ความคิดเห็นที่ 1 อืมม เรื่องความเชื่อไม่ทราบแน่ชัดเหมือนกันค่ะ แต่ขอแสดงความเห็นเรื่องสินสอด เราไม่รู้นะว่าทุกวันนี้ค่าสินสอดเค้าเป็นไงกัน ไม่เคยสนใจ เพื่อนฝูงแต่งงานกันไปหมดแล้ว แต่ก็ไม่เคยถามเลยว่าสินสอดเท่าไหร่ มันเรื่องของเค้า ส่วนกรณีของคุณ เราต้องขอย้อนถามกับไปว่า แล้วคุณตีราคาความรักที่ว่าที่คู่ชีวิตมีให้ด้วยเงินหรอคะ สิบหลักที่ว่า เป็นของเค้าหรือของที่บ้าน ถึงการแต่งงานจะไม่ได้เกี่ยวกับคนแค่สองคน แต่แฟนคุณอาจจะไม่ได้พร้อมให้คุณสิบหลักก็ได้ ถ้าคิดจะแต่งงานร่วมกันขนาดนี้แล้ว เรื่องสินสอดทองหมั้น เราว่าเรื่องเล็กนะ ไม่อยากให้คุณเอามาเป็นประเด็นเลยค่ะ ยินดีกับชีวิตคู่นะคะ ปล.พี่สาว(ลูกพี่ลูกน้องเรา)แต่งงานเมื่อห้าหกปีก่อน สินสอดไม่แน่ชัด แต่ครอบครัวเจ้าบ่าวไม่ช่วยอะไรเลย ซึ่งไม่เป็นปัญหากับพี่สาวเราแน่ๆ เพราะครอบครัวพี่สาวเราโคตรๆจะรวย งานแต่งที่เจ้าบ่าวเป็นเจ้าภาพจัดได้ง่อยมากๆ ทั้งๆที่งานหมั้นที่ครอบครัวเจ้าสาวเป็นเจ้าภาพจัดก่อนโคตรจะอลังการดาวล้านดวง พี่สาวเราไม่เคยเอามาคิดเลยค่ะ จากคุณ : หนูคิสเซอร์วิส (KissAhoLicGal) เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 54 18:50:40

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่ได้อะไรนะคะ  บางอย่างมันก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับพิธีการ สินสอด นะคะ ขอให้มีความสุขกับชีวิตคู่ค่ะ จากคุณ : yim (kullayak) เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 54 19:15:35

ความคิดเห็นที่ 3 เอิ่มม  พิธีจีนเนี่ย ไม่ใช่ฝ่ายเจ้าสาวจะนั่งรับค่าสินสอดอย่างเดียวนะคะ แต่ต้องเตรียมสินเดิมที่สมน้ำสมเนื้อไปด้วย  ในสมัยก่อนเจ้าสาวต้องเตรียมเครื่องเรือน กาน้ำชา บ้าน ถ้าทันสมัยหน่อยก็โฉนดที่ดิน ตู้เซฟไว้ใส่เครื่องเพชร เจ้าสาวไหวไหมคะ ต้องเตรียมเท่าๆกับฝ่ายชายอ่ะค่ะ อันนี้คือ เต็มพิธีการเลย เราว่าหกหลักเนี่ยไม่น้อยนะคะ แต่เราก็เข้าใจว่าค่าสินสอดนี่เป็นเรื่องที่เอาไว้พูดอวดกันได้ จขกท น่าจะเคยได้ยินคนพูดอวดมาเยอะ ก็เลยรู้สึกว่าตัวเองไม่น่าจะได้ต่ำกว่านั้น รึปล่าวคะ จากคุณ : กันดัมจัง เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 54 19:47:21

ความคิดเห็นที่ 4 ค่าสินสอนก็ไม่ได้รวมกับค่าจัดงานนมั๊งคะ อีกอย่างถ้ารวยเป็นสิบๆล้านงานแต่งคุณคงไม่ต่ำกว่าล้านแน่ แม้อาจจะได้ทุนคืน บ้างที่ว่า 6 หลัก ถ้าแสนนึงก็น่าคิด แต่ถ้าหกหลักปลายๆ ก็เราว่าอย่าคิดมากดีกว่าไหม อีกอย่าง ถ้าเค้าแต่งงานกับคุณแล้วเอาสินสอดมาให้คุณ 10 ล้าน พ่อแม่เค้าอาจจะคิดว่า ลูกชายเค้าน่าจะได้ คนที่มีชื่อเสียงมาส่งเสริมธุรกิจของเค้ามากกว่ารึเปล่านะคะ ส่วนเรื่องความเชื่อ search google มีค่ะ แต่ทางที่ดี ปรึกษาซินแซดีกว่าค่ะ จากคุณ : CerenA เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 54 19:50:54

ความคิดเห็นที่ 5 แม่เรา ยกเราให้แฟนฟรีๆเลยก้ยังได้ ฮ่าๆ บอกว่า จะหลักหมื่นหลักพัน ให้มาพอเป็นพิธีก็พอ อยากจะบอกว่าแถวบ้านเรา มีแบบนี้นะคะ ให้เจ็ดหลัก แต่เค้าขอคืน =''= ให้จริงๆ หกหลักต้นๆ เราก็เพิ่งเคยเจอว่าแบบนี้ก้มีด้วย ตลกเป็นบ้า คือถ้าให้เพื่อให้คนดูว่า เฮ้ย ขอสาวสินสอดเยอะนะ สู้ให้เป็นน้อยๆ แต่เป็นเงินสินสอดที่หามาให้ด้วยตัวเองดีกว่าค่ะ จากคุณ : วันนี้วันอะไร เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 54 20:15:59

ความคิดเห็นที่ 6 เคยอ่านผ่าน ๆ เฉย ๆ นะ บางครอบครัวที่แต่งงานแบบจีนถ้าบ้านผู้ชายให้สินสอดเท่าไหร่ฝ่ายหญิงต้องให้เงินขวัญถุงเท่านั้น อันนี้ไม่แน่ใจลองไปหาข้อมูลอีกทีค่ะ ถ้าเขาให้คุณ 10 ล้าน ทางบ้านคุณก็ต้องให้ของขวัญ 10 ล้านเช่นกัน จากคุณ : มนชิจัง เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 54 21:03:26

ความคิดเห็นที่ 7 เราคิดว่าเงินพวกนี้ผู้ชายต้องหาเงินมาเอง ไม่ค่อยชอบให้ขอเงินพ่อแม่มาแต่งหญิงเท่าไหร่ค่ะ (ไม่จ่ายค่าแต่งก็ต้องเอามาเป็นสินสอดละ) อย่างเฮียเรา ค่าแต่งเฮียเราออก สินสอดห้าแสน(ตอนแรกแม่เจ้าสาวบอกว่าแปดแสน) ค่าซองช่วยงานแต่ง ญาติฝ่ายหญิงเอาไปกอดเฉยเลย ทั้งๆที่ไม่ช่วยออกซักกะบาท แล้วเค้าบอกว่าธรรมเนียมคนจีน (แต่เจ้าสาวไม่มีเชื้อจีนเลยนะเราก็งงว่าเอามาจากไหน) แบบนี้ก็น่าปวดหัวค่ะ จากคุณ : โฮ่งฮับตังเม เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 54 21:06:15

ความคิดเห็นที่ 8 เรื่องที่ห้ามก็มี - ห้ามไปงานแต่งงาน ก่อนแต่ง หลังแต่ง 4 เดือน - ห้ามไปเยี่ยมคนคลอดลูก - แต่งแล้วไม่ควรกลับบ้านบ่อยๆ นอกจากตอนที่น้องชายมารับแล้ว ไม่ควรกลับ ยกเว้นเทศกาล งานสู่ขอ/ทาบทาม ฝ่ายหญิงออก ( เลี้ยงอาหาร หรือจะเลี้ยงเป็นโต๊ะ ก็แล้วแต่ ) วันหมั้น ทางฝ่ายหญิงออก วันแต่ง ทางฝ่ายชายออกให้ ส่วนซองแล้วแต่ทางฝ่ายชายจะเก็บหรือจะยกให้ แต่ของเรายกให้ค่ะ แล้วแต่บ้านค่ะ ส่วนเรื่องสินสอด เรียกเท่าไหร่ คืนเท่านั้นค่ะ เวลาเข้าบ้านฝ่ายชายแล้ว ญาติพี่น้องก็จะพูดกันเรื่องขวัญถุงที่ได้รับคืน ของเราแม่ให้โฉนดที่ดินค่ะ ไม่ได้ให้เป็นตัวเงิน จากคุณ : คุณหน่อย เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 54 21:58:59

ความคิดเห็นที่ 9 สมัยนี้ ผู้ชายเค้าไม่แต่งงานกันง่ายๆ นะคะ หวงความโสดกันอย่างกะอะไรดี การที่เค้าตัดสินใจจะใช้ชีวิตคู่กับคุณก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีแล้ว เรื่องอื่นๆ ดิฉันขอไม่ออกความคิดเห็น เพราะบอกตามตรงว่าตั้งแต่คบกันมา ไม่เคยคิดเรื่องเงินเลยแม้แต่บาทเดียว ดังนั้นดิฉันคงไม่เห็นด้วย ที่คุณคิดเรื่องเงินมากมายขนาดนั้น ส่วนเรื่องพิธีการ ลองเสิรช์หาข้อมูลดูก่อน เพราะเท่าที่เคยผ่านๆ หูมา รู้สึกว่ามันมีข้อจำกัดเยอะมากเลยค่ะ สุดท้าย ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ จำคำของดิฉันไว้ให้ดี อันนี้ ได้มาจากผู้ใหญ่มาร่วมอวยพรในงานแต่งงานของดิฉันเอง เอา : เอาใจใส่ เข้า : เข้าใจกัน ไว้ : ไว้ใจกัน คำว่าขอบคุณ และคำว่าขอโทษ สำคัญสำหรับชีวิตคู่นะคะ ใช้ได้ตลอดเวลาและตลอดไปค่ะ แก้ไขเมื่อ 13 เม.ย. 54 22:06:35 จากคุณ : Bozo The Cat เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 54 22:03:53

ความคิดเห็นที่ 10 เอ่อ...  กรณีคุณ จขกท. เป็นแบบมีแม่สื่อมาดูตัว แล้วพ่อแม่จับแต่งรึเปล่าคะ ส่วนใหญ่แม่สื่อที่มาดูตัวก็จะเลือกคนที่สมน้ำสมเนื้อกันอยู่แล้ว นอกจากนี้ เค้าจะดูเรื่องโหวงเฮ้ง และวันเดือนปี เกิดด้วย ถ้าทุกอย่างเหมาะสม ทั้งสองฝ่ายตกลงก็จะมีการพูดคุยเรื่องสินสอด ณ จุดนี้ ถ้าเห็นว่ามันน้อยไป ก็ต้องเจรจากัน ถ้าตกลงกันไม่ได้ก็ปฏิเสธไป... จบ แต่ถ้าคนเรารักกัน เป็นแฟนกัน และตกลงแต่งงานกัน เรื่องนี้ก็ไม่น่าเป็นประเด็นเท่าไหร่   หกหลักที่ว่า บางทีก็จะเป็นผู้ชายทำมาหาได้ เก็บเงินมาสู่ขอ  หรือบางคู่ช่วยกันเก็บเงินแต่งงานก็ยังมี  ก็เป็นเรื่องน่าภาคภูมิใจมากกว่า บางบ้าน เห็นฝ่ายชายรวย  เรียก 7 หลัก พ่อแม่ตกลงกันเสร็จสรรพ เจ้าลูกชายรู้โวยวายเพราะไม่ได้รักมากเป็นทุนเดิม ไม่แต่งซะงั้นก็มี เผลอๆ มันหลงตัวเองดูถูกฝ่ายหญิงอีก หาว่ากะหวังรวยเพราะขายลูกสาว  เฮ้อออ จากคุณ : ขนมสด เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 54 22:14:58

ความคิดเห็นที่ 11 อันนี้จะอธิบายแบบให้เข้าใจง่าย ๆ นะคะ ไม่ได้จะมาอวดอะไร แต่อยากให้ เจ้าของกระทู้เข้าใจง่าย ๆ ค่ะ คู่ของเราใช้ความเชื่อแบบ ไทยครึ่ง - จีนครึ่ง ทั้ง ๆ บ้านเราจีน 80% ถ้าถามเรื่องหลังงานแต่งนะคะ อาม่าที่บ้านไม่ให้ไปงานศพ หรืองานอวมงคลทุก ๆ อย่าง 3-6 เดือน ค่ะ แต่เรื่องคนท้องนี้ อาม่าไม่ห้ามนะคะ  อันนี้มาต่อเรื่องงานหมั้น งานแต่ง เราหมั้นก่อนล่วงหน้า 1 เดือนค่ะ สินสอด( อันนี้บ้านเจ้าสาวเป็นฝ่ายเรียกร้องนะคะ) ประกอบด้วย เงินสด ทองแท่ง เข็มขัดทอง สร้องทอง เครื่องเพชร แหวนหมั้น บ้านหนึ่งหลัง ส้มเช้ง 48 ลูก (ติดตัวซั้งฮี้ สีแดงทุกลูก) ใช้เป็นคู่นะคะเท่ากับ 96 ลูก ขนมหมั้นอันนี้มี จันอับด้วย แล้วก็ขนมหมั้นเป็นกล่อง ข้างในก็จะเป็นขนม 4 สี (หรือ 4 อย่าง) เรียกว่า " ซี้เส็กหม่วยเจี๊ยะ " หรือ ขนม 5 สี เรียกว่า " โหงวเส็กทึ้ง " ประกอบด้วย ขนมเหนียวเคลือบงา, ขนมเปี๊ยะโรยงา, ขนมถั่วตัด, ขนมข้าวพองทุบ และขนมโก๋อ่อน นอกจากนี้บางบ้านอาจขอให้มีน้ำตาลทราย, ซาลาเปาไส้หวาน ส่วนฤกษ์หมั้นนี่ เป็นตอนเช้า ๆ ค่ะ เพราะว่า วันนั้นเป็นวันคล้ายวันเกิด ป๊า ที่บ้านพอดี ผู้ใหญ่มากันครบ จะเรียกว่าฤกษ์สะดวกก็ได้นะคะ หลังพิธีหมั้นเสร็จแล้ว ทางบ้านเจ้าสาวจะคืนส้ม และขนมหมั้นให้ฝ่ายเจ้าบ่าวครึ่งหนึ่งนะคะ "และที่สำคัญ" ฝ่ายเจ้าสาวคือบ้านเรา เพิ่มสินสอด เท่ากับที่เจ้าบ่าวให้มาทุกอย่าง เพียงแต่เปลี่ยนจากบ้าน เข็มขัดทอง เป็น รถบรรทุกพ่วง 4 พ่วง รถตัก 2 คัน อาจสงสัยว่า ขนมกล่องงานหมั้นเราจะไปทำอะไร คือขนมนี้ทางสองฝ่ายจะนำไปเรียนเชิญผู้ใหญ่พร้อมกับการ์ดงานแต่งค่ะ...หลังจากงานหมั้น มาถึง งานแต่ง เช้ามืด เจ้าบ่าวรับตัวเจ้าสาวที่บ้าน ไหว้พระ ไหว้เจ้าที่ ๆ บ้าน (ตี่จูเอี๊ยะ) แล้วมาไหว้ศาลพระภูมิ ไหว้ฟ้าดินที่บ้าน ไหว้บรรพบุรุษด้วยนะคะ หลังจากนั้น กินขนมอี๊มงคล เสร็จพิธี ก็จะถึง พิธียกนำชาค่ะ จากนั้น ไหว้ลา ป๊ากับแม่ ก่อนออกจากบ้าน ป๊าจะจูงมือเจ้าสาว ออกมาส่งที่รถ พร้อมกับ พรหมน้ำมนต์มงคล ให้ด้วยแต่ ป๊ากับแม่ จะไม่สามารถไปส่งเราได้นะคะ พิธีรับตัวเจ้าสาวนี่ จะมี น้องชายเจ้าสาวถือตะเกียงไฟสีแดง นั่งไปด้วย น้องชายอีกคนจะถือเซฟสินสอด ของหมั้น ของแต่งตัวที่แม่ให้ไปด้วยค่ะ ที่สำคัญก่อนออกจากบ้าน อาม่า หรือ ป๊า จะติด "หยู่อี่" ซึ่งจะเป็นปิ่น คล้ายพัดคู่มีด้ามสีทอง อันเล็ก กับเราพร้อมกิ่งทับทิมไปด้วยนะคะ ซึ่งของสิ่งนี้ อาม่า สั่งนักว่า ให้เก็บไหว้ที่เซฟตลอด อย่าทำหายนะ และบอกว่า ตุ้มหูยังไม่ต้องใส่ พอใกล้ถึงบ้านเจ้าบ่าว ค่อยใส่ จากนั้นก็ออกจากบ้าน ถึงบ้านเจ้าบ่าว ก็เริ่มพิธีแบบไทยต่อค่ะ ที่บรรยามาขนาดนี้ไม่ใช่พิธีเตรียมเต็มรูปแบบนะคะ เพราะว่าอาม่าที่บ้านไม่เคร่ง แต่ก็ไม่อยากให้ละเลย เจ้าของกระทู้ประยุกต์ได้ ส่วนเรื่องสินสอด ตามประเพณีไทย จะเรียกได้ว่าเป็น ค่าน้ำนม ค่าเลี้ยงดู ส่วนประเพณีจีน จะเรียกว่า ทุนที่จะให้เจ้าบ่าว เจ้าสาวออกไปตั้งตัว ขึ้นอยู่กับฐานะทั้งสองฝ่าย ไม่อยากให้คิดว่ามากหรือน้อย ขอให้เจ้าของกระทู้มี"ความสุข" ในชีวิตแต่งงานมาก  ๆ นะคะ ยินดีล่วงหน้าด้วยค่ะ จากคุณ : น้องข้าวสาร (น้องข้าวสาร) เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 54 22:31:34

ความคิดเห็นที่ 12 เกือบลืมไปค่ะ หลังจากแต่งแล้ว 3 วัน ถึงจะกลับไปเยี่ยมบ้านนะคะ ไปพร้อมกันทั้งสองคน เรียกว่า ตึ๋งฉู่ นะคะ ไปบ้าน แม่จะทำกับข้าวให้ทาน จะมีปลาด้วยนะคะ อันนี้สำคัญมาก ๆ จากนั้นทุกคนในครอบครัว จะมาทานข้าวร่วมกันนะคะ จากคุณ : น้องข้าวสาร (น้องข้าวสาร) เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 54 22:42:05

ความคิดเห็นที่ 13 คห.11 ละเอียดมากค่ะ น่าจะคล้ายๆ กับธรรมเนียมบ้านเรา ธรรมเนียมเรื่องสินสอดที่บ้านคือ ผู้ชายใส่มาเท่าไร ผู้หญิงจะทบกลับไปจำนวนเดียวกัน ยกให้บ่าว-สาวเป็นทุน จากคุณ : FloraLilly เขียนเมื่อ : วันเนา 54 00:13:44

ความคิดเห็นที่ 14 เราเข้าใจเจ้าของกระทู้นะคะ เราก็มีเชื้อจีน แต่ไม่เคร่งแล้ว ซื้อบ้านใหม่อยู่กับพ่อแม่ก็ไม่มีตั้งเหล่าเอี๊ย ไหว้บรรพชนอะไร ก็ไม่ได้ทำแล้ว มาพูดเรื่องสินสอดแ้ล้วเราก็ยังเคืองแฟนเราไม่หาย(แฟนเราคนไทย)เคยพูดเปรยๆเรื่องสินสอดขึ้นมา เขาบอกว่าหนึ่งแสนก็มากมายแล้ว เรานี่อึ้งไปเลย เพราะฐานะบ้านเขาก็รวย ตัวเขาเองเงินเดือนเกือบหลักแสน ไม่มีหนี้สิน รถ บ้าน อะไรทั้งนั้น แต่เสนอมาให้หนึ่งแสน เราเครียดเลยเพราะเคยคุยกับที่บ้านเขาบอกว่าเรียกประมาณหกแสน พอเราบอกแฟนไปว่าหกแสน แฟนบอกงั้นก็รอไปอีกนานเลยเหอะ ทั้งที่เขามีนะ แต่เขาไม่ตกลง อีกข้อที่อึ้งไปเลยคือ เขาบอกว่าสินสอดให้ไปเท่าไหร่ เดี๋ยวเขาก็ได้คืนมา แล้วเราจะแคร์อะไร เพราะยังไงสินสอดก็ไม่ได้เข้ากระเป๋าบ้านเราอยู่ดี บ้านเราต้องคืนให้เขาไปทำทุนชีวิตคู่ (โอ้ มายก๊อดดด แ่ค่หนึ่งแสนก็ยังคิดจะเอาคืนล่ะค่ะ คิดดู) เขาบอกว่าเพื่อนเขาที่แต่งงานแล้วบอกเขามายังงี้ว่าแฟนเขาคนจีน พ่อแม่แฟนก็คืนให้หมด เขาคิดว่าเรามีเชื้อจีน เขาก็คงได้คืนด้วยมั้ง เหอๆ แต่ความจริง เขาไม่ได้คืนหรอกค่ะ เพราะพ่อเราบอกเลยว่าถ้าให้มาแค่แสนเดียวแล้วจะมีปัญญาเลี้ยงดูลูกสาวพ่อได้ยังไง พ่อไม่ปล่อยให้ไปอดอยากกับผู้ชายขี้งกแบบนี้หรอก)   ปล. พ่อเราไม่ได้จนและไม่ได้งกนะคะ แต่พ่อเรามองว่าแฟนเราไม่มีปัญญาจะเลี้ยงดูเราไปตลอดชีวิตได้ ถ้างกตั้งแต่เรื่องสินสอดแบบนี้ จากคุณ : JC >_< sweetgirl เขียนเมื่อ : วันเนา 54 00:40:55

ความคิดเห็นที่ 15 6 หลักนี่น้อยเหรอคะ เราก็กำลังจะแต่งน้า เค้าก็กะว่าจะให้ 6 หลักต้นๆนี่แหละค่ะ เราก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันมากหรือน้อย ครอบครัวของแฟนเราเค้าก็ไม่ได้รวยอะไร แต่เราว่ามันมีคุณค่าทางจิตใจมากกว่า จากคุณ : pinkchomphu เขียนเมื่อ : วันเนา 54 01:16:21

ความคิดเห็นที่ 16 ตอนแต่งเราไม่เรียกสักบาทค่ะ เพราะไม่อยากต้องตอบคำถามพวกนี้ซึ่งใครเค้าก็จ้องจะถามกัน ไม่รู้จะอยากรู้ไปทำไม ตัวเลขเดียวกัน บางคนว่าน้อย บางคนว่าเยอะ เลยไม่เรียกซะเลย 555555 จากคุณ : เขียนบน iPhone (Cuddle) เขียนเมื่อ : วันเนา 54 01:27:35

ความคิดเห็นที่ 17 เค้าเสนอเลขมงคลหรือป่าวคะ อย่าง 800000 อะไรแบบนี้อ่า เราเดาเอา เราจีน 25% แค่นั้นแหละ ฮ่าๆๆ จากคุณ : ที่รักของพระอาทิตย์ เขียนเมื่อ : วันเนา 54 01:36:52

ความคิดเห็นที่ 18 ตอนยังไม่มีแฟนเคยถามแม่เล่นๆว่าถ้าจะแต่งงานแม่อยากได้สินสอดเท่าไหร่ แม่เราบอกว่าชอบเลขสี่ เอาสี่แสน กับทองอีกสี่สิบบาท ตอนนั้นเรายังคิดเลยว่าทำไมน้อยจัง แต่เห็นเพื่อนๆแต่งงาน ส่วนใหญ่ก็หลักแสนกันทั้งนั้นนะคะ ..ประมาณนี้แหละ อย่าคิดมาก จากคุณ : auaukrub เขียนเมื่อ : วันเนา 54 01:51:43

ความคิดเห็นที่ 19 จีน 100% ค่ะ พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย จีนหมด ขอบอกเลยค่ะว่า ถ้าผู้ใหญ่ไม่ซีเรียสมาก ไม่ต้องจัดจีน 100% หรอกค่ะ มันเยอะมากกกกก แล้วคุณจะเวียนหัว ปวดขมับ คนจีนแต่งงาน เจ้าสาวเหนื่อยที่สุด เสียตังค์เยอะสุดค่ะ ว่ากันตามตรงเลย งานทุกอย่างต้องเป็นพ่อแม่ฝ่ายเจ้าสาวจัดการนะคะ งานยกน้ำชา งานเลี้ยงแขก ทางบ้านเราจะถือว่าทำให้ลูกสาวเป็นครั้งสุดท้าย แล้วจะถือว่าคุณไม่ใช่ลูกสาวของบ้านนี้อีกแล้ว ก่อนแต่งฝ่ายเจ้าสาวต้องเตรียมขนมไปให้ผู้ใหญ่พร้อมการ์ดเชิญ ถ้าโบราณหน่อยก็จันอับ ถ้าประหยัดหน่อยก็คุ้กกี้ สินสอดฝ่ายชายให้มาเท่าไหร่ พ่อแม่ฝ่ายหญิงต้องให้คืนไปเท่านั้นแล้วยกให้บ่าว-สาวไปตั้งตัว บางบ้านว่ากันเป็นล้าน พ่อแม่ฝ่ายหญิงเตรียมเช็คไว้ให้เลย แล้วพ่อฝ่ายหญิงจะให้เจ้าสาวตอนยกน้ำชา (บางบ้านที่ฝ่ายหญิงไม่มีตังค์ก็จะเอาสินสอดฝ่ายชายยกให้ แต่เค้าไม่เก็บไว้นะคะ คนจีนพ่อแม่ไม่เก็บสินสอดบ่าวสาวค่ะ ต้องคืนให้ทั้งหมด รวมทั้งเงินใส่ซองงานเลี้ยงด้วย ) ส่วทองหยองต่าง ๆแม่ฝ่ายหญิง และญาติผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงต้องเตรียมเครื่องเพชร ทองหยองรับไหว้ให้ตอนยกน้ำชาที่เท่าเทียมกันเหมือนกัน เจ้าสาวต้องเตรียมเครื่องประดับทองไว้ให้พี่สาว ที่ยังไม่แต่งงาน ต้องเตรียมซองไว้ให้ญาติผู้น้อยที่มายกน้ำชาให้ เตรียมผ้าไว้สำหรับผู่ใหญ่ที่มายกน้ำชาอันนี้แค่งานช่วงเช้านะคะ โครตเหนื่อย และเปลืองเงินมากกกกกกก จากคุณ : jackkyjing เขียนเมื่อ : วันเนา 54 10:16:48

ความคิดเห็นที่ 20 ไม่รู้ว่า จขกท.สนใจเรื่องเงินเป็นหลักมากแค่ไหน แต่จากความรู้สึก จขกท.แค่อยากรู้ว่า เค้าจะตีค่าเราน้อยไป ดูไม่ให้เกียรติเรา ทั้งที่ควรให้มากกว่านี้ใช่มั้ยค่ะ   ถ้าถามเรานะ มันขึ้นอยู่กับสังคมที่จขกท.อยู่ด้วยค่ะ คำว่าเยอะกับน้อยสำหรับแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันเนอะ มีแสนให้หมื่นว่าเยอะ มีล้านให้หมื่นว่าน้อย อันนี้จขกท.น่าจะตอบได้แหละ แต่คิดบวกไว้หน่อยก็ดีค่ะจะได้ไม่เครียด(แอบห่วง)  6หลักก็ไม่รู้ว่าเยอะมั้ยอ่ะ เพราะ1แสนกับ9แสนก็6หลักเหมือนกัน แต่ดูเหมือนจขกท.อยากให้เป็น7หลักใช่มั้ยคะ เราว่าน่าจะลองคุยกันก่อนก็ได้นะคะ ลองเกริ่นๆกับแฟนคุณดูว่าทางบ้านเค้าคิดยังไง แต่โดยส่วนตัวซึ่งเราก็อยู่ในสังคมที่ไม่ได้ไฮโซอะไร มองว่า เยอะแล้วค่ะ แต่ถ้าเทียบกับครอบครัวฝ่ายชายซึ่งมีเป็น10หลักก็อาจจะดูน้อย ก็คิดซะว่า เค้าก็ต้องเก็บไว้ใช้แหละเนอะ จะให้เราหมดได้ไงล่ะ 10หลักก็จริงแต่ก็อาจจะสะสมมานาน ทำงานเหนื่อย ถามใจตัวเองจริงๆนะคะว่าโอเคมั้ย ถ้าเราโอเคแล้วเสียงสังคมจะเป็นยังไงก็ช่างเถอะค่ะ อย่าไปคิดให้เครียดเนอะ จากคุณ : ไม่เห็นจะยากเลย เขียนเมื่อ : วันเนา 54 11:28:01

ความคิดเห็นที่ 21 เรื่องที่ถามมาไม่รู้สักอย่างเพราะเราเป็นคนไทยสะใภ้จีน แต่ที่จะมาเตือนอย่างหนึ่งคือ ถ้าเป็นไปได้อย่าแต่งเข้านะคะ เพราะธรรมเนียมคนจีนเค้าเคร่งครัดกันมาก แม่สามีต้องอยู่เหนือลูกสะใภ้ ลูกสะใภ้อยู่ใต้คนทั้งบ้าน ไปอยู่แล้วจะอึดอัดเกิดปัญหาครอบครัวค่ะ ไหนๆ ก็มีฐานะทั้งคู่ แนะนำให้ปลูกเรือนหอแล้วแยกออกมาอยู่ แต่ต้องหมั่นไปเยี่ยมครอบครัวสามีบ่อยๆ ซื้อของไปฝาก ไปออดไปอ้อน วันไหว้วันตรุษ วันเช็งเม้ง วันสารทต้องไปอย่าให้ขาด ขี้คร้านแม่สามีจะรักกว่าลูกตัวเอง ยินดีด้วยนะคะ จากคุณ : แมวเหมียวขนฟู เขียนเมื่อ : วันเนา 54 17:42:13

ความคิดเห็นที่ 22 อ่านแล้วนึกถึงเพื่อนคนหนึ่ง ตัวเองสวย ฐานะดี เรียนจบมหาลัยดัง ได้ทำงานดี ตอนจะแต่งงานพ่อแม่เรียกฝ่ายชายไปหลักล้าน แต่เขาไม่ให้ เขาบอกไม่มี จะให้แค่นี้...คือไม่ถึงครึ่ง ไม่ลดให้ก็ไม่เอา ถามไปถามมาด้วยความสงสัยของพ่อแม่ ว่าทำไมเขาถึงดูไม่แคร์ ไม่พยายามที่จะแต่งงานกับลูกสาว ปรากฎว่าผู้ชายเขา "ได้" ไปแล้ว อยู่กินกันแล้ว แถมเขาก็ไม่ค่อยรักหรือแคร์ผู้หญิงเท่าไร พ่อแม่จำต้องยอม ไหน ๆ ได้แต่งดีกว่าไม่ได้แต่ง เพื่อนเล่าให้ฟัง บอกสงสารพ่อแม่มาก ฝ่ายชายเขาอ้างว่าถ้าไม่ลองอยู่ด้วยกัน จะรู้หรือว่าหลังแต่งจะอยู่ด้วยกันได้ไหม เราฟังแล้วสงสารเพื่อนมากที่ไปเจอคนเห็นแก่ตัว แบบนี้ต่อไปชายไทยหญิงไทย มิต้องอยู่ด้วยกัน นอนด้วยกันไปเสียทุกคู่หรือ ถ้าไม่เวิร์ก ก็เลิก เปลี่ยนไปอยู่กินกับคนใหม่ ถ้าเวิร์กคนนี้อยู่ด้วยกันได้ ถึงจะได้แต่งงั้นรึ เรารู้ว่ามันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เป็นเรื่องของความรัก แต่เคยได้ยินพี่คนนึงพูดว่า ก็เสียให้เขาไปแล้ว อำนาจการต่อรองก็ต่ำลงน่ะสิ เราเห็นด้วยนะในส่วนหนึ่ง มันอาจไม่ใช่ว่าเขาอยากแต่งเพราะเขาอยาก "ได้" แต่เรื่องที่เขาได้ สำหรับคนเห็นแก่ตัวไม่อยากผูกมัดบางคน อาจนำมาอ้างเพื่อต่อรองเรื่องแต่งงานนี่แหละ ในขณะที่บางคน ไม่ได้ร่ำรวย แต่ขวนขวายมานะหามาจนได้ก็มี นอกเรื่องไปไหนวะเนี่ย - -" ขอโทษจขกท.ด้วย พอเห็นเรื่องแต่งงาน เรื่องสินสอด เรื่องความยักท่าของฝ่ายชายทีไร มันอดคิดไม่ได้ทุกที แก้ไขเมื่อ 14 เม.ย. 54 20:13:11 จากคุณ : BAHAMAS เขียนเมื่อ : วันเนา 54 20:09:34

ความคิดเห็นที่ 23 ลองบอกเค้าไปสิคะ ว่าเงินสินสอด คนจีนเค้าคืนให้คู่บ่าวสาว เค้าให้เท่าไหร่พ่อแม่คุณก็จะให้เท่ากับที่เค้าให้มาด้วย จริงๆสินสอดก็ไม่ได้ตีราคาอะไรนะคะ เราก็บ้านคนจีน ให้กันตามธรรมเนียม แต่่ว่า ถ้าคุณอยากได้มากขึ้นอีกนิด ลองคุยเหตุผลกับเค้าดูค่ะ ยินดีด้วยค่ะ จากคุณ : cranberrysoda เขียนเมื่อ : วันเนา 54 22:17:33

ความคิดเห็นที่ 24 ต้องถามว่า บ้านจขกท. คืนสินสอดมั้ยคะ ถ้าไม่คืนเราว่า 6 หลักไม่น้อยนะ ยิ่ง 6 หลักปลายๆ นี่เยอะนะเราว่า สำหรับคนจีน  ผู้หญิงขาดทุนนะเรื่องแต่งงาน เพราะฝ่ายชายให้เท่าไร ฝ่ายหญิงก็ต้องให้ขวัญถุงคืนเท่านั้น (แฟนเราบอกมาค่ะ ) เราเป็นคนไทย แฟนเป็นไทยเชื้อสายจีน 100% ทางบ้านเราไม่เรียกสินสอดค่ะ(บ้านเรามีแต่คุณตากับน้องสาว) คุณตาเราบอกว่าขอแค่เค้าดูแลเราดีๆ แค่นี้พอแล้ว ^ ^ ค่าสินสอดมันไม่ได้บอกถึงความสุขของชีวิตคู่นะคะ ปล. ถ้าคุณแต่งกับคนจีน เรื่องที่น่าห่วงคือบทบาทของสะใภ้ แล้วคุณจะรู้ว่า วันไหว้ สะใภ้เหนื่อยมาก เดือนเมษาเราโทรมน้ำหนักฮวบไปเลย จากคุณ : PuppYJr. เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 54 01:37:23

ความคิดเห็นที่ 25 บ้านเราคนจีน แต่จัดพิธีไทยแท้ค่ะ ไม่ถืออะไรเลย ก่อนวันแต่ง 1 สัปดาห์ เราไปงานแต่งเพื่อนด้วยค่ะ หลังงานแต่งเดือนนึงก็ไปงานแต่งอีกงาน ตอนนี้ชีวิตก็ปกติสุขดี ไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลยค่ะ   (ความเห็นส่วนตัวเรานะ อย่าโกรธกัน)  เราว่าต่อให้ถือไม่ไปงานศพ ไม่ไปงานแต่งตามที่เค้าถือๆกัน แต่ชีวิตปกติทำบาป ทำไม่ดี พูดจาไม่เพราะ วันๆหาเรื่องสามี ตามจิกตามล้างตามเช็ด หึงหวงไม่เข้าเรื่อง เอาแต่อาละวาด วันๆเงี่ยหูฟังว่าสามีคุยโทรศัพท์กับใคร ชีวิตคู่มันก็คงไม่ได้ดีไปกว่านั้นหรอกค่ะ  เห็นมาหลายคู่แล้ว ทุกอย่าง ทำดีได้ดี ทำให้พอดีๆ ทำใจให้สบาย ชีวิตก็จะดีเอง พระผู้ใหญ่ (ระดับผู้ใหญ่ในมหาเถรสมาคม) รูปหนึ่งเคยพูดว่า งานแต่งงานคืองานมงคล ทุกอย่างเป็นสิ่งมงคล ไม่ต้องกลัวว่าใครจะมาชงเรา เราจะไปชงใคร หรือต้องไประวังห้ามไปงานแต่งอะไร  เพราะอย่างไรเสีย งานสมรสก็"มงคล" ทุกงาน อย่าคิดมากจนทำให้จิตวิตกไป ทุกคนทำดีได้ดี จะกลัวอะไร ถ้าชีวิตมีสิ่งไม่ดีเกิดขึ้นนั่นก็เพราะกรรมเก่า แต่ไม่ใช่เพราะไปงานสมรสงานศพ เรื่องแค่นั้นไม่ทำให้ชีวิตเราอับจนไปได้หรอก นอกเสียจากกรรมที่คุณทำมาเอง ดังนั้น ความเห็นส่วนตัวเรา ถ้าผู้ใหญ่เค้าถือ เราก็ปล่อยๆไป อะไรทำให้ผู้ใหญ่สบายใจได้ก็ำทำ  แต่ถ้ามันมีอะไรที่คุณจำเป็นต้องทำที่อาจจะฝืนไปจากกฎเกณฑ์ที่ผู้ใหญ่ท่านถือ คุณจขกท.ก็ไม่ต้องไปคิดมากว่ามันจะทำให้ชีวิตคุณแย่ จะมีอะไรไม่ดีหรอกค่ะ จะเครียดเสียเปล่าๆ ทำใจให้สบาย รักษาศีลก็พอค่ะ ส่วนเรื่องสินสอด ... บ้านเรามีเราเป็นลูกคนเดียว หัวเดียวกระเทียมลีบ สินสอดก็คือเงินเก็บของเจ้าบ่าวกับของเรารวมกัน 6 หลัก เท่านั้นค่ะ .. แต่แม่เราไม่ถือ ไม่สาอะไรทั้งนั้น เจ้าบ่าวเสนอมาเท่าไหร่ก็เท่านั้น มีคนรักลูก็พอใจ   และแม่เราคืนสินสอดให้เจ้าบ่าวไปหมดค่ะ แถมมีทองให้เจ้าบ่าวเป็นของรับไหว้อีกตังหาก เรากับแฟนก็เลยเอาไปซื้อรถใช้กันสองคนเรียบร้อย :D งานแต่งงาน เรากับแฟนช่วยกันจ่ายจากเงินของเราเองทั้งคู่ ... ที่บ้านแฟนกับเราไม่ได้ช่วยออก ไม่ได้รบกวนครอบครัวฝ่ายใด พ่อแม่ของแต่ละฝ่ายแค่มานั่งเป็นสักขีพยานงานแต่งงานเท่านั้น กับเตรียมของรับไหว้มา ส่วนแม่เราช่วยเรื่องตัดสินใจว่าจะทำอะไร เอาอะไรดี ของใช้งานแต่ง ตามที่เราขอความเห็น ที่เหลือเรื่องเงินเราสองคนจัดการกันเอง ไม่อยากให้จขกท.คิดมาก เรื่องสินสอดนะคะ สำคัญที่ว่า คุณกับแฟนรักและเข้าใจกันหรือเปล่า แต่ถ้าคุณจขกท.รู้สึกว่า 6 หลักน้อยไป ไม่สมหน้าสมตา ลองขอ 7 หลัก แต่บอกว่าจะคืนให้ก็ได้นะคะ หลายบ้านก็ทำแบบนี้ คือเอามาวางให้สวยงาม ดูมากๆ แต่คืนให้ฝ่ายเจ้าบ่าวไป ที่จริง เื่พื่อนเราหลายคน ก็แต่งงานกันด้วยเงินสินสอดแค่ 100,000-200,000 บาท เองค่ะ ทั้งที่แต่ละฝ่ายเป็นข้าราชการผู้ใหญ่ด้วยนะ เป็นผู้พิพากษาอัยการ ก็เห็นเค้าแต่งงานกันง่ายๆ ดูมีความสุขดี แก้ไขเมื่อ 15 เม.ย. 54 10:11:10 จากคุณ : Volksrecht เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 54 10:06:24

ความคิดเห็นที่ 26 / ของเราแต่งมา 2 ปีกว่าแล้วค่ะ เรื่องสินสอด บ้านแฟนจะให้ 6 หลักปลายๆ แต่บ้านเราลดให้ครึ่งนึง เล่าให้ใครฟังมีแต่คนแบบ เห้ย มีลดราคาให้ด้วย 555 อาม่ากับผู้ใหญ่เค้าบอกว่า เรื่องสินสอดขอแค่มีให้ไม่น่าเกลียดเค้าก็พอใจแล้ว มันไม่ใช่เรื่องสำคัญ เงินน่ะอีกหน่อยเราก็ต้องดูแลกิจการ ถึงตอนนั้นค่อยหาก็ไม่สาย แต่ที่เค้าขอคือขอให้ดูแลลูกหลาน ซึ่งก็คือเราให้ดีๆ เงินหาได้ แต่ใจคนน่ะหาใหม่ไม่ได้ อย่าทำให้เราเสียใจเป็นพอ เราฟังน้ำตาร่วงเลยค่ะ แต่บ้านแฟนเค้าก็มีเพิ่มให้ คือตั้งใจให้อยู่แล้วคือบ้านหลังนึง ทองแท่ง ทองรูปพรรณ กำไลเพชร ตุ้มหูเพชร ฝ่ายเจ้าสาวต้องเตรียมเงินและทองให้เป็นขวัญถุงด้วยค่ะ ส่วนธรรมเนียมก็ต้องซื้อพวกของไหว้แบบ คห.11 รวมถึงกล้วยหัวมังกร พอพ่อขึ้นไปรับตัวลงมาก่อนหมั้น เราก็จะต้องถือพัดไว้ตลอพิธี ห้ามวางพัดลงเด็ดขาด จนกว่าจะส่งถึงห้องหอเสร็จ ตุ้มหูก็ห้ามใส่พอใกล้ๆถึงบ้านเจ้าบ่าวค่อยใส่ แต่งเสร็จแล้วอีก 3 วันให้หลัง ต้องกลับไปไหว้พ่อแม่เจ้าสาว ให้ใส่ชุดที่มีสีฟ้าและชมพูค่ะ ยังไงขอให้ จขกท มีความสุขมากๆนะคะ ^^ จากคุณ : gig_gigg เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 54 13:41:40

ความคิดเห็นที่ 27 แต่เราเข้าใจจขกทนะ บ้านผู้ชายมีตั้ง 10 หลัก ให้สินสอดเรา 6 หลัก ก็น้อยไปหน่อยนะ อย่างต่ำก็น่าจะ 7 หลัก เพื่อนสนืทน้องเราเพิ่งแต่งงานไปผู้ชายก็รวยเป็นพันล้าน เพื่อนเราได้สินสอดเกือบ 10 ล้าน ครอบครัวผู้ชายก็เป็นคนจีนเลยนะ แต่สปอตมาก งานแต่งงานอย่างอลังกาล การให้สินสอดสมน้ำสมเนื้อกับผู้หญิง ก็เหมือนเป็นการให้เกียติผู้หญิงด้วยนะ ส่วนเรื่องธรรมเนียมจีนไม่รู้หรอกว่าเป็นยังไง แต่อย่างว่าเรื่องอย่างงี้มันละเอียดอ่อน อยู่ที่ทางบ้านผู้ชายด้วยว่ายังไงเป็นสไตล์ประหยัดสุดๆๆๆๆๆๆๆรึป่ล่าว อยู่ที่แฟนคุณอีกด้วยว่าเป็นคนยังไง คุณกับเค้าคบกันมายังไง เราว่าถ้าเรื่องสินสอดมันคาใจคุณมาก ลองแย๊บๆขอซัก 7 หลัก แล้วค่อยๆดูท่าทีดีกว่าค่ะ ถ้ามีแนวโน้มว่าจะเป็นปัญหาก็ปล่อยไป  เพราะสุดท้ายแล้วถ้าคุณสองคนรักกัน เรื่องสินสอดก็ไม่น่าจะใช่ปัญหาหลัก จากคุณ : Miss Blinky เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 20:01:04

ความคิดเห็นที่ 28 แต่งงานมา 2 ปีแล้ว มีธรรมเนียมห้ามไปนู่นนี่ ห้ามทำนี่นู่น แต่จำไม่ค่อยได้แล้วค่ะ เรามีเชื้อสายจีน แฟนก็เช่นกัน สินสอดไม่ได้เรียกแล้วแต่จะให้เค้าให้มา 7หลักกลางๆ แต่ครอบครัวเราก็ต้องคืนให้เท่ากัน เป็นธรรมเนียมค่ะ พ่อแม่ไม่ได้เก็บ ปล. เดี๋ยวนี้ครอบครัวคนจีนทันสมัยขึ้นเยอะค่ะ ถือว่าโชคดีที่ได่้คุณแม่เพิ่มอีกคนที่ท่านน่ารักมาก จากคุณ : เขียนบน (CrystalBrite) เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 54 20:40:46