 |
“สิ่งที่ไม่ต้องศัลยกรรมในร่างกายผมก็คือส่วนสูงเท่านั้นครับ” หนุ่มสุดฮอตหัวเราะลั่น
ความคุ้มค่า ผล-เสีย ศัลยกรรม…?
กล่าวสำหรับราคาการ "อัพหน้า" เพื่อหล่อเหลาราวกับ 'ยกเครื่องใหม่' ถือว่าไม่ใช่เรื่องราวเล่นๆ
อภิรักษ์บอกว่า คร่าวๆก็ทำจมูกครั้งแรก 15,000 บาท ครั้งที่สอง 22,000 บาท ทำคางครั้งแรก 16,000 บาท ครั้งที่สอง 25,000 ทำปากราคาถูกหน่อย เพราะทำเว็บให้กับทางคลินิก และเหลากราม 25,000 บาท เป็นต้น รวมการทำศัลยกรรมทั้งหมดก็ราว 16 ครั้ง ณ วันนี้ เป็นเงินเท่าไหร่ลองคิดดูเอาเอง
“ส่วนตัวมองในเรื่องชีวิต คิดว่าคุ้มค่า เพราะหลังจากการทำ ชีวิตเปลี่ยนไปมาก มั่นใจขึ้น เวลาทำอะไรก็ตาม จะเป็นที่ยอมรับ จากเดิมที่เป็นคนขี้อายพูดน้อยตอนนี้ก็มีความมั่นใจเพิ่มขึ้น สมัยก่อนไปจีบสาวแล้วรู้สึกอายๆ แต่ตอนนี้หากต้องการคุยกับคนนี้ ก็สามารถเข้าไปทักแล้วคุยได้เลย หลายคนก็เขามาคุยกับเราแบบปลื้มๆ ไม่เหมือนเมื่อก่อน ตอนนี้หน้าตาทำให้มีความมั่นใจสูงขึ้นเป็นสิบเท่า”
นอกจากทั้งหมดที่กล่าวมานี้ อนาคตเขายังวางแผนเอาไว้ว่า จะจัดฟันให้เรียงสวย ส่วนปัญหาใหญ่เรื่องรูปหน้าที่อาจจะเปลี่ยนไปตามวัยที่ต้องเผชิญนั้น เขาบอกว่าได้คิดไว้แล้ว จึงปรึกษากับหมอเรื่องกะโหลกศีรษะของเด็ก หมอบอกว่าสักอายุ 16-17 ปี กะโหลกจะอยู่เท่านั้น ส่วนที่เปลี่ยนแปลงจะเป็นส่วนของเนื้อเยื่อ เพราะคนเอเชียหรือเกาหลีที่ทำกัน ก็ทำตั้งแต่อายุ 17-18 ปีเหมือนกัน อย่างจมูก ถ้าอายุมากขึ้นก็ใช่ว่าจมูกจะโด่งขึ้น
“เรื่องแก่เรื่องเหี่ยวเป็นธรรมดาของมนุษย์ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะศัลยกรรมดึงหน้าไหม อย่างบางคนอายุ 60 มาดึงหน้าจนอยู่ที่ 30 กว่า หน้าจะไม่มีรอยย่นเลยมีคนสงสัยว่าผมเป็นเพศที่ 3 หรือไม่เห็นทำศัลยกรรมมากมายแบบนี้ ยืนยันตรงนี้ว่าตนเป็นผู้ชายแน่นอน วันนี้ก็มีแฟนผู้หญิงเป็นตัวเป็นต้น แม้จะมีสาวเข้ามาหามากมาย แต่ก็ไม่ได้ให้ความใกล้ชิดแต่อย่างใด”
เสพติดศัลยกรรมทำดีได้ดีตลอดไปจริงเหรอ …?
ท้ายที่สุด หนุ่มจอมศัลยกรรมวัย 17 ปี ได้ฝากถึงผู้ที่คิดจะทำศัลยกรรมว่า การทำศัลยกรรมต้องศึกษาให้ดี เพราะหมอแต่ละคนมีฝีมือในแต่ละส่วนที่แตกต่างกัน บางคนทำออกมาไม่ได้จะดูดีขึ้นเสมอไป เราจึงต้องศึกษาให้ดี และคิดตรึกตรองให้ถี่ถ้วน
“ที่ผมพูดมาทั้งหมดไม่ใช่ว่าจะสนับสนุน เพราะการทำศัลยกรรมมันมีข้อเสียมากมาย มีเรื่องชกต่อยหรือทำอะไรเสี่ยงๆ กับการกระแทกบนใบหน้าไม่ได้ทั้งนั้น เพราะอะไรแข็งๆ มาโดนหน้ามันจะพัง อย่างไรก็ดีสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ หลายคนติดศัลยกรรมออกมาไม่ประสบความสำเร็จ ทำให้ไม่มั่นใจถึงกับไม่กล้าออกไปพบเจอผู้คน แต่ผมอาจจะโชคดีกว่า แต่อย่างไรก็ดี หน้าศัลยกรรมแบบนี้ เราต้องดูแลตัวเองให้มากๆ โดยเฉพาะะเรื่องอุบัติเหตุ ขับรถพลาดจนส่งผลให้ส่วนที่ทำศัลยกรรมเกิดความเปลี่ยนแปลง”
โดยส่วนตัวตนเองว่า มันลำบากตอนการพักฟื้น เช่น หลังทำแก้คางครั้งที่ 2 ต้องเหลาไปด้านข้างของบริเวณคาง และมีการเลาะเนื้อออกจากกระดูกและเย็บใหม่ คืนแรกที่นอนก็ดิ้นเลย ส่วนปากรับประทานอาหารไม่ได้ประมาณ 7 วันหลังทำปากบาง ต้องตักอาหารใส่เบาๆ น้ำก็ดูดไม่ได้ต้องเทเข้าไป ทำอย่างนี้จนหายบวมจึงจะกินได้ปกติ ซึ่งทรมานมากแบบไม่มีวันลืม
อภิรักษ์ยังทิ้งท้ายด้วยว่า หากตอนนั้นไม่ทำศัลยกรรม ชีวิตจะไม่เป็นอย่างวันนี้, แต่สิ่งที่แน่นอนกว่าก็คือ คนที่ไม่ประสบความสำเร็จในการทำศัลยกรรมก็มีมากกว่าคนที่ทำแล้วดี..! แต่ "ดี" ในวันนี้แล้ววันข้างหน้าละใครจะรู้…?
จากคุณ |
:
acake101
|
เขียนเมื่อ |
:
1 ส.ค. 54 23:32:57
|
|
|
|
 |