ความคิดเห็นที่ 1 ตัวอย่าง การโฆษณาเกินจริง เป็นมาสคาราของแบรนด์ loreal ค่ะ เรื่องมีอยู่ว่า ลอรีอัลได้นำเสนอมาสคาราซึ่งโฆษณาว่า “สามารถทำให้ขนตายาวขึ้นถึง 60%” แล้วดันมีผู้บริโภคสายตาดี เอะใจว่า พรีเซนเตอร์เค้าใส่ขนตาปลอมตอนถ่ายโฆษณานี่ ซึ่งเราดูแล้วก็รู้สึกว่าขนตาคนมันไม่ได้หนาขนาดนี้น่ะค่ะ ลองคลิกลิงค์ข่าวด้านล่างดูสิคะ จนเรื่องไปถึง ASA(Advertising Standards Authority) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลเกี่ยวกับงานโฆษณาในประเทศอังกฤษ สรุปว่า มาสคาร่าทำให้ขนตาดูยาวขึ้นถึง 60% ถ้าอ่านผ่านๆก็ไม่ทันรู้ว่า.... 1. ดูยาวขึ้นคือ มาสคารานี้ไม่ได้ทำให้ขนตายาวขึ้นจริง แบบที่วัดความยาวที่เปลี่ยมแปลงไปได้ แต่!!! ทำให้รู้สึกว่าทาแล้วขนตามันยาวขึ้นตั้ง 60% แน่ะ 2. ถึง 60% แปลว่า มีคนทาแล้วรู้สึกว่ายาวสุดๆ 60% แต่พอคนอื่นทาก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันยาวถึงขนาดนั้น นอกจากนี้ ASA ยังพูดว่า การที่โฆษณาไม่ได้มีหมายเหตุไว้ว่าใช้ขนตาปลอมในการถ่ายทำ ทำให้โฆษณานี้เป็นการหลอกลวงด้วยค่ะ แปลว่า ถ้าใส่ขนตาปลอมโฆษณาแล้ว มีหมายเหตุเล็กๆๆๆๆๆ ไว้ด้านล่างว่า ที่พวกหล่อนเห็นขนตางามงอนเช้งกระเด๊ะ แบบกระพริบตาทีลมพัดปลิวเนี่ยมันเกิดจากขนตาปลอมนะ มันถูกกฏหมายค่ะพี่น้อง!!! ถ้าที่บ้านไม่ได้ใช้ทีวีจอยักษ์ 100 นิ้ว ใหญ่เท่าฝาบ้าน ก็คงไม่รู้ค่ะว่ามันมีเขียนเล็กๆข้างล่างด้วย ถึงเห็นส่วนมากมันก็เล็กจนอ่านไม่ค่อยออกค่ะ เคยพยายามมาแล้วแหล่ะ ในโฆษณาทีวี ของอะไรก็ไม่รู้ จำไม่ได้ ที่มา: นสพ. Dailymail ของอังกฤษ http://www.ดีailymail.co.uk/tvshowbiz/article-470708/L-Or-al-lashed-Penelope-Cruz-mascara-advert.html แก้ไขเมื่อ 07 ก.ย. 54 17:16:57 จากคุณ : SkyeY เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 54 17:15:24

ความคิดเห็นที่ 2 เดี๋ยวมีต่อค่ะ เรื่อง fitflop ไม่ได้มาฟันธงว่าของเค้าเวิร์คไหมนะคะ แต่อยากอธิบายให้ได้รู้กันว่างานวิจัยมันน่าเชื่อถือได้แค่ไหนกันค่ะ จากคุณ : SkyeY เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 54 17:21:45

ความคิดเห็นที่ 3 มารอเก็บความรู้ค่ะ...เก่งจังค่ะ คุณ จขกท... จากคุณ : namojang เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 54 17:25:28

ความคิดเห็นที่ 4 งานวิจัยบางที ก็ใช้กับกลุ่มตัวอย่างแค่ไม่กี่คนเอง จากคุณ : A Fairy Secret เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 54 17:30:50

ความคิดเห็นที่ 5 มิน่า ถึงเคยได้ยินคนอื่นพูดว่า โฆษณา ชวนเชื่อ บางอันมันชวนให้เชื่อจริงๆนี่เนอะ   แล้วมันก็ได้ผลกับเราเป็นบางตัวด้วยนะคะ (เชื่อง่ายเป็นบางอารมณ์) เชื่อซื้อตามโฆษณามา ก็มีดี ใช้แล้วชอบ กับ  แหม๊ม..เสียดายเงิน ตรูไม่น่าเลยอ่ะค่ะ จากคุณ : frunky amy เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 54 17:31:55

ความคิดเห็นที่ 6 รออ่านค่ะ จากคุณ : SpinachSoup เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 54 17:36:30

ความคิดเห็นที่ 7 เห็นด้วยกับจขกท. จากคุณ : โดดเดี่ยวผู้น่ารัก เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 54 17:52:46

ความคิดเห็นที่ 8 เรื่อง fitflop นี่จะช้าหน่อยนะคะ เพราะพิมพ์สด ทั้งหมดนี้เกิดจากการพิจารณาข้อเท็จจริงส่วนตัวของเราเองนะคะ ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มาโต้แย้ง อาจยืมคำพูดของนักวิชาการที่เขียนเกี่ยวกับเรืองนี้มานิดหน่อย แล้วจะบอกว่าตรงไหนเอาของเขามานะคะ เว็บไซต์ของ fitflop เอง จะมีหน้าที่กล่าวถึง งานวิจัยของเขาอยู่ค่ะ เห็นมีอยู่ 2 หน้าด้วยกัน เอามาสรุปเป็นประเด็นๆแบบนี้ค่ะ ###ใครสร้าง fitflop ขึ้นมานะ??### - คนสร้าง fitflop คือ personal trainerและเจ้าของสปา(นี่คือคนนึงนะคะ) กับ biomechanist 2 คน จาก London South Bank University อธิบายก่อน biomechanist คือคนที่ศึกษาเรื่อง biomechanics ก็คือเกี่ยวกับผลของแรงต่อสิ่งมีชีวิตค่ะ *คหสต.* คุณเจ้าของสปาและpt(personal trainer)เค้าเป็นเจ้าของแบรนด์ค่ะ คือเรามองว่าเค้าดูไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับงานวิจัยที่ทำน่ะค่ะ ptก็เกี่ยวกับออกกำลังกาย แต่fitflopมันไม่ใช่รองเท้าออกกำลังกายค่ะ และไม่สมควรเอาไปออกกำลังด้วยเพราะมันไม่หุ้มส้นเลยไม่กระชับเท้า วิ่งๆอยู่แตะบินก็ฮาสิคะ :P ส่วน biomechanist สองคนนี้ก็น่าจะโอค่ะ ดูมีความรู้ตรงกับงานวิจัยดี จากคุณ : SkyeY เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 54 18:10:34

ความคิดเห็นที่ 9 รออ่านด้วยค่ะ ^^ จากคุณ : นิดจิ๊ดเดียว เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 54 18:13:44

ความคิดเห็นที่ 10 ##วิธีที่ fitflop วิจัยมา จนได้ผลเลอเลิศซะขนาดนี้## ทำการทดสอบในผู้หญิงสุขภาพดี 20 คน รู้สึกว่าน้อยกว่าพวกทดสอบสกินแคร์อีกค่ะ พวกนี้จะใช้ประมาณ 30-40 คน เท่าที่ดูๆมานะคะ เริ่ดค่ะ 20 คนเอ๊งงงง (ประชดนะคะ เผื่อไม่เก็ท ๕๕) จะเล่าให้ฟังว่า งานวิจัยมันก็มีหลายเกรด ดุจดั่งของแบรนด์เนม มีของแท้และเกรด mirror งานวิจัยชั้นดีนั้น... มีคนวิจัยกันหลายคน อาจเกินสิบได้ บางทีอยู่กันคนละมหาวิทยาลัย คนละรัฐมาทำงานร่วมกันก็มีค่ะ เยอะนะ พอเค้าทำงานวิจัยกันเสร็จปุ๊บ ก็จะมีการเขียน research paper ออกมา ซึ่งมันก็คือการรายงานว่าเค้าไปทำอะไรยังไงมานั่นเอง เอาคร่าวๆก็คือว่า ในนั้นจะกล่าวถึงขั้นตอนวิธีวิจัย ซึ่งสำคัญมากในการบอกความน่าเชื่อถือของบทความ อย่างเช่น ทำในตัวอย่างกี่คน ทำตัวอย่างเยอะก็น่าเชื่อถือมากกว่า วิธีทดสอบทำอะไรยังไงบ้าง คนอ่านเอามาดูจะได้พิจารณาว่าเหมาะไหม จะเชื่อได้หรือเปล่า เค้ามีการใส่ว่าสารเคมีมันซื้อมาจากไหน บริสุทธิ์ก็%ด้วยนะ ไม่ใช่เล่นๆนะ เค้าจริงจังกันมากกกก นอกจากนี้ก็จะมีผลการทดลอง และการวิจารณ์ผลค่ะ ผลการทดลอง คือ ค่าที่ได้ ออกมาเป็นตัวเลข เป็นค่าทางสถิติ ซึ่งการทดลองเนี่ย เค้าก้ทำกันซ้ำหลายครั้งอยู่ แล้วมันจะมีการคำนวนทางสถิติออกมาเพื่อหาค่ากลางเป็นค่าตัวแทนว่าผลมันออกมายังไงกันแน่ เค้าจะต้องมีการเช็คทางสถิติด้วยนะ ว่าข้อมูลที่ได้มาน่าเชื่อถือไหม(ทำยังไงช่างมัน ไม่เกี่ยวกับความสวยความงามก็ขอข้ามละกัน 55) คือข้อมูลมันจะต้องเกาะกลุ่มกัน ไม่ใช่ว่าค่าที่ได้ไปกันคนละทิศคนละทางแล้วก็เฉลี่ยๆไปเหอะ จบ แบบนี้ไม่ได้น้า วิจารณ์ผลการทดลองคือ ได้ค่าแบบนั้นเพราะอะไร นี่สิ คืองานวิจัยอันทรงคุณค่า เปรียบดั่ง Birkin ของ Hermes *O* (ต่อๆๆ ยังไม่จบน้า ลืมประเด็นนี้ไป) พอเขียน research paper เสร็จแล้ว เค้าก็จะส่งไปยัง journal คือวารสารวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวกับสาขาต่างๆ มีเยอะแยะมาก คือมันค่อนข้างเฉพาะด้านค่ะ ไม่ใช่อะไรแบบ national geographic นะคะ การที่เค้าจะได้ตีพิมพ์เนี่ย จะต้องผ่าน peer review ซะก่อน คือการตรวจสอบ research paper โดยผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในสาขานั้นๆ เพื่อเช็คให้ชัวร์ก่อนว่า คนทำไม่ได้มั่วนะ เพราะเช็คเสร็จแล้วแล้ววารสารเหล่านี้เอาไปตีพิมพ์ ก็จะเปิดเผยต่อสายตาของชาวโลก จะมีคนเอาไปใช้ประโยชน์ หรือใช้อ้างอิงในงานวิจัยอื่นๆมากมาย จะปล่อยของมั่วนิ่มออกมาไม่ได้!! แก้ไขเมื่อ 07 ก.ย. 54 18:41:56 จากคุณ : SkyeY เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 54 18:35:11

ความคิดเห็นที่ 11 งานวิจัยเกรด mirror ก็คือพวกที่ไม่มี research paper ที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นที่ยอมรับ โดยมากมักทำโดยบริษัทผู้ผลิตสินค้าค่ะ อย่างเช่น ข้อมูลที่เขียนอยู่ในเว็บ fitflop ก็คือบอกว่าวิจัยมาแล้ว มีวิธีทดลอง ผลการทดลองเล็กน้อยมาให้ดูพอเป็นน้ำจิ้ม แล้วสรุปว่าผลิตภัณฑ์ชั้นแหล่มมาก! คือความน่าเชื่อถือมันต่างกันค่ะ อ่านงานวิจัยพวกนี้แล้ว ไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะบอกได้ว่ามันน่าเชื่อถือหรือไม่ เลยเชื่อไม่ได้ค่ะ จากคุณ : SkyeY เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 54 18:53:45

ความคิดเห็นที่ 12 ของแบบนี้ไม่เชื่ออยู่แล้ว เช่น ผลการทดลอง80เปอ พึงพอใจ แต่สำรวจจากคนแค่33คน ยี่ห้ออะไรแถวนี้แหละ ก็คือ คนทั้งหมด33คน คิดเป็น100เปอ แล้วถ้า80เปอ จะเท่ากับกี่คน ไม่ใช่ว่า100เปอ คือทุกคนในประเทศ หรือ100เปอ คือคน100คน จากคุณ : Fuya เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 54 19:12:49

ความคิดเห็นที่ 13 ต่อไปจะเป็นเรื่องผลการทดลองที่บอกไว้ในเว็บ fitflop นะคะ ส่วนผลขอไม่วิจารณ์อะไรมากนะคะ เพราะไม่ได้มีความรู้เรื่องนี้มาก +++แรงกดที่บริเวณต่างๆของเท้า+++ อธิบายให้รู้ก่อนว่า เท้าเรามีตำแหน่งที่รับน้ำหนักหลักๆ 2 ที่ คือ ส้นเท้า และจมูกเท้า พอเดินมากๆเราก็จะเมื่อยสองจุดนี้ค่ะ โดยเฉพาะเวลาใส่ส้นสูงจะเมื่อยจมูกเท้ามาก fitflop ได้ทำการเทียบแรงกดที่บริเวณต่างๆบนฝ่าเท้า ระหว่างรองเท้า fitflop และรองเท้าธรรมดา พบว่า รองเท้า fitflop ช่วยกระจายน้ำหนักได้ค่ะ คือแทนที่จะกดที่ส้นเท้าและจมูกเท้า ก็จะกระจายไปตำแหน่งอื่นด้วย จากรูปจะเห็นว่ารูปขวา(ใส่ fitflop)มีพื้นที่ที่รับน้ำหนักมากขึ้น คือส่วนสีน้ำเงินด้านในเท้าที่เพิ่มขึ้นมา แล้วส่วนสีแดงที่รับน้ำหนักมากที่ส้นและจมูกเท้าก็ลดลง จากคุณ : SkyeY เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 54 19:46:48

ความคิดเห็นที่ 14 รูปค่ะ จากคุณ : SkyeY เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 54 19:47:04

ความคิดเห็นที่ 15 รองเท้ายี่ห่อนี้มันแพงเพราะงานวิจัยหรือเปล่าเนี่ย *--* จากคุณ : Noon_Ja_Zaa_TuK_TeE เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 54 19:56:09

ความคิดเห็นที่ 16 ติดตามค่า~~ จากคุณ : Sequinedbag** เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 54 20:11:42

ความคิดเห็นที่ 17 +++ปรับแนวแรงที่กระทำกับร่างกาย+++ เวลาเดินแล้วเท้ามันก็ต้องกระแทกพื้น จะมีแรงสะท้อนจากพื้นกลับมากระแทกเท้าเราเหมือนกัน ถ้าใส่รองเท้าปกติ แรงก็จะสะท้อนไปที่เข่า แต่รองเท้าfitflopจะทำให้แรงสะท้อนไปที่กระดูกสะโพกแทน อันนี้ไม่เข้าใจหลักการค่ะ งดออกความเห็น +++เพิ่มการทำงานของกล้ามเนื้อบางมัด และลดแรงที่ข้อ+++ กล้ามเนื้อที่เพิ่มการทำงานคือ กล้ามเนื้อก้นและต้นขาด้านหลัง ได้ออกแรง ขาก็กระชับนั่นเอง ลด stress ที่ข้อเข่าและข้อสะโพก ลดแรงที่กระทำต่อข้อเท้า แต่!! เค้าบอกเป็นตัวเลขมาด้วยว่าลดกี่% แต่ดันบอกมาว่าลด up to ... % ดังนั้น จึงไม่น่าเชื่อถืออย่างมาก ควรจะบอกค่าเฉลี่ยมากกว่าค่ะ นอกจากนี้ รองเท้าที่เอามาทดสอบทียบกับ fitflop นั้น อาจเป็นรองเท้าที่แย่มากๆๆๆ ไม่ดีต่อสุขภาพเท้าอย่างสุดๆก็ได้ ถ้าเค้าทำแบบนี้ ก็จะได้ผลการทดลองที่ดีไงคะ เพราะเค้าเทียบตลอดว่าดีขึ้นเท่าไหร่ เทียบกับรองเท้า fitflop ของเค้าเอง อันนี้คือมองในแง่ร้ายสุดๆแล้วนะคะ จากคุณ : SkyeY เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 54 20:16:43

ความคิดเห็นที่ 18 หมดเรื่อง fitflop แล้วค่ะ มีเรื่องเกี่ยวกับรองเท้าฝากไว้ด้วยนะคะ ไม่มีรองเท้าอะไรที่เหมาะกับคนทุกคนค่ะ ดังนั้นถ้าคนเค้าใส่ fitflop แล้วเค้าว่าดีกัน แต่คุณใส่แล้วไม่รู้สึกสบายก็ไม่แปลกค่ะ เท้าคนมีอยู่สามแบบ แต่ละแบบก็เหมาะกับรองเท้าคนละแบบกัน ดังนี้ค่ะ 1. normal 2. high arch เท้าสูง 3. flat feet เท้าแบน แต่ละแบบก็จะต่างกันที่พื้นที่รับน้ำหนักเท้า ดูว่าเท้าเราเป็นแบบไหนก็คือดูรอยประทับเท้าเรานั่นเอง เช่น เดินบนทรายก็มีรอยเท้า หรือว่าจะทำให้เท้าเปียกแล้วไปเหยีบบนอะไรแห้งๆก็ได้ จะเห็นเป็นรอยเท้าเลยค่ะ คนที่เท้าแบนจะเป็นพวกที่มีโอกาสบาดเจ็บมากที่สุดเลยนะคะ ต่างจากที่เราคิดเนอะ นึกว่าพื้นที่รับน้ำหนักเยอะจะเดินมั่นคง เป็นเพราะว่า เวลาเดินเนี่ย ตอนวางเท้าลง เราจะเอาฝ่าเท้าด้านนอกลงก่อน แล้วตอนก้าวออกไป จะมีการพลิกเท้าแล้วยกเท้าขึ้นจากพื้นในท่าที่ฝ่าเท้าด้านในสัมผัสกับพื้นเป็นส่วนสุดท้ายค่ะ สรุปคือเท้ามันจะพลิกจากนอกเข้าใน แล้วคนเท้าแบนที่มีพื้นที่รับน้ำหนักมาก ทำให้ส่วนรับน้ำหนักด้านกว้างมาก เลยต้องพลิกเท้ามาก บาดเจ็บได้ง่ายค่ะ พวก flat feet ควรใช้รองเท้ากีฬาแบบพิเศษด้วยนะคะ เพื่อลดการบาดเจ็บ เรียกว่า motion control shoe รองเท้ากีฬามีอายุการใช้งาน 2 ปี หรือ 500 ไมล์นะคะ(ประมาณ 800 กม.) ระยะทางกะยากค่ะ จำปีเอาง่ายกว่า เพราะว่าพื้นรองเท้าจะลดความยืดหยุ่นลง เวลาลงน้ำหนักไปก็จะรับน้ำหนักได้ไม่ดีเหมือนของใหม่ค่ะ จากคุณ : SkyeY เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 54 20:37:58

ความคิดเห็นที่ 19 มาตามอ่านค่ะ ^^ ได้ความรู้ดีจัง เคยอ่านเจอเหมือนกันว่า พวกงานวิจัยที่เจ้าของแบรนด์จ้างให้นักวิชาการจะทำ จริงๆ แล้ว เชื่อถือไม่ค่อยจะได้ เพราะเค้าจะมีการกำหนดตัวแปรบางอย่างให้เข้าทางแบรนด์เค้า ยกตัวอย่างเช่นพวกแบรนด์เครื่องสำอางอย่าง S..II, L.. Mer หรือซุปไก่สกัดยี่ห้อดัง แต่ผู้บริโภค พอได้ยินว่ามีงานวิจัยยืนยันแล้วก็จะเชื่อถือ ทั้งๆ ที่คุณภาพของงานวิจัยนั้น จริงๆ แล้วอาจจะต่ำมากก็ได้ จากคุณ : ยูจินคุง เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 54 20:40:59

ความคิดเห็นที่ 20 จบแล้วนะคะ คราวนี้นึกอะไรออกค่อยมาเขียนอีก :D เราเคยเขียนเรื่องเกี่ยวกับคอลลาเจนไว้ด้วยค่ะ ถ้าสนใจตามไปอ่านได้นะคะ http://www.pantip.com/cafe/woman/topic/Q10983224/Q10983224.html จากคุณ : SkyeY เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 54 20:46:28

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณค่ะ ได้ความรู้ดีจัง แต่โดยปกติเราก็ไม่เคยเชื่อคำโฆษณาอยู่แล้วค่ะ จากคุณ : nice_piggyy เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 54 21:13:45

ความคิดเห็นที่ 22 เข้ามาโหวตคะ จากคุณ : the_best_mum เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 54 22:51:01

ความคิดเห็นที่ 23 อ่านแล้วได้ความรู้ดีมากๆเลยค่ะ จากคุณ : หนุงหนิง (kurapy) เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 54 23:41:13

ความคิดเห็นที่ 24 เราวาส่วนมากหน่วยงานที่วิจัย ก็อยู่ภายในบริษัทของสินค้านั้นๆ แหล่ะค่ะ แล้วมันจะเชื่อได้แค่ไหน เหอๆ จากคุณ : ธิดาดวงเดือน เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 54 00:02:35

ความคิดเห็นที่ 25 มาเห็นด้วยกับจขกท.อีก   อิอิอิ ทีนี้เรื่องเท้า เราเป็นคนเท้าแบน  Flat  ค่ะ หารองเท้าใส่ยาก คนเท้าแบนส่วนใหญ่จะมีข้อเท้าที่บิดเข้าข้างในด้วยค่ะ  จะมากจะน้อย ไม่เหมือนกัน ฝรั่งก็มีค่ะ แฟนเก่าน้องเรา เท้าบิดเข้าข้างในมากกว่าเราอีก เราชอบใส่รองเท้าวิ่ง มากที่สุด เพราะมันชอบใส่สบาย พูดถึงเรื่องการใส่ใจ ข้อมูลโครงสร้างเท้า เสียดาย เพราะไม่เห็น แบรนด์ไทย ยี่ห้อ ดีแมค   ที่ฮิตกันเมื่อประมาณหลายปีก่อน ที่ห้องสวนลุม เราก็เลยไปซื้อตอนเซลล์    แล้วยังได้ตรวจวัดเท้าด้วย  ทำให้รู้ว่าข้อเท้าบิดเข้าข้างในเล็กน้อย  และก็ได้รองเท้าที่เหมาะกับเราคู่แรก มันไม่สวยหรอกค่ะ  แต่มันใส่สบายมากๆ แต่ฟิตฟลอพ ตอนที่เห็นที่อเมริกาเราสะดุดตาที่แบบ  พอเข้าไปดู เห็นราคาก็ชะงัก  แล้วมารู้ทีหลังว่าเป็นรองเท้าสุขภาพ   พอกลับมา ก็พึ่งรู้ว่าห้องแป้งฮิตกัน เราก็ไปอ่านๆ ตามกระทู้ เห็นหลายคนบอกว่า ที่ชอบ เพราะมันเป็นรองเท้าสุขภาพ  ใส่สบายไม่ปวดนั่นนู่นนี่  ที่สำคัญ ดีไซน์สวย   สำหรับเรามันแพงไป ก่อนกลับ จริงๆ อยากได้รองเท้า เชพอัพ ที่เป็นรองเท้าออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ ทรงเรือ อยากได้มาก อยากได้อยู่หลายปี ไปลองอยู่หลายที สุดท้ายก็ไม่เอา เพราะเดินเหิร ไม่สะดวก ยิ่งกระเปิ๊บกระป๊าบอย่างเรา มีหวังหน้าอาจจะทิ่มเอาได้  หุหุ ราคาพอๆ กับฟิตฟลอบ แต่ถ้าเป็นรองเท้าออกกำลังกาย เราก็ยอมซื้อ จากคุณ : โดดเดี่ยวผู้น่ารัก เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 54 01:09:08

ความคิดเห็นที่ 26 ผู้หญิงเรา ต้องสวยด้วย ฉลาดด้วย จากคุณ : เต่าพันปี เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 54 07:57:07

ความคิดเห็นที่ 27 แล้ว. Dr.Kong ล่ะคะ โอมั๊ย จะซื้อให้ลูกใส่ เค้าใส่รองเท้าอะไรก็เจ็บ จากคุณ : condojung เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 54 10:00:51

ความคิดเห็นที่ 28 มีอีกโฆษณาอยากแชร์ ที่โฆษณาเอาผู้หญิงที่อ้วนหน่อยมาหลบแดดหลังเสาไฟฟ้าแล้วบอกว่าเดี๋ยวนี้ผู้หญิงมีผิวสองสี จากนั้นมีอีกคนที่ผอมกว่าออกมายืนดื่มกาแฟ ลองดูแก้วกาแฟตอนเธอเอียงดื่มนะ เป็นถ้วยที่ทำให้เหมือนมีกาแฟ ข้างในไม่มีกาแฟเลย เพราะน้ำกาแฟไม่เอียงเลย ตรงเป๊ะแม้ตอนขยับหรือทำท่าดื่ม จริง ๆ พวกนี้เราก็พอรู้ว่าเค้าไม่ได้ดื่มจริงจนผอมกว่าคนอื่นแต่ว่า อย่างน้อยตอนโฆษณายังไม่ยอมดื่มเลย หาลิงค์มาลงให้ไม่เป็น แต่ลองหาดูกันจะเห็นภาพมากขึ้นนะ แก้ไขเมื่อ 08 ก.ย. 54 10:04:49 จากคุณ : psypurple เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 54 10:04:21

ความคิดเห็นที่ 29 จริงๆที่เมืองนอกราคาก็ไม่ได้แพงมากนะ ถ้าเทียบกับค่าครองชีพที่นั้น แต่พอมาเมืองไทยอัพราคาซะน่ากลัวเลย จากคุณ : mee_vingt เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 54 10:34:12

ความคิดเห็นที่ 30 เจ้าของกระทู้น่ารักจัง ขอบคุณมากๆ ค่ะ จากคุณ : Mara Jade เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 54 10:59:29

ความคิดเห็นที่ 31 เราเป็นนักหาดอกจันตัวยงเลยค่ะ   เพราะเจอมาเยอะ  เจ็บมาเยอะ 5 5 5 5   ในผลิตภัณฑ์  พวกคำโฆษณาชวนเชื่อ  มักมีดอกจันเสมอ เรามักจะอ่านตรงนั้นเอา  รับได้ก็ซื้อค่ะ  อย่างน้อย  ก็ยังได้ทดลงกับคนมาก่อน จากคุณ : dEaRfany (KIMdEARJAE) เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 54 11:21:51

ความคิดเห็นที่ 32 โดยส่วนตัว เราคิดว่า fitflop ไม่ได้ดีไซน์สวยอะไรมากนะคะ ยิ่งแบบของผู้ชาย..ยังกะเรือแน่ะ  (-..-")  แต่ใส่สบาย ถ้าเดินเยอะๆก็ไม่รู้สึกเมื่อยมาก แต่เราไม่แนะนำให้ ผู้สูงวัยหรือผู้มีครรภ์ใส่นะคะ เพราะส้นสูงมากกลัวเท้าพลิกค่ะ จากคุณ : กลัวนักวิจัยอึ้ง!! เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 54 11:30:48

ความคิดเห็นที่ 33 เราไม่ค่อยเอาข้อมูลวิจัย(ที่เค้าโฆษณา)มาพิจารณาในการซื้อสินค้าค่ะ เพราะเหตุผลอย่างที่ จขกท บอก คือ คิดแบบเดียวกันเลยอ่ะ เพราะมีความรู้ทางด้านวิเคราห์ข้อมูล และจับผิดข้อมูลอยู่บ้าง แหะ แหะ แต่สิ่งที่เราเชื่อถือ (มากกว่าคำโฆษณา) คือ ภาพจากคห 14 (เดาว่าน่าจะมาจากโปรแกรมจำพวก Finite Element) คือ รองเท้ามันมีการกระจายแรงจริง แต่...แต่ นะคะ ข้อมูลมาจากเท้าเดียว หรือ เป็นค่าเฉลี่ยจากหลายสิบเท้า หรือ หลายพันเท้า อันนี้ก็สำคัญ เปรียบเสมือนโพลจากหลายสำนัก ที่ว่าสำรวจจากคนพันกว่าคน แต่ไม่บอกข้อมูลว่าสำรวจจากคนอายุเท่าไหร่บ้าง อาชีพอะไร การศึกษาเท่าไหน ไม่บอกอะไรเลยซักอย่าง จากคุณ : Piterek เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 54 11:49:24

ความคิดเห็นที่ 34 ขอบคุณ จขกท. ที่นำความรู้ดีๆมาฝากกัน แต่งานวิจัยที่ได้ตีพิมพ์ใช่ว่าจะดีเสมอไป...เพราะมีjournal บางสำนักที่ "จ่ายเงินเพื่อได้ลงตีพิมพ์" ก็มี เวลาดูโฆษณาเลยเฉยๆเวลาบอก "ได้วิจัยมาแล้ว" เพราะตัว report เราก็ไม่เห็น จะไปเชื่อได้ยังไง แต่ก็พึ่งได้รู้ว่า fitflop ทำไมหน่วยตัวอย่างเล็กขนาดนั้น - -" ทั้งๆที่หน่วยตัวอย่างไม่น่าจะหายากเลย แต่หน่วยตัวอย่างเยอะไม่ใช่ว่างานวิจัยจะมีคุณภาพดีเสมอไป เพราะในการทำวิจัยบางเรื่องหากลุ่มตัวอย่างไม่ได้ อาทิ คนเป็นโรคที่เกิดได้ยาก ดังนั้น การใช้กลุ่มตัวอย่างเล็กก็สามารถได้งานวิจัยที่มีคุณภาพได้ แต่ในกรณีของfitflop คิดว่า "ใช้ตัวอย่างขนาดเล็กเพื่อลดต้นทุนในการวิจัย"มากกว่า ขอเพิ่มอีกนิดว่า....ที่fitflop บอกค่าเป็น % เราว่าก็ถูกแล้ว เพราะ ถ้าบอกมาเป็น ค่าเฉลี่ย เช่น ค่าเฉลี่ยของแรงกระแทกลดลงเท่ากับ 1.5  ผู้ฟังอาจจะงงว่า แล้วมันหมายความว่ายังไง?ลดลงจากเท่าไหร่?เป็นต้นแต่ถ้า เปลี่ยนมาบอกเป็น แรงกระแทกลดลง 15% จะฟังเข้าใจง่ายกว่า คือ จาก 100ลดลงมา15 ตรงนี้จะเป็นเรื่องการเขียนreport เพื่อให้คนอ่านเข้าใจง่ายขึ้นเท่านั้นเอง ไม่ได้แย้ง จขกท.นะคะ แค่อยากแลกเปลี่ยนความคิดเห็น  ^^ จากคุณ : ลิงน้อยกลิ่นผ้าขี้ริ้ว เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 54 11:52:40

ความคิดเห็นที่ 35 ได้ความรู้ขึ้นเยอะเลยค่ะ จากคุณ : Social เวิร์คเก้อ เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 54 12:37:40

ความคิดเห็นที่ 36 เราว่าตลาด fitflop ในเมืองไทยเนี่ย กลุ่มลูกค้าไม่ค่อยสนใจรายงานวิจัยหรอกค่ะ "กระแสล้วนๆ"  แต่กระทู้นี้ดีมีประโยชน์มากเอาไว้เตือนตัวเองว่าขนาดงานวิจัย ยังเอาผลมาล่อล่วงผู้บริโภคได้ขนาดนี้ ที่นี้เวลาสาวๆดู review ตาม youtube ก็จะได้ฟังหูไว้หูเพราะคนรีวิวมันแค่ 1 คนออกมาบอกว่าใช้แล้วเป็นอย่างไร ประหยัดเงินในกระเป๋าได้เยอะเลยนะเนี่ย จากคุณ : สามชั้น เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 54 12:42:55

ความคิดเห็นที่ 37 เคยได้ยิน "ยาสีฟันที่...ส่วนใหญ่เลือกใช้" ไหมคะ คุ้น ๆ ว่ามีเพื่อนในห้องแป้งนี่แหละมาเล่าให้ฟัง ว่าวิธีเก็บข้อมูล คือ ไปตามงานประชุมวิชาการของเหล่า....         แล้วแจกแบบสอบถาม (ซึ่งอาจจะแลกกับ gimmick เล็ก ๆ น้อย ๆ) ก็จะได้วิจัยออกมา   นึกดูนะคะว่า  เราเข้าไปที่บู้ทของเจ้าของสินค้า แล้วตอบแบบสอบถามเพื่อที่จะได้ของน่ารัก ๆ มา มีเจ้าหน้าที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ..แหม ใครจะไปตอบแย่ ๆ ล่ัคะ มันก็ต้องเกรงใจบ้าง อะไรบ้าง ..ใช่มะ นั่นแหละ ที่มาของงานวิจัย -.-" จากคุณ : triyapa เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 54 14:11:48

ความคิดเห็นที่ 38 ขอบคุณจขกท.ที่มาแบ่งปันกันค่ะ ส่วนตัวเราว่าทุกโฆษณาแหละค่ะ อย่าไปเชื่อมาก ยังไงเค้าก็ต้องยกแต่ข้อดีมาพูดอยู่แล้ว และก็ต้องพยายามนำเสนอยังไงก็ได้ให้มัน "ฟังดู" "ดูเหมือน" จะดีมากๆด้วย ถ้าเป็นของถูกหน่อย ดูแล้วอยากลอง อยากใช้ ก็ลองกันไป ไม่ดีก็เลิกซื้อ เดี๋ยวมันก็ขายไมไ่ด้เอง แต่ถ้าของแพงหน่อย ก็เสิชดูซักนิดว่าคนอื่นเค้าว่าไงกันบ้าง ถ้ามีตัวอย่างให้ลอง ก็ไปลอง ถูกใจแล้วค่อยซื้อค่ะ เรื่อง Fitflop นี่พูดจริงๆนะ ที่เกิดกระแสได้ในห้องแป้งดีไม่ดีต้องขอบคุณของปลอมที่ออกมาขายกันเกลื่อนขนาดนี้ เราเชื่อว่าหลายๆคนไม่รู้จัก Fitflop และไม่คิดจะหยิบมาดูด้วย จนเมื่อไปเห็นว่ามันมีของปลอมออกมา ก็เลยสนใจ ยี่ห้ออะไรหว่า มีของปลอมด้วย ต้องดีมากแน่ๆ! พอเริ่มสนใจ ก็เริ่มสังเกต จึงเห็นว่ามีคนใส่เยอะขึ้น แต่มือใหม่ก็ดูไม่ออกหรอกว่าที่คนอื่นใส่เป็นของจริงของปลอม มองรวมๆเลยดูเหมือน ว้าวว ยี่ห้อนี้ ฮิตจริงๆด้วย!   ยังไงก็แล้วแต่ ที่ฮิตติดลมบนได้ แสดงว่ามันต้องดีในระดับนึงนะ ไม่งั้นก็จะไม่เกิดการบอกต่อขนาดนี้ เรื่องยาสีฟันนี่ ติดใจเหมือนกันเลย ชอบบอกว่า ...ส่วนใหญ่แนะนำ แต่เขียนข้างล่างว่า 126 คน จาก 400 คน มันส่วนใหญ่ยังไงคะเนี่ยยย?? จากคุณ : Choco:Addict เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 54 15:05:24

ความคิดเห็นที่ 39 อ่านแล้วแอบสงสัยค่ะ คือที่เคยอ่านจากชานเรือนมา คนเป็นเท้าแบนเดินแล้วจะเมื่อยมากกว่าคนปกติ ซึ่งเท้าแบบ..จากรูปจะเห็นว่ามี จุดรับน้ำหนักมากกว่า การที่รองเท้ากระจายน้ำหนักไปที่อื่น  มรส่วนฟ้าๆเพิ่มขึ้นมา คนใส่จะไม่เมื่อยเหมือนคนเป็นเท้าแบนหรอคะ  งงอ่ะ จากคุณ : ukaito เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 54 15:14:25

ความคิดเห็นที่ 40 พวกโฆษณากาแฟ ที่กินแล้วหุ่นดีผอมๆก็ด้วยนะคะ เข้าข่ายหลอกลวงชัดๆ จากคุณ : Choco-Mix เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 54 16:14:12

ความคิดเห็นที่ 41 คุณ SkyeY มี link paper ที่พูดถึงมั้ยคะ อยากเข้าไปอ่านบ้างอ่ะค่ะ จากคุณ : ซาลาเปาขาวอวบ เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 54 16:28:21

ความคิดเห็นที่ 42 พอดีพอมีความรู้เรื่องนี้อยู่บ้างนะคะ เพราะเรียนมาโดยตรงเลยขอแลกเปลี่ยน โดยปกติ แล้วคนเท้าแบนจะมีเกือบ 100 % จะมีปัญหาปวดหลังค่ะ เพราะฉะนั้นเรื่องรองเท้านี่ สำคัญมาก ย้ำนะคะสำคัญมากๆ รองเท้าที่ดีนี่ควรมี arch of foot คือต้องมีสวนนูนขึ้นมา รองรับด้านในของเท้า พวกรองเท้าแฟชั่นที่ไม่มีตรงนั้นนี่ยิ่งทำให้เกิดปัญหาเท้าแบน เพราะว่ากล้ามเนื้อตรงอุ้งเท้าต้องทำงานตลอดเวลาสุดท้ายมันจะเกิดการอ่อนแรงและทำ ให้เท้าแบนค่ะฉะนั้นเด็กรุ่นใหม่นี่เท้าแบนแทบทุกคน อีกเรื่องคือส้นสูง คนที่ให้ส้นสูงนี่ เสี่ยงมากเลยนะคะที่กระดูกสันหลังจะพัง เพราะเวลาเดินแรงจะส่งกลับไปที่หลังทำให้ ปวดหลังมากๆ และยังเสี่ยงที่จะเป็นเส้นเลือดขอดด้วย ถ้าเป็นเส้นเลือดขอดนี่หมายถึงมี ลิ่มเลือดไปอุดบริเวณนั้น อันตรายมากๆ เพราะมันหลุดเข้าหัวใจเรื่องใหญ่แน่นอนค่ะ เพราะฉะนั้นรองเท้าที่ดีที่สุดของแต่ละคนนี่ไม่เหมือนกันค่ะ ขึ้นอยู่กับรูปเท้า แต่รองเท้า ที่ดีคือรองเท้าที่รับกับเท้าเรามากที่สุดนะคะ ราคาไม่ว่าถูกหรือแพงถ้าเราใส่แล้วสบาย ไม่คับหรือหลวมมากเกินไปนั้นหล่ะคะดีที่สุด และหากใครมีปัญหาปวดเท้าลองเอาน้ำอุ่น โรยเกลือใส่กะละมังแล้วแช่ประมาณ 15 - 20 นาทีนะคะ อันนี้จะช่วยได้ในระดับนึง จากคุณ : เอาของพี่มาเล่น (Hoshichan) เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 54 18:23:19

ความคิดเห็นที่ 43 ขอบคุณสำหรับข้อมูล fitflop กำลังอยากได้มากกกกกกกกก จากคุณ : คะน้า (KaNa-IRC) เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 54 18:23:51

ความคิดเห็นที่ 44 โฆษณามาสคาร่ายี่ห้อหนึ่งของไทย ที่เค้าออกมาประกาศว่ามียอดขายเป็นอันดับ1 ก็เห็นว่าพรีเซนเตอร์ติดขนตาปลอมหนาเป็นกันสาด เรียงตัวเป็นเส้นสวยเหมือนกันนะ(แอบเห็นขอบขนตาปลอมตลอดเลยล่ะ) ยี่ห้อนี้ออกโฆษณามาสคาร่ามากี่รุ่น พรีเซ็นเตอร์ก็ติดกันสาดมาทุกคนล่ะค่ะ..ลองสังเกตุดูนะว่ายี่ห้ออะไร จากคุณ : sagoygirl เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 54 20:42:46

ความคิดเห็นที่ 45 ^ ^ ^ มาสคาร่าทุกยี่ห้อนั่นแหละค่ะ ตั้งแต่ถูกๆ ยันแพงระดับดิออร์ นางแบบก็ติดขนตาปลอมหมด...>_< จากคุณ : Mara Jade เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 54 21:29:58

ความคิดเห็นที่ 46 แก้ไขเมื่อ 08 ก.ย. 54 21:34:12 จากคุณ : Mara Jade เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 54 21:33:14

ความคิดเห็นที่ 47 ขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจค่ะ ^O^ @คห. 27 condojung ไม่ทราบค่ะ fitflop เองเนี่ยก็แค่วิจารณ์ความน่าเชื่อถือของงานวิจัยเฉยๆค่ะ ไม่ได้สรุปว่ามันใช้ดีหรือเปล่า @คห.33 Piterek นั่นสิคะ อันนี้ก็ไม่รู้ได้เนอะ ก็ข้อมูลที่บอกผู้บริโภคมันมีแค่นี้นี่ แต่เราว่าการที่มีภาพนี้มันทำให้ดูไฮเทค แล้วมันก็ไม่ได้ยากเกินความเข้าใจของคนทั่วไปด้วย @คห.34 ลิงน้อยกลิ่นผ้าขี้ริ้ว เรื่อง % กับค่าเฉลี่ยนี่หมายถึงว่า เราว่าการเทียบค่าเป็น % ก็โอเคค่ะ ไม่ต้องแสดงข้อมูลเป็นปริมาณทางวิทยาศาสตร์อะไรซักอย่างก็ได้ แต่ว่าค่า % ที่เค้านำมาเสนอคือค่าสูงสุดที่ได้จากการทดลองค่ะ คือบอกว่า ลด...ได้ถึง...% มันไม่แฟร์ที่บอกมาเป็นค่าสูงสุดค่ะ เพราะควรจะใช้ค่ากลางมากกว่าว่าโดยเฉลี่ยแล้วทำให้...ลดลงได้เท่าไหร่ เพราะอาจมีแค่คนเดียวเลยที่ใช้แล้วได้ผลดีมากๆก็ได้ คนอื่นใช้แล้วเฉยๆประมาณนี้ @คห.37 triyapa เรามีญาติเป็นหมอฟันอยู่ค่ะ เดี๋ยวจะลองไปถามดูว่าจริงไหม @คห.38 Choco:Addict เห็นด้วยค่ะ เราก็คิดงั้นนะ คือถ้าเห็นอะไรมีของปลอมก็จะรู้สึกว่ามันต้องดังในระดับนึงแล้วแหล่ะ @คห.39 ukaito เรื่องเดินแล้วเมื่อยนี่ไม่แน่ใจค่ะ แต่บาดเจ็บง่ายกว่าแน่ คือเราก็พอรู้บ้างค่ะแต่ก็ไม่เชี่ยวชาญ :D เราคนเท้าแบนใส่นี่เราอ่านมาจากเว็บ webmd ค่ะ เป็นบทความเรื่อง fitflop เขียนโดยแพทย์เลย แล้วก็มีการquoteผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องมา ตามลิงค์นี้ค่ะ http://www.wอีbmd.com/fitness-exercise/features/the-fitflop-craze-fashion-or-fitness มีอยู่ช่วงนึงที่เขียนโดย Fabio Comana ซึ่งเป็น exercise physiologist for the American Council on Exercise in San Diego บอกว่า... fitflop จะช่วยกัน overpronating(บิดเท้าเข้าในมากเกิน เท้าจะพลิก(ไม่ใช่พลิกบาดเจ็บนะคะ)จากนอกเข้าในตอนวางเท้าจนถึงก้าวเท้าออกจากพื้นค่ะ)ซึ่งคนท้าแบนเนี่ยก็จะพบว่าพลิกเท้ามาก เลยเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ แต่ในบทความเดียวกัน Cary M. Golub ซึ่งเป็นแพทย์เฉพาะทางเรื่องเท้า(podiatrist) กลับบอกว่า fitflop ไม่เหมาะกับคนเท้าแบน เพราะด้านใรองเท้ามันจะมีส่วนที่เสริมโค้งสูงขึ้นมา แล้วจะดันต้านรูปเท้าคนเท้าแบนที่มีส่วนโค้งน้อยค่ะ โดยส่วนตัวเราเชื่อคนหลังมากกว่าค่ะ เพราะคิดตามคนแรกแล้วไม่ค่อยเห็นภาพเท่าไหร่ แต่มันจะเหมาะหรือไม่เหมาะกับเท้าแบนก็ไม่ขอฟันธงค่ะ แนะนำให้ไปลองมากกว่า เพราะถ้าขอบรองเท้าด้านในมันดันส่วนโค้งเท้าขึ้นมาจริงๆ ตอนใส่ก็น่าจะรู้สึกได้ค่ะ @คห.41 ซาลาเปาขาวอวบ มันไม่ใช่ paper ค่ะ เค้าเขียนคล้ายๆบทความ อยู่ในเว็บ fitflop ค่ะ ลงลิงค์ให้ http://www.เอฟitflop.com/how-they-work/our-research/scat/researchresults/ http://www.เอฟitflop.com/work-shoe/research/scat/gogh-research/ @คห.42 เอาของพี่มาเล่น (Hoshichan) อยากรู้ว่า ส่วนนูนที่รองรับ arch of foot ของเท้าแต่ละแบบก็ต้องไม่เหมือนกันใช่ไหมคะ แล้วถ้าเป็นอย่างที่เราอ่านเจอในที่ตอบคห.39ไป อย่างไหนถูกคะ ส่วนนูนของรองเท้ามันจะดัน arch ให้เมื่อยไหม จากคุณ : SkyeY เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 54 22:33:13

ความคิดเห็นที่ 48 เรื่องรองเท้าfitflop ทีแรกก็ไม่รู้จักครับ 2ปีก่อน แม่กับเพื่อนไปซื้อมากจากเซ็นทรัล 3คน3คู่หมดไปเกือบหมื่น แม่ใส่แล้วชอบมากใส่สบาย ปีก่อนแม่ไปเมกา ผมก็เลยหาfitflopตามเวปชื่อดัง ได้ราคาประมาณ20-30เหรียญ ถูกสุดคือ19.90 ประมาณ 600บาทไทย สั่งให้แม่+เพื่อนไปหลายรุ่น รวม32คู่ ส่วนตัวผมชอบcrocsใส่สบายดีสั่งมาร่วม20คู่ ราคาไม่เกิน500บาท ปัจจุบันแม่ใส่fitflopมาแล้ว2ปี ส่วนผมก็ใส่แตะcrocs กลับไปส่รองเท้าอื่นแล้วรู้สึกปวดขา อยากลองใส่fitflopดูบ้างแต่แบบส่วนใหญ่เป็นของผญ. ของผชก็ไม่สวย ผมไม่ค่อยสนใจพวกงานวิจัยที่ออกสื่อเท่าไหร่ สิ่งสำคัญคือใช้แล้วถูกกับตัวเอง และราคาไม่ทำให้เราเดือดร้อน ก็เพียงพอแล้วครับ จากคุณ : NoT~TiroL Master เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 54 23:49:48

ความคิดเห็นที่ 49 Fitflop โดนส่วนตัวไม่เชื่อตั้งแต่แรกแล้วครับ งานวิจัยของเค้าผิดหลักการแพทย์ทั้งหมด   ภาวะการรับน้ำหนักของเท้าแต่ละคนไม่เหมือนกันครับ   ยังมีปัจจัยเรื่องโครงสร้างทางกระดูกของแต่ละคน  ลักษณะการเดิน  วัสดุของรองเท้า  การเกิดภาวะสะสมของผิวหนัง(ตาปลา) รองเท้าที่ดีที่ของแต่ละคน  ต้องสั่งทำครับ    ในรพ.หลายแห่งจะมีบริการตัดรองเท้าพิเศษแบบนี้   กว่าจะตัดได้แพทย็ต้องดูโครงสร้างเท้า  การเดิน  โรคประจำตัว(โดยเฉพาะเบาหวาน)   สมัยก่อนจะตัดให้เฉพาะผู้ป่วยเบาหวาน  สมัยนี้บริการทุกคนแล้ว    ราคาผมว่าหลายคู่กว่าFiflopอีกนะ จากคุณ : บุรุษพัฒนา เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 54 02:48:06

ความคิดเห็นที่ 50 คห.47  เราตามไปอ่าน  เราก็ว่าคนหลังดูน่าเชื่อถือกว่าเหมือนกันค่ะ ค่อนข้างตรงกับที่เราเคยอ่านมา   ส่วนคนแรกก็โอเคอ่ะ แต่เราคิดว่าถึงจะช่วยในกรวางเท้า แต่เราคงแก่เกิน เราคงรำคาญแบบที่คนที่สองว่า สุดท้ายคนเท้าแบนแบบเรา ไปซื้อแตะฟองน้ำหนาๆดีก่า บิ๊กซีคู่ละ60-70เอง นิ่มๆ เหยียบก็ยุบตามรูปเท้า พอพื้นสึกจนบาง(ของเราส้นไปก่อนเลย)ก็โยนทิ้งซื้อใหม่ = = สบายดี อยากจะบอกว่าใส่สบายจริง เราชอบใส่มากกก รองเท้าแพงๆไม่ได้กินอ่ะ เมื่อย แต่เวลาลากแตะไปห้างหรืออะไรมันดูน่าเกลียด= =" จากคุณ : ukaito เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 54 08:19:43

ความคิดเห็นที่ 51 กลุ่มตัวอย่าง 20 คนเอง น้อยมาก คหสต. รองเท้ายี่ห้อนี้ บางคนซื้อมาใส่เพราะแฟชั่นมากกว่าเรื่องสุขภาพ จากคุณ : Baby_I Know_U Know เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 54 08:56:04

ความคิดเห็นที่ 52 มีโฆษณาอาหารเสริมยี่ห้อหนึ่งโฆษณาทางทีวีว่า ผ่านการวิจัยจากหลายประเทศ เยอะแยะไปหมด ขึ้นชื่องานวิจัยเต็มเลย แต่ช่วยบอกสักนิดไหมคะ ว่าผลมัน ตรงตามสมมติฐาน ไหม sig ไม่ sig หรือให้ผลไม่แตกต่าง เมื่อเทียบกับการกินอาหารธรรมดา แม๊....เอาคำว่าวิจัยมาอ้าง จากคุณ : honeynut เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 54 09:29:34

ความคิดเห็นที่ 53 เรื่งอมาสคาร่านี่เห็ฯด้วยมากๆ ค่ะ เรายังเคยชี้ให้เพื่อนดูในนิตยสารว่า โฆษณามาสคาร่า แต่ว่าใส่ขนตาปลอมซะเด้งเชียว (ขนตาคนเรามันไม่สามารถจะแผ่ได้เท่ากันเป๊ะๆ และยาวเรียวเหมือนกันทุกเส้นได้ขนาดนั้น อย่างสินค้าเกาหลีบางตัว ชัดมากๆ ว่าใส่ขนตาปลอม เรายังบ่นกะเพื่อนว่าอย่างนี้โฆษณามาสคาร่าทำไม ก็ขายขนตาปลอมไปเลยสิ แล้วอย่างผลวิจัยเนี่ย ต้องดูด้วยว่า จากกลุ่มตัวอย่างกี่คน นานเท่าไหร่ ทำกันในห้องทดลองอะไรยังไง อย่างบางตัว บอกว่า 90% ของกลุ่มทดลอง แล้วมี remark ตัวประมาณครึ่งมิลว่า จากกลุ่มทดลอง 10 คน ในเวลา 7 วันเอิ่ม??? จะดีเหรอ??? กลุ่มตัวอย่างน้อยแค่นั้น เวลาสั้นแค่นั้น??? ยังไงโฆษณามันก็ชวนเชื่ออะนะ ใครจะมาเขียนว่า ของเราดีนะ แต่ไม่ดีที่สุดหรอก มีอย่างอื่นดีกว่า สินค้าเราทำให้ผิวขาว แต่มันจะขาวก็ต่อเมื่อคุณอยู่ในห้องมืดปิดตายนะ หรืออะไรยังงี้ จะซื้ออะไรก็อย่าลืมใช้ดุลยพินิจ คิดก่อนซื้อ นะคะ (ว่าแล้วก็ตบหัวตัวเองดังป้าบ ทำเป็นพูดดี ตัวเองทำได้มั้ยนั่น) จากคุณ : Rurujung เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 54 09:39:16

ความคิดเห็นที่ 54 คห.  47 อ๋อ...งั้นเราเข้าใจแล้วที่ จขกท. หมายถึง งั้นขออธิบายนิดนึง ในการทดลองลักษณะนี้ จะทำการทดลอง2ครั้งคือ ครั้งที่ 1 ผู้หญิงทั้งหมดกับรองเท้าธรรมดา เก็บค่าจากการทดลองที่ได้พร้อมหาค่าเฉลี่ย เช่น แรงกดที่เข่า แรงกดที่นิ้ว แรงกดที่สะโพก แล้วก็เฉลี่ยมาในแต่ละกรณีทั้งหมดก็จะได้ค่าเฉลี่ยของทั้ง3ค่าและครั้งที่2คือ ผู้หญิงทั้งหมดกับFitflop เก็บค่าจากการทดลองที่ได้พร้อมหาค่าเฉลี่ย จากนั้นก็ทำการทดสอบว่าค่าเฉลี่ยทั้ง3ค่าของทั้ง2มีความแตกต่างกันหรือไม่ด้วยวิธีทางสถิติ ถ้าผลออกมาว่าแตกต่างก็ต้องทดสอบว่า "กรณีไหนที่มันแตกต่างกัน" แต่ถ้าได้ผลว่าไม่แตกต่างก็สามารถสรุปได้เลยว่า fitflop ไม่ได้แตกต่างอะไรจากรองเท้าธรรมา ผลที่ได้ซึ่งในที่นี้...ไม่เห็นว่าการเก็บข้อมูลเป็นยังไง ผลที่ได้อาจอ่านได้ 2แบบคือ 1 . 20% อาจหมายความว่า ในผู้หญิง100คนจะมี20คนที่ใส่Fitflopแล้วค่าลดลง (ซึ่งวิธีการหา ก็ได้จากการนับจำนวนคนที่ใส่Fitflopแล้วค่าลดลงมีกี่คนแล้วจึงคิดออกมาเป็นค่าของสัดส่วนและเทียบออกมาเป็น%) 2. 20% อาจหมายความว่า ค่าลดลงเมื่อเทียบกับการใส่รองเท้าธรรมดาเท่ากับ 20% ส่วนที่เค้าเขียนว่า "ลดลงถึง 5%" (อันนี้สมมตินะคะ) เขียนยังไงก็ได้คะ "โดยเฉลี่ยลดลง 5% , ลดลงโดยเฉลี่ย5%, ลดลง5%"  แต่ที่เค้าใช้คำว่า" ลดถึงถึง5%" คงเพราะมันดูตื่นตา ตื่นใจกว่าเท่านั้นเอง ^^ จากคุณ : ลิงน้อยกลิ่นผ้าขี้ริ้ว เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 54 11:37:41

ความคิดเห็นที่ 55 กระทู้ทรงคุณค่าที่ห้องแป้งคู่ควรจริงๆ ค่ะ (^_^)b จากคุณ : ชาวโป เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 54 11:52:20

ความคิดเห็นที่ 56 มาสคาร่านี่แหละตัวแสบ โดนต้มมานักต่อนัก ต้องมาซบตักเจ๋เมย์บีลีนทุกที จากคุณ : CELERY SEED เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 54 12:11:59

ความคิดเห็นที่ 57 ใช่เลยค่ะ สังเกตดีๆ โฆษณาพวกนี้จะใช้คำว่า "ดู" เช่น ขนตาดูยาวขึ้น x%, ผมดูนุ่มลื่นขึ้น y%, ผิวดูขาวขึ้น z% วิธีได้มาซึ่ง % ก็โคตรง่าย จ้างคนมา 20 คนให้ใช้ผลิตภัณฑ์ แล้วถามว่าใช้แล้วรู้สึกขนตายาวขึ้นมั้ย ถ้า 12 ใน 20 ตอบว่า "ใช่" ก็เคลมแบบเล่นคำได้เลยว่า "ใช้แล้วขนตาดูยาวขึ้น 60%" ไอ้ผู้บริโภคอ่อนต่อโลกอย่างเราๆก็คิดไปสิ...โห...จากขนตาเดิมยาว 1 ซม. ปัดปุ๊บ ขนตายาวขึ้นเป็น 1.6 ซม. เทพๆๆ ซื้อด่วน จากคุณ : แมวบอส เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 54 13:42:29

ความคิดเห็นที่ 58 เข้ามาโหวตค่ะ ขอบคุณมาก ๆ นะคะ จากคุณ : zapparot 1 เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 54 16:54:07

ความคิดเห็นที่ 59 โฆษณาเครื่องสำอางที่อังกฤษ เวลาที่เอาช่างแต่งหน้ามืออาชีพมาทำเป็นแต่งหน้าให้สาวๆ เค้าจะมีเขียนไว้ว่า This is an advertisement บอกให้รู้ว่า นี่กรูโฆษณาอยู่ โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม ไม่แน่ใจว่าที่เมืองไทยมีเหมือนกันหรือเปล่า แหะๆๆ ส่วนเรื่อง fitflop เพื่อนไปซื้อมาใช้แล้วบอกว่าขาเล็กลง บุคลิกดีขึ้น เราไม่เชื่ออ่ะ เพราะไปซื้อมาพร้อมกัน เราใส่แล้วปรกฏว่าตรงที่หนีบมันขูดเท้า เจ็บซะงั้น ใส่ไม่สบายด้วย คนเราเหมาะกับสิ่งของต่างกันจิงๆ จากคุณ : FBlock เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 54 18:24:29

ความคิดเห็นที่ 60 มาตอบคุณ SkyeY ส่วนนูนที่มารับ arch of foot ของเท้าแต่ละคนนี่ไม่เหมือนกันค่ะ ถ้าสูงมากไปแน่นอนค่ะเมื่อยแน่ๆมันเหมือนต้องเขย่งอุ้งเท้าอ่าค่ะ เพราะฉะนั้นเวลาไป ซื้อรองเท้าต้องลองเลยค่ะเอาที่แบบว่าใส่สบายเข้ากับรูปเท้า ขออธิบายเพิ่มนะคะ สำหรับคนปกติอย่างพวกเรานี่ถ้าเท้าแบนแล้วใส่รองเท้าที่ไม่มี arch มารองรับจะแค่ เมื่อย เพราะเท้าเราต้องรับน้ำหนักเต็มๆ คิดถึงภาพสะพานก็ได้นะคะ ถ้าสะพานโค้างมัน ย่อมรับน้ำหนักได้ดีกว่าสะพานตรงๆ เท้าเรานี่หลักการเดี๋ยวกัน อันนี้จากการเรียนอีกเช่น กัน ในคนที่เปนเบาหวานนี่การใช้่รองเท้าสำคัญมากๆ ต้องเลือกที่ดีใส่สบายให้มากที่สุด ถ้ารูปเท้าผิดปกติ ต้องอาจขั้นตัดรองเท้าเลยนะสำหรับบางคน เพราะถ้าลงน้ำหนักไม่มี หนังแข็งที่ฝ่าเท้าจะไปสีกับเนื้อข้างในอุ้งเท้าทำให้เป็นโพลง แผลข้างนอกนิดเดียว แต่ข้างในนี่กว้างและกินถึงกระดูกจนจำเป็นต้องตัดขาเลยค่ะ เพราะฉะนั้นหากใครมีคนที่คุณรักเป็นเบาหวานรบกวนใส่ใจเรื่องนี้นิดนึงนะคะ อย่ามัวแต่ ห่วงระดับน้ำตาล (รู้สึกจะออกนอกเรื่องอ่า) ยังยืนยันคำเดิมค่ะ รองเท้าที่ดีคือรองเท้าที่ ได้ลองแล้วรู้สึกใส่สบาย ไม่คับหรือหลวมเกินไป ราคานี่ไม่สำคัญ ทิปสำหรับเวลาไป ชอบปิ้งแล้วปวดขาและเท้า ลองยกขาให้สูงสักประมาณ 5-10 นาทีนะค่ะ ให้เลือดได้ ไหลกลบข้างบนพาสารที่ทำให้ปวดกลับไป แล้วคุณจะรู้สึกว่าอาการปวดลดลงค่ะ จากคุณ : เอาของพี่มาเล่น (Hoshichan) เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 54 21:21:42

ความคิดเห็นที่ 61 ขอบคุณที่มาเตือนกันนะคะ ขอnote เรื่อง fitflop นิดนึงว่า มันไม่ได้มีแต่รองเท้าแตะค่ะ มันมีหลายรุ่นมาก ผ้าใบแบบ casual รองเท้าบู๊ทก็มี ที่เอังกฤษมีทุกรุ่นเพราะว่ามันหนาวค่ะ ใส่แตะได้ไม่ทั้งปี ใส่ได้แค่ไม่กี่อาทิตย์ต่อปี ฮ่าๆ จากคุณ : PuppyPower เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 54 05:17:15

ความคิดเห็นที่ 62 รู็ทั้งรู้ แต่ก็หูเบาตาเบาหลงกลมันทุกทีไป -*- จากคุณ : ปลาทองตุบๆ เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 54 08:44:57

ความคิดเห็นที่ 63 ขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจอีกครั้งนะค้าาาาา _/I\_ @ คห54 ลิงน้อยกลิ่นผ้าขี้ริ้ว เราเหมือนจะไม่เห็นmethodology อะไรเลยในเว็บค่ะไม่อยากคาดเดาว่าทำอะไรยังไงกันแน่ ไม่แน่ว่าเค้าอาจจะแบ่ง 20 เป็นสองกลุ่มแล้วให้ใส่รองเท้าคนละแบบก็ได้นะคะ เราไม่เดากันดีกว่าค่ะ จะทำยังไงมันก็ไม่ค่อยน่าเชื่อถืออยู่ดีเนอะ เรื่อง% เห็นด้วยว่าอาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้ค่ะ มันช่างไม่มีข้อมูลอะไรชัดเจนเล้ยยยย จากคุณ : SkyeY เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 54 10:15:39

ความคิดเห็นที่ 64 คห. 63 นั่นสิ...อ่านวิจัยเค้าแล้ว ขัดใจ  ยิ่งนัก 5555 ยังไง๊ ยังไง ก็ไม่น่าเชื่อ...อยากอิงงานวิจัย ก็ต้องสร้างงานวิจัยมาใช้เพื่ออิงโฆษณา ว่าแล้ว....ใส่ลุยน้ำดีก่า จากคุณ : ลิงน้อยกลิ่นผ้าขี้ริ้ว เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 54 10:57:59

ความคิดเห็นที่ 65 ชอบจังค่ะกระทู้แบบนี้ เวลาซื้อของไม่ดูงานวิจัยเท่าไหร่ เพราะรู้สึกว่าไม่น่าจะเชื่อถือได้ ส่วนรองเท้า fitflop เราว่าบางส่วนใส่เพราะกระแส บางส่วนใส่แล้วแก้ปัญหาของคน ๆ ได้ แต่จะบอกว่าใส่แล้วช่วยเรื่องกระชับ เราไม่เชื่อว่าแค่ใส่รองเท้าแล้วจะทำให้กล้ามเนื้อคนเรากระชับขึ้นได้โดยไม่ออกกำลังกาย มาสคาร่าเคยเห็นยี่ห้อนึงบนรถไฟฟ้า มีพิมพ์ตัวเล็ก ๆ บอกว่า เค้าปัดมาสคาร่านี้เป็นกี่สิบทีนี่แหละถึงจะได้ผลตามในรูปโฆษณานั้น ขออภัยที่จำยี่ห้อและข้อความแน่นอนไม่ได้ค่ะ สรุปแล้ว พิจารณาก่อนซื้อ อย่าไหลไปตามกระแส ดีที่สุด จากคุณ : แบ๊น แบน เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 54 12:11:37

ความคิดเห็นที่ 66 อาจจะเพราะกระแสแฟชั่น ที่ดาราที่เราชอบใ่ส่ก็เลยซื้อกันใส่ตาม ส่วนตัวไม่เคยสนใจน่ะค่ะ  เคยลองใส่เดินแล้วไม่สบายเท้าค่ะ เมื่อยค่ะ เลยไม่ซื้อ ใส่scollสบายกว่าค่ะ จากคุณ : sueki เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 54 12:11:44

ความคิดเห็นที่ 67 ไม่เช่นนั้นมันจะมีคำว่า "กระแส" หรือ "แฟชั่น" หรอคะ จากคุณ : xiah เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 54 21:26:15

ความคิดเห็นที่ 68 พอดีไม่ค่อยตามกระแสค่ะ เพราะที่บ้านใส่ Heel Care กันทั้งบ้าน นิ่มมากใส่สบาย เหมาะแก่การเดินช้อปปิ้งที่สุด เสียแต่ตรงแบบอาจจะไม่ค่อยสวย ไม่แฟชั่นเท่าไหร่ แต่ใส่สบายจริง นิ่มจริงค่ะ จากคุณ : Lady Jasmine เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 54 22:23:38

ความคิดเห็นที่ 69 คหสต ของเราไม่ได้ตามกระแสแต่พอใส่แล้วไปเดินช๊อปกะอุ้มลูกแล้วไม่ปวดหลังค่ะก็เลยซื้อมาใช้ซะหลายคู่ และไม่ได้อ่านข้อวิจัยด้วย แต่ความชอบล้วนๆค่ะ แต่ขอบคุณ จขกท นะคะที่เอามาให้อ่าน จากคุณ : ก๊องโต้กะอองรี เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 07:52:14

ความคิดเห็นที่ 70 เฮ้อ เรื่องนี้มากมายครับ กับการนำเอางานวิจัยมาแปลความ และนำมาหลบเลี่ยงวลีบางอย่าง จนเกิดเป็นโฆษณาชวนเชื่อ จนบางครั้งกลายเป็นความเชื้อ และ บางครั้งถูกอ้างอิงประหนึ่งเป็นความจริง เช่น ความเชื่อเรื่องวิตามินอี กับการหายของแผล หรือ รอยแผลเป็น 1!! เครื่องดื่มบำรุงสมองทั้งหลายที่ บอกว่ามีงานวิจัยรับรอง ลองไปหา search  ยังหาไม่เจอเลย บางชิ้นเป็นงานวิจัยเล็กๆ ตีพิมพ์ลงวารสาร หรือ ถุงกล้วยแขกอะไรไม่รู้ คุณภาพ กลุ่มตัวอย่าง การออกแบบการทดลอง มายังไง ไม่รู้ สุดท้าย อ้างแค่ มีงานวิจัยรับรอง จากคุณ : จะสวยจะหล่อต้องรอต้องทน (sh123) เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 17:30:10

ความคิดเห็นที่ 71 คห. 70 จะสวยจะหล่อต้องรอต้องทน (sh123) เรื่องเครื่องดิ่มบำรุงสมองนั้น เคยคุยกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาทแล้ว เค้าบอกว่าไม่ได้ผลค่ะ เพราะเป็นสารที่ร่างกายจะต้องสร้างเอง ไม่ดึงจากข้างนอกมาใช้ อธิบายได้แค่นี้ค่ะ มันค่อนข้างลึกเลยรู้เรื่องแค่นี้ :D จากคุณ : SkyeY เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 19:44:38

ความคิดเห็นที่ 72 รองเท้าที่ห้องแป้งฮิตกันตอนนี้เราใส่แล้วไม่ชอบคะ เราไม่ชอบรองเท้าหูหนีบเพราะเราเท้าแบนชอบแบบสวมสบายๆ รองเท้ากีฬานี่ปลื้มมาก เลยเฉยๆเวลาเพื่อนๆบอกว่าใส่แล้วสบายใส่แล้วนู่นๆนี่ๆ แต่เครื่องสำอางค์นี่เห็นด้วยเลยคะ จากคุณ : บ่าบี๋ เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 22:37:30

ความคิดเห็นที่ 73 ส่วนตัวมองว่าโฆษณา ก็คือ โฆษณา ก็ต้องโปรโมทสินค้าตัวเองอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าแต่ละสินค้า จะราคาคุย หรือเกินจริงมากน้อยแค่ไหนเท่านั้นเอง เข้าเรื่องรองเท้า fitflop ที่กำลังฮิต ๆ กันอยู่ ส่วนตัวปกติเป็นคนชอบใส่รองเท้าแตะ หารองเท้าแตะมานานมาก แต่ก็ไม่เจอที่ใส่สบายซักกะที ปกติถ้าใส่แตะเดินทั้งวัน (คุณแฟนไปช็อปปิ้ง) ก็จะปวดเท้า ปวดขามาก ถึงมากที่สุด ใส่รองเท้าหุ้มข้อก็พอกัน แต่ส่วนตัวชอบใส่รองเท้าแตะมากกว่า ก็เลยหามองหาแตะมาใส่ซักคู่ ยังไม่เจอที่ถูกใจซักกะที ประกอบกับเห็นกระแส fitflop ว่าเป็นรองเท้าสุขภาพ (จริง ๆ ไม่ได้สนใจเรื่องการทดลองวิจัยเลย) ก็เลยจัดมาทดลองด้วยตัวเองหนึ่งคู่ ลองเอาของแพงมาลองให้มันรู้แล้วรู้รอดไป สั่งกับเพื่อนไป พึ่งได้มาวันนี้สด ๆ ร้อน ๆ คู่นึง เดี๋ยวก็คงรู้ว่าโฆษณาเกินจริงไปหรือเปล่าด้วยตัวเอง กับการใช้งานจริง ๆ จากคุณ : punfreedom เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 22:38:44

ความคิดเห็นที่ 74 ดู impact factor ของ journal ประกอบด้วยนะคะว่ามีคนนำไปอ้างอิงเยอะแค่ไหน และที่สำคัญเนื้อหาของงานวิจัยนั้นมีความน่าเชื่อถือแค่ไหน วิธีการศึกษา จำนวนตัวอย่าง สถิติที่ใช้ กว่าจะ publish งานวิจัยออกมาแต่ละชิ้น คนทำคนเขียนลุ้นหืดขึ้นคอค่ะ มันไม่ใช่ได้มาง่ายๆนะคะ เพราะตอนนี้เรากำลังเขียน manuscript ส่งไปตีพิมพ์อยู่ มันยากมากๆเลยค่ะ ที่ต้องเขียนงานของเราให้ออกมากระชับสมบูรณ์และถูกต้อง จากคุณ : Piky_Za เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 54 22:55:38

ความคิดเห็นที่ 75 คห. 74 คือมันไม่น่าเชื่อถือตั้งแต่ไม่มี paper ออกมาแล้วค่ะ จากคุณ : SkyeY เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 54 15:44:41