ความคิดเห็นที่ 1 อีกปัจจัยที่สำคัญของการออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักคือ Duration หรือความนานของการออกกำลังกาย เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับระบบการใช้พลังงานของร่างกายเรา           แหล่งพลังงานที่ร่างกายเอามาใช้ได้คือ 1 กลูโคส 2 ไขมัน 3 จากมวลกล้ามเนื้อ โดยกลูโคสจะให้พลังงานที่สูงต่อหนึ่งหน่วยเวลา และร่างกายจะนำมาใช้เมื่อกล้ามเนื้อทำงานหนักในระยะเวลาสั้นๆ เช่น วิ่งร้อยเมตร ยกน้ำหนัก ส่วนไขมันจะถูกนำมาใช้เมื่อกล้ามเนื้อมีการทำงานเบาๆ ประมาณ 25% ของความสามารถสูงสุดของกล้ามเนื้อ แต่ให้พลังงานต่อหน่วยเวลาต่ำ ส่วนพลังงานจากมวลกล้ามเนื้อนั้นจะเอามาใช้ในภาวะที่วิกฤต คือร่างกายไม่มีทั้ง กลูโคส และไขมัน อยู่ในกระแสเลือด หรือมีต่ำมากๆ (ลองนึกภาพคนในเอธิโอเปีย กล้ามเนื้อจะลีบๆ เพราะว่าขาดอาหาร) และอีกกรณีนึงคือ การออกกำลังการแบบ endurance มากเกินไปจะมีผลในการสลายมวลกล้ามเนื้อด้วย        จะหลักการดึงพลังงานมาใช้ ทำให้เรามาสามารถออกแบบการออกกำลังกายของเราได้ ในที่นี้คือเรื่องของความนาน ถ้าต้องการดึงไขมันมาใช้ต้องให้กล้ามเนื้อ (มัดใหญ่) ทำงานประมาณ 25% เป็นระยะเวลาต่อเนื่อง คือ ไม่ต่ำกว่า 20 นาที เนื่องจากไขมันเป็น Low energy กว่าจะสลายออกมาต้องใช้เวลา เหมือนกับต้องอุ่นเครื่องก่อน ซักพัก ไขมันถึงจะเริ่มถูกสลายออกมาจากเซลล์ไขมัน เพื่อใช้เป็นพลังงาน อย่างที่บอกไปกระทู้ที่แล้วนะครับ ต้องให้ Heart rate ถึง 65% ก่อนถึงจะเริ่มจับเวลานะครับ ไม่ใช่เริ่มก้าวแรกแล้วจับเวลาเลย มีงานวิจัยหลายชิ้นระบุว่า ถ้ากล้ามเนื้อมัดใหญ่ทำงาน 25% ของความสามารถสูงสุด เป็นระยะเวลา 60 นาที ร่างกายจะใช้พลังงานจากไขมันมากกว่า 80% และถ้าต่อเนื่องถึง 4 ชม. จะใช้ถึง 100% (คงไม่มีใครบ้าพลังไปทำนะครับ มันเป็นงานวิจัย) จากคุณ : น้ำปัว เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 54 19:18:31

ความคิดเห็นที่ 2 รอฟังอยู่ค่ะ จากคุณ : Gabi เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 54 20:55:11

ความคิดเห็นที่ 3 เพราะฉะนั้นรูปแบบของการออกกำลังกายควรจะเป็นประมาณนี้       - การเดินเร็ว ถ้าใช้ลู่วิ่งความเร็วตั้งไว้ที่ 6-7 km/hr. เหมาะกับคนที่เพิ่งเริ่มออกกำลังกายช่วงแรกๆ ยังไม่สามารถวิ่งแบบจ๊อกกิ้งได้หรือผู้สูงอายุมีปัญหาเรื่องข้อเข่า     - การปั่นจักรยาน (ในยิม) ความหนักจักรยานแต่ละตัวไม่เหมือนกันแล้วแต่ยี่ห้อ ลองปรับแล้วไม่หนืดมากสามารถปั่นได้ ตลอดการออกกำลังกาย อันนี้เหมาะกับทุกเพศทุกวัย แต่ใช้กล้ามเนื้อน้อยกว่าการเดินเร็ว     - การจ๊อกกิ้ง เหมาะสำหรับผู้ที่ออกกำลังกายมาซักระยะ สามารถวิ่งได้ แล้วไม่เจ็บเข่า ไม่จุกเสียด เนื่องจากการวิ่ง มีลักษณะการเคลือ่นไหวซับซ้อนมากกว่าการเดิน ใช้กล้ามเนื้อมากกว่า ทำให้เหนื่อยมากกว่า (หัวใจเพิ่มอัตราการเต้นเร็วกว่า) ซึ่งคนที่ออกกำลังการมาซักระยะ การเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจจะขึ้นไม่สูง หรือสูงช้า ต้องใช้การออกกำลังการที่หนักขึ้น (แถวบ้านเรียกฟิต) เพื่อเพิ่มการเต้นให้ถึง 65%-79%        ทั้ง 3 ประเภทหลักๆ นี้ก็ใช้ความหนักเหมือนกันคือ 1. 65%-79% ของ Maximum Heart rate 2. ให้อัตราการเต้น อยู่ที่ระดับนี้อย่างน้อย 30 นาที (ไม่รวม วอร์มอัปและคูลดาวน์) 3. ในหนึ่งสัปดาห์ให้ออกกำลังการแบบนี้อย่างน้อย 3 ครั้ง (ส่งผลต่อ BMR เพิ่มสูงขึ้นในระยะยาว)      3 ข้อนี้ผมว่าสำคัญมากกก ต้องทำให้ได้ แล้วจะเห็นการเปลี่ยนแปลง แต่อย่างไรก็ตาม ที่เล่ามาทั้งหมดเป็นการเอาของเก่าออก ยังมีอีกด้านนึงคือ ป้องกันของใหม่มาสะสม แล้วจะพูดต่อไปนะครับ จากคุณ : น้ำปัว เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 54 21:39:30

ความคิดเห็นที่ 4 เพิ่มอีกนิดดด  การออกกำลังการเพื่อบริหารกล้ามเนื้อ Weight traning ก็เป็นประโยุชนืในการควบคุมน้ำหนักนะครับ เพราะกล้ามเนื้อเป็นส่วนที่ใช้พลังงานสูง แม้เราหลับ กล้ามเนื้อก้ยังใช้พลังงาน ซึ่งช่วยลดการกะสมไขมันอีกทางหนึ่ง ส่วนวิธ๊การออกนั้นจะเพิ่มเติมให้เท่าที่รู้นะครับ ไปกินข้าวเพิ่มไขมันก่อนครับ ......ฟิ้วววววววว จากคุณ : น้ำปัว เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 54 21:44:38

ความคิดเห็นที่ 5 มีประโยชน์มาก กำลังจะเริ่มไดเอทอยู่พอดี ขอบคุณนะคะ จากคุณ : kaminimo เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 54 01:44:29

ความคิดเห็นที่ 6 รออยู่ค่ะ มาต่อด้วยนะคะ จากคุณ : White River เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 54 07:41:39

ความคิดเห็นที่ 7 ขอบคุณค่ะ จากคุณ : Gabi เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 54 13:04:49