Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
พลีชีพตัวเอง..เพื่อสาวห้องแป้งและแม่ๆ ณ ชานเรือน กับ กระทู้ การลดน้ำหนัก 16 กิโลใน 1 ปีของแม่ลูกหนึ่ง ติดต่อทีมงาน

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า จงมีสติในการเสพข้อมูล อย่ามัวเมาในยี่ห้อสินค้าที่มีอยู่มากมาย เพราะบางอย่างก็อาศัยกระแสการตลาดเพื่อโปรโมทสินค้า ทุกครั้งที่จะหยิบจับหรือซื้ออะไร อย่าอ่านแค่ยี่ห้อแล้วหยิบมันขึ้นจากชั้นวางของ หรือ คลิ๊กลงตะกร้า ให้อ่านส่วนประกอบของสินค้านั้นๆก่อน แล้วเลือกดูจากหลายๆยี่ห้อว่า มีคุณสมบัติเดียวกันหรือไม่ ถ้ามี การให้ผลลัพธ์ย่อมไม่ต่างกัน และบางอย่างอาจมีราคาที่ถูกกว่าก็ได้ ของดีและถูกมีอยู่ในโลกแน่นอน  ยกเว้นของปลอมกินเท่าไหร่ก็ไม่เห็นผล ลงทุนอย่างสร้างสรรค์ ซื้อหาอย่างมีสติ .....

เพราะฉะนั้นการรีวิวครั้งนี้ เราจึงไม่ขอบอกในเรื่องของยี่ห้อผลิตภัณฑ์ แต่จะบอกเฉพาะส่วนผสมที่มีคุณสมบัติดังกล่าว เพราะส่วนตัว ก็เสาะหาไปเรื่อยๆ ไม่ได้เน้นยี่ห้อไหนเป็นพิเศษขอแค่มีส่วนผสมที่เราต้องการเราก็ซื้อ และการรีวิวครั้งนี้เป็นเพียงผลที่เกิดขึ้นของคนเพียง 1 คน อาจให้ผลแตกต่างกันไปในแต่ละคนนะคะ

แต่ถ้าให้แนะนำ เราเชื่อมั่นในมาตรฐานความปลอดภัยของ GMP เพราะฉะนั้นผลิตภัณฑ์ใดๆที่ได้มาตรฐานนี้ เราเชื่อว่า มันปลอดภัย เพราะเราทานอาหารเสริม 2 ตัวที่ได้มาตรฐานนี้ แล้วมันเห็นผลจริง ทำให้เราค่อนข้างมั่นใจในระบบการตรวจสอบคุณภาพของเค้า ถ้าจะหาอาหารเสริม ให้มองหามาตรฐาน GMP ด้วยนะ เพราะมันเป็นมาตรฐานที่ยอมรับกันทั่วโลก

วันนี้ขอเอาประสบการณ์ตัวเองมาเล่าให้ฟัง เกี่ยวกับการลดน้ำหนักหลังคลอด 16 กิโลกรัม ภายในระยะเวลา 1 ปี 1 เดือน  (8 โลแรก ใช้เวลา 10 เดือน 8 โลหลังใช้เวลา 3 เดือน) และการรักษาระดับน้ำหนักนั้นให้คงที่มา 3 เดือน โดยที่น้ำหนักไม่เพิ่ม ไม่ได้ใช้การอดอาหาร ไม่ได้เลือกกินอาหาร ทุกอย่างกินหมด แต่กินอย่างมีสติเท่านั้นเอง

ข้อมูลส่วนตัวเพื่อประกอบการพิจารณา (พลีชีพกันไปเลย บอกหมดทุกความลับของผู้หญิงที่ไม่อยากให้ใครรู้  ไหนๆก็กล้าโชว์หนังหน้าบานๆอ้วนๆกันแล้ว ข้อมูลแค่นี้ สิวๆ)

จขกท อายุ 32 ปีแล้วค่ะ ส่วนสูง 153 ซม. น้ำหนักก่อนท้อง 45 กิโล น้ำหนักสุดท้ายก่อนคลอด 61.5 กิโล น้ำหนักหลังคลอด 1 วัน 58.5 กิโล ผ่านไป 4 เดือน เหลือ 53 กิโล และปัจจุบัน  45 กิโลค่ะ

ต้องบอกก่อนเลยว่า ผู้หญิงยิ่งอายุมากขึ้น ระบบการเผาผลาญมันไม่เหมือนเมื่อเราสาวๆ หรอกค่ะ กินอะไรเข้าไปนิดเดียวก็มีแต่ไปสะสมให้อ้วน โดยเฉพาะสาวๆออฟฟิศที่นั่งทำงานหน้าคอม การขยับร่างกายน้อยลงมาก ทำให้การใช้พลังงานก็ยิ่งน้อยลงไปอีก ทำให้น้ำหนักขึ้น ไขมันไปสะสมตามส่วนต่างๆ

อยากใส่เสื้อเอวลอย พุงก็ปลิ้น อยากใส่แขนกุด แขนก็ใหญ่ อยากใส่กางเกงสกินนี่ก้นก็เบ่อเร่อ ยิ่งตัวเล็ก (เรียกกันจริงๆก็คือ เตี้ย) น้ำหนักขึ้นนิดนึงก็ดูตัวใหญ่มาก เพราะเราเสียเปรียบพื้นที่ทางแนวตั้ง 555 มีอะไรก็ออกแต่ด้านข้างหมด


จัดรูปตอนท้องให้ดูหน้าบานๆ กันจึ๊กนึง แค่หน้าอย่างเดียวนะ แค่นี้ก็รับไม่ได้แล้ว

____________

(เพิ่มเติม 1)

เราเลี้ยงลูกเองให้นมแม่เอง แต่เราไม่ได้มีระบบการเผาผลาญเหมือนคนแม่ท่านอื่นที่ให้นมลูก เลี้ยงลูกแล้วผ่านไป 3 เดือนน้ำหนักลดเท่าก่อนท้องนะคะ เราไม่ใช่สาวๆที่มีลูกตอนอายุ 25 ปี ตอนที่ระบบเผาผลาญทำงานดี เราอายุ 32 ค่ะ กินนิดเดียวน้ำหนักก็ขึ้น ให้นมลูกปั๊มนมตลอด 11 เดือน แต่น้ำหนักยังค้างอีก 8 กิโลกรัม ทำยังไงก็ไม่ลง ถ้าลดข้าว น้ำนมก็หดอีก เราเลยบอกกับทุกๆคนรวมทั้งแม่สามีว่า เราขอเวลา 1 ปี แล้วเราจะลดน้ำหนักให้ลงมาให้ได้

เราจำได้ว่า แม่สามี รีบพูดออกมาเลยว่า "อุ้ย รอตั้งปีนึง เดี๋ยวมันลดยาก ไม่ดีๆ บลาๆๆๆๆๆๆ"

ตอนนั้นเราตอกกลับไปว่า " เพื่อนไม่ลดตอนนี้ เพราะยังให้นมลูกอยู่ ถ้าลดน้ำนมก็หด เพื่อนต้องการให้เก้าหลวงกินนมแม่จนครบ 1 ปีตามที่ตั้งใจไว้ เพื่อให้ลูกได้ภูมิคุ้มกันจากแม่นานที่สุด จะไม่สวยตอนนี้ก็ช่างมันจะลดยากก็ช่างมัน ลูกสำคัญที่สุด"

แม่สามีเงีียบค่ะ

นั่นเป็นการแสดงอย่างชัดเจนว่า เราไม่เคยบกพร่องในฐานะของคำว่าแม่ เราไม่เคยห่วงสวยจนลืมนึกถึงลูก ลูกจะมาก่อนเสมอไม่ว่าเราจะทำอะไร เราไม่เคยใช้ชีวิตให้อยู่บนความเสี่ยง เพราะลูกจะต้องมีเราจนกว่าจะถึงวันที่เค้ายืนได้ด้วยตัวเอง

เราไม่เคยกินอะไรที่จะทำให้ลูกได้รับผลกระทบ อย่าอคติก่อนที่จะได้อ่านว่าเราได้พยายามทำอะไรไปบ้าง อย่าอคติเพียงเพราะเราบอกว่าเราทานอาหารเสริม ทั้งที่เราได้บอกไว้ตั้งแต่แรกและในเนื้อหาว่า เราไม่ได้ลดน้ำหนักได้เพียงเพราะอาหารเสริมนี้ เราพยายาม เรามุ่งมั่น เราปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหลายอย่างเราถึงลดน้ำหนักได้ อาหารเสริมเป็นเพียงตัวช่วยที่ทำให้เราทำได้สำเร็จ ความมุ่งมั่นของเราต่างหากที่ทำให้เราลดน้ำหนักลงมาได้

และเราไม่มีความคิดที่ว่า แต่งงานแล้วจะเป็นยายเพิ้งก็ไม่เป็นไร มีสามีแล้วจะเอาอะไรอีก
เพราะเราไม่ยอมยืนอยู่บนความเสี่ยง เราไม่ต้องการสร้างโอกาสให้ผู้ชายไ้ด้มีเวลาคิดหาตำแหน่งเมียหลวงมาให้เรา

อย่างน้อยที่สุด การที่เค้าต้องมาพะวงว่าแม่ของลูกจะแต่งสวยไปไหน ทำไมต้องลดความอ้วน ใส่ชุดนี้มีใครมองมั้ย มันก็ทำให้เค้ามัวแต่หวงเราจนไม่มีเวลาไปสนหญิงอื่น

อย่าสร้างข้อแก้ตัวให้ผู้ชาย ให้เค้าได้อ้างว่า ที่มีเมียน้อยเพราะเมียที่บ้านมันแก่ มันอ้วนเบอะ เหี่ยวแห้ง ไร้ชีวิตชีวาเป็นของตายที่วางไว้ที่ไหนก็ไม่กลัวหาย ผู้ชายทุกคนชอบมองสิ่งสวยงาม แล้วทำไมเราต้องให้เค้าไปมองสิ่งสวยงามที่อื่นในเมื่อเราทำตัวให้สวยจนเค้าไม่ชายตามองไปไหนได้เช่นกัน

เราอาจจะไม่สวยเหมือนดาราแต่เราก็ต้องสวยในสายตาสามีอ่ะแหละ ไม่งั้นเค้าจะมาแต่งงานกะเราทำไม ในเมื่อเค้ามองว่าเราสวยแล้วก็แค่ทำตัวให้สวยเหมือนเมื่อครั้งแรกที่เค้ามองก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร

ในฐานะแม่เราทำดีแล้ว ในฐานะเมียเราก็จะไม่บกพร่องเช่นกัน ไม่เช่นนั้นเราคงไม่สามารถครองชีวิตคู่มาจนครบ 10 ปีได้โดยที่เราและสามียังมีรอยยิ้มให้กันและเหมือนกับวันแรกที่เราได้รู้จักกันหรอกค่ะ เพราะไม่เคยหลงลืมหน้าที่ของภรรยา แม้ว่าจะมีลูกแล้วก็ตาม

-------------------------------------

(เพิ่มเติม 2)

จาก คหที่ 7 เราเคยลดน้ำหนักแบบผิดพลาด การเป็นคนรูปร่างเล็ก ไม่ได้หมายความว่า เราลดน้ำหนักได้เร็ว ง่าย อย่าดูถูกความพยายามของเรา อย่าคิดว่า เราลดได้อย่างง่ายดาย สบายมากเพียงเพราะเราไม่ใช่คนที่มีโครงร่างใหญ่ เพียงเพราะตลอดอายุ 30 ปี เราดูแลตัวเองไม่ให้อ้วนเกินกว่า 2 กิโลจากน้ำหนักตัวปกติ การลดน้ำหนักหลังคลอดบุตรที่มันเกินมาตั้ง 16 กิโล มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

-------------------------

การออกกำลังกายดีที่สุด เราได้ยินคำพูดแบบนี้มาตลอดระยะเวลากว่า 7 ปีที่ได้เป็นสมาชิกที่นี่ แล้วมีใครทำได้บ้าง ทั้งที่มันดีที่สุด เพราะวิถีชีวิตในปัจจุบัน ไม่ได้ทำให้คนออกกำลังกายทุกวันจนเป็นกิจนิสัย

เรารู้ว่า การออกกำลังกายมันช่วยลดน้ำหนักได้ มันดีต่อสุขภาพ แล้วมีใครทำมันได้สม่ำเสมอบ้าง เราเห็นมีคนทำเฉพาะตอนที่ตัวเองอ้วน ผอมก็หยุด ไม่ออกกำลังกายแล้ว แล้วมันจะแตกต่างอะไรกับ คนที่ลดความอ้วนโดยการอดอาหารแต่สุดท้ายไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินลดได้แล้ว แต่ก็กินเหมือนเดิม  มันก็กลับมาอ้วนเหมือนเดิม

ถ้าเลือกที่จะอดอาหารก็อดให้ตลอด
   เลือกออกกำลังกายก็ต้องออกกำลังกายให้ตลอด
   เลือกกินยาลดความอ้วน ก็จงกินให้ตลอด

ทั้ง 3 วิธี ไม่ว่าจะวิธีไหนก็ตาม ต้องทำตลอดไป ถ้าทำได้คุณก็จะไม่กลับไปอ้วนอีก แต่หากทำไม่ได้ พื้นฐานง่ายๆคือ เปลี่ยนพฤติกรรมการกิน มีวินัยในการกิน อย่ากินเหมือนเมื่อครั้งที่ยังอ้วนอยู่ กินได้แต่ให้รู้ว่ากินอะไร เมื่อไหร่ที่ควรกิน เมื่อไหร่ที่ควรพอ

เรียนรู้ว่า เรามีข้อบกพร่องตรงไหน แล้วเสริมส่วนขาดตรงนั้น คนที่อายุมากขึ้นการเผาผลาญไม่ดีและแย่ลง ก็เสริมเฉพาะส่วนนี้ ไม่จำเป็นต้องไปกินอะไรให้มากมาย บางคนเพิ่มระดับการเผาผลาญโดยการกินแค่ชาเขียวร้อน หรือ น้ำขิงร้อนก็เพียงพอแล้ว

--------------------------

จาก คห ที่ 14 สำหรับคุณแม่ที่ยังให้นมบุตรนะคะ... น้ำขิง(ไม่ผสมน้ำตาล), ไก่ต้มขิง น้ำอุ่น สิ่งเหล่านี้ทำให้ร่างกายของคุณแม่ที่ให้นมบุตรฟื้นตัวได้เร็วขึ้น และช่วยเพิ่มปริมาณน้ำนมให้ลูกด้วยค่ะ รวมทั้งทำให้ระบบการเผาผลาญดีขึ้น ช่วยให้คุณแม่ที่ให้นมบุตรอยู่น้ำหนักลดลงไปได้ ตลอด 10 เดือนที่เราให้นมลูกและปั๊มนม เราทานอาหารที่มีขิงนี่แหละ น้ำหนักเลยลดลงมาจาก 58.5 เหลือ 53 ค่ะ

ปล. ก่อนเราทานไก่ต้มขิง น้ำนมเราปั๊มได้ทั้งวันแค่ 2 ออนส์ คลอดน้องมา 14 วันแล้ว น้ำนมก็ยังไม่มา แต่หลังทานแล้ว ปริมาณน้ำนมของเราปั๊มได้วันละ 24 ออนส์

ขิงไม่ได้ทำให้น้องท้องเสียค่ะ ลูกเรากินนมได้ปกติ แข็งแรงดีค่ะ คุณหมอไม่เคยห้ามกินขิง เรากินตั้งแต่อยู่ที่ รพแล้ว แต่ตอนนั้นเป็นแค่ไก่ผัดขิงที่เราเขี่ยขิงทิ้งด้วยซ้ำ เพราะเราไม่รู้

น้ำขิงกินต่างน้ำเลยค่ะ ซดร้อนๆ น้ำนมมาดีมากๆ

-----------------------------

จาก คห ที่ 15,17,18 ... นี่คือ วิธีการปฏิบัติตัวเพื่อทำให้คุณลดน้ำหนักได้สำเร็จ เน้นให้อ่านตรงนี้ให้ละเอียดอย่าอ่านข้ามๆ เพียงเพื่อจะค้นหาแค่ว่า เรากินอะไรเป็นตัวช่วยนะคะ ขอร้องในจุดๆนี้

--------------------------

จาก คห ที่ 96 ... เตือนสติตัวเองกันอีกครั้งค่ะ

--------------------------

จาก คห ที่ 103 ข้อมูลของผลิตภัณฑ์ อ่านให้ดีก่อนหลังไมค์มาถามค่ะ หลายคนไม่ได้อ่านให้ละเอียดเลย ทุกคนรีบร้อนที่จะถาม สติหลุดหลายคนมากค่ะ ณ จุดๆนี้
จนเราห่วงว่า ทุกคนจะไม่สนใจเลยว่า เราทำตัวอย่างไรตอนลดความอ้วน  

ทุกคนคิดแค่ว่า เราลดได้เพียงเพราะ การกินอาหารเสริม ทั้งที่มันไม่จริง อาหารเสริมที่เรากิน ช่วยเพิ่มการเผาผลาญแต่ไม่ได้ทำให้เราน้ำหนักลดลง หากเรายังกินและปฏิบัติตัวเหมือนเดิม เต็มที่ก็คงเหมือนช่วงให้นมลูกคือ น้ำหนักไม่ลดลงจากเดิม แต่ก็ไม่เพิ่มขึ้นไปมากกว่านี้

---------------------------

อาหารเสริม ก็เหมือน รถยนต์ เครื่องซักผ้า มันแค่ช่วยผ่อนแรงให้เราไม่ต้องออกแรงเดินด้วยเท้าตัวเอง ออกแรงขยี้ด้วยมือตัวเอง และทำให้เราถึงจุดหมายได้เร็วขึ้น

แต่ถ้าตัวเราไม่สตาร์ตรถเอง ไม่เหยียบคันเร่งเอง ถ้าตัวเราไม่เทผงซักฟอกเอง ไม่เปิดปุ่มเพื่อให้เครื่องซักผ้าทำงาน ถามว่า รถคุณจะเขยื้อนไปถึงจุดทุ่งหมายนั้นได้เองหรือไม่ ถามว่า ผ้าที่ใส่ลงในถังซักมันจะสะอาดได้หรือไม่ คำตอบก็คือ ไม่

ดังนั้น ต่อให้มีตัวช่วยดีแค่ไหน แพงแค่ไหน ก็ไม่เกิดประโยชน์ หากตัวเราไม่ลงมือทำ

ขอขอบคุณที่ติดตามค่ะ

ปล. หลังไมค์ ตอบช้าบ้าง ขอโทษด้วยนะคะ ต้องทำงานค่ะ กลับบ้านก็เลี้ยงลูกเองด้วยค่ะ แต่จะพยายามหาเวลามาตอบค่ะ ส่วนใครที่เราไม่ได้ตอบกลับหรือเห็นว่าเงียบหาย ช่วยหลังไมค์หาเราใหม่นะคะ เรายินดีตอบคำถามทุกคนค่ะ เพียงแต่อาจจะเบลอเพราะมีคนถามข้อสงสัยเยอะอ่ะค่ะ

เราขอเป็นกำลังใจให้ผู้หญิงทุกคนค่ะ เราเชื่อว่า ทุกคนได้พยายามจนถึงที่สุดแล้ว ทุกคนมีวิจารณญาณในการเลือก ในการตัดสินใจ เราเคารพทุกการตัดสินใจ และขอให้ทุกคนอย่าหยุดฝันนะคะ

ขอเป็นกำลังใจให้ผู้หญิงทุกท่านค่ะ ผู้หญิงอย่าหยุดสวย และต้องสวยอย่างมีสตินะคะ ^O^



แก้ไขเมื่อ 30 พ.ย. 54 11:18:29

แก้ไขเมื่อ 28 พ.ย. 54 21:03:24

 
 

จากคุณ : แมวสีขาวขนปุย
เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 11:34:35




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com