 |
ความปลอดภัยของเครื่องสำอางระงับกลิ่นกาย 1. ข่าว เครื่องสำอางระงับกลิ่นกายที่ใช้ทาใต้วงแขน หากใช้มากสารระงับเหงื่ออะลูมิเนียมคลอโรไฮเดรตจะตกค้าง และสะสมในเนื้อเยื่อ อาจเป็นมะเร็งเต้านมได้ 2. ข้อเท็จจริง 2.1 การกำกับดูแลผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายที่มีส่วนผสมของสารระงับเหงื่อ ( Antiperspirant ) ของ ประเทศต่างๆอาจแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ (1) สหรัฐอเมริกา และประเทศแคนาดา กำหนดให้ Antiperspirant เป็น Over the Counter Drug (ยาที่ผู้บริโภคซื้อใช้ได้เอง โดยไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์ ) เพราะมีสารที่สามารถระงับการหลั่งเหงื่อ ถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีผลต่อโครงสร้าง หรือการทำหน้าที่ของร่างกาย จึงจัดเป็นยา ในขณะที่กำหนดให้ Deodorant เป็นเครื่องสำอาง เพราะไม่มีผลต่อโครงสร้าง หรือการทำหน้าที่ของร่างกาย (2) ในสหภาพยุโรป และประเทศไทย กำหนดให้ทั้ง Antiperspirant และ Deodorant เป็นเครื่อง- สำอาง 2.2 American Cancer Society ยืนยันว่าข้อมูลตามข่าวไม่เป็นความจริง ได้มีรายงานการศึกษามากมายเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านม ลงตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ แต่ไม่พบการรายงานว่า Antiperspirant เป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งเต้านม 2.3 ขณะนี้มีรายงานการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของการใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายทาใต้วงแขนกับมะเร็งเต้านม ที่ลงตีพิมพ์ใน Journal of the National Cancer Institute, Vol 94, No.20 October 16,2002 สรุปได้ว่าการใช้เครื่องสำอางระงับกลิ่นกาย ( Antiperspirant/Deodorant ) ไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านมในสตรี 2.4 สำหรับข้อกำหนดของสหภาพยุโรป ตาม Directive 76/768/EEC กำหนดให้ สารระงับเหงื่อ อยู่ในรายการสารที่ใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางได้ ตามเงื่อนไขที่กำหนด 2.5 ในประเทศไทยตามพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง ฯ มิได้กำหนดให้สารระงับเหงื่อ เช่น Aluminum chloride ,Aluminum chlorohydrate , Aluminum zirconium tetrachlorohydrate เป็นสารห้ามใช้ สารควบคุมพิเศษ หรือสารควบคุม เครื่องสำอางที่ผสมสารกลุ่มนี้จึงจัดเป็นเครื่องสำอางทั่วไป 2.6 สำหรับข้อกำหนดของสหภาพยุโรป ตาม Directive 76/768/EEC มิได้กำหนดให้สารระงับเหงื่อ อยู่ในรายการสารห้ามใช้ในเครื่องสำอาง 2.7 ในประเทศไทยตามพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง ฯ มิได้กำหนดให้สารระงับเหงื่อ เป็นสารห้ามใช้ สารควบคุมพิเศษ หรือสารควบคุม 3. การดำเนินงานของสำนักงานคระกรรมการอาหารและยา 3.1 กำกับดูแลเครื่องสำอางที่ผลิต หรือนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยจะต้องใช้สารนี้ในปริมาณที่มีหลักฐานทางวิชาการยืนยันว่ามีความปลอดภัยในการใช้ 3.2 เฝ้าระวังติดตามข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัยของสารนี้อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
จากคุณ |
:
peterpancake
|
เขียนเมื่อ |
:
4 ส.ค. 54 22:50:38
|
|
|
|
 |