุหลายอย่างค่ะ ที่ทำให้อยากจะเชื่อและไม่อยากจะเชื่อ

ชื่อของคนเช็คพัสดุนะคะเขาบอกเราว่าชื่อ Collin Makata เลขที่บัญชี7792097140 Kbank (เหมือนพวกมิจฉาชีบัตรเครดิทเลย ชอบอ้าง ธ นี้ประจำ) ชื่อเจ้าของบัญชี Feliciano Gomes เบอร์โทร 0800750993 ลองโทรไปดูก็ได้นะคะ

ข้อวิเคราะห์นะคะ
1.อีตาโรเบิตมันโง่หรือเปล่าทำไมต้องส่งมาทางพัสดุ แต่เห็นมันบอกว่าได้คุยกับทนายส่วนตัว เราก็เลยคิดว่า มันคงปรึกษาทนายที่ว่า ถ้าหากของไม่ถึงมือเรา ทนายคงจะฟ้องบริษัท (คิดไปเอง)

2.ทำไมมันไม่ส่งมากับ western union เพื่อความชัวร์ก็เลยคิดไปว่า ถ้าเอาเงินออกนอกประเทศมันมีจำนวนจำกัด ซึ่งถ้าส่งมากับwesturn union มันก็ต้องส่งหลายรอบแล้วก็ต้องเสียค่าธรรมเนียมหลายรอบ ซึ่งอาจจจะแพงกว่าส่งมาทางพัสดุ(คิดเอาเอง)

3.ถ้าหากว่าเป็นมิจฉาชีพ แล้วใครกันแน่ละที่เป็นมิจฉาชีพ โรเบิตหรือว่าคอลลิน แล้วเสียงผู้หญิงที่เราคุยด้วยละ คือใคร หรือว่าจะทำกันเป็นขบวนการ (คิดเอง)

เราเลยนึกไปถึงกลโกงบัตรเครดิท ที่เบอร์โทรจะเป็นเบอร์แปลก ซึ่งคนพวกนี้มันจะมีเซิฟอยู่เมืองนอก และ ตร. ไทยก็จับไม่ได้ เพราะมันไม่ได้ใช้เบอร์ของเมืองไทย เข้าข่ายกรณีเดียวกับ เรื่องเบอร์โทศัพท์

3.หากว่าโรเบิตอยู่เมืองไทยจิงแล้วทำแบบที่ข้างบนว่า เงิน5หมื่นในเมืองไทย อยู่กินได้ทั้งเดือนสบายๆเลย แต่ถ้าหากว่าอยู่เมืองนอกมันจะเอาไปทำไมเงินแค่5หมื่น พอกินที่ไหน แถมต้องแบ่งกัน3คนอีก แต่ลองมาคิดว่า คนละ5หมื่น หลายๆคนมันจะเท่าไหร่กัน หลายแสนนะนี่แต่ผลสุดท้าย สรุปออกมาว่มิจฉาชีพชัวร์ เพราะมันไม่ยอมออกมาเจอหน้า แถมทิ้งหมายเลขที่บัญชีเอาไว้ให้เราโอนลูกเดียว ถึงเรื่องมันจะยาวไป แต่สุดท้ายแล้วเราก็ไม่ได้เสียเงินเลยสักกะบาท

จากคุณ : Fuya
เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 54 14:26:22




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com